เรียวกังฤดูกาล(Yaoi)
-
เขียนโดย Billboard
วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 17.59 น.
2 บท
0 วิจารณ์
5,161 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 18.29 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ปฐมบท:ฤดูใบไม้ร่วง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความปฐมบท ฤดูใบไม้ร่วง แสงแดดเหลืองนวลทอแสงพาดผ่านฉากกั้นของประตูบานเลื่อนที่ปิดสนิท อาบไล้ไปตามพื้นห้องที่ปูด้วยเสื่อทาทามิ จนกระทบเข้ากับรอยเหี่ยวย่นตามกาลเวลา เปลือกตาที่ปิดสนิทๆค่อยลืมขึ้นสู้แสง ผู้บุกรุกที่คอยปลุกเขามาตั้งแต่ครั้งผมยังดำดกจนสีดอกเลามัดย้อมเรือนผมเสียสิ้น แต่ยังคงทำหน้าที่ได้ไร้ที่ติเช่นเดิม ขณะเดียวกันเสียงอึกทึกภายนอกก็ตอกย้ำความจริงที่ทำให้หัวใจเก่าๆ ดวงหนึ่งห่อเหี่ยวลง ชายชราท้าวแขนยันกายขึ้นอย่างแข็งขัน เสียงลั่นกร่อบแกร่บตามข้อต่อก็ตอกย้ำความจริง “เห้อถ้าฉันมีแรงล่ะก็ ไอ้รถขุดดินบ้าบอคอแตก ฉันนี่แหละจาลากคอมันออกไปด้วยตัวฉันเอง”เขาถอนหายใจออกมาหนักๆ นึกจะทิ้งตัวลงบนฟูกให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่นั่นแหละสวรรค์คงยังไม่อยากเอาชีวิตตาแก่คนนี้กระมัง บานประตูผละเปิดออกมาทันทีที่เสียงถอนใจดังสิ้นสุด เปิดผ่างรับแสงเจิดจ้าของวันใหม่กับการมาถึงของ… “อรุณสวัสดิ์ครับคุณตา” เจ้าของคำพูดไม่รีรอคำตอบและถือวิสาสะมาช้อนรับร่างกายบอบบางนั้นไว้ รู้เท่าทัน ขณะที่คนเป็นตาก็ไม่ได้ขัดขืนเพียงแต่เอามือป้องตาเอาไว้เล็กน้อย “เจ้านี่รู้ทันตลอดเลยนะ” “มาครับผมช่วย พยุงคุณตาเอง แล้วจะไปปิดประตูให้นะครับ” “ไม่ต้อง” “ทำไมถึงต้องเอ็ดกันด้วยละครับทีนี้”หนุ่มน้อยในวัยไม่เกินสิบเอ็ดปกกดเสียงออดอ้อน ทอดมองดวงตาสีน้ำตาลต้นแบบของเขาเป็นคำถาม คนเป็นตาก็พยักเพยิดให้กลับมานั่งข้างๆ แต่ตายังคงเหม่อมองจากรากจรดยอดสูงสุดของต้นเบญจมาศต้นมหึมา ตระหง่านสูงหน้าบานประตู เงาของมันปกคลุมตัวเรือน ต่างร่มได้ดีทีเดียว คนเป็นหลานนั่งนิ่งทอดสายตาตาม ถึงจะไม่เข้าใจนัก มืออันซุกซนของนุ่มน้อย ตามสัญชาตญาณความใคร่รู้ควานหาสิ่งที่น่าสนใจกว่าต้นไม้แก่ๆต้นหนึ่ง เขาหยิบเอาสมุดภาพฝุ่นเขรอะข้างฟูก*ฟูตอนขึ้นมาขัดเช็ดหยาบๆสีของมันเป็นสีของแมลงทับปีกแข็งหม่นๆ เขาเป่าเบาเบาไปตรงมุมอักษรนูนที่สะกดได้ว่า “ครั้งหนึ่งในความทรงจำ” หนุ่มน้อยไม่ลังเลที่จะเปิดหน้าต่อไปออกดู และเขาก็มองรูปภาพที่คล้ายคลึงเหลือเกิน เหมือนราวกับแกะหากเทียบกับภาพที่อยู่ตรงหน้าเขาที่นี่ เวลานี้ ทว่าในวันวานเบญจมาศต้นนี้กำลังบานสะพรั่งปกคลุมด้วยดอกไม้ขนาดของมันเตี้ยกว่าในปัจจุบันเล็กน้อย และไม่มีเชือกสีแดงที่พันธนาการกับรถเครนคันมหึมา ถึงภาพขาวดำจะขาดความชัดเจนตามยุคสมัย แต่สิ่งหนึ่งยังคงตอกย้ำถึงรอยต่อแห่งเรื่องราวจากอดีต และความสอดคล้องของโลกยุคปัจจุบัน.ก็คือคนสองคนที่ยืนอยู่ใต้ต้นเบญจมาศนั้น หญิงสาวในชุดกิโมโนบรรจงส่งยิ้มมาให้จากรูปภาพใบหน้าของเธองดงามอย่างไร้ที่ติ ทั้งริมฝีปากเรียวงามรับกับดวงตาตี่ฉบับชาวแดนอาทิตย์อุทัยแท้ จากรอยยิ้มรู้ได้แน่ว่าเธอต้องมีความสุขเอามากๆ เพราะชายคนข้างที่ยืนกุมมือเธอไว้ ใช่แล้วคุณตาของผม ชายหนุ่มสวมชุดพิธีวิวาห์แต่ไมใบหน้าถึงดูเศร้าพิกล ถ้านี่คือวันแต่งงานก็ควรจะมีความสุขสิ
*ฟูตอน ฟูกญี่ปุ่นยัดไส้ขนนก มีลักษณะนุ่มนิ่มนิยมใช้ตามเรียวกังทั่วไป ป้าบ!มือบอนจริง ใครอนุญาตให้แตะต้องของของคนอื่นกัน “ขอโทษคือผมไม่ได้ตั้งใจ แต่แค่สงสัยว่าผู้หญิงท่านนี้ในรูปคงจะเป็นคุณยายของผมใช่ไหมครับ ใต้ต้นเบญจมาศนี้ทำไม ทำไมละครับ คุณตาไม่เคยกล่าวถึงคุณย่าที่ล่วงลับของผมเลย ทั้งที่ท่านออกจะงดงาม” หนุ่มน้อยมองด้วยแววตาคาดคั้นคำตอบ เป็นการกดดันเบาเบา ถึงรู้ว่าวิธีนี้ไม่เคยได้ผลเลยก็ตาม “คือ--”คุณตากรอกตาไปมา เขาลังเลใช่แล้ว ใช่ว่าเขาต้องการปิดบังเรื่อราวทังหมดแต่— “คุณพ่อครับขออภัยที่เสียมารยาทนะครับ แต่ผมว่าไม่มีเหตุผลที่ต้องปิดบังอีกต่อไป ฮารุมีสิทธิ์ที่จะได้รับรู้ความจริงนะครับ” เป็นเวลาเดียวกับชายวัยกลางคนที่ถือโอกาสแทรกกลางบทสนทนา เขาวางถาดน้ำชาสามแก้วที่มีขนมดังโงะหอมหวนสามไม้บนจานที่แกะสลักคำว่า “คิเซ็ทสึ เรียวกัง(เรียวกังฤดูกาล)”พลางวางหมวกนิรภัยแบบวิศวกรไว้ที่ตัก คนที่เป็นทั้งตา และพ่อในเวลาเดียวกันหลับตาลง ผละจากบรรยากาศกดดันโดยรอบ เขาสูดลมหายใจเข้าไปฟอดใหญ่อย่างคนที่รวบรวมความกล้า และค่อยผ่อนมันออกมาอย่างแผ่วเบาแต่หนักแน่น “แกพูดถูก ถึงเวลาแล้ว ที่เรื่องราวความรัก ความแค้น ความเสน่หาอาวรณ์ ที่เกิดขึ้นในเรียวกัง และก็เรื่องยายของหลาน บุคคลที่ตารักและเทิดทูนที่สุดจะส่งต่อถึงลูกถึงหลาน” มือสั่นๆมีเส้นเอ็นเหนียวนุ่มโยงใย ผละเปิดรูปภาพในหนังสือหน้าต่อไป เป็นเวลาเดียวกับที่สายลมแห่งกาลเวลาโบกพลิ้ว พัดผ่านจากต้นเบญจมาศไปเรื่อยๆเหมือนสมุดภาพที่พลิกไปทีละหน้าตามแรงลม จากฤดูกาลหลึ่งสู่อีกฤดูกาลที่ผันเปลี่ยนหวนนึกย้อนกลับไปยังวันคืนที่เสียงหัวเราะ ความครื้นเครง และความอบอุ่นยังอบอวลอยู่ ณ สถานที่ที่แห่งนี้ ยินดีต้อนรับสู่“คิเซ็ทสึเรียวกัง”คะนายท่าน ดิฉันโมโต คิมิโกะ เป็น*โอคามิซันของที่นี่คะ หญิงวัยหกสิบปีท่าทางนอบน้อม ค้อมตัวลงอย่างสง่างาม ตามด้วยนาคาอิซังอีกสองคนที่คุกเข่าย่อกายทำความเคารพอยู่ก่อนแล้ว ขณะที่แขกซึ่งเป็นชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีเข้มเหมือนยากูซ่า นำขบวนด้วยชายสวมแว่นตาดำเดินผ่านไป ใบหน้าที่ปกคลุมด้วยหนวดเคราเล่นเอาคนแนะนำตัวคิ้วกระตุกเหมือนเส้นผมสกปรกที่อาจตกลงที่พื้นเรียวกังของเธอทุกเมื่อ แต่สิ่งที่กำลังรบกวนจิตใจโอคามิซันที่สุดคงไม่พ้น คนคนหนึ่งที่ควรจะอยู่ที่นี่เวลานี้ แต่สุดท้ายก็ปรากฏตัวซะที
*โอคามิซันคือผู้หญิงที่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทั่วไปภายในเรียวกัง --ก่อนหน้านั้น ฮัดชิ้ว “ยินดีต้อนรับสู่“คิเซ็ทสึ เรียวกัง”ครับไต้ซือ หรือท่านจะเป็นคณะนำทางที่นายหญิงแม่หมายถึงกันนะ ชายหนุ่มในชุดยูคาตะสีน้ำทะเล ทำความเคารพอย่างอ่อนช้อยต่อนักบวชสะพายย่ามที่เดินผ่านประตูเรียวกังเข้ามา เส้นผมสีดำที่รวบแบบซามูไรในอดีต ขับให้ใบหน้าจิ้มลิ้ม ปากนิด จมูกหน่อยของเขาน่าหลงใหลขึ้นจนจัดว่าน่ารักเกินไปกว่าสตรีบางนางซะอีก แต่สำหรับผู้ทรงศีลอย่างเขา ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนอกจากการสำรวจเครื่องหน้านั้นไปมาตามหลักโหราจารย์ พลางลูบเคราครุ่นคิดจนคนถูกมองชักจะหวั่นๆ “ใครว่าข้าจะมาพักที่นี่กัน” “ขออภัยที่เสียมารยาทนะครับไต้ซือ คือเชิญข้างในดีกว่านะครับ ไม่ว่าท่านจะเป็นใครก็ตาม เมื่อเดินเข้ามาแล้วเรียวกังของเราไม่อาจหันหลังให้ผู้มีอุปการะได้อย่างน้อยขอให้เรียวกังของเรามีโอกาสรับใช้เพียงหนึ่งชั่วยามก็นับเป็นเกียรติ--” จิ้ม—“ อ่ะเด๊ะ ลูกค้าท่านนี้จะมาไม้ไหนนะเนี่ย เป็นเวลาสักครู่แล้วที่นิ้วชี้ของไต้ซือจดอยู่กลางหว่างคิ้วของชายหนุ่ม ขณะที่มือข้างซ้ายที่ว่างเปล่าก็วาดไปกลางอากาศสักพักเหมือนมีตาที่สาม เขาฉวยยิบเอาดอกเบญจมาศที่กำลังจะร่วงหล่นได้พอดิบพอดี แล้วจึงคลายนิ้วชี้ลงจากกระหม่อม “นี่มันไม่เข้าท่าเอาซะเลย จะทำยังไงดีโมโต ฮารุอิ นายแม่ห้ามไม่ให้เสียมารยาทกับลูกค้านะ”แต่ก่อนเขาจะได้คิดอะไรเลยเถิดคำพูดของใต้ซือก็ขัดจังหวะความคิดอกุศลซะเอี๊ยด! และน่าตกใจยิ่งกว่า “ลางร้ายอะไรเยี่ยงนี่” “ไต้ซือท่านว่าอะไรนะครับ ใครลางร้าย อะไรที่ไหนกัน”เล่นพูดจาอย่างนี้ให้เสียวสันหลังวาบไม่ดีเลยนะครับ “ลางร้ายอยู่ใกล้ๆข้านี่แหละ ใกล้เหลือเกิน” ฮารุหันซ้ายหันขวาไปมา แต่เขาก็ยังไม่พบกับมันสักทีไอ้เจ้าตัวลางร้ายที่ว่า จนกระทั่งประโยคต่อมาของใต้ซือยิ่งทำให้หัวใจของเข้าเต้นแรงขึ้น และเลือดซูบฉีดขึ้นถึงใบหูจนแดงก่ำ“สิ่งนี้ในมือข้านี่คือเบญจมาศเสี่ยงทายได้ให้คำตอบกับเจ้าแล้ว” “อย่ามาอำกันเล่นไปหน่อยนะครับ ข้าไม่สนุกด้วยจริงๆนะ”ฮารุกอดอกและพายามปั้นหน้าจริงจังเพื่อยืนยันคำพูด แต่ไม่ว่าใครแม้กระทั่งใต้ซือก็มองว่ามันน่าเอ็นดูมากว่าวอนหาเรื่อง “ข้าไม่ได้อำ เจ้าลืมไปแล้วหรือ คำถามจากก้นบึ้งจิตใจเจ้าที่จ้องจะทดสอบข้านะ จะให้ข้าบอกไหมล่ะ เรื่องเนื้อคู่ของเจ้า” ฮารุกลืนน้ำลายเอื๊อก มองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นหนทางสะดวกปราศจากคน เขาก็ค่อยๆขยับเข้าใกล้ใต้ซือพลางพยักหน้ารับช้าๆไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม ต้องยอมรับว่าคำพูดไต้ซือนอกจะน่าเชื่อถือ ยังแม่นยำเหมือนกลับมานั่งอยู่กลางใจใช่แล้ว สิ่งที่ท่านพูดคือความคิดพิเลนทร์แวบแรกที่ผุดขึ้นมาในสมองของเขาเมื่อเห็นไต้ซือเขาตั้งคำถามถึงเนื้อคู่ เละความอาภัพรักที่อายุล่วงเลยเข้าสู่เบญจเพสแล้วยังไม่มีสตรีใดใดเข้ามาในชีวิตเลย ไม่นับพวกบุรุษทุเรศทุรังขี้เมาลามกที่มาพักและพยายามจะลวนลามเขาอ่ะนะ “เบญจมาศเป็นดอกไม้มงคล แต่เมื่อข้าตั้งสมาธิจับจรดกับดวงชะตาเจ้าผลลัพธ์มันกลับออกมาตรงข้าม เรียกว่าอัปมงคลกาลกิณี ข้าขอเตือนในฐานะคนที่เคยเป็นฆราวาสอาบน้ำร้อนมาก่อน ชีวิตเจ้าทุกวันนี้ก็สุขสมบูรณ์อยู่แล้วอย่าได้ผูกกรรมกับการครองเรือนอีกต่อไปเลย”“ท่านกล่าวอย่างนี้แสดงว่าไม่ใช่ว่าข้าจะไม่มีใครเข้ามาในชีวิตใช่หรือไม่ครับใต้ซือ” เมื่อเห็นดวงตาพราวแพรวเหมือนคนมีความหวังนั้น ใต้ซือก็ได้แต่ถอนหายใจ ทีแรกเขาอยากจะส่ายหน้าให้ตัดใจไปซะ แต่ผู้ทรงศีลจะต้องไม่โกหก “อันที่จริงใช่ว่าเจ้าจะไม่มีหรอกนะ แต่เป็นความรักที่เหนือกว่าจินตนาการซะด้วยซ้ำไป และนั่นแหละมันจะนำพาลางร้ายและหายนะมาสู่คนรอบข้างและแม้กระทั่งเรียวกังออนเซ็นแห่งนี้ ข้าถึงเตือนเจ้าว่าอย่าไปไขว่คว้ามันเลยเพราะฉะนั้นถ้ามีคนสองคนส่งสารมาให้เจ้าอย่าเปิดออกดูเป็นอัดขาดและหาทางปฏิเสธไปซะ เรื่องของหัวใจสามดวง” “สามดวงอะไรกันถ้าท่านหมายถึงอยู่เป็นชายโสด คานทองรองรับจนตลอดชีวิตเช่นนั้น ข้ายอมเผชิญกับลางร้ายดีกว่าครับ”ฮารุโพล่งออกไปอย่างไม่ลังเล ไม่ใช้เขาไม่เคารพนับถือ แต่คำเตือนแบบนี้ก็ออกจะเกินเหตุไปหน่อย “หัวใจเจ้าใครจะไปบังคับได้กัน ข้าแค่เตือนด้วยคามหวังดีในฐานะผู้ถูกท้าทาย เอาละๆ ในเมื่อข้าได้ทำตามประสงค์ของเจ้าแล้ว ข้าก็ขอลาทีนะพ่อหนุ่ม หวังว่าเจ้าจะจดจำคำเตือนของข้าเอาไว้ให้จงดี และก็อย่าได้ใช้ชีวิตด้วยความประมาท เพื่อยืนยันคำพูดทั้งหมดของข้า เบญจมาศกำนี้ขอให้เจ้าจงเก็บรักษาไว้ วันใดที่เจ้าได้พบเนื้อคู่วันนั้นดอกเบญจมาศจากสีแดงสดจะมีปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปกับตาเจ้าเอง” “ ยังไงก็ฝากความคิดถึงนายหญิงโอคามิด้วยละ เห็นทีวันนี้มีแขกพิเศษข้าไม่ขอรบกวนนางดีกว่า” ชายหนุ่มจัดการยัดดอกไม้ไว้ในกระเป๋า” เขาต้องรีบแล้วนี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาคุยเรื่องดอกไม้ในเมื่อความเป็นตายเท่ากันอยู่ทนโท่ “ทำความเคารพใต้ซือเออใช่ แขกพิเศษ ตายละลืมซะสนิทเลยเรา”พอนึกขึ้นได้ชายหนุ่มในชุดยูคาตะก็ออกวิ่งเร็วจี๋ไปในทิศทางที่เห็นขบวนชายเสื้อทักซิโดกำลังก้าวลงจากขบวนรถสดำคันหรู ในขณะที่ไต้ซือยังคงทอดสายตามองเบญจมาศสลับกับใบไม้ในมือของเขา “นโม อะมิตาพุทธ ขอพระโพธิสัตว์จงคุ้มครองและชี้ทางสว่างให้แก่โมโต ฮารุอิ ด้วยเถิด” ฮารุวิ่งผ่านดงไผ่ทานาบาตะที่ขึ้นปกคลุมเส้นทางลัดเลาะเข้าสู่ตัวเรียวกัง อาคารไม้มิดชิดขนาดกลางที่เพียงพอสำหรับรับรองแขกสิบหกคู่ต่อวันตามจำนวนห้อง เมื่อผ่านม่านบังประตูเข้าไปจะพบกับบันไดหนึ่งขั้นนำสู่พื้นยกระดับไว้ต้อนรับแขก เวลาเข้าพักที่เรียวกังแท้ๆ แขกจะต้องถอดรองเท้าที่ประตูทางเข้า และเปลี่ยนส่เกตะ หรือรองเท้าแตะแบบญี่ปุ่นสำหรับใส่ตามธรรมเนียมการเข้าบ้านเรือนของชาวญี่ปุ่น ฮารุเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนไว้เหนือชั้นวางรองเท้าพบว่า เขาสายมาสามนาทีซึ่งคือเส้นแบ่งระหว่างความเป็นความตายที่ว่า ปกติบ่ายสองโมงคือเวลาสากลที่ลูกค้าทยอยเข้าพักพนักงานทุกคนที่เสร็จจากภารกิจมีหน้าที่มาต้อนรับแขก โดยเฉพาะโอคามิซันผู้จัดการทั่วไปของเรียวกัง และ*นาคาอิซันพนักงานต้อนรับ ซึ่งควบตำแหน่งแม่บ้านประจำเรียวกังไปโดยปริญายต้องรออยู่จนครบเพื่ออำนวยความสะดวกและแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจต่อผู้มีอุปการะ และเขาฮารุคนนี้วันนี้เข้าเวรเป็นนาคาอิซันเพราะฉะนั้นไม่อยากคิดเลย ฮารุรีบโผเข้าไปนั่งในตำแหน่งที่สามถัดจากนาคาอิซันรุ่นพี่ที่ชำเลืองมองขำขำในขณะที่อีกคนยกนิ้วให้ ในขณะที่สายตาคู่แรกสุดมองมาอย่างคาดโทษ อย่างน้อยฮารุก็อุ่นใจที่มาทันฉิวเฉียดทันแขกท่านแรกก้าวสู่โถงรับรองพอดี *นาคาอิซัน พนักงานต้อนรับแขก และทำหน้าที่เป็นแม่บ้านประจำเรียวกังนอกจากนั้นยังเสิรฟ์น้ำ และอาหารให้ผู้เข้าพัก “เชิญท่านผู้มีอุปการะนั่งบริเวณเก้าอี้รับรองก่อนคะ”เมื่อลูกค้านั่งกันจนครบแล้วนาคาอิซันแต่ละคนก็มีหน้าที่ต่างกันอย่างรุ่นพี่ซาซากิ ซึบาเมะ หญิงสาววัยสามสิบรูปร่างสันทัด ผอมเพรียวรับกับผิวขาวสะอาดเป็นที่ต้องตาของแขกที่ค่อนข้างหัวงูเล็กน้อยซึ่งเราตั้งฉายาที่รู้กันว่า “แมวทะโมน”ในวันนี้ก็เหมือนกัน นายแว่นตาดำนั่นจ้องตาไม่กระพริบตั้งแต่เมื่อกี้ด้วยหัวใจชายหนุ่มที่มีเหมือนกัน ฮารุนึกเสียใจกับนายนั่นเพราะหลังจากพี่ซึบาเมะเสิรฟ์น้ำกับขนมแล้ว นั่นอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้มองเธออย่างเต็มตา เพราะหน้าที่พาชมเรียวกังเป็นเวรของฮารุคนนี้ “นี่คะใบรับจองห้องพักคะ กรุณาลงนามตรงบริเวณนี้ท่าน?ไม่ทราบว่าสะดวกให้ดิฉันเรียกท่านว่าอย่างไรคะ” “เป็นโอโคมิประสาอะไร แขกยังไม่ได้เดินชมเรียวกังแล้วจะมาบีบบังคับให้ลงนามเข้าพัก ฮึเชื่อเขาเลย” นายแว่นตาดำนอกจากมารยาททางสายตาทรามแล้ว มารยาททางวาจาก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันจริงๆ” ฮารุเริ่มนับหนึ่งในใจ เขาพร่ำบอกกับตัวเองว่าอย่าให้ถึงสามนะ เป็นเวลาเดียวกับวุ้นโยกันหอมหว่านที่ทำจากถั่วแดง พร้อมชาเขียวหอมกรุ่นบรรจงวางลงตรงหน้าเก้าอี้ชายฉกรรจ์ทีละคน ซึ่งทุกคนต่างตกตะลึงและไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้อง ไม่เว้นแต่โอคามิซันที่คำขอโทษถูกกลืนลงคอไปเสียหมด จานของว่างถูกเสิรฟ์ลงจนครบ และมาหยุดลงตรงหน้าคุณแว่นตาดำที่ชะงักงันไปชั่วครู่ ถึงจะยังไม่ถอดแว่นตาออกแต่แม้กระทั่งฮารุเองก็สัมผัสถึงความไม่พอใจที่รอเวลาปะทุ ซึบาเมะคนเรียบร้อยคนนั้นเนี่ยนะ กล้าทำขนาดนี้เห็นทีว่าเขาต้องมองรุ่นพี่คนนี้ใหม่ซะแล้ว “แกนังแม่บ้านชั้นต่ำ เพล้ง!”เศษแก้วตกกระทบพื้นจนแตกละเอียดเป็นผุยผุง ประสานกับเสียงนับสามโดยไม่มีสองในใจของเขา ฝั่งหนึ่งเรียกสติให้ลูกน้องเข้ามาห้ามผู้เป็นนายที่เหวี่ยงหมัดไปยังร่างบอบบางที่ยืนตัวสั่นไม่ยั้ง ทางด้านฝั่งของเขาเอง ไม่ได้เราต้องช่วยผู้หญิงไร้ทางสู้ “ รุ่นพี่ขออภัยนะครับ”ไวเท่าความคิดสัญชาตญาณสั่งให้มือดันรุ่นพี่สาวให้พ้นทาง จนเขาเป็นฝ่ายประจันต์หน้ากับนายแว่นแมวทะโมนยากูซ่าซะเอง ฮารุไม่รอช้าที่จะถลกแขนเสื้อขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายสลัดพ้นพันธนาการของเหล่าลูกสมุนได้สำเร็จและง้างหมัดมาทางเขาอย่างมุ่งร้าย กลิ่นสุรา และเหงื่อไคลเปียกปอนตามตัวยิ่งตอกย้ำถึงหน้าที่ที่ว่าเขาต้องรักษาเกียรติภูมิของเรียวกังแห่งนี้ ในเมื่อแขกไม่รับมอบเกียรติยศ มิตรไมตรีที่เราหยิบยื่นก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องให้อีกเป็นครั้งที่สอง เขายังจำคำของนายท่านได้ดี หมัดแรกฮารุเอี้ยวตัวหลบได้ทัน แต่มันก็อาศัยจังหวะนั้นตุ้ยเข้าที่สีข้างเหนือชายโครงขวา ชายหนุ่มซัดกลับไปเต็มแรง โซเซเล็กน้อยเพราะเสียหลัก ทว่า—หมับ “หยุดเดี๊ยวนี้และขอโทษสำหรับการกระทำที่ไม่ยั้งคิดนั่นซะ” นายหญิงเป็นฝ่ายเข้ามาขวางเละจับหมัดของผมไว้ได้ทันในเวลานั้น แต่กลับหันหลังให้มันเข้าแล้ว “นายหญิงระวังครับ” “นายก็เหมือนกันหยุดทำให้บริษัทิของเราขายหน้าสักที”โชคดีที่อีกฝั่งมีชายฉกรรจ์ที่ดูภูมิฐานเข้ามาหยุดหมัดนั้นไว้ได้ ๆ ไม่ว่าเขาจะเป็นใครแต่ฮารุรู้สึกขอบคุณจากใจจริง เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนายหญิงเขาคงยอมรับไม่— ป้าบ! ฮารุรู้ตัวอีกที ก็ล้มลงไปกองกับพื้น ใบหน้าที่หันไปด้านขวาจากแรงตบของฝ่ามือบาง สร้างความตกตะลึงแม้กระทั่งนายคนเมาที่ยอมกลับไปนั่งๆดีดีในขณะนี้แล้ว ก่อนที่โอคามิเองเป็นฝ่ายคุกเข่าและน้อมคำนับลงเช่นกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ขออภัยสำหรับการเสียมารยาทอันใหญ่หลวงครั้งนี้แต่ ได้โปรดกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของดิฉันเพียงคนเดียว ที่ไม่สามารถอบรมมารยาทนาคาอิซันนายได้ดี” “อย่าโทษตัวเองอย่างนั้นครับ เป็นความบกพร่องทางวินัยร้ายแรงของคนในอาณัติของผมเองครับไม่ต้องห่วงผมจะจัดการเรื่องนี้ทีหลัง แต่ก่อนอื่น โทจิก้าวท้าวออกมาตรงนี้”โทจิลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ตัวสั่นงกๆ และตลอดเส้นทางเดินมาเขาไม่เคยละสายตาจากชายผู้ออกคำสั่ง อาการหวาดผวาไม่ต่างจากลูกไก่ในกำมือ จนฮารุนึกเวทนาขึ้นมานะสิ อย่างน้อยเขาก็เป็นเหมือนเชื้อเพลิงที่ทำให้เรื่องราวทั้งหมดบานปลาย ชายฉกรรจ์ดูภูมิฐานเป็นฝ่ายเดินมาตรงนายหญิง เขารับคำนับน้อยๆ และจับมือนายหญิงให้ลุกขึ้นตามด้วยนาคาอิซัน รวมถึงตัวผมด้วย ทีแรกก็ไม่อยากเชื่อแต่ก็จริงแห๊ะ “อย่างนี้นี่เหละที่เขาว่าเจ้านายตัวจริงจะไม่ใช่คนในที่แจ้ง” “ทีนี้โปรดรับคำขอโทษจากเราทุกคนด้วยนะครับและขออย่าติดใจเอาความอะไรกันเลย” “ขอบพระคุณมากคะ ท่าน?” “อิทามิ ยูไดเรียกสั้นๆยูได ก็ได้ครับนี่คือค่าเสียหายและค่าทำขวัญทั้งหมดกรุณารับไว้ด้วยนะครับ เพื่อรักษาเกียรติของท่านประธานเรา”ชายหนุ่มยื่นเอาใบเช็คที่มีตัวเลขกลมๆหกหลักหยิบยื่นให้โอคามิที่ต้องการคืนให้ แต่เขาก็จับมือเธอยัดมันลงไปเอง “คะ-คะเป็นความกรุณายิ่งเล้วคะคุณยูได ทางเราขอน้อมรับ” “แล้วก็ถ้าไม่รังเกียจ จะยังคงมีคนนำชมเรียวกังอยู่ใช่ไหมครับ ถ้าผมได้ยินไม่ผิดละก็--” “ยินดีเลยคะ เดี๊ยวอิฉันจะนำทางให้เอง” “ไม่ต้องถึงขนาดต้องรบกวนโอคามิซันออกโรงหรอกครับ ให้นาคาอิประจำเวรนำทางก็พอแล้วผมไม่ถือ โดยเฉพาะนาคาอิซันท่านนี้” คนที่ถูกยกตัวเป็นท่านตกตะลึง หันรีหันขวาง ไม่ใช่ว่านายยูไดคนนี้จะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นผู้หญิงหรอกนะ ถึงจะหล่อ มารยาทดีแค่ไหน แต่ฮารุคนนี้ไม่ให้อภัยแน่! “โมโต ฮารุอิ” เสียงนั้นนอกจะเปี่ยมด้วยอำนาจแล้วมันยังเยือกเย็นน่ากลัวเหลือเกิน เสียงของนายหญิงโอคามิ ฮารุก้มหน้าและค่อยถัดๆมายืนหน้านายหญิง แวบหนึ่งเขาเหลือบมองเห็นรอยยิ้มพอใจอะไรบางอย่างจากชายฉกรรจ์คนนั้นที่มีแววตาขี้เล่นส่งมาให้ไม่สมกับหน้าตาคมเข้ม โชคดีเหลือเกินที่รอยยิ้มไม่มีร่องรอยของความไม่พอใจอยู่เลย “แล้วเราค่อยสะสางปัญหากันทีหลัง จะรออะไรอยู่ละนำทางท่านยูไดไปยังห้องรับรองพิเศษเร็ว” “เชิญทางนี้เลยครับ”ฮารุอิก้าวนำออกไปไม่รอช้า เสียดายที่เขาไม่มีโอกาสได้เห็นสัญญาณแขนที่ยกขึ้นของยูไดตอนนี้ตามหลังมาติดๆ นิ้วมือทั้งห้าของเข้าเหยียดตรงและผละไปข้างหน้าเบาๆ เป็นสัญญาณที่ลูกน้องทุกคนรู้ดี นาคาอิซันเดินเลี้ยวซ้ายออกจากห้องพักรับรองแขกที่ประดับประดาด้วยโซฟาไม้เนื้อดีตรงไปตามทางเดินหินขัดซึ่งมีราวไม่คู่ขนานไปเป็นแนวยาว ตัวเรียวกังที่พักสำหรับลูกค้าตั้งอยู่กลางสระสีมรกตขนาดใหญ่ เป็นอาคารไม้สามขั้นเหมือนปราการที่แวดล้อมด้วยวารีดังเช่น ปราสาทโอซาก้าเมืองเอกแห่งภูมิภาคคันไซ ฝูงปลาคารบ์มากมายแข่งกันประชันโฉมและหวังจะให้ผู้มีอุปการะตักอาหารจากกล่องที่ตระเตรียมไว้ตามมุมเหมาะๆ สำหรับเพลิดเพลินกับการให้อาหารปลา แต่ในเมื่อลูกค้าท่านนี้ไม่สนใจจะให้ ฮารุอิก็ไม่มีเหตุผลต้องชักชวน หลังจากความเงียบโรยตัวลงครู่ใหญ่ ลูกค้าก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้น เขากระแอมเบาเบาเมื่อทั้งสองเดินผ่านตัวอาคารหลักของเรียวกังที่บรรไดอยู่ใจกลางไปสู่ห้องพักบนชั้นต่างๆ “นี่นาคาอิซันจะไม่แนะนำอะไรให้ฉันฟังหน่อยหรือ” นาคาอิชะงักฝีเท้า เขาหันมาคำนับน้อยๆ “ขออภัยในความบกพร่องของกระผม แต่ขอเวลาอีกสักครู่ เกรงว่าจะส่งเสียงรบกวนผู้มีอุปการะท่านอื่นที่พักผ่อนในเรือนใหญ่หลังนี้ กระผมจะแนะนำเรือนรับรองเล็กที่ท่านต้องการเมื่อเราไปถึงครับ เชิญครับ” “ไม่ต้องพิธีรีตองขนาดนั้นก็ได้ ฉันยังไม่ได้เเก่ขนาดนั้นซักหน่อยเราน่าจะห่างกันไม่เกิน 2-3 ปี” “กระผมอิทามิ ยูได พ่อบ้านประจำตระกูลคิตะครับ”ทำไมพ่อบ้านที่ไหนเค้าหนุ่มเเล้วหล่อกว่าฮารุคนนี้อีก ไม่ยอม!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ