The Coven ชุมนุมแม่มด First Season
เขียนโดย LoosDim
วันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.37 น.
แก้ไขเมื่อ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557 19.14 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) THE COVEN ชุมนุมแม่มด EPISODE 4: WITCH HUNTERS
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความความเดิมจากตอนที่แล้ว คลอเบียตหนีออกจากศูนย์วิจัยแห่งหนึ่งของพวกนักล่ามาหาออมและนันที่บ้านของออมเพื่อที่จะขอหลบซ่อนตัว คลอเบียตบอกเรื่องโครงการ Project Fแต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ออมรู้ว่าจะหาคำตอบได้ที่ไหนและนี่คือทั้งหมดของ The Coven
1 อาทิตย์ก่อน ณ ป่าลึกแห่งหนึ่งในยามค่ำคืน เกิดเสียงดังเกิดขึ้นในป่าทำเอาฝูงสัตว์มากมายตกใจและแตกตื่นเสียงนั้นคือเสียงปืนและฝีเท้าของชายฉกรรจ์มากมายในชุดนายพรานและชุดเจ้าหน้าที่วิ่งไล่ตามบางสิ่งอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย เสียงของชายฉะกันพวกนั้นดังลั่นสนั่นไปทั่ว
“จับมัน!!! จับมัน!! ตามจับมันให้ได้!” เสียงของคนพวกนั้นใดขณะที่ไล่ตามบางสิ่งอยู่ท่ามกลางความมืดมิดในป่าใหญ่และต้นไม้สูงมากมายปกคลุมไปทั่ว มีเพียงแค่แสงจันทร์ที่สาดส่องเล็ดลอดลงมาและกระบอกไฟฉายที่เป็นเหมือนดวงตาของพวกเขาเท่านั้น
“เจอหล่อนแล้ว หล่อนวิ่งมาทางนี้ ตามมาเร็ว” ชายฉกรรจ์ในชุดนายพรานคนนึงพูดถึงรอยเท้าของสิ่งๆนั้นและเรียกให้ทุกคนไล่ตาม
“เจอแล้วๆ หล่อนกำลังหนีเร็วเข้า!!!!”เสียงของพวกชายฉกรรจ์ที่เจอเข้ากับสิ่งนั้นและไล่ตามอย่างดุเดือด สิ่งนั้นก็คือผู้หญิงคนนึง เธอใส่เสื้อผ้าขาดๆ ผมเผ้ารุงรังวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ในขณะที่ชายฉกรรจ์พวกนั้นก็ไล่ตามเธอแบบไม่คิดชีวิตเช่นกันแต่ผู้หญิงคนนั้นเธอไม่หนีอย่างเดียว เธอร่ายมนต์ตราใส่เหล่าต้นไม้น้อยใหญ่ในป่าให้มีชีวิต กิ่งก้าน เถาวัลย์และรากไม้มากมายกลายเป็นเหมือนเชือก เหมือนแส้ เหมือนกำแพงขวางกั้นชายฉกรรจ์พวกนั้นเอาไว้แต่ก็ขวางไม่ได้นานเมื่อพวกเขาหลุดออกจากบ่วงพันธนาการของเธอได้นั้นก็พุ่งตรงไล่ล่าเธอต่อพวกเขาเริ่มใช้ปืนยิงไปที่เธอ เธอทั้งหนีทั้งหลบกระสุนจากชายพวกนั้นอย่างทุรนทุราย เธอเจอเข้ากับชายฉกรรจ์ 2 คนใส่ชุดนายพรานเข้าดักทั้งทางซ้ายและทางขวาของเธอ พวกเขาเอาปืนจ่อไปที่เธอเธอตัดสินใจที่จะสู้ เธอยื่นมือออกไปที่ชายฉกรรจ์ 1 ใน 2 คนนั้นด้วยพลังอำนาจบางอย่างมันผลักผู้ชายคนนั้นกระเด็นไปติดกับต้นไม้เธอขยับข้อมือขึ้นกิ่งก้านของต้นไม้พวกนั้นก็เป็นเหมือนเชือกโอบรัดไปที่ร่างกายของชายคนนั้นจนติดแน่น กับต้นไม้ ส่วนชายอีกคนนึงเขาไม่รอช้าจะพุ่งเข้าชาร์จใส่เธอ เธอหันไปหาเขาและยืนมือออกไปด้วยอำนาจนั้นมันกดเขาลงกับพื้นจนลุกขึ้นมาไม่ได้ เธอวิ่งหนีต่อ
ทันใดนั้นเองชายฉกรรจ์มากมายวิ่งไล่ตามและสาดกระสุนไปที่เธอ เธอใช้อำนาจนั้นดวงตาของเธอกลายเป็นสีดำทมิฬและจากนั้นต้นไม้ในป่าก็ขยับได้เหมือนดั่งสัตว์ที่ดุร้าย รากของต้นไม้เหล่านั้นเป็นเหมือนอสรพิษที่ฉกและรัดร่างของผู้ชายพวกนั้น เธอวิ่งไปจนเจอเข้ากับชายฉะกัน 3 คน 1 ใน 3คนนั้นใส่ชุดเจ้าหน้าที่เหมือนนักสืบของรัฐบาล เธอไม่รอช้าพุ่งตรงเข้าใส่ชายในชุดเจ้าหน้าที่ เธอผลักชายฉกรรจ์ทั้ง 2 คนจนกระเด็น มือของเธอจับเข้าไปที่คอของชายในเครื่องแบบดันเขาจนไปติดกับต้นไม้ชายคนนั้นไม่ยอมอยู่เฉยๆ เขาปัดมือของเธอ แล้วถีบไปที่ท้องของเธอ เธอเซออกมา ชายฉะกัน 2 คนพุ่งเข้าประกบตัวเธอ เธอหลบหมัดของพวกเขาแล้วใช้พลังนั้นมันปัดและผลักชายฉะกัน 2 คนนั้นจนล้มลงกับพื้น เกิดรอยแผลบนตัวพวกเขา 2 คนเป็นเหมือนรอยโดนฟันด้วยดาบ เลือดของพวกเขาค่อยๆซึมออกมา ชายในชุดเจ้าหน้าที่คนนั้นชกไปที่เธอ เขาคิดจะซัดเธอให้หมอบ ทันใดนั้นเองฝูงนกมากมายบินมาจากไหนไม่รู้พุ่งเข้ามาขวางเขาไว้แล้วบินหายไป เขาพบว่าเธอหนีไปแล้ว
เธอวิ่งเอาเป็นเอาตายจนไปถึงลานโล่งๆแต่ความซวยมันไม่เข้าใครออกใคร เธอเจอเข้ากับชายฉกรรจ์มากมายล้อมเธอไว้เอาปืนจ่อไปที่เธอดวงตาดุดันเหมือนนักล่าที่กำลังจะขย้ำเหยื่อซึ่งเธอไม่ยอมตกเป็นเหยื่ออย่างแน่นอน เธอเค้นพลังอำนาจในตัวเธออกมาทั้งหมด ดวงตาของเธอกลับมาเป็นสีดำทมิฬอีกครั้ง เธอบุกเข้าชนกับชายฉกรรจ์พวกนั้น เธอใช้พลังนั่นยกต้นไม้ขึ้นลอยกลางอากาศพุ่งเข้าใส่ชายพวกนั้น ในขณะเดียวกันเธอต้องหลบทั้งกระสุน ทั้งหมัดและเท้าของชายพวกนั้น เธอกดหัวของชายฉกรรจ์คนนึงลงและตบเสยเขาจนกระเด็นเธอยื่นมือไปข้างหน้าด้วยอำนาจนั้นมันผลักชายฉกรรจ์ตรงหน้ากระเด็นและหันไปหาชายฉกรรจ์คนข้างหลังเธอยื่นมือออกไปแล้วกดมือลง ศีรษะของชายฉกรรจ์คนนั้นถูกกดลงกับพื้นทันที ชายฉกรรจ์คนนึงพุ่งเข้าหาเธอ เธองัดเขาขึ้นจนผลิกลงไปนอน เธอควบคุมรากไม้พุ่งไปหาชายฉกรรจ์อีกคนรากไม้นั้นเสียบทะลุร่างของเขาและเธอก็ให้รากไม้ฟาดไปที่ชายอีกคน ตอนนั้นเองชายฉกรรจ์ในชุดเจ้าหน้าที่ก็เข้ามาข้างหลังเธอ เขาเอาไรเฟิลทุบไปทีท้ายทอยจนเธอสลบ การปะทะกันเลยจบลง
ผู้หญิงคนนั้นฟื้นขึ้นมาในขณะที่ร่างของเธอถูกมัดติดอยู่กับเสาไม้มีกองท่อนไม้และใบไม้มากมายวางล้อมรอบเธอ เธอตกใจพยายามดิ้นแต่ไม่สำเร็จ เธอเงยหน้าขึ้นมาเจอเข้ากับชายฉกรรจ์พวกนั้นทั้งในชุดนายพรานและชุดเจ้าหน้าที่ยืนล้อมรอบตัวเธอโดยมีชายในชุดเจ้าหน้าที่คนนั้นยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เขาหัวโล้น ตัวดำใส่ชุดเจ้าหน้าที่และดูเหมือนกับว่าจะเป็นหัวหน้าด้วย
“พวกแกทุกคนมันสมควรตาย!! 5555 ด้วยซากศพ........ด้วยกลิ่นเหม็นโสโครก........ด้วยน้ำลายและขี้ไคล......ด้วยรูจิ๋มเน่าๆของชั้น........ชั้นขอสาบานว่าพวกแกทุกคนต้องพบกับความชิบหายและทุกข์ทรมานที่สุด 555555” ผู้หญิงคนนั้นตระโตนด่าด้วยคำหยาบมากมายและหัวเราะขึ้นอย่างสะใจ
“พล่านพอหรือยัง? นังแม่มด พูดมากนักนะ” ชายหัวโล้นตรงหน้าเธอพูดขึ้นผู้หญิงคนนั้นคือแม่มด
“555555 ยังชั้นยังไม่พอ ยังมีอีก ชั้นรู้นะว่าแกต้องการอะไร!!” แม่มดคนนั้นพูดต่อ
“อย่าไปฟังมัน มันโป้ปลด หลอกลวง” ชายฉกรรจ์ใส่ชุดนายพรานคนนึงพูดขึ้น
“ชีวิตคู่ของแกกับเมียแกไม่สุขสันต์และดื่มด่ำใช่มั้ย ทำไม? เพราะเธอไม่ยอมอมไอนั้นหรือเพราะเธอแข็งทื่อเป็นท่อนไม้กันล่ะ 555555” แม่มดคนนั้นพูดจาหยาบคายอย่างซะใจ
“ราดน้ำมันเลย!” ชายหัวโล้นไม่สนใจในคำพูดของเธอ เขาสั่งให้ชายฉกรรจ์พวกนั้นราดน้ำมันเชื้อเพลิงไปที่เธอและรอบๆตัวเธอ
“55555 วู้ว! แกไม่อยากมาลองกับจิ๋มเน่าๆของชั้นเหรอ? 55555 เพราะมันฟิตมากกก” เธอไม่เกรงกลัวหรือตกใจอะไรกลับพูดจาหยาบคายและบ้าเข้าไปอีก
“อยากจะพูดอะไรก็พูดไป นังโสโครก แม่มด! ถุ้ย!” ชายหัวโล้นด่าแม่มดคนนั้นแล้วถุ้ยน้ำลายใส่เธอ เธอเปลี่ยนสีหน้าเป็นโกรธทันที
“ต่อให้ชั้นตาย ชั้นก็ขอกลายเป็นวิญญาณร้าย ปีศาจ สัตว์ประหลาดหรืออสูรกาย มาถลกหนังหัวของแก ไอโล้นเอ้ย!!!!”
“ดีเลย ชั้นจะเอาลูกปืนกรอกปากหมาๆของแกแต่ตอนนี้......” ชายหัวโล้นยังไม่ทันพูดจบ เขาจุดไม้ขีดไฟและโยนมันใส่แม่มดคนนั้น ไฟถูกจุดขึ้น เธอถูกเผาทั้งเป็น กองเพลิงร้อนแรงแผดเผาร่างของแม่มดคนนั้น เธอร้องโหยหวนด้วยความทรมานจนสิ้นใจตาย
“ช่วยตายไปก่อนนะ นังร่าน” ชายหัวโล้นพูดต่อให้จบ ขณะนั้นเองชายฉะกันใส่ชุดเจ้าหน้าที่คนนึงวิ่งมากระซิบข้างหูของเขา
“ท่านครับ ท่านผู้บัญชาการขอสายครับท่าน”
“ครับท่าน...........ได้ครับท่าน........ผมจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้ครับท่าน”ผู้ชายหัวโล้นเขาคุยบางอย่างกับผู้บัญชาการเหมือนกับว่าที่คำสั่งให้รีบกลับไป
“เก็บกวาดให้เรียบร้อยซะ ชั้นจะรีบกลับไปที่ศูนย์วิจัย จัดการด้วย”เขาสั่งกับเจ้าหน้าที่คนนั้นแล้วรีบเดินทางออกจากป่า
ตัดกลับมาที่ศูนย์วิจัย ที่เดียวกับที่คลอเบียตหนีออกมาในโซนของศูนย์บัญชาการมีเจ้าหน้าที่มากมายเดินปะปนเต็มไปหมด มีสายเข้ามาในห้องทำงานของผู้บัญชาการของศูนย์วิจัยแห่งนี้
“ท่านค่ะ เอเย่นต์ มาโล มาถึงแล้วค่ะท่าน” เขารับสาย ผู้บัญชาการคนนั้นคือหัวหน้าหน่วยซีคิวริตี้
“ให้เขาเข้ามา” เขาพูดให้ผู้ชายคนนั้นเข้ามา ชายฉะกันหัวโล้นมาถึงที่ศูนย์วิจัยแห่งนี้และกำลังเดินเข้าไปในห้องทำงานของผู้บัญชาการ เขาคือ เอเย่นต์ มาโล เขาเปิดประตูห้องเข้าไป
“ท่านเรียกผมมามีอะไรเหรอครับ?” เขาเอ่ยถามทันที
“นั่งก่อนสิ เอเย่นต์”หัวหน้าหน่วยซีคิวริตี้สั่งให้เขานั่งลงที่โต๊ะทำงาน มาโลนั่งลง หัวหน้าหน่วยซีคิวริตี้เข้ามายื่นแฟ้มเอกสารบางอย่างให้กับมาโล เขาเปิดดู
“Project K.D. เธอทำไมเหรอครับท่าน?” เขาเปิดแฟ้มเจอเข้ากับประวัติและรูปของคลอเบียต
“เธอหนีออกจากศูนย์วิจัย ฝ่าหน่วยซีคิวริตี้และรปภ.ทุกคน” หัวหน้าหน่วยซีคิวริตี้อธิบาย
“แล้วเธอไปถึงขั้นตอนไหนแล้ว?” มาโลถามต่อ
“เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบเหลือเพียงขั้นตอนสุดท้าย เราเสียเธอไปไม่ได้ เธอคือ Project ที่ประสบผลสำเร็จที่สุดคนนึง” หัวหน้าหน่วยซีคิวริตี้ พูดต่อ
“ท่านจะให้ผมทำยังไง?”
“ถามตรงประเด็นมาก เอเย่นต์ ผมต้องการจับเป็นเธอ อย่าให้ร่างวัตถุดิบเสียหายเด็ดขาด ใช้วิธีอะไรก็ได้มีเพียงคุณคนเดียวที่ทำได้” หัวหน้าหน่วยซีคิวริตี้สั่งการ
“แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?” มาโลถาม
“ที่เมืองฮัสกี้ เขตปกครองเมทาโพลิส เครื่องติดตามของเราบอกว่าเธออยู่ที่นั้นแต่ถูกคลื่นบางย่างรบกวน เลยระบุไม่ได้ว่าตรงไหน” หัวหน้าหน่วยซีคิวริตี้บอกตำแหน่ง
“เวทมนตร์เหรอ? ท่านคิดว่ามีแม่มดหรือพ่อมดมาช่วยเธองั้นเหรอ?”
“ก็ถ้าเธอยังไม่ฝึกร่ายคาถา ผมคิดว่าคงเป็นอย่างนั้น”
“งั้นผมขอตัวก่อนครับท่าน” มาโลขอตัวไปปฏิบัติภารกิจเขาเดินออกจากห้องพร้อมแฟ้มประวัติของคลอเบียต
ตัดมาที่ปัจจุบัน ที่โครงการหอพักนักศึกษาเขต 20 เมืองนอยช์ เขตปกครองเมทาโพลิส เป็นที่พักอาศัยของแคสตี้และแม็กส์ พวกเธออยู่กันเพียงแค่ 2 คนส่วนพ่อและแม่ก็แวะมาหาบ้างเป็นครั้งคราว
“นี่แม็กส์ เร็วๆสิ!” เป็นช่วงเช้าที่วุ่นวายของ 2 สาว แม็กส์นั่งเป่าผมให้แห้งและยังไม่ได้แต่งตัวส่วนแคสตี้ก็พยายามจะเร่งน้องสาวฝาแฝด เธออยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีขาวกับกระโปรงเอวสูงทรงเอลายน่ารัก
“แป๊บนึงได้มั้ย จะรีบไปไหน” แม็กส์ตอบด้วยความรำคาญแต่น้ำเสียงเธอนิ่งๆ
“ก็ชักช้าเองอะ ทำไมทำอะไรต้องช้าตลอดเลย แล้วอย่างงี้ถ้าไม่มีชั้นแล้วแกจะทำยังไง?” แคสตี้บ่น
“อยู่ได้ก็แล้วกัน”แม็กส์ก็ตอบไปด้วยความรำคาญอีกเช่นเคย เธอเป่าผมเสร็จแล้วกำลังใส่เสื้อผ้าเธอใส่เสื้อยืดสีขาวคอกว้าง กางเกงยีนส์ขาสั้น
“เอาจริงๆ แกนี่มันไม่เหมาะที่จะได้ครองพลังของตระกูลเราเลยนะ ทำไรก็ช้า ขาดความเป็นผู้นำ ต้องให้ชั้นคอยบอกตลอดจะทำอะไร” แคสตี้เริ่มบ่นหนัก
“แล้วแกคิดว่าใครเหมาะ พี่อะไรเหรอ? หึ!” แม็กส์ก็ทำหน้าเบะใส่
“แล้วไงยังไง ชั้นก็น่าจะเหมาะกว่านะ ชั้นว่า” ตอนนั้นเองแม็กส์ก็แต่งหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“เสร็จแล้วใช่มั้ย? เอาตะกร้าผ้าไปด้วยต้องซักผ้าอีก ชักช้าดีนัก” แคสตี้พูดจบก็เชิดหน้าเดินออกจากห้องไปทันทีส่วนแม็กส์ก็บ่นพึมพำแบกตะกร้าผ้า พวกเธออยู่ชั้นที่ 8 ซึ่งหอแห่งนี้มีทั้งหมด 12 ชั้น
ตัดกลับมาที่อพาร์ทเม้นท์ทหาร เมืองนอยช์ เขตปกครองเมทาโพลิสเป็นที่พักอาศัยของนัน เธออยู่กับพ่อของเธอ 2 คน พ่อเธอเป็นทหารประจำการอยู่ที่เมืองนี้ วันนี้เธอใส่เสื้อคอปกสีขาวแล้วใส่เสื้อกันหนาวแขนยาวสีดำ สกินพื้นสีขาวลายไม้กางเขน กางเกงสีดำขาสั้น เธอกำลังเก็บจานเข้าชั้นวางจานจู่ๆเธอก็รู้สึกสังหรณ์ไม่ดีอย่างแรงจนเธอทรุดลงกับพื้น เธอเห็นภาพของคลอเบียตแว๊บเข้ามาในหัวของเธอ ทันใดนั้นรูปคู่ของเธอกับคลอเบียตก็ตกลงกับพื้น เธอรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ เธอกังวลใจมาก เลยโทรหาออม
“ออมๆ แกชั้นมีลางสังหรณ์ว่ะ คลอเบียตอยู่ไหน?” นันถามอย่างใจร้อน
“ก็อยู่บนห้องชั้นไง ทำไมมีอะไรหรือเปล่า” ออมถามด้วยความสงสัย
“แล้วตอนนี้แกอยู่ไหน?”
“ชั้นอยู่ข้างนอก มาซื้อของให้พ่อมีอะไรหรือเปล่าเนี่ย?” ออมเริ่มอยากรู้
“แล้วแกทิ้งมันไว้ที่บ้านเนี้ยนะ รีบกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยออม” นันออกคำสั่ง
“เห้ย มีอะไรนี่ชั้นเริ่มไม่สบายใจแล้วนะ”
“กำลังเกิดเรื่องไม่ดีกับมัน ชั้นชักเป็นห่วงมันอะ ออมแกต้องกลับไปดูมันนะ”
“บ้า แกอะบ้า 5555 คิดมากไปเปล่า พ่อชั้นมีมนต์คาถาของสภาคุ้มครองบ้านชั้นอยู่นะ ใครจะไปหามันเจอ” ออมไม่คิดอะไรเลย
“แต่.......กะ”
“เอาล่ะๆ แกอย่าคิดมากเดี๋ยวชั้นก็กลับแล้ว พรุ่งนี้แกก็มาหาสิ เออๆแค่นี้นะ เจอกัน บาย” นันกำลังจะพูดแต่ถูกออมแทรก เธอพูดจบก็วางสาย
“เอ้า!” นันเธอรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้จริงๆ เธอต้องทำอะไรซักอย่าง
ตัดกลับมาที่ หมู่บ้านเจ้ากระทรวง เมืองฮัสกี้ เขตปกครองเมทาโพลิส ซึ่งเป็นบ้านของออมและตอนนี้เป็นที่พักอาศัยของคลอเบียตด้วย ในตอนนี้ทุกคนในบ้านยังไม่มีใครกลับ คลอเบียตเธออยู่บ้านคนเดียว เธอใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว กระโปรงเอวสูงทรงเอสีดำ เธอนั่งอยู่บนเตียงนอนในห้องของออม เธอกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องๆนึงอยู่
ย้อนกลับไปเมื่อ 3 วันก่อน ที่สภาผู้วิเศษแห่งเมืองฮัสกี้ ออม นันและคลอเบียตนั่งอยู่ที่ห้องโถงของสภา ซึ่งเป็นที่ ที่ผู้วิเศษส่วนใหญ่มักจะมานั่งพบเจอกันพูดคุยสารทุกข์สุขดิบโดยเฉพาะคนสูงอายุ ออมอยู่ในชุดเดรสสีส้มอมน้ำตาลลายแมวป่า ชุดเดิม แต่คราวนี้เธอใส่แว่นมาด้วยแล้วมัดแกะ รองเท้าคัทชู นันเธออยู่ในชุดเดรสทรงแขนกุด คอบัว สีชมพูตัดขาว ตัวเดิมเช่นกัน รองเท้าส้นสูงและคลอเบียตเธออยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กระโปรงเอวสูงทรงเอสีดำ รองเท้าผ้าใบสีเทาเสริมส้น พวกออมมานั่งในที่แบบนี้ก็เพราะว่ามันปลอดภัยต่อตัวของคลอเบียต เมื่อนั่งอยู่ในสภาพวกนักล่าก็บุกเข้ามาไม่ได้ สภาผู้วิเศษของเมืองฮัสกี้นั้นตั้งอยู่ติดริมถนนของเมืองก่อนขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำไปที่เมืองสคูลเป็นศูนย์รวมของผู้วิเศษทุกคนในเมืองนี้ พวกออมนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ เหมือนกับว่าพวกเธอนั่งรอใครสักคนอยู่และในขณะนั้นเองคนๆนั้นก็เดินเข้ามา เธอคือละมุด เธอมาคนเดียว เธอใส่เสื้อยืดคอกลมสีเทา กางเกงขายาวแบบชนเผ่าแม้ว ใส่หมวก BOY สีฟ้า ตามด้วยรองเท้านิวบาลานซ์ ละมุดเดินตรงเข้ามาหาพวกออมและนั่งลงที่โต๊ะ
“สวัสดีละมุด” พวกออมเอ่ยทักทายละมุด พวกเขารู้จักกันมาก่อน เพราะเรียนม.ปลายมาด้วยกันห้องเดียวกัน แต่อยู่กันคนละกลุ่ม
“ไงพวกแก เป็นไงบ้าง?” ละมุดเอ่ยทักทายกลับ
“ก็ดีอะ เรื่อยๆ” ออมตอบไป
“แล้วมีอะไรล่ะ ทำไมต้องมานัดเจอที่สภาด้วย ให้ชั้นถ่อมาถึงฮัสกี้เนี้ยนะ?” ละมุดยิงเป็นชุด
“เอิ่มมม.....คือ..พวกเรามีเรื่องให้แกช่วยน่ะ” ออมพูดด้วยน้ำเสียงเกรงใจ
“เหอะ ให้ชั้นช่วยเหรอ? ตลกเนอะ” ละมุดไม่ค่อยพอใจ
“นี่เธอยังไม่หายโกรธเรื่องเมื่อตอนนั้นอีกเหรอ เรื่องมันก็นานมาแล้วนะละมุด ให้อภัยกันไม่ได้เหรอ?” นันพูดถึงเรื่องอะไรซักอย่าง
“ไม่ สิ่งที่พวกเธอทำไว้กับชั้น ชั้นไม่มีวันลืม ชั้นจำได้ทุกอย่าง มาขอให้ช่วยเหรอ หึ”ละมุดใส่ยับ
“แล้วสรุปเธอจะช่วยเรามั้ย? ละมุด” ออมเริ่มเสียงแข็ง
“ไม่ ปกติพวกเธอก็เก่งกันอยู่แล้วนิ่ จะต้องการความช่วยเหลือจากชั้นทำไมกัน ห๊ะ”ละมุดเริ่มพูดยอกย้อนและกวนประสาท
“แต่เรามีเรื่องให้ช่วยจริงๆ ถือว่าเราขอล่ะ” นันขอร้อง
“ขอบายล่ะกัน ปัญหาใครปัญหามันเคลียร์กันเอง ลืมแล้วเหรอ เราอยู่คนละกลุ่มกันจำได้มั้ย?” ละมุดกวนประสาท และไม่ยอมที่จะช่วยเหลือ
“ไปเหอะ เสียเวลา!” คลอเบียตพูดขึ้น เชิดใส่ละมุด เธอลุกออกจากที่นั่งแล้วเดินไป
“เห้ยแกเดี๋ยวก่อนใจเย็นๆ” นันรีบลุกไปฉุดแขนของคลอเบียตไว้ไม่ให้เพื่อนไป
“ละมุด เธอจะเกลียดจะโกรธพวกเรา เราไม่ว่าแต่เพื่อนเรากำลังตกอยู่ในอันตราย ชั้นขอร้องเธอล่ะช่วยพวกเราหน่อย ชั้นเชื่อว่ามีแต่เธอเท่านั้นที่รู้ ขอล่ะ” ออมขอร้องละมุดอย่างสุดกำลัง จนละมุดเริ่มอยากรู้ความจริง
“ชั้นว่านี่ไม่ธรรมดาล่ะ สรุปมันเกิดอะไรขึ้น” ละมุดเธอถามกลับ นันลากตัวคลอเบียตกลับมานั่งที่โต๊ะ ออมสะกิดคลอเบียตให้เธอเล่าทุกอย่าง
“เอ้า ว่าไงมีใครอยากจะเล่าอะไรมั้ย?” ละมุดก็ยังกวนต่อ
“เรื่องที่ชั้นจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงทุกอย่าง เธอต้องหยุดกวนแล้วฟัง ได้มั้ย?” คลอเบียต เธอพูดขึ้นเธอจริงจัง
“ขนาดนั้นเลยเหรอ??!!!!...........อ่าๆ โอเค ชั้นจะตั้งใจฟัง ว่ามา” ละมุดยังกวนแล้วเธอก็พบว่าไม่มีใครเล่นด้วยเธอเลยเข้าโหมดจริงจัง คลอเบียตเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอทั้งหมดให้ละมุดฟังทุกอย่างแล้วแสดงพลังของเธอให้ละมุดดู เธอเอานิ้วแตะไปที่โต๊ะแล้วเกล็ดน้ำแข็งก็กระจายออกมาจากนิ้วของเธอ มันครอบคลุมไปทั่วทั้งโต๊ะ ละมุดอึ้งนิดๆ เธอเริ่มจะเชื่อพวกออมจริงๆซะแล้ว
“งั้นก็แปลว่าตอนนี้เธอมีพลัง โอเค นี่มันเรื่องใหญ่นะรู้มั้ย เห้อ” ละมุดถอนหายใจ
“อื้ม ใช่” คลอเบียตพยักหน้า
“แล้วสรุปเธอรู้มั้ย ไอ Project F เนี่ย มันคืออะไร?” นันถามเข้าประเด็น
“Project F ก็คือโครงการจอมเวทย์เทียม” ละมุดเฉลย
“ห๊ะ โครงการจอมเวทย์เทียมเหรอ?” ออมตกใจพูดย้ำ
“ใช่ โครงการจอมเวทย์เทียม มันคือโครงการของพวกนักวิจัยกับพวกผู้วิเศษหัวกะทิแนวหน้าของโลกตะวันออกที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อสร้างจอมเวทย์เทียม ทีแรกโครงการนี้ตั้งใจจะทำให้มนุษย์ที่มีจุดประสงค์จะเป็นผู้วิเศษได้เป็นดั่งสมใจหวังพวกเขาแต่ทางสภาใหญ่แห่งฝั่งตะวันออกไม่อนุมัติ พวกเขาไม่สนับสนุนและสั่งยกเลิกโครงการนี้ทิ้งเสียเพราะกลัวว่าในอนาคตจะมีผลกระทบต่อผู้วิเศษทุกคนแต่ก็ใช่ว่าจะหยุดการดำเนินโครงการนี้ทิ้งไปได้ พวกเขาแอบทำกันอย่างลับๆภายใต้เงาของผู้มีอิทธิพล การสร้างจอมเวทย์เทียมนั้นจะนำยีนเด่นของพ่อมดและแม่มดแต่ละคนมาเพาะเซลล์ สร้างตัวอ่อนซึ่งก็คือ ทารกในหลอดแก้ว ตัวอ่อนนั้นจะเจริญเติบโตจนกลายเป็นร่างเต็มวัยจึงนำออกมาจากหลอดแก้วแล้วมาฝึกฝนทั้งด้านความสามารถพิเศษ เวทมนตร์และศิลปะการต่อสู้เพื่อที่จะเป็นกำลังรบ ส่วนใหญ่จะนำมาใช้ในกองทัพทางด้านการทหารของพวกมนุษย์ จนพวกนักล่ามารู้เรื่อง Project นี้เข้า พวกเขาเลยคิดที่จะสร้างนักล่าที่มีความสามารถทัดเทียมกับพวกเราผู้วิเศษแต่ในกรณีของคลอเบียตอะ น่าจะเป็นการสร้างจอมเวทย์เทียมในแบบที่ 2 คือการนำศพของมนุษย์ที่สภาพศพยังสมบูรณ์อยู่มาเข้าหลอดแก้ว แต่วิธีอะไรหรือทำยังไงนั้นชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าแกโชคดีมากที่หนีออกมาได้ก่อน เพราะมันฝึกฝนแกจนแทบจะสมบูรณ์แบบเหลือเพียงแต่ทำให้แกเชื่องเหมือนสัตว์เลี้ยงตัวนึงก็เท่านั้นเอง” ละมุดอธิบายอย่างละเอียดจนทุกคนบนโต๊ะนั่งอึ้งไปตามๆกัน
“สรุปว่านักล่ามาที่เมทาโพลิสจริงๆอย่างงั้นสินะ” ละมุดทำหน้ากลุ้มใจ
“พูดไม่ออกเลยอะ” นันหันไปหาเพื่อนๆ
“แล้วเธอรู้อะไรอีกมั้ย?” ออมถามต่อ
“หน้าชั้นเหมือนผู้ช่วยนักวิจัยเหรอ? ชั้นก็รู้เท่าที่บอกนั้นล่ะ ช่วงนี้แกก็ต้องระวังตัวนะรู้มั้ย คลอเบียต พวกนักล่ามันต้องส่งคนเก่งๆมาตามล่าเธอแน่นอน มันคงไม่ส่งพวกกิ๊กก๊อกมาจัดการเธอหรอก ชั้นขอตัวก่อนนะ ช่วยได้แค่นี้ล่ะ” ละมุดพูดเตือนคลอเบียตแล้วเธอก็ลุกจากโต๊ะเพื่อกลับบ้าน เธอหันไปหาพวกออมอีกที
“เอ่อดีใจที่เธอกลับมานะ คลอเบียต” เธอพูดส่งยิ้มให้แล้วเดินจากไป คลอเบียตพยักหน้ายิ้มตอบรับ พวกเขานั่นกลุ้มใจเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
กลับมาที่ปัจจุบัน คลอเบียตนั่งคิดถึงเรื่องนั้นก็เพราะเธอกลัวว่าจะเป็นเหมือนที่ละมุดพูด ขณะนั้นเองนอกบ้านของออม เอเย่นต์ มาโลและลูกน้องในชุดหน่วยคอมมานโดกับชุดเจ้าหน้าที่ 2-3 คน พบตัวเธอแล้ว
“เข้าใจคิดนะ หลบอยู่ในบ้านที่อยู่ในเมือง ไม่ทำตัวให้เป็นจุดเด่นแถมยังมีคลื่นเวทมนตร์รบกวนทั้งเมืองอีกตางหาก” มาโลบ่นหลังจากนั้นเขาสั่งให้ลูกน้องบุกเข้าไป ตัดมาที่ในห้องของออม คลอเบียตรู้สึกเหมือนมีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ข้างนอกบ้าน เธอลุกขึ้นจากเตียงอย่างไหวแล้วค่อยๆเดินมาตรงกลางห้อง ตอนนั้นเองพวกนักล่าในชุดคอมมานโดก็ทะลุหน้าต่างห้องเข้ามา 2 คนแล้วกระหน่ำยิงไปที่เธอ เธอรีบหาที่หลบกระสุน พอได้จังหวะเธอสร้างน้ำแข็งในมือให้เป็นรูปตรีสูรย์แล้วขว้างไปที่นักล่าคนนึง มันแทงทะลุคอหอยของเขาแล้วก็บังคับด้ามจับของตรีสูรย์น้ำแข็งที่คาอยู่ที่คอที่ถูกเสียบของนักล่าคนนั้น ฟาดไปที่ใบหน้าของนักล่าอีกคนจนเขาล้มลง เธอหนีออกจากห้องลงบันไดมาเจอเข้ากับนักล่าอีกคนนึงจ่อปืนไปที่เธอและกำลังเหนี่ยวไกปืน เธอสร้างบอลน้ำแข็งขึ้นแล้วเตะให้มันพุ่งไปชนจนนักล่าคนนั้นกระเด็นไปติดกำแพง เธอกระโดดลงมาจากชั้นบนแล้วเจอเข้ากับนักล่าอีกมากมายในบ้านรุมสาดกระสุนใส่เธอ เธอม้วนตัวตีลังกาหลบกระสุน
เธอสร้างเสาหินน้ำแข็งอันแหลมคมบนเพดานบ้านเหนือหัวของพวกนักล่าแล้วสั่งให้มันหล่นลงมาตกตรงที่พวกเขายืน พวกนักล่าต่างก็หลบเสาน้ำแข็งคนที่หลบไม่ทันก็โดนเสานั้นทับจนเสียชีวิต นักล่าคนนึงโผล่พรวดเข้ามาด้านหลังของเธอถือเข็มยาสลบจะแท่งไปที่เธอ เธอหันกลับไปจับมือของเขาแล้วบิดจนเข็มยาสลบหลุดมือของนักล่าคนนั้น เธอคว้าเข็มไว้แล้วแทงไปที่เขาจากนั้นก็ฉีดยาสลบกลับเขาสลบล้มลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว เธอพยามจะวิ่งออกไปที่ประตูบ้าน ถูกนักล่าคน 2 คนใส่ชุดเจ้าหน้าที่ขวางไว้ 1 ใน 2 คนนั้นเขาเตะเธอแต่เธอหลบได้แล้วอีกคนก็เข้ามาประชิดตัวเธอ เธอสร้างดาบน้ำแข็งที่แขนแล้วฟันไปที่เขา นักล่าอีกคนก็เข้ามาหาเธออีกรอบ เธอจึงใช้ดาบน้ำแข็งที่สร้างขึ้นฟาดไปที่หัวของเขาจนดาบแตกกระจายส่วนนักล่าคนนั้นก็หัวแตก ในขณะนั้นเองเธอถูกมาโลที่เข้ามาโดยที่เธอไม่รู้ตัวชกไปที่ท้องแล้วเหวี่ยงตัวเธอกระเด็นไปติดกับกำแพง เธอลุกขึ้นมาสร้างลูกดอกน้ำแข็งขึ้นแล้วให้มันพุ่งไปแท่งที่ต้นขาของมาโลทำให้เขาทรุดลง
เขาดึงลูกดองน้ำแข็งนั้นออกแล้วพุ่งตัวไปที่เธอ เธอสร้างดาบน้ำแข็งขึ้นมาอีกครั้งนึง เธอฟาดฟันไปที่เขาแต่เขาก็หลบได้เขาโต้กลับด้วยการปล่อยหมัดอัปเปอร์คัตเสยคางเธอจนเธอมึนนั่งชันเข่าลงกับพื้น เขาทุบไปที่หัวเธออีกที เธอล้มลงแต่ยังไม่หมดสติ ขณะนั้นเองนันเทเลพอร์ตมาโผล่ที่กลางบ้านของออม เธอเจอเข้ากับพวกนักล่ามากมาย เธอมีความสามารถที่สืบทอดมาจากตระกูล คือตระกูล ไซโคเฟียร์เป็นตระกูลพ่อมดแม่มดดั้งเดิมที่มีพลังมหาศาล สามารถล้างโลกได้ทั้งใบ โดยพลังของนันนั้นจะเป็นรูปร่างเหมือนพลังงานสีชมพูสว่างจ้า เธอเห็นท่าไม่ดีแล้วหันไปเจอคลอเบียตที่นอนอยู่บนพื้นเธอโมโหซัดลูกพลังสีชมพูสว่างจ้าใส่นักล่าในชุดคอมมานโดคนนึงจนเขากระเด็น ในช่วงชุลมุนนั้นเองการมาของเธอทำให้พวกนักล่าไม่ทันตั้งตัวและตกใจบ้างนักล่าคนนึงพุ่งตรงมาที่เธอ เธอยืนมือออกไปเกิดออร่าสีชมพูสว่างจ้าครอบคลุมที่ตัวของนักล่าคนนั้นแล้วเธอก็ปัดแขนออก นักล่าคนนั้นเหมือนถูกควบคุมเขากระเด็นไปตามมือของเธอ
เธอหันไปเจอเข้ากับมาโลแล้วโฟกัสไปที่เขา เธอรวบรวมพลังสร้างบอลไฟสีชมพูสว่างจ้าแล้วปล่อยยออกไป มันพุ่งซัดตรงไปที่มาโล เขาโดนเข้าอย่างจังจนกระเด็นไปชนกับโซฟา เธอวิ่งไปพยุงตัวเพื่อนขึ้น พวกนักล่าหลายคนระดมยิงไปที่เธอและคลอเบียต เธอยืนมือไปข้างหน้าสร้างโล่สีชมพูสว่างจ้ากลมๆจากพลังของเธอเพื่อกันกระสุน พอพวกนักล่ายิงจนหมดชุดเธอก็กำมือจากนั้นโล่สีชมพูก็เปลี่ยนเป็นกระสุนมากมายซัดกลับไปที่นักล่าพวกนั้นจนล้มลง เธอกับคลอเบียตเลยได้จังหวะเทเลพอร์ตหายตัวไปในทันที มาโลลุกขึ้นมาสั่งลูกน้องให้แกะรอยจากคลื่นติดตามในตัวคลอเบียตอย่าให้คลาดกันเด็ดขาด
ตัดกลับมาที่หอพักนักศึกษา เมืองนอยช์ หอของแคสตี้และแม็กส์ในชั้นล่างของหอพักหลังจากที่ฝาแฝดทั้ง 2 คนปฏิบัติภารกิจเรียบร้อยเสร็จสับ ทั้ง 2 ก็มานั่งที่ร้านอาหารตามสั่งใต้หอพัก ร้านของแม่ลีอา
“ลีอา สั่งข้าวหน่อย” แคสตี้ตระโกนเรียกลีอาด้วยความหิว
“จ้า มาแล้วจ้าเอาอะไรดีคะพี่?” ลีอารีบวิ่งมาเพื่อจดรายการอาหาร เธอใส่ชุดเสื้อยืดสีขาว วันนี้เธอไม่ได้เก็บปีก ปล่อยปีกปกติเสื้อของลีอาทุกตัวส่วนใหญ่ต้องเจาะรูปด้านหลังเพื่อให้สวมปีกเข้าไปได้ด้วย กางเกงขาสั้นสีดำ รองเท้าแตะ
“เอาข้าวหมูกระเทียมแกอะไร?” แคสตี้สั่งอาหารเสร็จก็หันไปถามแม็กส์
“เอากะเพราหมู” เธอตอบ หลังจากนั้นลีอาก็เดินไปที่ครัว
“โอ๊ยยย เหนื่อยจัง” แคสตี้บ่น
“เหนื่อยอะไร ชั้นไม่เห็นพี่จะทำอะไรเลย ผ้าชั้นก็เป็นคนซักแถมยังเอาลงเครื่องรอมันปั่นอีก แฟ้บชั้นก็ต้องเดินไปซื้อ เงินก็เงินชั้น ตากผ้าชั้นก็เดินไปตาก พี่มาตากแค่ของพี่กับของพ่อและตากก็ไม่หมดด้วย ชั้นเห็นแต่พี่ไปนั่งคุยกับพี่น้อยร้านซักรีดอะ เหนื่อยอะไร??!” แม็กส์บ่นยาว
“ก็....ก็.....ก็เหนื่อยแล้วกันน่า ชั้นเป็นพี่แกนะ แกทำอะถูกแล้ว” แคสตี้อ้าง
“ไม่เกี่ยวเลย ขี้เกียจก็บอก แกอย่ามาทำอ้าง” แม็กส์รู้ทัน
“นี่แกย้อนชั้นเหรอ? ชั้นอะไรทำมาเยอะแล้วตาแกทำบ้างก็ทำมาบ่น” แคสตี้ เธอยังไม่จบ
“เออ เอาเถอะ ขี้เกียจเถียง” แม็กส์จบประเด็น ขณะนั้นเองลีอาก็เดินเอาน้ำมาเสิร์ฟให้กับฝาแฝดทั้ง 2 ทันใดนั้นเองฮวนก็เดินออกมาจากห้องครัวแล้วรีบจั้มออกไปจากร้าน เขาใส่เสื้อยืดสีเทา กางเกงสแล็คขาสั้นสีดำ รองเท้าแตะ
“เห้ย ไอพี่ฮวนจะไปไหน?” ลีอาหันไปเห็นเหมือนรู้ เธอรีบถาม
“ก็ไปร้านเกมส์อะดิ” ฮวนหันมาพูดกระแทกเสียงใส่
“เห้ย อ่าวแล้วขอแม่แล้วเหรอ?” ลีอาถาม
“ยุ่ง เสือกจังเลยทำๆไป” ฮวนด่าน้องสาวอีก
“อ่าวเห้ย ถึงกลับต้องด่าเลยเหรอวะ?” แคสตี้พูดสวนไป
“ไปละเจ้ หวัดดีครับ” ฮวนพูดตัดบทแล้วเดินออกไปจากร้านอย่างเร็ว
“อ้าว ไอนี่ 5555” แคสตี้งงแล้วหันไปหัวเราะกับแม็กส์
ตัดกลับมาที่หมู่บ้านต้นฝัก เมืองชาน ดาวนั่งเล่นรอละมุดกลับมาอยู่ที่หน้าบ้านของรุจ โดยมีรุจกับเวหานั่งอยู่ด้วย เธอใส่เสื้อยืดสีขาวคอกลมกับกางเกงยีนส์เอวสูงขายาว ใส่เสื้อเข้าไปข้างใน ส่วนรุจอยู่ในชุดเสื้อยืดสีเทาคอกลม กางเกงนักเรียนสีดำและเวหาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสแล็คขาสั้นสีดำ ทุกคนกับกำลังนั่งคุยเรื่องจิปาถะและกินขนมกันอย่างสนุกสนาน ตอนนั้นเองนันที่พาคลอเบียตหายตัวมา ทั้งสองก็มาโผล่ที่หมู่บ้านต้นฝักตรงหน้าบ้านของรุจ นันเห็นว่ามีคนรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอนั่งอยู่ที่หน้าบ้านกันซึ่งก็คือพวกดาว เธอและคลอเบียตจึงรีบเข้าไปถาม
“ขอโทษนะค่ะ” นันเดินเข้าไปที่หน้าบ้าน แล้วตระโกนถาม
“พี่ดาวๆ ใครอะ” เวหาสะกิดดาว
“อะไร แล้วทำไมแกไม่ไปดู ไอรุจ” ดาวโยนไปที่รุจ
“อะไรพี่ เขาเป็นผู้หญิง พี่อะล่ะ คุยง่ายกว่า” รุจปฏิเสธ ดาวเลยต้องเดินไปที่หน้าบ้าน รุจกับเวหาก็เดินตามมา
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?” ดาวถามนัน
“อ่อค่ะ พอจะรู้จักบ้านของคนที่ชื่อว่าละมุดบ้างมั้ยคะ?” นันถามถึงบ้านของละมุด พวกดาวตกใจนิดๆ
“ทำไมเหรอคะ ละมุดทำอะไรเหรอคะ?” ดาวรีบยิงคำถาม เธออยากรู้
“อ๋อป่าวค่ะ พอดีว่าพวกเราเป็นเพื่อนของละมุดอะค่ะ” นันตอบไป
“ชั้นเป็นเพื่อนสนิทของละมุดค่ะ พวกคุณมีอะไรหรือป่าวคะ?” ดาวถามต่อ
“โอ๊ยยยยย” ขณะนั้นเอง คลอเบียตก็ร้องลั่นออกมา เธอทรุดลงกับพื้นทำเอาทุกคนตกใจกันหมด นันรีบดูว่าเกิดอะไรกับเพื่อนของเธอ คลอเบียตเอามือจับไปที่สะโพกของเธอพบว่าเลือดไหล นันสัมผัสได้ว่ามันคือกระสุนลงอาคมแต่ไม่รู้ว่าคลอเบียตถูกยิงตอนไหน ย้อนกลับไปตอนที่นันเปลี่ยนโล่เป็นกระสุนโต้กลับพวกนักล่า มาโลได้จังหวะหยิบปืนของเขาออกมา ลูกกระสุนปืนของเขาล้วนแต่เป็นกระสุนที่ลงอาคมมาแล้วทั้งสิ้น เขายิงไปที่สะโพกด้านขวาของคลอเบียต 1 นัดก่อนที่นันจะพาคลอเบียตเทเลพอร์ตหนีหายไปแต่คลอเบียตเธอไม่รู้ตัวว่าถูกยิงแล้วเพิ่งมารู้สึกตัว
“กระสุนลงอาคม” นันตกใจมาก เธอสัมผัสถึงมนต์ที่ทำไว้เพื่อผนึกอำนาจของผู้วิเศษ
“นี่มันเรื่องอะไรกัน เพื่อนคุณเป็นอะไร?” ดาวตามเธอทั้งตกใจ ทั้งงง
“เพื่อนชั้นถูกกระสุนลงอาคมช่วยด้วยค่ะ” นันขอความช่วยเหลือจากพวกดาว
“เห้ยเข้าไปช่วยเร็ว” รุจบอกกับเวหาให้รีบเข้าไปช่วย พวกเขาเปิดประตูบ้านวิ่งเข้าไปช่วยกันอุ้มคลอเบียตไปไว้ที่โต๊ะหน้าบ้าน ดาวรีบไปเคลียร์ของทั้งหมดออกจากโต๊ะเพื่อวางตัวคลอเบียตลงเธอหมดสติไปแล้วแต่ยังมีลมหายใจอยู่
“ทำไมเพื่อนเธอโดนกระสุนอาคมแล้วเกี่ยวอะไรกับเพื่อนชั้น?” ดาวดึงแขนนันไว้เธอถามด้วยความร้อนใจ
“เดี๋ยวค่อยถามได้มั้ย ช่วยเพื่อนชั้นก่อน” นันตอบด้วยความร้อนใจเช่นกัน
“พวกเธอเป็นใครกันแน่” ดาวยังถามต่อ
“โอ๊ย ช่วยกันก่อนได้มั้ย เพื่อนชั้นกำลังจะตายนะ” ดาวกระวนกระวายไปหมดแล้วตอนนี้
“โอเค ได้ หลังจากช่วยเพื่อนเธอแล้ว เธอต้องเล่าทุกอย่างให้เราฟัง โอเคมั้ย” ดาวตกลงยอมช่วยแลกกับที่นันต้องเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น
“ชั้นจะไปเด็ดดอกแกรสเบนเดลส์กับใบไอเวเรียเฟิร์สมาทำยาสมานแผล ละมุดปลูกไว้ที่หน้าบ้าน” ดาวจะทำยาสมานแผล
“แล้วละมุดไม่อยู่บ้านเหรอ?” นันรีบถาม
“ไม่อยู่ อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้ รุจที่บ้านมีเฟตาซีมั้ย?” ดาวถามถึงเฟตาซีคือส่วนผสมที่จะสร้างสูตรยาสมุนไพรขึ้นมามีลักษณะเหมือนเมือกขาวๆ
“มีพี่ อยู่หลังบ้านอะ แม่ผมเก็บไว้บนชั้นวางของ เดี๋ยวไปเอามาให้” รุจมีเฟตาซี เขารีบวิ่งไปหยิบ
“เอาล่ะ ชั้นจะปรุงยาแต่ไม่รับประกันนะ ระหว่างนี้พวกเธอต้องหาวิธีเอากระสุนออกจากตัวเพื่อนของเธอให้ได้ก่อน เข้าใจนะ เดี๋ยวชั้นมา” ดาวสั่งให้นันกับเวหาหาทางเอากระสุนออกจากตัวของคลอเบียตจากนั้นเธอก็รีบวิ่งออกจากบ้านรุจ ไปที่บ้านของละมุด
“แล้วจะเอาออกยังไงอะ พี่สาวมีคาถาเด็ดๆมั้ยพี่?” เวหาถามนัน เขาลนลานทำอะไรไม่ถูก
“พี่จัดการได้” ว่าแล้วเมื่อนันพูดจบเธอแนบมือไปที่แผลของคลอเบียตแล้วใช้พลังของเธอ พลังงานสีชมพูสว่างจ้าโผล่ออกมาจากฝ่ามือของเธอที่แนบอยู่ที่แผล ทันใดนั้นเองกระสุนก็หลุดออกมาเธอกำไว้ในมือแล้วยื่นให้เวหาดู
“โห้ววว เจ๋งว่ะพี่” เวหากำลังตะลึง รุจหยิบเฟตาซีออกมามันถูกเก็บไว้ในโหลแก้วใส ส่วนดาวก็กลับมาพร้อมกับดอกแกรสเบนเดลส์และใบไอเวเรียเฟิร์สเป็นกำมือ เธอไม่รอช้านั่งผสมยาโดยทันที เธอบดสมุนไพรทั้งสองด้วยคาถาที่แซลลี่เคยสอนไว้ จากนั้นนำผงที่สกัดได้แล้วมาผสมกับเฟตาซี 3 ช้อนโต๊ะ กวนให้ทุกอย่างเข้ากันจุดไฟแล้วต้มจนเปลวไฟเป็นสีเขียวถือว่าสำเร็จ พอทุกอย่างเป็นไปตามแผนเปลวไฟเป็นสีเขียว ดาวก็เอาถ้วยมาใส่ตัวยาแล้วนำช้อนมาตักยาทาไปที่แผลของคลอเบียต การรักษายังไม่เสร็จต้องร่ายคาถาด้วย
“ในนี้มีชั้น เวหาและเธอที่เป็นผู้วิเศษ เราต้องช่วยกัน ชั้นทำคนเดียวไม่ได้” ดาวขอความช่วยเหลือเรื่องร่ายคาถากับเวหาและนัน
“เร็วสิ!” ดาว เธอเร่งให้ทั้ง 2 คนมายืนล้อมรอบโต๊ะที่คลอเบียตนอนอยู่ทั้ง 3 คนจับมือกัน
“ว่าตามชั้นนะ” ดาวบอกให้ทุกคนท่องคาถาตามเธอ
“แวเลี่ยม มาวีนา ตัวราเอ้” ดาวเริ่มร่ายคาถา “แวเลี่ยม มาวีนา ตัวราเอ้” เวหากับนันพูดตาม
“วิตาเล้” ดาวร่ายต่อ “วิตาเล้” ทั้งสองพูดตาม
“ควีเอาท์เตมนุน ตราสะมิทตี้ โปเตสตาเตม” ดาวต่อ “ควีเอาท์เตมนุน ตราสะมิทตี้ โปเตสตาเตม” ทั้งสองก็พูดตาม
“มูตานิมัส เซ็ด ซัว แซด” “มูตานิมัส เซ็ด ซัว แซด”
“ดินวิเซม” “ดินวิเซม”
“มาโอตัวรีต้าเต เอ็กส์ปริมันท์ตะวีริส วีไว โนเมนนาตูราย” “มาโอตัวรีต้าเต......เอ็กส์..สะ..สะ..ปริมันท์ตะวี...วิ..วิริส วีไว โน...มัม..มัม..เมนนาตูราย” ท่อนหลังเวหากับนันต้องใช้ความพยายามสูงมาก
“แวเลม อูตุวีวามัวส์”“แวเลม อูตุวีวามัวส์” หลังจากท่องจบทั้ง 3 คนก็ท่องอีกรอบนึง
“แวเลี่ยม มาวีนา ตัวราเอ้ วิตาเล้ ควีเอาท์เตมนุน ตราสะมิทตี้ โปเตสตาเตม มูตานิมัส เซ็ด ซัว แซด ดินวิเซม มาโอตัวรีต้าเต เอ็กส์ปริมันท์ตะวีริส วีไว โนเมนนาตูราย แวเลม อูตุวีวามัวส์”
เมื่อท่องจบ ท้องฟ้าอากาศก็แปรปรวนลมพัดแรง จากนั้นแผลของคลอเบียตก็ค่อยๆสมานกันจนเป็นปกติแต่เธอยังไม่ฟื้น
“ทำไมเธอยังไม่ฟื้นอะ?” นันหันไปถาม เธอเริ่มกังวล
“ก็ชั้นบอกแล้วไงว่าชั้นไม่มั่นใจ พอดีไอคนที่รู้จริงเรื่องรักษามันไม่ได้มาน่ะ” ดาวก็ตอบไปตามตรงน้ำเสียงเธอดูผิดหวัง
“แล้วอย่างงี้จะทำยังไงล่ะ?” นันใจร้อนเข้าไปใหญ่ ดาวจึงตัดสินใจโทรหาแซลลี่ ส่วนรุจกับเวหาก็มาเก็บกวาดเช็ดเลือดของคลอเบียต พอเธอได้เรื่องมาแล้ว
“นี่ เพื่อนชั้นบอกว่ามันเป็นผลข้างเคียงจะทำให้สลบเพื่อพักผ่อนร่างกาย ส่วนเวทมนตร์ก็คงใช้ไม่ได้ช่วงนี้ เนื่องจากพิษของกระสุนอาคมเพราะพวกเราลืมล้างพิษของกระสุนออกก่อนแต่ไม่เป็นไร เพื่อนของเธอก็เหมือนได้นอนพัก เดี๋ยวเขาก็ฟื้นเอง” ดาวได้เรื่องจากแซลลี่ก็เดินมาเล่าให้นันฟัง
“เอาล่ะ ตัดเรื่องเพื่อนเธอไปก่อน ทีนี้ทำตามที่เราตกลงกันไว้ บอกมาเกิดอะไรขึ้น?” ดาวตรงเข้าประเด็นนันจึงเล่าทุกอย่างให้ฟังทั้งหมดเท่าที่เธอรู้ ดาวและพวกผู้ชายถึงกับอึ้ง
“จริงเหรอ? งั้นเพื่อนเธอก็คือ....จอมเวทย์เทียมตัวเป็นๆอย่างงั้นเหรอ?” ดาวตกใจ
“อื้ม ใช่” นันตอบ
“ยัยหมุด เอ้ย เอิ่ม ละมุดอะ รู้เรื่องนานแล้วใช่มั้ย?”
“ก็เมื่อ 3 วันก่อนที่คุยกันอะ”
“อย่างนั้นพวกนักล่าก็ต้องตามมาที่นี่แน่ ไม่ช้ามันต้องหาพวกเธอเจอ จะทำยังไง กว่าเพื่อนชั้นจะกลับอีกนานนะ” ดาวถามนันไป
“ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน” นันก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อไป
“ห๊ะ พวกพี่หมายความว่าจะมีนักล่าบุกมาที่นี่เหรอ? มาที่หมู่บ้านเราเนี้ยนะ?” เวหาตกใจ
“อื้ม ก็คงงั้น”ดาวหันไปตอบนิ่งๆ เธอเองก็ยังคิดไม่ออก
“งั้นพวกเราก็ต้องสู้กับพวกมันอะดิ?” เวหาถาม
“อย่านะพี่ บ้านผมเพิ่งซ่อมเสร็จเมื่อ 2 วันที่แล้วเองนะครับ แค่พี่ขาวกับไอพี่ดี้ชกกันบ้านผมก็พังแล้วนะพี่ แล้วนี่นักล่ามา มันไปเอาซะบ้านผมพรุนเลยเหรอฮะ” รุจบ่น
“ชั้นก็ขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย” ดาวก็กังวลใจไม่แพ้กันแต่สวรรค์กลับไม่เข้าข้าง เธอยังไม่พูดไม่ทันขาดคำรถตู้ 2-3 คันพร้อมกับรถยนต์อีก 2 คันมีตราสัญลักษณ์ขององกรณ์ D.V.I. วิ่งเข้ามาในหมู่บ้าน มาจอดล้อมที่หน้าบ้านของรุจ
“เอาแล้วไง” รุจผงะ นักล่าในชุดหน่วยคอมมานโดและชุดเจ้าหน้าที่มากมายออกมาจากรถรวมถึงมาโลด้วย แถมยังมีหน่วยซุ่มยิงขึ้นไปอยู่บนหลังคาของบ้านตรงข้ามรุจอีก
“พ่อมดแม่มดน้อย นำตัว ProjectK.D. มามอบให้กับเราซะ แล้วเราสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรกันอีก ไม่ต้องมีการนองเลือด” มาโลตระโกนเข้าไปในบ้าน เขาให้ลูกน้องทุกคนเตรียมพร้อม ไรเฟิลและปืนพกมากมายจ่อไปที่บ้านของรุจ
“ไม่มีทางเว้ยไอโล้นเอ้ย” นันตระโกนกลับไป ทุกคนเดินออกมาหน้าบ้าน
“เห้ยพูดอะไรปรึกษากันบ้าง” ดาวหันไปตวาดกับนัน
“หรือเธอจะยกเพื่อนชั้นให้กับพวกมันล่ะ” นันเลยย้อนกลับ ทุกคนเงียบ
“อย่าปากดีนะอีหนู พี่เป่าหัวแม่มดมานัดต่อนัดแล้วนะ ส่งเธอมาให้เราซะ ทุกอย่างจะได้จบ” มาโลขู่แล้วออกคำสั่ง
“เอาไงดีอะ ถ้าต้องสู้แล้วพวกเราจะไหวเหรอ? ดูพวกมันดิ” เวหาเริ่มปอดขึ้นมา
“อะไรมึงเนี่ย อย่าไปกลัวดิวะ กูก็เพิ่งทำบ้านใหม่ด้วยเนี่ย” รุจก็บ่น
“เห้ย เงียบก่อน! ผู้ชายอะไรวะ บ่นจังเลย” ดาวแสดงความเป็นผู้นำ
“พวกแกจะเอาเธอไปทำอะไร” ดาวถามกลับ
“นั้นมันเรื่องของเรา เธอเป็นสินค้าของเราไม่ใช่กงการอะไรของเด็ก ส่งตัวเธอมาก็พอล่ะ” มาโลตอบ
“โครงการจอมเวทย์เทียมสินะ” นันพูด
“รู้ด้วยเหรอ อีเด็กนี่รู้ดีจังนะ รู้แล้วก็เอาตัวเธอมาให้เราซะ!” มาโลสั่ง
“ชั้นไม่ให้!!! เธอเป็นเพื่อนชั้น ชั้นไม่ยอม” นันตะคอกกลับ
“อีโง่ มันไม่ใช่เพื่อนของแก มันเป็นสินค้าของเรา เพื่อนของแกมันตายไปแล้ว จำไว้ อย่าให้ชั้นต้องเสียเวลาไปมากกว่านี้ ส่งตัวเธอมาซะดีๆ” มาโลตอกกลับเป็นชุด
“อย่ามาสั่งนะเว้ย นี่บ้านใครให้มันรู้ซะด้วย เดี๋ยวถ้ากูฟ้องสภาขึ้นมาพวกมึงซวยแน่ มึงคอยดูกู!!”รุจทำเบ่ง
“สภาเหรอ กระจอก ไอพวกสมาคมผู้สูงอายุมันจะมีปัญญามาทำอะไรนอกจากป้องกันตัวเอง ชั้นให้เวลามามากพอละ ชั้นจะนับถึง 3 ถ้ายังไม่ส่งตัวมา อย่าหาว่าโหดร้ายนะ” มาโลเริ่มให้สัญญาณลูกน้อง
“1......2.......” มาโลเริ่มนับ
“เอาวะ เป็นไงเป็นกัน” ดาวพูดจบ เธอใช้พลังของเธอเปลี่ยนร่างเป็นดาวหางพุ่งออกไปปะทะกับหน่วยซุ่มยิงของพวกนักล่าบนหลังคา เธอชนพวกนั้นกระเด็นตกลงมาเต็มไปหมดแล้วคืนร่างกลับเป็นคน
“ไป!!! ไปปกป้องเพื่อนของเธอ” ดาวไล่ให้นันกลับไปเฝ้าคลอเบียตที่ยังไม่ได้สติ
“บุกเลย” มาโลสั่งให้ลูกน้องทุกคนของเขาบุกเข้าไปในบ้านของรุจทันที ทันใดนั้นก็เกิดการปะทะขึ้น นันเทเลพอร์ตกลับไปที่โต๊ะอย่างรวดเร็วเพื่อคุ้มกันเพื่อนของเธอที่ยังไม่ได้สติ พวกรุจกับเวหาบุกเข้าชนกับพวกนักล่าด้วยมือเปล่า รุจหยิบไม้กวาดหน้าบ้านมานักล่าคนนึงกระโจนใส่เขาเขาเอาไม้กวาดขวางไว้แล้วถีบจนนักล่าคนนั้นกระเด็นไป แล้วขว้างไม้กวาดไปใส่นักล่าอีกคนนึง ส่วนเวหาก็ใช้ความสามารถของตนเอง เขาสามารถขยายร่างเฉพาะส่วนได้ เขาขยายแขนซ้ายจนใหญ่เท่ากับรถยนต์แล้วเหวี่ยงแขนกวาดนักล่า 3-4 คนกระเด็นออกไป ในขณะที่ทุกคนก็ต้องหลบกระสุนของพวกนักล่าไปด้วย รุจเห็นช่องว่างของนักล่าคนนึงที่กำลังยิงถล่มเข้ามาในบ้านของเขาอยู่เขาวิ่งเข้าชาร์จใส่นักล่าคนนั้นจนล้มลง ขณะเดียวกันเวหาก็ใช้แขนซ้ายที่ขยายอยู่ยกร่างของนักล่าคนหนึ่งแล้วโยนไปทับกับอีกคนหนึ่ง ส่วนรุจถูกยิงเฉียดที่ไหล่ขวาจนเขาเลือดออก การต่อสู้ดูชุลมุนและวุ่นวายมากขึ้นเมื่อพวกล่าต้อนทุกคนจนมุม เวหาใช้แขนซ้ายที่ขยายยกหินก้อนนึงที่หน้าบ้านของรุจขึ้นแล้วเขวี้ยงไปที่นักล่าคนนึงเข้าอย่างจังจนล้มลง
ดาวเปลี่ยนร่างกลับมาเป็นดาวหางแล้วบินลงไปจากบนหลังคาบ้าน เธอไล่กวาดพวกนักล่ากระเด็นกระดอนไปตามๆกัน ไม่มีใครต้านแรงปะทะของดาวได้ เธอหันไปเห็นมาโล เธอพุ่งเข้าใส่อย่างเร็วรวดแต่มาโลไหวตัวทัน เขาหลบการปะทะของดาวแบบฉิวเฉียด ตัดกลับมาที่รุจ เขาโมโหร่างกายเริ่มสั่นและขยายออกจนเสื้อฉีดขาด ผิวหนังของเขาเริ่มเปลี่ยนไปกลายเป็นเหมือนหินอัคนีทั้งตัว เขาคำรามดังสนั่นไปทั่วจริงๆแล้วเขาคือ สโตนองซ์ เป็นเวเซนที่แข็งแรงมาก เขาตีศอกเข้าหน้าของนักล่าคนนึงจนกระเด็น เขาวิ่งฝ่าดงกระสุนโดยที่ผิวหนังไม่สะทกสะท้านเท่าไหร่เขาเอามือกวาดพวกนักล่ากระเด็นไป 3 คน เวหาได้โอกาส เขาก็เริ่มรุกแรงขึ้น เขาย่อขนาดแขนซ้ายกลับมาเป็นปกติแล้ววิ่งไปที่กลางวงของพวกนักล่าที่กำลังกระหน่ำยิงไปที่นันซึ่งสร้างโล่ด้วยพลังของเธอต้านกระสุนเอาไว้ เขาใช้พลังขยายลำตัวให้พองเป็นบอลลูนกระแทกเข้าใส่พวกนักล่าจนวงแตก เขาย่อขนาดลำตัวกลับมาแล้วขยายแขนข้างขวาขึ้นแทน เขาจับตัวนักล่าคนนึงแล้วโยนจนกระเด็นไปด้านหลัง
ตัดมาที่รุจในร่างเวเซนของเขา นักล่าคนนึงยิงกระหน่ำไปที่เขา เขาเอามือป้องไว้แล้วพุ่งเข้าหานักล่าคนนั้นจับแขนที่ถือปืนของเขาอย่างแรง นักล่าคนนั้นร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด รุจชกไปที่ท้องของเขาจนกระเด็น นักล่าอีกคนแอบเข้ามาด้านหลังของรุจกำลังจะยิงไปที่ศีรษะของเขา เวหาเห็นทันพอดีเลยใช้หมัดขวาที่ขยายอยู่นั้น ชกไปที่หน้าของนักล่าคนนั้นเต็มๆ เขากระเด็นออกไปนอนสลบทันที ตัดกลับมาที่นัน เมื่อเด็กหนุ่มทั้ง 2 คนเคลียร์บริเวณรอบนอกให้เธอแล้วไม่กระสุนสาดมาที่เธอและคลอเบียตที่ยังไม่ฟื้นเธอเลยคลายโล่ออก ทันใดนั้นเองมาโลก็พุ่งเข้ามาจิกหัวของนันแล้วเหวี่ยงตัวเธอจนกระเด็น เขาพุ่งตรงไปที่คลอเบียตกำลังจะอุ้มเธอ นันไม่ยอมเธอใช้ไซโคเฟียร์พลังของเธอสร้างออร่าสีชมพูสว่างจ้าครอบทั้งตัวของมาโลไว้ เธอดึงตัวเขาลอยออกมาจากตัวของคลอเบียตจนล้มลง เธอคลายพลังออก เธอยืนขึ้น มาโลเบนความสนใจมาที่เธอ เขาพุ่งเข้ามาตบหน้าเธอ จิกหัวเธอ เหวี่ยงเธอจนกระเด็นสารพัด เธอได้จังหวะเอาคืนเธอสร้างออร่าสีชมพูสว่างจ้าครอบไว้ที่แขนขวาของเขาแล้วบิดมันจนแขนของมาโลแทบหักเขาร้องลั่น
เธอจับไปที่แขนที่ถูกควบคุมออร่าสีชมพูนั้นจางหายไปกลายเป็นแสงวิ้งๆสีชมพูรอบๆแขนแทน เขาก็ยังไม่สามารถควบคุมแขนของตนได้ เธอได้ทีเลยกระหน่ำชกไปที่เขาอย่างไม่ยั้งแล้วหมัดสุดท้ายเธอสร้างลำแสงพลังงานสีชมพูสว่างจ้ารอบๆหมัดของเธอแล้วชกไปที่หน้าของมาโลจนเขากระเด็น มาโลกระอักเลือด นันหันไปเห็นนักล่าอีกกลุ่มนึงกำลังพุ่งตรงเข้ามาหาเธอ เธอใช้พลังไซโคเฟียร์ทำให้เคลื่อนที่ได้ไว เธอไปโผล่ที่หน้าบ้านของรุจเพื่อสกัดนักล่ากลุ่มนี้เธอยกแขนทั้ง 2 ข้างขึ้นเหนือหัวมาประกบกัน
“โดเลอร์!!” เธอร่ายคาถา ลูกไฟสีชมพูสว่างจ้ามากมายพุ่งออกมาจากรอบๆตัวเธอครอบคลุมพื้นที่บริเวณของนักล่ากลุ่มนั้น
“เรสท์ตาฟาเช กะลาดี คูลุมเบีย” หลังจากที่นันร่ายคาถาที่ 2 เสร็จ เธอตวัดมือทั้ง 2 ข้างลง ลูกไฟที่ลอยไปลอยมาก็กลายเป็นลำแสงพุ่งเข้าใส่นักล่ากลุ่มนั้นทุกคนจนกระเด็นล้มตามๆกันไป มาโลพยุงตัวขึ้น เขาเห็นว่านันไปแล้วได้โอกาสเลยอุ้มร่างของคลอเบียตที่สลบอยู่ไปทันที นันหันไปเห็น เธอตกใจกำลังจะเข้าไปช่วย จังหวะนั้นเองนักล่าคนนึงยิงกระสุนช็อตไฟฟ้าใส่นันเต็มๆ เธอถูกกระแสไฟฟ้าที่แรงพอจะทำให้สลบช็อตเข้าใส่ เธอล้มลงกับพื้นขยับตัวไม่ได้ ดาวที่คืนร่างกลับมาเป็นคนยืนอยู่กลางถนน เธอเห็นท่าจะไม่ดีเลยจะเข้าไปช่วย ในขณะที่เธอจะใช้พลัง นักล่าอีก 2 คนก็ยิงกระสุนช็อตไฟฟ้าใส่เธอ 2 นัดจนเธอล้มสลบลงไป ตัดมาที่เวหา เขาใช้แขนขวาที่ขยายอยู่ทุบนักล่าคนนึงจนล้มลงแล้วเขาก็ถูกนักล่าอีกคนยิงกระสุนช็อตไฟฟ้าใส่เขาล้มลงสลบไป แขนที่ขยายก็กลับคืนสู่สภาพปกติ รุจเห็นทุกคนถูกทำร้ายก็ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ เขาเห็นมาโลที่อุ้มคลอเบียตจะไปที่รถ เขาพุ่งตรงเข้าไปหามาโลทันทีแต่พวกนักล่าหลายคนเข้ามาล้อมเขาไว้พร้อมกับยิงกระสุนช็อตไฟฟ้ากระหน่ำไปที่เขาจนเขาทรุดลงกับพื้น เขาไม่ยอมยังพยายามจะฝืนก็ถูกยิงเข้าไปอีก 2 นัด สุดท้ายเขาก็สลบลงกลับคืนร่างเดิม มาโลได้ตัวคลอเบียตไว้สั่งลูกน้องถอนกำลังออกทิ้งร่างของพวกดาวไว้ตรงนั้น
ตัดกลับมาที่หอพักนักศึกษา เมืองนอยช์ แคสตี้และแม็กส์พึ่งทานข้าวเสร็จกำลังจะเก็บตังแล้วกลับขึ้นไปบนห้อง
“ลีอา เก็บตังหน่อย”แคสตี้ตะโกนเรียกลีอา ลีอาเดินมาเก็บเงินฝาแฝดทั้ง 2 สองระหว่างที่แม็กส์จ่ายเงินนั้นเธอเกิดนิมิตขึ้นมาเห็นภาพลางๆว่าฮวนนอนเลือดกบปาก เธอตกใจทำเอาแคสตี้กับลีอาก็ตกใจไปตามๆกัน ซึ่งญาณทิพย์ของแม็กส์เกิดจากพลังแอนโนไดร์ในตัวเธอเองเหมือนกับลางสังหรณ์ของนันที่เกิดจากพลังของเธอ
“แก แก ไอน้องเป็นอะไรเปล่า?” แคสตี้เขย่าตัวแม็กส์
“ลีอา ฮวนอยู่ไหน?” แม็กส์หันไปถามลีอาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ทุกคนก็ยิ่งทำหน้างงเข้าไปอีก มันเกี่ยวอะไรกับฮวน
ตัดกลับมาที่ลานกว้างท้ายซอยของหอ ฮวนถูกเตะกระเด็นลงกับพื้นเลือดกบปากเหมือนกับในนิมิตที่แม็กส์เห็นโดยวันรุ่นกลุ่มหนึ่งที่ดูจะอายุมากกว่าฮวน 2-3 ปี
“มึงติดหนีกู 15000 แล้วมึงยังมีหน้ามาเดินลอยหน้าลอยตาแถวอีกเหรอห๊ะ!!!” ผู้ชายคนนึงหน้าตาหล่อแต่งตัวแว๊นๆและดูเหมือนว่าจะเป็นหัวหน้าของแก๊งค์นี้ ถามขึ้น
“ผมกลัวแล้วพี่ พี่อย่าทำอะไรผมเลยนะ ผมกำลังหาเงินอยู่ครับพี่” ฮวนนั่งอยู่ที่พื้น ยกมือไหว้ ตัวสั่น น้ำเสียงสั่นด้วยความกลัว
“มึงรู้มั้ยว่าพ่อกูเป็นใคร ถ้ามึงไม่รีบหาเงินมาให้กู กูจะให้ลูกน้องพ่อกูไปถล่มร้านของแม่มึง เอามั้ย!!” หัวหน้าแก๊งค์ขู่
“พี่อย่ายุ่งกับครอบครัวผมนะ พวกเขาไม่เกี่ยว พี่จะทำอะไรก็มาลงที่ผมดิพี่” ฮวนคุกเข่ายกมือไหว้ขอร้องวัยรุ่นพวกนั้น
“ไม่เกี่ยวเหรออออ” หัวหน้าแก๊งพูดแล้วถีบฮวนจนล้มลง
“ครอบครัวมึงอะเกี่ยวเต็มๆ ไอสัตว์!” เขาด่าฮวนอีก
“ผมบอกว่าอย่ายุ่งกับครอบครัวของผมไง!!” ฮวนหันมาตระโกนใส่คนทั้งแก๊งค์
“ขึ้นเสียงเหรอออ” หัวหน้าแก๊งค์วิ่งเข้าไปถีบยันโครม ฮวนล้มลงไปอีก
“เดี๋ยวนี้มึงเจ๋งใช่ป่ะ มหาศาลเหรอออ ไอเหี้ย!!” หัวแก๊งค์ด่าฮวนพร้อมกับเตะอัดไปที่ท้องของเขา
“เย็ดแม่! ไอสัตว์! มึงไม่มีเงินใช้หนี้กูแล้วมึงมาแทงบอลทำเหี้ยอะไร โชว์เฟี้ยวเหรอ!” หัวหน้าแก๊งค์พูดต่อ ฮวนนอนจุกอยู่ที่พื้น
“เห้ย สั่งสอนแม่งดิ๊” เขาหันไปสั่งลูกน้อง พวกคนอื่นๆในแก๊งค์ก็เดินเข้าไป เด็กคนนึงในแก๊งค์ ตัดผมเกรียนตัวดำ กระชากแขนเสื้อฮวนขึ้นมา
“ปากดีเหรอมึง” เขาชกไปที่ฮวนหมัดนึง ฮวนเดินตัวเซ เขาตั้งได้แล้วโต้กลับพุ่งเข้าชาร์จใส่ไอคนนั้นจนล้มไปทั้งคู่ คนอื่นๆพยามจะเข้าไปกระทืบฮวน เขาหลบออกมาแล้วลุกขึ้นยืน
“เห้ยมันสู้เว้ย เอาแม่งเลย!” คนนึงในแก๊งค์พูดขึ้น ทุกคนบุกเข้าหาฮวนเขาก็สู้กลับ ฮวนจะเตะไปที่คนนึงในกลุ่มนั้นแต่ถูกไอเจ้านั้นจับขาไว้มันต่อยเขาแล้วลากเขาล้มลง ฮวนพยามลุกขึ้นแต่ถูกรุมต่อยหมัดต่อหมัดจนเขาเริ่มมึน มีไอยักษ์ตัวใหญ่คนนึงในแก๊งค์ยกเขาขึ้นลอยเหนือหัวแล้วทุ่มเขาลงกับพื้น ทุกคนส่งเสียงด้วยความสะใจ ฮวนนอนกระอักเลือดอยู่ที่พื้น ทันใดนั้นเองมีลำแสงสีชมพูอมม่วงเป็นบอลไฟหลายๆลูกพุ่งเข้ามาหาคนพวกนั้นพวกเขาถูกลูกไฟเข้าปะทะกระเด็นล้มลงไปตามๆกัน หัวหน้าแก๊งค์หันไปทางที่ลำแสงที่พุ่งเข้ามาพบว่ามันคือพลังของแม็กส์ แคสตี้ยืนอยู่ข้างๆเธอส่วนลีอาก็บินอยู่บนฟ้า
“เห้ยหญิงมาช่วยว่ะ เอาแม่งเลย!” หัวหน้าแก๊งค์พูดขึ้น เขาบุกเข้าไปก่อนตามด้วยลูกน้องในแก๊งค์ ทุกคนในแก๊งค์นั้นพุ่งเข้าหาพวกแคสตี้ แม็กส์ยื่นมือออกไป
“เอนเตโรก๊าดตุส ซูเดเตมโปเรเป้ เฟ็คตุส ควีเอชีเต้โวราบอม นิบุส!” แม็กส์ร่ายคาถาหยุดเวลาพร้อมกับกำมือที่ยืนออกไปข้างหน้าของเธอ เกิดพลังงานสีอมพูขึ้นมาที่มือที่กำแว๊บนึงแล้วเด็กพวกนั้นก็แข็งทื้อจนเหมือนถูกสต๊าฟไว้นั้นคือคาถาสัมฤทธิ์ผล พวกเขากวาดสายตาลอกแลกไปมาแต่ขยับตัวกันไม่ได้เลย ท่าไหนท่านั้น
“ลีอา ไปเอาตัวฮวนออกมา” แม็กส์ตั้งสมาธิเพื่อคงสภาพของคาถาแล้วสั่งให้ลีอาไปนำตัวฮวนออกมา ลีอาที่บินอยู่บนฟ้าก็พุ่งเข้าไปหาฮวนแล้วอุ้มตัวเขาขึ้นพาบินกลับไปที่หอระหว่างนั้นแคสตี้ก็แทรกขึ้นมา
“มัวตะลัมมัน บายลุดบุ๊ด โตตีอา” แคสตี้ใช้คาถาที่ทำให้รู้สึกเหมือนถูกบิดอวัยะภายในพร้อมกับยื่นมือออกไปข้างหน้า พวกวัยรุ่นที่อยู่ตรงหน้าล้มลงกับพื้นทันที พวกเขาร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานทั้งๆที่ขยับไม่ได้เพราะคาถาของแม็กส์
“คิเฟมาล” แคสตี้ร่ายมนต์ต่อทำให้พวกเขาเจ็บขึ้นไปอีก พวกเขาส่งเสียงอยู่ในลำคออย่างทรมานแต่ขยับตัวไม่ได้เลย
“พอแล้วพี่ จะฆ่ากันเลยหรือไง” แม็กส์หันไปเขย่าตัวแคสตี้
“พวกมันทำร้ายฮวนนะ แค่นี้ไม่พอหรอก” แคสตี้พูดด้วยอารมณ์โมโห
“ก็นี้ไง สั่งสอนไปแล้วก็พอเหอะ กลับ! ไปเร็ว” แม็กส์ลากตัวแคสตี้กลับ
“โซเลาอาตูรี่” แม็กส์ร่ายคาถาคลายมนต์ “โดว์เอดี มาไฮ” แคสตี้ก็ใช้คาถาคลายมนต์เช่นกัน คนทั้งแก๊งค์ล้มลงกับพื้นบางคนยังร้องโอดโอยอยู่แม็กส์กับแคสตี้ใช้คาถาเดียวกันแต่คนละสาย แม็กส์ใช้คาถาที่เป็นสากลคือภาษาละตินแต่แคสตี้ใช้คาถาของพวกหมอผีทั้งสองคนเดินออกมาจากตรงนั้น
ตัดกลับมาที่หมู่บ้านต้นฝักหน้าบ้านของรุจ นันที่สลบอยู่ฟื้นขึ้นเธอหันไปมองรอบๆพบว่าคนอื่นๆนอนสลบอยู่ บริเวณรอบๆนั้นมีแต่ซากพังยับเยินกระจัดกระจายเต็มไปหมด บ้านของรุจก็พังยับเยิน นันพยายามเรียกสติตัวเอง เมื่อได้สติแล้วก็ลุกวิ่งไปหาดาวสะกิดเธอให้ตื่น ดาวตื่นขึ้นด้วยความงงงวย เธอหันไปเห็นเวหากับรุจที่นอนสลบอยู่เช่นกันเลยรีบวิ่งไปปลุกพวกเขา พอทุกคนฟื้นก็พากันพยุงเข้าไปในบ้านที่แทบจะพังของรุจ เข้าไปนั่งที่เก้าอี้ไม้
“พวกมันจับตัวเพื่อนชั้นไปแล้วอะ ทำไงดี?” นันพูดเข้าประเด็น เธอได้สติก็นึกถึงคลอเบียต
“ชั้นว่าเธอใจเย็นก่อนนะ ตอนนี้พวกเราทุกคนก็เจ็บตัวกันไปหมด จะทำอะไรต้องวางแผนก่อน” ดาวยั้งนันไว้
“แผลเป็นไงมั่งวะ?” เวหาหันไปถามรุจ เขามีแผลที่ถูกกระสุนเฉียดอยู่เนื่องจากการที่เขากลายร่างเลยทำให้เสื้อผ้าฉีกขาดหมดเหลือเพียงแค่กางเกงตัวเดียวนั่งจับแผลของตัวไว้อยู่
“ไม่เป็นไรมากอะ เล็กน้อย แต่บ้านกูเนี้ยดิ ถ้าแม่กลับมานะ เอากูตายแน่” รุจไม่ห่วงแผลแต่เขากลัวแม่กลับมาเห็นสภาพบ้าน
“มานี่ ชั้นช่วย” นันเดินเข้าไปหารุจเอามือแตะที่แผลของเขาจากนั้นก็เกิดพลังงานสีชมพูสว่างจ้าขึ้นที่มือแล้วเธอก็เอามือออก
“ชั้นสมานบาดแผลให้แล้วนะเหลือแค่อาการบาดเจ็บ นายก็ทานยาแก้อักเสบกันไว้ด้วยละกัน” นันใช้พลังปิดปากแผลกระสุนเฉียดให้กับรุจแต่ไม่ได้รักษาให้หาย
“เธอเป็นไซโคเฟียร์นี่ งั้นเธอก็ใช้พลังซ่อมบ้านแล้วก็บริเวณรอบๆได้สิ” ดาวรู้ว่านันใช้พลังอะไร
“ชั้นทำไม่ได้ ชั้นถูกปลดพลังถึงแค่ระดับ 2 เอง ชั้นย้อนเวลาของสิ่งของไม่ได้หรอก ต้องใช้พลังระดับ 4 นู้น ถ้าพลังชั้นถึงเมื่อกี้ชั้นคงรักษานายนี่จนหายสนิทแล้วล่ะ” นันตอบ
“นั้นไง ซวยอีกแล้วกู” รุจบ่นกับตัวเอง
“ตอนนี้เรื่องอื่นค่อยว่ากัน ชั้นเป็นห่วงเพื่อนชั้นมากกว่า” นันวนกลับมาที่เรื่องเดิม
“เอางี้ มั้ยพี่เราไปที่สภากันไปคุยกับพวกผู้ใหญ่ให้เขาช่วยเหลือ” เวหาเสนอ
“ไม่ได้ผลหรอก กว่าสภาจะตามเรื่องเพื่อนชั้นคงกลายเป็นทหารของพวกมันแน่” นันปฏิเสธที่จะเข้าไปให้สภาช่วย
“แต่เราก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนะ” ดาวพูด
“มีสิ ไปตามเองไง ต่อให้ต้องฝ่าดงกระสุนอีกรอบ ชั้นก็จะตามเพื่อนชั้นกลับมา ถ้าพวกเธอไม่ช่วยก็ไม่เป็นไร พวกเธอช่วยมามากพอแล้ว ขอบใจนะ” นันพูดจบก็เทเลพอร์ตหายตัวไปดื้อๆ
“อ่าวเห้ย เดี๋ยวก่อน” ดาวห้ามไม่ทัน
“เอาวะ รุจ เวหารอไอหมุดกลับมานะ ชั้นจะตามยัยนั้นไป” ดาวพูดจบก็เปลี่ยนร่างเป็นดาวหางพุ่งออกไป
“เห้ย พี่เดี๋ยวก่อน” เวหาตระโกนแต่ไม่ทัน ดาวบินไปแล้ว
“อะไรวะ ไม่ถามกันซักคำ” รุจบ่น
“มึงตามไปป่ะ?” เวหาหันไปตาม
“ไปดิ กูไม่รอให้เจ้กลับมาหรอก กูจะตามไปทวงค่าเสียหายบ้านกู” รุจพูดจบเขาเดินไปหยิบเสื้อยืดสีน้ำเงินมาใส่แล้วรีบเดินออกจากบ้านเวหาก็เดินตาม
“แล้วจะตามไปยังไง คนนึงแม่งก็หายตัวได้ อีกคนแม่งก็บินไปล่ะ แล้วจะตามยังไง?” เวหาถามย้ำอีก
“กูก็ไม่รู้ว่ะ” รุจก็ยังไม่รู้ว่าจะตามไปยังไง พวกเขา 2 คนไม่มีความสามารถด้านนั้น
“หรือต่อให้ตามไปได้ แล้วจะหาเจอได้ยังไง รู้หรอว่าจะไปที่ไหนกัน?” เวหาถามให้เครียดเข้าไปอีก
“ไอเรื่องหาตัวอะไม่น่ายาก กูพอรู้บ้าง” รุจตอบกลับไป ระหว่างนั้นดินก็ปั่นจักรยานมาเขาใส่เสื้อกล้ามสีดำตัดขาว กางเกงนักเรียนสีดำ รองเท้ากีฬา
“พี่รุจ พี่เวหาเกิดอะไรขึ้น!!!” ดินตระโกนมาถามเขาปั่นเข้ามาหาเด็กหนุ่มทั้ง 2 คน
“เห้ยดินมาพอดีเลย ดีๆมึงลงมานี่เร็วๆ” รุจคิดไอเดียบางอย่างออก เวหาดึงตัวดินลงมาจากจักรยาน
“อะไรพี่ มีอะไร แล้วนี่เกิดอะขึ้นเนี่ย ทำไมมันเละเทะแบบเนี้ย” ดินงงๆอยู่ดีๆก็โดนลากลงมา
“เออ อย่าเพิ่งถาม มึงเคยสิงรถมั้ย?” รุจถามดิน
“ก็เคยพี่ รถพ่อผมไง” ดินตอบ
“เห้ยดีเลย งั้นสิงรถซักคันก็ตามไปได้แล้ว” เวหาเข้าใจไอเดียของรุจแล้ว ดินทั้งงงทั้งตกใจ ส่วนรุจก็มองไปเห็นรถยนต์คันนึงสีเทาจอดอยู่ข้างๆบ้านของสิทธิ์ ทั้ง 3 คนรีบเดินไปที่รถคันนั้น
“เอาเร็ว สิงเลย!” รุจสั่งให้ดินใช้พลัง
“สิงอะไรพี่ เดี๋ยวก่อนนี่ มันเรื่องอะไรเนี่ย จะให้ผมสิงรถใคร อะไร ทำไม งงฮะ!” ดินใส่เป็นชุด
“เออมึงอย่าเพิ่งถาม สิงๆไป เดี๋ยวกูเล่าให้ฟังบนรถ” รุจสั่งอีก
“แล้วนนี่รถใครอะพี่ไปใช้รถเขา เขา...” ดินก็ยังถามต่อ
“อย่าเพิ่งถาม สิงก่อน” เวหาก็สั่งอีกคน ดินเลยใช้พลังของเขาสิงรถคันนั้นแล้วมันก็สตาร์ทติด ประตูเปิดเอง
“เยี่ยม” “เจ๋งงง” รุจกับเวหาพูดพร้อมกัน พวกเขารีบขึ้นรถรุจนั่งหน้าส่วนเวหานั่งหลัง พวกเขาปิดประตู แล้วจู่ๆวิทยุของรถคันนั้นก็ติดขึ้น
“จะไปไหนพี่” ดินพูดผ่านวิทยุของรถ
“เอ่ออ ไปก่อนออกรถเลย” รุจตอบ
“เอ้า” ดินยังไม่รู้จะไปไหนแต่ก็ต้องขับออกไป เขาสิงรถคันนั้นทำให้มันมีชีวิตขับไม่เองโดยที่ไม่ต้องมีคนขับ
ตัดกลับมาที่ บริษัท Personnel Consultant Manpower (Thailand) Co.,Ltd.ที่เมืองพรอสเปล เขตปกครองเมทาโพลิส ในฉากหน้าบริษัทนี้คือ บริษัทที่นำเข้าเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรมเป็นบริษัททั่วไปปกติแต่เบื้องหลังบริษัทนี้เป็นที่กกดานของพวกนักล่า มาโลจับตัวคลอเบียตมาไว้ที่นี้เธอนอนอยู่ในห้องนึงชั้นบนสุดของบริษัท โดยมีนักล่าเป็นสิบๆคนเฝ้าที่นั้นไว้ มาโลยื่นโทรคุยกับหัวหน้าหน่วยซีคิวริตี้ของศูนย์ว่าได้ตัวเธอมาแล้วและกำลังเตรียมการส่งตัวเธอกลับไป ตัดมาที่ข้างล่างของบริษัท นันเทเลพอร์ตมาที่นี่เพราะเธอใช้พลังจับสัญญาณพลังวิญญาณของคลอเบียตไว้เลยรู้ว่ามาโลมาที่ไหน เธอใจร้อนมากกำลังจะบุกฝ่าเข้าไปดื้อๆแล้วก็มีมือนึงจับไปที่ไหล่ของเธอห้ามเธอไว้ เธอหันกลับมาจะใช้พลังนึกว่ามีคนปองร้ายที่ไหนได้กลับกลายเป็นดาวที่ตามนันมาถึงแบบติดๆ นันผงะนิดๆไม่คิดว่าจะตามมาจนเจอ
“เห้ย ตามมาได้ไงอะ?” นันตามดาว
“ก็ใช้คาถาบอกพิกัดพลังของเธอน่ะสิ คล้ายๆกับ GPS นั้นล่ะ พอเธอหายตัวมาที่นี่ชั้นเลยตามมาได้” ดาวอธิบายมาทำไมเธอตามาได้
“แล้วคนอื่นๆล่ะ” นันเห็นว่ามีดาวมาคนเดียวเลยถาม
“ชั้นให้พวกมันอยู่รอไอหมุดกลับมาน่ะ จะได้ตามมาช่วยได้อีกแรง” ดาวบอกไป
“ไอหมุด?” นันงง ไม่รู้ว่าคนที่ชื่อหมุดก็คือละมุด
“อ๋อ หมายถึงละมุดน่ะ” ดาวลืมไปว่าหมุดคือชื่อที่เพื่อนสนิทเรียกเท่านั้น นันจึงเก็จสักพักนึงเสียงโทรศัพท์มือถือของดาวก็ดังขึ้น เธอหยิบมาแล้วรับสาย
“ฮัลโหลค่ะ”
“พี่ดาวอยู่ไหนเนี่ย โทรไปไม่รับ นี่พวกผมตามมานะพี่” รุจใส่ยับ ในขณะที่นั่งกันอยู่บนรถ
“เห้ย ชั้นบอกให้พวกแกอยู่บ้านรอไอหมุดไม่ใช่เหรอ? แล้วตามมาทำไม” ดาวตกใจไม่คิดว่าจะตามกันมา
“เอ้อ เอาน่าพี่ พี่ดาวใช้พลังหน่อยผมจะให้ไอเวหามันใช้คาถาหาพิกัดพลัง” รุจขอให้ดาวใช้พลังจะได้ตามไปถูก
“โอเคๆ แกๆ ใช้พลังหน่อย” ดาวหันไปหานันขอร้องให้เธอแสดงพลังแทน
“ใช้ยังไงอะ” นันก็ยังงงๆ
“แค่เปล่งมันออกมา” ดาวบอกวิธี นันแสดงพลังของตนออกมาที่มือพลังงานสีชมพูสว่างจ้าถูกเค้นออกมา
“ชั้นให้เพื่อนของหมุดเปล่งพลังแล้ว ใช้คาถาเลย” ดาวสั่งให้รุจใช้คาถา
“เอาเลย” บนรถ รุจหันไปบอกเวหา ในขณะเดียวกันเขาร่ายคาถาเสร็จเรียบร้อยแล้วเหลือแค่ตามสัญญาณที่เจาะจง
“โอเค รู้จุดหมายล่ะ!” เวหารู้แล้วว่าที่ไหน
“โอเคพี่ดาว อย่าเพิ่งทำอะไรกันนะพี่ รอพวกผมก่อน” รุจบอกไปแล้ววางสายเขาหันไปหาเวหา
“สรุปว่าที่ไหนวะ?”
“เป็นบริษัทอยู่ในเมืองพรอสเปล” เวหาบอก
“ห๊ะ พรอสเปลเนี้ยนะ โห มันไกลโคตรๆเลยนะพี่” ดินพูดผ่านวิทยุรถ
“เออ มึงอย่าบ่น ขับๆไป” รุจบอกกับดิน
ตัดกลับมาที่ดาวและนัน ดาวบอกให้เธอคลายพลังได้แล้ว นันก็คลายพลังลง
“เรียกชั้นว่านัน ชั้นชื่อนัน” นันหันไปบอกชื่อกับดาวเพราะตั้งแต่เจอกันยังไม่เคยได้แนะนำตัวกันเลย
“เออว่ะ ลืมถามชื่อกันเลยเนอะ ชั้นชื่อดาว” ดาวก็เพิ่งนึกขึ้นได้
“อื้ม ว่าแต่เราจะเข้าไปช่วยเพื่อนชั้นยังไงล่ะ” นันมองดูลาดราวรอบๆมีพนักงานของบริษัทเดินกันเต็มไปหมด
“ใจเย็นๆ พวกนั้นบอกให้เรารอมันก่อน เดี๋ยวบุกเข้าไปพร้อมกัน” ดาวบอกแผนการกับนัน
“ไม่ ชั้นรอไม่ได้ ดาวเธอเข้าไปพร้อมชั้นนะ เราบุกเข้าไปเลย” นันใจร้อนมาก
“ห๊ะ เห้ย” ดาวยังไม่ทันตอบตกลง นันจับตัวดาวไว้แล้วพาเทเลพอร์ตหายเข้าไปในตึกไปโผล่ที่ชั้นบนสุดของอาคารนี้
“เธอรู้เหรอว่าเพื่อนเธออยู่ที่ไหน?” หลังจากที่หายตัวเข้ามาแล้ว ดาวก็ถามนัน
“ชั้นรู้สึกถึงพลังวิญญาณในตัวของคลอเบียตน่ะ” นันบอกพร้อมกับมองดูรอบๆ มันไม่มีใคร
“อ๋อ ลืมไปไซโคเฟียร์มีญาณทิพย์นี่หว่า” ดาวพูด ทั้ง 2 คนเดินไปตามทางที่ซอกแซกมีประตูเล็กประตูน้อยทะลุไปนู้นนี่นั้นมากมาย พวกเธอเดินไปตามความรู้สึกของนัน แล้วก็เจอเข้ากับพวกนักล่าเป็นสิบๆคน
“มีผู้บุกรุกๆ” พวกเขาให้สัญญาณกัน ทุกคนต่างก็กรูเข้ามาหาทั้ง 2 คนดาวกับนันจึงตัดสินใจสู้ นันใช้พลังของเธอผลักนักกล่าคนนึงไปติดกับกำแพง ส่วนดาวดึงตัวนักล่าอีกคนไว้จนเขาสะดุดล้มลง นันดึงพลังเอาไว้ที่หมัดแล้วระดมต่อยไปที่นักล่าพวกนั้นอย่างรวดเร็วจนแทบมองไม่ทัน ส่วนดาวก็ถูกนักล่าคนนึงพุ่งเข้าชาร์จใส่จนไปติดกับกำแพง เธอดึงแขนเขาออกแล้วดันหัวผลักเขากระเด็นไป เธอวิ่งตามนัน นักล่าคนนึงฟาดขาไปที่นัน เธอจับขาเขาไว้แล้วเหวี่ยงลงกระทืบไปที่หลังของนักล่าคนนั้นทีนึงแล้วใช้พลังงานสีชมพูสว่างจ้าซัดไปที่เขาจนเขาสลบ ดาววิ่งไปหานัน เธอต้องหลบทั้งหมัด ทั้งเท้าของพวกนักล่า ขณะนั้นเองนันก็ดึงแขนนักล่าคนนึงไว้ ใช้มือฟาดไปที่คอหอยของเขาจนเขาทรุดลงแล้วเธอก็รวมพลังไว้ที่ฝ่ามือชกไปที่ท้องเขาจนสลบ ดาวเริ่มรำคาญเลยใช้พลังของตนเองมั่ง เธอเปลี่ยนร่างเป็นดาวหางแล้วพุ่งเข้าชนกับนักล่าพวกนั้นกวาดจนเหี่ยนแล้วเธอก็คืนร่างกลับมา ทันใดนั้นมาโลโผล่มาจากไหนไม่รู้ เขาผลักดาวที่ยืนอยู่ริมกระจกหน้าต่างของตึกกระเด็นตกตึกไป นันหันไปเห็น เธอโกรธมากใช้พลังของเธอกลายร่างเป็นดาวหางเหมือนดาวแต่เป็นสีชมพูสว่างจ้าแล้วหมุนเป็นสว่านเจาะพุ่งเข้าหามาโลอย่างจัง
ตัดกลับมาที่ด้านล่างของตึก รุจ เวหาและดินมาถึงที่หน้าตึกพอดี รุจกับเวหาลงจากรถ
“ดิน มึงไปหาที่จอดรถก่อนแล้วรออยู่ข้างล่างไม่ต้องตามไป” รุจสั่ง
“ได้พี่ เจอกัน ลงมาแล้วโทรหานะ” ดินที่พูดผ่านวิทยุของรถก็ตอบกลับไปแล้วขับรถเข้าไปในที่จอดทันที
“ไป ไอเวหา” รุจหันไปบอกเวหา ทั้ง 2 คนวิ่งบุกเข้าไปในบริษัท ด้านของดินพารถที่สิงอยู่ขับมาที่ลานจอดรถแล้วหาที่จอดดินออกมาจากรถคันนั้น เขาหันไปมองรอบๆแล้วหันไปเห็นรถปอร์ตของโตโยต้า เขายิ้มถูกใจ
ตัดกลับมาที่ด้านบนของตึก นันผลักมาโลกระเด็นออกมา
“แกเอาเพื่อนชั้นไปไว้ที่ไหน?” นันตะดอกถาม
“55555 มึงมีปัญญามาถึงที่นี่ได้ ก็หาเองเองดิวะ” มาโลหัวเราะอย่างซะใจยิ่งยั่วโมโหนันเข้าไปอีก เธอพุ่งเข้าไปจะต่อยหน้าเขากลับถูกมาโลปัดมือออกแล้วชกไปที่เธอ 1 หมัด แล้วตามด้วยอีก 2-3 หมัดจนเธอเซ ขณะนั้นเอง คลอเบียตฟื้นขึ้นเธอตกใจกับสภาพที่เห็น เธอถูกใส่กุญแจมือแล้วขังไว้ในห้องที่มีเตียง เธอใช้พลังทำให้กุญแจเหล็กแข็งตัวเป็นน้ำแข็งจนแตกละเอียด เธอรีบเดินไปที่ประตูห้องพบว่ามันถูกล็อค เธอจึงเอามือแตะไปที่ประตูแล้วใช้พลังเกล็ดน้ำแข็งกระจายออกมาจากมือของเธอมันครอบคลุมไปทั้งประตูจนประตูถูกแช่แข็ง จากนั้นเธอก็ถีบประตูห้องแตกเป็นเสี่ยงๆ เธอเดินออกมาเจอกับพวกนักล่าที่เฝ้าอยู่ เขาวิ่งเข้ามาจะจับตัวเธอไว้ เธออัดพวกเขากระเด็นไปตามๆกันด้วยมือเปล่าไม่ใช้พลัง แล้ววิ่งหนีไป ตัดมาที่นันและมาโล เขาจับเธอจะไปโยนทิ้งออกจากตึกตรงมุมที่ดาวตกลงไป ทันใดนั้นเองดาวหางสีขาวอมฟ้าก็พุ่งเข้ามาทางช่องนั้นกระแทกเข้าชนใส่มาโลจนเขากระเด็นนั้นคือ ดาว เธอคืนร่างกลับมาแล้วไปพยุงตัวนันขึ้น มาโลได้จังหวะ เขาวิ่งหนีไป ทั้งดาวและนันก็ตามไป
ตัดกลับมาที่รุจและเวหา ทั้งสองคนขึ้นลิฟท์มาถึงชั้นบนสุดเพราะเวหาที่ใช้คาถาหาพิกัดจากพลัง เขาสัมผัสได้ถึงพลังของทุกคนที่อยู่ชั้นบนสุด เด็กหนุ่มทั้งสองคนก็เจอเข้ากับพวกนักล่าอีกกลุ่มนึงเลยเข้าแลกหมัดกันรุจไม่รอช้าเปลี่ยนร่างเป็นสโตนองซ์ทันที แล้วเข้าซัดกับพวกนักล่าหลายคนส่วนเวหาก็แลกทั้งหมัดทั้งลูกเตะกับพวกนักล่า เขาหาจังหวะใช้พลังของตนเองแล้วก็ได้ดั่งสมหวัง เขาเห็นช่องว่างเลยใช้พลังขยายขาขวาให้ใหญ่เท่าเท้าช้างถีบยันพวกนักล่ากระเด็นออกไปตามๆกัน ตัดกลับมาที่มาโล เขาวิ่งมาที่ห้องขนาดใหญ่คล้ายกับห้องประชุมในอาคาร เป็นห้องโล่งๆ ดาวและนันก็ตามมาติดๆ
“ปล่อยตัวเธอซะ!!” ดาวขู่
“พวกแกนี่มันแม่มดหนังเหนียวจริงๆ ฆ่าแล้วฆ่าอีกไม่ตายซะที 555” มาโลลีลา
“อย่ามาพูดมาก แกเองก็ฝีมือไม่เท่าไหร่นิ่” นันสวนกลับ
“อย่ามาปากดีนะ อิเด็กบ้า ให้ชั้นฆ่าพวกแกชั้นก็ทำได้” มาโลขึ้นเสียง
“ยังไง ใช้เวทมนตร์เหรอ? 555 แล้วจะฆ่าพวกเราได้ยังไง” นันเยาะเย้ยตอนนั้นเอง หน่วยคอมมานโดและเจ้าหน้าที่ติดอาวุธมากมายก็กรูกันเข้ามาในห้องนั้นล้อมรอบตัวของนันและดาวไว้ พวกเธอตกใจนิดๆไม่ได้ทันตั้งตัว
“ยังไง พูดไม่ออกเลยเหรอ ใครอยากจะร่ายมนต์บ้างจ๊ะ 55555” มาโลเยาะเย้ยกลับสาวๆที่มองไปรอบๆก็ถูกพวกนักล่าล้อมไว้หมด พวกเขาถือปืนเล็งไปที่พวกเธอ
“จะสั่งลาอะไรมั้ย?” มาโลพูดขึ้นพร้อมกับเตรียมให้สัญญาณยิง
“ไปตายซะ!!” ดาวขอสู้ตาย
“ได้ 5555 เดี๋ยวพี่ค่อยตามไปอีก 100 ปีนะจ๊ะ” มาโลยังกวนประสาทต่อ เขาให้สัญญาณสั่งยิงกับพวกนักล่าทุกคน สองสาวหลับตาปี๋ ทันใดนั้นก็เกิดน้ำแข็งขึ้นครอบคลุมไปที่ปืนทุกกระบอกของพวกเขา มันเย็นจนพวกเขาทนไม่ได้ต้องปล่อยมือปืนที่ถูกแช่แข็งก็ตกลงพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆ ทุกคนหันไปมองที่หน้าประตูห้องนี้พบว่าคลอเบียตเป็นคนใช้พลัง เธอรีบวิ่งเข้าไปหานันและดาว นันโผเข้ากอดในที่สุดเพื่อนของเธอก็กลับมา
“Project K.D. แกทำแบบนี้ไม่ถูก พวกเราสร้างแกขึ้นมา เราเป็นนายของแก แกต้องทำตามคำสั่งขององค์ที่ศักดิ์สิทธิ์ ห้ามขัดขืน!” มาโลออกคำสั่งกับคลอเบียต เธอกันสาวๆไปอยู่ข้างหลังเธอ เธอเดินไปตรงกลางวง
“งั้นชั้นขอเป็นนายตัวเอง!!!” เธอพูดเสียงแข็งแล้วใช้พลัง เธอปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่มีออกมา มันทำให้เกิดเกล็ดน้ำแข็งมหาศาลขึ้นมาแผ่กระจายไปทั่วทั้งห้องครอบคลุมทุกๆบริเวณแล้วก็เข้าพันธนาการพวกนักล่าทุกคนรวมไปถึงมาโลที่ดิ้นทุรนทุรายพยายามจะหนีออกจนทั้งห้องถูกแช่แข็ง นั่นแสดงให้เห็นว่าพลังของคลอเบียตกล้าแกร่งมาก เธอใช้พลังไปเยอะเลยมึนๆหัว สองสาวรีบวิ่งเข้าไปพยุงเธอ พวกเธอไม่โดนมนต์คำสาปของคลอเบียตเพราะเธอละเว้นไว้ สาวๆช่วยกันพยุงเธอออกจากห้อง ขณะนั้นทั้งรุจและเวหาตามมาถึงห้องนั้นพอดี
“อ่าวพี่” รุจเอ่ยทักพวกสาวๆ เขาตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนั้น
“อย่าเพิ่งถามอะไร ช่วยกันพยุงก่อน” ดาวใช้ให้รุจเข้ามาพยุงตัวคลอเบียตไว้
“โห นี่เพื่อนพี่ทำเหรอเนี้ย เจ๋งว่ะ” เวหายืนทึ่งกับสิ่งที่เห็น มันเหมือนทั้งห้องคือช่องแช่แข็งในตู้เย็น เป็นเหมือนเมืองน้ำแข็ง ทุกสิ่งทุกอย่างถูกแช่แข็ง
“เห้ย มึงยืนมองอะไรนักหนาวะ มาช่วยกันดิ” รุจหันไปตระโกนเรียกเวหา
“เออๆ กูมาแล้ว” เวหาดูชื่นชมกับสิ่งที่คลอเบียตทำมาก ในที่สุดทุกคนก็ช่วยคลอเบียตไว้ จัดการกับพวกนักล่า หนีออกมาจากตึก รุจโทรหาดินให้ขับรถมารับ พวกเขายืนอยู่หน้าบริษัทรอดิน ตอนนั้นเองก็มีรถปอร์ตขับเองมาตรงหน้าของทุกคน พวกรุจผงะนิดๆจนรถเปิดประตูเองและมีเสียงออกมาจากวิทยุของรถ
“ขึ้นมาเลยพี่ ผมไปถอยรถมา” เสียงของดินออกมาจากวิทยุของรถคันนั้นที่แท้เขาก็เล็งรถปอร์ตคันนี้ไว้นี่เอง
“อะไรอะ” นันยืนงง
“อ๋อ น้องผมเอง ไอดินไงพี่ดาว” รุจหันไปตอบแล้วหันไปบอกกับดาว
“เออๆ ขึ้นรถเหอะ” ดาวเร่งให้ทุกคนขึ้นรถไป พอขึ้นรถกันครบทุกคนดินก็ออกรถขับออกไปจากตรงนั้นทันที
ผ่านมา 1 วัน ที่เมืองนอยช์ เขตปกครองเมทาโพลิส หน้าหอพักของแม็กส์และแคสตี้ 2 สาวฝาแฝดไปเรียนมาพึ่งกลับใส่ชุดนักศึกษากำลังเดินมาถึงที่หน้าหอพัก พวกเธอได้พบเห็นกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อร้านของแม่ฮวนพังกระจุยกระจายเหมือนว่าถูกพายุพัดยังไงยังงั้น เธอเห็นลีอาที่ใส่เสื้อยืดสีเนื้อ กางเกงขาสั้นสีดำ กำลังเก็บกวาดซากของร้านฝาแฝดทั้ง 2 คนจึงรีบเข้าไปถาม
“ลีอามันเกิดอะไรขึ้นอะ?” แม็กส์ถามลีอาด้วยความตกใจ
“ก็ไอพวกเมื่อวานอะพี่ มันไม่จบ มันให้ลูกน้องพ่อมันมาถล่มร้านหนู ทำร้ายแม่หนู ป้าๆแล้วก็คนอื่นๆ พี่ฮวนมาเห็นเข้าก็เลยโกรธ เลยกลายร่างอะพี่ ขย้ำไอพวกนั้นกระเด็นไปหมด” ลีอาอธิบายว่าแก๊งค์อันธพาลเมื่อวานมันไม่จบ อย่างที่หัวหน้าแก๊งค์เคยบอกไว้ว่ามันจะส่งลูกน้องของพ่อมันมาจัดการกับคนที่ร้าน แล้วมันก็ทำจริงๆ ฮวนจริงๆแล้วเขาเป็นทรานเจน ก็คืออนิเมจัสแต่ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้เลยถูกเรียกว่าทรานเจน เขาโกรธมาก เขาเลยกลายร่างเป็นหมาป่าตัวใหญ่ยักษ์สีน้ำตาลอมแดง ขนฟู ไล่ขย้ำพวกลูกน้องทุกคน
“แล้วฮวนล่ะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน?” แคสตี้ถามถึงฮวน
“พี่ฮวนถูกยิงค่ะ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล แม่กับป้าๆตามไปที่นั้น ให้หนูอยู่เฝ้าร้านรอพ่อกลับมา” ลีอาอธิบายไป
“ห๊ะ ทำไมถูกยิงอะ ใครยิง?” แคสตี้ตกใจ
“ก็ไอนั้นล่ะ ที่เป็นหัวโจ๊กของแก๊งค์อันธพาลนั้นอะ มันถือปืนมายิงใส่พี่ฮวนตอนเป็นร่างหมาป่า 2 นัด แล้วแม่งก็หนีไป” ลีอาพูดด้วยความเจ็บใจแคสตี้กับแม็กส์ก็โมโหไปด้วย ฝาแฝดทั้งสอง ขึ้นมาถึงบนห้อง แคสตี้ไม่รอช้าเธอหาวัสดุสิ่งของที่ใช้ประกอบพิธีกรรมต่างๆออกมาเหมือนจะทำพิธีบางอย่าง แล้วเธอก็หยิบชอล์กมาเขียนที่ไม้กระดานแผ่นใหญ่มากๆมันถูกวางอยู่ที่พื้น เธอกำลังเขียนยันต์ที่อัญเชิญมนตราของวูดูในการทำพิธีไสยศาสตร์ แม็กส์พยายามจะทำให้พี่สาวฝาแฝดใจเย็นลง
“ใจเย็นก่อนพี่ มันไม่คุ้มหรอก อย่าไปแรกกับพวกมันเลย”
“ไม่คุ้มอะไร ชั้นน่าจะหักกระดูกพวกมันทิ้งวะตั้งแต่เมื่อวานด้วยซ้ำ มันมาทำน้องเราแบบเนี้ย” แคสตี้โมโห พูดไปวาดยันต์ไป
“แต่ถ้ามีคนรู้ โทษถึงประหารเชียวนะ แกคิดบ้างสิ” แม็กส์พยายามจะเตือนสติพี่สาวตนแต่ไม่ได้ผล
“แล้วไง ใครจะรู้ ชั้นจะจบเรื่องทุกอย่างเอง” แคสตี้ไม่สนใจ
“จบอะไรกันนี่ มันจะทำให้ปัญหามันหนักขึ้นต่างหาก”
“แกจะยืนพูดคร่อมหัวชั้นอีกนานมั้ยห๊ะ ถ้าไม่คิดจะช่วยกันก็หลีกทางไป ชั้นทำพิธีคนเดียวได้” แคสตี้หันไปเหวี่ยงใส่แม็กส์
“หรือถ้าแกคิดที่จะเลือกฝั่งก็เลือกให้ถูกนะแม็กส์ ปกป้องพวกมนุษย์จ้องหองหรือจะเข้าข้างพี่น้อง แกเลือกเอา!” แคสตี้ตอกหน้าแม็กส์ไป ตัดมาในช่วงที่ตะวันลับฟ้า ช่วงที่ยามราตรีก้าวเข้ามา แคสตี้เริ่มทำพิธีของศาสตร์ที่เธอถนัด มีเสียงดนตรีที่เปิดขึ้นเป็นเสียงจังหวะกลองของการทำพิธีวูดู พวกเธอปิดไฟแล้วจุดเทียนแทนเธออยู่ในชุดขาวทั้งชุด นั่งอยู่กลางวงของยันต์ทำพิธีที่เธอเขียนไว้เมื่อตอนบ่ายมีของที่ใช้ทำพิธีมากมายเต็มไปหมด โดยที่แม็กส์ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้เข้าไปในวงล้อมของยันต์คอยหยิบของให้และส่งพลังหนุนเพื่อให้พิธีกรรมสำเร็จแคสตี้เริ่มพิธี เธอนำเศษเส้นผมของแก๊งค์นั้นทุกคนที่เอามาจากตอนเย็นด้วยพิราบพยนต์ของเธอ มันจิกหัวพวกนั้นทุกคนแล้วกินเส้นผมที่จิกไว้เข้าไปในตัว เธอนำพิราบพยนต์ของเธอมาคลายคาถาแล้วคลี่กระดาษออก พบว่ามีเส้นผมเป็นกระจุกเป็นเศษๆปะปนกันไปหมด เธอเทเส้นผมลงไปที่หม้อที่ใช้ทำพิธี มันเป็นหม้อดินเผาโบราณตั้งอยู่ข้างหน้าเธอ แล้วเธอก็หยิบเข็มหมุดมากมายเป็นสิบๆอันใส่ลงไปรวมกับเส้นผมในหม้อใบนั้น เธอเริ่มร่ายคาถา เปลวไฟของเทียนเริ่มแปรปรวน เดี๋ยวแรงเดี๋ยวเบา เธอใส่ดินผงสีดำเงาๆบางอย่างลงไปในหม้อ แล้วจู่ๆไฟก็ลุกขึ้นเองในหม้อ เป็นเปลวไฟสีฟ้าลุกไหม้ตลอดเวลาแต่หม้อไม่ได้เป็นอะไร ดวงตาของเธอเริ่มเปลี่ยนไปเป็นสีขาวโพลนทั้งลูกตา แล้วเธอก็เริ่มแลบลิ้นปลิ้นตาส่งเสียงต่างๆ
ตัดมาที่ริมถนนแห่งหนึ่งในเมืองนอยช์ไม่ไกลจากหอของพวกแม็กส์มากนัก พวกแก๊งค์อันธพาลกำลังเดินลอยชายไปเรื่อยๆ
“เห้ย มึงว่าไอนกพิราบที่เข้ามาจิกพวกเรา นี่แม่งฝีมือใครวะ” เพื่อนของหัวหน้าแก๊งค์ถามเขา
“ก็คงเป็นของไอพวกแม่มดนั้นล่ะมั่ง มันคงทำอะไรเราไม่ได้ก็เลยส่งนกพิราบกิ๊กก๊อกนั้นมาจิกเรา 5555 ส่งมาซะน่ารักเชียว” หัวหน้าแก๊งค์หันไปตอบ
“เห้ย พวกมึง หาตัวไอแม่มดฝาแฝดนั้นให้เจอนะ กูเก็บแม่ง อีสองตัวนี้มันอยากเสือกดีนัก กูอยากจะรู้ว่าระหว่างคาถากับลูกปืนกู ใครมันจะแน่กว่ากันวะ 5555” เขาสั่งให้ลูกน้องทุกคนตามล่าแคสตี้กับแม็กส์
ตัดกลับมาที่ห้องของฝาแฝด แคสตี้เตรียมการทุกอย่างเสร็จแล้วเหลือเพียงแค่ลงมือ เธอยังคงแลบลิ้นปลิ้นตาอยู่ แววตาเธอขาวโพลน เสียงเธอก็ทุ้มและเนื้อเสียงก็หยาบขึ้น
“มัวครี!!!” แคสตี้พูดเป็นภาษาหมอผีออกมา มันแปลว่า ตาย
ตัดมาที่แก๊งค์พวกนั้น พวกเขาเดินๆคุยกันไป แล้วจู่ๆก็รู้สึกจุกที่หน้าอกเหมือนโดนมีดแทง พวกเขาล้มลงกับพื้นบนถนน เริ่มกระอักเลือดเยอะขึ้น เยอะขึ้น เยอะขึ้นจนนอนตายจมกองเลือดทุกคน เป็นภาพที่น่าสยดสยองที่สุดผู้คนแถวนั้นตกใจ แตกตื่น ร้องตระโกน โวยวายกันไปหมด
ตัดมาที่บริษัท Personnel Consultant Manpower (Thailand) Co.,Ltd.ที่เมืองพรอสเปล เขตปกครองเมทาโพลิส ชั้นบนสุดของอาคารในห้องที่คลอเบียตสาปนักล่าทุกคนให้ตกอยู่ในพันธนาการของน้ำแข็ง ในมุมนึงของห้องจู่ๆน้ำแข็งก็ค่อยๆแตกออกปรากฏว่ามันคือ มาโล เขาหลุดออกมาจากคำสาปของคลอเบียตได้ เขาค่อยๆเดินออกไปจากห้อง
หมายเหตุ :
-มาโล เขาคือนักล่าที่เก่งกาจคนนึงขององกรณ์ Division ซึ่งเป็นองกรณ์ของพวกนักล่าถูกส่งมาทำคดีของคลอเบียต เพื่อจับตัวเธอกลับไปแต่พลาดท่าถูกคลอเบียตสาปให้กลายเป็นน้ำแข็งทุกคน สุดท้ายมีมาโลคนเดียวที่รอดจากคำสาป
-นักล่า นักล่าหรือพวกผู้ใช้อาวุธ คือองกรณ์ลับที่มีมานาน ไว้จัดการกับเผ่าพันธุ์ผู้วิเศษใช้ในนามสากลว่า Division หรือ D.V.I. พวกนักล่านั้นไม่ตายตัวใครๆเผ่าพันธุ์ไหนก็เป็นนักล่าได้ พวกเขาปฏิบัติภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์โดยคิดว่ามาจากคำสั่งของพระเจ้า โดยการกวาดล้างสิ่งอัปยศบนโลกใบนี้โดยเฉพาะผู้วิเศษ
-อาวุธลงอาคมคืออุปกรณ์ต่างๆที่ถูกลงอาคมเพื่อจัดการกับสิ่งเหนือธรรมชาติ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าจะจัดการกับปีศาจอาวุธที่ใช้ก็ต้องถูกลงอาคมไว้เพื่อสำหรับปีศาจโดยเฉพาะ อย่างที่มาโลใช้กระสุนลงอาคมที่จะสกัดพลังเวทย์ของผู้วิเศษไว้ เป็นต้น
-เฟตาซีคือ ส่วนผสมที่จะสร้างสูตรยาสมุนไพรขึ้นมามีลักษณะเหมือนเมือกขาวๆ
-จอมเวทย์เทียม หรือ Project F เป็นโครงการที่นำ DNA ของบุคคลที่ต้องการเป็นต้นแบบมาพัฒนาฟักตัวอ่อน จนกลายเป็นร่างมนุษย์และใส่วิทยาการต่างๆเข้าไปในร่างนั้นจนกลายเป็นจอมเวทย์ที่มีความสุดยอดทางด้านกายภาพและสมอง และอีกกรณีนึงคือการนำศพของผู้วิเศษมาพัฒนาคืนชีพ ให้กลายเป็นจอมเวทย์เทียมแต่วิธีนี้ค่อยข้างมีปัญหาและอายุใช้งานก็อยู่ไม่ได้นาน สู้วิธีฟักตัวอ่อนไม่ได้
EPISODE 5:DEMON-GOD
COMING SOON
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ