ลิขิตจันทรา ภาค มายาแห่งดวงใจ (注定月下老人 )
เขียนโดย Wuzhenni
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 22.20 น.
แก้ไขเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 20.59 น. โดย เจ้าของนิยาย
18) แต่งเสร็จแล้ว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
รตาเดินกลับมาถึงห้องนอน ที่ทั้งอึดอัด คับแคบ ยังดีที่หล่อนไม่ได้เป็นคนสกปรกซกมก
เพราะถ้ามันรก หล่อนก็ต้องล้าง..
ในตำแหน่ง..คนใช้ โดนเรียก โดนด่ามาตั้งแต่ขวบห้าขวบหก จนบัดนี้
ย่างก้าวเข้าสู่วัยรุ่นสะพรั่ง...
มิวายจะต้องดำรงตำแหน่งแบบนี้ไปตลอดหรอกรึ?
ความฝันของรตามีอยู่เพียงสิ่งเดียว
คือ เรียนให้จบ จบแล้วก็จาก!
ลูกหญิงแม่จ้าง หรือปากชาวบ้าน....ลูกอีตัว
อย่างน้อยเธอก้ไม่ได้ทำตัวเหมือนกับมารดาที่ไม่เคยเห็นหน้าแล้วก็ชิ่งหนีไป
" ยังดีที่คุณท่านขอรับเลี้ยงเอาไว้" เสียงผู้หญิงที่ดำรงฐานะรองประมุขของบ้าน
ก็เมียเอกของคุณท่านอย่างไรกันเล่า!
" หล่อนควรจะไปอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า รอคนใจบุญมารับเลี้ยงเสียยังดีกว่า สามีฉันมันไม่อยากให้เรื่องอื้อฉาว ก็เท่านั้น"
คำพูดเหล่านั้น ตอนแรกรตาไม่ได้ใคร่อยากจะเอียงคอฟังมากซักเท่าไหร่
แต่เมื่อคุณนายของบ้าน
'คุณนายจางอี้เหม่ย' หมดลมหายใจที่จะมาเหยียบเย้ยเธออีก
หล่อนก็เริ่มคิด...
คนที่เป็นพ่อ กลับไม่ได้ทำหน้าที่ให้สมตำแหน่ง
ถึงแม้ร่างคุณหญิงจะกลายเป็นศพ
แต่ตัวเธอก็ยังคงเป็น "คนใช้" อยู่เหมือนเคย
บางครั้งรตาก็เริ่มฮึดฮัดไม่พอใจ
หล่อนก็อยากมีชีวิตที่ดี อยากมีพ่ออยากมีแม่ แค่พ่อคนเดียวก็ได้
ความเป็นพ่อ ไม่เคยถูกถ่ายโอนมายังหัวใจดวงน้อยๆเลยสักหน
มิหนำซ้ำ...ไอ้คนที่มีศักดิ์เป็นพี่ หากแต่คนละสายเลือด
มันก็มองหล่อนเป็นทาสอยู่วันยังค่ำ!
" กลับมาแล้วเหรอ รตา" เสียงนุ่มๆ คุ้นหูดังอยู่หน้าประตู
ในบ้านหลังนี้คงมีอยู่แค่คนสองคนที่มองเธอเป็น มนุษย์ด้วยกัน....
ก็เพราะมีสถานะไม่ต่างกัน
คำถามของคนด้านนอกที่ทำให้รตาแอบอิงเอียงเข้าข้างตัวเองอยู่เสมอ
เขาต้องรักเธอ.....
มิเช่นนั้นจะต้องมาถามหาหล่อนอยู่อย่างนี้หรอกหรือ?
" จ้า พี่นัน.. เพิ่งจะกลับมาถึงเมื่อตะกี้เอง"
" ถ้างั้นเดี๋ยวพี่จะขึ้นไปรายงานคุณปวงโชคก่อนล่ะกัน ท่านสั่งพี่ไว้ว่า ถ้ารตากลับมาเมื่อไหร่ให้รีบขึ้นไปหาด่วน เปลี่ยนเสื้อผ้าอะไรให้เรียบร้อยด้วยล่ะ แล้วค่อยตามขึ้นไปบนเรือนใหญ่"
สิ้นสุดคำประกาศิตของคุณพ่อบ้าน
รตาแทบอยากจะล้มตัวลงนอนเอาหมอนปิดหน้า
ให้ขาดอากาศหายใจตายไปเลย ยังจะดีซะกว่า...
หากเขาจะเอ่ยออกมา ว่าเป็นห่วง
แทนคำสั่งจากคนบนเรือนใหญ่นั้น!
รตาช้อนร่างตน ดวงตาเพ่งมองเพดานสีเทาหม่น
หม่นหมอง เหมือนเจ้าของห้อง...
หล่อนมองสภาพเนื้อกายที่ถูกประดับประดาด้วยชุดนักเรียนขาวสะอาด เนคไทที่ผูกรัดคอตั้งแต่เช้า
ก็จับกระชากวางทิ้งไว้หัวเตียง
เสื้อผ้าราคาแพง เพิ่งจะเคยได้ใส่ก็วันนี้...
ถึงกระนั้น...อาภรณ์ชั้นดี ก็มิอาจลบล้างกลิ่นคาวที่ติดตัวมาเนิ่นาน
คาวครุ่น ต้นทุนแห่งชีวิต!
นักเรียนคนอื่นๆ ถ้าไม่ลูกเศรษฐีมีเงิน ก็คงเป็นคนมากอำนาจมิหยามหยัน
แล้วตัวเธอเล่า? หนูสกปรกบนกองเงินอย่างงั้นรึ?
หากรตาเป็นแค่หนูที่หิวโซ
เงินทองของทุกสิ่ง ก็ไร้ค่า..
วันเปิดเรียนวันแรก ในสภาพที่ใหม่เอี่ยม ไม่คุ้นชิน..
ช่วงชีวิตที่ผ่านมา หล่อนได้เรียนโรงเรียนธรรมดาๆ จนแทบจะเรียกได้ว่า "โรงเรียนบ้านนอก" เสียก็ย่อมได้
ทุกๆเช้า พอตื่นนอนเสร็จ ก็รีบกุลีกุจอจัดอาหารใส่ปิ่นโตแล้วเดินหิ้วจากบ้านไปโรงเรียนเก่า
ไม่มีหร๊อก...ที่จะมีสารถีขับรถไปรับไปส่งเหมือนวันนี้
" น่าเบื่อ" รตาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งด้วยทีท่าตามคำพูด พลางสำรวจสารรูปของตัวเองอย่างถ้วนถี่
เสื้อนักเรียนหญิงแขนยาว ตราสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของโรงเรียน
ไม่คิดไม่ฝันว่าชาตินี้จะได้ใส่เสื้อราคาไฮโซ จนโก้หรู
โกหกคนอื่นได้ แต่โกหกความจริง....คงยาก
" นี่ๆ ยัยเด็กใหม่" สรรพเสียงเรียกขาน บ่งบอกถึงมิตรไมตรีที่แสนจะอวนเอี่ยน สายตาก็ลอบมองเหมือนสำรวจตัวตนของผู้ถูกเอ่ย
เป็นคำทักทายคำแรก จากบุคคลสังคมชั้นสูง...
" เป็นลูกเต้าเหล่าใครย่ะ หล่อน...เป็นลูกคนใช้บ้านไหนมิทราบ"
นับว่ามองคนเก่งดีแท้ แต่ปากนี้คงจะไม่เคยโดนตบสั่งสอน
ไอ้พวกลูกคุณหนู อุดอู้อยู่แต่ในรัง!
มีคนคอยประคบประหงมจนหลงลืมตน
หลงลืมความเป็นคนเสียอีกด้วย!
" ฉัน..ชื่อ รตา เป้นญาติผู้พี่ผู้น้องกับคุณ เอ่อ พี่ปวงโชค"
เจ้าตัวพูดแจ้วๆตามที่ได้ท่องสคริปต์มาไว้เหมือนเป๊ะ...ว่าแล้ว ไม่แคล้วจะโดนถามเรื่องสกุลรุ่นชาติ
" จริงเหรอ? " อีกฝ่ายย้อนกลับ สีหน้าอึ้งๆพอควร
" เป็นญาติกับ..อ่อ ลูกผู้ว่า แล้ว แล้ว..ญาติฝ่ายไหนล่ะ?"
" ฝ่าย ฝ่ายทางพ่อเขาน่ะ"
หมดซึ่งคำถามสงสัยที่เต็มไปด้วยสายตาและรอยยิ้มเย้ยเหยียด
มาบัดนี้ ไอ้คนถามกลับเปลี่ยนสีหน้าปานจะดูดกลืนเธอเสียงั้น
" เราชื่อ มีคุณ " รตาชะงักพลางหลิ่วตามอง
มีคุณ...แต่ฉันไม่อยากมีแกว่ะ นิสัยจอมปลอมชะมัด!
" เมื่อกี๊เธอบอกว่าชื่ออะไรนะ รตา เหรอ ชื่อเพราะดีนะ"
" จ๊ะ" คุณมีคุณส่งยิ้มหวานมาให้ ผมแกละสองข้างกับใบหน้าเหมือนโบกปูนซีเมนต์มาทั้งกระสอบ นัยน์ตามองไม่เห็นถึงน้ำใสใจจริงเลยสักนิด
" ดีจังที่ห้องเรามีลูกหลานคนรวยให้เกาะอีกคนแล้ววะ เฮ้ย!" มัน ไอ้มีโทษ จู่ๆก็แหกปากตะโกนซะลั่นห้อง
คนทุกคนเหลียวตาหันมามอง หูก็พร้อมสดับฟังลำโพงกระจายข่าวอย่างตั้งใจ
" คราวนี้นับเชื้อนับญาติกับเจ้าของโรงเรียนเลยเชียวนะเว้ย"
"ไม่ใช่นา ฉันนับญาติทางฝ่ายพ่อของคุณ..เอ๊ย พี่ปวงโชค ไม่ใช่ ทางฝ่ายแม่ซักหน่อย" รตาแย้ง หากแต่ไอ้มีโทษหันมาเถียงตาวาวใส่
" มันก็เหมือนๆกันนั้นแหล่ะ ก็ตอนนี้เมียไม่อยู่ อีกเดี๋ยวไม่ผัวก็ลูกได้นั่งแท่นเป็นเจ้าของโรงเรียนนี้ ชัวร์"
รตาทำหน้าเอ๋อเขมือบ เออ..ขนาดกูเป็นคนในบ้านยังไม่สาระแหนเรื่องชาวบ้านเท่ามึงเลยนะเนี่ย
" ตอนแรกห้องเรา อ่อ ต้องเท้าความก่อน คือ ห้องเราส่วนใหญ่ พวกเพื่อนๆเคยเรียนอยู่ห้องเดียวกัน เมื่อตอน ม.3 พูดให้เข้าใจก็คือ มีแค่หล่อน เอ่อ ....ตัวเธอคนเดียวที่เป็นเด็กใหม่"
"แล้ว..ยังไง?" พูดให้เข้าใจคือ จำเป็นต้องรู้ด้วยมั้ยเนี่ย?
" ก็จะยังไงล่ะ เธอก็รู้ว่าโรงเรียนเนี๊ย ลูกคนมีกะตังค์ เดินเสียกันให้ควั่ก โรงเรียนอื่นเขาเล่นอะไร ไพ่ยูกิ ไพ่ทาโร่ จ่ายเงินก็แบงค์กาโม่ แต่โรงเรียนนี้สิ เล่นไพ่ ไพ่อะไร แจ็ค ควีน คิงส์ กินกันเรียบ เวลาจ่าย นู่น...ตู้เอทีเอ็มหน้าโรงเรียน ถ้าเงินไม่พอก็ต้องเดินไปกดมาจ่ายเขา"
ยายมีโทษมองหน้าคนฟังที่ละม้ายคล้ายจะจินตนาการภาพตามไปด้วย
" เอาง่ายๆ เด็กที่นี้ เขาเล่นเงินเล่นทอง ถึงขั้นมีการจัดลำดับว่าใครรวยสุดในห้อง ไปจนที่สุดของโรงเรียนนั้นหล่ะ"
" แล้วถ้างั้น...ตอนนี้ ใครรวยสุด?"
" ก็หล่อน เอ๊ย ...เธอไงล่ะ" มันเริ่มทำเสียงกระซิบกระซาบเข้าใส่ " คนอื่นเขาดีแต่รวยกะตังค์ แต่รวยอำนาจน่ะไม่มีหร๊อก"
" แล้วเมื่อก่อน" รตายังพูดไม่จบประโยค แต่ไอ้ลำโพงข่าวก็ดูเหมือนจะเข้าใจได้เร็ว
" เมื่อก่อนก็ โบตั๊ก เอ่อ มันนั่งอยู่ตรงหลังห้องนู่นแน่ะ แต่ตอนนี้หายหัวไปไหนแล้วก็ไม่รู้ รายนั้น รวยอย่างเดียวไม่ได้ ต้องหล่อด้วย...พ่อมันเป็นถึงเจ้าสัว ไปรวยอยู่ตั้งไกล ที่ใต้มาเลเซีย.."
ใต้มาเลเซีย?...อ๋อ สิงคโปร์
" หน้าตา ถึงมันจะหล่อราวเทพบุตร แต่นิสัยเนี่ย สุดตีนเลยทีเดียวเชียว อารมณ์ก็แบบ แบดบอย.."
เสียงพูดคุยกันสนั่นลั่นห้อง ฉับพลันทุกอย่างกลับเงียบกริบ
รวมถึงยายมีโทษนี้ด้วย...
นักเรียนชายผมเกรียน ผิวพรรณขาวหยวก นวลเนียนน่ามอง รูปร่างสูงโปร่ง เสียก็แต่ บุคลิกที่เอนเอียงค่อนไปทาง กุ๊ยกั๊กข้างถนน
อะไรบางอย่างสะกิดเตือนใจของรตา
เอ๊ะ...ไอ้หมอนั้น!
"เรียนห้องนี้หรอกเหรอ.." เขาถามไม่มองหน้า ดั่งจะถามเนื้อปูน เนื้อผนังไปเรื่อย
ตัวสูงชะลูดเหมือนเปรตต้นตาล พาลให้คิดนึกไปว่า เป็นรุ่นพี่
ชะ! ที่แท้ เก๊าะ..รุ่นเดียวกัน
"แปลกว่ะ?" มันตั้งคำถามให้คนทั้งห้องสงสัย
" ใครมาปล่อยอีกาไว้หน้าห้องวะ...อีกาตัวด๊ำ ดำ"
พูดไม่พอ ยังค้อนหางตามอง ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
ก็ตัวเธอนี้แหล่ะ เด่นจะตายไป!
แถมยังตาเซ่อซะไม่มี
แหม..ดำอะไร๊...เขาเรียกว่าผิวสีแทนค่อนดำต่างหากเว้ย!
รตาคงจำหางตาของมันได้
มองจิกๆ ยิ่งกว่านางร้าย
แต่เสน่ห์หน้าตาพร่างพราย คล้ายต้องมนต์
มนต์ของปีศาจ! เบ้าหน้าดูเลวไม่มีชิ้นดี
" รตา! รตาเอ๊ย..! มาช่วยป้ายกของหน่อย ไอ้พวกองครักษ์พิทักษ์บ้านมันหายหัวไปไหนกันหมดแล้วก็ไม่รุ้ เฮ้อ.. คนสมัยนี้มันแล้งน้ำใจจริงจริ๊ง! ทีเรียกมากินข้าววิ่งกันจนขาขวิดซะ"
เสียงเรียกปนๆกับเสียงด่าของป้าโอ่งดังแว่วอยู่หน้าประตู ดังพอที่จะปลุกภวงค์ในความคิดของตนให้หวนกลับคืน
" รอเดี๋ยวก่อนป้า.."
รตาถอดชุดนักเรียน ผลัดเปลี่ยนเป็นชุดคนใช้
เสื้อแขนสั้นสีขาวระบายลูกไม้ กางเกงขาสามส่วนสีมอๆ เก่าจนเกือบขาด
ชุดนักเรียนที่วางพาดไว้บนเตียง...
หล่อนหันหลังเดินออกจากห้อง จนสุดท้ายเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูดังปั้ง!
ทุกๆอย่างกลับเข้าสู่วงโคจรเหมือนเก่า
เด็กรับใช้หน้ามอม มิใช่ ลูกคุณหนูจอมปลอมอีกต่อไป!
นันทินเดินขึ้นตึกมุ่งตรงไปยังห้องหนังสือห้องใหญ่ที่อาจจะไม่ได้มีหนังสือมากมายอะไร
เพราะตู้หนังสือคงถูกแทนที่ด้วยเครื่องเสียงพร้อมทีวีจอมหึมาไว้เรียบร้อยเสียแล้ว
" หนังสือพวกนี้เก็บไว้ ฉันก็ไม่ได้สนใจจะอ่านอะไร ไม่รู้จะอ่านไปทำไม" ปวงโชคที่กำลังยืนคุมคนงานที่มาขนหนังสือด้วยสีหน้าเฉยเมย ไม่สนใจไยดีต่อสิ่งๆนั้นมากนัก
ห้องหนังสือที่บ่งบอกถึงอดีตของคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
ครั้งหนึ่ง..คนที่เอ่ยปากบอกไม่สนใจ
ใครจะรู้ว่า ตำแหน่งหนอนหนังสือของบ้าน จะเคยตกเป็นของผู้ชายคนนี้มาก่อน
" ถึงฉันจะอ่านไป ก็เท่านั้น...ใครเขาจะอยากจะมานั่งดูเกรดให้มันเมื่อยลูกตา คงจะสู้เนื้อหนังมังสาอีพวกเมียน้อยไม่ได้หรอก!"
นันทินในคราวนั้น...แม้จะไม่ได้เติบใหญ่เฉกเช่นตอนนี้
แต่เขาก็มีมันสมองที่จะจดจำเรื่องราวแต่ละฉากแต่ละตอนได้เป็นอย่างดี
คนที่คอยร่วมภูมิใจไปพร้อมกับนายตน
บัดนี้...ร้างลาจากหาย
ไร้แล้วซึ่งชีวิต...บนโลก
และไม่ใช่แค่หนึ่งที่เสียไป
แต่เป็นสองต่างหาก!..
" งั้นเอาไปบริจาคเถอะครับ" เขาเอ่ยก่อนจะหลุบตาลง ไม่มองสีหน้าของอีกฝั่งที่จ้องมองตอบกลับมา
" ลุงนนท์...เคยบอกผม หนังสือพวกนี้คุณผู้หญิงเป็นคนซื้อให้...ถ้าทิ้ง คุณหญิงคงไม่สบายใจ"
คนเป็นนายมองเขาด้วยแววตาที่เปลี่ยนกลับ..
ความเศร้ามากล้นในดวงตา..เพิ่มเท่าทวีคูณ!
" แกก็เหมือนกันใช่มั้ย? ไอ้นัน" คนตอบเงียบ หากแต่คนถามไม่ลดละที่จะซักไซ้ต่อ
"ลุงนนท์เขาคงเล่าเรื่องแม่ของฉันให้แกฟังไว้เยอะเลยสิท่า..ห่ะ?"
" ครับ" มันยิ้มและเอ่ยด้วยทีท่าสุขุมเกินวัยยิ่ง
" เล่าไว้หลายเรื่องอยู่เหมือนกัน แม้กระทั่งก่อนแกตาย แกก็ยังพูดไม่หยุด....ถ้าคุณปวงโชคยังจำได้.."
คุณหญิง...โอ้...คุณหญิงมารับกระผมแล้วหรือ? รออีกเดี๋ยวเถิด...ผมกำลังเล่าเรื่องของคุณให้ไอ้นนท์มันฟังอยู่ อ๋อ..ครับ ไอ้นี้มันเด็กดี มันดูแลคนทุกคนได้แน่ครับ
นันทินหยุดอยู่ตรงหน้าประตูไม้สักลายงาม
เขาเงื้อมือ หมายจะเคาะเรียกบุคคลที่อยู่ข้างใน
หากทว่า...
เสียงที่ดังเล็ดลอดออกมาให้เขาเผลอต้องแนบหูฟังเสีย
คนในห้องมิได้มีเพียงคนเดียว...กระมัง?
" เหลวไหล! ...นี้พ่อกำลังพูดถึงอะไร คนตาย..มันจะฟื้นขึ้นมาได้ยังไงกัน พูดจาไร้สาระไปเรื่อย..."
"พูดอย่างกับทำตัวมีสาระมากเลยสิ ถ้าแกอยู่กับบ้าน ไม่ออกไปมั่วสุมกับไอ้พวกกุ๊ยกั๊กข้างถนน..ป่านนี้แกก็คงจะเห็น" เสียงหยุดชะงักไปชั่วครู่หนึ่ง ริมฝีปากสั่นพร่า เหมือนไม่กล้าที่จะเอ่ยชื่อออกมาให้ดัง
แต่สุดท้ายความอยากที่จะเอาชนะอีกฝ่ายเป็นแรงผลักให้รูปปากเขยื้อนเอื้อนเอ่ยเป็นชื่อนั้นออกมา
"...คุณนายลู่ถิง.. แกมานั่งคุยกับพ่อเมื่อเช้านี้ ไอ้เราก็นึกว่าผีหลอก แต่เอาเข้าจริงๆ ..ก็คนเหมือนเรา มีเนื้อมีหนัง มีเงา มีหัว ไม่เห็นเหมือนคนตาย...รึจะตายแล้วฟื้น?"
"พอเหอะ! ชักจะเลอะเทอะกันไปใหญ่แล้ว..."
ปวงโชคมองหน้าอีกฝ่ายที่ตอนนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นคนสติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
แววตาลุกลี้ลุกลนระคนกับความหวาดหวั่น
คำว่า "คนตาย" ช่างสะกิดใจเขานัก
แม่ของเขา....เขาก็อยากจะมีแม่เหมือนกับคนอื่นๆ!
แค่เสียแม่ไป เขาก็แทบจะทำใจไม่ได้อยู่แล้ว
พ่อ...วันๆก็จูงเมียเก็บบ้านเล็กบ้านน้อย ออกหน้ากันเอิกเกริก
เสียใจ ก็เหมือนจะแสร้งทำ!
พอนับวันผ่านไปสามนิ้วมือ ชื่อเสียง ผู้ว่าฯนักรัก พ่อม่ายเนื้อหอม ก็ขจรขจายไปทั่ว
ในขณะที่ตัวเขายังสวมใส่เสื้อไว้ทุกข์ให้กับแม่ของตน
" ผมมีธุระ" ปวงโชคเดินหนีผ่าน เขาเห็นได้ชัด
ห้องติดแอร์เย็นช่ำ ไอละอองปราดปรายไปทั่วห้อง
เม็ดเหงื่อเม็ดเป้งๆ ผุดพรายอยู่บนหน้าผาก ริ้วรอยเพราะวัยมีทีท่าจะมากขึ้นกว่าเดิม
ความกังวลระคนปนทุกข์แผ่ซานออกมาให้เขาได้เห็น
แต่ไยจะต้องสนใจ.....ทำไมกัน
ไร้สาระสิ้นดี!!
" อ้าว ไอ้คุณพ่อบ้าน..." มันก้มหัวให้หน่อยๆ ตามมารยาทที่ถูกอบรมมา
" รตากลับมาถึงแล้วครับ"
" เออ....ให้มันรออยู่ข้างล่างนั้นแหล่ะ เดี๋ยวลงไป ไม่ต้องขึ้นมา"
" ตรงไหนของข้างล่างครับ" ปวงโชคมองตาปริบๆ
นอกจากจะเจอคนแก่พูดจาเลอะเทอะแล้ว ยังต้องเจอไอ้เด็กสมองบื้ออีกด้วยรึไงวะ
" ที่ศาลา" เขาตอบห้วนๆใส่ มันก้มหน้ารับคำสั่ง แต่ไม่ทันที่มันจะขยับเท้าก้าวออก
" เมื่อตะกี๊...แกได้ยินที่พ่อฉันพูดใช่มั้ย?"
" ครับ..ได้ยิน" ไอ้พ่อบ้านหน้าเด็กยิ้มนิดๆก่อนจะคลี่ริมฝีปากเป็นคำพูดคล้ายจะปลดปลงในสิ่งที่เกิดขึ้น
" ผมว่าเรื่องบางเรื่องมันก็พิสูจน์กันได้ยาก สิ่งที่คุณท่านพูด ...ถ้าคุณไม่เชื่อ ก็ไม่ควรจะพาลใส่อารมณ์คุณท่านเค้านะครับ"
" แกคงอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยล่ะสิ? ไหนลองเล่ามาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น พ่อฉันถึงได้พูดอะไรเป็นตุเป็นตะ บ้าบอกันไปทั่วอย่างนี้ "
" ไม่ครับ ช่วงเวลานั้นผมเพิ่งกลับมาจากโรงเรียน ไม่ไดอยู่ในเหตุการณ์อะไร เห็นแต่รถของแขกคุณท่านเท่านั้น"
" เห็นแค่รถ?" ปวงโชคซักต่อ ไอ้คนตอบพยักหน้าให้ทันที
" ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวลงไปก่อนนะครับ ประเดี๋ยวจะไปเตรียมข้าวก่อน"
" ให้ใคร?"
" เด็กที่เป็นใบ้ตาบอด...คุณโชคน่าจะจำได้ มันมานั่งรออยู่หน้าบ้านตั้งแต่เช้าแล้วล่ะครับ ตอนนี้ไอ้ตาลคงนั่งเล่นอยู่เป็นเพื่อน"
" อ๋อ..." เขาโบกมือไล่มัน หมดข้อซักถามที่จะไถ่ แต่ก็เกือบจะง้างตีนใส่กลางหลังมันอยู่..
นึกว่าจะตั้งโต๊ะเสวยให้กูซะอีก..ไอ้เวรเอ๊ย!
" เออๆ เอาให้มันเถอะ เด็กเป็นใบ้ ก็ยังดีกว่าผู้ใหญ่บางคน พูดจาอะไรเชื่อถือไม่ได้
แม่ง...คงจะหนักเอาการล่ะคราวนี้"
" คุณปวงโชค" เด็กหนุ่มวัยกระเต๊าะเรียกชื่อเขาเบาๆ น้ำเสียงสุขุมนุ่มลึก ยิ่งกว่าครั้งใดที่เขาเคยได้ยินมันเอ่ยถึง
" ถ้าผมบอกว่า...ผมเคยเห็นวิญญาณคนตาย
คุณจะเชื่อผมมั้ยล่ะครับ? ในเมื่อผมเห็น...แต่คุณไม่เห็น
ขนาดมนุษย์เราไม่มีปีก แต่ก็ไม่นึกไม่ฝันว่าวันหนึ่งจะสามารถนั่งลอยอยู่บนท้องฟ้าได้
เพียงแต่...โลกมันก็ต้องมีขีดจำกัดของสิ่งที่มันเกิดขึ้น ไม่อย่างนั้น
ไดโนเสาร์ก็คงจะฟื้นขึ้นมาถล่มโลกกันหมด....จริงมั้ยล่ะครับ คุณ!!"
จบตอนที่ 18
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ