Aggressive

9.8

เขียนโดย BDLoneR

วันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 17.24 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,640 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2557 17.32 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) บทที่ 1 ลูเนียส บุรุษผู้กล้าหาญ แบบทดสอบ ชั้นเรียน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 1

ลูเนียส บุรุษผู้กล้าหาญ แบบทดสอบ ชั้นเรียน

 

“โอ๊ย!! เจ็บๆ” เสียงของเด็กหนุ่มในที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ที่มืดมิดและอ้างว้างปราศจากผู้คน

           “ฉะ..ฉันอยู่ที่ไหนอีกล่ะเนี่ย??” เด็กหนุ่มเดินเลาะไปที่กำแพงไปสามถึงสี่ก้าวก็ได้พบกับสิ่งมหัศจรรย์ ที่ไม่รู้จักจบสิ้น

       สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเด็กหนุ่มมีแต่เครื่องยนต์ที่ลอยอยู่บนอากาศ บนอากาศนั้นแทบจะไม่มีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์อยู่เลย ไม่มีแม้กระทั่งต้นไม้ หรือที่ที่เรียกว่าสวนสาธารณะได้เลย จะเรียกว่าเป็นเมืองแห่งเทคโนโลยีเลยก็ว่าได้ แต่มีเพียงบางแห่งเท่านั้นที่ยังพอเป็นเมืองปกติได้ นั่นก็คือ คนเดินด้วยตัวเอง แต่ก็มีบางคนที่ใช้ยานพาหนะในการเคลื่อนที่

       เด็กหนุ่มพยายามขยิบตาหลายหน เขาพยายามคิดว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่มันก็เป็นเรื่องจริงเพราะเขาหยิกตัวเองมากเท่าไหร่ก็เจ็บมากขึ้นเท่านั้น

       เด็กหนุ่มก้าวขาของตัวเอง แล้วมองออกไปรอบๆ แล้วพรึมพรำกับตัวเอง

           “อะไรกันเนี่ย!! ฝืนกฏธรรมชาติชัดๆ... โอ๊ะ!!!” มีบางอย่างชนเขาเข้าอย่างจัง

          “เฮคายูซิน เฮเฮ” (ขอโทษจริงๆครับ ขอโทษๆ)

เป็นชายที่สูงประมาณ 170 ซม. ใส่ชุดคลุมหนาจึงทำให้มองไม่เห็นลักษณะบนใบหน้าของเขา

          “เฮ้ย!! นี่นายโดนชนอื่นแล้วไม่ขอโทษอีกรึไง แล้วก็พูดอะไรไม่รู้ ฟังไม่รู้เรื่อง!!”

     “เฮ..” (ขอโทษ..) ชายผู้นั้นพูด ก่อนที่จะหันหลังกลับไปแล้วก็เดินจากไป ปล่อยให้เด็กหนุ่มยืนอารมณ์บูดและทำสีหน้าอย่างกับปลาไหลตกส้วม

     “แปลกคนแฮะ..” เด็กชายถอนหายใจและพยายามระงับอารมณ์ตัวเองเอาไว้แต่ไม่ทันไรเรื่องกลุ้มก็เข้ามาหาอีกแล้ว

           “ชาเคมะ! ซะพาโงงันลิโฮกามาลือ!!” (เฮ้! นายคนนั้นน่ะยืนบื้ออะไรอยู่ จะสอบแล้วนะ!!)

       ชายสูง 172 ซม.อายุพอๆกับเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าของเขา ผมสีทองอร่าม นัยน์ตาสีทองเข้ม รูปร่างหน้าตาของเขาอยู่ในระดับหล่อใช่เล่นเลยทีเดียว มองดูแล้วเป็นคนที่มีนิสัยขี้เล่น สายตาของเขาในขณะนี้จ้องอยู่ที่เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างเอาจริงเอาจัง

“โอย.. กลุ้มๆ ฉันฟังไม่รู้เรื่อง!!” เด็กหนุ่มทำสีหน้าเครียดยิ่งกว่าเก่าแต่เด็กหนุ่มผมทองก็ยังทำสีหน้าเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

“ฟาคาขะงัดตะ?”(นายเด็กใหม่หรอกรึ?) แล้วเขาก็หยิบกระเป๋าของมาตรงหน้าและหยิบเม็ดสีรุ้งกลมๆขนาดเล็กยัดใส่ปากของเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขา

“โช..” (กลืน..)

แต่เด็กหนุ่มฟังเขาไม่รู้เรื่องอยู่ดี แต่โดยสัญชาตญาติของรสชาติที่หวานชวนกลิ่นก็อดไม่ได้ที่จะต้องกลืนมันเข้าไป

“ทีนี้ก็คุยกันรู้เรื่องซักที”

“เจ้านั่นมันเรียกว่า ‘คีน’ ฉันชื่อฟาคายซ์.. เอลเบิร์ด ฟาครายซ์ เรียกฉันสั้นๆว่าครายซ์ก็ได้ แต่ถ้าฉันไม่ได้กินเจ้านั่น จะเป็นอีกชื่อหนึ่งน่ะนะ แล้วนายล่ะชื่ออะไร”

“ธนัช พงษ์ไพรศรี ชื่อเล่นชื่อ คิง..” เขาตอบน้ำเสียงเรียบแต่ใจจริงแล้ว ในใจเขากำลังอึ้งอยู่กับสิ่งที่เขาเพิ่งกลืนมันไปเมื่อกี้

“ชื่อนายก็แปลกดีนะ.. เอาล่ะๆ! เราคงยืนอยู่ที่นี่คงไม่ได้แล้วล่ะตามฉันมา!!” เมื่อครายซ์พูดจบเขาก็จับมือคิงแล้วรีบตรงดิ่งไปสถานที่ที่เรียกว่า ‘โรงเรียน’

“นี่นายจะพาฉันไปไหนเนี่ย”

“เอ้านายมาที่นี่นายไม่รู้หรอกเหรอ??.. เราก็จะไปสอบเข้าโรงเรียนกันน่ะสิ..”

           “เฮ้ย!!.. เดี๋ยวดิจะให้ฉันไปสอบในที่แปลกๆเนี่ยนะเหรอ แล้วตัวฉันมาที่นี่ได้ยังไงฉันยังไม่รู้เลย แล้วอยู่ดีๆนายก็ลากฉันมาที่นี่ ทำไมนายไม่ไปคนเดียวล่ะมาช่วยฉันทำไม!!?? เดี๋ยวๆๆ ปล่อยๆฉันก่อนนนนน….!!!”

     “ทำไมน่ะเหรอ?? ฮึ!!.. คนอื่นเขาพยายามกันแทบตายกว่าจะมาที่นี่ได้ ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก ต้องอ่านหนังสือติวเข้มไม่ได้หลับไม่ได้นอน แล้วโรงเรียนที่นี่เป็นโรงเรียนที่ดังที่สุดในลูเนียสเลยก็ว่าได้ การรับนักเรียนจึงเป็นจำนวนจำกัดแค่ 5000 คนเท่านั้น แต่นายมายืนบื้อไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยฉันเลยมากระตุ้นให้นายยังไงล่ะ ถือว่าเป็นความหวังดีของฉันแล้วกัน!”

‘ไม่ถงไม่ถามความรู้ฉันซักคำ...’

       คิงรู้สึกอึ้งในคำพูดคำแรกของเขาซึ่งเขายังไม่ได้ทำอะไรเลยติวก็ไม่ได้ติว ฝึกฝนอะไรก็ยังไม่รู้เขาไม่รู้แนวทางของการสอบของโรงเรียนนี้ด้วยซ้ำ ในตอนนี้ในหัวของเด็กหนุ่มมีแต่คำถามเต็มหมด และในที่สุดเขาก็ถึงสถานที่ที่เรียกว่า ‘โรงเรียน’

         โรงเรียนคาลูนอสแห่งนี้ไร้ซึ่งคำว่า ‘ความล้าสมัย’ ทุกแห่งเต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและล้ำสมัยในทุกๆที่ ทุกๆมุมมองเลยก็ว่าได้ ไม่มีสัตว์ที่เรียกว่านก ไม่มีสัตว์ที่เรียกว่าสุนัข

“เอาล่ะทีนี้ก็ตามฉันมาได้แล้ว!!”

“ฮะ..เฮ้ เดี๋ยวสิ..” ยังไม่ทันที่คิงจะพูดอะไรครายซ์ก็ลาก เขาเข้าไปที่ในโรงเรียน

วืดดด...

           “เสียงอะไรน่ะ” ครายซ์หันมามองหน้าคิงให้ความหมายนัยๆว่านายได้ยินแบบที่ฉันได้ยินไหม คิงพยักหน้าตอบ ก่อนที่จะสาวเท้าเดินต่อไปอย่างรีบร้อนต่อไป

           “ขอตรวจบัตรประจำตัวสอบนักเรียนด้วยครับ” พนักงานที่ยืนอยู่ข้างประตูทางเข้าของโรงเรียน พูดขึ้น

           “นี่ครับ” ครายซ์ส่งแผ่นใสๆประเภทดิจิตอลเล็กๆ รูปร่างเป็นสีเหลี่ยมผืนผ้า ให้พนักงาน

           “ของนายล่ะคิง” ครายซ์ แบมือขอบัตรประจำตัวสอบนักเรียนของคิงเพื่อที่จะนำบัตรนักเรียนไปให้พนักงานตรวจ

           “เอ่อ.. เรื่องนั้นมัน.. ฉันไม่มีหรอกนะ” คิงเบนหน้าหนีแบบไม่รับผิดชอบ

    “ฮะ!!?? แล้วนายเข้ามาในโรงเรียนนี้ได้ไงเนี่ย กำแพงในโรงเรียนนี้สร้างด้วยเวทย์มนต์ปิดผนึกในตำนานหนาถึงห้าพันชั้นเชียวนะ เพื่อไม่ให้ พลังมืด หรือคนธรรมดาเข้าไปได้เด็ดขาด แล้วนายเดินเข้ามาแบบเฉยๆเนี่ยนะ นายเป็นใครกันแน่!!?? อย่าบอกนะว่านายคือเทพที่อาศัยอยู่ในร่างนี้นับพันล้านปีน่ะ?? หรือว่านายจะเป็นพลังมืด แฝงตัวมากันแน่??..”

     “พอๆ ฉันไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ นายไม่เคยจะถามฉันก่อนว่าฉันมาจากไหนแล้วมาที่นี่ได้ยังไง เฮ้อช่างเถอะ แล้วฉันจะกลับยังไงล่ะเนี่ย”

     “ไม่ยังงั้นนายก็ต้องเงียบๆไว้ เดี๋ยวฉันจะแก้ปัญหาให้ ถึงแม้ว่าฉันจะยังไม่หายข้องใจก็เถอะ แต่ฉันก็เชื่อใจนาย”

        คิงนึกใจว่า จะขอบคุณเขา หรือ ไม่ต้องดี เพราะในสถานการณ์ในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับชายหนุ่มผู้ไร้จุดหมายปลายทาง

“เอ่อ.. สงสัยผู้ปกครองเขามามอบแทนเด็กคนนี้แล้วมั้งครับ”

ครายซ์จ้องตาพนักงานเขม็ง ดวงตาของครายซ์เปลี่ยนเป็นสีม่วงในทันที ดูเหมือนว่าเขาจะพยายามทำสิ่งใดซักอย่าง

     “เอ้อจริงด้วยสิ งั้นเชิญครับ”

     ‘ง่ายๆงี้เลยเหรอ..?’

คิงงุนงงกับคำพูดเพียงเล็กน้อยที่ไม่สามารถที่จะเชื่อได้ภายใน 3 วินาที เขาก็ต้องทำใจเชื่อมัน แต่แล้วเขาก็ยังไม่หายข้องใจเกี่ยวกับคำพูดนั้นจึงหันกลับไปถามเพื่อนเกือบซี้ของเขา

“ทำไมนาย ถึงเอาตัวรอดได้ง่ายแบบนั้นล่ะ?”

“อ๋อ.. เรื่องเล็ก เพราะฉันมีความสามารถพิเศษที่มีมาแต่เกิดน่ะ ฉันสามารถอ่านอดีตได้และสามารถเข้าไปแก้ไขความจำส่วนลึกของคนได้ และอ่านอนาคตได้แค่บางครั้งและบางคนเท่านั้น แต่ว่านายเป็นคนแรกเนี่ยแหละที่ฉันอ่านอดีตของนายไม่ได้ ฉันก็งงอยู่เหมือนกัน ไม่งั้นฉันคงรู้ไปนานแล้วล่ะว่านายเป็นใครมาจากไหน..?”

คิงไม่เชื่อในคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย ในตอนนี้เขารู้สึกเวียนหัวอย่างบอกไม่ถูก เพราะต้องแต่ที่เขามานั้นไม่มีอะไรที่เป็นปกติเลย..

“งั้นนายก็สามารถแก้ไขอนาคตหรืออดีตได้น่ะสิมันมหัศจรรย์เกินไปแล้วมั้ง??”

“ไม่หรอกสิ่งที่ฉันทำได้ก็คือเปลี่ยนแปลงความทรงจำของคนเท่านั้น แต่เปลี่ยนแปลงเวลาจริงบน ลูเนียสนี้ไม่ได้ ฉันอาจทำได้ก็จริงแต่มันต้องแลกด้วยเลือดเนื้อหรือของสำคัญของฉัน”

ทั้งสองคนสนทนากันอย่างยาวยืด เมื่อถึงตึก ตึกหนึ่งทั้งสองฝ่ายก็ต่างเงียบไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นภาพตรงหน้า มีแต่เด็กนักเรียนที่ต่อแถวกับรับบัตรคิวสอบกันอย่างชุลมุน

ช่วยด้วย!!!!!!!

         ครายซ์หันไปมองด้วยความตื่นตระหนกและสงสัย จึงหันไปดูต้นเสียงที่ขอความช่วยเหลือ เขาเจอผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งนั่งร้องไห้อยู่ท่ามกลางความชุลมุนของผู้คน กับเด็กหนุ่มผู้หนึ่งตัวผมสูงกำลังวิ่งตรงมายังเขาในมือขวาของเขากำแน่นเหมือนถืออะไรที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิต

           “อย่าขวาง!!!” เด็กหนุ่มตะโกนใส่คิงที่กำลังยืนหันหลังให้เขาอยู่

           “อะไรกันนักกันหนาเนี่ย!!!!” คิงโกรธจนเลือดขึ้นหน้าด้วยความงุนงงและความวุ่นวายในชีวิตกับสถานที่ ที่ไม่มีแม้แต่ความปกติบนลูเนียสแห่งนี้ จึงทำให้คิงรู้สึกหงุดหงิดเป็นพิเศษ เขานึกในใจว่าถ้าหากใครคนหนึ่งมาเป็นที่รองรับอารมณ์ก็คงจะดีไม่น้อย แต่สุดท้ายก็ไม่ต้องหาที่ไหนไกลเลย เขาพลิกตัวอย่างรวดเร็วพร้อมกับศอกของเขาที่กำลังเท้าเอวอยู่ข้างลำตัว… กระทุ้งไปที่หน้าท้องของคนๆนั้นอย่างจัง!

ตุบ !!!!!!!

อั่ก!!!

เด็กหนุ่มที่วิ่งด้วยความเร็วสูงชนเข้าที่ศอกของคิงเข้าอย่างจัง เด็กหนุ่มผู้นั้นถึงกลับสลบลงไปนอนกับพื้นอย่างหลับไหลเหมือนหลับมาหลายร้อยปี เด็กหนุ่มแบมือในของที่เขากำอยู่ไว้แน่นออกมา

“คิง!! นายจับขโมยได้!!” ครายซ์ร้องอย่างตื่นเต้น

คิงยังยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ในขณะนั้นเด็กหญิงก็วิ่งมาแสดงการขอบคุณเป็นอย่างยิ่งกับการที่เขาได้จับหัวขโมยได้ รวมทั้งเด็กคนอื่นๆด้วยเช่นกันล้วนแสดงความยินดีด้วยการตบมือให้คณะอาจารย์ต่างก็กระซิบกันเป็นเสียงเดียวกันว่า

‘สงสัยปีนี้คงจะไม่น่าเบื่อซะแล้ว..’

แสงสลัวและผู้คนมากมายภายในห้องสีทองแห่งหนึ่ง ภายในห้องประดับด้วยทองคำแท้ล้วน โคมไฟและโปสเตอร์ประดับอย่างสละสลวย ต่างคนต่างตื่นเต้นกับผลสอบของตนเองที่สอบไป ในห้องนี้เป็นห้องพักของนักเรียนที่นั่งสอบมาแล้ว 4 ชั่วโมงติด

“เฮ้ออ.. เหนื่อยจังเลยน้า” เสียงโอดครวญของชายกลุ่มหนึ่งดังขึ้นมา ก่อนที่พนักงานสาวจะเดินมาเสิร์ฟอาหารตามสั่งให้ชายกลุ่มนั้น

ในขณะที่คิงกำลังเดินไปนั่งที่โซฟาลอยตัวหนึ่งก่อนจะหยิบหนังสือจากตู้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ข้างๆเขา มาอ่านไปพรางๆ

“ไง ทำข้อสอบได้รึเปล่า” ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาหาแตะไหล่เขาแล้วนั่งโซฟาลอยข้างๆเขา

“เฮ้อ.. ก็ต้องอาศัยโชคล่ะนะ แล้วนายล่ะครายซ์ ทำได้รึเปล่า” แม้เขาจะคิดในใจว่า ยังไงๆก็ไม่ผ่านเก้าสิบเก้าเปอร์เซนต์อยู่แล้ว ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งเปอร์เซนต์ก็คือโชคล่ะนะ

“ชิวมากเลยล่ะ ฉันติวที่บ้านเกิดของฉันยังยากกว่านี้เยอะเลย”

เมื่อทั้งคู่สนทนากันได้ไม่นาน เสียงเตือนจากนาฬิกาอิเล็กทรอนิกส์ก็ดังขึ้น ทำให้ทั้งคู่แยกย้ายกันไปสอบต่อในภาคปฏิบัติ

สถานที่ในภาคปฏิบัตินั้น เป็นห้องกว้างสีขาวห้องหนึ่งที่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งอะไรภายในห้องเลย มีเพียงแค่ผนังห้องที่หนาเป็น 10 เท่าของขนาดผนังห้องธรรมดาเท่านั้นที่ทำให้คิงแปลกใจมากที่สุด เมื่อเขาเดินไปเหยียบปุ่มสีแดงกลางห้องทำให้ห้องสีขาวกลายเป็นสีดำสนิทและปรากฏเส้นสีเขียวดิจิตอล ไปทั่วทั้งห้อง

“ยินดีตอนรับสู่บททดสอบภาคปฏิบัติค่ะ.. กำลังตรวจสอบผู้สมัครสอบค่ะ”

แสงเลเซอร์สีแดงพุ่งตรงมาที่หัวของชายหนุ่มและสแกนเลือนร่างตั้งแต่หัวจรดเท้า คิงนึกในใจว่า ‘ซวยแล้วไง แต่ว่าในภาคทฤษฎีทำไมครายซ์ให้เติมรหัสนั้นลงในข้อสอบนะ’

“รหัสผู้เข้าสอบ.. 171717 ชื่อเจ้าของหมายเลข ธนัช พงษ์ไพรศรี เตรียมตัวเข้าสู่สนามสอบได้ค่ะ ถ้าพร้อมแล้วให้กดปุ่มสีเขียวค่ะ”

‘เป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงรู้จักชื่อเราได้???’

คิงลังเลอยู่นานก่อนจะกดปุ่มสีเขียวที่อยู่ตรงหน้าเขา ปรากฏให้เห็นตัวเลขนับล้าน ล้อมรอบตัวชายหนุ่ม หลังจากนั้นก็มีตัวเลขสีเขียวหมุนไปหมุนมาเป็นตัวอักษร Waiting (รอซักครู่) และกระจายเป็นตัวอักษรใหม่เป็น Checking (ระบบกำลังทำการตรวจสอบ)

‘ที่นี่ใช้ภาษาอังกฤษด้วยรึ???’

“ระบบตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว.. เราจะทำการคัดสรรอาวุธให้เข้ากับเจ้าของหรือผู้ใช้แค่ชั่วคราวค่ะ”

บรรดาเลขนับล้านรวมตัวอยู่หน้าแบล็คเป็นกลุ่มใหญ่ 5 วินาทีต่อจากนั้นก็ก่อเกิดเป็นพายุตัวเลขลูกใหญ่และสลายตัวลงในที่สุด

สิ่งๆหนึ่งที่อยู่บนห้องกว้างค่อยๆล่วงหล่นลงมาอย่างช้าๆพร้อมกับแสงสว่าง คิงค่อยๆเอื้อมมือไปแตะสิ่งๆนั้น แสงสว่างจางหายไปอย่างช้าๆ ปรากฏให้เห็นสิ่งๆหนึ่ง และสิ่งๆนั้นก็คือ ถุงมือ

ถุงมือนั้นมีลักษณะเป็นหนังแท้ หลังถุงมือมีส่วนคล้ายเหรียญเงินขนาดใหญ่ติดอยู่กลางหลังถุงมือข้างในเหรียญเงินสลักสัญลักษณ์ที่เป็นรูปสัตว์ชนิดหนึ่งมีรูปร่างตัวคล้ายนก ฟีนิกซ์ส่วนหัวคล้ายนกอินทรีย์กำลังกางปีกอย่างองอาจ

“ถุงมือ??? มันเป็นอาวุธที่ไหนกันเนี่ย!!??” แต่คิงก็ต้องจำใจสวมอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อศัตรูในรูปแบบคอมพิวเตอร์พุ่งเข้ามาหาเขาแบบไม่ทันตั้งตัว

ศัตรูในรูปแบบคอมพิวเตอร์นั้นมีชีวิตเหมือนของจริงใส่ชุดเกาะอัศวินปิดมิดชิดจึงทำให้ไม่เห็นใบหน้าหรือเนื้อหนังตัวเลยมีเพียงตาที่เป็นแสงเลเซอร์สีแดง สิ่งที่ถืออยู่ในมือขวาคือดาบเงินใหญ่ส่วนในมือข้างซ้ายถือโล่ทองมีตราสัญลักษณ์เป็นรูปสิงโตยืนถือดาบ

ฟลุบ!!!

เสียงดาบผ่าอากาศเฉียดตัวชายหนุ่มไปอย่างหวุดหวิด สัญชาตญาณของเด็กหนุ่มในขณะนั้นบอกกับตัวเองว่าแค่หลบก็พอไหว แต่เมื่อดาบตวัดขึ้นลงไปมาไม่มีท่าทีจะหยุดคิงก็ต้องเปลี่ยนใจในทันที ในขณะนั้นคิงก็คิดในใจว่า ‘มันไม่ใช่มนุษย์.. มันไม่มีทางเหนื่อยได้ปกติถ้าโจมตีต่อเนื่องแบบนี้คงเหนื่อยไปต้องนานแล้ว สงสัยคงต้องเปลี่ยนเป็นไปใช้วิธีอื่น..’

เมื่อคิงคิดแผนที่จะจัดการกับหุ่นอัศวินนี้ได้ เขาก็รอการโจมตีถัดไปของมัน เมื่อมันใช้ดาบฟันเข้ามาอีกคิงก็เบี่ยงตัวหลบอย่างง่ายดายและกระโดดขึ้นไปบนหัวมันและใช้มือข้างซ้ายจับที่หัวของมัน และใช้มือขวาฟาดเข้าที่ต้นคอ แต่ทว่า..

ฟรี๊ดดด!!! ฟู่..

เสียงอัดอากาศจากข้างในตัวมันและมีควันออกจากชุดเกาะของมันซักพักก็ล่วงหล่นลงกองไปกับพื้นอย่างง่ายดาย คิงมองมันอย่างงงๆ ก่อนจะหันลงกลับและเดินออกจากห้อง

“Level 1 Complete เราจะทำการเปลี่ยนเป็นขั้นที่ 2 ค่ะ”

คิงหันกลับไปมองตัวเลขสองอย่างหน่ายๆ แต่คิงก็ต้องพบกับเรื่องที่คาดไม่ถึงตัวเลขสองกระพิบเป็นตัวเลขที่เก้าสิบเก้า ไม่กี่วินาทีมันก็หายไป

คิงใจจดใจจ่ออยู่กับสิ่งที่กำลังปรากฏ ตัวเลขนับล้านก่อตัวขึ้นเป็นศัตรูตัวใหม่ ทั้งตัวของมันมีลักษณะคล้ายหุ่นกระบอกสีขาวโพลนทั้งตัว

“นึกว่าจะตัวใหญ่กว่านี้ซะอีก” คิงกล่าวเยาะเย้ยแต่ตัวมันยังคงนิ่งอยู่กับที่ไม่รู้สึกรู้สาใดๆ

หุ่นกระบอกตัวนั้นโค้งคำนับคู่ต่อสู้ของตัวเอง และก้าวขาซ้ายไปข้างหลังไปเพียงนิดเดียว และใช้มือข้างขวากวักเข้าศัตรูเข้ามาหาตัวเอง เป็นสัญญาบอกว่าให้เข้ามาก่อนเลย..!!

‘เยาะเย้ยฉันเหรอ... หึ.. ก็ได้!!’ คิงค่อยๆก้าวเท้าขวาออกไปอย่างช้าๆแล้วและเดินออกไปข้างหน้า ไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็เปลี่ยนจากการเดินเป็นการวิ่งที่รวดเร็ว

คิงง้างหมัดซ้ายทำท่าจะอัดใส่เข้าที่หน้าแต่ด้วยกลอุบายในการต่อสู้จึงทำให้เขาเปลี่ยนไปใช้มือขวาสะท้อนหมัดกลับเข้าที่ท้องแทน แต่ทว่า!!!...

ถึงจะเป็นเวลาที่สั้นมากแต่มันก็รู้ถึงทวงท่าของคิง มันใช้มือข้างขวากันหมัดของเขา และเหมือนรู้ว่าคิงจะทำอะไรต่อไปมันหลบการโจมตีของเขาอย่างรวดเร็ว เขากระโดดหลบฉากออกมาเพื่อตั้งหลักในการโจมตีครั้งต่อไป

คิงนึกทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้มันราวกับว่ามันอ่านใจเขาออกได้ แต่ชายหนุ่มยังไม่ย่อท้ออุปสรรคเพราะเมื่อตอนที่เขาได้อยู่โลกมนุษย์นั้นมันหนักหนาสาหัสสากันขนาดไหน คิงพยายามนึกวีธีจัดการหุ่นกระบอกที่อยู่ตรงหน้าเขา

ในวินาทีต่อมาเมื่อคิงนึกวิธีที่จะจัดการกับหุ่นกระบอกได้ ชายหนุ่มตัดสินใจวิ่งเข้าหามันอีกครั้งแต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม เขาใช้ขาขวาสกัดขาทั้งสองข้างของหุ่นกระบอก มันเซล้มลงอย่างง่ายดาย เขาไม่รอช้ารีบง้างหมัดทั้งสองข้างต่อยเข้าที่หน้าของมันอย่างสุดกำลัง

ในขณะที่หุ่นกระบอกนั้นกำลังรับการโจมตีของคิงอย่างสบายใจราวกับว่ามีมดกัดยังไงยังงั้น มันจับกำปั้นของเขาที่กำลังต่อยหน้ามัน เหมือนมันกำลังจะบอกเขาว่า มุขตื้นๆแบบนี้ไม่มีทางใช้กับมันได้ผล และมันก็จับแขนของชายหนุ่มฟาดลงบนพื้นๆข้างๆตัวมันอย่างสุดแรง

อั่ก!!!

โลหิตสีแดงพุ่งออกมาจากปากของชายหนุ่ม และคิดในใจว่า ‘ทำไม!!?? ทั้งๆที่เราก็พยายามอย่างสุดฝีมือแล้วแท้ๆ ศัตรูตัวนี้แข็งแกร่งเกินไปสำหรับเรา!!’ แต่คิงก็ยังไม่ยอมแพ้ เขาลองทุกวิถีทางเพื่อที่จะกำจัดศัตรูตรงหน้าเขาให้ได้ แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด สภาพเขาในตอนนี้ แขนซ้ายที่ไม่มีเลี้ยวแรงแม้จะกำมือเพราะแขนซ้ายของเขาหักไปสองท่อนและขาขวาก็เช่นกัน

           ในขณะเดียวกันหุ่นกระบอกที่อยู่ตรงหน้าไม่มีแม้แต่ลิ้วลอยขีดข่วนอะไรแม้แต่น้อยมันแบมือและกวักมือเรียกหาอย่างเยาะเย้ย แต่คิงได้แต่มองมันอย่างโกรธแค้น

           ‘ทำไมฉันทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ..? เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรามาที่นี่ทำไม?? มาได้ยังไง?? และจุดมุ่งหมายของเราคืออะไร?? เราสู้เพื่อใคร? ตัวเราเองยังไม่รู้เลย...’ คิงค่อยๆหลับตาลงอย่างหมดสภาพและหมดสติลงไปในที่สุด

“นี่ฉันอยู่ที่ไหน?? นี่คงเป็นที่ที่เราจะไปสู่สุคติสินะ” ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆและเดินต่อไปเรื่อยๆในพื้นที่ที่แสนจะว่างเปล่า

“เธอยังไม่ได้ตายหรอก..” เสียงของชายปริศนาผู้หนึ่งดังขึ้นมาในโสตประสาทของคิง

“ใครน่ะ!!?? และที่นี่คือที่ไหนกันแน่!!??”

“ใจเย็นๆ ที่นี่คือสภาพในจิตใจของเธอเอง ที่เธอเห็นในขณะนี้ มันคือจิตใจของเธอเองก่อนสลบลงไป ดูข้างบนสิ”

คิงเงยหน้าขึ้นไปมองมีหมู่เมฆฝนอึมครึมเต็มอยู่ทั่วท้องฟ้า และมองไปข้างหน้าอีกทีกลับกลายเป็นความมืดสนิท

“ในสิ่งที่เธอเห็นบนฟ้าคือความหม่นหมองที่เธอมีอยู่ก่อนหน้านี้ เธอคิงคิดว่าเรามาทำอะไรที่นี่ มาที่นี่ได้ยังไง มันจึงเปรียบดั่งฝนฟ้าคะนองในความคิดของเธอในขณะนั้น ส่วนในทางข้างหน้าที่เธอเห็นเป็นความมืด คือสิ่งที่เธอคิดว่าเราไม่สามารถที่จะทำอะไรได้อีกแล้วมันจึงเป็นความมืดที่เดินไปไหนก็เต็มไปด้วยสิ่งที่มืดมิดหมดหนทาง”

“แล้วมันเกี่ยวกันตรงไหน?? ในเมื่อผมมาที่นี่โดยไม่มีจุดมุ่งหมายอะไรเลย??”

“เธอแน่ใจแล้วหรือ?? ที่เธอไม่มีจุดมุ่งหมายใดๆเลย” คิงยืนคิดอยู่นานกว่าจะถามกลับไป

“ผมไม่มีจุดมุ่งหมายมาตั้งแต่เกิดแล้ว..” คิงตอบในสีหน้าเรียบเฉย แต่ก็ไม่อาจจะปิดบังความเศร้าที่ตัวเองมีอยู่ต้องแต่เกิดได้

“เธอจำไม่ได้รึ?? งั้นฉันจะบอกสิ่งๆหนึ่งให้ จุดมุ่งหมายของเธอก็คือแม่ของเธอ และสิ่งอื่นๆในวันข้างหน้าต่อไป เธอจะต้องมีสิ่งๆหนึ่งที่จะต้องปกป้องไปตลอดชีวิต เจ้าจงอย่าย่อท้อต่ออุปสรรคต่างๆ...”

คิงดวงตาเบิกกว้าง และทำให้เกิดคำตอบขึ้นในใจในทันที ‘คำพูดนี้ เป็นสิ่งที่คอยตอกย้ำให้เราได้ก้าวต่อในชีวิตที่เลวร้ายแบบนี้เรื่อยมา… หากเราไม่ทำกับมันให้เต็มที่… แล้วใครล่ะจะช่วยเรา..?’

“ในเมื่อเธอคิดได้แล้วจงต่อสู้กับอุปสรรคข้างหน้า  จงปล่อยวางทุกสรรพสิ่ง ทำจิตใจให้นิ่งดั่งมหาสมุทร จงจำคำของข้าไว้”

“เฮ้!! เดี๋ยวสิผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย…!” แต่แล้วก็ไม่มีเสียงตอบรับจากสถานที่ใดๆเลย แต่คิงก็นึกขึ้นมาได้ว่า ‘น้ำเสียงของเขาเหมือนตอนที่ฉันฝันเลย คนเดียวกันรึเปล่านะ??’

คิงลืมตาในห้องที่เต็มไปด้วยความมืด และมีสิ่งๆหนึ่งกำลังก้าวเข้ามาหาเขา ชายหนุ่มพยายามเรียกสติตัวเองให้กลับมาอีกครั้งและพบกลับ หุ่นกระบอก!!! ศัตรูตัวฉกาจที่เล่นงานเขาถึงกลับลุกไม่ขึ้น!! ตัวคิงในตอนนี้ยังพอเครื่องไหวได้แค่แขนขวากับขาซ้ายเท่านั้น

ชายหนุ่มใช้ขาซ้ายปัดขาทั้งสองข้างของมันอีกครั้งแต่ไร้ผล คู่ต่อสู้ยืนมองหน้าเขาและจับเขาโยนไปอีกฝากหนึ่งของห้อง

อั่ก!!!

หลังของแบล็คชนเข้ากับกำแพงห้องเข้าอย่างจังเลือดสีแดงฉานทะลักออกมาจากปากของชายหนุ่มอีกครั้ง

เขาพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นมาอีกครั้ง ‘ฮึดสุดท้ายแล้วสินะ ยังไงฉันก็ได้สู้อย่างเต็มที่แล้ว’ คิงนึกในใจและยิ้มที่มุมปากก่อนจะสลัดความเจ็บปวดที่ตัวเองมีอยู่ทิ้งไปจนหมดสิ้น

เขาพยายามตั้งสมาธิใจจดจ่ดอยู่ที่อาวุธของตัวเอง และพยายามคิดว่ามันทำอะไรได้บ้างนอกเหนือจากถุงมือธรรมดาๆคู่หนึ่ง ชายหนุ่มค่อยๆปิดม่านตาของตัวเองอย่างช้าๆจนหลับสนิท พยายามสัมผัสสิ่งที่อยู่ในร่างกาย และคำพูดของชายปริศนาก็ปรากฏ

‘จงปล่อยวางทุกสรรพสิ่ง ทำจิตใจให้นิ่งดั่งมหาสมุทร’ คิงลืมตาขึ้นทันทีดวงตาสีดำสนิทเปลี่ยนเป็นดวงตาแห่งเปลวเพลิงสีฟ้าแล้วเหมือนมีพลังมหาศาลบางอย่างผลักจากด้านหลังของเขา จึงทำให้เขาวิ่งเข้าไปหาหุ่นกระบอกอย่างรวดเร็ว

ในระยะห่าง 100 เมตร ระหว่างชายหนุ่มกับหุ่นกระบอก แบล็คง้างหมัดขวาขึ้นเหนือหัว ในใจเขาคิดว่า ‘เจ้าหุ่นกระบอกนั่นคงนึกว่า ฉันคงเสียสติไปแล้วสินะที่สู้กันซึ่งๆหน้าแบบนี้ แต่ยังไงซะมันก็ลงเอยด้วยแบบเดิม แต่ฉันจะทำให้การต่อสู้นี้ไม่เสียเปล่าแน่นอน!!’

ย๊ากกก!!!

ระยะห่างระหว่างชายหนุ่มกับหุ่นกระบอกอยู่ที่ 30 เมตร 20 เมตร 10 เมตร 1 เมตร... แบล็คหลับตาปี๋ เขาไม่อยากรับรู้ว่าในการปะทะครั้งสุดท้ายนี้ตัวเขาจะเป็นยังไง แต่แล้ว...

วี๊ดดดด บึ่มมม!!!!

แสงสว่างชวนแสบตาสถานการณ์ในตอนนี้เดาไม่ออกเลยว่าทั้งคู่จะมีสภาพยังไง แสงสว่างจางลงมาเรื่อยๆ คิงล้มลงกับพื้นและตรวจสอบตัวเองว่ายังครบ 32 ส่วนหรือไม่เมื่อเขายังเห็นว่าตัวเองยังมีสภาพที่ครบอยู่ก็มองไปที่ภาพเบื้องหน้า เขาเบิกตากว้าง อ้าปากหวอ กับสิ่งที่ตัวเองเห็นอยู่ข้างหน้า มันแทบจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อในสายตาตัวเองเลย

ภาพที่คิงห็นอยู่เบื้องหน้านี้ คือสภาพของหุ่นกระบอกที่หักเป็นส่วนๆไม่มีชิ้นดีส่วนของท่อนหัวร่วงลงมาบนพื้นอย่างน่าอนาจ ที่กำลังอยู่ในสภาพนั่งพิงผนังห้อง

“Level 99 Complete ผ่านการทดสอบด้านปฏิบัติแล้วค่ะ ระดับของคุณในการทดสอบในครั้งนี้คือ S ค่ะ ขอแสดงความยินดีกับผู้สอบด้วยค่ะ”

หลังจากที่เครื่องอิเล็กทรอนิกส์พูดจบห้องสีดำก็กลายเป็นสีขาวดังเดิม เส้นสีเขียวดิจิตอลก็ค่อยๆจางหายไป ถุงมือและหุ่นกระบอกก็ค่อยๆหายไปเช่นกัน ปรากฏให้เห็นสภาพห้องในขณะนี้ที่เป็นรอยร้าวบุบลงไปเกินความจริง

คิงลุกขึ้นจากพื้นอย่างทุลักทุเล และล้มลงกับพื้นอีกครั้ง ม่านตาของเขากำลังปิดลงช้าๆ จากนั้นก็สลบไปในที่สุด…

ลมเอื่อยๆพัดเข้ามาในห้องอันสงบเงียบผ่านหน้าต่างที่มีม่านพิ้วไหวไปตามกระแสลม ชายหนุ่มผู้หนึ่งที่กำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องอันสงบเงียบนี้ค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ

ชายหนุ่มมองไปรอบห้องก็สังเกตได้ว่าเขาอยู่ในห้องพยาบาลที่มีม่านสีฟ้าอ่อนปกคลุมอยู่รอบด้าน หลังจากที่คิงลุกขึ้นจากเตียงนอนและแหวกม่านออกไปทั้งสองทิศทาง ก็ได้พบกับหญิงสาวผู้หนึ่ง กำลังนั่งทำงานอยู่ที่มุมห้อง

หญิงสาวอายุราวๆ 22 ปี ผิวขาวเนียน ผมยาวสลวย ดวงตาข้างซ้ายเป็นสีชมพู ข้างขวาเป็นสีฟ้าอ่อนๆ น้ำหนักและส่วนสูงเข้ากับรูปร่างหน้าตาของเธอเป็นอย่างมาก นับได้ว่า เธอเป็นหญิงสาวที่สวยมากเลยทีเดียว

“อ้าวตื่นแล้วเหรอจ๊ะ?? เป็นไงบ้าง?? หายดีรึยัง??”

“ครับผม.. ก็สบายดีแล้วครับ ไม่เป็นอะไรมากแล้ว ว่าแต่ว่าขณะนี้ผมอยู่ที่ไหน และ นักเรียนที่สอบล่ะครับ”

“อ๋อ ตอนนี้เราอยู่ห้องปฐมพยาบาลสำรองของโรงเรียนน่ะ เลยเป็นห้องธรรมดาไปนิด ถ้าเจ็บหนักก็ต้องไปอีกที่ที่หรูกว่านี้อ่ะจ่ะ ส่วนเรื่องนักเรียนไม่ต้องเป็นห่วงจ่ะ พวกครูทำการขอตัวไว้ก่อนแล้ว มีเธอคนเดียวนี่แหละที่ได้รับบาดเจ็บหนักที่สุด เพราะเกิดความขัดข้องของระบบ แล้วอีกอย่าง เธอรอดมาได้ยังไงเท่านั้นแหละ”

หญิงสาวพูดแบบสบายๆ และยกนิ้วชี้ขึ้นมาตรงหน้า ถ้วยกาแฟก็ลอยมาหาแบบงงๆ เธอจับถ้วยนั้นและจิบกาแฟที่อยู่ในถ้วย จากนั้นเธอก็นั่งไขว่ห้างในซึ่งเป็นท่าที่ดูดีเข้ากับบุคลิกของเธอมากทีเดียว

“ผมก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมายหรอกครับ ใช้แค่ทักษะที่เคยเรียนมาตั้งแต่เด็ก”

“เหรอ?? คงจะซ้อมหนักน่าดูเลยนะ รู้ไหมเธอสอบผ่านทั้งภาคทฤษฎี และปฏิบัติด้วยนะ ในภาคทฤษฎีเธอได้ที่ 2 จาก 45,599 คนจ่ะ ส่วนภาคปฏิบัติได้ที่ 1 จ่ะ ยินดีด้วยนะ เธอเก่งจริงๆ”

“เอ๋!!!! มะ..ไม่น่าเชื่อเลยแฮะ…?”

“ว่าแต่ว่าอาจารย์รู้ได้ยังไงครับว่าผมชื่ออะไร??”

“เธอบาดเจ็บหนักคนเดียวและได้ที่ 1 ในภาคปฏิบัติใครจะไม่รู้จักเธอล่ะจ๊ะ”

“จริงด้วยนะครับแฮะๆ แล้วอาจารย์ชื่ออะไรเหรอครับ??”

“อาจารย์ชื่อ โมเดล พานิกซ์ จ่ะถ้าเธอหายดีแล้วเดี๋ยวอาจารย์จะไปส่งที่ห้องทะเบียนให้นะจ๊ะ”

“ครับผม..ขอบคุณมากๆครับ”

“ไม่เป็นไรจ่ะ เธอก็หล่อดีเหมือนกันนะ คิกๆๆ”

‘เกิดมาไม่มีใครชมว่าหล่อเลยนะ.. สังหรณ์ใจยังไงก็ไม่รู้สิ’ คิงคิดในใจ

ทั้งสองคนสนทนากันตามภาษาผู้ใหญ่กับเด็กมาได้ซักพัก ก็หยุดการสนทนาลง และโบกมือลากันเมื่อได้มาถึงที่หมาย คิงสังเกตเห็นภายนอกของห้องทะเบียนมีบางอย่างที่ผิดแปลกไปจากโรงเรียนทั่วไปคือ ลักษณะของห้องและความทันสมัยของห้องชายหนุ่มลังเลอยู่ซักพักก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งก็ก้าวเท้าเข้าไปที่หน้าประตู

       เส้นหลากหลายสีสันสเกนตัวของเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนที่ประตูจะเปิดออกทั้งสองข้างและมีเสียงพูดขึ้นมาว่า “ยินดีต้อนรับค่ะ”

         ภายในของห้องทะเบียนหรูหราแบบไม่มีที่ติ ทั้งเคาน์เตอร์ ชั้นหนังสือ โซฟา โต๊ะ หน้าต่าง ล้วนไม่ใช่ของธรรมดาทั้งนั้น คิงมุ่งหน้าไปที่เคาน์เตอร์ด้านตรงข้ามกับประตูและถามพนักงานฝ่ายทะเบียนทันที

“เอ่อ.. เด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามาสอบต้องทำอะไรบ้างเหรอครับ”

“เธอชื่ออะไรจ๊ะ??”

     “ธนัช พงษ์ไพรศรี ครับ”

“รอซักครู่นะคะ..”

         พนักงานฝ่ายทะเบียนได้หยิบแผ่นคล้ายกระจกใสๆมีขอบเป็นเหล็ก และใช้มือทั้งสองข้างบีบให้เล็กลงจนมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า

           “เรียบร้อยแล้วค่ะ ข้อมูลในตัวของเธออยู่ในแผ่นโปรซิสนี้แล้ว จำนวนฟิวส์ของเธอจะอยู่ที่ 1,000 มาลิว ที่โรงเรียนได้ทำการมอบให้นักเรียนที่ผ่านการสอบในครั้งนี้ค่ะ ไม่เข้าใจอะไรก็อ่านคู่มือนี่ก็ได้ค่ะ” เมื่อพนักงานฝ่ายทะเบียนพูดจบก็ยื่นแผ่นโปรซิสและคู่มือการใช้แผ่นโปรซิสไว้บนเคาน์เตอร์ คิงก็ก้มลงอ่านคู่มือที่เขาให้มา

...คู่มือการใช้แผ่นโปรซิส...

EXPerience(EXP.)คือค่าประสบการณ์ของผู้ใช้โปรซิสนี้ ยิ่งผู้ใช้ได้รับการฝึกฝนมากขึ้นเท่าไหร่Level(Lv.)ของผู้ใช้ก็มากขึ้นเท่านั้น นั่นก็คือความแข็งแกร่งของผู้ใช้ที่เพิ่มมากขึ้น และทุกๆครั้งที่ Lv. ของผู้ใช้มากขึ้น ค่า Physical fitness(Pf.) ก็มากขึ้นเท่านั้น นั่นคือสมรรถภาพทางกายของเราเช่น ค่า Strength(Str.) ตัวนี้คือความแข็งแกร่งของร่างกายยิ่งเพิ่มมากแค่ไหนศัตรูยิ่งโจมตีเราไม่เข้า Assault(Ast.) คือทักษะการจู่โจมยิ่งเพิ่มมากเท่าไหร่พลังการโจมตียิ่งมากขึ้นเท่านั้น Agility(Agi.)คือความว่องไว ยิ่งเพิ่มมากเท่าไหร่ศัตรูจะมองความเคลื่อนไหวของเราไม่ทันมากเท่านั้น Magic(Mg.)คือพลังเวทย์มนต์ ยิ่งเพิ่มมากเท่าไหร่ก็ยิ่งใช้ Skillได้มากขึ้นเท่านั้น Rage magic(Rm.) คือความแรงของพลังเวทย์ หรือ ความแรงที่เรานำ Skillขึ้นมาใช้ และถ้ายิ่งเพิ่มก็ยิ่งเพิ่มอัตราการใช้ไม้ตายของผู้ใช้อีกด้วย เป็นต้น ส่วนในเรื่องของการใช้ Skillหรือท่าแต่ละท่า ก็ต้องได้รับการยอมรับจากพลังของตัวเอง หรือ สายของตัวเองด้วย ถ้าใช้ Skill ต่างสายของตัวเอง ก็จะเหมือนกับการทำร้ายตัวเอง โดยการนำ Hit Point(HP.) เลือดของตัวเองมาใช้แทน Mana Points(MP.) พลังเวทย์มนต์ของตัวเองที่มีอยู่ ในการหาซื้อ Skillหาซื้อได้ที่ร้านทั่วไป(ในหัวข้อนี้แล้วแต่ความสามารถของผู้ใช้)ส่วนในเรื่องการเก็บหรือใช้แผ่นโปรซิสนั้น เป็นไปสดวกและรวดเร็วเพียงกดปุ่มสีฟ้าจะเกิดย่อขนาดลง เมื่อกดปุ่มสีแดงก็จะแสดงข้อมูลหรือโปรไฟล์ทั้งหมดของเจ้าของ

...ขอบคุณที่ใช้บริการ...

       คิงได้อ่านคู่มือแบบงงๆ และทำการกดปุ่มสีแดงที่แผ่นโปรซิส ปรากฏแผ่นจอมอนิเตอร์ประมวลภาพแบบใหญ่ ชายหนุ่มตาค้างซักครู่ก่อนที่จะเดินไปสัมผัสมัน

           “คุณได้เข้าสู่โปรไฟล์ของคนแล้ว กรุณาสร้าง ID และ Passwordของผู้ใช้ใหม่ด้วยค่ะและกรุณาเลือกที่ช่อง IDและ Passwordก่อนที่จะเลือกตัวอักษรทุกครั้ง”

ชายหนุ่มทำหน้าเหวอและคิดในใจว่า ‘ทำไมที่นี่ใช้ภาษาอังกฤษ’ ชายหนุ่มไม่รอช้า เขาใช้นิ้วของเขาสัมผัสกับตัวอักษรต่างๆจนได้แบบฟอร์มหลังจากที่ทำตามคำสั่งของแผ่นโปรซิส

ID : KingPin

Pass : RTW3113

“การกรอกข้อมูลเสร็จสิ้น ยินดีต้อนรับสู่โปรไฟล์ของท่านค่ะ”

คิงดูรูปของตัวเองในโปรไฟล์พร้อมกับอาการช็อคกับใบหน้าของตัวเอง ที่พบว่าผมของเขาตอนนี้กลับกลายเป็นสีฟ้าเข้มสลวย สีผิวขาวผ่องใสดุจสำลี ดวงตาทั้งคู่เปลี่ยนกลายเป็นสีทองอร่าม เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเขาพยายามเข้าหาโหมด mirror ในทันที และนั่นเป็นสิ่งที่พูดไม่ออกเลยจริงๆเพราะสิ่งที่เขาเห็นนั้นเป็นเรื่องจริงสุดท้ายแล้วเขาก็ต้องยอมรับความเป็นจริงในความแปลกของลูเนียสนี้ไม่เป็นอันสิ้นสุด..

‘มีบางสิ่งบางอย่างทำให้ฉันเปลี่ยนไปงั้นเหรอ..?’

จากนั้นเขาพยายามไล่หาห้องและเลขที่ของตัวเองจนเจอ เขาใช้นิ้วกดที่ปุ่มสีน้ำเงินเพื่อเก็บโปรซิสของเขา และรีบมุ่งหน้าตามข้อมูลที่ให้ไว้ทันทีจนมาหยุดที่ห้องของตัวเองซึ่งห้องของเขาก็คือ 1-1S เขาสูดหายใจเข้าไปเฮือกหนึ่งก่อนจะใช้นิ้วของตัวเองกดไปที่แป้นสีน้ำเงินข้างประตู และขึ้นตัวอักษรสีเขียวว่า Pass จากนั้นชายหนุ่มก็เลื่อนประตูออกไปทางด้านซ้าย

ภายในห้องดูเงียบสงัดถึงแม้ว่าจะมีเด็กนักเรียนอยู่เกือบครบแล้วก็ตาม โต๊ะและเก้าอี้ที่ทำการจัดเรียงอย่างดีเยี่ยมได้จัดเรียงอย่างเป็นแถวดูเป็นระเบียบเรียบร้อย หน้าห้องแทนที่จะเป็นกระดาษดำหรือไวท์บอร์ดแต่กลับไม่มีเป็นผนังว่างๆสีขาวๆดูสะอาดตา อากาศภายในห้องเย็นยะเยือก มีแต่เพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศที่ยังคงดังอยู่ในโสตประสาทของนักเรียนทุกคนในห้อง

ไม่แปลกเท่าไหร่ที่ห้องเรียนนี้จะเงียบสงัดปราศจากเสียงใดๆ เพราะนักเรียนในห้อง 1-1S นั้นมีเพียงแค่ 8 คนเท่านั้น ซึ่งทำให้คิงประหลาดใจอย่างมากแต่ก็ต้องสลัดความคิดความนี้ทิ้งไปทันทีที่เขาได้เดินมาถึงหน้าห้องเพื่อหาที่นั่งของตัวเอง

คิงล้วงโปรซิสของเขาออกจากกระเป๋ากางเกงเพื่อทำการตรวจสอบว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมง ในขณะนี้เป็นเวลา 07.55 น. เขาจัดแจงหาที่นั่งของตัวเอง จนสุดท้ายก็ต้องลงเอยด้วยหลังห้องริมหน้าต่างด้านซ้าย แต่หน้าต่างแต่ละบานไม่ได้เปิดออก ชายหนุ่มนึกในใจว่าห้องนี้สงสัยคงจะเป็นห้องปิดตายเป็นแน่ แต่คิงก็ต้องสงสัยว่าทำไมอากาศมันถึงเย็นขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีแม้กระทั่งหน้าต่างที่ถูกเปิดออก

จวบจนถึงเวลาทุกคนในห้องก็แยกย้ายกันนั่งที่นั่ง ที่ตัวเองชอบ เมื่อเสียงประตูห้องเปิดอย่างช้าๆ ในห้องที่ดูเงียบกริบอยู่แล้ว ก็เงียบยิ่งกว่าป่าช้า

อาจารย์หญิงอายุราว 21 ปี มีทรงผมสีแดงปนน้ำตาลสลวย ยาวถึงเอว อกอวบได้ทรงกับรูปร่างที่ผอมเพียวของเธอ นิสัยชอบเป็นห่วง รูปร่างหน้าตาจัดว่าน่ารักมากทีเดียว

“อ้าว!!.. ทุกๆคนอาจารย์จะแนะนำตัวก่อนนะจ๊ะ อาจารย์ชื่อ โซไซตี้ โล้ค เดี๋ยวอาจารย์จะเริ่มเช็คชื่อก่อนเลยนะจ๊ะ เริ่มจากคนแรก เอ่อ.. ธนัช พงษ์ไพรศรี จ่ะ”

คิงยกมือขึ้นพร้อมขานรับ แต่ทันทีทันใดเจ้าตัวก็รู้ตัวเลยว่าเขานั้นโดนจ้องมองจากคนทั้งห้องด้วยสีหน้าและแววตาเดียวกัน

เมื่อการเช็คชื่อจบลง อาจารย์และนักเรียนก็ทำความคุ้นเคยกันตามภาษาเด็กและผู้ใหญ่ และแล้วเวลาที่ตื่นเต้นก็มาถึงคือช่วงเวลาที่หมดชั่วโมงแรก..

ทุกๆคนในห้องลุกจากที่นั่งของตัวเองมาลุมที่โต๊ะของคิงเพียงคนเดียวและถามไถ่ความเป็นมาของการสอบภาคปฏิบัติ ส่วนสาวๆที่อยู่ข้างห้องก็ยืนกรี๊ดกร๊าด เหมือนเห็นเขาเป็นดาราเกาหลีก็ไม่ปาน

‘ขาดออกซิเจนจริงๆ...’ คิงคิดในใจอย่างกังวลว่าเขาคงจะตายอยู่ห้องเรียนนี้เป็นแน่ ช่วงเวลาที่น่าจะดีใจที่มีคนยกย่อง แต่ชายหนุ่มไม่ได้คิดแบบนั้นอยู่หัวสมองเลย และแล้ว..

“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคนที่ชื่อ ธนัช พงษ์ไพรศรี อยู่ในห้องนี้รึเปล่าครับ?”

“อยู่ในนี้ครับ..” เสียงของคิงขานรับขึ้นทันใดสำหรับเขาในตอนนี้แล้วเหมือนเสียงระฆังสวรรค์เลยทีเดียวเขาพยายามมุดจากวงแคบๆออกมาทุกคนในห้องจ้องชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าห้องด้วยสายตาไม่พึงพอใจอย่างยิ่ง

“ท่านผอ.ขอพบครับ..” เด็กหนุ่มหน้าตาคุ้นๆ สำหรับคิงเป็นใครไม่ได้นอกจาก..

“ฟาครายซ์!”  คิงดีใจจนพูดไม่ออก และนึกในใจว่า ‘บุญคุณนี้จะไม่ลืมเลย’

“ไง..” ครายซ์โบกมือส่งสัญญาณ พร้อมกับส่งสายตาอันแปลกประหลาดมาให้เขา ซึ่งเขาเดาไม่ออกเลยว่าเพื่อนของเขานั้นกำลังคิดอะไรอยู่

“เสน่ห์แรงไม่เบาเลยนะ หน้าตายนายดูเปลี่ยนไปเยอะนะ เหมือนคนละคนเลย..? ไปเจออะไรแปลกๆมาอีกสิท่า ฉันจะไม่ถามนายจุกจิกหรอกนะ ฮ่าๆๆ”

“เอ้อ..! นายไม่ได้อยู่ห้องนี้หรอกเหรอ” คิงพยายามเปลี่ยนเรื่องให้ได้เร็วที่สุด

“ฉันอยู่ห้องเดียวกับนายแต่นายมองฉันไม่เห็นเอง”

คิงมองตาค้าง

เมื่อทั้งคู่ออกมาจากห้อง คิงก็มุ่งหน้าไปที่ห้องผอ.ของโรงเรียนโดยมีเพื่อนที่ช่วยชีวิตเขาเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วนำทาง ทั้งคู่หยุดเดินเมื่อพบว่าห้องของผู้อำนวยการอยู่ข้างหน้าพวกเขาสองคน

“ฉันมาส่งแค่นี้ล่ะนะ ขอให้โชคดี”

“หมายความว่ายังไงโชคดี?? ดะ..เดี๋ยวก่อนสิ” ก่อนที่แบล็คจะพูดอะไร ฟาครายซ์ก็หันหลังเดินหนีไปเสียแล้ว

“เอาล่ะวะ! หวังว่าเราคงไม่เจออะไรแปลกๆอีกนะ...” แบล็คพูดกับตัวเองก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปในห้องของผู้อำนวยการในใจของเขาภาวนาว่า ‘คงจะไม่มีเรื่องที่ต้องคิดมากไปมากกว่านี้แล้วนะ’ แต่เขาก็ต้องถอนคำพูดทันทีเมื่อได้ยินเสียงของผู้อำนวยการโรงเรียนเรียกเขาว่า

“ยินดีต้อนรับ เจ้าชายอีสแทนเบิร์ก แห่งราชวงศ์ที่ 19”

_______________________________________________________________________________



 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา