"Yes, I do" ปาฏิหาริย์ครั้งสุดท้าย

8.9

เขียนโดย January13

วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.54 น.

  37 ตอน
  25 วิจารณ์
  42.52K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562 20.46 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

37) จบ (ไม่) บริบูรณ์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
     ...ตี๊ด...ตี๊ด...ตี๊ด...เสียงเครื่องติดตามคลื่นไฟฟ้าหัวใจดังเป็นจังหวะ เส้นชีพจรที่หน้าจอมอนิเตอร์เริ่มเปลี่ยนจากเส้นตรง ค่อยๆ กลายเป็นหยักถี่ขึ้นเรื่อยๆ ผู้ช่วยพยาบาลที่กำลังเก็บล้างทำความสะอาดอุปกรณ์ผ่าตัด ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจทั้งดีใจ รีบวิ่งออกจากห้องผ่าตัดมาแจ้งเรื่องให้คุณหมอที่กำลังปลอบใจญาติคนไข้อยู่โดยด่วน
     “คุณหมอค่ะ!!! ขะขะคนไข้คะ คนไข้”
     “คนไข้ทำไม???”
     “คนไข้หัวใจและชีพจรกลับมาเต้นเป็นปกติคะ”
     “ห๊ะ!!! จริงหรอ???!!!” หมอรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉินในทันที เคนอิจิได้ยินดังนั้น ก็รีบบอกนนิชนก ทุกคนต่างก็กลับมามีความหวังอีกครั้ง ไม่นานคุณหมอก็กลับออกมาด้วยสีหน้าปิติ
     “คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วนะครับ ปาฏิหาริย์จริงๆ แต่ยังไงคืนนี้ต้องพักในห้องไอซียูก่อน เพื่อติดตามอาการ ถ้าไม่มีอะไรพรุ่งนี้ก็สามารถย้ายไปพักห้องปกติได้ครับ”    
     “คุณหมอพูดจริงใช่ไหมครับ” เคนอิจิถามย้ำ​หมอพยักหน้ายืนยันในสิ่งที่เขาได้แจ้งไปเมื่อครู่
     “น้องนิช อริสจัง อริสจังปลอดภัยแล้ว”
     “ห๊ะ!! จริงหรอคะ พ่อคะ แม่คะ พี่สาปลอดภัยแล้ว พี่สาไม่เป็นอะไรแล้ว” นิชนกร้องบอก พร้อมโผเข้ากอดผู้เป็นพ่อแม่ด้วยความดีใจ ศิริและพลภัทรก็ดีใจจนพูดไม่ออก มีเพียงน้ำตาที่ไหลอาบหน้าแต้มยิ้ม เคนอิจินึกขอบคุณพระเจ้า แม้ว่าการแต่งงานของเขาจะล่มลง แต่อย่างน้อยคนรักของเขาก็ปลอดภัย และเริ่มทำใจว่าหลังจากที่อริสาฟื้นขึ้นความสัมพันธ์ของเขากับเธออาจจะต้องเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าอริสาจะวิ่งออกจากพิธีวิวาห์ด้วยสาเหตุใด เขาก็ของฟังจากปากเธอ
     เช้าวันต่อมา อริสาถูกนำตัวออกจากห้องไอซียูมาพักห้องผู้ป่วยเดียว เธอยังคงต้องให้เลือดและน้ำเกลืออยู่จนกว่าจะแข็งแรงกว่านี้ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกระพริบถี่ ก่อนจะปรับสายตากับแสงอาทิตย์ที่ส่องสะท้อนผ่านหน้าต่างได้ อริสานอนนิ่ง เธอรู้สึกเจ็บที่ศีรษะ มือเรียวค่อยๆ ยกขึ้นสัมผัสตรงที่เจ็บ พบว่าเธอถูกพันด้วยผ้าก๊อซทั้งศีรษะอริสาเดาว่าคงเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงกับเธอแน่ๆ แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าตัวเองโดนรถชน เธอมองไปยังท้องฟ้าโปร่งด้านนอก ยิ้มบางๆ ให้กับตัวเอง ในที่สุดเธอก็สามารถปลดปล่อยยูทากะให้ไปสู่สุขคติได้ และมีความหวังว่าสักวันจะได้พอกับเขาอีกครั้ง เป็นยูทากะที่มีตัวตน ไม่ใช่ในความฝัน ถึงแม้ไม่รู้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ ในชาตินี้หรือชาติหน้าก็ตาม
     ประตูเปิดออกสาวร่างเล็กท่าทางกระฉับกระเฉง เดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยเดี่ยว ดวงตาบวมเป่งจากการร้องไห้หนัก
     “พี่สา!!!!! ฟื้นแล้วหรอ พี่สาฟื้นแล้วจริงๆ ไม่เป็นอะมากใช่ไหม ตกอกตกใจหมด ทำไมอยู่ดีๆ ถึงวิ่งออกจากงานไปตัดหน้ารถชาวบ้านเขาอย่างนั้นหละ นี่อย่าบอกนะว่าตรอมใจเรื่องยูทากะถึงขนาดจะฆ่าตัวตาย ไหนสัญญากันแล้วไง ว่าจะไม่ทำอะไรโง่ รู้ไหมทุกคนเป็นห่วงพี่แทบบ้า นี่ฉันนะ....”
     “ยัยนิช พี่ไม่ได้ตั้งใจวิ่งไปตัดหน้ารถนะ พี่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไปว่าเกิดอะไรขึ้น” อริสารีบขัดจังหวะการบ่นของน้องสาว
     “จริงหรอ??”
     “อืม ใครจะบ้าวิ่งไปให้รถชน เจ็บจะตาย” คนป่วยบอก
     “ไม่ใช่จะตายนะคะ ตายไปแล้วด้วย แม่ถึงกับเป็นลมไปเลย”
     “ห๊ะ!!?? จริงหรอ พี่เนี่ยนะตาย”
     “ใช่ ก็ตอนแรกหมอออกมาแจ้งอย่างนั้น แต่สักพักผู้ช่วยพยาบาลก็มาตามตัวหมอกลับเข้าไป แล้วเขาก็ออกมาใหม่อีกครั้งพร้อมกับข่าวดี ฉันนี่ปรับอารมณ์ไม่ถูกเลย พากันร้องไห้ดีใจ” นิชนกเล่า อริสาครุ่นคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นช่างน่าอัศจรรย์ใจ
     ‘วิธีเดียวที่จะไปพบคนตาย ก็คือ...การตาย ไม่ใช่หรอ’ เธอนึกทวนถึงคำพูดของชายแก่ที่บอกเธอไว้ในห้องสารภาพบาป
     “นี่มันปาฏิหาริย์ชัดๆ” เธอพูดเบาๆ กับตัวเอง แต่น้องสาวจอมหูดีได้ยินจึงรีบออกความเห็น
     “ก็คงจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้แล้วหละ มันไม่มีคำอธิบายที่ดีไปกว่านี้ แต่ยังไงก็ช่างเถอะ ฉันได้พี่สาวคนสวยกลับคืนมา แค่นี้ก็พอแล้ว” นิชนกพูกพร้อมบีบนวดมือพี่สาวเบาๆ ขณะนั้นก็สังเกตุสีหน้าพี่สาวที่ยิ้มแย้ม แก้มชมพูเปล่งปลั่งผิดวิสัยคนป่วยจึงถามขึ้น
     “นี่ มีอะไรดีๆ แล้วไม่บอกอย่างนั้นหรอ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คนเดียว อยู่นั่นแหละ”
     “เปล่าสักหน่อย”
     “ไม่เชื่อต้องมีอะไรแน่ๆ ไปเจอยูทากะมาใช่ไหม” น้องสาวถามจี้จุด อริสาจึงต้องยักหน้ารับโดยดี
     “ว่าแล้วเชียว นี่ฉันชักจะไม่ชอบขี้หน้าตายูทากะซะแล้วนะ จะเจอกันที่ไรต้องมีเรื่องทุกที ครั้งที่แล้วก็สลบไปเป็นอาทิตย์” นิชนกบ่นอุบ
     “ไม่ชอบขี้หน้าเขาหนะ เคยเห็นหน้าเขาแล้วหรอ”
     “ก็ไม่เคยหรอก แต่เขาคงเป็นคนดีมากแน่ๆ พี่ถึงได้รักเขา แล้วเรื่องพี่เคนหละ จะเอายังไง พี่เคนเขาเสียใจมากเลยนะ ที่พี่วิ่งออกจากงานแต่งไปแบบนั้น นั่นไงมาพอดีเลย เคลียร์เองนะ ไปดีกว่า เดี๋ยวมีดราม่า” พูดจบนิชนกก็รีบเดินออกจากห้อง สวนกับเคนอิจิที่พึ่งเดินเข้ามา เขาวางช่อดอกกุหลาบสีขาวบนโต๊ะข้างหัวเตียงผู้ป่วย ก่อนนั่งลง
     “อริสจัง เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เขาเรียบถาม ดวงตาคมบวมช้ำเพราะร้องไห้หนัก เคนอิจิทำใจมาบ้างแล้วว่าเขากับคนรักอาจต้องเลิกรากัน และกลับไปเป็นแค่เพื่อนเหมือนเดิม
     “เคน ฉันขอโทษนะคะที่ทำร้ายจิตใจคุณ ตลอดเวลาที่คบกันมา คุณดูแลฉันดีมาโดยตลอด ฉันเคยคิดว่าฉันรักคุณ ก่อนที่ฉันจะรู้ว่าความรักจริงๆ มันเป็นยังไง” อริสาลำบากใจที่ต้องบอกเขาไปแบบนั้น แต่เธอรักใครไม่ได้แล้วจริงๆ เคนอิจิถึงแม้จะทำใจมาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาแห่งความเจ็บปวดของลูกผู้ชายไว้ได้ อริสาบีบมือปลอบใจเขาเบาๆ เธอเองก็เสียใจ แต่เคนอิจิไม่ควรมาเสียเวลากับเธออีกแล้ว เขาควรได้พบใครที่รักเขาจริงๆ   
     หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป อริสารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนในเมืองนางาซากิจนแข็งแรงและสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ เธอและครอบครัวจึงเดินทางกลับประเทศไทย โดยมีเคนอิจิและครอบครัวไปส่งที่สนามบิน เขาและอริสายังคงเป็นเพื่อนกันได้ หลังจากนี้เคนอิจิวางแผนไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศษ ตามสูตรของคนอกหัก
     เมื่ออรณิชาทราบว่าเพื่อนสนิทกลับมาประเทศไทย นอกจากจะยกเลิกการแต่งงานแล้ว ยังกลายเป็นสาวโสดป้ายแดงเสียด้วย เธอนำเรื่องไปบอกทักษนัยน์บอสใหญ่ใจดี เพื่อขอตำแหน่งว่างให้อริสากลับเข้ามาทำงาน แน่นอนว่าทักษนัยน์ยินดีอ้าแขนรับอริสาอยู่แล้ว เพราะทำงานร่วมกันมานาน
     อริสากลับมามีชีวิตปกติ เช้าไปทำงาน เย็นกลับคอนโด ส่วนเย็นวันศุกร์ก็กลับบ้าน ไปทานอาหารอร่อยฝีมือแม่ เจอนิชนกบ้าง แล้วแต่ว่าจะโชคดีที่น้องสาวไม่ติดงานต้องบินไปไหน แต่ส่วนมากก็ไปไหนมาไหนคนเดียว เพราะช่วงนี้อรณิชากำลังเตรียมงานแต่งกับต้นน้ำอยู่ จึงไม่มีเวลาไปด้วยกัน ซึ่งเธอก็เข้าใจดี เธอเริ่มอยู่กับความเหงาจนชิน เหมือนเป็นเพื่อนซี้คนใหม่ไปซะแล้ว ทุกครั้งที่คิดถึงยูทากะ อริสาก็จะหยิบไดอารี่ เปิดดูหน้าที่เธอแปะดอกอาจิไซเอาไว้ ตอนนี้มันกลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม แต่ก็ยังสวยงามอยู่ในทุกๆ ความรู้สึกของเธอ
     วันแต่งงานของอรณิชามาถึง แน่นอนว่าอริสาต้องเป็นเพื่อนเจ้าสาวเบอร์หนึ่งแน่นอน ร่างบางในชุดเดรสคลุมเข่า สีม่วงลาเวนเดอร์ยืนยิ้มแย้มตอนรับแขกเกลื่อที่มาร่วมงาน พร้อมแจกของชำร่วย
     “ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มกล่าวหลังจากได้รับชำร่วย ชายหนุ่มหน้าเข้มแบบไทยๆ บุคลิกดี ในชุดสูทสีดำ จ้องมองอริสาด้วยแววตาที่หยาดเยิ้ม เธอยิ้มแห้งๆ ส่งให้ก่อนหันไปสนใจแขกคนอื่นๆ ทำเอาเขาเสียฟร์อมนิดหน่อย
     “อ้าว พี่เอก นึกว่าจะมาไม่ได้ซะอีก” ต้นน้ำเดินมาทักทายชายคนนั้น พร้อมเจ้าสาวแสนสวยข้างกาย
     “เฮ้ย ต้องมาให้ได้ดิ น้องชายร่วมสาบานแต่งงานทั้งที่นะโว้ย ไม่มาได้ไง ยินดีด้วยนะ ใครได้ไอ้ต้นเป็นสามีนะโชคดีตลาดชาติ” เอกภพ รุ่นพี่สมัยเรียนมหาลัยของต้นน้ำ หันมาพูดกับเจ้าสาว
     “จริงหรอค่ะ” อรณิชาแกล้งถามย้ำ
     “จริงสิจ๊ะ” ต้นน้ำรีบตอบตัดหน้า แล้วยิ้มหวานให้คนรัก เหมือนโลกนี้มีกันอยู่สองคน
     “อะแฮ่ม เกรงใจคนโสดกันหน่อยสิโว้ย” เอกภพกระแอมไอ ขัดจังหวะ ก่อนจะส่งซิกให้ต้นน้ำ ให้แนะนำตนกับอริสาหน่อย อรณิชาเห็นอย่างนั้นจึงช่วยอีกคน เห็นเพื่อนรักโสดมาพักใหญ่แล้วเช่นกัน
     “สา มาทางนี้หน่อยสิจ๊ะ มีคนจะแนะนำให้รู้จักหนะ” อรณิชาเข้ามากระซิบเพื่อน พร้อมดึงตัวไปแนะนำให้รู้จักกับเอกภพ
     “สานี่พี่เอก รุ่นพี่ของต้นน้ำเขาหนะ พี่เอก นี่สาคะ เพื่อนสนิทของอร”
     “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณสา” เขาพูดพร้อมส่งมือให้
     “เช่นกันคะ เดี๋ยวขอตัวนะคะ พอดีกำลังยุ่งหนะคะ” พูดแล้วก็ส่งมือเช็คแฮนด์ไปตามมารยาท ก่อนจะทำเป็นรีบไปดูแลแขกเกลื่อคนอื่นๆ อรณิชาเห็นอย่างนั้น ก็รีบเดินตามมากระซิบ
     “นี่สา ไม่อยู่คุยกับพี่เขาสักหน่อย ตรงนี้ให้คนอื่นทำก็ได้”
     “ไม่เอาหละ อร ฉันรู้นะว่าแกหวังดี แต่ฉันไม่อยากรู้จักใครทั้งนั้น” อริสาพูดจริงจัง
     “ก็ได้ๆ ตามใจแกแล้วกัน” อรณิชาต้องยอมแพ้ใจเพื่อนสนิทที่แข็งเป็นหิน ไม่ว่าจะลองแนะนำใครให้รุจัก อริสาก็ไม่สนใจเลย
     พิธีฉลองงานแต่งดำเนินไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงเวลาที่บรรดาสาวๆ ชอบมากที่สุด คือการโยนดอกไม้ของเจ้าสาว เพื่อนๆ ของอรณิชาต่างพากันยืนอออยู่หน้าเวที เพื่อรอแย่งชิงช่อดอกไม้ เพราะหวังว่าจะได้เป็นเจ้าสาวคนต่อไป แต่อริสาไม่ไปร่วมด้วย เธอนั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าสุด กับครอบครัวของอรณิชา
     “พร้อมกันหรือยัง สาวๆ” พิธีกรในงานถาม เสียงเจื้อยแจ่วก็ตอบรับดังพร้อมๆ กัน
     “อ่ะ พร้อมแล้วนะ เจ้าสาวพร้อมนะครับ ช่วยกันนับๆ หนึ่ง สอง สาม โยนไปแล้วครับ” ช่อดอกกุหลาบแดงลอยบนอากาศ ก่อนจะร่วงลงมาโดนมือสาวๆ ที่แย่งชิงกันปัดไปมาจนกระเด็นไปหล่นที่ตักอริสาอย่างง่ายดาย อริสาตกใจเล็กน้อย ก่อนจะหยิบมันขึ้นมา เสียงร้องแซวดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นเสียดายของผู้หญิงคนอื่นๆ ในงาน เธอต้องขึ้นไปอวยพรบ่าวสาวตามระเบียบ
     หลังจากจบงาน ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอเรียบร้อยแล้ว อริสาก็ขับรถกลับบ้าน โดยวางช่อดอกไม้ที่รับได้ไว้บนเบาะนั่งข้างๆ​ คนขับ เหลือบมองแล้วก็อดหัวเราะกับตัวเอง เธอจะเป็นเจ้าสาวคนต่อไปได้อย่างไร เธอยังไม่รู้เลยว่าจะได้พบกับยูทากะเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าเขาจะเหมือนเดิมไหม ไม่รู้ว่าเขาจะจำเธอได้หรือเปล่า เขาจะยังมีดวงตาสีนิลทอประกายและรอยยิ้มจารใจเช่นเดิมไหม ยังไงซะเธอก็มั่นใจว่าเมื่อเจอเขา ความรู้สึกจะบอกเธอเองว่าคนนนี้ “ใช่”
 
                                              - จบ (ไม่) บริบูรณ์ -
 
 
ขอบคุณ
http://www.mbd-medical.com/product_detail_sub.php?port_id=197&port_cate=30&port_catesub=6&port_catesubset=
https://www.youtube.com/watch?v=oT-wTwX7yks

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา