"Yes, I do" ปาฏิหาริย์ครั้งสุดท้าย
เขียนโดย January13
วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.54 น.
แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562 20.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
32) กลับสู่ความเป็นจริง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความร่างสูงผลักประตูกระจกร้านเวทดิ้งออกอย่างเต็มแรง ก่อนเดินมายังลานจอดรถกลางแจ้งข้างๆร้าน มือกดปลดล็อครถมาแต่ไกล เคนอิจิพึ่งทราบข่าวจากนิชนกว่าคนรักของเขาที่นอนหมดสตินานเป็นสัปดาห์รู้สึกตัวและออกจากโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นิชนกโทรศัพท์หาเคนอิจิหลังจากคุยกับศิริและพลภัทร แจ้งข่าวดีเรื่องพี่สาว ผู้ใหญ่ทั้งสองดีใจจนทำตัวไม่ถูกแต่บอกว่าจะรีบมานางาซากิด้วยเที่ยวบินที่เร็วที่สุด เธอจึงโทรไปรบกวนว่าที่พี่เขยให้ช่วยไปรับพ่อกับแม่ของเธอที่สนามบินหน่อย และตอนนั้นเองที่นิชนกพึ่งรู้ว่าอริสาไม่ได้โทรศัพท์ไปบอกเคนอิจิอย่างที่เธอได้กำชับไว้ ด้วยน้ำเสียงของชายหนุ่มปลายทางตื่นเต้นมากพอๆ กับพ่อและของเธอ
ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเคนอิจิกินไม่ได้นอนไม่หลับ เขาเอาแต่โทษตัวเองว่าทำไมไม่เป็นเขา ทำไมต้องเป็นอริสาที่มาเจอเรื่องแบบนี้ เมื่อมีเวลาว่างจากการทำงานและเตรียมงานแต่งงาน เขาก็จะมาผลัดเวรดูแลคนรักกับนิชนกอยู่เสมอ เหตุการณ์อย่างนี้ไม่น่าเกิดขึ้นเลย ทั้งๆที่วันมงคลก็ใกล้เขามาแล้วเขาคิดวนเวียนอยู่อย่างนี้เสมอ รถเก๋งสีดำคันเงาวับแล่นฉิวไปบนถนนที่การจราจรไม่ติดขัดนัก เส้นทางมุ่งหน้าสู่สวนสันติภาพนางาซากิ
เมื่อถึงที่หมายหลังจากหาที่จอดรถได้แล้ว เคนอิจิก็รีบตามหาคนรัก เขาวิ่งผ่านสระน้ำพุตรงไปยังรูปั้นสีฟ้าขนาดใหญ่ มองเห็นอริสายืนหันหลังให้อยู่ไกลๆ นิชนกเหลือบเห็นว่าที่พี่เขยที่กำลังวิ่งตรงเข้ามาก็สะกิดไหล่พี่สาวให้หันมามอง ร่างสูงใบหน้าคมหล่อเหลาโผเข้ากอดอริสาแน่น
“อริสจัง คุณกลับมาแล้ว อย่าจากผมไปไหนอีกนะ” เขาพูดพร่ำดีใจเสียงสั่นเครือ นิชนกถอยห่างออกมาเล็กน้อยเพื่อให้ทั้งสองคนได้พูดคุยกัน เคนอิจิยังคงกอดอริสาไว้แน่น แต่หญิงสาวไม่ได้กอดตอบ สำหรับเธอในตอนนี้อ้อมกอดของเคนอิจิช่างไร้ความหมาย เธอนึกถึงสัมผัสกอดจากยูทากะที่แม้จะจางหายไปแล้วแต่เธอยังรู้สึกได้ แม้เพียงบางเบาแต่ก็อบอุ่น เคนอิจิรู้สึกประหลาดใจ จึงคลายกอดออก
“อริสจังเป็นอะไรไปหนะ ยังเจ็บตรงไหนอยู่อย่างนั้นหรอ” เขาถามไถ่อย่างเป็นห่วงพรางมองสำรวจ
“ปะเปล่าคะเคนฉันไม่เป็นไรแล้ว” เธอตอบเสียงเรียบ ที่เจ็บไม่ใช่ร่างกายแต่เป็นหัวใจต่างหาก
“เคนหรอ??? ทำไมถึงเรียกห่างเหินอย่างนั้นหละ” ได้ยินอย่างนั้นเขาก็ยิ่งประหลาดใจเข้าไปอีก นิชนกที่ยืนห่างๆ เริ่มรู้สึกเป็นห่วงเคนอิจิขึ้นมา พี่สาวของเธอคงลืมตัวไปเพราะคิดถึงแต่ยูทากะ สำหรับนิชนกเรื่องยูทากะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือแค่ความฝันสำหรับการหลับไหลอันยาวนานของอริสาถึงหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ แต่ถึงจะเป็นความจริงเธอคิดว่ายังไงพี่สาวก็ไม่สามารถแก้ไขเรื่องราวในอดีตได้อยู่ดี นิชนกภาวนาให้อริสาลืมเรื่องนี้แล้วใช้ชีวิตได้เป็นปกติเหมือนก่อน
“เอ่อ...คือฉัน...” ด้วยคำถามของเคนอิจิทำให้อริสารู้สึกตัว เธอเองก็ประหลาดใจในความเปลี่ยนแปลงภายในใจที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่ทันจะได้ตอบคำถามใด ชายหนุ่มก็พูดแทรกขึ้นมาอีก
“ผมขอโทษนะอริสจัง วันนั้นผมน่าจะเป็นฝ่ายขับรถไปรับคุณ ผมจะไม่ยอมให้คุณเป็นอะไรไปอีก ผมจะดูแลคุณให้ดีกว่าที่ผ่านมา ผมสัญญา” เขาตำหนิตัวเองถึงเรื่องวันเกิดอุบัติเหตุเป็นร้อยรอบพันรอบตลอดหนึ่งสัปดาห์
“ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกคะ มันเป็นอุบัติเหตุ ฉันไม่ทันระวังเอง พอดีแหวนมันร่วงไปตอนไหนก็ไม่รู้ฉันเลยก้มไปดู ฉันขอโทษนะคะที่ทำแหวนหมั้นหาย” อริสาพูดจบ เคนอิจิก็ล้วงแหวนออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มที่เขาสวมอยู่
“ตอนที่ผมเอารถไปเข้าศูนย์ ช่างเขาเจอเลยเอามาให้ผม ตอนนี้ผมขอส่งคืนเจ้าของที่แท้จริงนะครับ” เขาคว้ามือเรียวของคนรักมาเพื่อที่จะสวมแหวนกลับเข้าที่เดิมที่มันเคยอยู่ อริสาเผลอทำท่าจะชักมือออก เคนอิจิผงะเล็กน้อยเหลือบมองใบหน้าของคนรัก อริสายิ้มแห้งๆ จริงๆ แล้วเธอพยายามจะยิ้มให้ดูสดชื่นกว่านี้ แต่ว่าทำได้แค่นี้จริงๆ เห็นดังนั้นชายหนุ่มจึงผลิกหงายมือแล้ววางแหวนลงบนฝ่ามือของเธอ เขารับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน เพราะสำหรับเขาอริสาไม่ได้เป็นเพียงคนรักธรรมดา แต่พวกเขาเป็นเพื่อนกันมาก่อนด้วย ตลอดเวลาที่คบกันมา 10 ปีจึงทำให้รู้จักนิสัยใจคอกันมาก พอๆกับการรู้ใจกันแค่เพียงมองตาของอีกฝ่ายเท่านั้น เมื่อส่งแหวนให้คนรักไปแล้วเขาก็ยืนนิ่งไป ในใจกำลังคิดถึงสาเหตุของท่าทีแปลกๆที่คนรักมีต่อเขา
“โอ๊ย หิวแล้วไปหาอะไรกินกันเถอะนะ” นิชนกพูดเสียงดังทำลายความเงียบ เพราะยืนมองอาการพี่สาวอยู่นานแล้ว เห็นท่าไม่ดีต้องทำอะไรสักอย่าง
“จริงด้วยสิ เย็นแล้วนี่นา อริสจังจะไปรถคันเดียวกับผมหรือน้องนิชหละ” เคนอิจิถามขึ้น อีกครั้งที่อริสายืนเงียบ ส่งสายตามาทางน้องสาวอย่างเป็นนัยๆ เธอยังไม่อยากอยู่กับเคนอิจิสองต่อสองในตอนนี้ เพราะรู้ว่าจิตใจยังกระวนกระวายถึงแต่เรื่องยูทากะ เธอต้องการเวลาและระยะห่างเพื่อจัดการกับความรู้สึกของตัวเองให้เป็นปกติเสียก่อน
“ไปกับฉันดีกว่าคะพี่เคน พอดีว่าสาวๆมีเรื่องเม้าท์กันเยอะ ขอยืมตัวก่อนนะคะ” นิชนกรีบเข้ามาคว้าแขนพี่สาว เคนอิจิยังไม่ทันตอบตกลง เธอก็ลากอริสาเดินนำหน้าไปก่อน
มื้อเย็นวันนั้นผ่านพ้นไปอย่างเอื่อยเฉื่อย อริสาเอาแต่เขี่ยอาหารในจานไปมา เคนอิจิรู้ดีว่าเมื่อคนรักมีอาการเช่นนี้ไม่ควรพูดหรือถามอะไรมากนัก จึงเอาแต่นั่งมองอยู่อย่างนั่น และแทบจะไม่แตะต้องอาหารเลย มีเพียงนิชนกที่เอาแต่กินอย่างเอร็ดอร่อยเหมือนไม่ได้ทานมื้อเที่ยงมา เธอพยามยามชวนเคนอิจิและพี่สาวคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อยเปื่อยเพื่อทำลายความเงียบ แต่ก็ได้ผลเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น หลังจากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันกลับที่พัก โดยก่อนที่อริสาจะขึ้นรถที่น้องสาวสตาร์ทเครื่องรอ เธอได้เดินไปส่งคนรักที่รถของเขา
“ขอโทษนะคะ” อริสาบอกกับเคนอิจิเบาๆ ชายหนุ่มเลิกคิ้วก่อนถามกลับทันที
“ขอโทษเรื่องอะไรอริสจัง”
“ขอโทษที่ทำให้คุณเป็นห่วง ฉันรู้ว่าฉันดูแปลกๆไป ขอเวลาฉันปรับตัวหน่อยนะคะ ฉันแค่...” ยังไม่จบประโยคจากปากหญิงสาว เคนอิจิก็ดึงตัวเธอมาโอบกอดอย่างทะนุถนอม
“ไม่ต้องขอโทษอะไรทั้งนั้น ขอแค่คุณไม่จากผมไปไหนอีกก็พอแล้ว” เขาพูดพรางลูบผมสลวยของคนรัก อริสาไม่ได้รับคำแต่อย่างใด เธอบอกลาและกำชับให้เขาขับรถดีๆ ยืนมองรถเก๋งสีดำออกตัวไปจนลับสายตาแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
ที่โรงแรม หลังจากอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว อริสานำดอกอาจิไซสีชมพูที่ตอนนี้เริ่มจะกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ มาแปะด้วยเทปใสลงบนหน้าว่างหน้าหนึ่งของสมุดไดอารี่เล่มเล็กของเธอ พร้อมเขียนคำสั้นๆ ไว้ใต้ดอกไม้นั้นว่า...“Yes, I do.”...คำที่เธอควรพูดต่อหน้ายูทากะในวันนั้น วันที่ 9 สิงหาคม 1945 ก่อนที่ระเบิดปรมาณูจะพรากเขาไปจากเธอตลอดกาล อริสาสรุปด้วยตัวเองว่า หากเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอเป็นปาฏิหาริย์จริงๆ ปาฏิหาริย์คงต้องการให้เธอแก้ไขเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่เธอก็ทำพลาดจนได้...ไม่มีปาฏิหาริย์อีกแล้วอริสา... เธอคิดในใจ น้ำใสๆก็กลิ้งจากแก้มเนียนหยดลงบนตัวหนังสือที่เธอเขียน หมึกที่ยังไม่แห้งสนิทก็กระจายตัวตามหยดน้ำเป็นวง นิชนกเดินออกมาจากห้องน้ำ กำลังเช็ดผมที่เปียกหมาดๆ ด้วยผ้าขนหนู เหลือบเห็นพี่สาวนั่งซึมใจลอยอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง จึงแสร้งกระแอมไอใส่ อริสารู้สึกตัวก็รีบเช็ดน้ำตาลวกๆ
“เฮ้อ เห็นพี่เป็นอย่างนี้แล้วฉันไม่สบายใจเลยนะ” นิชนกพูดพรางทิ้งตัวลงบนเตียง
“พี่ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”
“ก็เห็นอยู่ว่าเป็น พรุ่งนี้พ่อกับแม่มาถึง ถ้าเห็นพี่เป็นแบบนี้ต้องไม่สบายใจแน่ๆ”
“รู้แล้วน่า” อริสารู้ว่าควรทำตัวยังไงเพื่อไม่ให้พ่อแม่เป็นห่วง เธอต้องยิ้มแย้ม เธอต้องร่าเริง เธอทำได้ เพียงแต่มันสวนทางกับความรู้สึกจริงๆ ตอนนี้แบบสุดขั้ว เธออยากร้องไห้ดังๆ เธออยากหาหนทางที่จะได้พบเขาอีกครั้ง...ยูทากะ...
เช้ามืดวันต่อมาอริสาบอกนิชนกว่าอยากไปรับศิริและพลภัทรที่สนามบินด้วย จึงโทรศัทพ์บอกเคนอิจิให้แวะมารับที่โรงแรม ก่อนมุ่งหน้าไปยังสนามบินนานาชาตินาริตะ ทันทีที่ผู้อาวุโสทั้งสองเห็นลูกสาวคนโตยืนยิ้มตอนรับอยู่ก็รีบเข้ามากอดด้วยความดีใจ
“ลูกแม่ ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมลูก” ศิริพูเสียงเครือ มือพรางลูบหน้าลูบผมลูกสาวอย่างแสนรัก
“คะแม่ หนูไม่เป็นอะไรแล้ว พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” อริสาบอก สีหน้าแจ่มใสดี
“คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองนะลูก พ่อหนะสวดมนต์ทุกคืนเลย” พลภัทรพูดขึ้นบ้าง พยายามกลั้นน้ำตาไว้
“โอ๊ย หมดเวลาดราม่ากันแล้วคะ เราไปฉลองกันดีกว่า เย้” นิชนกพูดแทรกขึ้นมา
“นั่นสินะ แล้วน้องนิชอยากกินอะไรหละ” เคนอิจิหันมาถามน้องสาวของคนรัก ที่ตอนนี้นัยน์ตาเป็นประกาย แน่นอนว่านิชนกมีคำตอบสำหรับอาหารมื้อเช้าไว้อยู่แล้ว
“มื้อนี้นิชนกขอนำเสนอ นางาซากิ ซาราอูด้ง อยากรู้ว่าเป็นยังไง อร่อยแค่ไหนตามมาเลยค่า” พูดจบก็เดินนำหน้าไปก่อน ท่าเดินเหมือนตอนอยู่ในเครื่องแบบแอร์โฮสเตท ทำเอาทุกคนอดหัวเราะไม่ได้ อริสาเองก็พลอยหัวเราะไปด้วย แม้ว่าในใจจะยังเศร้าหมองอยู่ แต่นิชนกก็สามารถทำให้เธอหัวเราะจริงๆ ได้ เคนอิจิเห็นคนรักยิ้มแย้มเขาเบาใจขึ้นเยอะ คว้ามือเรียวของเธอมากุมไว้ขณะเดินไปยังที่จอด ยิ่งทำให้อริสาคิดถึงสัมผัสอุ่นๆ จากมือหนาของยูทากะ แม้จะหลงเหลืออยู่เพียงบางเบา แต่ก็ยังรู้สึกได้
ขอบคุณ
https://www.youtube.com/watch?v=6wljHfS7M6Y
http://www.ilovetogo.com/Article/82/1931/Ringer-Hut-%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B4-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-K-Village
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ