มาเฟียสุดเฟี้ยวกะยัยเปรี้ยวสุดบ้า
เขียนโดย Akademi
วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 18.45 น.
แก้ไขเมื่อ 3 เมษายน พ.ศ. 2557 21.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) ลาก่อน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 10
กริ๊ง กริ๊ง ~ ระหว่างรอให้คนมาเปิดประตู ฉันตัดสินใจหยิบแป้งขึ้นมาโบ๊ะหน้าทันที เพื่อปิดคราบน้ำตาที่ไม่อยากให้ใครเห็น และเวลาก็ผ่านไปแล้วประมาณ 2 นาทีทำไมยังไม่มีคนมาเปิดนะ!!
กริ๊ง กริ๊ง ~
“มาแล้วครับ ~” ชิ! บิ๊กกัฟนี่แกมั่วแต่อ่านหนังสืออยู่หรือไงนะ ขนาดเดินมาเปิดประตูมันยังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออย่างเดียว โดยไม่สนใจฉันเลยด้วย เหอะ! ขอให้แกสะดุดขาตัวเองล้ม โทษฐานที่แกเมินฉัน
โครม!
“โอ๊ย!” ว่าแล้วเชียว!! พูดยังไม่ทันขาดคำ พรของฉันก็เป็นจริงซะแล้ว เพราะตอนนี้บิ๊กกัฟล้มไปนอนกับพื้นด้วยท่ากบตากแดด โดยมีหนังสือหล่นลงมากระแทกหน้าปิดท้ายได้อย่างสวยงาม
“ฮ่าๆ ไอ้น้องเซ่อ ^0^”
“พี่เจมิน!!” เมื่อฉันหัวเราะเยาะในความโง่ของบิ๊กกัฟเสร็จ น้องชายสุดที่รักของฉันก็รีบลุกขึ้นมาเปิดประตูให้อย่างไวเหมือนกลัวฉันจะหายไปซะงั้นล่ะ
แอ๊ด ~
“ถ้าพี่เจมินมาน่าจะโทรมาบอกก่อนนะ”
“ถ้าพี่โทรบอกแล้วพี่จะได้เห็นท่าแกเมื่อกี้เหรอ ^^”
“พี่เจมินอ่ะ -///-” ฮ่าๆ ^0^ อยากจะหัวเราะให้โลกสนั่นไปเลยเว้ย เพราะท่าทางของบิ๊กกัฟที่กำลังเขินตลกชะมัดเลย แต่ฉันตัดสินใจที่จะไม่หัวเราะเพราะเดี๋ยวบิ๊กกัฟมันงอนเอาน่ะสิ
“วันนี้พ่ออยู่บ้านใช่ไหม”
“อืม วันนี้เป็นวันหยุดของพ่อ”
“ดี วันนี้ฉันจะนอนค้างคืนที่นี้สักคืนนะ คิดถึงบ้านจะแย่ ^^” ฉันที่กำลังจะเดินข้าบ้าน บิ๊กกัฟก็จับมือฉันพร้อมทั้งถามด้วยน้ำเสียงที่สลดที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินมา
“พี่ไปทำงานที่นั่นเหนื่อยมากไหม”
“ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไรหรอก ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า เดี๋ยวพี่จะต้องไปเรียนต่อที่เมืองนอกแล้วจะไม่ได้เจอแกอีกตั้ง 4 ปี ฉันก็อยากทำอะไรให้แกบ้างก่อนไป เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลหรอก ^^” ฉันพูดออกมาโดยพยายามหุบยิ้มให้ได้มากที่สุด เพราะนานๆ ครั้งฉันจะพูดอะไรๆ แบบนี้ออกมา
“ครับ ^^ ว่าแต่ทำไมตาพี่ถึงได้แดงล่ะ 0_o” นี่แกจะช่างสังเกตไปไหมเนี่ย ฉันอุตส่าห์โบ๊ะหน้าอย่างหนาแล้วนะเนี่ย
“เอ่อ.. สงสัยเมื่อกี้ยืนตากแดดนานไปหน่อย แดดก็เลยส่องเข้าตามันก็เลยแดงอย่างนี้แหละมั้ง”
“อ่อ.. งั้นเราเข้าไปหาพ่อกับแม่กันเถอะ”
“อืม” เฮ้อ! ฉันเหนื่อยที่จะต้องปกปิดแล้วนะ แต่ยังไงซะเรื่องมันก็ใกล้จะจบแล้วเพราะอีกไม่นานฉันก็ต้องไปเรียนต่อที่เมืองนอก ก็คงไม่ต้องมาปวดหัวกับเรื่องนี้อีกแล้วล่ะ เมื่อเข้ามาถึงในบ้านฉันก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อเห็นพ่อกับแม่กำลังบ่นคิดถึงฉันอยู่
“พ่อค่ะ แม่ค่ะ ^^”
“เจมิน! / เจมิน!0_0 มาตั้งแต่เมื่อไร”
“เมื่อกี้เองค่ะ”
“ทำไมไม่โทรมาบอกพวกเราก่อน แล้วอยู่ที่โน้นเป็นไงบ้าง เหนื่อยมากไหม เจ้านายโหดหรือเปล่า ถ้าเหนื่อยก็กลับบ้านได้นะลูก และก็.... ”
“พ่อค่อยๆ ถามได้ไหมค่ะ หนูตอบไม่ทันแล้วนะ -_-‘ ”
“เอ่อ..พ่อเป็นห่วงมากไปหน่อยน่ะ”
“ทำงานที่นั่นก็ไม่เหนื่อยมากหรอกค่ะ เจ้านายก็ใจดีดี๊ แถมวันหยุดก็เยอะค่ะ” ฉันเน้นตรงคำว่าใจดีดี๊เป็นพิเศษ เพื่อตอกย้ำตัวเองว่าเจ้านายของฉันใจดีอย่างกับเสือแค่ไหน -_- ฉันมองหน้าพ่อที่ตอนนี้ดูดีขึ้นกว่าเมื่อกี้เยอะ สงสัยเมื่อกี้เป็นห่วงเรามากไปหน่อย พอโล่งใจหน้าก็เลยโล่งไปด้วย
“อืม... ใกล้เวลาที่ลูกจะต้องไปเรียนต่อที่เมืองนอกแล้วนะ ลูกควรจะเลิกทำงานแล้วมาเตรียมตัวดีกว่านะ” นั่นสินะ อีกไม่นานฉันก็ต้องออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้ว ฉันไม่เคยบอกฮาเดสเลยว่าฉันจะต้องไปเรียนต่อที่เมืองนอก แต่ยังไงซะมันก็คงไม่จำเป็นหรอก
“อ่อค่ะ..เดี๋ยวหนูจะค้างที่นี่คืนหนึ่งนะค่ะ”
“ตามสบายเลยลูก งั้นเดี๋ยวพ่อกับแม่ไปช่วยกันจัดสวนก่อนนะ ลูกเพิ่งมาถึงก็พักผ่อนไปก่อน” พ่อชอบพูดดักคอฉันตลอดเลยอ่ะ เพราะพ่อรู้น่ะสิว่าฉันจะต้องไปช่วยท่านจัดสวนแน่ๆ ท่านเลยพูดดักคอไว้ก่อน
“ค๊า ~ -_-‘” และสุดท้ายฉันก็ต้องมานั่งดูโทรทัศน์เพื่อแก้เซ็ง ส่วนบิ๊กกัฟก็เอาแต่อ่านหนังสือ นี่แกจะขยันไปไหมเนี่ย ระหว่างที่ดูโทรทัศน์ฉันสังเกตได้ว่าบิ๊กกัฟจะคอยเหลือบมองฉันอยู่ตลอดเวลา หรือว่าหน้าฉันมีสิ่งผิดปกติติดอยู่ ไม่ได้การณ์ล่ะ ฉันต้องไปเข้าห้องน้ำเพื่อส่องดูความเรียบร้อยก่อน เมื่อฉันลุกจากเก้าอี้บิ๊กกัฟก็ทำท่าประมาณว่าจะไปไหนเหรอ ฉันเลยต้องบอกจุดประสงค์ที่ฉันลุกจากเก้าอี้ให้ฟัง
“พี่จะไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะ”
“อ่อ..ครับ” เฮ้อ ~ ไอ้น้องคนนี้มีอะไรจะพูดก็ไม่พูด เป็นแบบนี้ทุกทีเลย -_-‘ พอไปถึงห้องน้ำฉันก็รีบตรงดิ่งไปที่กระจกเป็นอันดับแรก เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของใบหน้า แต่พอส่องดูแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติเลยหนิ แล้วบิ๊กกัฟจะเหลือบมองฉันทำไมเนี่ย พอไม่มีอะไรผิดปกติฉันเลยกลับไปนั่งดูโทรทัศน์ต่อ ก็เห็นบิ๊กกัฟนั่งอ่านหนังสือเหมือนเดิม แต่คราวนี้หันมายิ้มให้ จนฉันรู้สึกสยองเลยล่ะ
“กลับมาแล้วเหรอครับ ^^’ ”
“อ่อ..อืม” แปลกจริงๆ ด้วย เพราะเมื่อกี้ยังมองหน้าฉันเหมือนอยากจะพูดอะไรด้วยอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับยิ้มแฉ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เฮ้อ ~ น้องชายฉันบางครั้งมันก็น่ากลัวแบบงงๆ เหมือนกันนะ
หนึ่งคืนที่อยู่บ้านตัวเองทำไมมันช่างเร็วเหลือเกิน เพราะตอนนี้ฉันกำลังจะเดินทางกลับไปที่บ้านเจ้านายของฉันอีกครั้ง(นรก) ซึ่งตอนนี้พ่อ แม่ และบิ๊กกัฟก็มายืนส่งที่หน้าบ้าน ฉันที่กำลังจะเดินไปขึ้นรถที่หน้าปากซอยก็ต้องหันไปหาพ่อทันที เมื่อท่านบ่นเพราะเป็นห่วง
“อย่าหักโหมจนเกินไปล่ะ อย่านอนดึกด้วยนะ แล้ว...”
“ค่ะ คุณพ่อสุดที่รัก เดี๋ยวอีกไม่นานหนูก็จะกลับมาที่นี่อีกครั้ง พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะค่ะ ^^” ฉันรีบรับปากพ่อทันที เพื่อให้ท่านสบายใจ
“จ้าลูก ^^”
“งั้นหนูไปก่อนะค่ะ บ๊ายบาย”
“ถ้าถึงแล้วอย่าลืมโทรมาหาแม่ด้วยนะ”
“ค่ะ ^^”
เมื่อเดินมาถึงหน้าปากซอย ฉันกำลังจะเดินไปขึ้นรถวินมอเตอร์ไซค์ แต่จู่ๆ ก็มีรถตู้ที่ติดฟิล์มดำทั้งคันวิ่งเข้ามาตัดหน้าฉัน และก็มีผู้ชายใส่หมวกปิดใบหน้ามิดจนไม่เห็นอะไรเลยนอกจากตาประมาณ 3 คน วิ่งเข้ามาจับตัวฉัน
“ว๊ายยยยยยยย ><’ พวกแกเป็น....” ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดจบประโยค ก็มีผู้ชายหนึ่งใน 3 คนนั้นเอาผ้ามาปิดจมูกฉัน และสติฉันก็เริ่มดับวูบลงเรื่อยๆ
โอ๊ย! ปวดหัวจัง ที่นี่ที่ไหนกันเนี่ย! มีแต่กลิ่นอับและกลิ่นฝุ่นเต็มไปหมด รู้สึกว่าน่าจะเป็นโกดังร้าง แถมยังมืดอีกต่างหาก ฉันพยายามขยับตัวแต่ก็ขยับไม่ได้ เพราะตอนนี้ฉันถูกมัดทั้งมือ และก็ขา ตกลงนี่ฉันโดนจับตัวมาใช่ไหม ใครกันที่จับตัวฉันมา และจับมาเพื่ออะไร ในขณะที่ฉันกำลังคิดเรื่องต่างๆ ฉันก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินนำหน้าผู้ชายอีก 3 คน ที่เดินตามมาข้างหลัง แต่เพราะด้วยความมืดทำให้เห็นหน้าของผู้หญิงไม่ชัด แต่เมื่อฟังจากเสียงฉันก็พอจะเดาได้ว่าเป็นใคร แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องจับตัวฉันมา
“ดีใจจัง ที่ได้เจอเธออีกรอบ เจมิน!!”
“เธอจับตัวฉันมาทำไม แพรว” ใช่! ผู้หญิงที่จับตัวฉันมาคือยัยแพรว ทำไมยัยนี่จะต้องจับตัวฉันด้วยนะ
“เพราะว่าเธอมันเป็นก้างขวางคอฉันน่ะสิ”
“ก้างขวางคอ? 0_o”
“ฮึ! ไม่ต้องทำมาเป็นแอ๊บไม่รู้เรื่องเลยจะดีกว่า”
“เธอพูดเรื่องอะไร!”
“ฉันจะบอกให้ก็ได้นะ เพราะเธอพี่ฮาเดสถึงไม่กลับมาคืนดีกับฉัน ทั้งๆ ที่ฉันมั่นใจแล้วว่าเธอคงไม่ใช่ตัวปัญหา แต่เธอกลับเป็นก้างชิ้นใหญ่ที่คอยขัดขวางฉัน!!” ตอนที่พูดหน้าของยัยแพรวเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ด้วยอารมณ์โกรธทำให้หน้าของแพรวดูน่ากลัว และโหดร้ายที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นผู้หญิงคนหนึ่งจะทำได้
“และเธอรู้ไหม เธอทำให้พี่ฮาเดสต้องเดือดร้อน!!”
“เธอพูดเรื่องอะไรของเธอน่ะ!!”
“เมื่อวานแบล็คได้พาลูกน้องทั้งหมดของมันเข้าไปถล่มที่บ้านพี่ฮาเดส เหตุผลเพราะมันต้องการจะแย่งเธอ!!”
“ว่าไงนะ!” นี่เป็นเพราะฉันปฏิเสธแบล็ค ทำให้ต้องเกิดเรื่องขนาดนี้เลยหรือเนี่ย!
“ฮึ! เธอคงภูมิใจสินะที่มีผู้ชายต้องมาฆ่ากันเพื่อแย่งเธอน่ะ!!”
“ไม่ใช่นะ!!” อยู่ๆ น้ำตาฉันก็ไหลออกมา เมื่อนึกถึงสภาพฮาเดสที่ตอนนี้อาจจะนอนซมอยู่ที่โรงพยาบาลก็เป็นได้ และก็ต้องร้องไห้หนักขึ้นเมื่อได้ยินคำยืนยันจากปากของยัยแพรว
“ตอนนี้พี่ฮาเดสนอนอยู่ที่โรงพยาบาล แบล็คก็เจ็บไม่แพ้กันแต่ก็ต้องไปรักษาตัวที่อื่น เพราะลูกน้องของพี่ฮาเดสออกตามล่าอยู่”
“ฮือๆ T^T” นี่ต้นเหตุคือฉันเองเหรอเนี่ย ทำไมทุกคนจะต้องมาเดือดร้อนเพราะฉันด้วยนะ
“ฮึ! ฉันว่าเธอควรจะออกจากชีวิตพี่ฮาเดสได้แล้วนะ!!”
“ฮึก..ฮือๆ T^T ฉัน...” ฉันไม่รู้จะพูดอะไรออกมา ตอนนี้ฉันมืดแปดด้านไปหมดแล้ว ทำไมเรื่องทุกอย่างมันจะต้องจบแบบนี้ด้วยนะ
“นี่! ที่ฉันพูดเธอไม่เข้าใจหรือไง! และเหตุผลที่ฉันจับตัวเธอมาก็เพื่อสั่งสอนเธอไง!”
“…”ฉันไม่สนใจสิ่งรอบข้างอีกต่อไป เพราะตอนนี้ฉันได้แต่คิดถึงหน้าฮาเดส ตอนนี้ฉันคงต้องยอมรับว่าฉันเป็นห่วง ฮาเดสมาก จนอยากจะไปหา แต่ก็ไปไม่ได้!!
เพี๊ยะ!!
ฉันโดนตบเหรอ สงสัยจะใช่เพราะตอนนี้หน้าฉันชาไปหมด แต่ก็ไม่ได้สนใจว่าทำไมยัยแพรวต้องตบฉัน เพราะตอนนี้ฉันยอมรับทุกอย่างแล้ว T-T
“นี่คือสิ่งที่เธอทำให้พี่ฮาเดสไม่กลับมาคืนดีกับฉัน!!” ฉันเป็นต้นเหตุในเรื่องนี้ด้วยเหรอ ทำไมฉันเหมือนตัวน่ารังเกียจ ตัวซวย ที่ใครอยู่ใกล้ก็พากันเดือดร้อนไปหมด ฉันไม่ตอบโต้อะไรเลย จนทำให้ยัยแพรวโมโหขึ้นอีก
“…”
เพี๊ยะ!!
“ทำไมแกถึงไม่พูดอะไรเลย หะ!! ยัยตัวซวย แกทำให้พี่ฮาเดสต้องเจ็บตัว แกไม่สมควรเป็นคนที่ยืนข้างพี่ฮาเดส!!”
“….” ฉันคงเป็นตัวซวยจริงๆ สินะ ทำไมกัน!
เพี๊ยะ!!
“นี่คือผลตอบแทนที่แกทำให้พี่ฮาเดสเดือดร้อน!!” ตอนนี้ฉันร้องไห้มากเกินไป จนไม่มีน้ำตาให้ไหลและไม่มีเสียงร้องออกมา ร้องไห้จนหายใจไม่ออก แถมตอนนี้เลือดก็ออกที่มุมปาก ผลจากการที่โดนยัยแพรวตบ หึ! ฉันมันก็สมควรโดนตบจริงๆ นั่นแหละ อาจจะต้องโดนมากกว่านี้ถึงจะสาสมกับสิ่งที่ตัวเองทำไว้
“…”
โครม!!
“คุณแพรวมีคนบุกเข้ามา!!” ระหว่างที่ฉันกำลังด่าตัวเองอยู่ ก็เกิดมีเสียงดังเหมือนมีคนพังประตูเข้ามา และก็ยิ่งแน่ใจเมื่อคนของยัยแพรววิ่งเข้ามารายงาน
“ว่าไงนะ!! แล้วมันเป็นใคร!”
“ผมไม่รู้ แต่มันบาดเจ็บหนักพอควร คุณแพรวไม่ต้องห่วงผมได้สั่งให้ลูกน้องไปจัดการแล้ว”
ปัง! ปัง! ปัง!
กึก กัก กึก กัก คราก~
“ปล่อยเจมินเดี๋ยวนี้นะ!!”
“พี่ฮาเดส / ฮาเดส 0_0” ทำไมฮาเดสถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็บาดเจ็บ ยิ่งฉันเห็นสภาพของฮาเดสตอนนี้น้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง และครั้งนี้ก็หนักมากกว่าครั้งที่แล้ว ทำไมนายต้องมาช่วยฉันด้วยนะ!!
“ปล่อย..เจมิน..เดี๋ยวนี้!!” นายจะมาช่วยฉันทำไม! ขนาดพูดยังไม่มีแรงจะพูดเลย ไอ้บ้าฮาเดส!!
“พี่จะมาช่วยมันทำไม!!” ตอนนี้ยัยแพรวทั้งตกใจ และโกรธในเวลาเดี๋ยวกัน สังเกตได้จากแววตาและน้ำเสียง ฮาเดสไม่ฟังคำพูดของยัยแพรว แต่เอาปืนเล็งตรงมาที่หน้ายัยแพรวโดยไม่กลัวปืนลั่นเลยสักนิด
“ปล่อยเจมิน เดี๋ยวนี้!!” ตอนนี้ฮาเดสเองก็โกรธมากเหมือนกัน ทำไมนายต้องโกรธมากขนาดนั้นนะ นี่นายคงเป็นห่วงฉันมากสินะ ยิ่งรู้ว่าเป็นห่วง ฉันก็ยิ่งเกลียดตัวเอง!!
“งั้นก็ช่วยไม่ได้ แกจัดการพี่ฮาเดสซะ!!” ตอนนี้ลูกน้องของยัยแพรวที่เหลือคนเดียวรีบเข้าไปจัดการฮาเดส ตอนนี้มันกำลังเข้าไปชกหน้าฮาเดส แต่เขาก็หลบได้อย่างฉิวเฉียด และเขาก็สวนกลับด้วยศอกและเข่า จนทำให้ลูกน้องของยัยแพรวล้มไม่เป็นท่า ระหว่างที่มันพยายามจะลุกขึ้นมาฮาเดสก็ยิงเข้าที่ขาของมันอย่างจัง จนทำให้มันร้องออกมาเสียงหลง และรีบวิ่งหนีให้ได้เร็วที่สุด เมื่อฮาเดสตะหวาดไล่ หลังจากนั้นเขาก็หันมามองหน้าแพรวอย่างเอาเรื่อง
“เอ่อ..พี่ฮาเดสฟังแพรวก่อนนะ”
“ไม่! ฉันจะไม่ฟังคำแก้ตัวจากคนที่ทำร้ายเจมิน!”
“ทำไมพี่ฮาเดสต้องปกป้องมันด้วย พี่รักมันขนาดนั้นเลยเหรอ! แล้วแพรวล่ะ!”
“ใช่! ฉันรักเจมิน” หา! นี่ฉันหูฝาดไปหรือเปล่า เมื่อกี้ฮาเดสบอกว่ารักฉันเหรอ เป็นไปไม่ได้!
“พี่มันโง่! ผู้หญิงคนนี้มันตัวซวย!”
“…” ฮาเดสไม่สนอะไร นอกจากเดินตรงมาที่ฉันแล้วรีบแก้เชือกให้ทันที หลังจากแก้เชือกเสร็จเขาก็รีบเข้ามากอดพร้อมกับลูบหัว และฉันก็ยิ่งร้องไห้ขึ้น เมือได้ยินคำพูดของเขา
“ฉันขอโทษที่มาช้าเกินไป เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“อึก..ฮือ T^T ฉันไม่เป็นไร แต่ทำไมนายต้องมาช่วยฉันด้วย ไอ้คนบ้า!” ตอนนี้ฉันเป็นฝ่ายกอดเขาแน่น เพราะรู้สึกไม่อยากจากเขาไป ฉันคงตกหลุมรักเขาแล้วสินะ
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว งั้นเรากลับบ้านกันเถอะ”
“เดี๋ยวก่อนสิ ทำไมนายถึงรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ล่ะ”
“เอ่อ..เรื่องนั้นบิ๊กกัฟเป็นคนโทรมาบอกฉัน เห็นว่าเธอกลับตั้งนานแล้วแต่ทำไมถึงไม่ยอมโทรไปหาแม่ ฉันเลยโทรเข้าไปที่บ้านพี่แจ๋วก็บอกว่าเธอยังไม่กลับมา ฉันก็เลยเปิดจีพีเอสค้นหาเธอยังไงล่ะ”
“แล้วนาย......”
“อย่าถามเลยนะ ตอนนี้ฉันเหนื่อยอยากกลับบ้าน”
“เอ่อ..ก็ได้” เขาพยายามพยุงฉันให้ลุกขึ้นแต่รู้สึกว่าฉันจะต้องเป็นคนพยุงเขาเองซะแล้ว และระหว่างที่ฉันและฮาเดสกำลังเดินออกจากโกดัง ยัยแพรวก็ได้เรียกฉันไว้ก่อน
“เจมิน! เธอจำเอาไว้ว่าเธอมันเป็นตัวซวย!”
“…” ฉันไม่ตอบอะไรนอกจากรีบเดินออกจากโกดังให้เร็วที่สุด เพราะฉันคิดว่าฮาเดสอาจจะเปลี่ยนใจเอาเรื่องยัยแพรวที่ทำร้ายร่างกายฉันก็เป็นได้
เมื่อออกมาจากโกดังก็เจอกับรถมอเตอร์ไซค์ที่ฉันขี่อยู่ทุกวันจะว่าไปคิดถึงมันเหมือนกันนะเนี่ย
“ฉันขี่เองไม่ไหวหรอก เธอช่วยขี่แทนฉันทีสิ”
“อ้าว แล้วตอนที่มานายขี่ได้ไง”
“ก็ตอนนั้นฉันเป็นห่วงเธอมากกว่าการที่ฉันขี่มันมาไม่ได้น่ะสิ ฉันก็เลยขี่มาได้ถึงที่นี่ไง แต่ตอนนี้เธอไม่เป็นไรแล้วร่างกายฉันก็หมดแรงไปโดยปริยาย” นี่เขาขี่มาทั้งๆ ที่รู้ว่าร่างกายตัวเองไม่ไหวเนี่ยนะ ทำไมต้องทำให้คนอื่นเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลยนะ
“งั้นฉันขี่เองก็แล้วกัน ฉันว่านายควรรีบไปหาหมอให้เร็วที่สุด” ใช่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโต้เถียงกัน ฉันจึงคร่อมรถมอเตอร์ไซค์แล้วให้ฮาเดสซ้อนท้ายก่อนจะออกตัวไป โดยที่ทิ้งแพรวไว้ที่โกดัง ไว้ในที่ที่ยัยนั่นจับฉันมา ที่ที่ทำให้ฉันรู้ว่าฉันมันเป็นตัวซวยของทุกคน!! ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะทำประโยชน์ให้กับฮาเดส และฉันจะไม่มาเป็นตัวซวยของเขาอีกต่อไป
ระหว่างที่กำลังขี่รถ ฮาเดสเขาจะกอดฉันแน่นจนฉันรู้สึกหายใจไม่ออก จนต้องให้เขาคลายแรงหน่อย แต่ไม่วายเอาหัวซบไหล่ฉันอีก นี่ตกลงเจ็บจริงหรือปล่าเนี่ย และรู้สึกว่าเขากำลังหมดสติ ไม่ได้นะ! นายจะต้องไม่หมดสติสิ!! ฉันต้องเตือนเขา แต่ไม่ทันได้บอกเจาก็เอ่ยออกมาเหมือนรู้ว่าฉันกำลังจะเตือนเขา
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันแค่อยากพักผ่อนสายตา ยังไงก็ใกล้ถึงมือหมอแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ^^” ชิ!! ยังมีหน้ามาทำเสียงสบายใจอีก ฉันต้องเร่งความเร็ว เผื่อฮาเดสเป็นอะไรขึ้นมาจะได้ทันมือหมอ
ในที่สุดก็เข้ามาในเขตโรงพยาบาลแล้ว และเมื่อฉันจอดรถพวกพี่แกชก็เข้ามาช่วยพยุงตัวฮาเดสไป แต่รู้สึกว่าเขาจะหมดสติไปแล้ว ไม่นะ! เขาต้องรีบไปพบหมอเดี๋ยวนี้!
“พี่แกชรีบพาฮาเดสไปหาหมอเร็วสิ!!” ฉันรีบบอกพี่แกชเสียงแข็ง เพื่อให้พาฮเดสเข้าไปข้างในด้วยความกลัวที่ว่าฮาเดสอาจจะเป็นอันตรายมากไปกว่านี้ก็ได้
“ได้!! เจมินจะไปด้วยกันไหม?”
“เอ่อ..เดี๋ยวเจมินตามไป”
“อืม” ฉันมองดูบุรุษพยาบาลนำร่างเขาไปด้วยความระทึกใจ ฉันควรจะไปอยู่ข้างเขาในเวลานี้หรือเปล่านะ แต่เพื่อความแน่ใจฉันจะต้องตามไปดู ฉันรีบวิ่งตรงไปที่ห้องไอซียูแต่ก็เจอแค่พี่แกชและลูกน้องอีก 2-3 คน ฮาเดสคงถึงมือหมอจริงๆ แล้วสินะ แค่นี้ฉันก็สบายใจแล้ว
“ขอบคุณเจมินมากเลยนะที่ช่วยคุณชายเอาไว้”
“ไม่หรอก ฉันควรจะขอบคุณฮาเดสมากกว่าที่ไปช่วยฉันทั้งๆ ที่ตัวเองก็บาดเจ็บ”
“พอคุณชายรู้ว่าเจมินยังกลับไม่ถึงบ้าน เขารีบวิ่งออกจากโรงพยาบาลเลยนะ สงสัยเป็นห่วงเจมินมาก”
“ฮึก..ฮือๆ T^T” พอนึกถึงว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องเจ็บตัว น้ำตาก็ไหลออกมาอีกแล้ว
“เจมิน..ร้องไห้ทำไม พี่พูดอะไรไม่ดีออกไปเหรอ”
“อึก..ฮือ เปล่าหรอก แล้วเมื่อไรฮาเดสจะออกมาจากห้องไอซียูล่ะ”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”
2 ชั่วโมงผ่านไป
“คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ พร้อมย้ายเข้าห้องพิเศษได้เลย”
“จริงเหรอค่ะ” เมื่อรู้ว่าเขาปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ จากที่หัวใจแฟบตอนนี้มันกำลังพองขึ้นเลยๆ และก็รู้สึกดีใจขึ้นอีกเมื่อได้เห็นร่างของเขาออกมาจากห้องไอซียู และกำลังไปพักที่ห้องพิเศษ
วันรุ่งขึ้น
“สวัสดีค่ะพี่แจ๋ว” วันนี้ฉันตั้งใจมาเยี่ยมฮาเดสเป็นครั้งสุดท้าย เพราะหลังจากที่กลับมาจากโรงพยาบาลฉันก็ไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้านเขาและกลับบ้านตัวเองทันที และก็ต้องถูกพ่อกับแม่ถามว่าปากไปโดนอะไรมา ฉันจึงต้องโกหกไปว่าล้มปากกระแทกกับพื้น ก็เลยทำให้เลือดออกตรงมุมปาก นี่นรกจะกินกบาลฉันไหมเนี่ย ก็เล่นโกหกซะขนาดนี้ ในขณะที่พ่อกับแม่กำลังคล้อยตามคำโกหกของฉัน แต่สำหรับบิ๊กกัฟแล้วก็คงรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับหน้าของฉัน ซึ่งบิ๊กกัฟเองก็รู้ดีว่าไม่ควรจะบอกความจริงกับพ่อและแม่
“สวัสดีค่ะน้องเจมิน วันนี้ซื้ออะไรมาเยี่ยมคุณชายเหรอ”
“อ่อ...แอปเปิ้ลค่ะ ว่าแต่ฮาเดสยังไม่ฟื้นอีกเหรอคะ”
“เมื่อกี้ตื่นขึ้นมาแป๊บนึงแล้วค่ะ แต่ก็หลับไปเมื่อกี้เหมือนกัน”
“อ่อค่ะ งั้นเจมินวางแอปเปิ้ลไว้ตรงนี้นะค่ะ”
“น้องเจมินจะไปแล้วเหรอคะ”
“เจมินต้องไปทำเรื่องเรียนต่อนิดหน่อยน่ะค่ะ งั้นเจมินขอตัวก่อนนะค่ะ”
“ไว้วันหลังมาเยี่ยมใหม่นะค่ะ”
“…” ฉันไม่ตอบอะไร เพราะรู้ดีว่าฉันคงไม่ได้เจอหน้าเขาอีกต่อไปแล้ว พรุ่งนี้ฉันต้องเดินทางไปอเมริกาเพื่อรายงานตัว ฉันคงไม่ได้กลับมาที่นี่ และคงไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกหลายปี ดีแล้วที่ฉันไปเรียนต่อที่อเมริกาเพราะฉันจะได้ไม่ต้องทำตัวเดือดร้อนให้กับเขาอีก เมื่อเดินพ้นห้องแล้วน้ำตาที่ฉันอดทนกลั้นเอาไว้ก็ไหลออกมาเป็นทาง
“ฮือๆ T-T” ขณะที่ฉันร้องไห้อยู่ก็มีมือมาโอบกอดฉัน ฉันรู้ดีว่าใครเป็นมือใคร เพราะมันอบอุ่นทุกครั้ง ทุกครั้งที่ฉันรู้สึกว่าเหนื่อยล้า หรือไม่สบายใจ
“แกร้องออกมาให้พอเลยน่ะ พวกฉันคอยอยู่ข้างแกเสมอ”
“ใช่”
“ฮือๆ T^T ฉันคงทำได้ดีที่สุดเท่านี้แหละ”
“ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น ฉันว่าแกควรทำตัวให้ร่าเริงเข้าไว้น่ะ พรุ่งนี้จะต้องออกเดินทางแล้วหนิ”
“อึก..อืม ^^’” ทุกครั้งที่ฉันเศร้ายัยเพื่อนสองคนนี้ก็มักจะทำให้ฉันสบายใจขึ้นได้ทุกครั้ง ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น! ฉันเชื่อมั่นในคำนี้
วันรุ่งขึ้น ณ สนามบิน
“ดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะลูก”
“ค่ะ ยังไงทางนี้ก็ดูแลตัวเองด้วยนะค่ะ”
“จ้ะ ^^” ตอนนี้ฉันกำลังล่ำลาครอบครัวก่อนที่เครื่องจะออก ตอนนี้ก็มีคนที่มาส่งรวมทั้งหมด 5 คน ก็มี ยัยท๊อฟฟี่ ยัยแคนดี้ พ่อ แม่ และบิ๊กกัฟ จะเจอกันอีกทีก็คงอีกหลายปีที่นี่จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือเปล่านะ
“ยัยแคนดี้ ยัยท๊อฟฟี่ กลับมาฉันหวังว่าจะได้เห็นพวกแกมีแฟนสักทีนะ ^^”
“บ้า / บ้า -//-” แล้วพวกแกจะเขินกันทำไมเนี่ย
“บิ๊กกัฟ ยังไงพี่ก็ฝากดูแลพ่อกับแม่ด้วยล่ะ”
“ครับ พี่ไม่ต้องเป็นห่วง” คงไม่มีอะไรให้พูดไปมากกว่านี้แล้วสินะ เครื่องก็ใกล้จะออกแล้วด้วย
“งั้นหนูไปขึ้นเครื่องก่อนนะค่ะ”
“โชคดีนะลูก ^_^”
“บ๊ายบายๆ เพื่อนรัก ไปที่นั่นขอให้เจอคนที่ดีกว่านี้นะ”
“อ่อ...อืม =_=” นี่แกจะพูดให้ฉันช้ำใจเล่นทำไมเนี่ย เฮ้อ! ต่อจากนี้ไปก็คงไม่ได้เจอกันอีกเลยสินะ ทำอย่างนี้คงดีต่อทุกฝ่ายแล้วล่ะ ลาก่อนทุกคน ลาก่อนเมืองไทย และลาก่อนฮาเดส~
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ