ลิขิตจันทรา ภาค มายาแห่งดวงใจ (注定月下老人 )

8.0

เขียนโดย Wuzhenni

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 22.20 น.

  22 ตอน
  9 วิจารณ์
  30.38K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 20.59 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

20) เขียนเสร็จแล้ว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
ท่าทางของคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากตัวเขา ดูจะตระหนกตกใจอยู่ไม่ใช่น้อย
 
ก็แน่ละ...ดวงหน้าที่ขาวซีดเหมือนกับผิวศพ 
 
ซีดขาวราวกระดาษ ไม่มีเลือดฝาดให้เห็นเลยซักกะนิด
 
แม้แต่เจ้าของร่างก็เคยประหวั่นพรั่นพรึงเงาร่างของตนอยู่บางครา
 
ชายร่างสูง  ผมเผ้าที่เคยจัดทรงมาอย่างดีในตอนเช้าดูเหมือนจะเปียกซ่กๆ พอๆกับเสื้อชุดสูทสีดำที่พาดไว้ตรงช่วงแขน แววตาที่เขามองมายังแขกที่ปรากฏตัว..
 
ไม่รู้ว่ากำลังฉายความรู้สึกออกมาในรูปแบบไหน
 
ตำหนิก็ไม่ใช่...จะด่าก็ไม่เชิง
 
แววตาที่คล้ายแฝงซ่อนในสิ่งหนึ่ง  ทั้งเขาและเธอก็มิอาจรับรู้ได้ว่า เจ้าสิ่งนั่นคืออะไร
 
สภาพที่เปียกม่อลอกม่อแลกของทั้งคู่  หากแต่ยังดีที่ ไอ้คุณหุ่นนิ่ง หน้าซอมบี้  คงจะโชคดีที่เข้ามาหลบได้ทันก่อนที่สายฝนจะแปรสภาพกลายเป็น ห่าฝน
 
เปรียบกับตัวหญ้าฟางเอง หล่อนก็คงไม่ต่างกับ หมาน้อยตกน้ำ..เอ๊ะ ไม่ ไม่..รึจะเป็นแมวน้อยยั่วสวาทดีล่ะหว่า
 
ก็แหม...เสื้อนักศึกษาสีขาวแนบเนื้อ ดีหน่อยที่หล่อนยังมีเสื้อกล้ามคลุมทับไว้อีกชั้นหนึ่ง ไม่อย่างงั้นอีตาเฒ่าซอมบี้คงจะเลือดพุ่งเสียประไร
 
หญ้าฟางถอยเท้าออกไปเตรียมพร้อมจะหันหนี
 
" จะไปไหน"   เสียงของเขาดังแทรกขึ้น แม้สายฝนจะโหมกระหน่ำลงมาแรง แต่เสียงดูเหมือนจะดังยิ่งกว่าเสียงฮึมๆของฝนมากกว่า
 
หญ้าฟางเหลียวหลังกลับมายืนประชันหน้ากับเขาที่ตอนนี้คนเอ่ยถามยืนหันข้าง ไม่สบตากับหล่อน
 
" ก็กลับบ้านพักสิ ถามได้"
 
" จะวิ่งออกไปให้ฝนฟ้ามันผ่าใส่หัวเธอรึไง?"  
 
อ้าว..พูดงี้  ฮอร์โมนวัยทองมันพล่านหาฝ่าเท้ารึไง ห่ะ อีตาเฒ่าเอ๊ย!
 
"ผ่าก็ผ่าดิ ไม่ใช่คนขี้ป๊อด บ้านพักอยู่ใกล้ๆแค่นี้ วิ่งเดี๋ยวเดียวเดี๋ยวก็ถึง" หล่อนเชิดหน้าใส่ ก่อนจะวิ่งตุ้บตั้บฝ่าสายฝนออกไป ไม่ได้หันกลับมาสบตาเรียวสวยดั่งดวงตาของเหยี่ยวที่ไม่ได้ละสายตาจากเหยื่อ หากแต่ยังดีที่ปล่อยให้เหยื่อสะบัดก้นวิ่งหนี ไม่ตีปีกเข้าไปจิกหัวด่าว่าแต่อย่างใด
 
เงารางๆ ของประตูรั้วหลังโรงเรียนที่เดินไปเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น ปรากฏให้เธอได้เห็น
 
เหมือนปากทางสวรรค์ที่อยู่ห่างแค่เอื้อมเท้าที่จะเดิน...
 
 
...วิ่งตากฝนกลับไป ก็ยังดีกว่ายืนหลบฝนแต่ไม่หลบสายตาคนอื่น
น่ากลัวว่าจะแอบคิดมิดีมิร้าย...ตามสโลแกนเพลงที่เคยฟัง เห็นเงียบๆแต่ฟาดเรียบ นั้นน่ะ
 
 
หญ้าฟางบุ้ยปากใส่ ทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่แยแสอะไรมากก่อนจะวิ่งตุ้บตั้บไปยังประตูรั้วทันที
 
" ล็อก"  หญิงสาวอุทานขึ้นในใจ เพราะกลัวเสียฟอร์มคนที่ยืนอยู่ที่หลบฝน
 
" เวรเอ๊ย...ยังไม่ถึงเวลาปิดประตูโรงเรียนหนิ ไอ้หมาตัวไหนมันมาล็อกไว้วะ"
 
อุทานไม่พอ เสียงบ่นอุบอิบในใจจนแทบจะโพล่งออกมา  นึกไม่ถึง..ว่าคำด่าในใจจะได้ยินไปไกลถึงหลังเมฆกลุ่มหนึ่ง
 
" ท่านผู้เฒ่าจันทรา...ท่านกลายเป็นหมาไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ฮึ?"
 
 
 ในระยะทาง ไม่ไกลกัน..ประตูรั้วกับบ้านพักที่เขาหลบฝนอยู่นั้น ซึ่งก็ไม่ใช่บ้านพักของใคร ก็ของลุงยามปากพระร่วง
 
หากแต่เจ้าของบ้านคงกลับไปยังบ้านเดิมของตน
ท่านรอง แหงนหน้ามองดูกลุ่มก้อนเมฆสีทะมึนที่ดูอย่างไรก็ไม่มีวี่แววว่าจะจางหาย
 
เขาพลิกข้อมือดูเวลา...หกโมงครึ่ง อีกเดี๋ยวก็ทุ่มตรง
 
ถึงฝนจะหยุดตก แต่ความมืดก็ไม่มีทีท่าว่าจะเลือนหาย
 
ความมืดย่อมคู่กับใจที่มืดมิด
 
" ท่านหนีงาน" คำกล่าวในใจที่ส่งไปยังเบื้องบน  
 
" เป็นฝีมือของท่าน ใช่มั้ย? ท่านผู้เฒ่า"
 
" ท่านเทพหยู่วซือ มิใช่ข้า"  คนตอบยิ้มขัน 
 
" อีกอย่างข้าไม่ได้หนีงาน หากแต่ข้ากำลังทำงานอยู่ต่างหาก"
 
ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะแย้งกลับ เสียงหายใจหอบฮั่กๆก็ดังขึ้นอยู่ด้านหลัง
 
" โฮยย...จะหาค้อนไปทุบกุญแจ บ้านหลังนี้มีค้อนหรืออะไรแข็งๆบ้างม่ะ?"
 
หญ้าฟางเดินกระฟัดเฟียดหน้าเหวี่ยงอยู่ทางด้านหลังของเขา  สภาพจากที่เปียกจนโชกกลายเป็นเปียกโครตๆไปทั้งตัว
 
" ประตูล็อกงั้นเหรอ?"  เขาถามโดยไม่หันกลับมามอง ในขณะทีคนตอบก็สาละวนหาของไปเรื่อย
 
" อือ  ไม่รู้ว่าใครมันมาล็อก ยังไม่ทุ่มหนึ่งเลย.."
 
 เขาเงียบไม่ตอบ แต่ในใจนั้นรู้คำตอบดี
 
" วันนี้มันวันซวยอะไรก็ไม่รู้  เข้าสอนก็เข้าผิดห้อง เด็กนักเรียนหัวเราะก๊ากๆเย้ยเราเป็นว่าเล่น แถมวันนี้ปฐมนิเทศวันแรกแบตโทรศัพท์ดันหมดซะงั้น วิ่งแจ้นกลับไปเอาสายชาร์จที่บ้านพัก ไอ้เรารึ..รู้อยู่แล้วว่ายังไงคงไม่ทัน ก็ฝากเด็กคาบข่าวมารายงานก่อน ไม่นึกว่าจะเป็นเด็กใหม่ โดนอาจารย์หวังด่าซะเละ...คงเป็นเพราะตั้งแต่เจอหน้าคุณเมื่อเช้ากระมัง รึคุณว่าไง?"
 
" ไม่รู้"  เขาตอบ นิ่ง แต่ความหมายไม่ได้นิ่งเหมือนน้ำเสียง
 
ออกแนวยียวนชวนเตะซักป้าบ  
 
" เธอจะซวยเรื่องอะไร จะเป็นอะไร มันก็เรื่องของเธอ. ไม่เกี่ยวกับหน้าของฉัน..แล้วฉันก็ไม่ใช่พวกนักเลงที่แส่ยุ่งเรื่องของชาวบ้านเขาไปทั่ว"
 
" แหม....แล้วไอ้ทีตอนเมื่อเช้า ไอ้คนที่มาด่าฉันว่า ไม่มีมารยาทเนี่ย คนๆนั้นคงไม่ค่อยจะแส่เรื่องชาวบ้านซักเท่าไหร่เลยนะ อีลุงเฒ่าเอ๊ย..."
 
สิ้นสุดแค่ปลายประโยค  ดวงหน้าคมสันก็แลหันกลับมามองหล่อนด้วยสายตาเย็นยะเยือกยิ่งพร้อมแสงวะวาบจากปลายฟ้าที่กระทบเข้ากับโครงหน้าอันสมบูรณ์
 
แต่น่ากลัว!!
 
แววตาที่มองมายังหล่อนนั้นแหล่ะ..เหมือนปีศาจก็ไม่ผิดนัก
 
จู่ๆหญ้าฟางก็รู้สึกหนาวสั่นสะท้านไปทั่วร่าง
 
บอกไม่ได้ว่าตอนนี้หล่อนกลัวที่ตัวเขาหรือสายตาของเขา  หรือทั้งหมดกันแน่
 
แต่สิ่งหนึ่งที่คนหัวไวไหวพริบดีอย่างหล่อนสามารถรับรู้ได้
 
ก็คือชายคนนี้.... 
 
 
ใช่...หลักฐานที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า  เส้นผมสีดอกเลาที่ประปรายอยู่ขอบหน้าผากกว้าง ดวงพักตร์หล่อคม ทว่า...กลับไร้เสน่ห์
 
มีอะไรที่แปลกไป  
 
แสงอสุนีกระจ่างวาววาบลงตรงหน้าเขาคนนั้นอีกครั้ง
 
คราวนี้ ไอ้สิ่งที่แปลก กลับเด่นชัด ไม่แปรเปลี่ยน
 
เงาร่าง กายาลักษณ์ คือตัวเขา  แต่มีบางสิ่งที่มันวิ่งผ่านม่านเงาลูกตาของหล่อน
 
จิตใจนั้นไซร้  อาจมิใช่เขา
 
" ไอ้เฒ่า?  พูดจริงใจดีนะ" เขาเอ่ยปากที่หล่อนย่อมรู้ดีว่านั้นคือการด่าอย่างเนียนๆ
 
นอกจากเบ้าหน้าที่หมือนกับซาตานแล้ว ผู้ชายผู้นี้คงมีปากไว้เป็นอาวุธ 
 
แค่เห็นหน้าค่าตาก็พาลไม่ค่อยอยากจะเสวนาด้วยเท่าไหร่
 
นี้คำพูดคำจายังห้วนใส่ซะไม่มี ออกแนวกึ่งประชดประชันแดกดันเก่ง
 
แบบคนมีการศึกษานั้นแหล่ะ...เพราะแต่ไหนแต่ไรมาหล่อนมักจะเจอะเจอคนชอบด่ามากกว่าจะประชดกันให้ยืดยาว
 
ด่าเหมือนไอ้กุ๊ยข้างถนน และหล่อนก็เจริญรอยตามสิ่งที่พวกมันปราถนา
 
คือ ด่าคืนเสียให้ยับแล้วค่อยจับมันทุ่มใส่เสา
 
หล่อนเป็นหล่อน เจอคนดีก็ดีตอบ เจอคนเลวก็เลวกลับ
 
แต่คนแบบที่หญ้าฟางกำลังเผชิญอยู่
 
จะดีจะเลว มันก็ก่ำกึ่งอยู่แปลกๆ!
 
"ทุกสิ่งอย่างบนโลก ย่อมมีเกิด แก่ เจ็บและตาย โดยเฉพาะมนุษย์ จะแก่ช้า แก่เร็ว สุดท้ายก็ต้องเกิดขึ้นกับทุกคน การที่เธอด่าฉันว่า ลุงเฒ่า ฉันจะไม่ถือสาหาความอะไร เพราะถ้ารอยตีนกาโผล่บนหน้าเธอเมื่อไหร่ เธอก็จะเป็นยายเฒ่า ไม่ต่างจากฉัน " เขาพูดต่อ หากแต่หญ้าฟางส่ายหน้าสั่นหงึกๆ
 
" เหรอคะ... ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ฉันคงต้องเก็บตังค์ไปทำศัลยกรรมตอนแก่ดีกว่า จะได้ดูเป็นยายเฒ่าหน้าเด็ก  "
 
หล่อนหัวเราะยิ้มเหยียดมุมปากเล็กน้อยก่อนจะฉุกคิดขึ้นได้เมื่อสบตากับ ไอ้คุณเฒ่าซอมบี้
 
คนที่ควรยิ้มเหยียดสมเพชมิใช่เธอ...
 
รอยยิ้มแห้งเหือด หดหาย
 
แววตาสีนิล เย็นชา ไร้ความรู้สึกในสิ่งใด
 
ทว่า...จิตใจนั้นฤา จะปฏิเสธกับสิ่งที่ตนนั้นได้เห็น
 
ใบหน้าที่เริ่มแดงเพราะเม็ดเลือดทำงานได้ดีตามธรรมชาติ เมื่อได้รับรู้ถึงแรงกระตุ้น
 
จากสายตาของอีกฝ่าย
 
 
เขาน้อมศรีษะเป็นเชิงขอโทษและเข้าใจในปฏิกิริยาของหญิงสาวก่อนจะหันหลังกลับไปเหมือนเก่า
 
มารยาทที่ถูกเพาะบ่มมาอย่างดี
 
ขนาดไอ้พวกครูปากยาว กวนประสาทมากแค่ไหนแต่ก็ยังรักษามารยาทของมันไว้ได้ 
 
แล้วถ้าเป็นไอ้ท่านรองมาเจอหล่อนในสภาพแบบนี้?
 
มีหวังโดนจับเซ็นใบขาวพ้นสิทธิ์จากการฝึกสอนชัวร์!
 
เขาหันหลังให้หล่อน ความรู้สึกที่ไม่มีอะไรให้เจ้าหล่อนต้องแคลงใจ
 
จากซอมบี้ผีนรก คงไม่กลายเป็นเฒ่าหัวงูไปได้หรอกน่า
 
และถึงจะเป็น เธอคงไม่ได้เป็นหนึ่งผู้โชคดี ....เอ๊ะ  รึอาจจะโชคเกือบดี ที่จะโดนเขาโลมเลียผ่านแววตาดั่งก้อนน้ำแข็งคู่นั่น
 
แม้หญ้าฟางจะไม่เคยประสบพบเจอกับคำนิยามที่กล่าวเอาไว้
 
เพียงจ้องตา ก็รับรู้ฤาทัย
 
หล่อนไม่ใช่คนโง่ นี้ว่าที่เด็กเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเชียวนะโว้ย..
 
" มีอะไรที่ฉันจะไม่รู้ ขนาดอับดุลต้องชิดซ้ายอ่ะ เอาดิ"
 
อันดับหนึ่งเรื่องความรู้ แต่หล่อนก็เพิ่งมาพ่ายให้กับลุงยามเมื่อครู่นี้
 
อันดับหนึ่งเรื่องความรัก?
 
" ก่อนจะไปรักใคร เจ๊น่าจะหัดดูใจตัวเองนะ ว่าเปิดพร้อมให้คนอื่นเขามารักด้วยรึเปล่า น่ากลัวว่าพอรักใครเข้าจริงๆ จะไม่เอาปืนจ่อหัวให้ขอแต่งงานหรอกรึ ขนาดยังไม่มีแฟนแม่งยังระรานคนอื่นเขาไปทั่ว"
 
คำตอบของไอ้หัวเผือกที่ตอบคำถามแทนหัวใจของหล่อน
 
บัดนี้หญ้าฟางรู้.....เธอคงรักใครไม่ได้
 
ก็เพราะไม่มีคนมาให้รักน่ะซี่
 
มีแต่คนคอยจะโยนเรื่องมาให้  ไม่ใช่หัวใจ...
 
ชายหนุ่มยังคงยืนหันหลัง ดุจภูผาแห่งอนธการ
 
เขาดูน่ากลัว แม้มุมที่มองไม่เห็นดวงพักตร์
 
ขนาดเห็นเพียงแวบเดียว ใจคอเธอยังกระตุกสั่นไหวอยู่รอมๆ 
 
แต่หล่อนไม่ใช่คนขี้กลัว ฉะนั้นมันก็แค่ชั่วครู่หนึ่งเท่านั้น
 
" นี้คุณ ตรงที่คุณยืนอยู่อ่ะ...ช่วยฉันหาเหล็กหรืออะไรก็ได้ที่มันแข็งๆให้หน่อยสิ"
 
ความนิ่ง...เงียบ คือ คำตอบ
 
" ได้ยินที่ฉันพูดมั้ยเนี่ย... "
 
" ไม่ได้หูหนวก ทำไมจะไม่ได้ยิน"
 
แน่ะ..มีย้อนใส่ด้วยอีก มันน่า 
 
" งั้นก็ช่วยหาหน่อยสิ  นี้รีบอยู่นะเนี่ย ฝนก็ไม่หยุดตกซะที งานการฉันก็มี ไม่อยากจะอยู่หลบฝนกับคน.."
 
เอ๊ะ คนแก่รึ?  ไม่ ไม่ ไม่ น่าจะมีคำที่เหมาะกว่า
 
" ..คนประเภทอย่างคุณ "
 
" ประเภทไหนกันล่ะ?"  ดวงตาเริ่มหันแลมองหน่อยๆ ในขณะที่สาวเจ้ามิได้ทันสังเกต มือไม้ยังคงสาละวนคุ้ยหาของในกล่องลังใบใหญ่
 
" คนแปลกๆนะสิ"
 
"แปลกยังไง?" 
 
" แปลกยังไงนะเหรอ...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้สึกแค่ว่ามันแปลก อาจจะเป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นคนอายุปูนนี้แล้ว แต่หน้ายังเด็กใสวิ้งแบบคุณล่ะมั้ง"
 
เสียงหัวเราะขุ่นๆ ลอยกระทบให้เธอได้ยิน  หัวเราะอะไร...มีคนชมว่าหน้าเด็กแค่นี้ กระหยิ่มยิ้มย่องเชียววุ้ย
 
คำตอบที่หล่อนเอ่ยคงเป็นคำตอบที่รักษาน้ำใจคนฟัง หากแต่ความเป็นจริงหญ้าฟางอยากจะตะโกนกรอกใส่หูออกไปดังๆเลยว่า
 
แปลกตรงที่หน้าเด็กเหมือนซอมบี้แรกเกิดต่างหากล่ะเว้ย!
 
"ขอบคุณที่ชม แต่เดี๋ยวนี้คนอายุหกสิบเจ็ดสิบแต่หน้าเด็กคราวหลานก็มีให้เห็นถมถืดไป ฉันเองก็เพิ่งจะสี่สิบกลางๆ ไม่ได้หน้าเด็กอะไรนักหรอก แค่ยังไม่ถึงคราวจะหนังหน้าเหี่ยวก็เท่านั้น"
 
 " มันก็ใช่...แต่จะให้พูดยังไงดีล่ะ เอาเป็นว่า ตัวคุณมันรู้สึกประหลาดกว่าชาวบ้านเค้าก็แล้วกัน"
 
" หึ...พูดเหมือนเห็นฉันไม่ใช่คน"  เขาเอ่ย น้ำเสียงนิ่งเฉย  
 
" รึเธอคงไม่อยากมองฉันให้เหมือนคนซักเท่าไหร่ จริงมั้ย?!"
 
 
 
ละอองฝนเริ่มจางหาย เป็นสัญญาณของการหมดเวลาในหน้าที่ของคนเบื้องบน
 
หญ้าฟางหยุดนิ่งชะงัก  ชะโงกหน้าออกไปมองดู
 
หยดน้ำพร่างพร่าวอยู่โดยรอบ  ถึงจะเริ่มจางหายแต่ก็มิได้หมายความว่า ทุกอย่างจะสงบดั่งเดิม
 
" ฉันจะไปแหล่ะ " หล่อนพูดให้คนยืนข้างฟัง มือซ้ายถือค้อนเหล็กเตรียมพร้อมที่จะทำลาย...
 
ทำลายทั้งของ ทำร้ายทั้งคน
 
" ฝนยังไม่หยุด จะรีบไปทำไม"
 
" เอ้า! ก็คนมันมีงานต้องทำ แผนการสอนฉันก็ยังไม่ได้เขียน ใครจะเหมือนคุณ....คงจะตำแหน่งคนใหญ่คนโตล่ะสิท่า ถึงได้ใจเย็นเอ้อระเหยอยู่แบบนี้ กระดิกนิ้วเรียกคนมาช่วย แปบเดียวเดี๋ยวก็เสร็จ"
 
" แต่คนใหญ่คนโตบางคน กระดิกนิ้วเรียกมา แต่ไอ้คนผู้น้อยก็ดันไม่ยอมมาตามนัด ปล่อยให้คนผู้ใหญ่ผู้โตนั่งคอยจนเสียงานเสียเวลา ก็มีไม่ใช่เหรอ?"
 
หญ้าฟางหันขวับ พลางหรี่ตาจ้องมองก่อนจะโพล่งถามคำถามชุดใหญ่
 
" คุณหมายถึงใคร? ไอ้ผู้ใหญ่ผู้โตนั้นน่ะ"
 
เขาเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับใช้เวลาครุ่นคิดอยู่นานจนเจ้าหล่อนอดทนรอในคำตอบเสียมิได้
 
" ฉันถามอยู่นะ  อย่าเสียมารยาทกันแบบนี้สิ!"
 
" ว่าที่เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ฉลาดแต่ไม่เฉลียว"  เขาตอบ แต่เป็นคำตอบที่หญ้าฟางรู้ดีว่า
 
หยามหน้ากันชัดๆ!
 
" คำถามนี้ เธอก็รู้ทำไมฉันต้องบอก"
 
" หมายถึงท่านรองอย่างงั้นเหรอ?" หญิงสาวเอ่ยออกมา ไร้ซึ่งความหวาดเกรง 
 
จะเกรงจะกลัวกัน เดี๋ยวก็ได้ใจ  ไอ้คนใหญ่ปากพล่อยแบบนี้เนี่ย ไม่กลัวมันหรอก!
 
" ใครเป็นคนบอกคุณ"
 
เขาสั่นศรีษะเล็กน้อย แผ่นหลังที่บ่งบอกความทรนงตนของเจ้าของ  หญ้าฟางมองคนที่ยืนหันหลังให้ด้วยอารมณ์ไม่สู้จะพอใจในกิริยาการวางตัวของเขา
 
" อาจารย์หลี่หวังบอกคุณใช่มั้ย!?"
 
ไอ้เรื่องฐมนิเทศวันนี้ จะมีซักกี่คนที่รู้...
 
และไอ้คนที่รู้จักกับครูในโรงเรียนได้มากกว่าใคร
 
อาจารย์หลี่หวังนั้นแหล่ะ ตัวดี!
 
" ประตู"  เขาบอกสั้นๆ พลางพลิกข้อมือดูนาฬิกา " ทุ่มสิบห้า"
 
" เฮ้ย...ทุ่มสิบห้าแล้วเหรอ  ไม่ได้ๆ ไม่ได้ ฉันต้องรีบกลับไปขียนแผน"
 
หญ้าฟางรีบสาวเท้าออกไปให้ไว ฟ้าสีหม่น ใจคนมิอาจรั้งรอสิ่งใดได้
 
สายฝนยังคงปลิดโปรย แม้เบาบาง หากแต่ ไอวายะยังคงโอบอุ้มเอาความหนาวมาเยือนกาย
 
อุ้มมือหนาคว้าต้นไหล่ของเธอไว้
 
เขาคนนี้....อีกแล้ว
 
อำนาจที่ถ่ายโอนผ่านแววตา ดูน่ากลัว
 
หญ้าฟางฮึดฮัด กะจะสะบัดตัวให้พ้นห่าง
 
" เอาไปด้วย"  มือข้างหนึ่งยื่นเสื้อสูทสีดำของเขายัดใส่มือหล่อน 
 
" ให้ยืม..ยังมีเม็ดฝนอยู่" 
 
" ม่ายเอ๊าาา เดี๋ยวก็ต้องซักให้อีก เปลืองผงซักฟองตาย"
 
แม่สาวยอดสิงห์ยื่นให้กลับ หากแต่ชายหนุ่มหันหลังเดินออกจากที่หลบฝน มุ่งหน้าไปยังหมู่อาคารเรียนไม่ไกลห่างจากกัน
 
" เดี๋ยวสิคุณ  คุณ!!"  หญ้าฟางตะโกนเรียกเขา พลางวิ่งตุ้บตั้บตามเขาไป 
 
แปลก...นั้นขาคนหรืออะไร ทำไมเดินไวยังกะเหาะ!
 
" นี้คุณ ...แล้วฉันจะได้คืนให้คุณเมื่อไหร่ล่ะ?"
 
ฝีเท้าคู่นั้นหยุดชะงักลง  หญ้าฟางหยุดตาม เสียงหายใจหอบฮั่ก แต่ของเขาไม่มีแม้แต่เงาเสียง
 
" เมื่อไหร่ ก็เมื่อนั้น"
 
คำตอบที่ไม่พึงประสงค์อยากจะพูด
 
แค่เสื้อตัวเดียว ไยต้องรอเวลาให้เยือนหา
 
ไม่อยากผูกมัดสร้างพันธะให้นึกหวน
 
เจอที่ไหน  แม่จะโยนใส่หน้าเข้าซะ  
 
หมั่นไส้!! 
 
"  เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น งั้นเป็นชาติหน้าซะดีมั้ยล่ะ ห่ะ คุณ..."  ริมฝีปากหยุดค้างไว้ที่ปลายประโยค  
 
" ศาสวัต!" วาจานั้นตอบกลับ  
 
ความเงียบที่คงอยู่ ทำให้เสียงนั้นทรงพลังแลอำนาจที่มันมี
 
คนก็น่ากลัว ชื่อยังน่าขยาด
 
คนประหลาดๆแบบนี้  ไฉนพ่อแม่ถึงตั้งชื่อให้เรียกยากกันจังวุ้ย
 
คงเหมาะกับเจ้าตัวกระมัง... ศาสวัต  หน้าตาควรค่าแก่การเปลี่ยนชื่อเป็น ศาลาวัด  
 
พิลึกพิลันบรรลัยละงานนี้!
 
" อ่อ โอเค คุณศาลา เอ๊ย! ศาสวัต ถึงฉันจะไม่ค่อยถูกจริตกับคุณซักเท่าไหร่ ...น้ำใจของคุณ  ฉันรับไว้ก็ได้ ถือซะว่าเป็นไมตรีจากเพื่อนร่วมอาชีพก็แล้วกัน...ถ้าฉันเจอคุณที่ไหน เดี๋ยวฉันจะคืนให้ แต่คุณต้องจ่ายค่าซักให้กับฉันด้วยนะ... "
 
เขาพยักหน้ารับ  หล่อนยิ้มกระหยิ่ม  แหม่ะ..คนเฒ่าคนแก่นี้มันไถตังค์ง่ายดีจังวุ้ย.. 
 
หญ้าฟางโบกมือร่ำลา พลางหันกายยกเสื้อคลุมปิดศรีษะให้พ้นจากเม็ดฝนก่อนจะเคลื่อนกายกลับไปยังทิศทางที่ตนวิ่งผ่าน 
 
 
พร่ำพรรษยังคงหยาดหล่นร่วงโปรย แม้เบาบาง อ่อนกำลัง
 
สายพิรุณพัดพาละอองฝนกระทบกาย หากใจกลับเย็นยะยือกยิ่งกว่า
 
ชายหนุ่มเหม่อมองฟากฟ้าที่อยู่ห่าง  
 
บัดนี้..เบื้องบนคงผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกระทำหน้าที่ 
 
เมื่อแสงสุดท้ายใกล้ลาลับ เทพแห่งรัตติกาล ก็คงตื่นและปฏิบัติตามกฏแห่งธรรมชาติ
 
หยินหยาง...ขาวมีดำ สว่างมีมืด ดีมีชั่ว   
 
เฉกเช่นมนุษย์!
 
แสงสวรรค์สีนวลกระจ่างตาดั่งแสงแห่งเศตาภรณ์ที่ประดับไว้ในผืนฟ้ายามค่ำส่องกระทบกับดวงพักตร์อันหมองหม่น
 
อนธการในเพลานี้ แสงชวาลาจากเทพจันทร์
 
เขารู้...สีดำที่ถูกแต่งแต้มระบาบลงบนก้อนเมฆขาว 
 
สัญลักษณ์แห่งความตาย .... ยมราช เจ้าชีวิตก็เริ่มคลืบคลานเข้าใกล้
 
ท้องฟ้าอาจปกติเหมือนอย่างทุกครั้งที่เคยเป็น 
 
แต่เนื้อตาของมนุษย์จะเห็นประตูเทวสภาได้ฤาไร
 
สามร้อยปีจะบังเกิด เทวสภาแห่งสวรรค์
 
ผู้แมนแดนสรวงจะพร้อมเพรียงร่วมประชุม 
 
จะเทพชั้นผู้ใหญ่ผู้น้อยต่างมีสิทธิ์ที่จะถกเถียง
 
" เหมือนสภามนุษย์นั้นแหล่ะ!"
 
หากหล่อนคนนั้นรู้ว่า  แม้แต่สวรรค์...
 
ยังต้องมีตำแหน่ง มีหน้าที่...มีอำนาจ
 
ทว่า..อำนาจที่มี ไม่ได้ใช้ในทางที่ผิด รึเลวทรามต่ำช้าเยี่ยงมนุษย์
 
ชายหนุ่มย่ำเท้ามุ่งหน้าไปสู่หมู่อาคารเรียน ก่อนจะลับหายไปในเงามืด
 
 
เทพจันทราและเทวาแห่งยมโลก  คงได้พบเจอกัน
 
ปัญหาที่ค้างคามานาน  สามร้อยปี...ที่ยังตัดสินมิได้
 
ประกาศิตชีวิต ฤาจะสู้ ประกาศิตแห่งรัก 
 
มีชีวิตยืนนาน  นิรันด์กาล  หาก ไร้ซึ่งหัวใจ
 
ก็มิต่างอะไรกับชีวิตที่สูญสิ้นแล้วทุกสิ่ง...
 
 
 
เสียงกริ๊งกรั๊งของจักรยาน พร้อมด้วยด้ายสีแดงปลิวไสว
 
สายฝนหยุด สายลมแล้ง...
 
ร่างของใครคนหนึ่งหยุดยืนอยู่ที่หน้าบ้านหลังนั้น
 
ชุดสีเก่าซอมซ่อ รอยยิ้มที่พริ้มพรายคล้ายล่วงรู้อะไรแล้ว
 
" ศาสวัต... จางอี้เซียว ชีวิตจะถูกลิขิตเพราะใครนั้น ข้าไม่รู้ หากแต่หัวใจ....
 
ข้าเท่านั้นที่มีอำนาจ  มิใช่เจ้า! "
 
จบตอนที่ 20 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา