ลิขิตจันทรา ภาค มายาแห่งดวงใจ (注定月下老人 )

8.0

เขียนโดย Wuzhenni

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 22.20 น.

  22 ตอน
  9 วิจารณ์
  30.40K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 20.59 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) แก้ไขเสร็จแล้ว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

ชายหนุ่ม หุ่นมาดแมน กับชุดเสื้อยืด คอกลม แขนยาว สีขาวลายตัดเขียว เข้ากันดีระหว่างกางเกงยีนส์สีฟ้าอ่อนพร้อมคอนเวิร์สสีน้ำตาลเข้ม เหมือนคนใส่

 

ท่วงท่าอิริยาบถที่ถูกผ่อนปรนเพราะอ่อนเพลียจับใจ ท่ามกลางแมกไม้ที่ปลิวไสวพร้อมพิรุณ

 

ปวงโชคนอนพริ้มตาลงด้วยภาวะจิตใจที่แน่นิ่ง

 

กรุ่นกลิ่นน้ำกระจับยามบ่าย พอทำให้โลหิตสูบฉีดหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านภายในร่างกายได้เกือบทุกส่วน

 

" คุณปวงโชค"  

 

ไอ้พ่อบ้านวัยกระเตาะ เรียกกระซิบเสียงที่ไม่ดังมากไม่เบาเกิน เพียงเพราะกลัวว่าประเดี๋ยวจะขัดอารมณ์ฝันหวานของเจ้านายของตนเสีย

 

เปลือกตาหนาปิดสนิท หากแต่รอยยิ้มที่ประดับหน้าในยามหลับพักผ่อน

 

คงจะฝันหวานอยู่กระมัง....

 

ฝันหาใครกันหนอ

 

ใครที่มันก็มิรู้ว่าจะโชคดีหรือโชคร้ายที่ทำให้เจ้านายตัวล่ำ ต้องฝันละเมอเพ้อหา

 

" มีคนมาหาครับ คุณ.."

 

เขา ผู้เป็น "นาย" ลืมตาขึ้น หันมามองนิ่วหน้าใส่

 

ไอ้ห่า...เดี๋ยวจะด่าให้ปัญญานิ่มเลยประไร

 

ชอบมากวนใจเวลากูนอนจริงเชียว

 

" ใคร?" 

 

" ไม่ทราบครับ"

 

" แล้วทำไมไม่ถาม..."  เขาตะคอกลงเสียงใส่ หากแต่คุณพ่อบ้านกลับสงบเสงี่ยม ใจเย็น ไม่วิ่งเต้นร้องผางๆ แหกปากด่าคืน

 

" ก็อยากถามเหมือนกัน แต่เพื่อความปลอดภัย ผมไม่ไว้วางใจเพื่อนของคุณโชคมากเท่าไหร่ เกิดขโมยของขึ้นมาจะยุ่งเสีย ก็เลยให้ไอ้ตาล ไปยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูรั้วแล้วครับ"

 

เสียงเห่าโฮกๆของไอ้ตาลดังก้องอยู่ทางทิศประตูใหญ่ เขาเงี่ยหูพลางส่ายหน้าเล็กน้อย

 

มึงจะยกโขยงกันมา...โทร.บอกกูเสียก่อนไม่ได้รึไง

 

เจอฤทธิ์หมาสายลับกับพ่อบ้านสารวัตรจอมเนี้ยบ

 

ลำบากให้กูมาต่อปากต่อคำกับมันอีกแล้ว   เซ็งฉิบ!!

 

" คนของฉันมันไม่ได้มีนิสัยลักเล็กขโมยน้อยเหมือนโจรนะเว้ย พูดให้ดีๆหน่อย ไอ้นี้!!!"

 

" ผมทำตามหน้าที่พ่อบ้าน ผิดตรงไหน?" มันยอกย้อนใส่ หน้าซื่อแต่มุมปากยิ้มเจ้าเล่ห์ได้ใจจริง

 

" ผิดตรงที่ไม่เชิญแขก"

 

" แต่ถ้าแขกไม่น่าไว้วางใจ  ผมก็ต้องทำหน้าที่สแกนคนดี ไม่ดี เสียก่อน เพื่อความปลอดภัย"

 

" แล้วจะให้ฉันทำยังไงต่อไปล่ะ ห่ะ ...คุณพ่อบ้านรักษาการณ์" 

 

ตำแหน่งใหม่...ที่ทำหน้าที่ได้ไม่ต่างจาก ยามหมาหน้าด่าง "ไอ้ตาล"  หมาไทยผสมที่ถูกยกย่องให้เป็นบอดี้การด์ประจำตัวของคุณพ่อบ้านวัยกระเตาะ

 

แต่ดูเหมือน..คุณพ่อบ้านนันทินกลับทำหน้าที่สูดกลิ่นคว้านหาผู้ประสงค์ดี และผู้ประสงค์ร้ายต่อผู้อยู่อาศัยในคฤหาสน์ได้ดียิ่งกว่าไอ้จมูกยาวคู่ซี้ของมันเสียอีก

 

อำนาจและอิทธิพล สองสิ่งนี้แล

 

ที่ทำให้ "พ่อ" ของเขาต้องสะบัดควักเงินจ้างยามมาคุ้มกันอณาเขตรอบบ้านหลังสีขาว โอ่อ่า สง่ากระจัด

 

ทว่า...ถ้าจะหวงและห่วง ชีวิตของตนได้ละเอียด รอบคอบขนาดนี้

 

แล้วไยจึงไม่ใส่ใจ มอบความรักและห่วงแหนชีวิตของคนเป็นลูก เสียหน่อย

 

ปล่อยให้เสี่ยงตาย ฆ่ารันฟันแทงกับคนอื่นเป็นว่าเล่น

 

จะถามสารทุกข์สุขดิบ เรื่องงานเรื่องเรียน ก็มิเคยโผล่หน้าเข้ามาแวะเวียน

 

พ่อ ที่ทำหน้าที่ของพ่อแล้วจริงหรือ??

 

" แต่อย่างน้อยคุณท่านก็ยังอยู่ในบ้าน ถึงคุณโชคจะไม่ไว้หน้าผม ก็ต้องเกรงใจคุณท่านบ้าง"

 

" เกรงใจทำไม?  คนของฉัน ไม่ใช่คนของเขา"  น้ำเสียงกระทุ้งกระแทกใส่  ถูกพ่นออกมาพร้อมๆกับใบหน้าบูดบึ้งของเขาเอง

 

ปวงโชคเบือนหน้าหนี  แขนทั้งสองยันกายให้ลุกขึ้นอย่างไว ก่อนจะเดินหนีลิ่วๆไม่สนใจคุณพ่อบ้านที่ยืนหน้าบึ้งไม่แพ้คนตัวโตเลยสักนิด

 

ร่างหนุ่มใหญ่ใต้อาภรณ์ลำลองตัวเก๋ เดินมุ่งหน้าไปยังประตูรั้วสลักลายทองวิจิตสุดฝีมือ โดยมีเสียงไอ้ตาลยืนเห่าตะคอกยอกใส่คนนอกรั้วอยู่ไม่วางวาย

 

" พี่โชค! พี่โชค โว้ยย พาไอ้หมาบ้านี้ออกไปที แม่งมันจะกัดโผม"  

 

ไอ้คนเป็น "แขก"ทั้งหลาย กระโดดเหยงๆหลบซ้ายขวาไอ้ปากยาวที่กำลังแยกเขี้ยวพร้อมตะครุบเหล่าบรรดาชายแปลกหน้าได้ทุกเมื่อ

 

" มึงอยู่นอกรั้วจะกลัวไปทำไม? กะอีแค่หมา"

 

" ปู้โธ่..ก็หมาบ้านพี่ ไม่ใช่หมาบ้านผม"  มันคนใดคนหนึ่งแหวกเสียงพูดเหนือยๆใส่ ในขณะที่สายตาพากันหวาดระแวงเจ้าตูบขนสีน้ำตาลมันเลื่อมที่กำลังยืนตีซี้กับคุณพ่อบ้าน

  

ทั้งหมาทั้งคน  ถึงคนจะดูหน้าตาหน้าละอ่อนกว่าแต่สายตาที่จับจ้องมองดูพวกมันในคราวแรก 

 

ช่างน่าหวาดหวั้น พรั่นพรึงจิต

 

อารมณ์ต่างๆถูกฉาบฉายให้เห็นได้ดียิ่ง

 

แววตาที่สามารถเฉือดคนมองได้

 

แต่อาจจะไม่ถึงตาย  เพราะรอยยิ้มที่ประดับไว้ใต้จมูก 

 

พอทำให้แขกยังมีกระจิตกระใจจะค้อนหางตาใส่ได้บ้าง

 

ส่วนไอ้ปากยาว ถ้าจับยัดใส่กระสอบลงเรือไปส่งขายแถบตะเข็บชายแดน

 

มันก็หมดฤทธิ์ ไม่คึกมาขู่โฮกๆให้น่าถีบอยู่อย่างนี้หรอก 

 

" หมาบ้านพี่ ถ้าเอาไปขายคงได้ราคาดีเนอะ ตัวอ้วนเชียว "

 

ลูกน้องคนหนึ่งโพล่งปากพูดออกมา แต่ทว่า...ลูกพี่ใหญ่ของมันดูจะไม่สบอารมณ์มากนัก

 

" จะหาเงินไปแดกเหล้าอีกล่ะสิ"

 

" แหม..รู้ทัน  แถวบ้านผม เขายังขายหมาไปแลกกะลามังได้เลยนา ยิ่งเป็นพวกหมาพันธุ์ผสม กินแล้วโด๊ปดีจะตาย  ถ้าพี่ขายให้ผม จะจ่ายราคาถูกๆเป็นกันเองเลย ดีมั้ย?"

 

มันชูนิ้วโอเค แต่คนถูกถามดูเหมือนจะไม่เออ ออ ไปกับมันด้วย ในขณะที่เสียงกระแอมไอของใครบางคนดังขึ้น

 

" เอากะละมังมาแลกกับสุนัข ผมไม่ยักจะรู้ว่ายังมีคนทำอาชีพแบบนี้อยู่อีก"

 

พ่อบ้านหนุ่มพูดขึ้นลอยๆ แต่แขกคนสำคัญที่ดูไม่สำคัญในสายตาของเขากลับสวนขึ้นมาทันที

 

" ใครให้สอด ...เป็นแค่คนใช้ อย่ามาสะเออะเรื่องของชาวบ้าน"

 

" อ่อ ครับ คุณพูดถูก..ผมเป็นคนใช้ " เขาเอ่ยพลางหันมาสบตาไม่พอใจกับเจ้านายของตนที่ทำเป็นไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

 

" โดนจิกหัว ตามตัวถูกใช้งานทุกรูปแบบ แต่ขอโทษ...คนใช้อย่างผมก็ยังมีดีกว่านักเลงหางแถวอีกมากมายและมีนักเลงอีกหลายคนที่เขายังรู้จักมารยาทได้ดีกว่าพวกคุณเสียอีก  แค่มารยาททักทายคนอื่นยังทรามซม เรื่องอย่างอื่นคงไม่ต้องพูดถึง.."

 

รอยยิ้มที่แต่งแต้มบนมุมปากหายไปเสียสิ้น ก่อนร่างสูงเกือบบ่าจะหันหลังเดินอ้อมกลับไปยังหลังตึกใหญ่สีขาวพร้อมกับไอ้ปากยาวคู่ใจของเขา โดยไม่สนใจบรรดาแขกสันดานถ่อย  ของเจ้านายตนอีก

 

" พี่โชค ไอ้พ่อบ้านปากเปราะคนนี้ใช่มั้ย? ที่แม่งชอบห้ามไม่ให้พี่ออกเที่ยวอยู่เรื่อย"

 

" เออ!"  เขาตะคอกใส่ไล่หลัง พลางสาวเท้ายาวๆ ข่มใจไม่หันกลับไปด่าพวกมันชุดใหญ่

 

อุตส่าห์พูดรักษาภาพพจน์ให้พวกมันดูดีขึ้น 

 

รู้ทั้งรู้ว่า เหล่าเพื่อนร่วมแก็งค์ของเขามันไม่ได้ดีเลิศประเสริฐพอจะก้าวย่างเข้ามาในบ้านหลังนี้ได้โดยง่าย

 

คำว่า "โจร" ในคำพูดของไอ้พ่อบ้านจอมทระนง มิได้เป็นเพียงพวกหน้าโหดมือไวเท้าไวอยู่อย่างเดียว

 

หากแต่เป็น "โจรไร้เงา" ที่ถูกจารึกไว้ใต้ดวงจิต 

 

ไม่จำเป็นต้องหยิบฉวยสิ่งของมีค่าใดๆ

 

เพราะโจรที่เป็นพวก สันดานถ่อยด้วยนิสัย มิได้แสดงผ่านดวงหน้า

 

ไม่ได้ปล้นทรัพย์สินให้หายสูญสิ้น  เหมือนอย่างโจรจริงๆ

 

หากแต่ฉกฉวยเอาความดี มีพร้อมของคนอื่นติดมือกลับไปด้วย

 

หรือไม่เสีย ก็กลืนกลินความดีของมนุษย์เข้าไปอย่างช้าๆ

 

ขโมยแลทำลายไปจากใจของคนที่ถูกขโมยจนชีวิตนั่นต้องมอดมวยลง

 

นี้แหล่ะ..ความน่ากลัวของโจรที่ไร้คมดาบ โจรในคราบของอันธพาลปากมอมคนหนึ่ง

 

ปวงโชคเดินนำหน้ามุ่งไปยังศาลานั่งเล่น หรืออีกชื่อที่เขาชอบเรียกมันว่า ศาลาพักใจ

 

ตัวหลังคาทำจากไม้สักราคาหนักๆ จากกระเป๋าคนมักมากด้วยเงินทองจริง

 

เนื้อไม้สีน้ำตาลแกมส้มเข้ม เติมเต็มความงามด้วยแสงในยามบ่ายคล้อย เผยให้เห็นเงาประดับประดาด้วยลวดลายอันวิจิตรเพลิดพิศ น่ามอง  

 

บ่งบอกถึงงานฝีมือของช่างไม้ระดับสูงได้ดียิ่งยวด

 

หากแม้นคนสร้างก็สร้างมาแค่ประดับบารมี

 

แต่กระนั้น คนที่จ่ายค่าสร้างปรุงแต่ง กลับมิเคยเคลื่อนตัวเข้ามาพักผ่อนในศาลาเรือนน้อยที่รายล้อมด้วยพฤกษานานาไพร

 

ไหนจะภูเขาน้ำตกจำลองที่ไม่ใหญ่มากไม่เล็กเกิน แต่มองแล้วเพลินยามทุกข์ตรม

 

ไม่มีใครเคยรู้..อารมณ์แห่งสุนทรีย์จะเกิดมีในตัวของเขา

 

ผู้เป็นเฉกเช่นหมีควายที่คอยตะบั้นตะบี้ไล่ขวิดคนอื่นเขาไปเสียทั่ว

 

" น่านอนจัง....ยังกะอยู่ในสวนคณะเกษตรเลยว่ะ"  ไอ้ลูกน้องตัวผอมแก้มโหนกเนินสูง  กรีดกรายเอ่ยปากชมนกชมไม้เกือบตลอดทาง

 

หากแต่..เจ้าของพื้นที่คงจะอยากฟังเสียงนกเสียงกา หรือเสียงเห่าของไอ้ตาลเสียซะมากกว่า จึงส่งเสียงตวาดใส่ด้วยโวลุ่มที่แน่ชัดว่า ได้ยินกันแค่ในกลุ่มเขาเท่านั้น

 

" เบาๆหน่อยสิวะ  ไอ้รงค์...มัวแต่พล่ามเสียงดังไปเรื่อย เกิดมาไม่เคยเห็นต้นไม้รึไง?"

 

" เคยเห็นสิพี่.."   มันพูดพลางผิวปาก ฮัมเพลงไม่เกรงใจเจ้าของบ้านเลยจริงๆ

 

" แต่คนสวนบ้านพี่เขาคงขยันกันเกินไปหน่อย  เลยลืมไปว่า บ้านพี่อยู่ในเมืองไม่ได้อยู่ในดง ปลูกเยอะซะจนจะเป็นสวนให้สัตว์อยู่แล้วสิ พี่.."

 

ปวงโชคหยุดเท้ากึก หันกลับมายืนเท้าเอว สีหน้าบ่งบอกอารมณ์ที่ทั้งโกรธผสมความงุนงงในคำพูดหลอกด่าแบบมีชั้นเชิงอย่าง ไอ้รงค์ปากทระนง 

 

ด่าตรงๆ  เจ็บจริงๆ...

 

แต่ไอ้คนเจ็บไม่ใช่คนที่ถูกด่า  

 

หากแต่กลายเป็น ไอ้คนที่ด่าปาวๆ นั้นแหล่ะ จะโดนมือกาวตะปบหน้าเข้าให้

 

" ถ้ามึงว่ากูไม่ใช่คน พวกมึงก็คงเป็นเฟอรากลับชาติมาเกิดแล้วล่ะ ไอ้หัวฟองน้ำ ไอ้เวร!"

 

ปวงโชคกับมาดที่ไม่เหมาะกับลูกคุณหนูของบ้าน ยืนด่าแว้ดๆใส่ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเบาะเก้าอี้หวายตัวเดิมที่เขาได้นั่งชมแมกชมไม้ ชมอากาศอยู่ก่อนหน้านั่น

 

" วันนี้คาบข่าวอะไรมาได้อีกล่ะ"  ผู้เป็น "นาย"  เอนกายให้ขนาบไปตามผนังเบาะที่ถูกทักสานด้วยไม้หวายเนื้อดี 

 

ไอ้พวกลูกน้องสายสืบมหาภัย ไม่ต่างอะไรกับองครักษ์ที่เฝ้าตัวหัวติดอยู่มิห่าง

 

หากแต่..เป็นการตามติดประชิดแบงค์หลากสีในมือเขาเสียมากกว่า

 

ลูกน้องที่เข้าหา   ถ้าไม่ใช่เพราะเงินหรอกรึ?

 

มันถึงได้คลานกันเข้ามาประจบจนลิ้นจะขาดกันอยู่ทุกวี่ทุกวัน

 

" ข่าวนะมีแน่  แต่ตอนนี้หิวข้าวกันฉิบหายเลย....อยากกินข้าว"  น้ำเสียงช่วงท้ายออดอ้อนหน่อยๆ

ปวงโชคค้อนตาหมั่นไส้

 

" แล้วก่อนมาทำไมไม่ซื้อหาอะไรกินกันก่อนล่ะวะ จะมาหลอกแดกข้าวฟรีอีกเหรอ? ห่ะ "

 

" หลอกอาร้ายย  ก็แม่บ้านที่นี้เขาทำอาหารเก่ง คราวที่แล้วมากินยังติดใจไม่หาย"

 

" รอบที่เเล้ว"  เขาทำท่านึกคิด รอบที่แล้ว กูให้มันกินอะไรว่ะ?

 

" ข้าวไข่เจียว " เสียงแจ้วๆในกลุ่มดังขึ้น

 

"พิเศษตรงไหน รสชาติก็งั้นๆ"  ลูกน้องหัวหยิกผมหยอย อ้าปากพูดออกมาได้อารมณ์มาก

 

เหมือนกะเทยร้องยี้ไล่ชะนี  ไอ้เวรนี้ก็เหมือนกัน...

 

ปวงโชคนึกหัวเราะในใจ  คนบ้านนี้เขากินข้าวอยู่กับบ้านเสียเมื่อไหร่

 

แม่บ้านที่นี่ ทำได้หมดทุกอย่างยกเว้นเรื่องอาหารเนี่ยแหล่ะ

 

อาจจะทำถูกปากบ้างไม่ถูกปากบ้าง หรือพอจะพูดได้ว่า  ทำเป็นอยู่

 

โดยเฉพาะข้าวไข่เจียว ตอกไข่ใส่ถ้วย ใส่เครื่อง ใส่หัวหอม ตีให้เข้ากัน แล้วก็ราดใส่กระทะ

 

มันไม่พิเศษอย่างที่ไอ้ฟูฟู่ พูดแน่นอน  ยิ่งรสชาติด้วยแล้ว คงไม่ใช่เรื่องแปลกว่าทำไมคนในบ้านถึงไม่อยากอยู่กินข้าวเช้าข้าวเย็นกัน

 

จะมีแต่  ไอ้พ่อบ้านวัยอ่อนที่ดูจะชอบทานข้าวที่บ้านมากกว่า จนคนจับกระทะแทบจะตัวลอย เมื่อเห็นหน้า ไอ้คุณพ่อบ้านรักษาการณ์เหยียบเท้าเข้าเขตแดนประหาร

 

" กระผมก็สั่งกินไปงั้นแหล่ะครับ"  นี้คือคำเฉลย ในยามที่มันได้เข้ามาพูดคุยกับเขา แค่ไม่กี่ยามเท่านั้น

 

" ผมไม่มีเงินจะไปสั่งอาหารหรูๆกินหรอกครับ  ได้กินไข่เจียวก้นับว่าดีพอแล้ว ดีกว่าได้กินน้ำข้าว"

 

มันเดินหน้ายิ้มผ่านเลยไป ทิ้งให้เขาผู้ซึ่งไม่เข้าใจว่าน้ำข้าวที่มันเอ่ยถึงนั้นคืออะไร

 

กว่าจะรับรู้ได้ก็ตอนที่ไปฟาดฟันกับแม่เสือพยัคฆ์ร้ายจนพลาดท่า

 

กลับมานอนหยอด "น้ำข้าว"  แหมะๆอยู่บนเตียงหนานุ่มที่บ้านเสีย

 

" มีแต่น้ำนะครับ  ข้าวผมไม่รู้ว่ามันจมลึกเกินไปรึเปล่า งมหาก็เจอแต่เม็ดเกลือ ดูน่าอร่อยดีนะครับ" 

 

คงไม่แปลกอะไร ถ้าหลังจากวันนั้น ปวงโชคจะกลับบ้านดึดดื่นเที่ยงคืน  เพื่อรู้ให้แน่ชัดว่า

 

พวกแม่ครัวเข้านอนกันหมดแล้วจริงๆ

 

และเป็นคราวที่พวกมันได้ลองชิมฝีมือแม่ครัวตัวกลมดูบ้าง

 

คำตอบที่ได้รับในวันนั้น คือ อาการเงียบกริบ  มีแต่เสียงช้อนส้อมกระทบกับแผ่นจาน 

 

ตราบจนพวกมันลากพุงออกจากบ้านเขาไป ก็ไม่เห็นจะติชมฝีมือแม่ครัวบ้านเขาเลยซักนิด

 

ทุกอย่างกำลังเฉลยออกมาจากปากของ ไอ้ฟูฟู่

 

แลดูเหมือนมันจะไม่เข้าใจในแผนการ "ขอข้าวกินฟรี" ของหัวหน้ากลุ่ม เลยซักนิด  แถมยังทำให้คณะสายสืบมหาภัย

 

ต้องกู้ภัยชีวิตของตัวเองให้พ้นเสือลายพาดที่กำลังนั่งอิงแอบจ้องตาหาความจริงจากพวกมัน

 

" หรือไม่จริง  คราวที่แล้วพี่รงค์พูดแบบนี้เอง  ผมก็ว่ามันไม่อร่อยจริงๆนั้นแหล่ะ สู้กับข้าวตามทางไม่ได้ รสชาติล้ำเลิศเพอร์เฟคสุดๆ"

 

แค่นั้นแหล่ะ  กระบวนการ "กู้ภัย" ขนาดย่อมก็บังเกิดขึ้นจนได้

 

พวกที่เหลือเดินกรูมายืนอยู่นอกศาลา ในขณะที่ไอ้ฟูฟู่กับหัวหน้าคณะสายสืบกำลังสนทนาปาจิโก๊ะไปเรื่อย

 

อีกคนคุยสนุกสนาน หน้าตาแข่มชื่น  ส่วนอีกคนนั่งหน้าขาวราวกระดาษยับยู่  ไม่รู้ว่า ควรจะนั่งทำพิธีผูกดวงชะตาตรงนี้เลยดีมั้ย?

 

หรือ...โทรไปสั่งเสียพ่อแก่แม่ป้าน้าอา วงศาคณาญาติตนเสียก่อนหนอ  

 

แสงแวววาวจากแก้วใสสะท้อนแสงสีทองของยามวันใกล้เย็น  น้ำกระจับรับแสงส่องฟ้า สีชมพูอ่อนวนเด่นหราอยู่ภายใน  ไม่ผิดแผกไปจากความรู้สึกทุกเสี้ยวอารมณ์อยู่ในขณะจิต

 

" กินข้าวฟรี งั้นเหรอ"  เขาเอ่ยแทรกขึ้น  หากทว่า..มืออีกข้างแตะปุ่มกดสัญญาณเรียกหาใครบางคน  ชื่อของใครที่พวกมันก็มิอาจคาดเดาได้

 

คนใช้มีเป็นร้อย  จะใช้สอยนับว่ายาก  แต่บ้านหลังนี้ ใหญ่โตโออ่าสง่าล้ำ....แต่ไร้เงาหัวใครโผล่ออกมาเลยซักคน

 

นอกจากไอ้พ่อบ้านหน้าหยก กะ ไอ้ปากยาวที่เดินป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ  แสดงว่า คนที่นายของเขาเรียกให้มา ก็คงไม่พ้นไอ้พ่อบ้านวัยกระเตาะคนนี้อีกแล้วสิ

  

" มึงรู้มั้ย? คนที่ชอบแอบด่าลับหลังคนอื่น บทลงโทษมันจะเป็นยังไง"  แววตาร้ายลึกแบบแปลกๆ ละม้ายคล้ายจะโกรธแต่ไม่เกลียด ไร้ซึ่งอารมณ์แค้นคิดในเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ 

 

" นันทิน พาไอ้ตาลออกกำลังยามช้าวหน่อย ดูมันอยากจะวิ่งรอบบ้านแล้วมั้งนั่น"  

 

ไอ้ตาลสุนัขสายลับประจำบ้าน กับ หัวหน้าคณะสายลับมหาภัย 

 

ใครมันจะรอด ใครมันจะร่วง เอาให้รู้ๆกันไป

 

คำพูดเหมือนหมา เลียแข้งเลียขาเอาใจ  ถ้าคลานสี่เท้าได้คงทำไปแล้วล่ะมั้ง!

 

" เฮ้ย พี่โชค  ไม่อาวนะ   ผมไม่ชอบหมา"  ไอ้ตัววางแผนเริ่มคร่ำครวญ 

 

ให้ควายไล่ขวิดกูเสียยังดีกว่า เอาหมามาไล่ขู่ใส่กันแบบนี้ ชีวีหารอดไม่

 

มุมปากแสยะยิ้ม  ลำตัวหัวหางเริ่มกระชากลากโซ่  ลูกตาดับขลับจับจองมองเไอ้รงค์ปากทระนง ที่กำลังสับเท้าเตรียมวิ่งได้ทุกขณะ

 

" ไอ้พาย ..... มึงมีคาถาไล่หมามั้ยว่ะ?  กูเกลียดหมา"   มันหันหาทีมกู้ภัยคนใหม่ ที่พอจะช่วยชีวิตมันได้

 

ไอ้พระพาย คนขายหมา ชื่อตามหลังบ่งบอกได้ถึงความรักใคร่เอ็นดูสัตว์สี่เท้า ปากยาวได้เป็นอย่างดี

 

แต่ทว่า..การได้ยืนดูเพื่อนเป็นทุกข์ กลับสร้างความสุขในหัวใจให้พองโตขึ้นยิ่งนัก

 

" ไม่มีวะ  คาถาไล่หมา  มีแต่คาถาไล่เมีย  ใช้ได้เหมือนกันมั้ยว่ะ?"

 

" ไอ้เวร  มึงชอบหมาไม่ใช่เหรอ?  มาเล่นกับมันหน่อยสิ"   ไอ้คนซวยประจำวันเริ่มวิงวอนอ้อนวอน  เมื่อเสียงโซ่กระทบซ้อนกันหลายครั้ง  และเสียงทุ้มลึก  แข็งกร้าว ดุดัน สัญญาณแห่งมรณะของไอ้ปากยาว  กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว!

 

" ชอบ...เวลามันนอนหลับ หรือ โดนโปะยา ยิ่งชอบเลย อุ้มง่าย ไม่งอแง จับส่งขาย สะดวกดี"

 

" ไอ้เวร!!! นี่ มึงยังไม่เลิกลักหมาชาวบ้านเขาไปขายอีกเหรอ ห่ะ"

 

เสียงบ่นแกมด่า ไล่มาพร้อมหางดวงเนตรที่คุกกรุ่นไม่สบอารมณ์ของวาทะที่โพล่งออกมา

 

ไอ้คนขายสัตว์สะดุ้งเอื้อก ก่อนจะหันมายิ้มประจบส่ายหัว  เปลี่ยนตัวเปลี่ยนตนให้กลายเป็นคนรักสัตว์ในทันที

 

" ไม่แล้วจ้า พี่โชค  ผมก็แค่พูดเล่นเท่านั้น..."

 

เขาพยักหน้าหงึกหงักพลางละสายตามองดู ไอ้ตัวนำแผนโครงการขอข้าวฟรี กำลังวิ่งสับขาหน้าหอบหน้าหืดรอบๆศาลา พลางตะโกนร้องสวดหาพ่อหาแม่มันไม่หยุดไม่หย่อน  

 

โดยมีไอ้ตาล สุนัขตัวโปรดของคุณพ่อบ้านคอยเป็นเทรนเนอร์วิ่งประกบซ้ายขวาตลอดรอบกายมัน

 

" เอ้า...ไอ้ฟู่  วันนี้มาถึงที่นี้ คงมีเรื่องด่วนใช่มั้ย? พูดมา ฉันจะฟัง  "  คนเป็นนายเริ่มออกคำสั่งด้วยสีหน้าเอาจริงมากยิ่งขึ้น

 

" อ่อ  ก็ไม่มีอะไรมากหรอกพี่"  ไอ้ผมฟู หน้ายู่ไม่ต่างกัน เอียงคอเอ่ยด้วยน้ำเสียงละม้ายเหมือนเด็กน้อยก็มิปาน  หากแต่ความเป๋อปั้นบวกกับหน้าตาน่าเอ็นดูหน่อยๆของมัน

 

จะหลอกสิงกินตับกินไส้  ล้วงความลับจากใครคนอื่น

 

ก็ผ่านสะดวก เพราะหน้าปลวกๆ ไม่มีพิษมีภัยของมันเอง

 

" แต่ผมแค่ไปสืบหาข่าว  แต่คนรายงานข่าว พี่ดันให้มันวิ่งอยู่นู่นแน่ะ"

 

" มึงอยากจะวิ่งเป็นเพื่อนมันงั้นซิ"  เขาถลึงตาดุใส่มัน  ก่อนที่เสียงหัวเราะแหะๆจะดังขึ้นมาไล่หลัง

 

" โธ่  พี่โชค จะถามหาความกับผม จะไปได้อะไร๊   พี่รงค์..สั่งให้ผมสืบก็สืบ แต่คนจะขัดเกลาคำให้สวยหรูไม่ใช่ผมแน่"

 

" กูไม่ได้ให้มึงมาประพันธ์คำกลอนให้กูฟัง กูขอแค่เนื้อข่าว...อย่างเดียว"

 

" งั้นพี่ก็ลองทายดู"  

 

นักรายงานข่าว เริ่มย้ายตำแหน่งเป็นนักเล่นกลไปเสียแล้ว  หากแต่ คนชมกล กับไม่หลงกลเข้าเสียงั้น

 

" ถ้ากูรู้  จะตั้งกลุ่มสายสืบมาทำห่าทำเหวอะไรล่ะ  ไอ้งั่ง!!"

 

ปวงโชคทำท่าเขวี้ยงแก้วน้ำเจียระไนใส่หน้ามัน แต่ดีที่ฉุกคิดได้ว่า ราคามันสูงลิบลิ่วปานใด

 

" เอ้า ไอ้พระพาย มึงบอกกูมาสิ ว่าได้ข่าวอะไรมาบ้าง ถ้าเล่นแบบไอ้หัวเงาะอีกนะมึง...พ่อจะเอาปังตอฟันคอซะ"

 

" พูดได้ แล้วกล้าทำมั้ย?"  ไอ้พาย ยิ้มขันๆ  เอาเถิด...ขู่ได้ก็ขู่ไป 

 

แต่พอทำอะไรจริงๆ กลับไม่กล้าลงมือ

 

ความรักก็เช่นกัน..

 

รู้ว่ารัก แต่มิอาจเอ่ยปากบอกได้

 

ก็เพราะกลัวใจของอีกฝ่ายจะไม่คิดมากไปกว่า ศัตรูคู่อาฆาต

 

 

ก็ข่าวทั่วๆไป พี่โชคฟังเอาละกัน"  มันกระแอมไอ ยกคอเตรียมพูด คนฟังก็เตรียมฟังในทันที

 

" ข่าวคู่ปรับของพี่นั่นแหล่ะ...."

 

 ปวงโชคเลิกคิ้วเรียวนิล  พลางเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ แม้เสียงกรีดร้องโหยหวนของผู้นำคณะจะดังก้องไปทั่วบริเวณ พร้อมเสียงเห่าโฮกของไอ้ตาลที่ดังไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันมากนัก

 

" มีคนบอกมาว่า  นังหญ้าฟาง มันไม่ได้ออกฝึกสอนที่โรงเรียนสาธิตแล้ว 

 

แต่มันเปลี่ยนไปเป็นโรงเรียนจงเหวินนู่นแน่ะ  แต่ก็ดี ให้อีบ้านั่น ไปอยู่โรงเรียนเกือบๆชานเมือง จะได้ไม่มาเกาะแกะวุ่นวายกับแก๊งค์เราอีก....."

 

สารพัดถ้อยคำที่มันพรั่งพรูออกมา

 

หากคนพูดมิได้เฉลียวหางตาหันมามอง คนฟังนั่งนิ่งอึ้ง คล้ายวิญญาแลปัญญามิได้อยู่ในตัวในตน

 

มือที่จับแก้ว สั่นระริกทุกขณะ แววตาที่ฉาบฉายความสงสัย ถูกปลดปล่อยด้วยอารมณ์ที่ยากจะหยั่งรู้ถึง

 

โรงเรียนจงเหวินวิทยา!!

 

ม่านปริศนาสีดำที่ทับถมอยู่ภายใน

 

อันตรายจากใครคนหนึ่ง ที่เขาเกลียดชังเป็นอย่างยิ่ง

 

จะไปอยู่ ณ หนใด เขาคงพอคลายกังวล

 

แต่ทำไมจะต้องเป็น ที่แห่งนี้

 

 

ปวงโชคแน่นิ่ง สำเหนียกเสียงรอบข้างดูจะค่อยๆเลือนหายไปจนสิ้น

 

เหลือแต่ความอ้างว้างในดวงใจ

 

" เขาว่าเป็นฝีมือของจางอี้เซียว"

 

เสียงของลุงนนท์ พ่อบ้านคนเก่ายังคงวนเวียนอยู่ในห้วงคำนึงถึง

 

โซ่ตรวนแห่งการผูกมัด ยากที่จะตัดให้ขาดได้

 

ญาติที่เขาไม่นับร่วมในสายเลือด  พยายามอย่างไรก็ถอยห่างไปไม่พ้น

 

ฆาตกรที่แย่งงานจากยมทูต สวมหน้ากากเป็นคนดี ดูน่ายำเกรง

 

เอาเข้าจริง ก็แค่กุ๊ยจอมหลอกลวงเท่านั้น

 

 

 

" แต่ผมว่ามันแปลกนะ..." เสียงไอ้พระพายดังขึ้น สะกิดให้คุณหนูใหญ่ของบ้านหันกลับมาตั้งหน้าตั้งตาฟังมันพูดทันที

 

"มีคนเขาว่า รอง ผอ. เป็นคนติดต่ออยากได้ ไอ้ฟาง ไปฝึกสอนที่โรงเรียนเอง ทั้งๆที่โรงเรียนจงเหวินก็ไม่เคยรับนักศึกษาฝึกสอนจากที่ไหน แถมประเด็นสำคัญคือ "

 

มันเงียบอยู่ครูหนึ่ง คล้ายกับจะหยุดนึกคิดคำพูด หากแต่คนที่นั่งรอฟังกลับอดรนทนรอต่อไปไม่ไหว 

 

" คืออะไร....รีบๆพูดออกมาสิเว้ย มันแต่นั่งอมพะนำอยู่ได้!" เสียงตะโกนเชิงบังคับให้อีกฝ่ายเปิดปากพูดให้ไว้

 

"เออๆ ก็จะพูดอยู่นี้ไง พี่โชคล่ะก็....ผมแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเลือกนังนี้ไปฝึกสอน ต่อให้มันเรียนดีจนลือชื่อไปทั่ว แต่พี่อย่าลืมสิ วีรกรรมด้านแย่ๆของมันก็มีอีกเยอะ เพราะถ้าอยากได้ครูมาสอนจริงๆ ก็ไม่น่าจะเลือกคนที่มีประวัติด่างพร้อยเข้าไปสอน ใครๆเขาก็พูดกันว่า รอง ผอ. คนนี้แกดุและจริงจังกับเรื่องพฤติกรรมของครูในโรงเรียนอยู่แล้ว พี่โชคก็รู้ไม่ใช่เหรอ  ... คนเป็นญาติกันก็น่าจะรู้จักกันดีหนิ"

 

" ญาติเหรอ?"

 

เหมือนสายฟ้าผ่ากลางยามแลง แก้วน้ำลายสวยหล่นลงสู่เบื้องล่าง เศษแก้วใสหล่นกระจัดกระจายตามพื้น

 

" พี่โชคเป็นอะไรอ่ะพี่"  ไอ้คนรายงานข่าวสีหน้าตกใจเล็กน้อย หากแต่ก็พอจะประคับประคองสติ เอื้อมมือไปแตะที่แขนของคนที่นั่งแข็งทื่ออยู่นั้น

 

" ผมพูดอะไรให้พี่ไม่สบายใจรึเปล่า?" มันยังคงถามเพราะความเป็นห่วง

 

" เปล่า... " เขาบอกปฏิเสธพลางปัดมือมันออกแต่ไม่ถึงกับแรงจนถึงขั้นรังเกียจ

 

 

อารมณ์ที่พุ่งพร่านไปตามดวงจิต  เส้นโลหิตสูบฉีดให้เนื้อกายเริ่มตึงเครียดมากยิ่งขึ้น 

 

คนที่เป็นฆาตกรที่เคยฆ่าคนสำคัญในชีวิตของเขา

 

หญ้าฟาง...ชีวิตของหล่อน หัวใจของหล่อนก็เฉกเช่นเดียวกัน

 

คนสำคัญในหัวใจเขา...

 

แต่มันอาจไม่สำคัญอะไรกับคนที่ไร้หัวใจ แบบนั้น....

 

จางอีเซียว!

 

  

จบตอนที่ 10 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา