พ่ายรักพายุทราย
-
เขียนโดย boae
วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 10.50 น.
3 ตอน
0 วิจารณ์
7,211 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 มกราคม พ.ศ. 2557 20.06 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) คนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 3 คนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ
หญิงสาวร่างบอบบางยืนนิ่งจิตใจล่องลอยไม่อยู่กับตัว เรื่องราวความหลังเมื่อหนึ่งปีก่อนย้อนเข้ามาในความคิด โดยเฉพาะชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าคมเข้ม ผิวสีแทน นัยน์ตาสีเข้มกับรอยยิ้มบาดใจ รอยยิ้มน้อยๆ แต้มบนใบหน้าหวานก่อนจะเลือนหายเหลือเพียงความเศร้าในแววตา
“พี่พิ้งค์ค่ะ พี่พิ้งค์ค่ะ” เสียงเรียกชื่อที่เหมือนดังอยู่ไกลๆ เริ่มดังใกล้เข้ามาพร้อมกับเสียงหวานคุ้นหู ทำให้คนที่คิดอะไรเพลินๆ กลับมาสู่โลกของความเป็นจริงยิ้มรับคนที่ก้าวเข้ามานั่งเคียงข้าง ศาลาพักร้อนริมน้ำเล็กๆ ที่สร้างไว้สำหรับนั่งเล่น เพราะมีพื้นที่ของบริเวณบ้านเป็นจำนวนมาก มากพอที่จะสร้างสระน้ำเพื่อระบายความร้อนและเป็นที่นั่งเล่นสำหรับครอบครัว
ซึ่งตอนนี้ทั้งบ้านเหลือเพียงสองสาวพี่น้อง เนื่องจากบิดาและมารดาเดินทางไปพักผ่อนต่างประเทศ หรือจะให้ถูกก็คือทั้งสองไปสร้างฐานธุรกิจที่ต่างประเทศ โดยเน้นกลุ่มประเทศที่ห่างไกลและต้องการสิ้นค้าที่มีคุณภาพราคาถูกนั้นเอง พระพาย รัตนทิพากร หรือพี่พิ้งค์ของน้องพิมพ์หรือพสุธา รัตนทิพากร เรียกได้ว่าทั้งสองเป็นลูกสาวของนักธุรกิจชื่อดังก็ว่าได้
แต่สองสาวกลับไม่เป็นที่รู้จักในวงสังคมไฮโซ เนื่องจากไม่ออกงานเหมือนกับคนอื่น ใช้ชีวิตธรรมดาเหมือนคนฐานะปานกลางไม่อวดร่ำอวดรวย ดังนั้นคนรับใช้ในบ้านจึงรักทั้งสองเหมือนลูกหลาน ไม่มีใครกล้าทิ้งทั้งสองไปขณะเดียวกันผลตอบแทนที่ได้รับกลับมา ก็มากพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัวของตนเอง แถมพระพายยังส่งเสียให้ลูกหลานคนรับใช้ได้เรียนหนังสือในโรงเรียนดีๆ บางครั้งก็มาสอนการบ้านให้อีกด้วย
“พี่พิ้งค์ทำอะไรอยู่ค่ะ พิมพ์เรียกตั้งนานแล้วนะ พี่ดูนี่สิค่ะชีคอัลฟาเบนรายามิน อับบาฮิม หล่อจังเลยนะค่ะแค่เวลาไม่กี่ปีที่ปกครองแคว้นซามานูมี เป็นหนึ่งในบรรดา 5 แคว้นเก่งจังเลยนะพี่พิ้งค์ว่าไหมค่ะ พี่พิ้งค์เป็นอะไรไปค่ะ” น้องสาวคนสวยอ่อนหวาน ยื่นหนังสือพิมพ์ต่างประเทศฉบับหนึ่งส่งให้พี่สาวดูรูปของชีคหนุ่มรูปหล่อนัยน์ตาชวนหลงใหลทันทีที่พระพายเห็นรอยยิ้มก็เจือลง นิ่งไปจนน้องสาวต้องเอ่ยถาม
“ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ เขาเป็นคนเก่งอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่เขาจะทำไม่ได้หรอกจ้ะพิมพ์” พระพายตอบเลี่ยงๆ ไปพูดถึงชีคหนุ่มเหมือนคนคุ้นเคยกันจนน้องสาวสงสัย
“พี่พิ้งค์พูดเหมือนรู้จักชีคอัลฟาอย่างนั้นล่ะ” น้องสาวเอียงคอถามอย่างน่ารัก เลยถูกพี่สาวขยี้ผมเล่นอย่างเอ็นดู
“คิดมากน่าเรา พี่จะไปรู้จักกับคนที่มีฐานะสูงส่งขนาดนั้น” รอยยิ้มปรากฏบนหน้าของพี่สาวคนสวยแต่เป็นยิ้มแต่ปากดวงตาไม่ยักกะยิ้มด้วยนี่สิยิ่งทำให้พสุธาแปลกใจอยากจะถามออกไป แต่ก็เห็นด้วยกับคำของพี่สาวแล้วจึงเปลี่ยนเรื่องไป
“นั้นนะสิแต่ตั้งแต่พี่กลับมาจากอัลจา พี่ก็ไม่เห็นอยากไปเที่ยวทะเลทรายอีกเลยนะ” เสียงหวานใสเอ่ยถามแอบคิดในใจเมื่อไหร่พี่สาวจะพาตนเองไปทะเลทรายสักที
“พี่ก็ยังชอบทะเลทรายเหมือนเดิมนั้นล่ะ แต่พี่ว่าจะไปไคโรพี่คงไม่ไปที่อัลจาอีกแล้วล่ะ” พระพายอยากจะบอกกับน้องสาวเหลือเกินว่าไม่ใช่ว่าพี่ไม่อยากไปหรอกพิมพ์แต่พี่ไปไม่ได้ต่างหาก ในเมื่อเขาสั่งห้ามพี่ไปเยียบที่นั่นอีกแต่ก็ต้องบอกออกไปอีกอย่างแทน
“ไคโร อียิปต์ พี่จะไปเมื่อไหร่แล้วเรื่องที่จะพาพิมพ์ไปอัลจาล่ะพี่พิ้งค์สัญญาแล้วนะ” อาการดีใจจนออกนอกหน้าของน้องสาว ทำให้พระพายยิ้มออกมาอีกครั้งพระพายลองเสนอสถานที่ใหม่กับน้องสาว
“ไปที่อื่นดีไหมพี่รู้ว่าพิมพ์ก็ชอบทะเลทรายไม่แพ้พี่ หรือจะไปไคโรกับพี่” พระพายเอ่ยถามน้องสาวอย่างขอความคิดเห็น
“ไม่ดีกว่าพิมพ์จะต้องทำเรื่องจบปริญญาโท ไว้ค่อยไปหลังรับปริญญาพี่พิ้งค์ก็ไปพร้อมกับพิมพ์สิ” พสุธาไม่ยอมเปลี่ยนความตั้งใจที่ต้องไปอัลจาให้ได้ เรื่องไปไคโรจึงไม่น่าสนใจเท่าอัลจา ยิ่งห้ามก็ยิ่งชอบอ้างไปถึงเรื่องเรียนมันอย่างนั้น
“พี่ต้องไปทำงานนะจ้ะ ไม่ได้ไปเที่ยวเล่นอย่างเราแต่พี่สัญญาจะพาเราไปแน่นอนก็อุตส่าห์ ไปดูสถานที่มาแล้วนี่น่า แต่ต้องรอพี่นะห้ามหนีไปก่อนเด็ดขาด” น้องสาวตัวดีเอ่ยชวนให้ไปอัลจาหลังรับปริญญา ใช่ว่าพระพายไม่อยากไปแต่เพราะไปไม่ได้ต่างหาก อีกอย่างตนเองก็ต้องไปทำงานตามที่บิดาสั่งมา ซึ่งเป็นงานด่วนจะไม่อยู่บ้านนานหลายเดือน ดูอาการของน้องสาวตัวดีแล้วคงจะหาทางไปอัลจาแน่ จึงสั่งห้ามตัดหน้าไว้ก่อนคนหน้าบานก็เลยหุบยิ้มลงนิดหน่อย
“ตกลง งั้นพิมพ์ไปหาเพื่อนก่อนนะตอนเย็นเจอกัน” พสุธามองหน้าที่สาวพร้อมความคิดที่อยู่ในใจ โอ๊ยรู้ทันอีกนะแต่เรื่องไรจะรออีกตั้งหลายเดือนกว่าพี่พิ้งค์จะกลับ พสุธารับคำไปอย่างนั้นเองขอตัวไปหาเพื่อนสาวคนสนิท แต่พระพายก็ทักไว้ก่อนให้ไปพร้อมกันพสุธาก็ปฏิเสธอีก
“ไม่ไปพร้อมพี่หรือพี่ก็จะไปข้างนอกพอดี” เสียงหวานของพี่สาวทำให้พสุธาหันกลับมาอีกครั้ง
“ไม่ดีกว่าไปคนละทางกันเลยถ้าไปทางเดียวกันก็ว่าไปอย่าง แล้วเจอกันตอนทานข้าวเย็นนะคะ” ร่างบางก้าวเดินอย่างเร่งรีบออกไปทันที พระพายได้แต่ส่ายหน้ากับอาการของน้องสาวตะโกนตามหลังน้องสาวไป
“จ้ะ รีบกลับมาล่ะอย่าให้พี่รอนานนะ พิมพ์ระวังตัวด้วยนะ” เมื่อน้องสาวลับสายตาไปแล้วหนังสือพิมพ์ที่วางไว้ไม่ใยดีถูกหยิบขึ้นมาดูอีกครั้ง ยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าหล่อเหล่าของชีคอัลฟา ดวงตามีแต่ความเศร้าปากก็พึมพำเบาๆ อยากให้คนที่คิดถึงรับรู้ว่าเธอคิดถึงเขาแค่ไหน
“อัลฟา คุณจะคิดถึงฉันเหมือนที่ฉันคิดถึงคุณมั้ย คุณจะรู้มั้ยว่าฉันคิดถึงคุณทุกวัน” น้ำตาที่ไหลออกมาไม่รู้ตัวหยดลงบนใบหน้าหล่อบนหนังสือพิมพ์ พระพายยกมือปาดน้ำตาออกไปลุกขึ้นไปทำหน้าที่ของลูกที่ดี ด้วยการบินตรงไปอียิปต์ในวันพรุ่งนี้ตามคำสั่งบิดาที่ให้ไปพบใครบางคนพระพายตั้งสติบอกกับตัวเอง
“พอแล้วพระพายหยุดเรื่องของตัวเองเอาไว้ก่อนตอนนี้งานคือสิ่งที่ต้องทำเป็นสิ่งแรกไปทำงานซะตัดทุกสิ่งออกไปก่อน”
**************************************************************************
เย็นวันนั้นพระพายนั่งรอที่โต๊ะทานข้าว จนเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงร่างบางของน้องสาวตัวดี ก็วิ่งกระหืดกระหอบหน้าตั้งเข้ามา หยุดยืนหอบหายใจ “แฮกๆ ” พระพายเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ เพราะสีหน้าของน้องสาวแดงก่ำเหงื่อไหลโซก ผมที่ก่อนจะแยกกันตกแต่งไว้อย่างดีตอนนี้มันยุ่งเหยิงจนหมดสวย
พระพายกลั้นเสียงหัวเราะไว้จนแก้มป่องพสุธาเห็นอาการของพี่สาวก็ขว้างค้อนใส่วงใหญ่ หน้าตาตลกยิ่งกว่าเก่าคราวนี้เองที่พระพายหลุดหัวเราะออกมาจริงๆ จังๆ อย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ “ฮ่า ฮ่า ฮ่า” น้องสาวว่าให้อย่างงอน ๆ
“ขำพอหรือยังพี่พิงค์ พิมพ์จะได้นั่งทานข้าวด้วย คนอุตส่าห์รีบมาแทบตายยังจะขำอีกรถติดอะไรก็ไม่รู้” คำต่อว่าของน้องสาวทำให้ต้องกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้จนหน้าแดง ก่อนจะหันไปง้องอนน้องสาวสุดที่รัก
“จ๊ะ พี่ ขอโทษนะโอ๋ๆ ไม่งอนนะ พี่รอทานข้าวมาเกือบครึ่งชั่วโมง แล้วจะไม่ขอโทษพี่เลยหรือที่พิมพ์มาสายนะ”พสุธาดึงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพี่สาว ก่อนจะนั่งลงและเริ่มพูดอย่างตื่นเต้นอีกครั้ง ลืมอาการเหนื่อยหอบไปเลยที่เดียว
“ขอโทษคะพิมพ์รีบแล้วนะคะนี้เพื่อนก็ขับรถมาส่งแต่ดันรถติดนี้สิ เห็นว่าติดขบวนของทูตจากอัลจานะค่ะ”พระพายรับฟังเงียบๆ ไม่ออกความคิดเห็นทั้งที่ใจเต้นแรงทุกครั้งที่มีใครพูดถึงชื่อแคว้นอัลจา ที่ทำให้ตนเองคิดถึงใครบางคนขึ้นมา “อย่างนั้นหรือ ทานน้ำก่อนสิหายเหนื่อยแล้วหรือไงถึงได้จ้อไม่หยุดอย่างนี้” พระพายว่าน้องสาวเบาๆ
“พี่พิ้งค์ก็... พิมพ์ก็แค่...” ใบหน้าหวานงอง้ำอีกครั้ง พระพายยิ้มให้กับน้องสาวก่อนจะสั่งความด้วยอาการห่วงใยน้องสาวที่ต้องอยู่คนเดียวในอีกหลายเดือนกว่าเธอจะกลับมา
“พอแล้วจ๊ะ ทานข้าวเถอะ อ่อ... พี่ต้องเดินทางไปไคโรแต่เช้านะอยู่คนเดียวก็ดูแลตัวเองด้วยนะ”
“รับทราบคะ” การที่ได้พูดคุยกันระหว่างทานอาหารทำให้ครอบครัวใกล้ชิดกันมาขึ้น และครั้งนี้พระพายก็ได้รับรู้ว่าทูตจากอัลจามาเยือนเมืองไทย แต่ก็ไม่อยากใส่ใจนักเพราะมันคงไม่เกี่ยวกับตนเองอีกแล้ว พระพายยิ้มกับคำช่างเจรจาของน้องสาวพร้อมกับบอกน้องสาวเรื่องการเดินทางของตนเองในเช้าวันใหม่
***********************************************************************
หลังเสร็จสิ้นการทานอาหารค่ำทั้งสองต่างแยกย้ายไปทำกิจกรรมของตนเอง พระพายเก็บของลงกระเป๋าเรียบร้อย พร้อมเดินทางด้วยกระเป๋าใบเล็กๆ ที่เคยใช้ประจำ พสุธาก็มาเคาะประตูเพื่อขอนอนด้วย น้องสาวของพระพายถึงจะโตแล้ว แต่ทุกครั้งที่เธอจะเดินทางจะมาขอนอนด้วยประจำเหมือนกับการลาที่ยังไงคนที่ไปต้องกลับมาเพราะมีคนมานอนรออยู่ในห้องของตนเองประจำ
“ก๊อก ก๊อก พี่พิ้งค์ พิมพ์เองนอนด้วยคนสิ” เสียงหวานของน้องสาวก็ลอยเข้ามา
“จ้าพี่รู้แล้วว่าเราต้องมาเข้ามาสิ ประตูไม่ได้ล็อก” สองพี่น้องนอนคุยกันจนพสุธาหลับไปก่อน พระพายจึงหลับบ้างจนได้เวลาเดินทางจึงขยับตัวลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวพร้อมเดินทาง
*******************************************************************
พระพาย ใช้เวลาไม่นานนักก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิด้วยสายการบินระดับเฟิร์สคลาสของสายการบินระดับชาติ พระพายนั่งติดริมหน้าต่างที่ตนเองเลือกที่เหลือจึงว่าง และเว้นไว้ห่างจากด้านหน้าสองที่นั่งด้านหลังอีกสองที่นั่ง จึงเหมือนกับว่าเธอนั่งเพียงคนเดียวจนได้เวลาที่เครื่องจะออก ก็ยังไม่มีใครมานั่งทำให้พระพายรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
แต่เพียงไม่นานร่างสูงของใครบ้างคน ก็มานั่งลงตรงที่ว่างอยู่ข้างกับเธอร่างที่ปล่อยสบาย จึงขยับตัวเล็กน้อยแต่ก็ไม่สนใจอะไรมากนักจน เมื่อเสียงทุ้มเอ่ยขออนุญาตนั่งข้างเธอนั้นแหล่ะเธอจึงหันไปมอง ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกตะลึง ใบหน้าของใครบางคนที่เคยอยู่ในความทรงจำในครั้งอดีต แต่มาปรากฏอยู่ตรงหน้า พระพายลุกพรวดขึ้นอย่างตกใจพยายามออกห่างจากที่ตนเอง
ใบหน้าหวานซีดลงทันใด เมื่อคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนสนิทของบิดาตนเอง และเป็นคนคนเดียวกับที่พาเธอไปอัลจาแต่แล้วทิ้งเธอเอาไว้ที่นั้นเพียงคนเดียว ท่ามกลางทะเลทรายที่ร้อนแรง ดีที่ไม่ไกลจากถนนมากนักแต่ก็ทำให้เธอไปเป็นลมหน้ารถของอัลฟา นั้นเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เธอมีทั้งสุขและทุกข์ไปพร้อมกัน
ใบหน้าคมผิวสีแทนของคนตรงหน้ามีรอยยิ้มที่มุมปากนิดๆ นี่หรือเพื่อนเล่นของเธอเมื่อครั้งยังเด็กตอนนี้ช่างห่างไกลกับสิ่งนั้นเหลือเกิน พระพายที่มีสีหน้าหวาดหวั่นถามอีกฝ่ายเสียงเรียบพยายามข่มความรู้สึกเอาไว้ข้างใน แล้วคำโต้ตอบกันก็เกิดขึ้นพร้อมกับที่เครื่องบินขึ้นสู่ระดับหนึ่งที่นิ่งพอหากจะเดินหนีไปจากตรงนี้ได้ “คุณมาทำอะไรที่นี่”
“ผมก็มารับคุณไงที่รัก” ชัชชัยว่าไปตามเรื่อง แต่ก็ต้องเงียบเสียงไปเมื่อพระพายตวาดออกไปเสียงดังพอควร
“อย่ามาเรียกฉันแบบนั้น ฉันไม่ใช่ที่รักของคุณกรุณาถอยออกไป” พระพายหลบมือหนาที่เอื้อมมาจะคว้าแขนเรียวของตนอย่างรังเกียจ
“อย่าโกธรผมเลยนะที่ผมทำก็เพราะความจำเป็น” ชัชชัยเอ่ยขึ้นน้ำเสียงเว้าวอนง้องอนหญิงสาว พระพายใช้เพียงหางตามองอีกฝ่าย
“อย่างนั้นหรือ ขนาดทิ้งฉันไว้ที่นั้นคนเดียว” เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างประชดประชัน ชัชชัยเล่นไปตามเกมด้วยความสนุกแสร้งตีหน้าเศร้าเอ่ยขอโทษหญิงสาวง้องอน
“ผม ขอโทษ อย่าโกธรเลยนะพิ้งค์” พระพายหันกลับมามองใบหน้าคมของชัชชัยเต็มตาอีกครั้ง มือบางกำแน่นระบายอารมณ์โกรธออกมา
“หยุดพูดคำว่าขอโทษสักที ฉันเบื่อที่จะฟังมันจากปากคุณ” ชัชชัยจับข้อมือบางเอาไว้ส่งสายตาออดอ้อน
“โธ่พริ้งค์คุณจะใจร้ายกับผมขนาดนั้นเลยหรือไง” พระพายสะบัดมือหนาออกจากการเกาะกุมอย่างถือตัวใบหน้าเชิดขึ้น
“ใช่ฉันขอบอกคุณไว้ตรงนี้เลยว่า ฉันไม่ใช่พิ้งค์ที่ซื่อบื้ออีกต่อไปแล้วคำพูดของคุณไม่ว่ามันจะจริงหรือหลอกฉันก็ไม่มีวันที่จะเชื่อ” ชัชชัยเริ่มเบื่อกับเกมส์ขอโทษใบหน้าแสร้งเศร้า เริ่มเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดตะคอกกลับหญิงสาว
“พิ้งค์...คุณ ก็ได้ในเมื่อพูดกันดีๆ ไม่รู้เรื่องผมก็คงต้องใช้ความรุนแรงกับคุณเสียแล้วสิ”พระพายตาโตตกตะลึงไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้า ชัชชัยดึงร่างบางเข้าชิดตัวก้มใบหน้าลงจนลมหายใจรดกัน พระพายเสียงสั่นความกล้าหดหาย
“จะทำอะไรนะ ชัช คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนี้นะ” ชัชชัยเห็นว่าการจะพูดจากันดีๆ ระหว่างตนเองกับพระพายนั้นคงจะยากเสียแล้วในเมื่อเขาผิดเต็มประตูที่ทิ้งเธอไว้กลางทะเลทรายแคว้นอัลจา
“ใช่ผมไม่มีสิทธิ์แต่ใครบางคนคงมีสิทธิ์” กระซิบให้ได้ยินเพียงสองคน ชัชชัยใช้คำพูดและท่าทีที่คุกคามกับพระพายหากไม่เพราะเขาต้องการเงินไม่มีทางที่เขาจะกลับมาพบกับพระพายอีก
“ฉันจะบอกพ่อ” พระพายยกบิดามาอ้างเพื่อที่หาทางรอดให้กับตนเองแต่ก็ไร้ผลเมื่อชัชชัยไม่ได้ทำงานให้บิดาของพระพายมานานแล้ว
“ผมไม่ได้ทำงานให้พ่อของคุณ เพราะฉะนั้นอยากจะบอกอะไรก็บอกไปเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะอย่างสะใจของชัชชัย ทำให้พระพายตัวสั่นเทาเสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างแหบพร่า
“ชัชคุยกันดีๆ ก็ได้” พระพายรู้สึกได้ถึงวัตถุชนิดหนึ่งที่มันยื่นมาจ่อที่หลังของเธอจนทำให้เธอต้องใช้วิธีพูดจาดีๆ กับอีกฝ่ายเพื่อเอาตัวรอด
ข้อเสนอที่ได้รับมันล่อตาล่อใจนักกับแค่พาพระพายไปยังไคโร เพื่อพบกับเศรษฐีอาหรับที่ต้องการตัวพระพายเป็นช่วงที่พระพายต้องไปติดต่อธุรกิจของบิดาด้วยยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ ความจริงเขาจะรอที่ไคโรก็ได้แต่เพื่อกันความผิดพลาดจึงเดินทางมาดักรอที่นี่แทน และก็อย่างที่คิดพระพายคงไม่ยอมคุยกันดีๆ หากเขาขอร้องเธอ
“หยุดพูดมากได้แล้ว นั่งลงซะก่อนที่ผมจะห้ามใจอยู่” พระพายยอมที่จะหยุดปากช่างเจรจาเพื่อหาวิธีเอาตัวรอดจากชัชชัย เธอไม่คิดว่าเขาจะกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ แล้วที่นี้เธอจะทำอย่างไงดี คิดสิพิ้งค์คิดสิ
“คุณจะพาฉันไปไหนชัช” เสียงหวานของพระพายเอ่ยถามหลังจากนิ่งไปพักใหญ่
“ผมไม่พาคุณไปฆ่าหรอกน่า” คำว่าฆ่าหลุดออกจากปากของชัชชัยทำให้พระพายสั่นขึ้นมาทั้งกาย ด้วยความหวาดกลัว กลัวจะไม่มีชีวิตไปพบบิดามารดาและน้องสาวอันเป็นที่รัก หากเธอเป็นอะไรไปในระหว่างการเดินทางไปทำงานครั้งนี้ทั้งสามคนคงจะเสียใจอย่างที่สุด พระพายวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้เธอรอดพ้นจากเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้ด้วยดี สาธุ...คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองลูกด้วยนะคะ
“ชัชพิงค์ขอร้องปล่อยพิ้งค์ไปเถอะ เราเป็นเพื่อนกันนะ” พระพายคิดหาทางออกรู้ว่าคนอย่างชัชชัยที่เคยเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กใจอ่อนง่ายและยอมเธอมาตลอดหากเธอร้องขอด้วยสายตาอ้อนวอน
“เพื่อน...เพื่อนอย่าเอาคำนั้นมาพูดเลยพิ้งค์” ชัชชัยย้อนกลับจนคนวอนขอเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเจรจาใหม่อีกครั้ง
“พิ้งค์ไม่รู้ว่าชัชเดือดร้อนเรื่องอะไรทำไมไม่บอกพิ้งค์ล่ะเพื่อพิ้งค์จะช่วยชัชได้” ชัชชัยมองหน้าพระพายนิ่ง
“ผมเป็นหนี้อยู่ 10 ล้าน ต้องใช้คืนภายในสองวันนี้คุณช่วยได้มั้ย” พระพายตกตะลึงไม่คาดคิดว่าชัชชัยจะเป็นหนี้มากมายขนาดนี้
“ชัชติดการพนันใช่มั้ย เงินตั้งมากมายพิ้งค์มีเงินเก็บอยู่แค่ไม่กี่ล้านชัชเอาไปให้เขาก่อนได้มั้ย แล้วพิ้งค์จะขอยืมเงินคุณพ่อมาให้ชัชค่อยมาใช้คืนที่หลัง” คำต่อว่าของพระพายไม่ได้ทำให้ชัชชัยรู้สึกอะไรเพราะแท้จริงแล้วทุกอย่างที่เขาพูดออกมามันไม่ใช่เรื่องจริงสักนิดเดียว ชัชชัยตวาดใส่พระพายที่พยายามเสนอวิธีต่างๆ ให้ตนเองรอด
“ไม่ได้! ถ้าเขายอมผมคงไม่กลับมาจับคุณไปให้เขาหรอกจริงมั๊ย”
“ชัช เราต้องมีทางแก้ปัญหาสิอย่าทำแบบนี้เลย” ชัชชัยแสยะยิ้มน่าเกลียดใส่พระพาย
“ทางแก้ก็คือพาคุณไปให้เขาหนี้ก็จบแถมได้เงินใช้อีกต่างหากงานง่ายๆ สบายๆ” พระพายท้อใจไม่น้อยที่ไม่สามารถเปลี่ยนใจชัชชัยได้แม้จะยกป้าอิ่มแม่ป้าที่เลี้ยงดูชัชชัยมาตั้งแต่เด็กก็ไม่เป็นผล
“ทำไม! ชัชเปลี่ยนไปขนาดนี้ ถ้าป้าอิ่มรู้คงเสียใจมาก”
“อย่าเอาป้าอิ่มมาอ้าง” ชัชชัยรู้ทันพระพายไปเสียทุกทางแม้แต่เรื่องงานและบุญคุณที่บิดาของพระพายชุบเลี้ยงตนเองมา
“แต่คิดอีกทีเพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณของคุณท่านผมให้โอกาสคุณไปเจรจาธุรกิจให้มันจบๆ แต่อย่าคิดหนีเด็ดขาด” ถึงจะยินยอมแต่คนอย่างชัชชัยก็รอบคอบพอจึงขู่พระพายเอาไว้ก่อน พระพายมองหน้าอีกฝ่ายเหมือนไม่เชื่อ
“ผมไม่ได้แค่ขู่ ผมทำจริงเพราะถ้าคุณหนีชีวิตผมอาจไม่รอดเช่นกัน” ชัชชัยขู่สำทับไปอีกครั้ง
“ฉันไปทำอะไรให้คุณโกธรแค้นกันชัช” เสียงหวานเอ่ยถามใบหน้าเศร้าคิดถึงใครบางคนขึ้นมาในใจ ถ้าเขารู้ว่าเธอตกอยู่ในอันตรายเขาจะช่วยเธอหรือเปล่านะ
“เปล่า เพียงแต่คนที่เขาต้องการคุณเขาเสนอมาอย่างงาม ผมคงไม่โง่ทำเงินหลุดมือกับงานง่ายๆ” คำตอบของชัชชัยทำให้พระพายตกตะลึง
“คุณรู้อะไรไหมเงิน 20 ล้านเป็นค่าจ้างให้มาจับตัวคุณ ผมยังคิดไม่ถึงว่าจะมีคนอยากได้ตัวคุณมากขนาดนี้ ค่าตัวคุณมากกว่าดาราดังในฮอลลิวู้ดบางคนเสียอีก ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ชัชชัยหัวเราะใส่หน้าพระพายที่นั่งส่ายหน้าไปมาไม่เชื่อในสิ่งที่ชัชชัยพูด
“ไม่...ไม่จริงหรอกไม่มีใครยอมจ่ายเงินมากขนาดนั้นหรอก” เสียงหวานปฏิสธออกไปอย่างไม่แน่ใจนักพร้อมคำถามที่เกิดขึ้นในใจ ใครนะที่ยอมเสียเงินมากมายขนาดนั้นเพื่อให้ได้ตัวเธอแล้วบิดาจะรู้ไหมว่าเธอกำลังจะหายไปใครก็ได้ช่วยพิ้งค์ด้วยพิ้งค์ คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วยลูกยังไม่อยากหายไปจากโลกนี้ อัลฟาช่วยพิ้งค์ด้วย นั้นก็แค่เสียงที่ดังอยู่ในใจทั้งที่ภายนอกเรียบสนิทไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปากของพระพายอีกเลยและเป็นอยู่อย่างนั้นจนถึงสนามบินไคโร
หญิงสาวร่างบอบบางยืนนิ่งจิตใจล่องลอยไม่อยู่กับตัว เรื่องราวความหลังเมื่อหนึ่งปีก่อนย้อนเข้ามาในความคิด โดยเฉพาะชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าคมเข้ม ผิวสีแทน นัยน์ตาสีเข้มกับรอยยิ้มบาดใจ รอยยิ้มน้อยๆ แต้มบนใบหน้าหวานก่อนจะเลือนหายเหลือเพียงความเศร้าในแววตา
“พี่พิ้งค์ค่ะ พี่พิ้งค์ค่ะ” เสียงเรียกชื่อที่เหมือนดังอยู่ไกลๆ เริ่มดังใกล้เข้ามาพร้อมกับเสียงหวานคุ้นหู ทำให้คนที่คิดอะไรเพลินๆ กลับมาสู่โลกของความเป็นจริงยิ้มรับคนที่ก้าวเข้ามานั่งเคียงข้าง ศาลาพักร้อนริมน้ำเล็กๆ ที่สร้างไว้สำหรับนั่งเล่น เพราะมีพื้นที่ของบริเวณบ้านเป็นจำนวนมาก มากพอที่จะสร้างสระน้ำเพื่อระบายความร้อนและเป็นที่นั่งเล่นสำหรับครอบครัว
ซึ่งตอนนี้ทั้งบ้านเหลือเพียงสองสาวพี่น้อง เนื่องจากบิดาและมารดาเดินทางไปพักผ่อนต่างประเทศ หรือจะให้ถูกก็คือทั้งสองไปสร้างฐานธุรกิจที่ต่างประเทศ โดยเน้นกลุ่มประเทศที่ห่างไกลและต้องการสิ้นค้าที่มีคุณภาพราคาถูกนั้นเอง พระพาย รัตนทิพากร หรือพี่พิ้งค์ของน้องพิมพ์หรือพสุธา รัตนทิพากร เรียกได้ว่าทั้งสองเป็นลูกสาวของนักธุรกิจชื่อดังก็ว่าได้
แต่สองสาวกลับไม่เป็นที่รู้จักในวงสังคมไฮโซ เนื่องจากไม่ออกงานเหมือนกับคนอื่น ใช้ชีวิตธรรมดาเหมือนคนฐานะปานกลางไม่อวดร่ำอวดรวย ดังนั้นคนรับใช้ในบ้านจึงรักทั้งสองเหมือนลูกหลาน ไม่มีใครกล้าทิ้งทั้งสองไปขณะเดียวกันผลตอบแทนที่ได้รับกลับมา ก็มากพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัวของตนเอง แถมพระพายยังส่งเสียให้ลูกหลานคนรับใช้ได้เรียนหนังสือในโรงเรียนดีๆ บางครั้งก็มาสอนการบ้านให้อีกด้วย
“พี่พิ้งค์ทำอะไรอยู่ค่ะ พิมพ์เรียกตั้งนานแล้วนะ พี่ดูนี่สิค่ะชีคอัลฟาเบนรายามิน อับบาฮิม หล่อจังเลยนะค่ะแค่เวลาไม่กี่ปีที่ปกครองแคว้นซามานูมี เป็นหนึ่งในบรรดา 5 แคว้นเก่งจังเลยนะพี่พิ้งค์ว่าไหมค่ะ พี่พิ้งค์เป็นอะไรไปค่ะ” น้องสาวคนสวยอ่อนหวาน ยื่นหนังสือพิมพ์ต่างประเทศฉบับหนึ่งส่งให้พี่สาวดูรูปของชีคหนุ่มรูปหล่อนัยน์ตาชวนหลงใหลทันทีที่พระพายเห็นรอยยิ้มก็เจือลง นิ่งไปจนน้องสาวต้องเอ่ยถาม
“ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ เขาเป็นคนเก่งอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่เขาจะทำไม่ได้หรอกจ้ะพิมพ์” พระพายตอบเลี่ยงๆ ไปพูดถึงชีคหนุ่มเหมือนคนคุ้นเคยกันจนน้องสาวสงสัย
“พี่พิ้งค์พูดเหมือนรู้จักชีคอัลฟาอย่างนั้นล่ะ” น้องสาวเอียงคอถามอย่างน่ารัก เลยถูกพี่สาวขยี้ผมเล่นอย่างเอ็นดู
“คิดมากน่าเรา พี่จะไปรู้จักกับคนที่มีฐานะสูงส่งขนาดนั้น” รอยยิ้มปรากฏบนหน้าของพี่สาวคนสวยแต่เป็นยิ้มแต่ปากดวงตาไม่ยักกะยิ้มด้วยนี่สิยิ่งทำให้พสุธาแปลกใจอยากจะถามออกไป แต่ก็เห็นด้วยกับคำของพี่สาวแล้วจึงเปลี่ยนเรื่องไป
“นั้นนะสิแต่ตั้งแต่พี่กลับมาจากอัลจา พี่ก็ไม่เห็นอยากไปเที่ยวทะเลทรายอีกเลยนะ” เสียงหวานใสเอ่ยถามแอบคิดในใจเมื่อไหร่พี่สาวจะพาตนเองไปทะเลทรายสักที
“พี่ก็ยังชอบทะเลทรายเหมือนเดิมนั้นล่ะ แต่พี่ว่าจะไปไคโรพี่คงไม่ไปที่อัลจาอีกแล้วล่ะ” พระพายอยากจะบอกกับน้องสาวเหลือเกินว่าไม่ใช่ว่าพี่ไม่อยากไปหรอกพิมพ์แต่พี่ไปไม่ได้ต่างหาก ในเมื่อเขาสั่งห้ามพี่ไปเยียบที่นั่นอีกแต่ก็ต้องบอกออกไปอีกอย่างแทน
“ไคโร อียิปต์ พี่จะไปเมื่อไหร่แล้วเรื่องที่จะพาพิมพ์ไปอัลจาล่ะพี่พิ้งค์สัญญาแล้วนะ” อาการดีใจจนออกนอกหน้าของน้องสาว ทำให้พระพายยิ้มออกมาอีกครั้งพระพายลองเสนอสถานที่ใหม่กับน้องสาว
“ไปที่อื่นดีไหมพี่รู้ว่าพิมพ์ก็ชอบทะเลทรายไม่แพ้พี่ หรือจะไปไคโรกับพี่” พระพายเอ่ยถามน้องสาวอย่างขอความคิดเห็น
“ไม่ดีกว่าพิมพ์จะต้องทำเรื่องจบปริญญาโท ไว้ค่อยไปหลังรับปริญญาพี่พิ้งค์ก็ไปพร้อมกับพิมพ์สิ” พสุธาไม่ยอมเปลี่ยนความตั้งใจที่ต้องไปอัลจาให้ได้ เรื่องไปไคโรจึงไม่น่าสนใจเท่าอัลจา ยิ่งห้ามก็ยิ่งชอบอ้างไปถึงเรื่องเรียนมันอย่างนั้น
“พี่ต้องไปทำงานนะจ้ะ ไม่ได้ไปเที่ยวเล่นอย่างเราแต่พี่สัญญาจะพาเราไปแน่นอนก็อุตส่าห์ ไปดูสถานที่มาแล้วนี่น่า แต่ต้องรอพี่นะห้ามหนีไปก่อนเด็ดขาด” น้องสาวตัวดีเอ่ยชวนให้ไปอัลจาหลังรับปริญญา ใช่ว่าพระพายไม่อยากไปแต่เพราะไปไม่ได้ต่างหาก อีกอย่างตนเองก็ต้องไปทำงานตามที่บิดาสั่งมา ซึ่งเป็นงานด่วนจะไม่อยู่บ้านนานหลายเดือน ดูอาการของน้องสาวตัวดีแล้วคงจะหาทางไปอัลจาแน่ จึงสั่งห้ามตัดหน้าไว้ก่อนคนหน้าบานก็เลยหุบยิ้มลงนิดหน่อย
“ตกลง งั้นพิมพ์ไปหาเพื่อนก่อนนะตอนเย็นเจอกัน” พสุธามองหน้าที่สาวพร้อมความคิดที่อยู่ในใจ โอ๊ยรู้ทันอีกนะแต่เรื่องไรจะรออีกตั้งหลายเดือนกว่าพี่พิ้งค์จะกลับ พสุธารับคำไปอย่างนั้นเองขอตัวไปหาเพื่อนสาวคนสนิท แต่พระพายก็ทักไว้ก่อนให้ไปพร้อมกันพสุธาก็ปฏิเสธอีก
“ไม่ไปพร้อมพี่หรือพี่ก็จะไปข้างนอกพอดี” เสียงหวานของพี่สาวทำให้พสุธาหันกลับมาอีกครั้ง
“ไม่ดีกว่าไปคนละทางกันเลยถ้าไปทางเดียวกันก็ว่าไปอย่าง แล้วเจอกันตอนทานข้าวเย็นนะคะ” ร่างบางก้าวเดินอย่างเร่งรีบออกไปทันที พระพายได้แต่ส่ายหน้ากับอาการของน้องสาวตะโกนตามหลังน้องสาวไป
“จ้ะ รีบกลับมาล่ะอย่าให้พี่รอนานนะ พิมพ์ระวังตัวด้วยนะ” เมื่อน้องสาวลับสายตาไปแล้วหนังสือพิมพ์ที่วางไว้ไม่ใยดีถูกหยิบขึ้นมาดูอีกครั้ง ยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าหล่อเหล่าของชีคอัลฟา ดวงตามีแต่ความเศร้าปากก็พึมพำเบาๆ อยากให้คนที่คิดถึงรับรู้ว่าเธอคิดถึงเขาแค่ไหน
“อัลฟา คุณจะคิดถึงฉันเหมือนที่ฉันคิดถึงคุณมั้ย คุณจะรู้มั้ยว่าฉันคิดถึงคุณทุกวัน” น้ำตาที่ไหลออกมาไม่รู้ตัวหยดลงบนใบหน้าหล่อบนหนังสือพิมพ์ พระพายยกมือปาดน้ำตาออกไปลุกขึ้นไปทำหน้าที่ของลูกที่ดี ด้วยการบินตรงไปอียิปต์ในวันพรุ่งนี้ตามคำสั่งบิดาที่ให้ไปพบใครบางคนพระพายตั้งสติบอกกับตัวเอง
“พอแล้วพระพายหยุดเรื่องของตัวเองเอาไว้ก่อนตอนนี้งานคือสิ่งที่ต้องทำเป็นสิ่งแรกไปทำงานซะตัดทุกสิ่งออกไปก่อน”
**************************************************************************
เย็นวันนั้นพระพายนั่งรอที่โต๊ะทานข้าว จนเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงร่างบางของน้องสาวตัวดี ก็วิ่งกระหืดกระหอบหน้าตั้งเข้ามา หยุดยืนหอบหายใจ “แฮกๆ ” พระพายเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ เพราะสีหน้าของน้องสาวแดงก่ำเหงื่อไหลโซก ผมที่ก่อนจะแยกกันตกแต่งไว้อย่างดีตอนนี้มันยุ่งเหยิงจนหมดสวย
พระพายกลั้นเสียงหัวเราะไว้จนแก้มป่องพสุธาเห็นอาการของพี่สาวก็ขว้างค้อนใส่วงใหญ่ หน้าตาตลกยิ่งกว่าเก่าคราวนี้เองที่พระพายหลุดหัวเราะออกมาจริงๆ จังๆ อย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ “ฮ่า ฮ่า ฮ่า” น้องสาวว่าให้อย่างงอน ๆ
“ขำพอหรือยังพี่พิงค์ พิมพ์จะได้นั่งทานข้าวด้วย คนอุตส่าห์รีบมาแทบตายยังจะขำอีกรถติดอะไรก็ไม่รู้” คำต่อว่าของน้องสาวทำให้ต้องกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้จนหน้าแดง ก่อนจะหันไปง้องอนน้องสาวสุดที่รัก
“จ๊ะ พี่ ขอโทษนะโอ๋ๆ ไม่งอนนะ พี่รอทานข้าวมาเกือบครึ่งชั่วโมง แล้วจะไม่ขอโทษพี่เลยหรือที่พิมพ์มาสายนะ”พสุธาดึงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพี่สาว ก่อนจะนั่งลงและเริ่มพูดอย่างตื่นเต้นอีกครั้ง ลืมอาการเหนื่อยหอบไปเลยที่เดียว
“ขอโทษคะพิมพ์รีบแล้วนะคะนี้เพื่อนก็ขับรถมาส่งแต่ดันรถติดนี้สิ เห็นว่าติดขบวนของทูตจากอัลจานะค่ะ”พระพายรับฟังเงียบๆ ไม่ออกความคิดเห็นทั้งที่ใจเต้นแรงทุกครั้งที่มีใครพูดถึงชื่อแคว้นอัลจา ที่ทำให้ตนเองคิดถึงใครบางคนขึ้นมา “อย่างนั้นหรือ ทานน้ำก่อนสิหายเหนื่อยแล้วหรือไงถึงได้จ้อไม่หยุดอย่างนี้” พระพายว่าน้องสาวเบาๆ
“พี่พิ้งค์ก็... พิมพ์ก็แค่...” ใบหน้าหวานงอง้ำอีกครั้ง พระพายยิ้มให้กับน้องสาวก่อนจะสั่งความด้วยอาการห่วงใยน้องสาวที่ต้องอยู่คนเดียวในอีกหลายเดือนกว่าเธอจะกลับมา
“พอแล้วจ๊ะ ทานข้าวเถอะ อ่อ... พี่ต้องเดินทางไปไคโรแต่เช้านะอยู่คนเดียวก็ดูแลตัวเองด้วยนะ”
“รับทราบคะ” การที่ได้พูดคุยกันระหว่างทานอาหารทำให้ครอบครัวใกล้ชิดกันมาขึ้น และครั้งนี้พระพายก็ได้รับรู้ว่าทูตจากอัลจามาเยือนเมืองไทย แต่ก็ไม่อยากใส่ใจนักเพราะมันคงไม่เกี่ยวกับตนเองอีกแล้ว พระพายยิ้มกับคำช่างเจรจาของน้องสาวพร้อมกับบอกน้องสาวเรื่องการเดินทางของตนเองในเช้าวันใหม่
***********************************************************************
หลังเสร็จสิ้นการทานอาหารค่ำทั้งสองต่างแยกย้ายไปทำกิจกรรมของตนเอง พระพายเก็บของลงกระเป๋าเรียบร้อย พร้อมเดินทางด้วยกระเป๋าใบเล็กๆ ที่เคยใช้ประจำ พสุธาก็มาเคาะประตูเพื่อขอนอนด้วย น้องสาวของพระพายถึงจะโตแล้ว แต่ทุกครั้งที่เธอจะเดินทางจะมาขอนอนด้วยประจำเหมือนกับการลาที่ยังไงคนที่ไปต้องกลับมาเพราะมีคนมานอนรออยู่ในห้องของตนเองประจำ
“ก๊อก ก๊อก พี่พิ้งค์ พิมพ์เองนอนด้วยคนสิ” เสียงหวานของน้องสาวก็ลอยเข้ามา
“จ้าพี่รู้แล้วว่าเราต้องมาเข้ามาสิ ประตูไม่ได้ล็อก” สองพี่น้องนอนคุยกันจนพสุธาหลับไปก่อน พระพายจึงหลับบ้างจนได้เวลาเดินทางจึงขยับตัวลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวพร้อมเดินทาง
*******************************************************************
พระพาย ใช้เวลาไม่นานนักก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิด้วยสายการบินระดับเฟิร์สคลาสของสายการบินระดับชาติ พระพายนั่งติดริมหน้าต่างที่ตนเองเลือกที่เหลือจึงว่าง และเว้นไว้ห่างจากด้านหน้าสองที่นั่งด้านหลังอีกสองที่นั่ง จึงเหมือนกับว่าเธอนั่งเพียงคนเดียวจนได้เวลาที่เครื่องจะออก ก็ยังไม่มีใครมานั่งทำให้พระพายรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
แต่เพียงไม่นานร่างสูงของใครบ้างคน ก็มานั่งลงตรงที่ว่างอยู่ข้างกับเธอร่างที่ปล่อยสบาย จึงขยับตัวเล็กน้อยแต่ก็ไม่สนใจอะไรมากนักจน เมื่อเสียงทุ้มเอ่ยขออนุญาตนั่งข้างเธอนั้นแหล่ะเธอจึงหันไปมอง ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกตะลึง ใบหน้าของใครบางคนที่เคยอยู่ในความทรงจำในครั้งอดีต แต่มาปรากฏอยู่ตรงหน้า พระพายลุกพรวดขึ้นอย่างตกใจพยายามออกห่างจากที่ตนเอง
ใบหน้าหวานซีดลงทันใด เมื่อคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนสนิทของบิดาตนเอง และเป็นคนคนเดียวกับที่พาเธอไปอัลจาแต่แล้วทิ้งเธอเอาไว้ที่นั้นเพียงคนเดียว ท่ามกลางทะเลทรายที่ร้อนแรง ดีที่ไม่ไกลจากถนนมากนักแต่ก็ทำให้เธอไปเป็นลมหน้ารถของอัลฟา นั้นเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เธอมีทั้งสุขและทุกข์ไปพร้อมกัน
ใบหน้าคมผิวสีแทนของคนตรงหน้ามีรอยยิ้มที่มุมปากนิดๆ นี่หรือเพื่อนเล่นของเธอเมื่อครั้งยังเด็กตอนนี้ช่างห่างไกลกับสิ่งนั้นเหลือเกิน พระพายที่มีสีหน้าหวาดหวั่นถามอีกฝ่ายเสียงเรียบพยายามข่มความรู้สึกเอาไว้ข้างใน แล้วคำโต้ตอบกันก็เกิดขึ้นพร้อมกับที่เครื่องบินขึ้นสู่ระดับหนึ่งที่นิ่งพอหากจะเดินหนีไปจากตรงนี้ได้ “คุณมาทำอะไรที่นี่”
“ผมก็มารับคุณไงที่รัก” ชัชชัยว่าไปตามเรื่อง แต่ก็ต้องเงียบเสียงไปเมื่อพระพายตวาดออกไปเสียงดังพอควร
“อย่ามาเรียกฉันแบบนั้น ฉันไม่ใช่ที่รักของคุณกรุณาถอยออกไป” พระพายหลบมือหนาที่เอื้อมมาจะคว้าแขนเรียวของตนอย่างรังเกียจ
“อย่าโกธรผมเลยนะที่ผมทำก็เพราะความจำเป็น” ชัชชัยเอ่ยขึ้นน้ำเสียงเว้าวอนง้องอนหญิงสาว พระพายใช้เพียงหางตามองอีกฝ่าย
“อย่างนั้นหรือ ขนาดทิ้งฉันไว้ที่นั้นคนเดียว” เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างประชดประชัน ชัชชัยเล่นไปตามเกมด้วยความสนุกแสร้งตีหน้าเศร้าเอ่ยขอโทษหญิงสาวง้องอน
“ผม ขอโทษ อย่าโกธรเลยนะพิ้งค์” พระพายหันกลับมามองใบหน้าคมของชัชชัยเต็มตาอีกครั้ง มือบางกำแน่นระบายอารมณ์โกรธออกมา
“หยุดพูดคำว่าขอโทษสักที ฉันเบื่อที่จะฟังมันจากปากคุณ” ชัชชัยจับข้อมือบางเอาไว้ส่งสายตาออดอ้อน
“โธ่พริ้งค์คุณจะใจร้ายกับผมขนาดนั้นเลยหรือไง” พระพายสะบัดมือหนาออกจากการเกาะกุมอย่างถือตัวใบหน้าเชิดขึ้น
“ใช่ฉันขอบอกคุณไว้ตรงนี้เลยว่า ฉันไม่ใช่พิ้งค์ที่ซื่อบื้ออีกต่อไปแล้วคำพูดของคุณไม่ว่ามันจะจริงหรือหลอกฉันก็ไม่มีวันที่จะเชื่อ” ชัชชัยเริ่มเบื่อกับเกมส์ขอโทษใบหน้าแสร้งเศร้า เริ่มเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดตะคอกกลับหญิงสาว
“พิ้งค์...คุณ ก็ได้ในเมื่อพูดกันดีๆ ไม่รู้เรื่องผมก็คงต้องใช้ความรุนแรงกับคุณเสียแล้วสิ”พระพายตาโตตกตะลึงไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้า ชัชชัยดึงร่างบางเข้าชิดตัวก้มใบหน้าลงจนลมหายใจรดกัน พระพายเสียงสั่นความกล้าหดหาย
“จะทำอะไรนะ ชัช คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนี้นะ” ชัชชัยเห็นว่าการจะพูดจากันดีๆ ระหว่างตนเองกับพระพายนั้นคงจะยากเสียแล้วในเมื่อเขาผิดเต็มประตูที่ทิ้งเธอไว้กลางทะเลทรายแคว้นอัลจา
“ใช่ผมไม่มีสิทธิ์แต่ใครบางคนคงมีสิทธิ์” กระซิบให้ได้ยินเพียงสองคน ชัชชัยใช้คำพูดและท่าทีที่คุกคามกับพระพายหากไม่เพราะเขาต้องการเงินไม่มีทางที่เขาจะกลับมาพบกับพระพายอีก
“ฉันจะบอกพ่อ” พระพายยกบิดามาอ้างเพื่อที่หาทางรอดให้กับตนเองแต่ก็ไร้ผลเมื่อชัชชัยไม่ได้ทำงานให้บิดาของพระพายมานานแล้ว
“ผมไม่ได้ทำงานให้พ่อของคุณ เพราะฉะนั้นอยากจะบอกอะไรก็บอกไปเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะอย่างสะใจของชัชชัย ทำให้พระพายตัวสั่นเทาเสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างแหบพร่า
“ชัชคุยกันดีๆ ก็ได้” พระพายรู้สึกได้ถึงวัตถุชนิดหนึ่งที่มันยื่นมาจ่อที่หลังของเธอจนทำให้เธอต้องใช้วิธีพูดจาดีๆ กับอีกฝ่ายเพื่อเอาตัวรอด
ข้อเสนอที่ได้รับมันล่อตาล่อใจนักกับแค่พาพระพายไปยังไคโร เพื่อพบกับเศรษฐีอาหรับที่ต้องการตัวพระพายเป็นช่วงที่พระพายต้องไปติดต่อธุรกิจของบิดาด้วยยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ ความจริงเขาจะรอที่ไคโรก็ได้แต่เพื่อกันความผิดพลาดจึงเดินทางมาดักรอที่นี่แทน และก็อย่างที่คิดพระพายคงไม่ยอมคุยกันดีๆ หากเขาขอร้องเธอ
“หยุดพูดมากได้แล้ว นั่งลงซะก่อนที่ผมจะห้ามใจอยู่” พระพายยอมที่จะหยุดปากช่างเจรจาเพื่อหาวิธีเอาตัวรอดจากชัชชัย เธอไม่คิดว่าเขาจะกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ แล้วที่นี้เธอจะทำอย่างไงดี คิดสิพิ้งค์คิดสิ
“คุณจะพาฉันไปไหนชัช” เสียงหวานของพระพายเอ่ยถามหลังจากนิ่งไปพักใหญ่
“ผมไม่พาคุณไปฆ่าหรอกน่า” คำว่าฆ่าหลุดออกจากปากของชัชชัยทำให้พระพายสั่นขึ้นมาทั้งกาย ด้วยความหวาดกลัว กลัวจะไม่มีชีวิตไปพบบิดามารดาและน้องสาวอันเป็นที่รัก หากเธอเป็นอะไรไปในระหว่างการเดินทางไปทำงานครั้งนี้ทั้งสามคนคงจะเสียใจอย่างที่สุด พระพายวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้เธอรอดพ้นจากเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้ด้วยดี สาธุ...คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองลูกด้วยนะคะ
“ชัชพิงค์ขอร้องปล่อยพิ้งค์ไปเถอะ เราเป็นเพื่อนกันนะ” พระพายคิดหาทางออกรู้ว่าคนอย่างชัชชัยที่เคยเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กใจอ่อนง่ายและยอมเธอมาตลอดหากเธอร้องขอด้วยสายตาอ้อนวอน
“เพื่อน...เพื่อนอย่าเอาคำนั้นมาพูดเลยพิ้งค์” ชัชชัยย้อนกลับจนคนวอนขอเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเจรจาใหม่อีกครั้ง
“พิ้งค์ไม่รู้ว่าชัชเดือดร้อนเรื่องอะไรทำไมไม่บอกพิ้งค์ล่ะเพื่อพิ้งค์จะช่วยชัชได้” ชัชชัยมองหน้าพระพายนิ่ง
“ผมเป็นหนี้อยู่ 10 ล้าน ต้องใช้คืนภายในสองวันนี้คุณช่วยได้มั้ย” พระพายตกตะลึงไม่คาดคิดว่าชัชชัยจะเป็นหนี้มากมายขนาดนี้
“ชัชติดการพนันใช่มั้ย เงินตั้งมากมายพิ้งค์มีเงินเก็บอยู่แค่ไม่กี่ล้านชัชเอาไปให้เขาก่อนได้มั้ย แล้วพิ้งค์จะขอยืมเงินคุณพ่อมาให้ชัชค่อยมาใช้คืนที่หลัง” คำต่อว่าของพระพายไม่ได้ทำให้ชัชชัยรู้สึกอะไรเพราะแท้จริงแล้วทุกอย่างที่เขาพูดออกมามันไม่ใช่เรื่องจริงสักนิดเดียว ชัชชัยตวาดใส่พระพายที่พยายามเสนอวิธีต่างๆ ให้ตนเองรอด
“ไม่ได้! ถ้าเขายอมผมคงไม่กลับมาจับคุณไปให้เขาหรอกจริงมั๊ย”
“ชัช เราต้องมีทางแก้ปัญหาสิอย่าทำแบบนี้เลย” ชัชชัยแสยะยิ้มน่าเกลียดใส่พระพาย
“ทางแก้ก็คือพาคุณไปให้เขาหนี้ก็จบแถมได้เงินใช้อีกต่างหากงานง่ายๆ สบายๆ” พระพายท้อใจไม่น้อยที่ไม่สามารถเปลี่ยนใจชัชชัยได้แม้จะยกป้าอิ่มแม่ป้าที่เลี้ยงดูชัชชัยมาตั้งแต่เด็กก็ไม่เป็นผล
“ทำไม! ชัชเปลี่ยนไปขนาดนี้ ถ้าป้าอิ่มรู้คงเสียใจมาก”
“อย่าเอาป้าอิ่มมาอ้าง” ชัชชัยรู้ทันพระพายไปเสียทุกทางแม้แต่เรื่องงานและบุญคุณที่บิดาของพระพายชุบเลี้ยงตนเองมา
“แต่คิดอีกทีเพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณของคุณท่านผมให้โอกาสคุณไปเจรจาธุรกิจให้มันจบๆ แต่อย่าคิดหนีเด็ดขาด” ถึงจะยินยอมแต่คนอย่างชัชชัยก็รอบคอบพอจึงขู่พระพายเอาไว้ก่อน พระพายมองหน้าอีกฝ่ายเหมือนไม่เชื่อ
“ผมไม่ได้แค่ขู่ ผมทำจริงเพราะถ้าคุณหนีชีวิตผมอาจไม่รอดเช่นกัน” ชัชชัยขู่สำทับไปอีกครั้ง
“ฉันไปทำอะไรให้คุณโกธรแค้นกันชัช” เสียงหวานเอ่ยถามใบหน้าเศร้าคิดถึงใครบางคนขึ้นมาในใจ ถ้าเขารู้ว่าเธอตกอยู่ในอันตรายเขาจะช่วยเธอหรือเปล่านะ
“เปล่า เพียงแต่คนที่เขาต้องการคุณเขาเสนอมาอย่างงาม ผมคงไม่โง่ทำเงินหลุดมือกับงานง่ายๆ” คำตอบของชัชชัยทำให้พระพายตกตะลึง
“คุณรู้อะไรไหมเงิน 20 ล้านเป็นค่าจ้างให้มาจับตัวคุณ ผมยังคิดไม่ถึงว่าจะมีคนอยากได้ตัวคุณมากขนาดนี้ ค่าตัวคุณมากกว่าดาราดังในฮอลลิวู้ดบางคนเสียอีก ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ชัชชัยหัวเราะใส่หน้าพระพายที่นั่งส่ายหน้าไปมาไม่เชื่อในสิ่งที่ชัชชัยพูด
“ไม่...ไม่จริงหรอกไม่มีใครยอมจ่ายเงินมากขนาดนั้นหรอก” เสียงหวานปฏิสธออกไปอย่างไม่แน่ใจนักพร้อมคำถามที่เกิดขึ้นในใจ ใครนะที่ยอมเสียเงินมากมายขนาดนั้นเพื่อให้ได้ตัวเธอแล้วบิดาจะรู้ไหมว่าเธอกำลังจะหายไปใครก็ได้ช่วยพิ้งค์ด้วยพิ้งค์ คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วยลูกยังไม่อยากหายไปจากโลกนี้ อัลฟาช่วยพิ้งค์ด้วย นั้นก็แค่เสียงที่ดังอยู่ในใจทั้งที่ภายนอกเรียบสนิทไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปากของพระพายอีกเลยและเป็นอยู่อย่างนั้นจนถึงสนามบินไคโร
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ