มาตรา...มายารัก

9.1

เขียนโดย ปัณณพร

วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.54 น.

  7 ตอน
  1 วิจารณ์
  9,983 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 มีนาคม พ.ศ. 2557 04.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

      “ ที่นี่มันที่ไหนกันคะพี่ปุณ ไหนว่าจะพาปันไปที่ทำงานของพี่ปุณไง พี่ปุณจะขัดขวางไม่ให้ปันทำคดีนี้อีกแล้วใช่ไหมคะ ” ปัณชญาโวยวายขึ้นทันทีที่รถของปุณณภพจอดลงที่หน้าบ้านเดี่ยวสองชั้นสไตล์โมเดริ์น ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ไหนว่าพี่ชายเธอจะไปที่ทำงานไง พี่ชายเธอทำงานที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ใช่หรอ แล้วทำไมถึงได้พาเธอมาที่นี่หล่ะ

     “ ตามพี่เข้าไปแล้วค่อยโวยวายได้ไหมยัยปัน ” ปุณภพพูดพลางกึ่งลากกึ่งจูงปัณชญาที่ทำหน้าบึ้งบอกบุญไม่รับ เพราะคิดว่าถูกพี่ชายของเธอหลอกพามาที่ไหนก็ไม่รู้

     “ อุ๊ย !! ขอโทษนะค่ะ เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ ? ขอโทษจริงๆนะค่ะ เผอิญไม่ได้มองนะคะ ” พิมพ์ลภัสทนายความสาวฝีปากกล้าเอ่ยขึ้นเพราะเธอมัวแต่เดินอ่านเอกสาร สำนวนคดีของลูกความเธออยู่ ไม่ทันมองว่าเธอเดินไปชนใคร จึงเอ่ยขอโทษพลางก้มหัวหงึกหงักเป็นการใหญ่

     “ ไม่เป็นไรคะ แล้วคุณเป็นอะไรมาก...!! ” ไม่ทันจบประโยคปัณชญาก็หยุดเสียงกลางคัน แล้วส่งเสียงพูดด้วยระดับความดังที่ดังมากขึ้นกว่าเดิม

     “ ยัยพิมพ์ !! พิมพ์ลภัสแกจริงๆด้วย !!! ฉันดีใจมากๆเลยที่ได้เจอแก ” ปัณชญาพูดพร้อมกับโผกอดเพื่อนสาวด้วยความดีใจ ส่วนพิมพ์ลภัสเองก็โผกอดเพื่อนสาวด้วยความดีใจเช่นเดียวกัน

          พิมพ์ลภัสรู้อยู่แล้วว่าจะได้เจอปัณชญาที่นี่ และเธอเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าการที่ได้เจอปัณชญาจะทำให้เธอดีใจได้มากขนาดนี้ นานมากแล้วสินะที่ไม่ได้เจอกัน เธอกับปัณชญาเจอกันครั้งสุดท้ายก็เมื่อตอนงานรับปริญญาของเธอทั้งสองคน แม้เวลาจะผ่านมาเกือบๆสองปี แต่ปัณชญาในสายตาของเธอก็ยังดูเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด

          ภาพของปัณชญากับพิมพ์ลภัสที่โผกอดกัน พูดคุยทักทายกันอยู่ในสายตาของผู้กองหนุ่มอย่างปุณณภพตลอดเวลา จนเขาเองก็อดจะอมยิ้มไม่ได้กับเสียงหัวเราะของสาวๆเวลาพูดคุยกัน ปัณชญาน้องสาวของเขาในเวลานี้เธอดูมีความสุขเหลือเกิน

     “ พี่ปุณ สวัสดีคะ ไม่เจอกันตั้งนานพี่ปุณก็ยังดูหล่อ เท่ห์ เหมือนเดิมนะค่ะ ” พิมพ์ลภัสหันไปทักทายปุณณภพทันที หลังจากที่ได้พูดคุยทักทายกับปัณชญาเพื่อนรักของเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     “ พี่ดีใจที่ได้เจอเธอนะยัยพิมพ์ ถึงแม้จะเป็นในสถานการณ์ที่เราต้องทำงานร่วมกันก็เถอะ ยังไงพี่ก็ขอให้เราอดทนหน่อยนะ แม้คดีนี้มันจะยากมากๆ แต่พี่เชื่อว่าการได้คนเก่งๆอย่างเธอมาร่วมทีมจะทำให้งานของพวกเราในครั้งนี้สำเร็จลงด้วยดี ” ปุณณภพพูดกับพิมพ์ลภัสด้วยแววตาที่จริงใจ เพราะลึกๆแล้วเขาก็แอบชื่นชมพิมพ์ลภัสไม่ใช่น้อย เด็กสาวที่ทั้งเก่ง แกร่ง และกล้าในคราเดียวกัน

          สมัยที่ปัณชญาน้องสาวของเขาเรียนมหาวิทยาลัยอยู่นั่นเธอมักจะพูดถึง พิมพ์ลภัสและแพรพลอย เพื่อนรักทั้งสองของเธอให้เขาฟังอยู่บ่อยๆ จึงทำให้เขารู้จักพิมพ์ลภัสในระดับหนึ่ง นอกจากเขาจะรู้จักพิมพ์ลภัสจากปากของปัณชญาแล้ว เขายังรู้จักเธอผ่านหน้าหนังสือพิมพ์อีกด้วย หญิงสาวคนนี้เป็นทนายความฝีปากกล้าที่กำลังมีชื่อเสียงในวงการกฎหมายไทยในตอนนี้ นอกจากความเก่งที่มีเฉพาะในตัวเธอแล้ว พิมพ์ลภัสยังพ่วงท้ายมาด้วยดีกรีครอบครัวของเธอที่ยึดถืออาชีพทนายความกันมาตั้งแต่ต้นตระกูลเลยทีเดียว

          หลายครั้งที่ปุณณภพก็อดแปลกใจตัวเองไม่ได้ว่าอะไรกันนะ ที่ทำให้เขาชื่นชมในตัวหญิงสาวคนนี้มากมายขนาดนี้ แต่เขาก็มักจะได้คำตอบแบบเดิมๆเสมอคือ พิมพ์ลภัสเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ ที่น่ายกย่องชื่นชมในความสามารถของเธอมากจริงๆ ประกอบกับรูปร่างหน้าตาของเธอที่ดูก็รู้ว่าเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ตาชั้นเดียวที่มักจะใส่แว่นกรอบสี่เหลี่ยมสีดำเสมอ เหตุเพราะเธอสายตาสั้น และแว่นที่เธอใส่เป็นประจำนี้ปุณณภพก็คิดเสมอว่ามันช่วยเสริมให้พิมพ์ลภัสดูดีมากเลยทีเดียว ประกอบกับปากนิด จมูกหน่อย ใบหน้าของหญิงสาวคนนี้ทำให้เขาลงเสน่ห์ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

          ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเมื่อทันทีที่เขาได้รับมอบหมาย “ ภารกิจลับ ” ที่สำคัญในครั้งนี้จากผู้การพริษฐ์ ผู้บังคับบัญชาของเขา เขาจึงไม่ลังเลยที่จะติดต่อพิมพ์ลภัสมาเป็นหนึ่งในสมาชิกในทีมของเขา เพราะเขาเชื่อมั่นในความสามารถของเธอประกอบกับการที่เขารู้จักเธอมานานจากการที่เธอเป็นเพื่อนของปัณชญาน้องสาวของเขา จึงทำให้เขาคิดว่าพิมพ์ลภัสคือคนที่ไว้ใจได้ในการเข้ามาทำงานครั้งนี้

          และก็เหมือนโชคจะเข้าข้างปุณณภพเพราะพิมพ์ลภัสเองก็ได้รับการว่าจ้างจากลูกความของเธอให้ทำคดีๆหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับคดีที่ปุณณภพทำอยู่จึงทำให้พิมพ์ลภัสไม่ลังเลเลยที่จะตอบตกลงในการร่วมทำคดีครั้งนี้กับปุณณภพเมื่อปุณณภพติดต่อไปหาเธอ

     “ แหม...พี่ปุณก็พูดเกินไปคะ พิมพ์ต้องขอบคุณพี่ปุณมากกว่าคะ ที่หยิบยื่นโอกาสในการทำคดีที่สำคัญครั้งนี้ให้กับพิมพ์ ยังไงก็ยินดีที่ได้ร่วมงานนะค่ะ สารวัตรปุณณภพ ” พิมพ์ลภัสอดที่จะประหม่ากับคำชมของปุณณภพไม่ได้ จึงต้องแกล้งทำเสียงแข็งเรียกปุณณภพซะเต็มยศ แม้มันจะไม่คุ้นชินปากของเธอเลยก็ตาม แต่ถ้าไม่พูดไปอย่างนี้มีหวังปุณณภพต้องรู้แน่เลยว่าเธอรู้สึกประหม่าแค่ไหนที่ได้ยินคำชมจากปากของเขาต่อหน้าเธอขนาดนี้

          ลึกๆแล้วพิมพ์ลภัสเองก็แอบปลื้มพี่ชายของปัณชญาเพื่อนสาวไม่ใช่น้อย ผู้ชายที่มีใบหน้าคมเข้ม กับดวงตาดำเป็นประกายรับกับจมูกโด่งเป็นสัน ในสายตาเธอปุณณภพจัดเป็นผู้ชายที่อยู่ในเกณฑ์หล่อมาก และนอกเหนือจากความหล่อของปุณณภพแล้วเขายังจัดเป็นผู้ชายที่มีความสามารถ ฐานะ หน้าที่การงานมั่นคง ปุณณภพในสายตาของพิมพ์ลภัสเป็นผู้ชายในฝันที่สาวๆหลายๆคนต้องการเลยทีเดียวรวมทั้งเธอด้วย

          แต่ด้วยความที่ปุณณภพเป็นผู้ชายเนื้อหอมมาตั้งแต่ไหนแต่ไร พิมพ์ลภัสจึงได้แต่เก็บความรู้สึกที่เธอมีต่อปุณณภพไว้เงียบๆโดยมีเพื่อนรักของเธอทั้งสองคนอย่างปัณชญาและแพรพลอยที่รับรู้ความรู้สึกที่เธอมีต่อปุณณภพดี แม้ปุณณภพจะมีผู้หญิงมารุมขายขนมจีบมากมายไม่ขาดสายแต่ว่าตั้งแต่ที่เธอรู้จักปุณณภพมาเธอไม่เคยเห็นเขาสนใจผู้หญิงคนไหนเลยสักครั้ง

          อาจจะเป็นเพราะปุณณภพรักและทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับปัณชญาเพื่อนรักของเธอ น้องสาวเพียงคนเดียวของเขา เธอรู้ดีว่าปุณณภพและปัณชญามีกันแค่สองคนพี่น้อง ด้วยเหตุที่พ่อแม่ของปุณณภพและปัณชญาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน จึงทำให้พี่น้องคู่นี้รักกันมากจนแทบจะแยกกันไม่ขาด

     “ อะแฮ่ม !! ” ปัณชญาแกล้งกระแอมขึ้นมาหลังจากลอบมองการสนทนาของปุณณภพพี่ชายของเธอและพิมพ์ลภัสเพื่อนสาว

          ปัณชญาแทบอยากจะเอามือทุบกะโหลกตัวเองเหลือเกิน ฝ่ายหนึ่งก็ปุณณภพพี่ชายของเธอที่ดีแต่วางมาด ไม่เคยเผยใจสักทีว่าแอบชอบพิมพ์ลภัสเพื่อนสาวของเธอมากแค่ไหน ด้วยความที่เธอกับพี่ชายสนิทกันมากทำให้เธอรู้ดีจากอาการท่าทางของพี่ชายของเธอว่าลึกๆแล้วพี่ชายของเธอสนใจในตัวพิมพ์ลภัสมากแค่ไหน เพราะทุกครั้งที่เธอเล่าเรื่องของพิมพ์ลภัสให้ปุณณภพฟังดูเขาจะสนใจเป็นพิเศษ

          ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งก็พิมพ์ลภัสเพื่อนสาวของเธอ ยัยพิมพ์นะ ยัยพิมพ์ มัวแต่วางมาดเข้มทำตัวเป็นผู้หญิงบ้างานอยู่นั่น แล้วพี่ชายฉันจะรู้ไหม ว่าเธอคิดยังไงกับเขา เฮ้ออ...เรื่องหน้าที่การงานต่างคนนี่ต่างเก่งกันจังนะ แต่เรื่องหัวใจปัณชญาคอนเฟริ์มว่าสอบตกทั้งคู่ ไม่ได้การละขืนปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปพี่ชายและเพื่อนรักของเธอคงได้ขึ้นไปอยู่บนคานทองเป็นแน่แท้ เธอคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว เธอจะต้องทำให้ทั้งคู่ลงเอยกันให้ได้ !!! ปัณชญาได้แต่คิดในใจ

     “ อะแฮ่มอะไรยัยปัน อะไรติดคอหรอ ? ” ปุณณภพพูดพลางเขกหัวน้องสาวตัวเองที่ขัดจังหวะการสนทนาของเขากับพิมพ์ลภัส

     “ ปันต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ขัดจังหวะพี่ปุณกับยัยพิมพ์ แต่ปันแค่อยากจะถามว่า ใจคอทั้งคู่จะยืนตากแดดคุยกันแบบนี้ทั้งวันหรอคะ ”

     “ พิมพ์ว่าเราเข้าไปข้างในกันดีกว่าค่ะพี่ปุณ เมื่อสักครู่ยัยพลอยพึ่งโทรมาบอกพิมพ์ว่ามาถึงได้สักพักแล้ว ป่านนี้คงรอพวกเรานานแล้วหล่ะคะ ”

     “ งั้นพี่ฝากพิมพ์พายัยปันเข้าไปข้างในก่อนเลยนะ พอดีพี่นึกขึ้นได้ว่าลืมเอกสารไว้ที่รถ เดี๋ยวพี่เดินกลับไปเอามาก่อน แล้วจะตามเข้าไป ” ปุณณภพพูดพร้อมกับเดินกลับไปที่รถ พิมพ์ลภัสจึงพาปัณชญาเดินไปข้างในที่เป็นที่นัดประชุมการทำภารกิจลับในครั้งนี้

     “ ยัยพิมพ์ ที่นี่มันบ้านใครหรอแก ” ปัณชญาถามพิมพ์ลภัสขึ้นอย่างสงสัยขณะทั้งคู่กำลังเดินเข้าสู่ตัวบ้าน

     “ ที่นี่เค้าเรียกว่าเซฟเฮ้าท์ไงหล่ะแก เป็นสถานที่ที่ตำรวจใช้เป็นที่พักของพยานในคดีสำคัญ ในการป้องกันการถูกลอบทำร้าย หรือทำอันตรายแก่ชีวิต หรือใช้เพื่อประชุมในการทำภารกิจลับต่างๆ ”

     “ อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง พี่ปุณมีที่เจ๋งๆแบบนี้ไม่เห็นจะเคยเล่าให้ฉันฟังบ้างเลย ดูๆแล้วเซฟเฮ้าท์เนี่ยก็ไม่ได้ต่างอะไรจากบ้านธรรมดาๆหลังหนึ่งเลยเนอะ ”

          ปัณชญาพูดพลางสังเกตบริเวณรอบๆตัวบ้าน ตรงที่ๆเธอเจอพิมพ์ลภัสเมื่อสักครู่เป็นบริเวณหน้าบ้านที่อยู่ถัดจากรั้วบ้านมาพอสมควรถ้านับจากตรงบริเวณที่ปุณณภพจอดรถ บริเวณหน้าบ้านถูกปูด้วยหญ้าญี่ปุ่น จัดเป็นสวนเล็กๆ ถ้าคนภายนอกมองเข้ามาคงจะคิดว่าเจ้าของบ้านหลังนี้รักในการปลูกต้นไม้มากเลยทีเดียว ส่วนบริเวณตัวบ้านก็ถูกแต่งแต้มด้วยสีโทนอบอุ่น อย่างเช่นสีขาวครีม สีน้ำตาล บ่งบอกถึงความอบอุ่น เรียบหรู มากกว่าจะเป็นเซฟเฮ้าท์อย่างที่เธอเคยคิดไว้จากการอ่านพวกหนังสือนิยายซะอีก

          พิมพ์ลภัสพาปัณชญาเดินผ่านบริเวณห้องนั่งเล่น ที่มีการตกแต่งสบายๆ สไตล์โมเดริ์นรับกับตัวบ้าน พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ส่วนผนังด้านในทาด้วยสีขาวประกอบกับกระจกใสบริเวณมุมบ้านและหน้าต่าง ทำให้บรรยากาศภายในบ้านดูโล่ง โปร่ง สะอาดตา จนมาหยุดที่หน้าห้องๆหนึ่งซึ่งปัณชญาคิดว่ามันน่าจะเป็นห้องรับประทานอาหารเพราะเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่พอสมควร

     “ ก๊อก ก๊อก ก๊อก ” พิมพ์ลภัสเคาะประตูตามมารยาทแล้วจึงเปิดประตูให้ปัณชญาเดินเข้าไปก่อน แล้วเธอจึงเดินตามเข้าไป

          ภายในห้องที่ดูจากแค่หน้าประตูเหมือนจะเป็นแค่ห้องรับประทานอาหารธรรมดา แต่พอเข้ามาปัณชญาถึงกับต้องอึ้งเพราะห้องที่หญิงสาวคิดว่าเป็นห้องรับประทานอาหารนี้ ถูกดัดแปลงเป็นห้องประชุมแบบHome Office สไตล์โมเดริ์น ดีๆนี่เอง บรรยากาศภายในห้องดูทันสมัยเป็นกันเอง มีโต๊ะประชุมสี่เหลี่ยมขนาดกลางตั้งอยู่กลางห้อง พร้อมกับเก้าอี้ 9 ตัว โดยแบ่งเป็นเก้าอี้ที่หัวโต๊ะ 1 ตัวและแบ่งเก้าอี้ออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งละ 4 ตัว

     “ มากันแล้วหรอ ยัยปัน ยัยพิมพ์ ฉันรอพวกแกอยู่ตั้งนาน แล้วสารวัตรหล่ะ...เอ่อ...ฉันหมายถึงพี่ปุณหน่ะ ” แพรพลอยผู้หมวดสาวพราวเสน่ห์ ยศร้อยตำรวจโท เอ่ยทักเพื่อนรักทั้งสองทันทีที่เห็นทั้งคู่เดินเข้ามาภายในห้องประชุม

          ใจจริงแพรพลอยก็อยากจะถามสารทุกข์สุขดิบของเพื่อนรักทั้งสองให้มากกว่านี้ แต่นี่มันเป็นเวลางานเธอเลยเลือกที่จะถามถึงปุณณภพพี่ชายของปัณชญาหรือเข้าใจง่ายๆว่าหัวหน้าของเธอนั่นเอง

     “ พี่ปุณไปเอาเอกสารที่รถหน่ะ ฉันดีใจที่เจอแกนะยัยพลอย เป็นยังไงพี่ชายของฉันใช้งานแกหนักหรือเปล่า ” ปัณชญาถามขึ้นพลางเดินไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งข้างๆแพรพลอย

     “ งานตำรวจผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อะแก หนักเป็นธรรมดา แต่ฉันก็ยังไหว เพราะใจมันรัก ” แพรพลอยพูดขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ จนปัณชญาและพิมพ์ลภัสอดที่จะยิ้มชื่นชมเพื่อนสาวคนนี้ไม่ได้ แพรพลอยเป็นผู้หญิงเก่ง ที่มีความมุ่งมั่นอยากจะเป็นตำรวจมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

          ปัณชญา พิมพ์ลภัสและแพรพลอย เธอทั้งสามคนรู้จักกันตอนเข้ามหาวิทยาลัย เธอทั้งสามคนเลือกที่จะเรียนนิติศาสตร์ เพาะต่างก็มีความฝันที่แตกต่างกันไป ด้วยลักษณะนิสัยและอะไรหลายๆอย่างจึงทำให้ทั้งสามคนเป็นเพื่อนรักกันมาจนถึงทุกวันนี้

          จนตอนปี 1 แพรพลอยสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้ ในหลักสูตรนายร้อยตำรวจหญิง เธอจึงต้องลาออกจากการเรียนนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยไปเรียนตำรวจอย่างที่เธอตั้งใจ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสามสาวขาดลง ปัณชญาและพิมพ์ลภัสยังคงเรียนนิติศาสตร์ต่อไปที่มหาวิทยาลัยแห่งเดิม จนสำเร็จการศึกษาภายในสามปีครึ่ง แถมพิมพ์ลภัสยังจบด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทองของคณะอีกต่างหาก ปัณชญาใช่จะน้อยหน้า เธอเองก็เรียนจบด้วยเกียรตินิยมเช่นเดียวกัน

          หลังจากเรียนจบพิมพ์ลภัสก็สอบตั๋วทนาย ทำงานเป็นทนายเพื่อสืบทอดธุรกิจของครอบครัว ส่วนปัณชญาก็กำลังศึกษาต่อปริญญาโททางด้านนิติศาสตร์อยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แล้วอีกไม่นานนี้เธอก็จะจบปริญญาโทตามที่เธอตั้งใจไว้ ตลอดเวลาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย จนแม้กระทั่งตอนนี้ที่ทั้งแพรพลอยและพิมพ์ลภัสต่างมีหน้าที่การงานที่ดีทำ ส่วนปัณชญาก็เป็นนักศึกษากำลังจะจบปริญญาโท ทั้งสามสาวก็ยังคงเป็นเพื่อนซี้แน่นปึ๊กเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา