พบรักที่ปลายเวลา

-

เขียนโดย ปากาดาว

วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 14.43 น.

  7 ตอน
  8 วิจารณ์
  11.38K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2557 21.16 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ปริศนามาดหมอก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

หนู...นังหนู เอ๋ย ตื่นเถอะลูก "น้ำเสียงเย็นจะเยือกของหญิงชรา เรียกให้ นทีกาจนจน์ตื่นจากภวังค์

"หนาวจัง!..โอ๊ยๆทำไมมึนหัวแบบนี้ "

 นทีกาจน์ลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ริมแม่น้ำมือเกาะกิ่งไม่ขนาดใหญ่ ไม่พบใครนอกจากป่า ตัวเปียกโชก สายตามองหาที่มาของเสียงอ่อนโยนของหญิงชรานั้นมองไปรอบๆก็ไม่มีแม้เงานทีกญจน์รู้สึกมึนงง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

"ปั้งงงๆๆ ปั้งๆๆ .."เสียงดังกึกก้องดั่งกัมปนาทร้องก็ไม่ปรานความเงียบ สงัดของป่า ทำให้รู้ได้ชัดเจนว่าเสียงมาทางไหน

"เร็วเข้า รีบมาทางนี้" 

  ชายสองคนรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีทอง ในตาสีฟ้าวิ่งตรงมาตรงหน้านทีกาญจน์ สักพัก มีชาย5-6 คนวิ่งกรูกันไปยังจุดที่ชายสองคนนั้นพร้อมจะพิฆาตชายสองคนนั้นอย่างเลือดเย็น นทีกาญจน์ได้แต่ยืนมองอย่างตระหนกรู้สึกเกรงกลัวกับเหตุการณ์ตรงหน้าจนจับขั้วหัวใจผู้ชายกลัดมันหนึ่งในกลุ่มหันมาทางนทีกาจน์ อย่างเร็วกำลังจะเอาดาบปลายปืนแทงมายังนทีกาญจน์

"กรี๊ดๆๆๆๆ กรี๊ดๆๆ อย่าไม่ๆๆไม่ๆๆนะ"

ขณะเดียวกัน โทโมโยชิ ได้รับคำสั่งจากพันโทโยชิมา ปฏิบัติภารกิจ คุมเชลยไปสมทบสร้างทางรถไฟที่แม่น้ำแคว ในครั้งนี้ โดยมีทหาร อีกสี่นาย และเชลยอีกกลุ่มหนึ่งขณะออกปฏิบัติภารกิจอยู่นั้น ผ่านมาเห็นเหตุการณ์เข้ามายุติเหตุได้ทันที่

"หยุด เกิดเรื่องอะไร ขึ้น "  

น้ำเสียง แข็งกร้าวของชายหนุ่มออก คำสั่งเป็นภาษาญี่ปุ่นราวมีอำนาจเนื่องกลุ่มคนพวกนั้น ทุกอย่างยุติราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้นทหารญี่ปุ่นชั้นผู้น้อยเรียงแถวหน้ากระดานมาหยุดตรงหน้า

โทโมโยชิทีมีหน้าตาเครียด ขรึมและดุดัน นทีกาญน์ได้แต่มองเหตุการณ์อย่างขนลุกขนพองนี้มันคืออะไรกันทหารพวกนี้มากจากไหน ฉันฝันไปรึเปล่า? หรือฉันตายแล้ว

        ถึงได้เห็นภาพอะไรพวกนี้? ฝุด ออกมาจากหัวนทีกาญจน์ได้แต่ กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ โดยไม่รู้ว่าจะทำไงต่อไปในสถานการณ์ที่เธอไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นโทโมโยชิเดินเข้าไป ทหารทุกคนยืนตัวตรง หน้าตรงเงียบกริบโทโมโยชิ ด่าพวกทหารด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดดังและรวดเร็วแต่นทีกาญจน์จับความได้ เพราะอาชีพของเธอ

"นักรบของสมเด็จพระจักรพรรดิไม่ทำร้ายคนไทย โดยเฉพาะผู้หญิง  ไม่รักศักดิ์ศรี เอาเสียเลย "  สีหน้าทหารทุกคนซีดขาวลงในทันที โทโมโยชิ หันไปหานทีกาญน์

 “ขอโทษ..ผมต้องขอโทษ-คุณ-เป็นอย่างมากคุน-เป็น-อะไร-ไหม"  โทโมโยชิพยามพูดภาษาไทย อย่างช้าๆเพื่อให้นทีการกาจน์เข้าใจ

"ป่าว ฉันไม่ได้เป็นอะไร" นทีกาญจน์ตอบอย่างเสียงสั่นเทา

"ไม่-ต้อง-กลัว-คน-ญี่-ปุ่น-ไม่-ทำ-ร้าย-คน-ไทย"

       โทโมโยชิโค้งตัวต่ำและยืนมือให้นทีกาญจน์จับ ผยุงตัวขึ้นมาจากริมขอบแม่น้ำ นทีกาญจน์เอือมมือจะไปจับแต่ก็ชะงัก เพราะความกลัวที่ก่อตัวขึ้นมองไปยังร่างชายหนุ่มตรงหน้ายากที่จะ ไว้ใจได้มองไปยังใบหน้าเข้มๆ ตึงๆแต่ผ่อนลง แตกต่างจากเมือครู่นี้จากแสงจันทร์ยามค่ำคืนที่สองลงมาไม่ค่อยชัดสักเท่าเพราะเป็นคืนเดือนมืดทำให้เห็นใบหน้าชายหนุ่มไม่เต็มที่นทีกาญจน์ เอื้อมมือขึ้นมาจับที่มือของโทโมโยชิและดึงตัวขึ้นมาจากขอบแม่น้ำ มือที่อุ่นๆรอยซากๆนิดๆคงได้จากการทำงาน หนัก มาบ้าง

"คุณ-มา-ทำ-อะ-ไร-ที่-นี้-แบบ-นี้"

           โทโมโยกิหันมาสบตานทีกาญจน์เป็นเชิงถาม แต่ไม่มีเสียงตอบไดๆออกมาจากนทีกาญจน์มีแต่เพียงแค่ลมหายใจอุ่นๆ จากปลายจมูกเรียวโด่งของเธอมาประทะหน้าโทโมโยชิ  กลิ่นหอมแปลกๆจากเธอลอยมาเตะจมูกของเขาอย่างจังแรงดึงทำ ให้ร่างของเธอถึงกับถลาไปชนกับอกของโทโมโยชิ สบนัยน์ตาเศร้าแต่ดุดันคู่นั้น นทีกาญจน์ ได้สติคืนกลับมา ยกเท้าขึ้นกระแทกฝ่ายตรงข้ามสุดแรงหลุดออกจากโทโมโยชิ แล้วผละวิ่งหนีไป ด้วยความตระหนกพลุ่งพล่าน วิ่งลดเลี้ยว ปัดป่ายกิ่งไม้ตามทาง อย่างไม่คิดกลัวเจ็บ

“นี่คุณ” โทโมโยชิตามมาทัน แกมหอบ

“ทำไมต้องวิ่งหนี...ผมจะช่วย..ไม่ได้มาทำร้าย"

        สีหน้านทีกาญจน์ตื่นกลัวสุดขีด หันกลับรีบวิ่งต่อไปจนเท้านที่กาญจน์ไปเตะรากไม้ ตัวเซถลาล้มลงข้างทางโทโมโยชิใช้มือคว้านที่กาญจน์ให้ลุกขึ้นมานที่กาญจน์สู้ไปมาไม่ยอมลุก

 “ผมจะปล่อยให้คุณ อยู่ในป่าแบบนี้ไม่ได้มันอันตราย...ไม่ปลอดภัย”โทโมโยชิเปลี่ยนเป็นช้อนตัวอุ้มนทีกาญจน์ขึ้นมาทันที

“คุณ...หยุดดิ้นอาละวาดสักที ไม่อย่างนั้นผมปล่อยคุณทิ้งไว้ในป่าคนเดียว..หรือไหมคุณจะอยู่กับพวกทหาร 4-5คนทางนู้นเลือกเอาจะไปกับผมหรือจะอยู่ตรงนี้ให้เสือป่ามันมากินคุณ” 

โทโมโยชิขู่นที่กาญจน์ค่อยๆ หยุดออกฤทธิ์ทันทีโทโมโยชิกำลังจะเปลี่ยนเป็นยกเธอขึ้นบ่า

"ได้โปรด อย่างทำร้ายฉัน ฉันกลัว"

      นทีกาญจน์ร้องขอด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ขอร้องด้วย ความเหนื่อย และสับสน มันทำให้นที่กาญจน์อ่อนแอ โทโมโยชิเปลี่ยนเป็นช้อนตัวททีกาญจน์อุ้มขึ้นมาพร้อมกับอุปกรณ์สัมภาระประจำตัวที่หนักอึ้งก้าวยาวๆมาไม่นานก็ถึงแคมป์ชั่วคราวของเค้าโทโมโยชิค่อยๆ ปล่อยนทีกาญจน์ลง

"เอาละ คืนนี้คุณพักที่นี้ เดียวพรุ้งนี้ผม จะพาไปหาคนไทย อาจช่วยคุณได้"

พร้อมกับส่งกระติกน้ำสลักชื่อ โทโมโยชิซัง ให้นทีกาญจน์ ก่อนจะขยับไป ไม่ห่างนทีกาญจน์ จับปืนประจำกายขึ้นแล้วก็นั่งลง อุณหภูมิยามค่ำคืนบวกกับความชื้นจากเสื้อผ้าทำให้นทีกาญจน์รู้สึกหนาวบรรยากาศรอบตัวมืดมาก แทบจะมองอะไรไม่เห็นมีแต่แสงตะเกียงจากทหารญี่ปุ่นทีส่องสว่างไม่กี่ดวง

"โอ๊ย..ฉันเจ็บ.ฉันคิดถึงแม่ " ลอยมาจากอีกฝั่งหนึ่ง สำเนียงของชาวฝรั่งฝังยุโรป  เป็นระยะๆด้วยความเจ็บปวดอย่างทรมาร

"หนาวไหม” โทโมโยชิ เอ๋ยถามพร้อมส่งผ้าห่มผื่นเก่าๆให้นทีกาญจน์

        นทีกาญจน์รับมาพร้อมกับเอนหลังลงพิงต้นไม้ กางผ้าห่มคลุ้มตัวโทโมโยชิเดินกลับไปยังจุดเดิมนทีกาญจน์กำลังหยิกแขนตัวเอง.. รู้สึกเหมือนกำลังฝันร้าย แต่มันไม่ใช่ความฝัน มันเป็นความจริงพระอาทิตย์ลอยเลื่อนขึ้นเหนือดงทิวป่าไม้และภูเขา เสียงนกร้องก้องป่าทิวริมน้ำแม่น้ำสว่างมากขึ้น บางหย่อมมีหมอกขาวๆ โรยตัวต่ำๆบรรยากาศสงบแดเนียล ฝรั่งตัวผอมโซเดินโซเซไร้เรี่ยวแรงตรงมายังนายสิบทหารญี่ปุ่นคนหนึ่ง

"น้ำ พวกเราต้องการน้ำ"  ภาษาอังกฤษชัดเจน เป็นสำเนียงอย่างประเทศมหาอำนาจ...อเมริกันในยุคที่นทีกาญจน์เพิ่งจากมาแน่นอนทหารนายสิบคนนั้นเงื้อมือฟาดลงไปบนหัวของแดเนียล อย่างแรง ฝรั่งที่ไรเรี่ยวแรงล้มไปกับกองลงกับพื้นดิน

 “หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้”

 นทีกาญจน์รีบวิ่งเข้าไปที่แดนเนียลและ ประคองแดเดียล ลุกขึ้น ทหารตกใจ หันปืนเข้าหา

 

"อย่าทำเธอ...อย่าทำเธอ" แดเดียลร้องขอ

"คุณเป็นอารัย ไหม " 

        นทีกาญจน์ พูดพร้อมยืนกระติกน้ำให้แดลเนียล ทหารที่ยืนคุมเชิงอยู่จะปรี่เข้ามาโทโมโยชิที่ยืนดูอยู่ยกมือห้ามไว้ ทหารถอยไป ทั้งคู่สบตากันอย่างเยือกเย็น สายตาโทโมโยชิยังคงมองนิ่งอย่างสงบและเย็นชา

“พวกคุณกำลังทำอะไร โหดร้ายที่สุด” นทีกาญจน์จ้องตาโทโมโยชิ

"เป็นเชลยของในกองทัพของพระจักรพรรดิจึงไม่สมควรได้รับการช่วยเหลือไดๆจากคนไทยซึ่งในฐานะพันธมิตรเราคนญี่ปุ่น"

"แต่สงครามมันจบไปนานแล้วนะคุณ"นทีกาญจน์แย้ง

"คุณพูดเรื่องอะไร ผมไม่เข้าใจ" โทโมโยชิงงๆไม่เข้าใจกับคำพูดนทีกาญจน์ 

“กรุณา...พูดช้าๆ หน่อย...แต่อย่า-พูด-ดี-กว่าอย่าทำอะไรสะดีกว่า”โทโมโยชิมองสบตา พูดเน้นๆ และเดินหันหลังไป

"เดียว โทโมโยชิ " เสียงเรียกชื่อของเขาดังกังวานก้องเพราะความเงียบในป่า โทโมชิชะงัก

"คุณต้องเชื่อฉัน ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่ตั้งแต่ฉันเกิดมาสงครามมันก็จบไปนานแล้ว"นทีกาญจน์สื่อสารเป็นเป็นภาษาญี่ปุ่นชัดแจ๋ว

"คุณรู้จักชื่อผม และที่สำคัญคุณพูดภาษาญี่ปุ่นได้" โทโมโยชิมหัศจรรย์ใจกับหญิงสาวตรงหน้า อย่างมาก นทีกาญจน์กระแทกกระติกน้ำที่สลักชื่อของเขา ใส่ โทโมโยชิ

"คุณอ่านอักษรคังจิ ได้"โทโมโยจิ ตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้เจอตรงหน้า

"นี้!คุณอย่ามาพูดเล่น สงครามยังไม่จบเรากำลังจะชนะ กองทัพของของพระจักรพรรดิ กำลังชนะนะ" โทโมโยชิแย้ง

"วันนี้เป็นวันที่ 16 มีนาคม 2557สงครามจบไปนานแล้วแล้วพวกเค้าก็ชนะ" นทีกาญจน์ชีไปทีเชลยชาวยุโป

"คุณตั้งหากที่แพ้"  โทโมโยชิกัดฟันแน่นแวดตาดุดัน

"อย่ามาพูดจาไร้สาระ" โทมาโยชิไม่ฟังหันหลังเดินกับไป

"นี้คุณ" นทีกาญจน์เซ้าซี้ เดินตาม

"หยุดพูดเรื่องนี้ ได้แล้วผมรำคาญ"

           โทโมโยชิย่างสามขุมเดินเข้าไปยังแถวเชลยที่ตั้งแถวรอ  โทโมโยชิและ ทหารญี่ปุ่น ได้ควบคุมเชลยผิวขาวเดินเท้าจากในป่ามาถึงค่ายเขาช่องไก่ ขบวนของเชลยเดินผ่านถนนปากแพรกชาวบ้านต่างๆก็พามาดูขบวนเชลยต่างพากันสงสารบ้างก็โยนขนมสิ่งของให้เชลยนทีกาญจนใช้จังหวะนี้แอบหลบออกมาจากขบวนเชลยของทหารญี่ปุ่นได้โดยที่ไม่มีใครสังเกตุ

โปรดติดตามต่็ีิอไปในhttp://my.dek-d.com/kissdao/writer/view.php?id=1085273

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา