Sotus Vampire พี่ว้ากตัวร้าย กับ นายแวมไพร์ปีหนึ่ง
9.9
เขียนโดย HardRockSweet
วันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.34 น.
2 chapter
10 วิจารณ์
35.59K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 22.48 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) Sotus Vampire 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความSOTUS VAMPIRE
ตั้งแต่กลับมาจากIUAเดรฟาก็เอาแต่นั่งหน้าบึ้ง (ปกติก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับ) ไม่พูดไม่จา (ปกติก็ไม่ค่อยพูด) ไม่สนใจใคร (ปกตินอกจากพี่ชายก็ไม่สนใจใคร) ไอ้ที่ว่ามานั้นฟาเรย์ยังพอเข้าใจ
แต่ไอ้ที่รับไม่ได้แบบสุดเลยก็คือ ทำไมมันต้องสร้างพลังเยือกแข็งในห้องด้วย!!เด็กหนุ่มสั่นกึกๆประหนึ่งคนโดนองค์ลงอยู่หน้าเตาผิงภายในห้องพักของโรงแรมหรูดาวห้าแฉก
“เดรเลิกอารมณ์เสียสักทีเหอะ”ฟาเรย์บ่น หนาวเว้ยQ[]Q
โรงแรมที่พวกเขาพักอาศัยเป็นโรงแรมห้าดาวอันดับหนึ่งของเกาะIUAตั้งอยู่ส่วนนอกของเกาะ เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เป็นศิษย์เก่าให้มาพักผ่อนหย่อนใจ และเป็นถิ่นอาศัยของชาวIUA(หมายถึงพวกที่เรียนจบแล้วไม่อยากออกจากเกาะ ก็เลยตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยที่เกาะมันซะเลย จนกลายเป็นชนพื้นเมือง)
“ไม่..”
ไอ้น้องบ้านี่..บทมันจะนิ่งก็เย็นชาจนเป็นภูเขาน้ำ แข็ง แต่พอวีนทีก็อาละวาดหนักเป็นก๊อตซิล่า(อย่างน้อยมันก็ยอมเอาเสกหิมะออกไป) จะว่าไปแล้ว เขาก็ไม่เคยเห็นคนที่ทำให้เจ้าชายน้ำแข็งอารมณ์เสียได้ง่ายขนาดนี้ ปกติเวลามีคนมายั่วโมโหเดรฟา มันก็ไม่ยักสน หรือว่า..
“เดรฟา น้องชอบคนที่ชื่อเพลิงตะวันเหรอ”
“ไม่ใช่!!” เพล้ง!!
ปฏิเสธธรรมดาก็ได้ ไม่ต้องมีเอฟเฟคกระจกแตกหรอกT___T;
ฟาเรย์มองเศษกระจกฝีมือน้องชายจอมพยศที่กระจัดกระจายเกลื่อนกลาดเต็มพื้น
หมายความว่าต้องเสียเงินซ่อมกระจกใช่มั้ยเนี่ย..เรื่องอะไรล่ะ!
ฟาเรย์ยิ้มแพรวพราว ดวงตาเป็นประกาย ไหนๆก็ไม่ได้เกิดเป็นคนอยู่แล้วนี่นา
ละอองแสงสีฟ้าเหมือนสายน้ำเส้นหนึ่งถูกปล่อยออกมาปลายนิ้วของฟาเรย์ สาย น้ำเคลื่อนตัวไปที่เศษกระจกแตกร้าวก่อนจะที่ฟาเรย์จะสะบัดมือเบาๆ สายน้ำแตกออกเป็นสองสาย หมุนพันกันเป็นเกลียวคลื่นสวยหอบเอาเศษกระจกขึ้นไปประกอบยังบานหน้าต่าง เพียงไม่นานหน้าต่างบานสวยก็กลับมาเป็นปกติ ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน หรือมีรอยอะไรที่จะบ่งบอกว่ามันเคยแตกมาก่อน
นี่ล่ะ ความมหัศจรรย์ของเวทมนตร์!!
“กลับมาแล้วครับ^_____^” อัลเทลเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับสภาพที่มีหิมะติดตามเส้นผม (แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาดูหล่อน้อยลงสักนิด!) เขาถอดเสื้อโค้ดแล้วพาดมันไว้ สะบัดศีรษะนิดๆไล่หิมะออก
“หิมะตกหนักเลยเหรอฮะ”ฟาเรย์ถาม
“ถึงจะใกล้หมดฤดูหนาว แต่หิมะก็ยังตกหนักจริงๆนั้นล่ะครับ”
“แล้ววันนี้ที่ไปหาอธิการบดีIUA เป็นยังไงบ้างฮะ”
“อ้อ เรียบร้อยดีทุกอย่างครับ มานั่งตรงนี้สิผมจะให้ดูอะไร”อัลเทลวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ กาแฟทำจากไม้แกะสลักสวยงาม หน้าเตาผิงที่มีเปลวไฟลุกโชนให้ความอบอุ่น ฟาเรย์หย่อนก้นลงข้างๆร่างสูงโปร่ง ก่อนที่อัลเทลจะหันไปเรียกเจ้าชายน้ำแข็ง แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่ยอมมา อโลนไลฟ์..
“เดรฟาเป็นอะไรครับ?”
“อ๋อ มันดันไปเจอรักแรกพบตอนไปIUAน่ะฮะ”(เสียงเดรฟาแทรกขัดมาว่าไม่ใช่!!!)
“รักแรกพบ?” อัลเทลเลิกคิ้ว ...น่าสนใจใช่เล่น..
“ช่ายยย ผู้ชายผมทองๆหล่อๆ หน้าตาลูกครึ่ง เขาจะจูด๊วฟเดรฟาอ่ะฮะ”
“ค..แค่กๆ” ชายหนุ่มผมสีน้ำเงินสำลักน้ำชา
น้อยครั้งที่เขาจะกลายเป็นคนขี้ตกใจ ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะฉายาเจ้าชายน้ำแข็งตายด้านของเดรฟาน่ะ ไม่ใช่ได้มาเพราะดูเป็นคนนิ่งเฉยอย่างเดียว แต่มันลึกลับกว่านี้ต่างหาก
“จูด๊วฟเหรอครับ^^a”
“อือฮึOwO” ฟาเรย์หยิบขนมบิสกิตแท่งรสสตอเบอรี่มากัดดังเป๊าะ เป๊าะ
“ผมว่าเรามาคุยเรื่องงานกับภารกิจจากอธิการบดีบดินทร์ภัทรกันดีกว่า”
อัลเทลเกรงว่า ถ้าหากพวกเขายังอยู่ในประเด็นเดรฟาถูกจูด๊วฟต่อล่ะก็..มีหวังพรุ่งนี้หนังสือพิมพ์ของIUA ได้พาดหัวข่าวขึ้นหน้าหนึ่งว่า ‘ปริศนา คดีสังหารหมู่นักท่องเที่ยวในโรงแรมหรู กลางเกาะดัง’ แน่ๆ
ขณะที่เขาเล่ารายละเอียดคดีให้กับสองแฝดฟังนั้น ฟาเรย์ก็หยิบแฟ้มเอกสารมาเปิดอ่านไปพลางๆ ด้านในเป็นข้อมูลทุกอย่างของนักศึกษาทั้งสามคนที่หายตัวไปรวมไปจนถึงร่องรอยหลักฐานต่างๆ
ฟาเรย์ปิดแฟ้มเอกสารหลังจากที่อัลเทลเล่าจนจบ เด็กหนุ่มเอ่ย
“สรุปก็คือ ในระหว่างที่อัลเทลออกไปหาร่องรอยของคนร้ายเพิ่มที่เกาะนอก ผมกับเดรฟาจะต้องปลอบตัวเป็นนักศึกษาเข้าไปเรียนในIUA เพื่อสืบหาร่องรอยของคนร้ายจากภายในมหาวิทยาลัยและดูแลนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ไม่ให้ถูกคนร้ายลักพาตัวไป แบบนี้ใช่มั้ยฮะ”
“โดยเฉพาะลูกชายของเหล่าท่าน ท่านอธิการบดีกลัวว่าการที่นักศึกษาหายตัวไปอาจจะเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล ที่มีความขัดแย้งกันในด้านต่างๆ เป้าหมายแท้จริงอาจจะอยู่ที่ลูกหลานของใครสักคน”
“พวกผมสองคน กับนักศึกษาทั้งโรงเรียน จะไหวเหรอฮะอัลเทล”
“ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวผมจะสร้างบาเรียคลุมเฉพาะตัวมหาวิทยาลัยและหอพักของนักศึกษาเอาไว้ ป้องกันไม่ให้พวกGhostเข้ามายุ่งในระหว่างที่เรากำลังปฏิบัติภารกิจ มากกว่านั้น..ฟาเรย์ครับ”
“ฮะ?”
“ผมคงต้องขออนุญาตยึดพลังเวทย์ของเธอนะครับ^___^”
ว่าไงนะ!! O{}O
ยิ่งกว่าฟ้าผ่ากลางกบาล!!
“ถ้าจะยึดพลังเวทผมก็ฆ่าผมทิ้งซะเถอะ!!”
ขาดอินเตอร์เน็ตขาดได้ แต่ขาดพลังเวทย์ ฟาเรย์อยู่ไม่ด๊ายย!
อัลเทลมองอาการช็อคโอเว่อร์แอคชั่นแล้วยิ้มเทพบุตร^__^
ให้ตายเถอะ! รอยยิ้มนั่นสำหรับฟาเรย์น่ะ เขาไม่เคยมองว่ามันเป็นยิ้มที่เทพบุตรเลยสักนิดเดียว ไม่เข้าใจ ว่าทำไมคนอื่นถึงถูกคนแบบนี้หลอกได้กันนะฮึ!! ถ้าหากรู้ความจริงว่าอัลเทลเป็นใครล่ะก็ จะยังกล้าชมว่าพี่ท่านยิ้มเทพบุตรราวเจ้าชายเทวดาขี่ม้าขาวอยู่อีกหรือเปล่า
ฟาเรย์กลืนน้ำลายหนืด เขยิบก้นหนีอัลเทลไปจนสุดโซฟา จะตกแล้วค้าบTT;
“ผ..ผมไปหาอะไรกินดีกว่า=A=;;”
“คิดจะหนีผมเหรอ” หมับ!
อัลเทลคว้าข้อมือบางของไอ้ตัวแสบที่ตั้งท่าจะลุกหนี
“ม่ายยยย อุ๊บ!!OxO”
เสียงโหยหวนเสมือนเสียงสุนัข คลอดลูกถูกขัดด้วยริมฝีปากร้อนที่ประกบจูบลงบนกลีบปากบางอย่างรวดเร็ว ฟาเรย์หลับตาปี๋ ทั้งผลักทั้งดัน ปกป้องพลังเวทย์ของตัวเองที่กำลังถูกอัลเทลพรากออกไปเรื่อยๆ จนเส้นผมสีกรีนแซฟไฟร์ของเด็กหนุ่มค่อยๆจางอ่อนลงจนกลายเป็นสีเทาอ่อน
อ๊ากกกกก พลังโผ้ม!
ฟาเรย์อยากร้องไห้ ไม่มีเวทมนตร์ก็เหมือนคนพิการ!
“ลองอยู่แบบมนุษย์ธรรมดาดูบ้าง เธอจะได้รู้ว่าการทำอะไรให้ประสบความสำเร็จด้วยฝีมือของตัวเองก็สร้างความ ภูมิใจได้ไม่ต่างกับการใช้เวทมนตร์หรอกนะครับ^^” อัลเทลยิ้มอ่อนโยน (ซึ่งเป็นอะไรที่ขัดกับการกระทำของพี่ท่านแบบนรกกับเหว)
ไอ้นี่ก็เป็นห่วงไม่ถงไม่ถามเรื่องสุขภาพซ๊ากคำT^T
“ถ้าเกิดผมถูกGhostโจมตี จะเอาพลังเวทย์ที่ไหนไปสู้กับพวกมันล่ะฮะ”
“เธอเคยสู้กับGhostด้วยเหรอครับ^^”
ฉึก!!
ลูกดอกปักจึกกลางหน้าอก ทะลุถึงหัวใจ
“ก็นะ...” ฟาเรย์ตอบอ้อมแอ้ม ปกติเวลาเจอGhost ก็วิ่งหนีตลอด
ส่วนคนที่จัดการจริงๆน่ะ..
“ถ้าGhost โผล่มาก็เรียกเดรฟาสิครับ เพราะไม่ว่ายังไงเดรฟาก็คงไม่ยอมให้พี่ชายสุดที่รัก (ณ จุดนี้เดรฟาหันมาจ้องอัลเทลเขม็น) ตกอยู่ในอันตราย ต่อให้ตอนนั้นตัวเขากำลังจะใกล้ตายเพราะถูกรถสิบล้อทับก็ตาม (รถสิบล้อทับก็ไม่น่าจะทำให้เดรฟาตายได้หรอกนะ) จริงมั้ยครับ^^”
“ทำไมถึงต้องยึดพลังผมด้วย ผมไม่เข้าใจ!” ไม่ว่ายังไงก็ยอมรับสภาพแบบนี้บ่ได้T^T
“เพราะเธอใช้เวทมนตร์มั่วซั่วอย่างเช่น ซ่อมหน้าต่างแตก(ณ จุดนี้ฟาเรย์สะดุ้ง เหวอ=A= อัลเทลรู้ได้เยี่ยงไร) ที่นี่โลกมนุษย์นะครับไม่ใช่ดินแดนบ้านเกิดของพวกเราที่นึกอยากจะเรียกมังกร ก็อัญเชิญแหวกท้องฟ้าออกมา ถ้าขืนทำเรื่องแบบนั้นบนโลกมนุษย์ คงถูกพวกผู้ใหญ่ดุแน่ๆ”
อย่างคุณ กลัวเรื่องแบบนี้ด้วยงั้นเรอะ!
อัลเทลอ่านความคิดผ่านสีหน้าของฟาเรย์ออก เขายิ้ม
“เดี๋ยวก็ชินครับ^___^”
ใครอยากชินมิทราบ ฟาเรย์ ตัดเพ้อใส่ร่างสูง เด็กหนุ่มสะบัดหน้าหนีประหนึ่งกำลังเล่นมิวสิกวิดิโอเพลงพ่อแง่แม่งอน ก่อนจะร้องอ้าว?ในเวลาต่อมา “น้องชายผมไปไหนOAO!”
ก่อนหน้านี้ยังนั่งตรงริมหน้าต่างอยู่เลยไม่ใช่เหรอ
ไร้ร่องรอยของน้องชายฝาแฝดซึ่ง ก่อนหน้านี้มันยังนั่งอยู่ดีๆ บานหน้าต่างที่เคยปิดสนิทเปิดออกกว้าง คาดว่าเดรฟาคงกระโดดออกไปจากทางนี้ ผ้า ม่านโบกสะบัดด้วยลมแรง ไอหนาวโอบพัดเข้ามาด้านในจนหนาวเยือก คนเป็นพี่ชายก้าวฉับๆแล้วลอดศีรษะออกมานอกหน้าต่าง ร่างเล็กสอดส่องหาร่างของน้องชายบนถนนทางเดิน
ท่ามกลางหิมะขาวโพลน เดรฟาไม่ได้ใส่เสื้อโค้ดกันหนาว
ใบหน้าคมสวยจัดเงยหน้าขึ้นไปหา พี่ชายที่ตะโกนแหกปากเป็นจูเลียตร้องหาโรมิโออยู่ด้านบน ก่อนจะสะบัดเรือนผมยาวอ้อมไหล่ซ้าย แล้วเดินหายเข้าไปในฝูงชน
..จะว่าไปก็ยังไม่ได้ “ดื่ม” สิ่งนั้นมาเดือนหนึ่งแล้ว วันนี้คงต้องหาอะไร “ดื่ม” หน่อยดีกว่า..
HardRock Sweet Club [HSC]
“อี้ฟาน ดื่มหนักขนาดนั้นเดี๋ยวก็เมาหรอก=_=;” มู่หลานเอ่ยเตือนเพื่อนสนิทต่างคณะที่เล่นกระดกเหล้าเข้าปากราวกับดื่มน้ำเปล่าบริสุทธิ์ใสไร้สิ่งเจือปน “พรุ่งนี้มึงต้องว้ากน้องไม่ใช่รึไง”
“ไม่ม๊าวว>0< กูจะเมาได้ไงไอ้มู่!”
ฉิงอี้ฟาน หรือ คริส หนุ่มหล่อสายเลือกจีนแท้ ลูกชายเจ้าพ่อมังกรหยก เจ้าของตำแหน่งเฮดว้ากคณะสถาปัตรยกรรมศาสตร์แห่งIUA ใบหน้ารูปงามราวกับหนุ่ม2Dที่หลุดออกมาจากเกมส์จีบหนุ่มดูขึ้นสีแดงเล็กน้อยด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ บวกกับท่าทางก่งก๊งไม่เป็นผู้เป็นคนจนไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือ‘คริส เดอะ หนุ่มโคตรหล่อเย็นชา’ ใครมาเป็นเห็นต้องเสื่อมศรัทธากันเลยทีเดียว
มู่หลาน เห็นชื่ออย่างกับนางเอกนิทานวอลล์ดิสนีย์ แต่ความจริงแล้วเป็นผู้ชายนะครับพี่น้อง อย่าเข้าใจไอ้มู่ผิด ถึงแม้หน้าตามันจะหวานฉ่ำจนชาวบ้านทักว่ามันเป็นทอมบ่อยครั้งก็ตาม
“อี้ฟาน กูว่ามึงเลิกดื่มเหอะ”
ไม่ใช่อะไร มู่หลานขี้เกียจแบกมันกลับหอพัก!
คริสคว้าแก้วเหล้าที่มู่หลานฉกไปคืนมา ก่อนจะบอกกับมู่หลานว่า..
“กินเหล้าแล้วเมา มันไม่ใช่สไตล์ของคริส”
“สไตล์พ่องงง! กูเห็นมึงเมาจนคุยกับไม้ถูพื้นได้แล้วไอ้คริส แหม่! หน้าตาก็จีนเสือกกระแดให้พวกกูเรียกมึงว่าคริสอีกนะ พ่อจอมอาร์ต พ่อเฟอร์เฟคบอยยยยยย!!” เสียงแหลมปรอดแตกพร้อมกับฝ่ามือเทพเจ้าที่ฟาดกลางกบาลฉิงอี้ฟานเสียงดังผลั๊วะ! แรงปะทะรุนแรงจนหัวพ่ออี้ฟานกระแทกไม้ถูพื้นอีกที
หมดกัน..ภาพลักษณ์เย็นชาที่ฉิงอี้ฟานสร้างมากับมือ(?)
ต่อให้หล่อเหมือนออกมาจากการ์ตูนแค่ไหน ก็คงช่วยเหลืออะไรไม่ได้แล้วในจุดนี้=_=;
คิมฮีชอล หนุ่มแดนโสมดัง กิมจิอร่อย นักศึกษาปี4 คณะนิเทศศาสตร์แห่งIUA ทิ้ง ตัวนั่งสลับขาไขว่ห้างลงบนโซฟาสีดำตัดกับกางเกงยีนส์สีแดงเลือดหมู มือเรียวตวัดหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มอย่างดัดจริตชนิดกระเทยเห็นเป็นต้องอาย กันเป็นแถบๆ
“เหล้าของกูนะ” อี้ฟานชี้=0=! (เมาแล้วไม่เจียมกะลาหัว)
“มันไม่ได้เขียนป้ายชื่อแปะไว้ เพราะงั้นกูกินได้= =” อีกคนก็กวนตีลล์ไม่ต่างกัน
“อิเจ้แย่งเหล้ากูT0T”
“เจ้พ่องงง กูเป็นผู้ชาย!” ฮีชอลเอาเท้ายันฉิงอี้ฟานตกโซฟาอีกรอบ
“ช่วงนี้คริสเขาค่อนข้างจะเก็บกดน่ะครับ” มู่หลานพยุงเพื่อน(ภาระ)ให้มันนั่งดีๆ
“เก็บกดไร”
“คริสเป็นเฮดว้าก จากปกติที่รักษาภาพลักษณ์เย็นชาในระดับหนึ่ง ยกเว้นช่วงเวลาเย็นกับตอนมาเที่ยวคลับกับพวกเรา แถมช่วงนี้เป็นเทศกาลรับน้อง เขาเลยต้องเปลี่ยนจากรักษาภาพลักษณ์ในระดับหนึ่งมาเป็น รักษาภาพลักษณ์เย็นชาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง พอทำมากๆเข้าก็เลยเก็บกด”
เรื่องมันเศร้า ชักธงแปปT__T;
ฮีชอลไม่รู้จะสงสารหรือหัวเราะเยาะมันดี ฉิงอี้ฟานเอ๋ยยยยยยยยยยยยย
“พอๆ มึงเลิกดื่มได้แล้วคริส” ฮีชอลหยิบขวดเหล้าหนี
“คริสจะอาวววว”
“มึงหัดอยู่เงียบๆแบบราชันย์บ้างสิวะ เชี่ย! ไอ้ราชันย์มันมารึเปล่าวะเนี่ย”
“ผมยังไม่เห็นพี่คิง(ราชันย์)เลยครับ” ไอ้มู่หลานมันบอก
ก่อนที่มือเย็นๆตะปบหมับที่หลังคอของฮีชอล หนุ่มแดนโสมร้องลั่น
“เรียก...ผมเหรอ...” เจ้าของมือเย็นๆเงยหน้าที่ฟุบบนโต๊ะขึ้น เผยให้เห็นซากศพ เอ้ย! สภาพคนอดหลับอดนอนของราชันน์ ผมเพ้ายาวรุงรังปรกหน้าปรกตา หนวดขึ้นจนเห็นชัดบ่งบอกว่าเจ้าตัวไม่ค่อยดูดำดูดีกับตัวเองสักเท่าไหร่ เปรียบเทียบง่ายๆว่าขอทานผู้ไม่มีอันจะกินยังดูดีกว่ามัน
“เชี่ยยย มึงโผล่มาแบบคนปกติไม่ได้รึไง” ฮีชอลใจหายวาบ เกือบช็อคตายแล้วกู=[]=
“ไม่มีไรเหรอ?...ผม..นอนล่ะ..” ราชันย์ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ เสียงเพลงเต้นแร้งเต้นกาดังกระหึ่มแค่ไหนก็ไม่อาจสามารถรบกวนราชันย์แห่งการหลับได้ตลอดเวลาอย่างเขาได้ คร่อก..ฟี้
“จะว่าไปเมื่อช่วงบ่ายก็มีคนสร้างวีรกรรมฮีโร่ไว้นี่ ใช่มั้ยซันเชต”
ฮีชอลทัก(กัดจิก)เฮดว้ากแห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาประหนึ่งเจ้าที่เฝ้ายาม
ดูมัน.. กูทักแล้วยังเสือกไม่รู้สึกตัว=_=;
“ซันเซต! มึงเป็นอะไรเนี่ยยยยย!!” ขนาดเข้าไปตะโกนใกล้ๆหูมันยังไม่กระดิก
“สงสัยใจลอยไปหาเด็กแฝด” อี้ฟานแซว
“เด็กแฝด?” เนื่องจากเมื่อตอนบ่ายฮีชอลไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เลยไม่เห็นช็อตเด็ด
“ก็เด็กแฝดที่ซันเซตมันเกือบจะจูดุ๊บจุ๊บปี้ไง”
จูดุ๊บจุ๊บปี้?
ฮีชอลมองเพลิงตะวันแล้วแกล้งถาม “คิดถึงเด็กที่จูดุ๊บจุ๊ปปี้อยู่เหรอ ซันเซต”
“อืม..” มันพยักหน้าด้วยเว้ยO[ ]O
“..แววตานั่นน่าสนใจ..” เพลิงตะวันพึมพำกับตัวเอง
...แววตาหวาดกลัว...มันดูไม่ เข้ากับท่าทางพยศเย็นชาของร่างเพรียว..แต่มันกลับมีบางอย่างที่ดึงดูดให้เขา คิดถึงแต่แววตานั้นของเด็กหนุ่มอยู่ตลอดเวลา คิดจนหัวแทบระเบิดก็นึกไม่ออก..ว่าเพราะอะไร..
“เจ้พูดอะไรใครเป็นฮีโร่ ผมก็เป็นฮีโร่เหมือนกันนะเจ้!” คริสมันเถียง
“ที่มึงกลิ้งตกบันไดใช่มั้ย?=_=”
“รู้ได้ไงOAO ไหนบอกว่าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ไงอิเจ้!”
“กูได้ยินเด็กในคณะมันคุยกัน แล้วที่สำคัญมึงต้องเรียกกูว่าเฮียไม่ใช่อิเจ้!!”
“ก็เรียกว่าอิเจ้มันดูแรดๆ เข้ากับเจ้ดี=3=”
อีสมคริส!!
“โอ๊ะ นั่นไงๆ พูดถึงปุ๊บก็มาปั๊บ เด็กที่ซันมันจูดุ๊บจุ๊บปี้!!”
เสียงของคริสดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงของเฮดว้ากแห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่ลุกเดินออกไป
ชาวประชาถึงกับมองตาค้างOAO;;
“มึงว่า..งานนี้กูจะได้น้องสะใภ้เป็นผู้ชายรึเปล่าวะ”ฮีชอลเริ่มเปิดประเด็นก่อนคนแรก
“ทำไมคิดงั้นอ่ะเจ้” สมคริสสมองช้า ถามอย่างงงงวง
“โหยยไอ้โง่ มึงไม่เห็นท่าทางของซันมันรึไงวะ เห็นๆอยู่ว่ามันกำลังเพ้อ”
“เพ้ออะไรอ่ะ?” บางครั้งสมองอิสมคริสมันก็ช้าเกินไป=0=
“เพ้อเพราะตกหลุมรักแรกพบครับ” มู่หลานยิ้มก่อนเสริม “เหมือนสาวน้อยตาหวานในหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่พระเอกกับนางเอกเจอกันครั้ง แรก ก็ตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกเห็น><”
ฉิงอี้ฟานอึ้งแปป “เดี๋ยวนะ มันจะเป็นการตกหลุมรักแรกพบได้ยังไง ก็ในเมื่อไอ้ซันมันไปกวนโมโหไอ้เด็กหัวม่วง จะบอกว่าไอ้ซันมันตกหลุมรักไอ้เด็กหัวม่วงหลังจากที่มันถูกเขาต่อยมาน่ะเหรอ!!?”
“สุดหล่อ นั่งกับเค้ามั้ย><”
“ตัวเองงง มาเที่ยวคนเดียวเหรออออ”
น่าเบื่อ...
“ขอเบอร์หน่อยสิ เธอววว์”
“มีแฟนรึยังอ่ะ มาเป็นแฟนกับเค้าม๊า”
น่ารำคาญ...
“ฮิ๊วววววววว รับสมัครกิ๊กป่ะ”
“น้องสาวคนสวย คืนนี่สนใจอยากเป็นเมียพี่มั้ยค๊าบบบ”
น้องสาวงั้นเหรอ!
กึก!!
เดรฟาเบรกกึ่กอัตโนมัติ ตอน แรกก็ตั้งใจว่าจะไม่สนเสียงนกเสียงกาที่แซวลอยมาตามลม แต่เหมือนไอ้ประโยคสุดท้ายดูจะเป็นอะไรที่เขาไม่สามารถเมินผ่านไปได้ง่ายๆ เขาหันขวับมองกลุ่มวัยรุ่นประมาณสิบกว่าคนที่ร้องแซว กวักมือเรียกให้เดรฟาไปที่โต๊ะ(มานยังไม่รู้ชะตากรรม)
มันมองยังไงว่าเขาเป็นผู้หญิง แบนขนาดนี้!!
“น้องสาว ใครเป็นคนพูดเหรอ..”
“พี่เองล่ะจ๊ะ หรือน้องสาวอยากจะเป็นอย่างอื่นมากกว่า” หนุ่มผมดำเซททรงตั้งๆชี้ๆ แต่งกายแนวพังค์ ทาเล็บสีดำ สวมกำไลหัวกะโหลกเต็มแขน ก้าวมาหาเดรฟาพร้อมกับยิ้มโปรยเสน่ห์
“ผมเป็นผู้ชาย”
“ผู้ชายอะไรจะสวย แถม..ผมห๊อมหอม=oo=”
หนุ่มพังค์มือบอลไม่อยู่สุขเกี่ยวปอยผมนิ่มดุจเส้นไหมขึ้นมาจรดริมฝีปาก
สายตาน่ารังเกียจมองอย่างโลมเลีย หื่นไม่ปิดบัง
เดรฟายกมือขึ้นสะบัดผมเบาๆ เส้นไหมนุ่มพลิ้วสลวยตามการเคลื่อนไหว ค่อยๆลู่ตกไปทางไหล่ขวาอย่างสวยงาม แพขนตาหนาช้อนนัยน์ตาทรงเสน่ห์คู่สวยขึ้นช้าๆ จนผู้สบตาถึงกลับใจสั่น
“ไปตายซะ..”
“น้องสาวพูดอะไรนะ พี่ไม่ได้ย..”
ผลั๊วะ! โครมคราม!
การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วจนจับภาพไม่ได้ หนุ่ม พังค์ผมดำถูกทำอะไรสักอย่างจนเซกระแทกกับโต๊ะกลางวงเหล้า ข้าวของกระจัดกระจาย ไอ้พวกที่นั่งอยู่แทบจะลุกออกจากที่นั่งเกือบไม่ทัน
“เชี่ยยย! เกิดอะไรขึ้นวะ” หนึ่งในกลุ่มที่มาด้วยกันเข้าไปพยุงหนุ่มพังค์ที่มีเลือดไหลกลบปาก
“ม..มันต่อยกู สัด!” หนุ่มพังค์ชี้ไปที่เดรฟา
เจ้าของใบหน้าคมสวยยืนนิ่งวางมาดเจ้าชายน้ำแข็งจอมเย็นชา ไม่สะท้าน
“เข้ามาสิ เดี๋ยวจะขย้ำให้ตาย..” เดรฟาเอ่ย
เพล้ง!
ไอ้หนุ่มพังค์หัวส้มอีกคนทุบขวดเหล้ากับโต๊ะทำฟันฉลาม เสียงเชียร์จากคนในกลุ่มทำเอามันหึกเหิมราวกับไฟป่าที่กำลังจะทำลายหยดน้ำ แต่พวกเขาเองก็ลืมไปว่าหยดน้ำหยดนี้เป็นน้ำแข็ง
“อย่าอยู่เลยมึง!!”
เดรฟาแสยะยิ้ม ไม่ได้เตรียมตั้งรับแต่ปล่อยให้ไอ้หนุ่มพังค์วิ่งถือฟันฉลามมาหา...
กรี๊ดดดดดดดดดด
พวกผู้หญิงพากันหวีดร้องเพราะคิดว่าเดรฟาคงหลบไม่พัน
หมับ!
“กรุณาหยุดการทะเลาะวิวาทเพียงแค่นี่เถอะครับ!!” ร่างสูงโปร่งผมสีบลอนด์ทองสว่างเข้ามาขวางระหว่างกลาง มือซ้ายกำแขนของหนุ่มหัวพังค์แน่น บีบอย่างรุนแรงไม่ต่างจากนัยน์ตาคมกริบที่จ้องเขม็นใส่
เดรฟาเบ้ปากทันทีที่เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย เสือกไม่เข้าเรื่อง!
เพลิงตะวัน แอนเดอร์ซัน
.............
โปรดติดตามตอนต่อไป
ด้วยรักและฟิน
HARDROCK SWEET
©Tenpoints!
ตั้งแต่กลับมาจากIUAเดรฟาก็เอาแต่นั่งหน้าบึ้ง (ปกติก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับ) ไม่พูดไม่จา (ปกติก็ไม่ค่อยพูด) ไม่สนใจใคร (ปกตินอกจากพี่ชายก็ไม่สนใจใคร) ไอ้ที่ว่ามานั้นฟาเรย์ยังพอเข้าใจ
แต่ไอ้ที่รับไม่ได้แบบสุดเลยก็คือ ทำไมมันต้องสร้างพลังเยือกแข็งในห้องด้วย!!เด็กหนุ่มสั่นกึกๆประหนึ่งคนโดนองค์ลงอยู่หน้าเตาผิงภายในห้องพักของโรงแรมหรูดาวห้าแฉก
“เดรเลิกอารมณ์เสียสักทีเหอะ”ฟาเรย์บ่น หนาวเว้ยQ[]Q
โรงแรมที่พวกเขาพักอาศัยเป็นโรงแรมห้าดาวอันดับหนึ่งของเกาะIUAตั้งอยู่ส่วนนอกของเกาะ เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เป็นศิษย์เก่าให้มาพักผ่อนหย่อนใจ และเป็นถิ่นอาศัยของชาวIUA(หมายถึงพวกที่เรียนจบแล้วไม่อยากออกจากเกาะ ก็เลยตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยที่เกาะมันซะเลย จนกลายเป็นชนพื้นเมือง)
“ไม่..”
ไอ้น้องบ้านี่..บทมันจะนิ่งก็เย็นชาจนเป็นภูเขาน้ำ แข็ง แต่พอวีนทีก็อาละวาดหนักเป็นก๊อตซิล่า(อย่างน้อยมันก็ยอมเอาเสกหิมะออกไป) จะว่าไปแล้ว เขาก็ไม่เคยเห็นคนที่ทำให้เจ้าชายน้ำแข็งอารมณ์เสียได้ง่ายขนาดนี้ ปกติเวลามีคนมายั่วโมโหเดรฟา มันก็ไม่ยักสน หรือว่า..
“เดรฟา น้องชอบคนที่ชื่อเพลิงตะวันเหรอ”
“ไม่ใช่!!” เพล้ง!!
ปฏิเสธธรรมดาก็ได้ ไม่ต้องมีเอฟเฟคกระจกแตกหรอกT___T;
ฟาเรย์มองเศษกระจกฝีมือน้องชายจอมพยศที่กระจัดกระจายเกลื่อนกลาดเต็มพื้น
หมายความว่าต้องเสียเงินซ่อมกระจกใช่มั้ยเนี่ย..เรื่องอะไรล่ะ!
ฟาเรย์ยิ้มแพรวพราว ดวงตาเป็นประกาย ไหนๆก็ไม่ได้เกิดเป็นคนอยู่แล้วนี่นา
ละอองแสงสีฟ้าเหมือนสายน้ำเส้นหนึ่งถูกปล่อยออกมาปลายนิ้วของฟาเรย์ สาย น้ำเคลื่อนตัวไปที่เศษกระจกแตกร้าวก่อนจะที่ฟาเรย์จะสะบัดมือเบาๆ สายน้ำแตกออกเป็นสองสาย หมุนพันกันเป็นเกลียวคลื่นสวยหอบเอาเศษกระจกขึ้นไปประกอบยังบานหน้าต่าง เพียงไม่นานหน้าต่างบานสวยก็กลับมาเป็นปกติ ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน หรือมีรอยอะไรที่จะบ่งบอกว่ามันเคยแตกมาก่อน
นี่ล่ะ ความมหัศจรรย์ของเวทมนตร์!!
“กลับมาแล้วครับ^_____^” อัลเทลเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับสภาพที่มีหิมะติดตามเส้นผม (แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาดูหล่อน้อยลงสักนิด!) เขาถอดเสื้อโค้ดแล้วพาดมันไว้ สะบัดศีรษะนิดๆไล่หิมะออก
“หิมะตกหนักเลยเหรอฮะ”ฟาเรย์ถาม
“ถึงจะใกล้หมดฤดูหนาว แต่หิมะก็ยังตกหนักจริงๆนั้นล่ะครับ”
“แล้ววันนี้ที่ไปหาอธิการบดีIUA เป็นยังไงบ้างฮะ”
“อ้อ เรียบร้อยดีทุกอย่างครับ มานั่งตรงนี้สิผมจะให้ดูอะไร”อัลเทลวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ กาแฟทำจากไม้แกะสลักสวยงาม หน้าเตาผิงที่มีเปลวไฟลุกโชนให้ความอบอุ่น ฟาเรย์หย่อนก้นลงข้างๆร่างสูงโปร่ง ก่อนที่อัลเทลจะหันไปเรียกเจ้าชายน้ำแข็ง แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่ยอมมา อโลนไลฟ์..
“เดรฟาเป็นอะไรครับ?”
“อ๋อ มันดันไปเจอรักแรกพบตอนไปIUAน่ะฮะ”(เสียงเดรฟาแทรกขัดมาว่าไม่ใช่!!!)
“รักแรกพบ?” อัลเทลเลิกคิ้ว ...น่าสนใจใช่เล่น..
“ช่ายยย ผู้ชายผมทองๆหล่อๆ หน้าตาลูกครึ่ง เขาจะจูด๊วฟเดรฟาอ่ะฮะ”
“ค..แค่กๆ” ชายหนุ่มผมสีน้ำเงินสำลักน้ำชา
น้อยครั้งที่เขาจะกลายเป็นคนขี้ตกใจ ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะฉายาเจ้าชายน้ำแข็งตายด้านของเดรฟาน่ะ ไม่ใช่ได้มาเพราะดูเป็นคนนิ่งเฉยอย่างเดียว แต่มันลึกลับกว่านี้ต่างหาก
“จูด๊วฟเหรอครับ^^a”
“อือฮึOwO” ฟาเรย์หยิบขนมบิสกิตแท่งรสสตอเบอรี่มากัดดังเป๊าะ เป๊าะ
“ผมว่าเรามาคุยเรื่องงานกับภารกิจจากอธิการบดีบดินทร์ภัทรกันดีกว่า”
อัลเทลเกรงว่า ถ้าหากพวกเขายังอยู่ในประเด็นเดรฟาถูกจูด๊วฟต่อล่ะก็..มีหวังพรุ่งนี้หนังสือพิมพ์ของIUA ได้พาดหัวข่าวขึ้นหน้าหนึ่งว่า ‘ปริศนา คดีสังหารหมู่นักท่องเที่ยวในโรงแรมหรู กลางเกาะดัง’ แน่ๆ
ขณะที่เขาเล่ารายละเอียดคดีให้กับสองแฝดฟังนั้น ฟาเรย์ก็หยิบแฟ้มเอกสารมาเปิดอ่านไปพลางๆ ด้านในเป็นข้อมูลทุกอย่างของนักศึกษาทั้งสามคนที่หายตัวไปรวมไปจนถึงร่องรอยหลักฐานต่างๆ
ฟาเรย์ปิดแฟ้มเอกสารหลังจากที่อัลเทลเล่าจนจบ เด็กหนุ่มเอ่ย
“สรุปก็คือ ในระหว่างที่อัลเทลออกไปหาร่องรอยของคนร้ายเพิ่มที่เกาะนอก ผมกับเดรฟาจะต้องปลอบตัวเป็นนักศึกษาเข้าไปเรียนในIUA เพื่อสืบหาร่องรอยของคนร้ายจากภายในมหาวิทยาลัยและดูแลนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ไม่ให้ถูกคนร้ายลักพาตัวไป แบบนี้ใช่มั้ยฮะ”
“โดยเฉพาะลูกชายของเหล่าท่าน ท่านอธิการบดีกลัวว่าการที่นักศึกษาหายตัวไปอาจจะเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล ที่มีความขัดแย้งกันในด้านต่างๆ เป้าหมายแท้จริงอาจจะอยู่ที่ลูกหลานของใครสักคน”
“พวกผมสองคน กับนักศึกษาทั้งโรงเรียน จะไหวเหรอฮะอัลเทล”
“ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวผมจะสร้างบาเรียคลุมเฉพาะตัวมหาวิทยาลัยและหอพักของนักศึกษาเอาไว้ ป้องกันไม่ให้พวกGhostเข้ามายุ่งในระหว่างที่เรากำลังปฏิบัติภารกิจ มากกว่านั้น..ฟาเรย์ครับ”
“ฮะ?”
“ผมคงต้องขออนุญาตยึดพลังเวทย์ของเธอนะครับ^___^”
ว่าไงนะ!! O{}O
ยิ่งกว่าฟ้าผ่ากลางกบาล!!
“ถ้าจะยึดพลังเวทผมก็ฆ่าผมทิ้งซะเถอะ!!”
ขาดอินเตอร์เน็ตขาดได้ แต่ขาดพลังเวทย์ ฟาเรย์อยู่ไม่ด๊ายย!
อัลเทลมองอาการช็อคโอเว่อร์แอคชั่นแล้วยิ้มเทพบุตร^__^
ให้ตายเถอะ! รอยยิ้มนั่นสำหรับฟาเรย์น่ะ เขาไม่เคยมองว่ามันเป็นยิ้มที่เทพบุตรเลยสักนิดเดียว ไม่เข้าใจ ว่าทำไมคนอื่นถึงถูกคนแบบนี้หลอกได้กันนะฮึ!! ถ้าหากรู้ความจริงว่าอัลเทลเป็นใครล่ะก็ จะยังกล้าชมว่าพี่ท่านยิ้มเทพบุตรราวเจ้าชายเทวดาขี่ม้าขาวอยู่อีกหรือเปล่า
ฟาเรย์กลืนน้ำลายหนืด เขยิบก้นหนีอัลเทลไปจนสุดโซฟา จะตกแล้วค้าบTT;
“ผ..ผมไปหาอะไรกินดีกว่า=A=;;”
“คิดจะหนีผมเหรอ” หมับ!
อัลเทลคว้าข้อมือบางของไอ้ตัวแสบที่ตั้งท่าจะลุกหนี
“ม่ายยยย อุ๊บ!!OxO”
เสียงโหยหวนเสมือนเสียงสุนัข คลอดลูกถูกขัดด้วยริมฝีปากร้อนที่ประกบจูบลงบนกลีบปากบางอย่างรวดเร็ว ฟาเรย์หลับตาปี๋ ทั้งผลักทั้งดัน ปกป้องพลังเวทย์ของตัวเองที่กำลังถูกอัลเทลพรากออกไปเรื่อยๆ จนเส้นผมสีกรีนแซฟไฟร์ของเด็กหนุ่มค่อยๆจางอ่อนลงจนกลายเป็นสีเทาอ่อน
อ๊ากกกกก พลังโผ้ม!
ฟาเรย์อยากร้องไห้ ไม่มีเวทมนตร์ก็เหมือนคนพิการ!
“ลองอยู่แบบมนุษย์ธรรมดาดูบ้าง เธอจะได้รู้ว่าการทำอะไรให้ประสบความสำเร็จด้วยฝีมือของตัวเองก็สร้างความ ภูมิใจได้ไม่ต่างกับการใช้เวทมนตร์หรอกนะครับ^^” อัลเทลยิ้มอ่อนโยน (ซึ่งเป็นอะไรที่ขัดกับการกระทำของพี่ท่านแบบนรกกับเหว)
ไอ้นี่ก็เป็นห่วงไม่ถงไม่ถามเรื่องสุขภาพซ๊ากคำT^T
“ถ้าเกิดผมถูกGhostโจมตี จะเอาพลังเวทย์ที่ไหนไปสู้กับพวกมันล่ะฮะ”
“เธอเคยสู้กับGhostด้วยเหรอครับ^^”
ฉึก!!
ลูกดอกปักจึกกลางหน้าอก ทะลุถึงหัวใจ
“ก็นะ...” ฟาเรย์ตอบอ้อมแอ้ม ปกติเวลาเจอGhost ก็วิ่งหนีตลอด
ส่วนคนที่จัดการจริงๆน่ะ..
“ถ้าGhost โผล่มาก็เรียกเดรฟาสิครับ เพราะไม่ว่ายังไงเดรฟาก็คงไม่ยอมให้พี่ชายสุดที่รัก (ณ จุดนี้เดรฟาหันมาจ้องอัลเทลเขม็น) ตกอยู่ในอันตราย ต่อให้ตอนนั้นตัวเขากำลังจะใกล้ตายเพราะถูกรถสิบล้อทับก็ตาม (รถสิบล้อทับก็ไม่น่าจะทำให้เดรฟาตายได้หรอกนะ) จริงมั้ยครับ^^”
“ทำไมถึงต้องยึดพลังผมด้วย ผมไม่เข้าใจ!” ไม่ว่ายังไงก็ยอมรับสภาพแบบนี้บ่ได้T^T
“เพราะเธอใช้เวทมนตร์มั่วซั่วอย่างเช่น ซ่อมหน้าต่างแตก(ณ จุดนี้ฟาเรย์สะดุ้ง เหวอ=A= อัลเทลรู้ได้เยี่ยงไร) ที่นี่โลกมนุษย์นะครับไม่ใช่ดินแดนบ้านเกิดของพวกเราที่นึกอยากจะเรียกมังกร ก็อัญเชิญแหวกท้องฟ้าออกมา ถ้าขืนทำเรื่องแบบนั้นบนโลกมนุษย์ คงถูกพวกผู้ใหญ่ดุแน่ๆ”
อย่างคุณ กลัวเรื่องแบบนี้ด้วยงั้นเรอะ!
อัลเทลอ่านความคิดผ่านสีหน้าของฟาเรย์ออก เขายิ้ม
“เดี๋ยวก็ชินครับ^___^”
ใครอยากชินมิทราบ ฟาเรย์ ตัดเพ้อใส่ร่างสูง เด็กหนุ่มสะบัดหน้าหนีประหนึ่งกำลังเล่นมิวสิกวิดิโอเพลงพ่อแง่แม่งอน ก่อนจะร้องอ้าว?ในเวลาต่อมา “น้องชายผมไปไหนOAO!”
ก่อนหน้านี้ยังนั่งตรงริมหน้าต่างอยู่เลยไม่ใช่เหรอ
ไร้ร่องรอยของน้องชายฝาแฝดซึ่ง ก่อนหน้านี้มันยังนั่งอยู่ดีๆ บานหน้าต่างที่เคยปิดสนิทเปิดออกกว้าง คาดว่าเดรฟาคงกระโดดออกไปจากทางนี้ ผ้า ม่านโบกสะบัดด้วยลมแรง ไอหนาวโอบพัดเข้ามาด้านในจนหนาวเยือก คนเป็นพี่ชายก้าวฉับๆแล้วลอดศีรษะออกมานอกหน้าต่าง ร่างเล็กสอดส่องหาร่างของน้องชายบนถนนทางเดิน
ท่ามกลางหิมะขาวโพลน เดรฟาไม่ได้ใส่เสื้อโค้ดกันหนาว
ใบหน้าคมสวยจัดเงยหน้าขึ้นไปหา พี่ชายที่ตะโกนแหกปากเป็นจูเลียตร้องหาโรมิโออยู่ด้านบน ก่อนจะสะบัดเรือนผมยาวอ้อมไหล่ซ้าย แล้วเดินหายเข้าไปในฝูงชน
..จะว่าไปก็ยังไม่ได้ “ดื่ม” สิ่งนั้นมาเดือนหนึ่งแล้ว วันนี้คงต้องหาอะไร “ดื่ม” หน่อยดีกว่า..
HardRock Sweet Club [HSC]
“อี้ฟาน ดื่มหนักขนาดนั้นเดี๋ยวก็เมาหรอก=_=;” มู่หลานเอ่ยเตือนเพื่อนสนิทต่างคณะที่เล่นกระดกเหล้าเข้าปากราวกับดื่มน้ำเปล่าบริสุทธิ์ใสไร้สิ่งเจือปน “พรุ่งนี้มึงต้องว้ากน้องไม่ใช่รึไง”
“ไม่ม๊าวว>0< กูจะเมาได้ไงไอ้มู่!”
ฉิงอี้ฟาน หรือ คริส หนุ่มหล่อสายเลือกจีนแท้ ลูกชายเจ้าพ่อมังกรหยก เจ้าของตำแหน่งเฮดว้ากคณะสถาปัตรยกรรมศาสตร์แห่งIUA ใบหน้ารูปงามราวกับหนุ่ม2Dที่หลุดออกมาจากเกมส์จีบหนุ่มดูขึ้นสีแดงเล็กน้อยด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ บวกกับท่าทางก่งก๊งไม่เป็นผู้เป็นคนจนไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือ‘คริส เดอะ หนุ่มโคตรหล่อเย็นชา’ ใครมาเป็นเห็นต้องเสื่อมศรัทธากันเลยทีเดียว
มู่หลาน เห็นชื่ออย่างกับนางเอกนิทานวอลล์ดิสนีย์ แต่ความจริงแล้วเป็นผู้ชายนะครับพี่น้อง อย่าเข้าใจไอ้มู่ผิด ถึงแม้หน้าตามันจะหวานฉ่ำจนชาวบ้านทักว่ามันเป็นทอมบ่อยครั้งก็ตาม
“อี้ฟาน กูว่ามึงเลิกดื่มเหอะ”
ไม่ใช่อะไร มู่หลานขี้เกียจแบกมันกลับหอพัก!
คริสคว้าแก้วเหล้าที่มู่หลานฉกไปคืนมา ก่อนจะบอกกับมู่หลานว่า..
“กินเหล้าแล้วเมา มันไม่ใช่สไตล์ของคริส”
“สไตล์พ่องงง! กูเห็นมึงเมาจนคุยกับไม้ถูพื้นได้แล้วไอ้คริส แหม่! หน้าตาก็จีนเสือกกระแดให้พวกกูเรียกมึงว่าคริสอีกนะ พ่อจอมอาร์ต พ่อเฟอร์เฟคบอยยยยยย!!” เสียงแหลมปรอดแตกพร้อมกับฝ่ามือเทพเจ้าที่ฟาดกลางกบาลฉิงอี้ฟานเสียงดังผลั๊วะ! แรงปะทะรุนแรงจนหัวพ่ออี้ฟานกระแทกไม้ถูพื้นอีกที
หมดกัน..ภาพลักษณ์เย็นชาที่ฉิงอี้ฟานสร้างมากับมือ(?)
ต่อให้หล่อเหมือนออกมาจากการ์ตูนแค่ไหน ก็คงช่วยเหลืออะไรไม่ได้แล้วในจุดนี้=_=;
คิมฮีชอล หนุ่มแดนโสมดัง กิมจิอร่อย นักศึกษาปี4 คณะนิเทศศาสตร์แห่งIUA ทิ้ง ตัวนั่งสลับขาไขว่ห้างลงบนโซฟาสีดำตัดกับกางเกงยีนส์สีแดงเลือดหมู มือเรียวตวัดหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มอย่างดัดจริตชนิดกระเทยเห็นเป็นต้องอาย กันเป็นแถบๆ
“เหล้าของกูนะ” อี้ฟานชี้=0=! (เมาแล้วไม่เจียมกะลาหัว)
“มันไม่ได้เขียนป้ายชื่อแปะไว้ เพราะงั้นกูกินได้= =” อีกคนก็กวนตีลล์ไม่ต่างกัน
“อิเจ้แย่งเหล้ากูT0T”
“เจ้พ่องงง กูเป็นผู้ชาย!” ฮีชอลเอาเท้ายันฉิงอี้ฟานตกโซฟาอีกรอบ
“ช่วงนี้คริสเขาค่อนข้างจะเก็บกดน่ะครับ” มู่หลานพยุงเพื่อน(ภาระ)ให้มันนั่งดีๆ
“เก็บกดไร”
“คริสเป็นเฮดว้าก จากปกติที่รักษาภาพลักษณ์เย็นชาในระดับหนึ่ง ยกเว้นช่วงเวลาเย็นกับตอนมาเที่ยวคลับกับพวกเรา แถมช่วงนี้เป็นเทศกาลรับน้อง เขาเลยต้องเปลี่ยนจากรักษาภาพลักษณ์ในระดับหนึ่งมาเป็น รักษาภาพลักษณ์เย็นชาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง พอทำมากๆเข้าก็เลยเก็บกด”
เรื่องมันเศร้า ชักธงแปปT__T;
ฮีชอลไม่รู้จะสงสารหรือหัวเราะเยาะมันดี ฉิงอี้ฟานเอ๋ยยยยยยยยยยยยย
“พอๆ มึงเลิกดื่มได้แล้วคริส” ฮีชอลหยิบขวดเหล้าหนี
“คริสจะอาวววว”
“มึงหัดอยู่เงียบๆแบบราชันย์บ้างสิวะ เชี่ย! ไอ้ราชันย์มันมารึเปล่าวะเนี่ย”
“ผมยังไม่เห็นพี่คิง(ราชันย์)เลยครับ” ไอ้มู่หลานมันบอก
ก่อนที่มือเย็นๆตะปบหมับที่หลังคอของฮีชอล หนุ่มแดนโสมร้องลั่น
“เรียก...ผมเหรอ...” เจ้าของมือเย็นๆเงยหน้าที่ฟุบบนโต๊ะขึ้น เผยให้เห็นซากศพ เอ้ย! สภาพคนอดหลับอดนอนของราชันน์ ผมเพ้ายาวรุงรังปรกหน้าปรกตา หนวดขึ้นจนเห็นชัดบ่งบอกว่าเจ้าตัวไม่ค่อยดูดำดูดีกับตัวเองสักเท่าไหร่ เปรียบเทียบง่ายๆว่าขอทานผู้ไม่มีอันจะกินยังดูดีกว่ามัน
“เชี่ยยย มึงโผล่มาแบบคนปกติไม่ได้รึไง” ฮีชอลใจหายวาบ เกือบช็อคตายแล้วกู=[]=
“ไม่มีไรเหรอ?...ผม..นอนล่ะ..” ราชันย์ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ เสียงเพลงเต้นแร้งเต้นกาดังกระหึ่มแค่ไหนก็ไม่อาจสามารถรบกวนราชันย์แห่งการหลับได้ตลอดเวลาอย่างเขาได้ คร่อก..ฟี้
“จะว่าไปเมื่อช่วงบ่ายก็มีคนสร้างวีรกรรมฮีโร่ไว้นี่ ใช่มั้ยซันเชต”
ฮีชอลทัก(กัดจิก)เฮดว้ากแห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาประหนึ่งเจ้าที่เฝ้ายาม
ดูมัน.. กูทักแล้วยังเสือกไม่รู้สึกตัว=_=;
“ซันเซต! มึงเป็นอะไรเนี่ยยยยย!!” ขนาดเข้าไปตะโกนใกล้ๆหูมันยังไม่กระดิก
“สงสัยใจลอยไปหาเด็กแฝด” อี้ฟานแซว
“เด็กแฝด?” เนื่องจากเมื่อตอนบ่ายฮีชอลไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เลยไม่เห็นช็อตเด็ด
“ก็เด็กแฝดที่ซันเซตมันเกือบจะจูดุ๊บจุ๊บปี้ไง”
จูดุ๊บจุ๊บปี้?
ฮีชอลมองเพลิงตะวันแล้วแกล้งถาม “คิดถึงเด็กที่จูดุ๊บจุ๊ปปี้อยู่เหรอ ซันเซต”
“อืม..” มันพยักหน้าด้วยเว้ยO[ ]O
“..แววตานั่นน่าสนใจ..” เพลิงตะวันพึมพำกับตัวเอง
...แววตาหวาดกลัว...มันดูไม่ เข้ากับท่าทางพยศเย็นชาของร่างเพรียว..แต่มันกลับมีบางอย่างที่ดึงดูดให้เขา คิดถึงแต่แววตานั้นของเด็กหนุ่มอยู่ตลอดเวลา คิดจนหัวแทบระเบิดก็นึกไม่ออก..ว่าเพราะอะไร..
“เจ้พูดอะไรใครเป็นฮีโร่ ผมก็เป็นฮีโร่เหมือนกันนะเจ้!” คริสมันเถียง
“ที่มึงกลิ้งตกบันไดใช่มั้ย?=_=”
“รู้ได้ไงOAO ไหนบอกว่าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ไงอิเจ้!”
“กูได้ยินเด็กในคณะมันคุยกัน แล้วที่สำคัญมึงต้องเรียกกูว่าเฮียไม่ใช่อิเจ้!!”
“ก็เรียกว่าอิเจ้มันดูแรดๆ เข้ากับเจ้ดี=3=”
อีสมคริส!!
“โอ๊ะ นั่นไงๆ พูดถึงปุ๊บก็มาปั๊บ เด็กที่ซันมันจูดุ๊บจุ๊บปี้!!”
เสียงของคริสดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงของเฮดว้ากแห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่ลุกเดินออกไป
ชาวประชาถึงกับมองตาค้างOAO;;
“มึงว่า..งานนี้กูจะได้น้องสะใภ้เป็นผู้ชายรึเปล่าวะ”ฮีชอลเริ่มเปิดประเด็นก่อนคนแรก
“ทำไมคิดงั้นอ่ะเจ้” สมคริสสมองช้า ถามอย่างงงงวง
“โหยยไอ้โง่ มึงไม่เห็นท่าทางของซันมันรึไงวะ เห็นๆอยู่ว่ามันกำลังเพ้อ”
“เพ้ออะไรอ่ะ?” บางครั้งสมองอิสมคริสมันก็ช้าเกินไป=0=
“เพ้อเพราะตกหลุมรักแรกพบครับ” มู่หลานยิ้มก่อนเสริม “เหมือนสาวน้อยตาหวานในหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่พระเอกกับนางเอกเจอกันครั้ง แรก ก็ตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกเห็น><”
ฉิงอี้ฟานอึ้งแปป “เดี๋ยวนะ มันจะเป็นการตกหลุมรักแรกพบได้ยังไง ก็ในเมื่อไอ้ซันมันไปกวนโมโหไอ้เด็กหัวม่วง จะบอกว่าไอ้ซันมันตกหลุมรักไอ้เด็กหัวม่วงหลังจากที่มันถูกเขาต่อยมาน่ะเหรอ!!?”
“สุดหล่อ นั่งกับเค้ามั้ย><”
“ตัวเองงง มาเที่ยวคนเดียวเหรออออ”
น่าเบื่อ...
“ขอเบอร์หน่อยสิ เธอววว์”
“มีแฟนรึยังอ่ะ มาเป็นแฟนกับเค้าม๊า”
น่ารำคาญ...
“ฮิ๊วววววววว รับสมัครกิ๊กป่ะ”
“น้องสาวคนสวย คืนนี่สนใจอยากเป็นเมียพี่มั้ยค๊าบบบ”
น้องสาวงั้นเหรอ!
กึก!!
เดรฟาเบรกกึ่กอัตโนมัติ ตอน แรกก็ตั้งใจว่าจะไม่สนเสียงนกเสียงกาที่แซวลอยมาตามลม แต่เหมือนไอ้ประโยคสุดท้ายดูจะเป็นอะไรที่เขาไม่สามารถเมินผ่านไปได้ง่ายๆ เขาหันขวับมองกลุ่มวัยรุ่นประมาณสิบกว่าคนที่ร้องแซว กวักมือเรียกให้เดรฟาไปที่โต๊ะ(มานยังไม่รู้ชะตากรรม)
มันมองยังไงว่าเขาเป็นผู้หญิง แบนขนาดนี้!!
“น้องสาว ใครเป็นคนพูดเหรอ..”
“พี่เองล่ะจ๊ะ หรือน้องสาวอยากจะเป็นอย่างอื่นมากกว่า” หนุ่มผมดำเซททรงตั้งๆชี้ๆ แต่งกายแนวพังค์ ทาเล็บสีดำ สวมกำไลหัวกะโหลกเต็มแขน ก้าวมาหาเดรฟาพร้อมกับยิ้มโปรยเสน่ห์
“ผมเป็นผู้ชาย”
“ผู้ชายอะไรจะสวย แถม..ผมห๊อมหอม=oo=”
หนุ่มพังค์มือบอลไม่อยู่สุขเกี่ยวปอยผมนิ่มดุจเส้นไหมขึ้นมาจรดริมฝีปาก
สายตาน่ารังเกียจมองอย่างโลมเลีย หื่นไม่ปิดบัง
เดรฟายกมือขึ้นสะบัดผมเบาๆ เส้นไหมนุ่มพลิ้วสลวยตามการเคลื่อนไหว ค่อยๆลู่ตกไปทางไหล่ขวาอย่างสวยงาม แพขนตาหนาช้อนนัยน์ตาทรงเสน่ห์คู่สวยขึ้นช้าๆ จนผู้สบตาถึงกลับใจสั่น
“ไปตายซะ..”
“น้องสาวพูดอะไรนะ พี่ไม่ได้ย..”
ผลั๊วะ! โครมคราม!
การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วจนจับภาพไม่ได้ หนุ่ม พังค์ผมดำถูกทำอะไรสักอย่างจนเซกระแทกกับโต๊ะกลางวงเหล้า ข้าวของกระจัดกระจาย ไอ้พวกที่นั่งอยู่แทบจะลุกออกจากที่นั่งเกือบไม่ทัน
“เชี่ยยย! เกิดอะไรขึ้นวะ” หนึ่งในกลุ่มที่มาด้วยกันเข้าไปพยุงหนุ่มพังค์ที่มีเลือดไหลกลบปาก
“ม..มันต่อยกู สัด!” หนุ่มพังค์ชี้ไปที่เดรฟา
เจ้าของใบหน้าคมสวยยืนนิ่งวางมาดเจ้าชายน้ำแข็งจอมเย็นชา ไม่สะท้าน
“เข้ามาสิ เดี๋ยวจะขย้ำให้ตาย..” เดรฟาเอ่ย
เพล้ง!
ไอ้หนุ่มพังค์หัวส้มอีกคนทุบขวดเหล้ากับโต๊ะทำฟันฉลาม เสียงเชียร์จากคนในกลุ่มทำเอามันหึกเหิมราวกับไฟป่าที่กำลังจะทำลายหยดน้ำ แต่พวกเขาเองก็ลืมไปว่าหยดน้ำหยดนี้เป็นน้ำแข็ง
“อย่าอยู่เลยมึง!!”
เดรฟาแสยะยิ้ม ไม่ได้เตรียมตั้งรับแต่ปล่อยให้ไอ้หนุ่มพังค์วิ่งถือฟันฉลามมาหา...
กรี๊ดดดดดดดดดด
พวกผู้หญิงพากันหวีดร้องเพราะคิดว่าเดรฟาคงหลบไม่พัน
หมับ!
“กรุณาหยุดการทะเลาะวิวาทเพียงแค่นี่เถอะครับ!!” ร่างสูงโปร่งผมสีบลอนด์ทองสว่างเข้ามาขวางระหว่างกลาง มือซ้ายกำแขนของหนุ่มหัวพังค์แน่น บีบอย่างรุนแรงไม่ต่างจากนัยน์ตาคมกริบที่จ้องเขม็นใส่
เดรฟาเบ้ปากทันทีที่เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย เสือกไม่เข้าเรื่อง!
เพลิงตะวัน แอนเดอร์ซัน
.............
โปรดติดตามตอนต่อไป
ด้วยรักและฟิน
HARDROCK SWEET
©Tenpoints!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ