ราชินีสี่ปฐพี

8.6

เขียนโดย Manny

วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.29 น.

  20 บท
  1 วิจารณ์
  22.39K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2557 13.45 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) วันเวลาของมาเรียหลังสูญเสียพ่อไป

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          วันรุ่งขึ้นหลังวันการสิ้นชีพตักษัยของหม่อมเจ้าไมเคิล เมื่อพระราชาจอห์น ทรงทราบเรื่องที่หม่อมเจ้าไมเคิล ผู้เป็นพระสัสสุระหรือพ่อตาของตน ถึงแก่สิ้นชีพตักษัยจากปากของมาเรีย ที่พูดกับทั้งน้ำตาหลังจากกลับมาจากบ้าน พระราชาจอห์น จึงมีพระบรมราชโองการให้กระทรวงวังจัดการศพหม่อมเจ้าไมเคิล ที่บ้านของมาเรีย พร้อมทั้งเสด็จกับมาเรีย ไปพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ พระราชทานหีบทอง ฉัตรเบญจา 4 คัน และชาวพนักงานประโคมปี่ กลองชนะ สำหรับประโคมเวลารับพระราชทานน้ำสรงศพ เป็นเกียรติยศไว้ด้วย พร้อมทั้งรับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ด้วย จนกว่าพระราชทานเพลิงศพ ทุกๆวันที่มีการประดิษฐานศพ จะมีทั้งหม่อมเจ้าซาร่า พี่น้อง ลูกหลาน เพื่อนมิตรสหาย ญาติ และหน่วยงานต่างๆ มาบำเพ็ญกุศลถวายศพ แต่จะมีคนที่มามากที่สุดคือ มาเรีย เพื่อมาบำเพ็ญพระราชกุศลถวาย เพื่อเป็นสนองพระเดชพระคุณผู้เป็นพ่อบังเกิดเกล้า ที่ได้ชุบเลี้ยงอบรมอภิบาลมาเรีย จนเติบโตเป็นราชินีที่ยิ่งใหญ่ และคนดีของบ้านเมืองได้ ในการบำเพ็ญพระราชกุศล 7 วัน 50 วัน และ100 วัน พระราชาจอห์นก็เสด็จพร้อมด้วยมาเรีย มาประกอบพระราชพิธีด้วยพระองค์เอง 

          จนกระทั่งถึงงานพระราชทานเพลิงศพ มาเรียก็มาร่วมกระบวนเชิญศพจากบ้าน มายังเมรุหลวงหน้าพลับพลาอินซิกเนีย โดยมาเรีย ถือเครื่องทองน้อยเคารพศพไปในกระบวน ในตอนเช้า แล้วมาถึงตอนเย็น พระราชาจอห์นก็เสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปในการพระราชทานเพลิงศพ เมื่อทั้งสองถึงเมรุหลวงแล้ว หลังการสดับปกรณ์ บนพลับพลาเสร็จ ทั้งสองจึงพระราชทานเพลิงศพ มาเรีย จึงก้มลงน้อมเคารพศพ ด้วยความน้อบน้อม และความอาลัยที่มีต่อพ่อบังเกิดเกล้าของตน แล้วหม่อมเจ้าซาร่า ชายาในหม่อมเจ้าไมเคิล ผู้เป็นแม่ของมาเรีย พี่น้อง ลูกหลาน เพื่อนมิตรสหาย ญาติ และหน่วยงานต่างๆ ที่มาร่วมงาน ขึ้นเมรุ วางดอกไม้จันทน์เคารพศพ แล้วในตอนกลางขึ้น ซึ่งเป็นเวลาของการลาลับที่แท้จริง มาเรีย จึงมาพระราชทานเพลิงศพผู้เป็นพ่อบังเกิดเกล้า เป็นพิธีจริง

          เมื่อบำเพ็ญกุศลอัฐิของหม่อมเจ้าไมเคิล ครบ 7 วันเสร็จแล้ว วันนั้นเจ้าชายหลุยส์ ทรงมีพระชนมายุครบ 3 รอบ 36 พรรษาพอดี ซึ่งพ่อทุกคนต้องการที่จะให้ลูกของตนมีความสุขอยู่แล้ว สำหรับพระราชาจอห์น ผู้เป็นพ่อนั้นมอบของขวัญที่ดีที่สุด และน่าเกรงขามมากที่สุด นั่นก็คือ พระราชาจอห์น ทรงโปรดให้สถาปนา เจ้าชายจอห์น เป็น "มกุฎราชกุมารแห่งกลอรี แลนด์" ซึ่งเป็นพระอิสริยยศของผู้ที่จะสืบราชสมบัติต่อจากพระมหากษัตริย์ พร้อมทั้งเฉลิมพระนามในพระสุพรรณบัฏว่า "เจ้าชายหลุยส์ อาร์รอน แอร์เดรีย เออร์วิน ลองจอห์น มกุฎราชกุมารแห่งกลอรี แลนด์" 

          หลายวันต่อมา ได้มีโทรศัพท์ดังขึ้นที่ที่ประทับ ขณะนั้นพระราชาจอห์น ประทับที่ห้องโถง อ่านหนังสือ ทรงรู้ว่ามีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น จึงทรงไปรับโทรศัพท์ เมื่อยกหูโทรศัพท์แล้วพูดว่า

          "กู๊ดถามครับ นี่พระราชาจอห์น นั่นใครกำลังถือสายรออยู่ครับ" แล้วก็มีเสียงชายปริศนาตอบกลับมาว่า

          "จำกระผมไม่ได้หรือขอรับ นี่คือ หม่อมเจ้าแมนลี รอยัลกู๊ด พระสหายของพระองค์ไงขอรับ" หม่อมเจ้าแมนลี รอยัลกู๊ด เป็นพระสหายในพระราชาจอห์น ซึ่งทั้งสองรู้จักกันตอนที่พระราชาจอห์น สมัยที่ยังดำรงพระยศเป็น "เจ้าชายจอห์น" ได้ทรงไปศึกษาต่อที่ลอนดอน ซึ่งหม่อมเจ้าแมนลี ก็ศึกษาคณะเดียวกันกับที่พระราชาจอห์น ทรงศึกษาด้วย จนทั้งสองได้มารู้จักมักคุ้นกัน แล้วเมื่อรู้จักกันได้ไม่นาน ก็ได้ถึงกับเป็นเพื่อนมิตรที่สนิทชิดเชื้อเหมือนเป็นญาติกัน เมื่อพระราชาจอห์น รู้ว่าเสียงชายปริศนาคือ หม่อมเจ้าแมนลี เพื่อนที่สนิท จึงเกิดความดีพระทัย แล้วพูดว่า

          "แมนลี เองหรือนี้ เป็นไงบ้างสบายดีไหม" แล้วหม่อมเจ้าแมนลีก็ตอบว่า

          "ก็สบายดี ขอรับ" แล้วพระราชาจอห์น ก็ทรงถามขึ้นอีกว่า

          "แล้วคาร่า เป็นอย่างไรบ้าง แล้วลูกสาวที่ชื่อว่าอะไรนะ เป็นอย่างไรบ้าง" แล้วหม่อมเจ้าแมนลี ก็ตอบว่า

          "ลูกสาวชื่อ ลอร่า ขอรับ สบายดีขอรับ ส่วนคาร่า ก็สบายดีขอรับ" แล้วพระราชาก็ถามอีกว่า    

          "นี่ แมนลี ฉันถามจริงเถอะ เมื่อไหร่จะกลับพระนครล่ะ เห็นว่าไปอยู่ปีนังมาหลายปีดีดักแล้วนะ" แล้วหม่อมเจ้าแมนลีก็ตอบว่า

          "ก็จวนจะกลับมาแล้วเนี่ย ในอาทิตย์หน้านี้เองแหละ" แล้วพระราชาจอห์น ทรงตอบด้วยความตกพระทัย     ในเชิงดีพระทัยว่า

          "จริงหรือนี่ แล้วจะมาถึงที่พระนครตอนไหนหรือ จะได้ไปรับ" แล้วหม่อมเจ้าแมนลี ก็ตอบว่า

          "มาถึงที่พระนครประมาณตอนเที่ยง มาทางรถไฟแล้วต้องเทียบที่ชานชาลาสถานีรถไฟเซ็นเตอร์" แล้วพระราชาจอห์นก็พูดว่า

          "ได้ๆ ขอบคุณที่บอกนะ แล้ววันนั้นค่อยเจอกันนะ" แล้วมาเรียก็เดินเข้ามาแล้วเห็นสีพระพักตร์ของพระราชาจอห์นที่แย้มพระสรวลเบิกบานผิดปกติ จึงเข้าไปถามพระราชาจอห์นว่า

          "เสด็จพี่ เป็นอะไรไปเปล่าเพคะ ยิ้มระรื่นเชียว" แล้วพระราชาจอห์น ก็ตอบว่า

          "ก็หม่อมเจ้าแมนลี เพื่อนฉันที่ฉันเคยเล่ามานานมาแล้วน่ะ จำได้ไหม" มาเรีย ก็ตอบว่า

          "อ๋อ จำได้แล้วล่ะเพคะ เออ แล้วจะทำไมหรือเพคะ" แล้วพระราชาจอ์น ทรงพูดต่ออีกว่า

          "ก็เขาจะกลับมาพระนคร แล้วน่ะสิ" แล้วมาเรีย ก็พูดว่า

          "จริงหรือเพคะ ดีใจด้วยนะเพคะ เสด็จพี่"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา