มาตรา...มายารัก
9.1
เขียนโดย ปัณณพร
วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.54 น.
7 ตอน
1 วิจารณ์
9,814 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 มีนาคม พ.ศ. 2557 04.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
6)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความศูนย์อาหาร บริษัทวิฑิตโยธิน กรุ๊ป
“ ไว้วันหลังพี่พาปันไปทานข้าวข้างนอกนะ ข้าวที่ศูนย์อาหารของพนักงานคงจะไม่ถูกปากปันเท่าไหร่ ” ชานนท์เอ่ยขึ้นอย่างคิดจะเอาใจปัณชญา
“ ไม่ต้องหรอกค่ะพี่ชานนท์ ปันก็เป็นพนักงานบริษัทคนหนึ่งเหมือนกัน ทานข้าวที่ศูนย์อาหารที่นี่รสชาติอาหารก็ถูกปากไม่ได้แย่อะไร ไม่เสียเวลาเดินทาง ราคาถูก ประหยัดเงินได้เยอะเลยนะคะ ” ปัณชญาพูดพร้อมกับตักข้าวกลางวันเข้าปากและเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
“ ว่าแต่ปันมาทำงานที่นี่ได้ยังไงหรอ ? และที่สำคัญมาเป็นเลขาให้พี่วิภูได้ยังไง ? แล้วพี่ปุณพี่ชายของปันยอมหรอ ? ” ชานนท์ยิงคำถามใส่ปัณชญาด้วยความสงสัย
“ จะให้ปันตอบคำถามข้อไหนก่อนดีค่ะ พี่นนท์ ”
“ ข้อไหนก่อนก็ได้จ้ะ ตามที่ปันสะดวกเลย ”
“ ข้อที่หนึ่งปันมาทำงานที่นี่ได้เพราะคุณวิภูเป็นเพื่อนกับพี่ปุณ ข้อสองปันมาเป็นเลขาคุณวิภูได้ก็เพราะพี่ปุณ และจากทั้งสองข้อที่ปันพูดมาคงจะตอบคำถามข้อที่สามของพี่นนท์ได้ชัดเจนนะคะ ”
“ เพราะพี่ปุณหมดเลย พี่ปุณของปันนี่ก็ยังคงรักหวงห่วงปันไม่เลิกสินะ ”
“ แต่ตอนที่เราคบกันพี่เห็นปันมุ่งมั่นอยากจะเป็นผู้พิพากษานี่ ไหงผันตัวเองมาเป็นเลขาอย่างนี้หล่ะ ? ”
“ เวลาเปลี่ยนใจปันก็เปลี่ยนหน่ะคะ สุดท้ายปันก็ต้องยอมรับ ดิ้นรนตามความฝันไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะยังไงพี่ปุณก็คงไม่ยอม ปันว่าปันทำตามที่พี่ปุนบอกก็สบายดีเหมือนกันนะคะ วันๆไม่ต้องอ่านหนังสือ หนังท่องมาตราให้เหนื่อย มาทำงานเป็นเลขาสบายๆ มีเงินเดือนใช้ ” ปัณชญาแสร้งเล่าความเท็จให้ชานนท์ฟัง
“ ปันอยากสบายกว่านี้ไหมหล่ะ มาทำงานเป็นเลขาพี่สิ ” ชานนท์ยื่นข้อเสนอให้ปัณชญา
“ ให้ปันไปเป็นเลขาพี่นนท์ แทนคุณวิภูนี่นะคะ มันจะดีกว่ากันตรงไหน ในเมื่อคุณวิภูเป็นถึงลูกเจ้าของบริษัทส่วนพี่นนท์เป็นแค่หลานเจ้าของบริษัท ” ปัณชญาแกล้งถามชานนท์อย่างซื้อๆ
“ ถึงพี่จะเป็นแค่หลานเจ้าของบริษัท แต่พ่อของพี่เป็นถึงคนดูแลฝ่ายการตลาดของบริษัทวิฑิตโยธิน กรุ๊ปเลยนะ แล้วตั้งแต่ที่คุณลุงภูสิทธิ์พ่อของพี่วิภูป่วยเนี่ย พ่อของพี่ก็ได้รับมอบหมายจากคุณลุงให้ดูแลบริษัทรับเหมาก่อสร้างในเครือวิฑิตโยธิน กรุ๊ป ด้วยนะ งานของพ่อพี่ล้นมือ จนพี่ต้องมาช่วยนี่แหละ ”
“ โห...งานของพี่นนท์กับคุณภูผา คุณพ่อของพี่นนท์เยอะจังเลยนะคะ ไม่เหมือนตาคุณวิภูอะไรนั่น วันๆก็ไม่เห็นต้องทำอะไร แค่เซ็นต์เอกสารไปวันๆ ปันนั่งอยู่กับตานั่นที่ห้องทำงานทั้งวัน นี่แค่มาทำงานวันแรกนะคะ น่าเบื่ออย่าบอกใครเลยค่ะ อุ๊ย!!! ลืมไปปันไม่ควรเม้าท์เจ้านายให้คนอื่นฟังพี่นนท์อย่าเอาไปบอกคุณวิภูนะคะ ” ปัณชญาแสร้งทำเป็นเม้าท์วิภูวรรธน์ให้ชานนท์ฟังเพื่อให้ชานนท์ไว้ใจเธอมากขึ้น
“ ถ้าน้องปัน พร้อมจะเปลี่ยนใจมาเป็นเลขาพี่เมื่อไหร่ก็มาหาพี่ที่ห้องทำงานเลยนะ พี่ยินดีเสมอ ” ชานนท์เอ่ยชักชวนปัณชญาอีกครั้งและลอบมองปัณชญาอย่างพอใจเพราะคิดว่าปัณชญาคล้อยตามมาทางตน
“ ปันขอคิดดูอีกสักหน่อยนะคะ นี่ปันพึ่งมาทำงานวันแรก จะให้ปันลาออกจากการเป็นเลขาคุณวิภู ไปเป็นเลขาพี่นนท์เลยก็น่าเกลียด ” ปัณชญาแกล้งบอกอย่างลังเล
“ แล้วเรื่องความสัมพันธ์ของเรา พี่ว่าเราควรจะ... ”
“ อุ๊ย!! พี่นนท์คะ ใกล้ถึงเวลาทำงานแล้วปันต้องรีบไปแล้วคะ ขอบคุณที่เลี้ยงข้าวกลางวันปันนะค่ะ แล้วเรื่องอื่นเราไว้คุยกันนะคะ ” ปัณชญาทำเป็นไม่สนใจคำพูดของชานนท์ แล้วรีบพูดตัดบทสนทนา พร้อมกับชูนาฬิกาข้อมือให้ชานนท์ดูและรีบวิ่งจากศูนย์อาหารบริษัทวิฑิตโยธิน กรุ๊ป ออกไปอย่างรวดเร็ว
“ โอ๊ย…จุกชะมัดเลยเรา ไม่น่ารีบชิ่งหนีมาแบบนั้นเลย ” ปัณชญาบ่นพรึมพรำกับตัวเองเมื่อเข้ามาถึงห้องทำงานของวิภูวรรธน์
“ เป็นไงครับ คุณเลขาทานข้าวกลางวันกับคนรักเก่าอร่อยไหมครับ ” วิภูวรรธน์พูดแขวะปัณชญาขึ้นมา
“ ก็อร่อยดีค่ะ คุณวิภู อร่อยกว่าคนที่นั่งทานข้าวคนเดียว ” หลังจากที่ได้ยินวิภูวรรธน์แขวะเธอปัณชญาก็อดที่จะแขวะวิภูวรรธน์กลับด้วยความหมันไส้ไม่ได้ ตกลงวิภูวรรธน์เป็นคนแบบไหนกันแน่นะ ตกลงเขาจะเป็นผู้ชายใจดีอบอุ่นแบบเมื่อตอนเช้า หรือจะเป็นผู้ชายปากหมาชอบแขวะชอบกัดชาวบ้านแบบตอนนี้
“ ใครทานข้าวคนเดียวกันครับ ”
“ อ้าว...แล้วถ้าเจ้านายไม่ได้ไปทานข้าวคนเดียว แล้วไปทานกับใครหล่ะ ? ” ปัณชญาถามขึ้นอย่างสงสัย
“ ผมไม่ได้ทานข้าวคนเดียว และผมก็ไม่ได้ไปทานข้าวกับใครทั้งนั้นแหละครับ ผมยังไม่ได้ไปทานข้าวกลางวัน ” วิภูวรรธน์ตอบปัณชญาตรงๆ
ตายจริง คุณวิภูจะทานอะไรไหมคะ เดี๋ยวปันไปหามาให้ ” ปัณชญาพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิดเพราะเธอหนีไปกินข้าวคนเดียวแท้ๆ ให้ตายสิเธอนี่เป็นเลขาที่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆหนีไปกินข้าวก่อนเจ้านาย ทิ้งให้เจ้าหน้าไม่ได้กินข้าวกินปลา ปัณชญาเริ่มรู้สึกโกรธตัวเอง
“ ผมไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ ขอลาเต้เย็นแก้วหนึ่งแล้วกันนะครับ ” วิภูวรรธน์ตอบอย่างเรียบๆเมื่อเห็นท่าทีที่อ่อนลงของหญิงสาว
รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวปันไปซื้อมาให้ ”
วิภูวรรธน์ได้แต่มองตามปัณชญาที่เดินออกจากห้องไปซื้อลาเต้เย็นให้เขาอย่างแปลกใจ กับท่าทีที่อ่อนลงอย่างง่ายดายของหญิงสาว เธอคงจะรู้สึกผิดหล่ะมั้งที่ปล่อยให้เขาไม่ได้กินข้าวกลางวัน ทั้งๆที่วันนี้เขาตั้งใจจะชวนเธอไปกินข้าวกลางวันด้วยกันแท้ๆ แต่เธอกลับเดินจูงมือนายชานนท์นั่น ออกไปกินข้าวกลางวันกันสองคน มันเลยทำให้เค้าอดที่จะแขวะเมื่อเห็นเธอกลับมาที่ห้องไม่ได้
ภูวรรธน์ก็ไม่เข้าใจอารมณ์ขึ้นๆลงๆของตัวเองเหมือนกัน การที่มีปัณชญามาอยู่ใกล้ๆทำให้เค้ารู้สึกปั่นป่วนไม่น้อย เค้าไม่เคยอยู่ใกล้ผู้หญิงคนไหนนานขนาดนี้ แล้วนี่ปัณชญาจะต้องอยู่ใกล้ๆคอยเป็นเลขาให้เค้านานเท่าไหร่กัน คิดๆแล้ววิภูวรรธน์ก็เริ่มหวั่นกับความใกล้ชิดระหว่างเขาและปัณชญา ท่องไว้วิภูวรรธน์ น้องสาวของเพื่อน น้องสาวของเพื่อน น้องสาวของเพื่อน
“ ปันชญา ปัน ปัน คุณปัณชญาครับ !!! ” วิภูวรรธน์เรียกปัณชญาด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆ
วิภูวรรธน์เหลือบมองดูนาฬิกาที่ติดอยู่ที่ผนังห้องเวลาก็ปาไปสองทุ่มกว่าแล้ว ปัณชญาไม่เคยทำงาน ปกติเธอแค่อยู่บ้านอ่านหนังสือ การที่เธอต้องมาทำงานเป็นเลขาให้กับเขาแถมยังต้องเดินไปเดินมาทั้งวัน เธอคงเหนื่อยน่าดู ถึงขั้นผล็อยหลับไปคาโต๊ะทำงานขนาดนี้ เมื่อเรียกด้วยเสียงแล้วปัณชญาไม่ยอมตื่น วิภูวรรธน์จึงเริ่มใช้มือสะกิดแขนเธอ
“ ค่ะ!!! คุณวิภูมีอะไรให้ปันทำหรอค่ะ ” ปัณชญาสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ
“ ไม่มีอะไรหรอกครับคุณปัน ผมแค่จะปลุกคุณกลับบ้านหน่ะครับ ”
“ ตายจริงกี่โมงแล้วคะเนี่ย ” ปัณชญาถามด้วยความสงสัย
“ สองทุ่มกว่าแล้วครับ ป่านนี้ไอ้ปุณพี่ชายคุณคงเป็นห่วงแล้วแหละโทรมาหาผมตั้งหลายสายเห็นว่าโทรหาคุณไม่ติด ”
“ อ่อ โทรศัพท์ปันแบตหมดหน่ะค่ะ พอดีปันลืมเอาที่ชาร์ตแบตมา ถ้างั้นเรากลับกันเลยไหมคะ ” ปัณชญาพูดพลางพร้อมลุกหยิบกระเป๋าสะพายข้างของตัวเองขึ้นมา
“โอ๊ย...” ปัณชญาร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมล้มลงไปนั่งกองกับพื้นอย่างรวดเร็ว
“ คุณปันเป็นอะไรหรอครับ ” วิภูวรรธน์ถามอาการหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง
“ สงสัยปันคงจะเป็นตะคริวหน่ะค่ะ คงจะนั่งหลับบนเก้าอี้นานไปหน่อยเลือดมันคงไม่เดิน เดี๋ยวขอปันนั่งสักพักก็คงคงจะดีขึ้น ”
“ มางั้นผมช่วยนะครับ ” วิภูวรรธน์พูดพลางย่อตัวลงไปอุ้มปัณชญาขึ้นมา และอุ้มเธอไปวางบนโซฟารับแขกซึ่งอยู่กลางห้องทำงานของเขา
เมื่อวิภูวรรธน์วางปัณชญาลงกับโซฟา เขาก็ทำท่าจะถอดรองเท้าของปัณชญาออก เพื่อจะได้นวดให้เธอได้สะดวกแต่ปัณชญากลับพยายามที่จะเอาเท้าหลบ
“ คุณวิภูจะทำอะไรคะ ” ปัณชญาถามขึ้นอย่างสงสัย
“ ผมจะนวดเท้าให้คุณไงครับ จะได้หายเป็นตะคริวไวๆ คุณจะได้รู้สึกสบาย ”
“ อย่าดีกว่าค่ะ ปล่อยไว้อีกสักพักก็คงจะหาย ” ปัณชญาพยายามปฏิเสธวิภูวรรธน์
“ อย่าดื้อสิครับคุณปัน ผมเชื่อว่าถ้าไอ้ปุณพี่ชายของคุณรู้ว่าคุณเป็นแบบนี้ก็คงทำแบบเดียวกันกับผม ” วิภูวรรธน์พูดกับปัณชญาด้วยน้ำเสียงดุๆ
หลังจากเห็นท่าทีของปัณชญาไม่ปฏิเสธเขาแล้ว ปุณณภพก็ถอดรองเท้าของปัณชญาออกแล้วนวดเท้าทั้งสองข้างให้ปัณชญาอย่างอ่อนโยน จนทำให้ปัณชญาอดที่จะลอบมองพฤติกรรมของชายหนุ่มที่ทำกับตนไม่ได้
“ ทีนี้คุณปัน ลองลุกขึ้นเดินดูสิครับ ว่าโอเคหรือยัง รู้สึกดีขึ้นหรือเปล่า ” วิภูวรรธน์พูดพร้อมกับพยุงปัณชญาลุกขึ้นยืน
“ โอเคแล้วคะ ปันเดินได้ปกติแล้ว ขอบคุณนะคะเรากลับบ้านกันเถอะคะ ” ปัณชญาพูดพร้อมกับทำท่าจะคว้ากระเป๋าสะพายข้างของตนเดินนำวิภูวรรธน์ไปแต่วิภูวรรธน์ไว้กว่า หยิบกระเป๋าสะพายของเธอขึ้นมาถือไว้ซะแล้ว
“ เดี๋ยวผมช่วยถือนะครับ ” วิภูวรรธน์บอกปัณชญาอย่างสุภาพ
“ แต่... ” ปัณชญาอ้าปากจะพูดปฏิเสธวิภูวรรธน์เพราะกลัวพนักงานบริษัททคนอื่นจะมาเห็น
“ ไม่ต้องกลัวคนอื่นจะเห็นหรอกครับคุณปัน วันนี้วันจันทร์บริษัทของเราไม่เปิดให้พนักงานบริษัททำโอที พนักงานในบริษัทกลับกันไปตั้งแต่ห้าโมงเย็นแล้วครับ ”
ปัณชญาหมดปัญญาที่จะเถียงกับวิภูวรรธน์จึงได้แต่นิ่งเงียบและเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย
“ ไว้วันหลังพี่พาปันไปทานข้าวข้างนอกนะ ข้าวที่ศูนย์อาหารของพนักงานคงจะไม่ถูกปากปันเท่าไหร่ ” ชานนท์เอ่ยขึ้นอย่างคิดจะเอาใจปัณชญา
“ ไม่ต้องหรอกค่ะพี่ชานนท์ ปันก็เป็นพนักงานบริษัทคนหนึ่งเหมือนกัน ทานข้าวที่ศูนย์อาหารที่นี่รสชาติอาหารก็ถูกปากไม่ได้แย่อะไร ไม่เสียเวลาเดินทาง ราคาถูก ประหยัดเงินได้เยอะเลยนะคะ ” ปัณชญาพูดพร้อมกับตักข้าวกลางวันเข้าปากและเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
“ ว่าแต่ปันมาทำงานที่นี่ได้ยังไงหรอ ? และที่สำคัญมาเป็นเลขาให้พี่วิภูได้ยังไง ? แล้วพี่ปุณพี่ชายของปันยอมหรอ ? ” ชานนท์ยิงคำถามใส่ปัณชญาด้วยความสงสัย
“ จะให้ปันตอบคำถามข้อไหนก่อนดีค่ะ พี่นนท์ ”
“ ข้อไหนก่อนก็ได้จ้ะ ตามที่ปันสะดวกเลย ”
“ ข้อที่หนึ่งปันมาทำงานที่นี่ได้เพราะคุณวิภูเป็นเพื่อนกับพี่ปุณ ข้อสองปันมาเป็นเลขาคุณวิภูได้ก็เพราะพี่ปุณ และจากทั้งสองข้อที่ปันพูดมาคงจะตอบคำถามข้อที่สามของพี่นนท์ได้ชัดเจนนะคะ ”
“ เพราะพี่ปุณหมดเลย พี่ปุณของปันนี่ก็ยังคงรักหวงห่วงปันไม่เลิกสินะ ”
“ แต่ตอนที่เราคบกันพี่เห็นปันมุ่งมั่นอยากจะเป็นผู้พิพากษานี่ ไหงผันตัวเองมาเป็นเลขาอย่างนี้หล่ะ ? ”
“ เวลาเปลี่ยนใจปันก็เปลี่ยนหน่ะคะ สุดท้ายปันก็ต้องยอมรับ ดิ้นรนตามความฝันไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะยังไงพี่ปุณก็คงไม่ยอม ปันว่าปันทำตามที่พี่ปุนบอกก็สบายดีเหมือนกันนะคะ วันๆไม่ต้องอ่านหนังสือ หนังท่องมาตราให้เหนื่อย มาทำงานเป็นเลขาสบายๆ มีเงินเดือนใช้ ” ปัณชญาแสร้งเล่าความเท็จให้ชานนท์ฟัง
“ ปันอยากสบายกว่านี้ไหมหล่ะ มาทำงานเป็นเลขาพี่สิ ” ชานนท์ยื่นข้อเสนอให้ปัณชญา
“ ให้ปันไปเป็นเลขาพี่นนท์ แทนคุณวิภูนี่นะคะ มันจะดีกว่ากันตรงไหน ในเมื่อคุณวิภูเป็นถึงลูกเจ้าของบริษัทส่วนพี่นนท์เป็นแค่หลานเจ้าของบริษัท ” ปัณชญาแกล้งถามชานนท์อย่างซื้อๆ
“ ถึงพี่จะเป็นแค่หลานเจ้าของบริษัท แต่พ่อของพี่เป็นถึงคนดูแลฝ่ายการตลาดของบริษัทวิฑิตโยธิน กรุ๊ปเลยนะ แล้วตั้งแต่ที่คุณลุงภูสิทธิ์พ่อของพี่วิภูป่วยเนี่ย พ่อของพี่ก็ได้รับมอบหมายจากคุณลุงให้ดูแลบริษัทรับเหมาก่อสร้างในเครือวิฑิตโยธิน กรุ๊ป ด้วยนะ งานของพ่อพี่ล้นมือ จนพี่ต้องมาช่วยนี่แหละ ”
“ โห...งานของพี่นนท์กับคุณภูผา คุณพ่อของพี่นนท์เยอะจังเลยนะคะ ไม่เหมือนตาคุณวิภูอะไรนั่น วันๆก็ไม่เห็นต้องทำอะไร แค่เซ็นต์เอกสารไปวันๆ ปันนั่งอยู่กับตานั่นที่ห้องทำงานทั้งวัน นี่แค่มาทำงานวันแรกนะคะ น่าเบื่ออย่าบอกใครเลยค่ะ อุ๊ย!!! ลืมไปปันไม่ควรเม้าท์เจ้านายให้คนอื่นฟังพี่นนท์อย่าเอาไปบอกคุณวิภูนะคะ ” ปัณชญาแสร้งทำเป็นเม้าท์วิภูวรรธน์ให้ชานนท์ฟังเพื่อให้ชานนท์ไว้ใจเธอมากขึ้น
“ ถ้าน้องปัน พร้อมจะเปลี่ยนใจมาเป็นเลขาพี่เมื่อไหร่ก็มาหาพี่ที่ห้องทำงานเลยนะ พี่ยินดีเสมอ ” ชานนท์เอ่ยชักชวนปัณชญาอีกครั้งและลอบมองปัณชญาอย่างพอใจเพราะคิดว่าปัณชญาคล้อยตามมาทางตน
“ ปันขอคิดดูอีกสักหน่อยนะคะ นี่ปันพึ่งมาทำงานวันแรก จะให้ปันลาออกจากการเป็นเลขาคุณวิภู ไปเป็นเลขาพี่นนท์เลยก็น่าเกลียด ” ปัณชญาแกล้งบอกอย่างลังเล
“ แล้วเรื่องความสัมพันธ์ของเรา พี่ว่าเราควรจะ... ”
“ อุ๊ย!! พี่นนท์คะ ใกล้ถึงเวลาทำงานแล้วปันต้องรีบไปแล้วคะ ขอบคุณที่เลี้ยงข้าวกลางวันปันนะค่ะ แล้วเรื่องอื่นเราไว้คุยกันนะคะ ” ปัณชญาทำเป็นไม่สนใจคำพูดของชานนท์ แล้วรีบพูดตัดบทสนทนา พร้อมกับชูนาฬิกาข้อมือให้ชานนท์ดูและรีบวิ่งจากศูนย์อาหารบริษัทวิฑิตโยธิน กรุ๊ป ออกไปอย่างรวดเร็ว
“ โอ๊ย…จุกชะมัดเลยเรา ไม่น่ารีบชิ่งหนีมาแบบนั้นเลย ” ปัณชญาบ่นพรึมพรำกับตัวเองเมื่อเข้ามาถึงห้องทำงานของวิภูวรรธน์
“ เป็นไงครับ คุณเลขาทานข้าวกลางวันกับคนรักเก่าอร่อยไหมครับ ” วิภูวรรธน์พูดแขวะปัณชญาขึ้นมา
“ ก็อร่อยดีค่ะ คุณวิภู อร่อยกว่าคนที่นั่งทานข้าวคนเดียว ” หลังจากที่ได้ยินวิภูวรรธน์แขวะเธอปัณชญาก็อดที่จะแขวะวิภูวรรธน์กลับด้วยความหมันไส้ไม่ได้ ตกลงวิภูวรรธน์เป็นคนแบบไหนกันแน่นะ ตกลงเขาจะเป็นผู้ชายใจดีอบอุ่นแบบเมื่อตอนเช้า หรือจะเป็นผู้ชายปากหมาชอบแขวะชอบกัดชาวบ้านแบบตอนนี้
“ ใครทานข้าวคนเดียวกันครับ ”
“ อ้าว...แล้วถ้าเจ้านายไม่ได้ไปทานข้าวคนเดียว แล้วไปทานกับใครหล่ะ ? ” ปัณชญาถามขึ้นอย่างสงสัย
“ ผมไม่ได้ทานข้าวคนเดียว และผมก็ไม่ได้ไปทานข้าวกับใครทั้งนั้นแหละครับ ผมยังไม่ได้ไปทานข้าวกลางวัน ” วิภูวรรธน์ตอบปัณชญาตรงๆ
ตายจริง คุณวิภูจะทานอะไรไหมคะ เดี๋ยวปันไปหามาให้ ” ปัณชญาพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิดเพราะเธอหนีไปกินข้าวคนเดียวแท้ๆ ให้ตายสิเธอนี่เป็นเลขาที่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆหนีไปกินข้าวก่อนเจ้านาย ทิ้งให้เจ้าหน้าไม่ได้กินข้าวกินปลา ปัณชญาเริ่มรู้สึกโกรธตัวเอง
“ ผมไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ ขอลาเต้เย็นแก้วหนึ่งแล้วกันนะครับ ” วิภูวรรธน์ตอบอย่างเรียบๆเมื่อเห็นท่าทีที่อ่อนลงของหญิงสาว
รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวปันไปซื้อมาให้ ”
วิภูวรรธน์ได้แต่มองตามปัณชญาที่เดินออกจากห้องไปซื้อลาเต้เย็นให้เขาอย่างแปลกใจ กับท่าทีที่อ่อนลงอย่างง่ายดายของหญิงสาว เธอคงจะรู้สึกผิดหล่ะมั้งที่ปล่อยให้เขาไม่ได้กินข้าวกลางวัน ทั้งๆที่วันนี้เขาตั้งใจจะชวนเธอไปกินข้าวกลางวันด้วยกันแท้ๆ แต่เธอกลับเดินจูงมือนายชานนท์นั่น ออกไปกินข้าวกลางวันกันสองคน มันเลยทำให้เค้าอดที่จะแขวะเมื่อเห็นเธอกลับมาที่ห้องไม่ได้
ภูวรรธน์ก็ไม่เข้าใจอารมณ์ขึ้นๆลงๆของตัวเองเหมือนกัน การที่มีปัณชญามาอยู่ใกล้ๆทำให้เค้ารู้สึกปั่นป่วนไม่น้อย เค้าไม่เคยอยู่ใกล้ผู้หญิงคนไหนนานขนาดนี้ แล้วนี่ปัณชญาจะต้องอยู่ใกล้ๆคอยเป็นเลขาให้เค้านานเท่าไหร่กัน คิดๆแล้ววิภูวรรธน์ก็เริ่มหวั่นกับความใกล้ชิดระหว่างเขาและปัณชญา ท่องไว้วิภูวรรธน์ น้องสาวของเพื่อน น้องสาวของเพื่อน น้องสาวของเพื่อน
“ ปันชญา ปัน ปัน คุณปัณชญาครับ !!! ” วิภูวรรธน์เรียกปัณชญาด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆ
วิภูวรรธน์เหลือบมองดูนาฬิกาที่ติดอยู่ที่ผนังห้องเวลาก็ปาไปสองทุ่มกว่าแล้ว ปัณชญาไม่เคยทำงาน ปกติเธอแค่อยู่บ้านอ่านหนังสือ การที่เธอต้องมาทำงานเป็นเลขาให้กับเขาแถมยังต้องเดินไปเดินมาทั้งวัน เธอคงเหนื่อยน่าดู ถึงขั้นผล็อยหลับไปคาโต๊ะทำงานขนาดนี้ เมื่อเรียกด้วยเสียงแล้วปัณชญาไม่ยอมตื่น วิภูวรรธน์จึงเริ่มใช้มือสะกิดแขนเธอ
“ ค่ะ!!! คุณวิภูมีอะไรให้ปันทำหรอค่ะ ” ปัณชญาสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ
“ ไม่มีอะไรหรอกครับคุณปัน ผมแค่จะปลุกคุณกลับบ้านหน่ะครับ ”
“ ตายจริงกี่โมงแล้วคะเนี่ย ” ปัณชญาถามด้วยความสงสัย
“ สองทุ่มกว่าแล้วครับ ป่านนี้ไอ้ปุณพี่ชายคุณคงเป็นห่วงแล้วแหละโทรมาหาผมตั้งหลายสายเห็นว่าโทรหาคุณไม่ติด ”
“ อ่อ โทรศัพท์ปันแบตหมดหน่ะค่ะ พอดีปันลืมเอาที่ชาร์ตแบตมา ถ้างั้นเรากลับกันเลยไหมคะ ” ปัณชญาพูดพลางพร้อมลุกหยิบกระเป๋าสะพายข้างของตัวเองขึ้นมา
“โอ๊ย...” ปัณชญาร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมล้มลงไปนั่งกองกับพื้นอย่างรวดเร็ว
“ คุณปันเป็นอะไรหรอครับ ” วิภูวรรธน์ถามอาการหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง
“ สงสัยปันคงจะเป็นตะคริวหน่ะค่ะ คงจะนั่งหลับบนเก้าอี้นานไปหน่อยเลือดมันคงไม่เดิน เดี๋ยวขอปันนั่งสักพักก็คงคงจะดีขึ้น ”
“ มางั้นผมช่วยนะครับ ” วิภูวรรธน์พูดพลางย่อตัวลงไปอุ้มปัณชญาขึ้นมา และอุ้มเธอไปวางบนโซฟารับแขกซึ่งอยู่กลางห้องทำงานของเขา
เมื่อวิภูวรรธน์วางปัณชญาลงกับโซฟา เขาก็ทำท่าจะถอดรองเท้าของปัณชญาออก เพื่อจะได้นวดให้เธอได้สะดวกแต่ปัณชญากลับพยายามที่จะเอาเท้าหลบ
“ คุณวิภูจะทำอะไรคะ ” ปัณชญาถามขึ้นอย่างสงสัย
“ ผมจะนวดเท้าให้คุณไงครับ จะได้หายเป็นตะคริวไวๆ คุณจะได้รู้สึกสบาย ”
“ อย่าดีกว่าค่ะ ปล่อยไว้อีกสักพักก็คงจะหาย ” ปัณชญาพยายามปฏิเสธวิภูวรรธน์
“ อย่าดื้อสิครับคุณปัน ผมเชื่อว่าถ้าไอ้ปุณพี่ชายของคุณรู้ว่าคุณเป็นแบบนี้ก็คงทำแบบเดียวกันกับผม ” วิภูวรรธน์พูดกับปัณชญาด้วยน้ำเสียงดุๆ
หลังจากเห็นท่าทีของปัณชญาไม่ปฏิเสธเขาแล้ว ปุณณภพก็ถอดรองเท้าของปัณชญาออกแล้วนวดเท้าทั้งสองข้างให้ปัณชญาอย่างอ่อนโยน จนทำให้ปัณชญาอดที่จะลอบมองพฤติกรรมของชายหนุ่มที่ทำกับตนไม่ได้
“ ทีนี้คุณปัน ลองลุกขึ้นเดินดูสิครับ ว่าโอเคหรือยัง รู้สึกดีขึ้นหรือเปล่า ” วิภูวรรธน์พูดพร้อมกับพยุงปัณชญาลุกขึ้นยืน
“ โอเคแล้วคะ ปันเดินได้ปกติแล้ว ขอบคุณนะคะเรากลับบ้านกันเถอะคะ ” ปัณชญาพูดพร้อมกับทำท่าจะคว้ากระเป๋าสะพายข้างของตนเดินนำวิภูวรรธน์ไปแต่วิภูวรรธน์ไว้กว่า หยิบกระเป๋าสะพายของเธอขึ้นมาถือไว้ซะแล้ว
“ เดี๋ยวผมช่วยถือนะครับ ” วิภูวรรธน์บอกปัณชญาอย่างสุภาพ
“ แต่... ” ปัณชญาอ้าปากจะพูดปฏิเสธวิภูวรรธน์เพราะกลัวพนักงานบริษัททคนอื่นจะมาเห็น
“ ไม่ต้องกลัวคนอื่นจะเห็นหรอกครับคุณปัน วันนี้วันจันทร์บริษัทของเราไม่เปิดให้พนักงานบริษัททำโอที พนักงานในบริษัทกลับกันไปตั้งแต่ห้าโมงเย็นแล้วครับ ”
ปัณชญาหมดปัญญาที่จะเถียงกับวิภูวรรธน์จึงได้แต่นิ่งเงียบและเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ