"Yes, I do" ปาฏิหาริย์ครั้งสุดท้าย
8.9
เขียนโดย January13
วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.54 น.
37 ตอน
25 วิจารณ์
42.49K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562 20.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) ปีโชวะที่ 19
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ หลังจากยืนมองชายแปลกหน้าวิ่งจากไปจนลับตา อริสาจึงกลับเข้ามาในบ้าน แล้วนั่งทานข้าวต่อ
“ใครมาหาหรอลูก ฮิเดโกะ” ผู้เป็นแม่ถาม
“เอ่อ..อ๋อใครก็ไม่รู้คะ เขาบอกว่าชื่อยูทากะ” อริสาตอบก่อนคีบข้าวเข้าปาก เธอรู้สึกไม่ค่อยชินเวลาคนอื่นเรียกเธอว่าฮิเดโกะ เพราะนั่นมันไม่ใช่ชื่อของเธอ
“ใครก็ไม่รู้ที่ไหนหละ ยูทากะคนรักของเธอไง” ซาซาโกะพูดขึ้น ประโยคนั้นทำเอาอริสาแทบสำลักข้าว “แอ๊กะๆๆ” เธอไอใหญ่ คุมิโกจึงรีบส่งน้ำให้
“ค่อยๆดื่มนะจ๊ะ ยูทากะหน่ะเป็นคนแบกลูกมาส่งที่บ้าน พอดีเมื่อเช้าเขาแวะมาหา เจอเจ้าฮิคารุบอกว่าฮิเดโกะตกเนินเขา ยูทากะรีบร้อนวิ่งออกไปทันทีเลย” ผู้เป็นแม่เล่า
“เขาเป็นหมอหรอคะ เห็นเมื่อกี้ตรวจข้อเท้าให้ฉัน ดูท่าทางชำนาญ” เธอถามหลังจากหยุดไอ
“ไม่ใช่หรอก ยูทากะเรียนจบชั้นมัธยมปลาย สอบติดคณะแพทย์มหาลัยรัฐในโตเกียวนู้แหนะ แต่ที่บ้านไม่มีเงินส่งเรียนต่อ ก็เลยต้องมาทำงานอยู่โรงหมอฝรั่ง หมอนั่นหน่ะเก่ง เป็นคนฉลาด มีอยู่วันหนึ่งน้าโดนแมงกะพรุนต่อยที่ขา เป็นผื่นแดงเต็มไปหมด พอเขาเห็นปุ๊บ น้ายังไม่ทันจะพูดอะไรเขาก็รู้ทันที แล้วก็รีบไปหาสมุนไพรอะไรไม่รู้มาทาให้ เช้าวันรุ่งขึ้นหายเลย” จิโรเล่าขณะโซ้ยข้าวถ้วยที่สอง อริสายักหน้าน้อยๆ อย่างคิดตาม
“เขากับฮิเดโกะ...เอ่อ..กับฉัน คบกันมานานแล้วหรอคะ” อริสาถามต่อ เพราะตอนนี้ทุกคนเรียกเธอว่าฮิเดโกะ เธอจึงอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ให้มากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์กับยูทากะ
“ก็เห็นสนิทกันมาตั้งแต่ประถมแล้วหนิ ไปตกลงคบกับเขาตอนไหนไม่รู้หรอก ไม่เคยบอกพี่ไว้ซะด้วยสิ” ซาซาโกะยิ้มล้อน้องสาว อริสารู้สึกแก้มร้อนผ่าวๆ...แล้วนี่เราจะเขินทำไมเนี่ย....
“เอ่อ รูปผู้หญิงใส่ชุดกิโมโนที่แขวนอยู่ห้องนู้นคือคุณคุมิโกะใช่ไหมคะ” อริสารีบเปลี่ยนเรื่อง
“คุณคุมิโกะอะไรกันเรียกซะห่างเหินเลย” คนพี่พูดกลั้วหัวเราะ “ฮ่าๆๆ นั่นสิ ตลกจัง” คนน้าเสริม
“นั่นรูปแม่เองจ๊ะ ตอนแต่งงานกับพ่อใหม่ๆ” คุมิโกะตอบนัยน์ตาเป็นประกาย
“อ๋อ แล้วตอนนี้ท่านอยู่ไหนหล่ะค่ะ” เธอถามต่อ
“พ่อถูกส่งตัวไปช่วยรบที่โตเกียว เมื่อหกเดือนที่แล้วฮะ” ฮิคารุเล่าอย่างภาคภูมิใจ แต่ผู้เป็นแม่สีหน้ากลับหมองลง
“ร่วมรบ!? มีสงครามอะไรกันหรอคะ”
“สงครามโลกครั้งที่สองไงฮะ” ฮิคารุตอบอย่างไรเดียงสา ราวกับว่าเป็นเรื่องสนุก...สงครามโลกครั้งที่สอง!!!???...อริสาอุทานในใจ
“จดหมายที่เขียนส่งไปเมื่ออาทิตย์ก่อน พ่อยังไม่ตอบมาเลย ” ซาซาโกะพูดเสียงอ่อน
“ก็แถวนั้นไม่ค่อยสงบนี่นา คงวุ่นๆ เลยไม่มีเวลาตอบ” ผู้เป็นน้าเดาเหตุการณ์
“พ่อเป็นทหารที่เท่ห์มากๆ เลยฮะ โตขึ้นผมจะต้องเป็นอย่างพ่อให้ได้เลย” เด็กน้อยพูดเสียงเจื่อยแจ้ว คุมิโกะยิ้มพรางลูบหัวลูกชายเบาๆ อริสาสังเกตใบหน้าของผู้ใหญ่แต่ละคนไม่สู้ดีนัก
หลังจากทานข้าวมื้อเย็นกันเสร็จ ซาซาโกะกับฮิคารุอาสาล้างจาน คุมิโกะเข้าไปปูที่นอน จิโร่ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ ข้างนอก จริงๆ แล้วเขาไม่ได้อาศัยอยู่กับครอบครัวพี่สาวตั้งแต่แรก เขาอยู่กับเพื่อนๆชาวประมงแถวท่าเรือ แต่พอพ่อของหลานๆ ถูกส่งตัวไปปฏิบัติหน้าที่ในเมืองโตเกียว บ้านนี้เลยขาดผู้ชายดูแล จิโร่จึงรับปากกับพี่เขยว่าจะดูแลทุกคนให้ ระหว่างที่เขาไม่อยู่ ส่วนอริสายังนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว เธอหยิบถุงกระดาษที่ยูทากะให้ขึ้นมา ภายในมียาสีเหลืองเม็ดใหญ่ อยู่จำนวนหนึ่ง อริสาหยิบออกมาหนึ่งเม็ดก่อนกลั้นใจทานเข้าไปแล้วดื่มน้ำตาม ปกติเธอไม่ค่อยชอบทานยาเลยเพราะไม่ชอบกลิ่นมัน แต่คราวนี้จำเป็นจริงๆ ข้อเท้าซ้ายของเธอยังเจ็บแปล๊บอยู่ โดยเฉพาะเวลาเดินทรมานมากทีเดียว...ต้องขอบใจนายคนนั้นนะเนี่ย...
“นั่นอะไรหรอลูก” คุมิโกะปูที่นอนเสร็จเดินออกมาเห็นลูกสาวคนกลางเอาแต่นั่งจ้องถุงกระดาษสีน้ำตาลในมือ
“เอ่อ..อ๋อยาแก้อักเสบหน่ะคะ คนชื่อยูทากะให้มา”
“ยูทากะนี่เป็นคนดีจริงๆ เลยน้า ลูกมีคนดีๆ ดูแลแม่ก็อุ่นใจ” คนแม่พูดขึ้นหลังจากนั่งลงข้างๆ มือพรางลูบหัวอริสาด้วยความเอ็นดู อริสาส่งยิ้มแหยๆให้
สักพักทุกคนทำกิจธุระส่วนตัวเสร็จสรรพก็พากันเข้านอน มีเพียงจิโรที่ยังไม่กลับบ้าน เขามักหายไปเวลานี้ทุกวันกว่าจะกลับก็กลางดึก ที่นอนของจิโร่ที่ปูติดตู้ไม้จึงยังว่างอยู่ ถัดมาเป็นเด็กชาย แม่ พี่สาว ส่วนอริสานอนติดริมหน้าต่าง เท้าข้างซ้ายรองด้วยหมอนใบเล็กเพื่อให้ยกสูงจากพื้นเล็กน้อยตามที่ยูทากะสั่งไว้ ในใจของเธอหวังว่าพรุ่งนี้เช้าเธอจะตื่นขึ้นมาในห้องพยาบาลที่ไหนสักแห่ง มีพ่อ แม่ น้องสาว และคนรัก ยืนรายล้อมอยู่รอบเตียงผู้ป่วย ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม มองท้องฟ้าสีน้ำเงินแต้มประกายสีขาววุบวับของเหล่าดาวดวงน้อย ผ่านช่องหน้าต่างแคบๆ ที่เธอเปิดแง้มไว้ ก่อนจะหลุดไปในห้วงนิทรา
...จิ๊บ..จิ๊บ..จิ๊บ...นกสองตัวบินหยอกล้อกันผ่านหน้าต่าง เรียกอริสาให้ตื่นจากภวังค์ เธอยืดตัวบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนลืมตาขึ้นที่เดิม เธอยังอยู่ที่เดิม อริสาลุกขึ้นแล้วถอนหายใจด้วยความผิดหวัง ในห้องนอนเหลือเพียงเธอและเด็กชายที่ยังมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม
“ฮิคารุไปอาบน้ำได้แล้ววันนี้ต้องไปโรงเรียนนะ” ซาซาโกะเดินเข้ามาสั่งเสียงเข้ม เด็กชายขยับตัวเล็กน้อยก่อนนอนนิ่งตามเดิม
“ต้องให้ใช้กำลังหรอ ห๊ะ!!” พี่สาวคนโตดุเสียงดัง ฮิคารุรีบเด้งตัวลุกจากที่นอนทันควัน ซาซาโกะยืนเท้าเอว มองน้องชายที่วิ่งแจ้นออกจากห้องนอน ก่อนทรุดตัวนั่งลงพับผ้าห่ม และที่นอน อริสาเห็นดังนั้นจึงช่วยพับอีกแรง
“พอดีข้าวสารหมด มีเหลือจากเมื่อคืนนิดหน่อย แม่จะทำข้าวปั้นห่อให้น้าจิโร่และฮิคารุไปกินที่โรงเรียน เดี๋ยวสักพักพี่จะออกไปตลาด เธอจะเอาอะไรไหม” ซาซาโกะหันมาถาม
“ไม่คะ ไม่เอาอะไร แต่ฉันขอไปด้วยได้ไหมค่ะ”
“แต่เธอยังเจ็บอยู่นะ”
“เมื่อวานทานยาที่นาย...เอ่อ ยูทากะเอามาให้ รู้สึกค่อยยังชั่วแล้วคะ” อริสาบอก พรางส่งผ้าห่มที่ผับแล้วให้ ซาซาโกะรับมาก่อนเก็บใส่ตู้ทีละผืน
“อืม งั้นก็ตามใจ”
บ้านไม้แบบญี่ปุ่นโบราณปลูกติด กันเป็นแนวยาว ไม้ประดับใบสีเขียวตัดกับสีน้ำตาลเข้มของบ้านอย่างลงตัว หน้าบ้านประดับด้วยโมบายไม้ไผ่ และมีป้ายผ้าอักษรญี่ปุ่น ที่บ่งบอกว่าบ้านนี้ขายอะไร บางบ้านเปิดประตูกว้าง ภายในมีถ้วยชามรามไห ลวดลายสวยงามวางแยกขนาดอย่างเป็นระเบียบ บางบ้านนำผัก ผลไม้มาจัดวางบนโต๊ะเตี้ยๆ หน้าบ้าน ผู้คนเดินจับจ่ายซื้อของกันมากมาย แต่ไม่ถึงกับแน่นขนัด บางคนสวมชุดยูกาตะ บางคนก็แต่งตัวทันสมัย สวมเสื้อ สวมกางเกง สวมกระโปรง สวมหมวก ไม่ต่างจากยุคปัจจุบัน อริสาจับจ้องสิ่งต่างๆ รอบตัวอย่างเก็บข้อมูล พรางเดินกะเผลกๆ ตามหลังซาซาโกะ นอกจากจะเจ็บข้อเท้าแล้ว เธอยังต้องพยายามทรงตัวเดินบนเกี๊ยอีกด้วย ถึงจะมาหาเคนอิจิที่ญี่ปุ่นบ่อยๆ แต่อริสาไม่เคยลองสวมเกี๊ยเลยสักครั้ง
“ทำไมคนที่นี้ใช้ชีวิตกันปกติจัง ไม่เห็นเหมือนอยู่ในช่วงสงครามเลย” คนเจ็บที่เดินตามหลังถามขึ้น
“ที่นางาซากิไม่เป็นอะไรหรอก เราก็ใช้ชีวิตกันตามปกติ จะมีก็แต่โตเกียว โอซาก้า นาโกย่า แล้วก็เมืองใหญ่ๆ อีกหลายเมืองที่โดนทิ้งระเบิดเพลิงโจมตีแทบทุกวัน” พี่สาวตอบเสียงเรียบ พรางเลือกดูผักข้างทาง
“พ่อคุณซาซาโกะกับฮิคารุถูงส่งตัวไปโตเกียวนี่ ใช่ไหม”
“อืม พ่อเธอเหมือนกันนั่นแหละ” ซาซาโกะพูด ก่อนหันมาเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนซื้อของอยู่ไม่ไกล เธอหยุดมองเหมือนโดนสะกด อริสาเห็นเลยมองตามเป็นตาเดียว
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใครหรอค่ะ” อริสาถามขึ้น
“โกโร่ซังหน่ะ เขาเป็นครูประจำชั้นของฮิคารุ” หญิงสาวตอบนัยน์ตาเป็นประกาย
“คุณชอบเขาหรอ?”
“บ้าหรอ!! ป่าวสักหน่อย” ซาซาโกตอบหน้าแดง
“อืม...จะว่าไปแล้วเขาก็หล่อดีเหมือนกันนะ” อริสาทำสีหน้าครุ่นคิด คนพี่หันขวับ
“นี่! ฮิเดโกะเธอก็มียูทากะอยู่แล้วไง!” ซาซาโกะเอ็ด ใบหน้ายังแดงเรื่ออยู่ด้วยความเขิน
“แล้วไหนคุณซาซาโกะบอกไม่ชอบไง ทำไมต้องหวงด้วย” อริสาพูดแหย่
“นี่ฮิเดโกะ เธอแกล้งพี่หรอ” คนหน้าแดงส่งตาค้อนให้อริสาวงใหญ่ แต่ใบหน้าแต้มยิ้มบางๆ
“แล้วเมื่อไหร่จะเลิกเรียกแปลกๆ อย่างนี้สักที คุณซาซาโกะฟังดูพิลึกยังไงชอบกล เรียกพี่เหมือนเดิมสิ แล้วก็เรียกแม่ว่าแม่ด้วย ไม่ใช่คุณคุมิโกะ และก็น้าจิโร่ เข้าใจไหม” คนพี่สั่ง
“เข้าใจคะคุณ..เอ๊ย! พี่” อริสารับคำ “ดีมาก” ซาซาโกะพูดก่อนหันมาเห็นชายหนุ่มที่เธอปลื้มเดินมาทางนี้ จึงรีบยกตะกร้าที่ถืออยู่ในมือขึ้นบังหน้า แล้วเดินหลบไปในฝูงชน
“อ้าวคุณ...เอ๊ย!พี่ จะหนีไปไหนหละ เห็นดุๆอย่างนี้ขี้อายมากเลยนะเนี่ย” อริสายิ้มขัน ก่อนเดินตามไป แต่ก็ไม่ทัน...หายไปไหนแล้ว?...เธอกวาดตามองหาซาซาโกะ ก่อนเหลือบไปเห็นร้านหนังสือที่อยู่ฝั่งตรงข้าม หน้าร้านมีหนังสือพิมพ์แขวนเรียงอยู่บนราวไม้ เธอจึงเดินเข้าไปหาหนังสือพิมพ์ภาษอังกฤษเพื่อจะดูวันที่
“3 สิงหาคม 1945 หรอ...อ๋องั้นปีโชวะที่ 19 ก็คือ ปี ค.ศ. 1945...” อริสาคิดย้อนไปถึงตอนที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์กับนิชนก…
‘ถ่ายอะไรอยู่หน่ะ’
‘ก็นาฬิกาเรือนนี้หน่ะสิ เวลาหยุดตอนที่ระเบิดลงพอดีเลย 11.02 น. ของวันที่ 9 สิงหาคม ปี 1945 คลาสสิคมาก’
“หื๊อ!!!!! นะ นะนี่เรากำลังยืนอยู่ที่นางาซากิ หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้าวันที่ระเบิดปรมาณูจะถล่มเมืองนี้ราบเป็นหน้ากลอง หรอเนี่ย ???!?!!!” อริสาสบถ ตาโต อ้าปากค้าง พรางแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างเหลือเชื่อ...นี่มันฝันบ้าอะไรกัน ใครก็ได้ช่วยปลุกที!!??...
“ใครมาหาหรอลูก ฮิเดโกะ” ผู้เป็นแม่ถาม
“เอ่อ..อ๋อใครก็ไม่รู้คะ เขาบอกว่าชื่อยูทากะ” อริสาตอบก่อนคีบข้าวเข้าปาก เธอรู้สึกไม่ค่อยชินเวลาคนอื่นเรียกเธอว่าฮิเดโกะ เพราะนั่นมันไม่ใช่ชื่อของเธอ
“ใครก็ไม่รู้ที่ไหนหละ ยูทากะคนรักของเธอไง” ซาซาโกะพูดขึ้น ประโยคนั้นทำเอาอริสาแทบสำลักข้าว “แอ๊กะๆๆ” เธอไอใหญ่ คุมิโกจึงรีบส่งน้ำให้
“ค่อยๆดื่มนะจ๊ะ ยูทากะหน่ะเป็นคนแบกลูกมาส่งที่บ้าน พอดีเมื่อเช้าเขาแวะมาหา เจอเจ้าฮิคารุบอกว่าฮิเดโกะตกเนินเขา ยูทากะรีบร้อนวิ่งออกไปทันทีเลย” ผู้เป็นแม่เล่า
“เขาเป็นหมอหรอคะ เห็นเมื่อกี้ตรวจข้อเท้าให้ฉัน ดูท่าทางชำนาญ” เธอถามหลังจากหยุดไอ
“ไม่ใช่หรอก ยูทากะเรียนจบชั้นมัธยมปลาย สอบติดคณะแพทย์มหาลัยรัฐในโตเกียวนู้แหนะ แต่ที่บ้านไม่มีเงินส่งเรียนต่อ ก็เลยต้องมาทำงานอยู่โรงหมอฝรั่ง หมอนั่นหน่ะเก่ง เป็นคนฉลาด มีอยู่วันหนึ่งน้าโดนแมงกะพรุนต่อยที่ขา เป็นผื่นแดงเต็มไปหมด พอเขาเห็นปุ๊บ น้ายังไม่ทันจะพูดอะไรเขาก็รู้ทันที แล้วก็รีบไปหาสมุนไพรอะไรไม่รู้มาทาให้ เช้าวันรุ่งขึ้นหายเลย” จิโรเล่าขณะโซ้ยข้าวถ้วยที่สอง อริสายักหน้าน้อยๆ อย่างคิดตาม
“เขากับฮิเดโกะ...เอ่อ..กับฉัน คบกันมานานแล้วหรอคะ” อริสาถามต่อ เพราะตอนนี้ทุกคนเรียกเธอว่าฮิเดโกะ เธอจึงอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ให้มากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์กับยูทากะ
“ก็เห็นสนิทกันมาตั้งแต่ประถมแล้วหนิ ไปตกลงคบกับเขาตอนไหนไม่รู้หรอก ไม่เคยบอกพี่ไว้ซะด้วยสิ” ซาซาโกะยิ้มล้อน้องสาว อริสารู้สึกแก้มร้อนผ่าวๆ...แล้วนี่เราจะเขินทำไมเนี่ย....
“เอ่อ รูปผู้หญิงใส่ชุดกิโมโนที่แขวนอยู่ห้องนู้นคือคุณคุมิโกะใช่ไหมคะ” อริสารีบเปลี่ยนเรื่อง
“คุณคุมิโกะอะไรกันเรียกซะห่างเหินเลย” คนพี่พูดกลั้วหัวเราะ “ฮ่าๆๆ นั่นสิ ตลกจัง” คนน้าเสริม
“นั่นรูปแม่เองจ๊ะ ตอนแต่งงานกับพ่อใหม่ๆ” คุมิโกะตอบนัยน์ตาเป็นประกาย
“อ๋อ แล้วตอนนี้ท่านอยู่ไหนหล่ะค่ะ” เธอถามต่อ
“พ่อถูกส่งตัวไปช่วยรบที่โตเกียว เมื่อหกเดือนที่แล้วฮะ” ฮิคารุเล่าอย่างภาคภูมิใจ แต่ผู้เป็นแม่สีหน้ากลับหมองลง
“ร่วมรบ!? มีสงครามอะไรกันหรอคะ”
“สงครามโลกครั้งที่สองไงฮะ” ฮิคารุตอบอย่างไรเดียงสา ราวกับว่าเป็นเรื่องสนุก...สงครามโลกครั้งที่สอง!!!???...อริสาอุทานในใจ
“จดหมายที่เขียนส่งไปเมื่ออาทิตย์ก่อน พ่อยังไม่ตอบมาเลย ” ซาซาโกะพูดเสียงอ่อน
“ก็แถวนั้นไม่ค่อยสงบนี่นา คงวุ่นๆ เลยไม่มีเวลาตอบ” ผู้เป็นน้าเดาเหตุการณ์
“พ่อเป็นทหารที่เท่ห์มากๆ เลยฮะ โตขึ้นผมจะต้องเป็นอย่างพ่อให้ได้เลย” เด็กน้อยพูดเสียงเจื่อยแจ้ว คุมิโกะยิ้มพรางลูบหัวลูกชายเบาๆ อริสาสังเกตใบหน้าของผู้ใหญ่แต่ละคนไม่สู้ดีนัก
หลังจากทานข้าวมื้อเย็นกันเสร็จ ซาซาโกะกับฮิคารุอาสาล้างจาน คุมิโกะเข้าไปปูที่นอน จิโร่ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ ข้างนอก จริงๆ แล้วเขาไม่ได้อาศัยอยู่กับครอบครัวพี่สาวตั้งแต่แรก เขาอยู่กับเพื่อนๆชาวประมงแถวท่าเรือ แต่พอพ่อของหลานๆ ถูกส่งตัวไปปฏิบัติหน้าที่ในเมืองโตเกียว บ้านนี้เลยขาดผู้ชายดูแล จิโร่จึงรับปากกับพี่เขยว่าจะดูแลทุกคนให้ ระหว่างที่เขาไม่อยู่ ส่วนอริสายังนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว เธอหยิบถุงกระดาษที่ยูทากะให้ขึ้นมา ภายในมียาสีเหลืองเม็ดใหญ่ อยู่จำนวนหนึ่ง อริสาหยิบออกมาหนึ่งเม็ดก่อนกลั้นใจทานเข้าไปแล้วดื่มน้ำตาม ปกติเธอไม่ค่อยชอบทานยาเลยเพราะไม่ชอบกลิ่นมัน แต่คราวนี้จำเป็นจริงๆ ข้อเท้าซ้ายของเธอยังเจ็บแปล๊บอยู่ โดยเฉพาะเวลาเดินทรมานมากทีเดียว...ต้องขอบใจนายคนนั้นนะเนี่ย...
“นั่นอะไรหรอลูก” คุมิโกะปูที่นอนเสร็จเดินออกมาเห็นลูกสาวคนกลางเอาแต่นั่งจ้องถุงกระดาษสีน้ำตาลในมือ
“เอ่อ..อ๋อยาแก้อักเสบหน่ะคะ คนชื่อยูทากะให้มา”
“ยูทากะนี่เป็นคนดีจริงๆ เลยน้า ลูกมีคนดีๆ ดูแลแม่ก็อุ่นใจ” คนแม่พูดขึ้นหลังจากนั่งลงข้างๆ มือพรางลูบหัวอริสาด้วยความเอ็นดู อริสาส่งยิ้มแหยๆให้
สักพักทุกคนทำกิจธุระส่วนตัวเสร็จสรรพก็พากันเข้านอน มีเพียงจิโรที่ยังไม่กลับบ้าน เขามักหายไปเวลานี้ทุกวันกว่าจะกลับก็กลางดึก ที่นอนของจิโร่ที่ปูติดตู้ไม้จึงยังว่างอยู่ ถัดมาเป็นเด็กชาย แม่ พี่สาว ส่วนอริสานอนติดริมหน้าต่าง เท้าข้างซ้ายรองด้วยหมอนใบเล็กเพื่อให้ยกสูงจากพื้นเล็กน้อยตามที่ยูทากะสั่งไว้ ในใจของเธอหวังว่าพรุ่งนี้เช้าเธอจะตื่นขึ้นมาในห้องพยาบาลที่ไหนสักแห่ง มีพ่อ แม่ น้องสาว และคนรัก ยืนรายล้อมอยู่รอบเตียงผู้ป่วย ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม มองท้องฟ้าสีน้ำเงินแต้มประกายสีขาววุบวับของเหล่าดาวดวงน้อย ผ่านช่องหน้าต่างแคบๆ ที่เธอเปิดแง้มไว้ ก่อนจะหลุดไปในห้วงนิทรา
...จิ๊บ..จิ๊บ..จิ๊บ...นกสองตัวบินหยอกล้อกันผ่านหน้าต่าง เรียกอริสาให้ตื่นจากภวังค์ เธอยืดตัวบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนลืมตาขึ้นที่เดิม เธอยังอยู่ที่เดิม อริสาลุกขึ้นแล้วถอนหายใจด้วยความผิดหวัง ในห้องนอนเหลือเพียงเธอและเด็กชายที่ยังมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม
“ฮิคารุไปอาบน้ำได้แล้ววันนี้ต้องไปโรงเรียนนะ” ซาซาโกะเดินเข้ามาสั่งเสียงเข้ม เด็กชายขยับตัวเล็กน้อยก่อนนอนนิ่งตามเดิม
“ต้องให้ใช้กำลังหรอ ห๊ะ!!” พี่สาวคนโตดุเสียงดัง ฮิคารุรีบเด้งตัวลุกจากที่นอนทันควัน ซาซาโกะยืนเท้าเอว มองน้องชายที่วิ่งแจ้นออกจากห้องนอน ก่อนทรุดตัวนั่งลงพับผ้าห่ม และที่นอน อริสาเห็นดังนั้นจึงช่วยพับอีกแรง
“พอดีข้าวสารหมด มีเหลือจากเมื่อคืนนิดหน่อย แม่จะทำข้าวปั้นห่อให้น้าจิโร่และฮิคารุไปกินที่โรงเรียน เดี๋ยวสักพักพี่จะออกไปตลาด เธอจะเอาอะไรไหม” ซาซาโกะหันมาถาม
“ไม่คะ ไม่เอาอะไร แต่ฉันขอไปด้วยได้ไหมค่ะ”
“แต่เธอยังเจ็บอยู่นะ”
“เมื่อวานทานยาที่นาย...เอ่อ ยูทากะเอามาให้ รู้สึกค่อยยังชั่วแล้วคะ” อริสาบอก พรางส่งผ้าห่มที่ผับแล้วให้ ซาซาโกะรับมาก่อนเก็บใส่ตู้ทีละผืน
“อืม งั้นก็ตามใจ”
บ้านไม้แบบญี่ปุ่นโบราณปลูกติด กันเป็นแนวยาว ไม้ประดับใบสีเขียวตัดกับสีน้ำตาลเข้มของบ้านอย่างลงตัว หน้าบ้านประดับด้วยโมบายไม้ไผ่ และมีป้ายผ้าอักษรญี่ปุ่น ที่บ่งบอกว่าบ้านนี้ขายอะไร บางบ้านเปิดประตูกว้าง ภายในมีถ้วยชามรามไห ลวดลายสวยงามวางแยกขนาดอย่างเป็นระเบียบ บางบ้านนำผัก ผลไม้มาจัดวางบนโต๊ะเตี้ยๆ หน้าบ้าน ผู้คนเดินจับจ่ายซื้อของกันมากมาย แต่ไม่ถึงกับแน่นขนัด บางคนสวมชุดยูกาตะ บางคนก็แต่งตัวทันสมัย สวมเสื้อ สวมกางเกง สวมกระโปรง สวมหมวก ไม่ต่างจากยุคปัจจุบัน อริสาจับจ้องสิ่งต่างๆ รอบตัวอย่างเก็บข้อมูล พรางเดินกะเผลกๆ ตามหลังซาซาโกะ นอกจากจะเจ็บข้อเท้าแล้ว เธอยังต้องพยายามทรงตัวเดินบนเกี๊ยอีกด้วย ถึงจะมาหาเคนอิจิที่ญี่ปุ่นบ่อยๆ แต่อริสาไม่เคยลองสวมเกี๊ยเลยสักครั้ง
“ทำไมคนที่นี้ใช้ชีวิตกันปกติจัง ไม่เห็นเหมือนอยู่ในช่วงสงครามเลย” คนเจ็บที่เดินตามหลังถามขึ้น
“ที่นางาซากิไม่เป็นอะไรหรอก เราก็ใช้ชีวิตกันตามปกติ จะมีก็แต่โตเกียว โอซาก้า นาโกย่า แล้วก็เมืองใหญ่ๆ อีกหลายเมืองที่โดนทิ้งระเบิดเพลิงโจมตีแทบทุกวัน” พี่สาวตอบเสียงเรียบ พรางเลือกดูผักข้างทาง
“พ่อคุณซาซาโกะกับฮิคารุถูงส่งตัวไปโตเกียวนี่ ใช่ไหม”
“อืม พ่อเธอเหมือนกันนั่นแหละ” ซาซาโกะพูด ก่อนหันมาเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนซื้อของอยู่ไม่ไกล เธอหยุดมองเหมือนโดนสะกด อริสาเห็นเลยมองตามเป็นตาเดียว
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใครหรอค่ะ” อริสาถามขึ้น
“โกโร่ซังหน่ะ เขาเป็นครูประจำชั้นของฮิคารุ” หญิงสาวตอบนัยน์ตาเป็นประกาย
“คุณชอบเขาหรอ?”
“บ้าหรอ!! ป่าวสักหน่อย” ซาซาโกตอบหน้าแดง
“อืม...จะว่าไปแล้วเขาก็หล่อดีเหมือนกันนะ” อริสาทำสีหน้าครุ่นคิด คนพี่หันขวับ
“นี่! ฮิเดโกะเธอก็มียูทากะอยู่แล้วไง!” ซาซาโกะเอ็ด ใบหน้ายังแดงเรื่ออยู่ด้วยความเขิน
“แล้วไหนคุณซาซาโกะบอกไม่ชอบไง ทำไมต้องหวงด้วย” อริสาพูดแหย่
“นี่ฮิเดโกะ เธอแกล้งพี่หรอ” คนหน้าแดงส่งตาค้อนให้อริสาวงใหญ่ แต่ใบหน้าแต้มยิ้มบางๆ
“แล้วเมื่อไหร่จะเลิกเรียกแปลกๆ อย่างนี้สักที คุณซาซาโกะฟังดูพิลึกยังไงชอบกล เรียกพี่เหมือนเดิมสิ แล้วก็เรียกแม่ว่าแม่ด้วย ไม่ใช่คุณคุมิโกะ และก็น้าจิโร่ เข้าใจไหม” คนพี่สั่ง
“เข้าใจคะคุณ..เอ๊ย! พี่” อริสารับคำ “ดีมาก” ซาซาโกะพูดก่อนหันมาเห็นชายหนุ่มที่เธอปลื้มเดินมาทางนี้ จึงรีบยกตะกร้าที่ถืออยู่ในมือขึ้นบังหน้า แล้วเดินหลบไปในฝูงชน
“อ้าวคุณ...เอ๊ย!พี่ จะหนีไปไหนหละ เห็นดุๆอย่างนี้ขี้อายมากเลยนะเนี่ย” อริสายิ้มขัน ก่อนเดินตามไป แต่ก็ไม่ทัน...หายไปไหนแล้ว?...เธอกวาดตามองหาซาซาโกะ ก่อนเหลือบไปเห็นร้านหนังสือที่อยู่ฝั่งตรงข้าม หน้าร้านมีหนังสือพิมพ์แขวนเรียงอยู่บนราวไม้ เธอจึงเดินเข้าไปหาหนังสือพิมพ์ภาษอังกฤษเพื่อจะดูวันที่
“3 สิงหาคม 1945 หรอ...อ๋องั้นปีโชวะที่ 19 ก็คือ ปี ค.ศ. 1945...” อริสาคิดย้อนไปถึงตอนที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์กับนิชนก…
‘ถ่ายอะไรอยู่หน่ะ’
‘ก็นาฬิกาเรือนนี้หน่ะสิ เวลาหยุดตอนที่ระเบิดลงพอดีเลย 11.02 น. ของวันที่ 9 สิงหาคม ปี 1945 คลาสสิคมาก’
“หื๊อ!!!!! นะ นะนี่เรากำลังยืนอยู่ที่นางาซากิ หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้าวันที่ระเบิดปรมาณูจะถล่มเมืองนี้ราบเป็นหน้ากลอง หรอเนี่ย ???!?!!!” อริสาสบถ ตาโต อ้าปากค้าง พรางแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างเหลือเชื่อ...นี่มันฝันบ้าอะไรกัน ใครก็ได้ช่วยปลุกที!!??...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ