ราชินีสี่ปฐพี
เขียนโดย Manny
วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.29 น.
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2557 13.45 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) แผ่นดินที่ 1 มาเรีย จากหม่อมหลวง สู่องค์เจ้าหญิง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"มาเรีย ลูกแม่" เสียงของหม่อมเจ้าซาร่า ผู้เป็นแม่ เรียกมาเรีย ผู้เป็นลูก เพื่อที่จะขึ้นรถม้าจากบ้านที่เป็นทั้งที่เกิด และที่อยู่อาศัย ไปพระราชวังโกลเดน บ้านของมาเรีย เป็นตึกสองชั้น ทรงสี่เหลี่ยม ฉาบปูน หลังคาหน้าจั่ว ซึ่งเป็นตึกที่ทันสมัยที่สุด ในรัชสมัยของพระราชาเอ็ดเวิร์ด ไฟฟ์คิง ซึ่งเป็นรัชสมัยที่ความเจริญของชาติตะวันตกได้รุ่งเรือง ยิ่งกว่าแผ่นดินก่อน มาเรีย หรือหม่อมหลวงมาเรีย รอยัลเฟรนด์ ถ้าจะถามว่าใครเป็นบิดาและมารดาบังเกิดเกล้า มาเรียก็จะตอบไปว่า บิดาชื่อ หม่อมราชวงศ์ไมเคิล รอยัลเฟรนด์ มารดาชื่อว่า หม่อมเจ้าซาร่า รอยัลเฟรนด์ มาเรีย เป็นธิดาเพียงคนเดียว
ตั้งแต่มาเรียมีอายุได้ 12 ปี พระราชาอเล็กซานเดอร์ พระบิดาในเจ้าชายจอห์นผู้เป็นพระโอรส ได้หมั้นหมายมาเรีย ให้อภิเษกสมรสกับเจ้าชายจอห์น เมื่อมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ซึ่งตอนนั้นมาเรียยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย จนเมื่ออายุครบ 19 ปี หม่อมเจ้าซาร่า จึงบอกกับมาเรียว่า
"มาเรีย ลูกแม่ แม่มีเรื่องจะบอกลูกให้รู้ นะลูก" มาเรียตอบว่า
"อะไรหรอค่ะ แม่"
หม่อมเจ้าซาร่า จึงตอบด้วยสีหน้าที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ว่า
"คือตอนลูกอายุได้ 12 นะลูก พระราชาพระองค์ท่านมาหาท่านพ่อ เพื่อที่จะหมั้นหมายลูก ให้อภิเษกสมรสกับ เจ้าชายจอห์น ลูก ตอนเมื่อลูกอายุครบ 20 น่ะลูก แล้วตอนที่ลูกเกิดมาใหม่ๆ มีหมอดูมาดูดวงลูกแล้วทำนายว่า ลูกจะมีคนมาหมั้นมาหมายตอนอายุประมาณ 10 กว่าปี โดยคนที่มาหมั้นหมายเป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน แล้วจะได้แต่งงานกับลูกของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ตอนอายุ 20 บริบูรณ์ ลูก"
เมื่อมาเรีย รู้เรื่องจึงพูด ด้วยความน้อยใจนิดๆว่า
"ทำไม่แม่ไม่บอกฉันล่ะ ปิดฉันไว้ทำไมล่ะ"
แล้วมาเรียพูดต่ออีกว่า
"อ่า! แต่ว่าถ้าเป็นความประสงค์ของพ่อ แม่ และพระราชประสงค์ของพระราชา และเจ้าชายจอห์น ฉันก็ไม่ขัดหรอกค่ะ แม่"
แล้วหม่อมเจ้าซาร่า กอดมาเรีย ผู้เป็นลูกที่รักมาก
เมื่อความคิดที่มาเรียคิดได้หลุดออกมาแล้ว จึงขึ้นรถม้ากับพ่อแม่ จากบ้านที่เคยที่อันสุขสันต์ไปยังวังหลวง เพื่อเข้ารับการพระราชทานอภิเษกสมรส เมื่อมาเรียคิดแล้วก็รู้สึกประหม่าตื่นเต้น อย่างที่ไมีเคยเป็นมาก่อนในชีวิตของมาเรีย โดยตอนนั้นคุณมาลี ข้าหลวงในมาเรีย ที่ได้รับใช้มาตั้งแต่อายุ 10 ปี ได้ตามมารับใช้ด้วย เมื่อรถม้ามาถึงประตูเลดี้เฮาส์ ซึ่งเป็นที่ที่อยู่ของสาวชาววัง ที่หม่อมเจ้าซาร่า มาที่แห่งนี้นั้นเพื่อมาหาคุณเจน ข้าหลวงในเสด็จพระองค์หญิง ซึ่งคุณเจน เป็นเพื่อนสมัยเด็กกับหม่อมเจ้าซาร่า เพื่อให้คุณเจน ทำพานดอกไม้ธูปเทียนแพ และช่อดอกไม้ เพื่อถวายแด่พระราชา และพระราชินีอเล็กซานดาร์ พระมเหสีในพระราชาอเล็กซานเดอร์ พระมารดาในเจ้าชายหลุยส์ เมื่อหม่อมเจ้าซาร่าเข้ามาถึงที่พักของคุณเจน ก็ทักทายไปว่า
"กู๊ดทามค่ะ คุณ" แล้วคุณเจน ตอบไปว่า
"อุ๊ยตาย! นั่นแม่ซาร่า อุ๊ย! ไม่ใช่ๆ คุณซาร่า ใช่ไหมนั่นน่ะ"
หม่อมเจ้าซาร่า ตอบไปว่า
"ค่ะ เรียกฉันว่า ซาร่า เถิด ถึงแม้ฉันเป็นถึง หม่อมเจ้า แต่ฉันก็เป็นซาร่า เพื่อนของเจน เหมือนเดิมไม่มีวันแปรเปลี่ยนได้"
เมื่อคุณเจน ได้ยินอย่างนี้แล้ว ก็รู้สึกตื้นตันใจที่เพื่อนสนิทในสมัยเด็ก ยังไม่ลืมความสัมพันธ์ของพวกเขา ถึงแม้ยศฐาบรรดาศักดิ์อาจจะต่างกันโดยสิ้นเชิง ก็ไม่ทำให้สิ่งที่เรียกว่า "เพื่อน" จางห่างหายไปได้ แล้วคุณเจนก็พูดต่ออีกว่า
"ขอบคุณนะ ที่ยังไม่ลืมกันนะ อ่า! วันนี้จะให้ฉันทำอะไรล่ะ"
แล้วหม่อมเจ้าซาร่าตอบไปว่า "คือจะให้คุณทำพานดอกไม้ธูปเทียนแพและช่อดอกไม้ เพื่อที่จะไปถวายพระราชา และพระราชินีน่ะค่ะ คุณ"
แล้วคุณเจนก็ตอบว่า "เอ่า! ปกติไม่เห็นว่าจะทำเลยนี่นา แล้วเอาไปถวายเพื่ออะไรหรอนี่"
แล้วหม่อมเจ้าซาร่า ตอบไปว่า "เออ จะให้ลูกสาวฉัน มาเรียคนนี้เนี่ย เอาไปถวายเพื่อถวายบังคมในโอกาสพระราชทานอภิเษกสมรส นะสิค่ะ คุณ" แล้วคุณเจนพูดด้วยความประหลาดใจว่า
"จริงหรอนี่ ดีใจด้วยนะ ซาร่า ลูกเธอมีเหย้า มีเรือนแล้วนะ อ่า! เอาอย่างนี้แล้วกันนะ เดี๋ยวฉันจะทำจัดการให้ไม่ให้เสียงานเลยล่ะ"
การทำพานดอกไม้ธูปเทียนแพและช่อดอกไม้ของคุณเจนนั้น มาเรียก็จ้องมองดูโดยไม่ได้หันไปมองสิ่งอื่นเลยแม้แต่น้อยนิด
ที่พระที่นั่งในวังหลวงซึ่งเป็นที่ประทับของพระราชาอเล็กซานเดอร์ พระราชินีอเล็กซานดาร์และเจ้าชายจอห์น เมื่อหม่อมราชวงศ์ไมเคิล นั่งรถม้าเข้ามาในวังหลวง แล้วเมื่อรถม้าเทียบแล้วก็เดินไปยังพระมหาปราสาทที่ประทับ เมื่อถึงที่แล้วก็ไปเข้าเฝ้าพระราชา พระราชินีและเจ้าชาย แล้วเมื่อถึงห้องที่ประทับแล้ว หม่อมราชวงศ์ไมเคิล ถวายบังคมแล้วพูดว่า
"ถวายบังคม ขอรับ ฝ่าบาท" แล้วพระราชา ทรงพูดว่า
"เอ่า! ไมเคิลเองหรือนี่ แล้วเจ้าสาวล่ะ" หม่อมราชวงศ์ไมเคิล ก็ตอบว่า
"ตอนนี้แม่ซาร่าพาไปหาคุณเจน เพื่อนของแม่ซาร่าที่เป็นข้าหลวงของเสด็จพระองค์หญิง เพื่อทำของมาถวายฝ่าบาทอยู่ ขอรับ ฝ่าบาท" แล้วพระราชา ทรงพยักพระพักตร์
ที่ที่พักของคุณเจนในบริเวณตำหนักของเสด็จพระองค์หญิง ผู้เป็นเจ้านาย คุณเจน หลังจากที่ทำพานดอกไม้ธูปเทียนแพและช่อดอกไม้เสร็จแล้ว ก็ถามมาเรียว่า
"เป็นไงบ้างมาเรีย สวยไหม" แล้วมาเรียก็ตอบไปด้วยความชอบใจว่า
"สวยงามมากค่ะ คุณป้า" เมื่อคุณเจนทำพานดอกไม้ธูปเทียนแพและช่อดอกไม้เสร็จแล้วหม่อมเจ้าซาร่า จึงพูดกับคุณเจนว่า
"ฉันขอบคุณเธอมากเลยนะค่ะ ที่ทำของถวายพระราชาให้ลูกสาวฉันไปถวายในงานอภิเษก นะค่ะ" แล้ว คุณเจน พูดต่อไปอีกว่า
"ไม่เป็นไรหรอกจ้า วันหน้าวันหลังเจอกันไหมนะ ลาล่ะนะ" แล้วหม่อมเจ้าซาร่า ก็ตอบไปว่า
"ลาเช่นกันค่ะ"
หม่อมเจ้าซาร่า และมาเรีย ลาคุณเจนแล้วขึ้นรถม้าไปวังหลวงต่อ เพื่อทำการถวายบังคมพระราชา และพระราชินี ก่อนการอภิเษกสมรสกับเจ้าชายจอห์น ต่อไป เมื่อถึงวังหลวงแล้ว มาเรียก็ถือพานดอกไม้ธูปเทียนแพ และหม่อมเจ้าซาร่า ก็ช่วยมาเรียถือช่อดอกไม้ แล้วก็เดินเข้าไปในที่ประทับ โดยมีคุณมาลี ตามไปด้วย เมื่อถึงที่ประทับแล้วทั้งสามคนก็นั่งราบ แล้วก็ถวายบังคม เมื่อถวายบังคมเสร็จ มาเรีย ก็เขยิบตัวเข้าไปหาพระราชาโดยถือพานดอกไม้ธูปเทียนแพด้วย เเล้วทำการเปิดกรวยดอกไม้ แล้วถวายแด่พระราชา เสร็จแล้วพระราชา พระราชทานแหวนทองฝังเพชร แล้วมาเรียถวายช่อดอกไม้แด่พระราชินี แล้วพระราชินี พระราชทานสร้อยทองประดับอักษรพระนามย่อฝังเพชร โดยจากการรับของแต่ล่ะครั้ง มาเรียก็จะก้มหน้า หน้านิ่ง ไม่พูดไม่จา เพราะใจมันเต้นสั่นแรงเกินไปที่จะพูดออกได้ แล้วพระราชินี ทรงพูดกับมาเรียว่า
"ขอบคุณนะที่มาแต่งงานกับลูกชายฉันน่ะจ้า"
แล้วมาเรียก็โค้งหัวรับคำขอบคุณ แล้วพระราชินี ทรงแย้มยิ้ม โดยเจ้าชายจอห์น ทรงมองด้วยความเอ็นดู แล้วพระราชินี ทรงหันไปหาพระราชาแล้วพูดว่า
"สงสัยเธอคงขี้เขินขี้อาย กระมังเพคะ เสด็จพี่"
แล้วพระราชา ทรงหัวเราะชอบพระทัย แล้วทรงพูดว่า
"อ่า! ได้ฤกษ์รดน้ำแล้วนะไปที่ห้องโถงกัน"
แล้วทุกคนก็ไปที่ห้องโถงซึ่งเป็นที่จัดงานอภิเษกสมรส เมื่อมาเรียเดินเข้ามาในห้องนี้แล้วก็ได้ยินเสียงแขกพูดกันอยู่นอกห้อง ทำให้มาเรียรู้ได้ทันทีว่างานในวันนั้นได้เข้าถึงขีด ที่ไม่มีทางที่จะปลีกตัวถอนตัวได้ เมื่อเข้าถึงห้องที่จัดเป็นที่รดน้ำแล้ว มาเรียก็ก้ไม่ได้เหลียวแลมองใคร ได้แค่นั่งนิ่ง แล้วก้มหน้าด้วยความตื้นเต้นและความ โดยได้แอบยิ้มน้อยๆ แล้วเจ้าชายจอห์น ก็มานั่งข้างมาเรียเพื่อรับการรดน้ำ
แล้วพระราชาทรงสวมมงคลแก่เจ้าชายจอห์น กับมาเรีย และหม่อมราชวงศ์ไมเคิล เจิมที่หน้าผากแล้วรดน้ำที่หัวของทั้งสอง พร้อมให้พร แล้วพระราชินี หม่อมราชวงศ์ไมเคิล หม่อมเจ้าซาร่าและทุกคนที่มาร่วมงาน ซึ่งเป็นพระญาติของพระราชา พระราชินีและญาติของหม่อมราชวงศ์ไมเคิล หม่อมเจ้าซาร่า ต่างรดน้ำ และให้พร ขณะที่รดน้ำเจ้าชายจอห์นก็แอบเหลือบมองมาเรีย ด้วยสีพระพักตร์ที่ยิ้มแย้ม แต่มาเรีย นั่งนิ่ง ก้มหน้า ไม่พูดไม่จา ได้แค่แอบยิ้มน้อยๆ
เมื่อเสร็จการรดน้ำแล้ว เจ้าชายจอห์น ก็ไปประทับพักที่ห้องพักของเจ้าบ่าว ส่วนมาเรียก็ตามพระราชินี หม่อมเจ้าซาร่า ผู้เป็นแม่และคุณมาลี ไปพักที่ห้องที่ประทับรับมาเรีย แล้วพระราชินี ก็พูดกับมาเรียว่า
"มาเรีย เมื่อเธอแต่งงานแล้วมาอยู่ที่นี่แล้วนะ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาทำร้ายหรือทำอะไรเธอเลยนะ มาอยู่ห้องข้างห้องฉันนะ แล้วมาอยู่ที่นี่แล้วอย่ากลัวกันนะ มาเรียนะ แล้วหมั่นขึ้นเฝ้าพระราชาและฉันบ่อยๆนะ และฉันจะดูแลเธออย่างดีที่สุดต่อจากซาร่าเลยนะ"
มาเรีย ตอบว่า "เพคะ ฝ่าบาท" แล้วพระราชินีก็ทรงพูดว่า
"นี่! ฝ่าบงฝ่าบาท อะไรกัน ไม่ต้องเรียกนะ เพราะว่า เธอจะมาเป็นลูกสะใภ้ฉันนะ เรียกฉันว่าแม่ สิจ๊ะ" แล้ว มาเรีย ตอบว่า "เพคะ เสด็จแม่"
พระราชินี หม่อมเจ้าซาร่าและคุณมาลี ได้ยินในสิ่งที่มาเรีย พูดก็แอบยิ้มและแอบหัวเราะ แล้วหม่อมราชวงศ์ไมเคิล ก็เข้ามาเรียกหม่อมเจ้าซาร่า ให้ไปปูที่นอนสำหรับการส่งตัวเข้าหอ เมื่อปูเสร็จ พระราชา ทรงนำเจ้าชายจอห์น มาที่ห้องส่งตัว เมื่อถึงที่ห้องแล้วเจ้าชายจอห์น ทรงประทับราบ แล้วถึงฤกษ์ที่กำหนดไว้แล้ว พระราชินีทรงนำมาเรีย ไปที่ห้องส่งตัว มีคุณมาลี ตาม แล้วถึงห้อง มาเรียนั่งราบกับพื้น แล้วหม่อมราชวงศ์ไมเคิล ก็บอกกับมาเรียว่า
"มาเรีย เคารพ พระสวามีสิลูก"
แล้วมาเรีย โค้งหัวเคารพเจ้าชายจอห์น แล้วเจ้าชายจอห์น ทรงรับความเคารพ แล้วหม่อมราชวงศ์ไมเคิล พูดกับมาเรียว่า
"เอาล่ะ ที่นี่ก็เข้ามานั่งใกล้เจ้าชายจอห์นท่านซะ" แล้วพระราชา ทรงพูดว่า
"ขอให้มาเรียเรียกเราว่า พ่อ แล้วกันนะ คิดว่าเราเป็นพ่ออีกคนหนึ่งแล้วกัน เอาล่ะๆ เข้าเรื่องเลยนะ ขอให้ลูกทั้งสอง อายุมั่นขวัญ มีพลานามัยที่สมบูรณ์ แข็งแรง ถือไม้เท้ายอดพลอง กระบองยอดเพชร มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมืองนะ"
พระราชา ทรงนำพระหัตถ์จับหัวของเจ้าชายจอห์นและมาเรีย แล้วทั้งสองก้มหัวรับพร แล้วทั้งสองคน เขยิบตัวไปหาพระราชินี แล้วพระราชินีทรงนำพระหัตถ์จับที่หัวของเจ้าชายจอห์นและมาเรีย แล้วทรงพระราชทานพรว่า
"ขอให้ทั้งสองมีความสุข ความเจริญยิ่งๆขึ้นไปนะพ่อคุณ แม่คุณ ขอให้ครองรักกันยืนยาวนาน จนได้เป็นปู่ย่า ตายาย ให้เป็นทวดนะ ขอให้มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมืองให้ได้เชยชมนะ และหนักนิดเบาหน่อย ก็ขอให้อดทนต่อกันนะ"
แล้วทั้งก้มรับพร ทั้งสองก็เขยิบตัวไปหาหม่อมราชวงศ์ไมเคิล แล้วหม่อมราชวงศ์ไมเคิลและหม่อมเจ้าซาร่า ให้พรแก่ทั้งสอง เสร็จแล้ว พระราชา พระราชินี หม่อมราชวงศ์ไมเคิลและหม่อมจ้าซาร่า ออกไปจากห้องส่งตัวเข้าหอ แล้วเหลือแค่เจ้าชายจอห์น และมาเรีย แล้วเจ้าชายจอห์น พูดกับมาเรียว่า
"แม่มาเรียจ๊ะ เคยขึ้นเขาบุ๊ดดายังจ๊ะ"
แล้วมาเรีย แอบเหลือบมองพระพักตร์เจ้าชายจอห์น แล้วแอบยิ้มแล้วตอบว่า
"เคยแล้ว เพคะ ฝ่าบาท" แล้วเจ้าชายจอห์น ทรงพูดว่า
"ฝ่าบงฝ่าบาทอะไรกัน เรียกเราว่า เสด็จพี่สิ" แล้วมาเรีย ตอบว่า
"เพคะ เสด็จพี่"
แลดูเหมือนมาเรียเริ่มจะใจให้กับเจ้าชายจอห์น สำหรับเรื่องความรัก เพราะชีวิติของมาเรียนั้นความรักในหมู่ชายนั้นครั้งนี้เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย เพราะเจ้าชายจอห์น คือเจ้าของของตัวโดยแท้
วันรุ่งขึ้น พระราชาอเล็กซานเดอร์ ทรงออกพระบรมราชโองการเกี่ยวกับมาเรียว่า
"ให้ออกประกาศสถาปนาหม่อมหลวงมาเรีย รอยัลเฟรนด์ ขึ้นเป็น เจ้าหญิง อันมีนามว่า เจ้าหญิงมาเรีย พระชายาในเจ้าชายจอห์น และพร้อมทั้งได้ทรงโปรดให้พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อินซิกเนีย ออฟ โกลเดนไดนัสที ซึ่งเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่พระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งทรงพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้แก่เจ้าหญิงมาเรีย พระชายาในเจ้าชายจอห์น เพื่อเป็นการสมควรแก่อิสริยศักดิ์ สำหรับพระชายา สืบไป"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ