[RED THREAD] ปาฏิหาริย์รักด้ายแดง

-

เขียนโดย GChiiz

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 16.32 น.

  4 ตอน
  2 วิจารณ์
  8,581 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 16.41 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) คำตอบและความสัมพันธ์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ผมยืนตัวแข็งทื่อท่ามกลางดอกไม้นานาพรรณที่พลิใบแล้วโอนเอนไปตามสายลมที่พัดมาอย่างอ่อนโยน ตรงหน้าของผมคือหญิงสาวหน้าตาน่ารัก ที่เป็นที่หมายปองของหนุ่ม ๆ ทั้งโรงเรียนและเธอยังเป็นเพื่อนสมัยเด็กของผมที่ผมถือว่าเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ผมสนิทและสามารถถูกเนื้อต้องตัวกันได้มากที่สุด และที่สำคัญปัจจุบันเธอได้ข้ามขั้นเกินจินตนาการผมไปแล้ว .... เธอขโมยจูบแรกของผมไปอย่างไม่ทันตั้งตัวและ ... คำสารภาพรักที่รวดเร็วและกะทันหันจนผมแทบไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินคำคำนี้จากเพื่อนสาวคนนี้ ....
 
“ นี่ ... อย่าปล่อยให้ฉันยืนคอยอยู่แบบนี้สิ “ ขวัญกอดอกแน่นก่อนจะทำสีหน้าไม่พอใจที่เห็นการกระทำของผม เพราะผมไม่สามารถทำอะไรได้เลยในตอนนี้ ในหัวเบลอไปหมด ... ทั้งเรื่องด้ายแดงของเธอที่พุ่งมาที่ผม ทั้งเรื่องทำสารภาพรัก และจูบที่แสนอ่อนโยนนั้น .... ในหัวตอนนี้มันขาวโพลนไปหมดแล้ว ..................................
 
เอ๋ ..... เกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่กันแน่ ผมรู้สึกตัวอีกทีก็มองเห็นแสงไฟจาหลอดไฟนีออนสีขาวสว่างจ้าพุ่งเข้ามาหาผมแล้ว นี่ผมอยู่ที่ไหนกันแน่ ... มองไปรอบ ๆ  ตัวก็มีเพียงผ้าม่านสีขาวที่รูดปิดไว้กันคนภายนอกมองเข้ามา เตียงนอน ? ผมอยู่บนเตียงนอนได้ยังไง แล้วที่นี่ที่ไหน ....
“ เฮ้ย ไอหยก ... ไอหยก “ เสียงไอน้ำหรอ ...
“ หืม ... “ ผมหันไปมองทางต้นเสียงก็เห็นไอน้ำนั่งอยู่ข้าง ๆ เตียง ทำไมเมื่อกี้ผมถึงไม่เห็นมันล่ะ
“ เฮ้อ ... ตกใจแทบแย่ ขวัญโทรมาบอกว่าเองเป็นลมอยู่ตรงสวนหย่อมให้ไปช่วยหน่อย เกิดอะไรขึ้นว่ะ เจอผีหลอกกลางวันแสก ๆ หรือไง “
“ ห๊ะ ... อ่อ .... งั้นหรอ ... “ ผมยังนึกอะไรไม่ค่อยออก ตอนแรกก็คิดว่าเป็นแค่ความฝันแต่มันเป็นเรื่องจริงหรอนี่ แล้วทำไมอยู่ดี ๆ ผมถึงเป็นลมไปได้ล่ะ
“ ยังไงก็เหอะ ตอนเย็นไปจะทำงานไหวมั้ยเนี่ยเอง “ น้ำถามก่อนจะยื่นแก้วน้ำที่มีน้ำเต็มแก้วให้ผม
“ ไม่เป็นไร สบายมาก .. “ ผมรับแก้วน้ำมาดื่มก่อนจะค่อย ๆ ลุกจากเตียง .... เอ๋ .... ร่างกายก็ปกติดีนี่น่า ทำไมผมถึงเป็นลมไปได้ ปกติแล้วตั้งแต่จำความได้ผมไม่เคยเป็นลมเลยนี่น่า มัวแต่คิดมากก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ร่างกายก็ปกติดี ลุกขึ้นยืนได้เดินไปมาได้ แขนขาขยับได้ การมองเห็นก็ชัดแจ๋ว .... แล้วก็ยังมองเห็นด้ายแดงอยู่เหมือนเดิม
“ ตอนนี้เรียนคาบไหนแล้ว “ ผมถามไอน้ำที่กำลังเก็บหนังสือการ์ตูนของมันเข้ากระเป๋า คงเอาออกมาอ่านตอนที่มาเฝ้าผม
“ คาบสุดท้ายแล้ว ไม่ต้องไปแล้วล่ะลาอาจารย์ให้แล้ว เตรียมไปทำงานเหอะ ว่าแต่ไหวแน่นะ “ ไอน้ำถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงก่อนจะค่อย ๆ รูดม่านที่กั้นอยู่ออก
“ เออ .. ไหวขอบใจมาก ... “ 
“ ไม่ต้องขอบใจหรอก ดีเสียอีกมีข้ออ้างโดดเรียนมานั่งอ่านการ์ตูนสบายใจเฉิบ นี่ถ้าไม่เกรงใจเองข้าถีบตกเตียงแล้วไปนอนอ่านการ์ตูนแทนแล้วนะเว้ย ฮ่าฮ่าฮ่า “
“ ไอเวร .... คิดว่าเป็นห่วงกัน “
“ เอ๋า .. ก็ห่วงดิว่ะ ไม่ห่วงจะมานั่งเฝ้าเองแบบนี้หรอ ไปเหอะเดี๋ยวเองจะไปสาย “ ไอน้ำหันมายิ้มเย้ยผมนิดหน่อยก่อนจะเดินนำหน้าผมไปเปิดประตูห้องพยาบาลที่ตอนนี้ไม่มีอาจารย์พยาบาลอยู่ ตามกฏแล้วเวลาออกห้องโดยที่ไม่มีอาจารย์พยาบาลอยู่ก็ต้องไปลงชื่อไว้ก่อน เพราะไม่เช่นนั้นอาจารย์จะคิดว่าเราหายไปไหนแล้วจะเป็นห่วงเอาเปล่า ๆ ..... หลังจากลงชื่อเสร็จเรียบร้อย ผมกับน้ำก็เดินออกจากโรงเรียนทันที น้ำขอตัวแยกไปเอาจักรยานแล้วจะปั่นไปทำงานของมันต่อ ก็งานถ่ายแบบโฆษณาที่มันเคยบอกตอนแรก ยิ่งมีข่าวลือว่ามีแมวมองจะพามันไปเล่นหนังกับค่ายใหญ่ด้วย แต่ก็อย่างว่าคนหน้าตาดี นิสัยดีแบบมันจะได้ดิบได้ดีก็ไม่แปลกหรอก ส่วนผมก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนรอสอบเข้ามหาลัยก็พอแล้ว แต่ตอนนี้ผมต้องไปทำงานพิเศษที่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ผมไปเป็นลูกจ้างชั่วคราวมาตั้งแต่ตอนเรียนปีหนึ่งร้านชื่อว่า “ โซระ Sola “ ซึ่งเดินจากโรงเรียนไปประมาณห้าร้อยเมตรก็ถึงแล้ว
                เหตุผลที่ผมเลือกร้านนี้ก็เพราะว่าเป็นร้านของเพื่อนสนิทของผมอีกคนหนึ่งที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยมต้นก็มาแยกกันไปเรียนคนล่ะโรงเรียนแต่ก็ยังติดต่อกันอยู่เสมอ โดยเฉพาะเวลาที่ผมมาทำงานพิเศษที่นี่ก็จะเจอทุกครั้ง วันนี้ก็เช่นเดียวกัน เดินมาไม่นานก็มาอยู่ที่หน้าร้านโซระแล้ว เป็นร้านอาหารที่อยู่โดดเดี่ยวริมถนนสายเส้นปากน้ำขาออก เป็นร้านดังในละแวกนี้และเป็นร้านที่นิยมของเด็กนักเรียนและเด็กวัยรุ่นรวมถึงวัยอื่น ๆ อีกมากมาย ลักษณะของร้านนั้นเป็นเหมือนกับบ้านไม้สองชั้นขนาดไม่ใหญ่นักด้านล่างจัดเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแบบธรรมดา ๆ มีโต๊ะไม้ขัดเงามันแว๊บให้นั่งทานอาหารอยู่สิบโต๊ะ มีเป็นแบบเค้าท์เตอร์บาร์ด้วยสามารถนั่งที่บาร์ได้ประมาณสิบคน โดยที่ด้านหน้าของบาร์ก็จะเป็นที่สำหรับปรุงอาหารต่าง ๆ ทั้ง ปิ้ง ย่าง ทอด และปลาดิบ ซูชิทั้งหลาย เมื่อมาถึงแล้วก็ไม่รอช้ารีบเปิดประตูเข้าไปทันที บรรยากาศที่คุ้นเคยกับแสงสีเหลืองอ่อน ๆ ของร้านชวนให้คิดถึงอยู่เสมอ ..
“ สวัสดีครับเถ้าแก่ !! “ เปิดประตูเข้าร้านไปผมก็เจอเถ้าแก่เจ้าของร้านยืนเช็ดมีดทำครัวด้ามเก่งของเถ้าแก่อยู่ เป็นภาพที่คุ้นตาอีกภาพเพราะระหว่างไม่มีลูกค้าแกจะเช็ดมีดทำครัวอยู่ตลอดเวลาเปรียบเสมือนอาชาคู่ใจที่แกรักมาก เถ้าแก่มีชื่อเรียกกันง่าย ๆ ว่า ลุงบุญ แกเป็นคนไทยที่ไปเรียนต่อด้านทำอาหารจากประเทศญี่ปุ่นก่อนกลับมาเปิดร้านโซระที่เมืองไทยฝีมือว่ากันว่าตอนหนุ่ม ๆ ระดับห้องอาหารโรงแรมห้าดาวแย่งตัวกันเลยทีเดียว รูปร่างของแกใหญ่โตผิดปกติมาตรฐานชายไทยไปมาก ผมสีขาวที่เกิดจากผมหงอกก็เริ่มมีให้เห็นชัดขึ้นเรื่อย ๆ หน้าตาที่ดุดันหนวดเครารุงรัง แต่แกนิสัยสวนกับหน้าตาเลยทีเดียว ทำให้บรรดาป้า ๆ ทั้งหลายชอบแวะมาทักทายแกเพราะติดใจในกริยามารยาทของแกที่อ่อนน้อมผิดกับหน้าตา
 
“ อ้าว ๆ สบายนะลูกหยก ขอโทษทีนะที่เรียกให้มาทำวันนี้เลยทั้ง ๆ ที่ต้องมาทำอาทิตย์หน้าแท้ ๆ “ เถ้าแก่บุญหรือลุงบุญยิ้มรับคำทักทายผมก่อนขอโทษขอโพยที่ต้องเปลี่ยนเวรกะทันหัน
 “ อ๋อ .. ไม่เป็นไรครับ ยังไงผมก็อยากมาทำอยู่แล้ว ทำแล้วได้เงินทำไมจะไม่อยากทำล่ะครับ “
“ ขยันขันแข็งผิดกับไอตัวแสบเลยนะลูกเนี่ย “ ลุงบุญยิ้มให้ผมอีกครั้ง
“ โย่ว ... ไม่เจอกันนานสบายดีป่ะหยก “ คำพูดทักทายแรกที่ผมคุ้นเคยกับคำว่าโย่วของเพื่อนรักผมอีกคนนึง ริว คือชื่อของมัน มันเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เหมือนกับว่าได้กรรมพันทางพ่อมาเยอะ รูปร่างเรียกได้ว่าไม่ห่างกันเท่าไหร่นัก ริว เป็นนักบาสประจำโรงเรียนประจำจังหวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังจนติดเยาวชนทีมชาติอายุต่ำกว่ายี่สิบปีไปเรียบร้อยแล้ว ทรงผมสกินเฮด กับหน้าตาดุ ๆ ของมันนั้นถ้าไปเดินด้วยคงไม่มีนักเลงหัวไม้คนไหนกล้าเข้ามามีเรื่องด้วยเด็ดขาด
 
“ ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ... ขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อนแล้วกัน “ ผมพูดทักทายมันเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปหลังร้านเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดสีขาวสำหรับพนักงานร้าน ระหว่างเปลี่ยนเสื้อผ้านั้นผมก็นึกย้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน ทำไมขวัญถึงทำแบบนั้น เธอชอบผมจริง ๆ หรอ หรือเธอแค่อยากแกล้งผมเล่น แต่เล่นจูบมาแบบนั้นคงไม่แกล้งหรอกมั้ง แต่ .... ผมไม่เคยคิดกับเธอเกินคำว่าเพื่อนเลย ถ้าผมปฏิเสธเธอไปเราจะกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้หรอ แล้วอีกอย่างผมตัดใจจากกิ่งไม่ได้ ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าด้ายแดงของกิ่งหรือของขวัญกันแน่ที่ผูกอยู่กับผมจริง ๆ
 
เปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อยแล้วผมก็เดินออกมาทำงานตามปกติ หน้าที่หลักของผมคือต้อนรับลูกค้า และรับออเดอร์ พนักงานคนอื่น ๆ ก็จะเริ่มทยอยเข้ามาหลังจากผมประมาณหนึ่งชั่วโมงส่วนมากจะเป็นรุ่นพี่ทั้งหมด แต่ที่ผมสนิทด้วยที่สุดก็คงจะเป็นพี่มิ้นท์ นักศึกษามหาลัยปีสองคณะสื่อสารมวลชน ที่เป็นระดับดาวมหาลัยเลยทีเดียว
 
“ น้องหยก สบายดีนะ ไม่เจอกันตั้งนาน ขอโทษที่ไลน์ไปบอกช้านะจ๊ะ “ พี่มิ้นท์เดินเข้ามาทักทายผมในชุดนักศึกษาทันที พี่มิ้นท์นั้นใฝ่ฝันที่จะเป็นนักข่าวทางช่องฟรีทีวีชื่อดังของไทย คำพูดคำจาของพี่มิ้นท์นั้นฉะฉานและมั่นใจตลอดเวลาบวกกับรูปร่างหน้าตาที่ดูดีไม่ว่าชายใดเดินผ่านก็ต้องหันกลับมามองด้วยแล้ว ทำให้อนาคตสายนักข่าวของพี่มิ้นท์ต้องไปโลดแน่นอน ผิวพรรณสีขาวอมชมพู ดวงตาสองชั้นสีน้ำตาลอ่อน ๆ  ในหน้าเรียวยาว ผมยาวไปจนถึงบั้นท้าย เอกลักษณ์ที่สำคัญอีกอย่างของพี่มิ้นท์ก็คือที่คาดผมที่มักจะมีลายใบมิ้นท์สีเขียวติดอยู่เสมอ แล้วยังชอบเปิดหน้าผากอีกด้วย เป็นคนที่เปิดเหม่งแล้วน่ารักที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอแล้วล่ะ ...
 
“ สบายดีครับพี่ ไม่เป็นไรครับยังไงเดี๋ยวอาทิตย์หน้าก็ได้หยุดแล้วทำก่อนทำหลังคงไม่ต่างกันมากนัก “ ผมตอบพร้อมกับยิ้มให้ พี่มิ้นท์ยิ้มกลับมาก่อนจะเดินไปเปลี่ยนชุดพนักงานที่หลังร้านทันที
“ จะว่าไปพี่มิ้นท์เค้ามีแฟนยังเนี่ย ไม่เคยเห็นเลยแฮะ ไม่ว่าจะเฟซหรือตัวจริง “
“ ข้าจะไปรู้มั้ยเนี่ย “ ไอริวถามคำถามที่ไม่น่าจะถามออกมา ผมก็ได้แต่ตอบส่งเดชไป
“ หรือพี่มิ้นท์เค้าเล็งเองไว้ว่ะ สมัยนี้สาวมหาลัยชอบเลี้ยงต้อยซะด้วยสิ “
“ เพ้อเจ้ออีกแล้ว ไป ๆ ไปเก็บจานนู้นเดี๋ยวลูกค้าเข้าร้าน “ ผมรีบไล่ไอริวไปเก็บจานทันที เพราะถ้าคุยเรื่องนี้ต่อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
 
การทำงานวันนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ผมทำงานวันล่ะห้าชั่วโมงหลังเลิกเรียนได้ค่าแรงวันล่ะสองร้อยบาท ก็ถือว่าเป็นค่าขนมทำให้ไม่ต้องลำบากพ่อแม่ที่ต้องหาเงินให้ผมทุกวัน เพราะผมรู้ดีกว่าการค้าของร้านข้าวสารของป๊ากับม้าผมนั้นไม่ดีเหมือนแต่ก่อนเพราะเศรษฐกิจเมืองไทยย่ำแย่ หลังจากลาทุกคนเสร็จก็ได้เวลากลับบ้านเหมือนปกติทุกวัน แต่ผมต้องเดินย้อนกลับไปขึ้นสถานทีรถไฟฟ้าแถว ๆ โรงเรียนอีกครั้งนึง
 
ระหว่างเดินมาผมก็คิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะให้คำตอบกับขวัญยังไงดี สาบานให้ตายว่าผมไม่เคยคิดกับเธอเกินเพื่อนเลย เธอเป็นเพื่อนผู้หญิงที่ผมรักและหวงแบบเพื่อนรักตั้งแต่เด็กมาตลอด มีผู้ชายมาสารภาพรักกับเธอมากมายแต่เหมือนเธอไม่เลือกใครเลย จดหมายรักที่บางวันกองอยู่เต็มโต๊ะก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวอะไรเลย แล้วทำไมถึงต้องมาชอบคนธรรมดาแบบผมด้วย .... ยิ่งคิดเรื่องนี้ก็เหมือนจะเกิดอาการหน้ามืดอีกแล้ว ไม่เอาดีกว่า .... รีบกลับบ้านอาบน้ำนอนดีกว่า
 
จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ ......... กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
เช้าแล้วหรอ .... อืม .... แสงแดดตอนเช้า ๆ นี่มันน่ารำคาญพอ ๆ กับเสียงนาฬิกาปลุกเพื่อนรักเลยแฮะ แต่ช่างเถอะยังไงก็ยังดีกว่าโดนม้าเขกกะโหลกล่ะนะ กิจวัตรประจำวันตอนเช้าก็เช่นเดิม ... อาบน้ำ แปรงฟัน แต่งตัว กินข้าว ไหว้ลาม้ากับป๊า เอ๋ ... วันนี้อยู่ด้วยหรอปกติเห็นออกไปสภากาแฟประจำ
 
“ โอ้ว ... ไอตี๋จะไปเรียนแล้วเรอะ “ นั่นไง ... อยู่จริง ๆ ด้วยแฮะ
“ ครับป๊า แล้วทำไมวันนี้ไม่ไปสภากาแฟล่ะครับ “ ผมถามในระหว่างที่กำลังยัดเท้าตัวเองเข้ากับรองเท้าผ้าใบไนกี้คู่โปรด
“ ก็ร้านมันปิด จะให้อั๊วไปคุยกับแมวที่ไหนล่ะ “
“ อ่อ .... ครับ ไปนะครับ หวัดดีครับ “ ผมรีบตัดบทยกมือไหว้สวัดดิ์ดีคุณพ่อสุดที่รักยิ่งก่อนเดินดุ่ย ๆ ออกจากบ้านทันที พอดีว่าป๊าผมเป็นคนที่คุยด้วยแล้วชอบคุยยาว ๆ เลยไม่อยากเสียเวลา ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบหรือไม่รักพ่อตัวเองนะครับ แต่แกเป็นคนที่คุยเก่งแถม เอ่อ ..... เรียกง่าย ๆ แบบภาษาวัยรุ่นว่า กวนทีน ได้โล่เลยทีเดียวล่ะครับ
 
วันนี้การเดินทางก็ต้องฝากไว้กับรถไฟฟ้าเช่นเดิม เหมือนเดิมทุก ๆ วันกับการต้องไปยืนอัดจนเกือบจะเป็นปลากระป๋องกับช่วงเวลาเร่งด่วน บางทีผมก็เริ่มคิดที่จะปั่นจักรยานไปเรียนทุกวันแล้วนะ แต่มันต้องอาบน้ำซ้ำซ้อนนี่สิเลยไม่อยากจะปั่นจักรยานไปเรียน อากาศเมืองไทยยิ่งร้อน ๆ อยู่แล้วด้วยเหงื่อยิ่งออกง่ายเข้าไปใหญ่
 
“ อ๊ะ !  ... หยก ... “ ขวัญ ......
“ ................ “ อะไรกันล่ะนั่นอยู่ดี ๆ ก็หน้าแดง .... บ้าเอ้ยแล้วผมจะทำตัวยังไง ไม่ได้สังเกตมาก่อนเลยว่าสถานนีเมื่อกี้ขวัญขึ้นมาตอนไหน
“ คือ .... “ ผมไม่รู้ว่าผมจะพูดอะไร แต่ก็หลุดปากออกไปจนได้ เหมือนคำที่อยากจะพูดมันจุกอยู่ในลำคอไม่สามารถที่จะเปร่งเสียงออกไปได้ตามใจต้องการเลย
“ หืม ... “ จะหืมทำไมตอนนี้เนี่ย .... ขวัญ
“ เอ่อ .... อ่า .... อรุณสวัส “
“ อื้มมม ... “ ให้ตายเถอะ ไม่ชอบช่วงเวลาแบบนี้เลย กับคนที่เมื่อวานยังเกาะแขนเดินตัวปลิวกันอยู่เลย ทำไมสถานการณ์มันต้องย่ำแย่ขนาดนี้ด้วย รู้งี้ปั่นจักรยานมาเรียนยอมอาบน้ำซ้ำสองยังจะดีเสียกว่า
ขบวนรถไฟก็มุ่งหน้าต่อไปเรื่อย ๆ ท่ามกลางเสียงคุยกันบนขบวนรถของผู้คนมากหน้าหลายตา กับเสียงลมที่เล็ดลอดเข้ามาภายในตัวขบวนรถแล้ว ผมกับขวัญไม่ได้มีคำพูดหลุดออกไปอีกเลย แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ผมถึงห้ามใจไม่ให้มองหน้าขวัญไม่ได้ ยิ่งมองยิ่งน่ารัก จากที่มองแล้วธรรมดา ๆ เพราะเป็นเพื่อนกันมาตลอด แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เมื่อวานขึ้นมันก็ทำให้ความคิดผมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ขวัญกลายเป็นหญิงสาวที่น่ารักสุด ๆ ไปเลย ... ยิ่งในเวลานี้ด้วยแล้วใบหน้าที่เปื้อนสีชมพูอ่อน ๆ เพราะความเขินอายยิ่งส่งเสริมให้เธอน่ารักขึ้นไปอีก
 
“ สถานีต่อไป ปากน้ำ สถานีต่อไป ปากน้ำ Next Station …..“
 
ถึงแล้วสินะป้ายที่ผมและขวัญจะต้องลงเพื่อที่จะเดินไปโรงเรียน ผมมัวแต่คิดอะไรอยู่เนี่ยมองไปทางขวัญอีกทีเธอก็เดินก้มหน้าก้มตาไปแล้ว ผมจึงต้องรีบเดินออกไปด้วยทันทีไม่เช่นนั้นได้ไปต่ออีกสถานีนึงแน่นอน …. ขวัญเดินเหมือนจะไม่สนใจหรือไม่อยากจะมองหน้าผมเท่าไหร่นัก จะเพราะอายหรือจะเพราะเกลียดผมไปแล้วก็ได้ ส่วนผมนั้นบอกได้แค่ว่าอายแบบสุด ๆ ไม่กล้าที่จะสู้หน้าเธอเลยด้วยซ้ำจึงได้แต่เดินตามหลังไปเรื่อย ๆ จนถึงโรงเรียน ผมไม่ได้เดินตามขวัญไปที่ห้องแบบที่ควรจะเป็น ผมแยกตัวเดินออกไปยังลานน้ำพุด้านข้างเพื่อจะไปสงบสติอารมณ์ซักหน่อย
 
“ เอ๋ .... ไม่จริงน่า พี่ขวัญชมรมว่ายน้ำเนี่ยนะจูบผู้ชาย .. “
“ จริง ๆ น๊า ... เห็นเค้าว่ากันว่ากระชากไทค์มาจูบเลยล่ะ เห็นหน้าตาสวย ๆ แบบนั้นซาดิสท์เหมือนกันนะเนี่ย คิคิคิ “
“ แหม ... ก็อาจจะเก็บกดก็ได้ คิคิคิคิ “
 
อะไรกัน ... ทำไมมีเสียงนินทาแบบนี้ออกมาจากปากพวกนักเรียนคนอื่น ๆ ทั้ง ๆ ที่สวนหย่อมนั้นก็แทบจะไม่มีคนเดินผ่านเลยด้วยซ้ำในวันวันหนึ่ง มีคนเห็นอย่างงั้นหรอ .... บ้าน่า .... ผมทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว ได้แต่นั่งกำมือแน่นตัวสั่นเทาด้วยความโกรธในคำพูดเหล่านั้น
“ พี่หยกคะ ... “ ผมเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงเล็ก ๆ ทันที
“ อะ ... เฟิร์น “ เฟิร์นน้องสาวของพี่มิ้นท์ที่เรียนอยู่โรงเรียนนี้แต่อยู่ปีสอง รูปร่างหน้าตาเรียกได้ว่าแทบจะก็อปปี้พี่มิ้นท์มาเลยทีเดียว แต่เฟิร์นจะไว้ผมสั้นแล้วก็ใส่แว่น นิสัยก็แตกต่างจากพี่มิ้นท์ที่ร่าเริงตลอดเวลาเฟิร์นจะเป็นเด็กที่ค่อนข้างขี้อาย และไม่กล้าคุยกับคนแปลกหน้าเท่าไหร่นัก
“ อรุณสวัสค่ะ ไม่เจอกันนานเลยสบายดีนะคะ “ เฟิร์นยิ้มทักทายด้วยสีหน้าแจ่มใส
“ อ่า ... สบายดี ไม่เจอเฟิร์นนานเหมือนกัน “ ผมยิ้มตอบ
“ พี่หยกอย่าไปใส่ใจคำพูดพวกนั้นเลยนะคะ ก็แค่ข่าวลือที่คนเค้ากุขึ้นมาใส่ร้ายพี่ขวัญนั่นแหละ “ น้องเฟิร์นได้ยินด้วยงั้นหรอเนี่ย ... ถ้าทางข่าวลือแย่ ๆ พวกนี้จะกระจายไปทั่วแล้วสินะ
“ ขอบคุณนะน้องเฟิร์น ขวัญเค้าคงไม่คิดมากอะไรหรอก “ 
“ หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นนะคะ งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ “
“ เดี๋ยวสิน้องเฟิร์น ไม่คิดจะทักทายพี่บ้างหรอ “ ไอน้ำโพล่มาจากไหนเนี่ย ...
“ อ .. อะ .... อรุณสวัสค่ะพี่น้ำ ขอตัวนะคะ ... “ อยู่ ๆ น้องเฟิร์นก็หน้าแดงขึ้นมาเมื่อเจอไอน้ำที่ตอนนี้ผมกลายเป็นสีดำปกติไปแล้วค่อยดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย แต่ว่าดูออกง่ายจังเลยแฮะน้องเฟิร์น ไม่ว่ายังไงก็ชอบไอน้ำสินะ
 
“ จีบสาวตั้งแต่เช้าเชียวนะไอบ้าหม้อ “ น้ำเหล่ตามาทางผม
“ หม้อบ้านเองสิ แค่มานั่งเล่นแล้วบังเอิญเจอน้องเค้าก็เท่านั้น “
“ เอาเถอะว่าแต่ได้เวลาแล้วมั๊ง “
“ ได้เวลา ? ... เวลาอะไรของเอง “ ผมถามด้วยสีหน้างุนงงสุด ๆ
“ ก็ไปขอโทษกิ่งเค้าไง เมื่อวานผิดแผนเพราะเองดันเป็นลมไปตั้งครึ่งวัน “
“ ตอนนี้เนี่ยนะ “
“ เออ ก็ตอนนี้แหละ ไม่ใช่ตอนนี้แล้วจะตอนไหน … ว่าแต่วันนี้ไม่เห็นขวัญเลยแฮะ หรือว่าขึ้นห้องไปแล้ว “
“ ขึ้นห้องไปแล้ว ... “ ผมตอบ
“ งั้นแย่แน่เลยว่ะ ... บนห้องกำลังท็อคออฟเดอะทาวเลย ข้าถึงหนีลงมาเนี่ย “ ไอน้ำทำท่าทางกลุ้มใจ ทำเอาตกใจไปด้วย
“ ห๊ะ .. เรื่องอะไร มีเรื่องอะไรกันบนห้อง “ ผมรีบถามมันอย่างกะวนกะวายแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ ก็ข่าวลือแย่ ๆ ว่ามีคนเห็นขวัญเค้าจูบผู้ชายน่ะสิ “
“ แม่ง ..... “
“ เฮ้ย เดี๋ยว ... ไอหยก !! “  ผมสถบออกไปแบบไม่ทันคิด รีบลุกขึ้นจากม้านั่งทันที เป้าหมายของผมตอนนี้คือหาตัวขวัญให้เจอโดยเร็วที่สุดเสียงไอน้ำตะโกนเรียกผมจากด้านหลังผมก็ไม่อยากจะได้ยินแล้วในเวลานี้
 
 
เดินขึ้นมาบนห้องขวัญก็ไม่อยู่แล้วหรือว่าจะยังไม่ได้ขึ้นมาแล้วเธอไปที่ไหนกันบนโต๊ะก็มีกระเป๋าสะพายของเธออยู่ แต่ในห้องนั้นมีแต่ที่กิ่งนั่งอยู่ ผมสบสายตากับเธอชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มทักทายแล้วรีบหันหลังกลับไปหาขวัญทันที ผมต้องหาเธอให้เจอให้ได้ ไม่รู้ล่ะว่าคำตอบในใจของผมจะเป็นยังไง แต่ผมต้องคุยกับเธอ ผมต้องเอาเพื่อนคนนี้กลับคืนมาให้ได้ไม่ว่าจะในฐานะเพื่อนหรือไม่ใช่ก็ตาม
 
คิดสิคิด ผมสั่งสมองของตัวเองให้คิดว่าถ้าเธอไม่อยู่ในห้องแล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหน สระว่ายน้ำ ... ใช่แล้วสระว่ายน้ำ ... ผมไม่รอช้ารีบเดินไปที่สระว่ายน้ำทันที แต่ก็ต้องพบแต่ความว่างเปล่า
 
ขวัญเธอไปอยู่ที่ไหนกันแน่ .....
 
สวนหย่อม ... หรือจะเป็นที่สวนหย่อมนั้น ... ไม่รู้ว่าจะใช่หรือไม่ผมก็ไม่รอช้าที่จะรีบเดินไปยังสวนหย่อมหลังโรงอาหาร แน่นอนว่าระหว่างเดินมาไม่มีคนอื่นอยู่เลยเพราะมันเป็นสวนหย่อมที่ค่อนข้างจะอยู่ลึกถ้าเทียบกับสวนหย่อมอื่น ๆ ทั่วโรงเรียน ... เมื่อมาถึงก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ ... ขวัญยืนพิงกำแพงดวงตาเหม่อลอยมองออกไปที่สวนดอกไม้เล็ก ๆ ด้านหน้า ... เป็นภาพที่ผมไม่คุ้นตาเอาเสียเลย ผู้หญิงที่ผมคิดว่าเธอแข็งแกร่งทั้งภายนอกและภายในแบบเธอจะมีภาพที่อ่อนแอแบบนี้ให้เห็น .....
 
“ ขวัญ … “ ผมส่งเสียงเรียกเธอทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไรมากอีกแล้ว ขวัญหันมาทางผมก่อนจะยิ้มให้ทันที
“ ฉันกะแล้วว่าหยกต้องมา “ ขวัญพูดขึ้นก็เดินมาหาผมทันที ก่อนจะโผกอดผมแบบไม่ทันตั้งตัวอีกครั้งนึง ..
“ เรามาจบเรื่องของเราตอนนี้เลยเถอะ “
“ เอ๋ .. ขะ ... ขวัญ ที่ว่าจบเรื่องนั่นหมายถึงอะไร “
“ ยังจะทำซื้อบื้ออีกแล้วนะ ฉันมารอคำตอบจากนายไง รอมาตั้งแต่เมื่อวาน “
“ เออ ... คือ ... “ ตอนนี้ขวัญยิ่งกอดผมแน่นเข้าไปอีก ผมไม่อยากจะบอกคำตอบอะไรทั้งนั้นเลยในตอนนี้ ผมไม่อยากเสียเพื่อนแล้วผมก็ยังไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าด้ายแดงของผมนั้นผูกติดอยู่กับใครและอีกอย่างคือผมพูดอะไรในตอนนี้ไม่ออก ...
“ ว่าไงล่ะ .... “
“ นั่นเป็นจูบแรกของฉันนะ หยกไม่คิดจะรับผิดชอบหน่อยหรอ “
“ หยกอาจจะคิดว่าทำไมฉันถึงพึ่งมาบอกตอนนี้ ใช่มั้ย ... “
“ จะว่าฉันบ้าก็ได้นะ แต่พอได้รู้เรื่องด้ายแดงจากกิ่งแล้ว ฉันหึง ... “
“ ฉันชอบนายจริง ๆ นะหยก อยากได้ยินคำตอบจากนายในวันนี้ เมื่อวานที่ทำอะไรลงไปจนทำให้เกิดข่าวลือไปทั่วแบบนี้ฉันขอโทษ “ มาถึงตอนนี้ผมก็ได้แต่ยืนฟังขวัญอยู่ข้างเดียว ไม่อาจที่จะตอบอะไรเธอได้เลย
“ ขอร้องล่ะตอบฉันที ... ขอร้อง .... “ ยิ่งพูดขวัญก็ยิ่งกอดผมแน่นเข้าไปอีก ผมได้แต่ยืนตัวแข็งทื่ออีกครั้ง เป็นลูกผู้ชายที่ใช้ไม่ได้เลยผมเนี่ย ....
 
“ ขวัญ .... “
“ ฉันก็ชอบเธอนะ แต่ .... ยังไม่ใช่แบบที่เธอคิดหรอก ยังไงขอเวลาฉันอีกซักหน่อยได้มั้ย ... ไม่ใช่ว่าฉันจะปฏิเสธเธอ แต่ฉันยังไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ของเรา เรากลับมาเป็นเพื่อนกันก่อนได้มั้ย พอถึงวันที่ฉันแน่ใจจริง ๆ แล้วฉันจะเป็นคนบอกเธอเอง “ ผมคิดว่าสิ่งที่ผมพูดออกไปนั้นเป็นสิ่งที่ผมคิดอยู่ในใจมาตลอด และรู้สึกโล่งใจที่ได้พูดออกไปเสียที
 
“ เข้าใจแล้วล่ะ … ถ้านั้นคือความปรารถนาของหยกล่ะก็ ... “ ขวัญค่อย ๆ ปล่อยผมออกจากอ้อมกอด
 
“ ยังไงฉันก็ไม่ยอมยกนายให้กิ่งหรอกนะ ... กลับห้องกันเถอะ !! “ ขวัญพูดขึ้นก่อนจะกระโดดเข้ามาควงแขนผมทันที เราทั้งสองเดินขึ้นห้องด้วยกันด้วยสีหน้าที่ดูผ่อนคลาย ขวัญก็ไม่ได้สนใจหรือใส่ใจกับเสียงนินทาเหล่านั้น เมื่อเดินขึ้นมาบนห้อง น้ำก็นั่งรออยู่แล้ว ก่อนจะยิ้มให้ผมกับขวัญแล้วเราทั้งสามคนก็กลับมาคุยกันได้แบบเพื่อนเหมือนเดิม แต่ .... ความรู้สึกที่ผมมีต่อขวัญในวันนี้นั้นได้เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว .....

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา