Between
เขียนโดย candle
วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.30 น.
แก้ไขเมื่อ 18 มกราคม พ.ศ. 2557 18.27 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) นกมีหูหนูมีปีกภาคต่อ...
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความภาคต่อ
ในความฝัน ใต้ชะง่อนผาที่เผลอหลับใหล โคล์วมองเห็นชายผู้หนึ่งห่มคลุมด้วยแพรพรรณแปลกตา คลับคล้ายแค่เพียงเอามาพันรอบกายเท่านั้น ตั้งแต่ช่วงไหล่ลงไปถึงข้อเท้า คนผู้นั้นเขียนอักขระบนหน้าผากเขาด้วยปลายนิ้ว ขณะปากพร่ำสวดอะไรบางอย่างที่เด็กชายไม่เข้าใจ ในภาษาที่ไม่คุ้นหูด้วยท่วงทำนองต่อเนื่องไม่หยุด บทมนต์นั้นลอยออกจากปากไม่ขาดสายวิ่งวนแทรกซึมลงไปในอักขระอักษร ความอุ่นซ่านแผ่ไปทุกส่วนของร่างกาย เด็กชายไม่อาจขยับเขยื่อนเคลื่อนไหว สิ่งนั้นหาสร้างความเจ็บปวดให้เกิดแก่เด็กชายไม่ ตรงกันข้ามโคล์วสัมผัสถึงความปิติเอิบอิ่ม ผ่อนคลาย เฉกเช่นเดียวยามนอนหลับอยู่ในลูกแก้วใสคราถือกำเนิด อบอุ่น ปลอดภัย ไร้ซึ่งสิ่งวิตกกังวล
“ไม่ว่าเจ้าเป็นผู้ดื่มกินอันใดหล่อเลี้ยงชีวิต หัวใจเจ้ายังคงเป็นของเจ้าไม่แปรเปลี่ยน หนทางยังคงเป็นของเจ้า สิ่งที่ก่อกำเนิดรูปกายหามีผลต่อจิตใจของเจ้าไม่...จงจำไว้”
“...หัวใจยังคงเป็นของเจ้า...หนทางยังคงเป็นของเจ้า เลือกเดินทางที่เจ้าปรารถนา...”
น้ำเสียงทรงอำนาจแฝงอ่อนโยนกับแววตาทอประกายอบอุ่นส่งให้เด็กชาย ก่อนจะหายวับไปด้วยแสงสีขาวเจิดจ้าพร่าสายตา
**
**
**
เปรียบอวานีคือเด็กสาวเยาว์วัยผู้มีลูกก่อนวัยอันควร แล้วยิ่งการให้กำเนิดลูกของนางหาเป็นไปอย่างธรรมดาสามัญไม่ นางมิได้ให้กำเนิดเพราะมีความสัมพันกับบุรุษเพศ เยื่อใยความรักระหว่างนางกับบุตรแม้อยู่ในครรภ์ก็จริงอยู่ กลับบางเบาเจือจางจนแทบสัมผัสไม่ได้ ด้วยเพราะสิ่งก่อเกิดไร้ซึ่งสายสะดือเชื่อมต่อ
ตอนนี้นางรับรู้แล้วพวกเขาถือกำเนิด ในครรภ์ของนางไร้ซึ่งสิ่งมหัศจรรย์ที่เรียกว่าชีวิต...แต่พวกเขาอยู่ ณ.แห่งหนใดกันเล่า นางไม่มีผู้ใดให้สืบเสาะเว้นแต่ไกอา...หากนางก็ไม่รู้ว่จะพบเจอได้ที่ไหน ไกอามาเมื่ออยากมาหาใช่ด้วยปรารถนาอวานีไม่ ครั้งแรกและครั้งเดียวที่นางเจอก็แค่เสียงที่กังวาลก้องในปราสาทชาล๊อตเมื่อเนิ่นนานมาแล้วไม่เคยเห็นรูปกายแต่อย่างใด
“ข้าควรทำเยี่ยงไรกับชีวิตของข้าต่อไป ควรทำเยี่ยงไร...?”
คำถามชนิดนี้ปรากฏขึ้นในความนึกคิดอวานี บางครานางหมายปลิดชีวิตตัวเองให้ล่วงพ้น จะทำได้ฉันท์ใดในเมื่อชีวิตของนางเป็นนิรันดร์ไม่แตกดับ ความโดดเดี่ยวเดียวดายสร้างความทุกข์ทรมานแก่นาง ปราสาทชาล๊อตเงียบร้างไร้ผู้คนมานานนักหนา และนางไม่ยินยอมพาตัวเองออกไปพบปะผู้ใดนอกปราสาท นางผู้มีชิวหาสีดำน่ากลัวแก่ผู้สนทนาด้วย นางผู้ถูกกล่าวขานว่าวาจาต้องคำสาปยามแปร่งออกมา นางผู้ทำให้ตระกูลมลายหายสูญสิ้น เช่นนี้ไม่เพียงพอจะสร้างความระทมทุกข์แก่หัวใจเยาว์วัยอีกหรือ
วันแล้ววันเล่า บทเพลงแห่งความเดียวดายบทแล้วบทเล่าถูกกลั่นออกจากหัวใจอวานี นางขับขานเพื่อปลอบโยนตนเอง ปลดปล่อยตนเองจากโซ่ตรวนคำสาปที่กักขังนางไว้ ทั้งแท้จริงหาเป็นเช่นนั้นไม่นางไม่รู้ สายลมช่วยพัดส่งนำเอาถ้อยคำแห้งแล้งขาดแล้วซึ่งวิญญาณแห่งชีวิตออกนอกเขตปราสาท ล่องลอยไป
ชายผู้เฝ้ามอง คอยฟังเสียงนางนอกเขตปราสาทชาล๊อต ลึกล้ำเข้าไปในป่าทึบ เฝ้ารอคอยจิตใจอวานีเสื่อมถอยถึงที่สุด สิ้นแรงถึงที่สุด ง่ายต่อการครอบงำ และเมื่อนั้นเขาพลันปรากฏกาย
หมู่ค้างคาวสายใหญ่กรูเกรียวล่วงล้ำเข้าสู่เขตปราสาท อวานีตะลึงลาน นางไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้ กรีดร้องสุดเสียงเช่นสตรีทั่วไป เมื่อสัตว์น่าเกลียดห้อมล้อมนางไว้ เหมือนไม่มีที่สิ้นสุดเมื่อพวกมันบินผ่านไป อวานีใช้สองมือปกปิดใบหน้าตามสัญชาตญาณ
“ท่านหญิง” น้ำเสียงเยือกเย็นกระซิบเรียก
อวานีลดมือลงเมื่อรับรู้ได้ว่าสายลมจากปีกคู่สุดท้ายลับหายไป นางจ้องมองบุรุษตรงหน้า เขาแฝงกายอยู่ภายใต้เสื้อคลุมสีแดงฉานยาวระพื้น ฮู้ดถูกเหวี่ยงออกไปจากส่วนของศรีษะเผยให้เห็นใบหน้าสงบเยือกเย็น ฉาบรอยยิ้มอย่างผู้สูงวัยมองดูสตรีผู้น้องก็ไม่ปาน เรียกความไว้เนื้อเชื่อใจให้แก่อวานี ดวงตาขุ่นเหลืองทอประกายปิติยินดี
“ข้าแบดมาทำความรู้จักกับท่าน” บุรุษหนุ่มค้อมหัวลง หากดวงตายังคงจับจ้องสีหน้าอวานี
นางส่งมือให้เขาเยี่ยงกิริยาสตรีพึงกระทำ แบดแตะปลายนิ้วนางสัมผัสเพียงแผ่วเบาด้วยจุมพิต พร้อมค้อมหัวอีกคราแสดงให้เห็นว่านางสูงศักดิ์เพียงไร
“ข้านำบุตรชายท่านมาส่ง”
อวานีอ้าปากเผลอไผลตะลึงค้าง นางมองไปเบื้องหลังกลับแลไม่เห็นผู้ใด ยังมิทันเอื้อนเอ่ยสอบถามเอาความ
“เขาอยู่ด้านนอกปราสาท ตื่นเต้นกับสิ่งพบเห็นแปลกใหม่” น้ำเสียงเนิบช้าบอกกล่าวเรื่อยๆ สร้างความไว้วางใจ
“เชิญท่านหญิง” แบดผายมือเชื้อเชิญให้อวานีเดินนำ
เด็กชายมองแปลงดอกไม้หลากหลายประหลาดใจกับสีสันมากมายล้วนไม่เคยเห็น ดอกไม้รูปทรงแปลกตาไม่มีให้เห็นในป่ารกทึบ สิ่งมีชีวิตกระพริบแสงวับวาวสว่างวาบ ฉวัดเฉวียนรอบๆ กาย ส่งเสียงหัวเราะคิกคักสนุกสนานเมื่อบางตัวโฉบมาหอมแก้มเด็กชายได้ สิ่งกระพริบแสงเหล่านั้นผลัดเปลี่ยนกันเข้ามามองดูเด็กชาย เขี่ยจมูกเขาบ้าง ดึงผมเขาบ้าง หลายตัวชื่นชมกับปีกสวยงามของเด็กชาย ต่างชี้ชวนกันดูพลางกรีดกรายปีกบางใสของตัวเองอวด “ดูปีกฉันสิ...ดูปีกฉันสิ!!!” แต่ส่วนใหญ่มักโฉบมาหอมแก้มเขา เสียงหัวเราะกังวานใสดังอยู่รอบๆ ตัวคลับคล้ายเสียงตัวโน๊ตอันแสนไพเราะ
โคล์วยื่นมือออกไปหวังว่าเจ้าสิ่งเล็กๆ เรืองแสงนั่นมาเกาะตรงฝ่ามือ ได้ผลเจ้าภูติจิ๋วตัวหนึ่งมาตามประสงค์ แต่เด็กชายยังไม่ทันเอ่ยปากสนทนาด้วย
“เจ้าชาย” น้ำเสียงนุ่มเรียกขาน เหล่าภูติตัวจิ๋วหายไปทันที จะมีก็เพียงตัวหนึ่งเกาะบนไหล่ของเด็กชาย แบดหรี่ตามองหากไม่กล่าวอันใดออกมา ภูติตัวจิ๋วเชิดหน้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
สายตาสองคู่จ้องมองซึ่งกันและกัน แปลกหน้า แปลกใจ ระคนตื่นตระหนก นี่หรือคือบุตรชาย นี่หรือคือสิ่งซึ่งก่อกำเนิดในกายมาช้านาน เด็กชายผู้มีใบหน้าสวยงามผมสีดำหยักเป็นลอนยุ่งเหยิง แววตาปรากฏความสงสัยใคร่รู้จ้องมองกลับมา ทว่าว่างเปล่าไร้เยื่อใย
“เจ้าชาย หญิงนางนี้คือมารดาแห่งท่านนามอวานี” น้ำเสียงนุ่มเนิบช้าบอกกล่าว
อย่าว่าแต่เด็กชายเลยแม้แต่อวานีนางเองกลับไม่รู้ควรปฏิบัติตัวเช่นไรกับสิ่งที่ได้รับรู้ สิ่งที่มองเห็นเป็นตัวตนอยู่ตรงหน้า ยิ้ม โอบกอด หรือกล่าววาจาใดเช่นมารดาพึงปฏิบัติต่อบุตรเช่นธรรมดาสามัญ
“ยินดีต้อนรับ” ที่สุดอวานีกลับเอ่ยคำนั้นออกมา
โคล์วเองไม่รู้สมควรทำตัวเช่นไรฐานะบุตรทุกสิ่งล้วนแปลกใหม่ไปเสียทั้งหมด ความสัมพันระหว่างผู้คนเด็กชายปฏิบัติไม่ถูก ระหว่างอยู่กับแบดเขาเพียงเรียนรู้ในสิ่งที่เขาเป็น พลังอำนาจที่เขามี กับการปกปิดความรู้สึกทางใบหน้า แบดพร่ำพูดถึงสิ่งนี้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน รู้สึกอย่างไร ดีใจ เสียใจ โกรธ เกลียด จงเก็บมันไว้เพียงภายในวางสีหน้าให้เรียบเฉย ไม่ควรปล่อยให้ความรู้สึกนึกคิดปรากฏสู่สายตาทางใบหน้า อย่าปล่อยให้ผู้ใดล่วงรู้ความนึกคิดไม่เช่นนั้นจะตกเป็นเหยื่อ
“มัวคิดอะไรอยู่เล่า ทำความเคารพนางสิ” เสียงเล็กๆ ข้างหูกระซิบเตือน
“ยินดีที่ได้พบ” โคล์วก้มศรีษะให้นางแล้วกลับยืนนิ่งไม่กล่าวอันใดอีก
“ห๊ะ!!!เจ้าเด็กไร้มารยาจ” คมเขี้ยวเล็กๆ กัดโคล์วที่ไหล่ก่อนบินจากไป
"ข้ายินดีที่เจ้ากลับบ้าน" อวานีส่งรอยยิ้มให้โคล์ว หากแต่นางมิได้ขยับเข้าใกล้เด็กชายมากกว่าที่เป็นอยู่
"..............." เกิดความอึดอัดขึ้นระหว่างบุคคลทั้งสองชั่วขณะหนึ่ง
"ข้าขอตัว" เด็กชายผละจากมา
โคล์วเดินสำรวจรอบๆ อีกคราหนึ่ง ปราสาทก่อสร้างด้วยหินอ่อนขาวโพลนตั้งอยู่บนโตกผาสูงชัน มองลงไปเห็นทะเลสาบอยู่ด้านล่าง ด้านหน้ามีป้อมอยู่สองมุม ภายในที่เด็กชายยืนอยู่เป็นลานกว้างแลดอกไม้นาๆ พันธุ์ชูช่ออวดรูปโฉมละลานตา บริเวณซอกหินผาเอเดลไวส์ออกดอกขาวเช่นเดียวกับตัวปราสาท
“เจ้าเด็กไม่รู้จักสัมมาคารวะ” น้ำเสียงขุ่นขึ้งของภูติจิ๋วตัวเดิมซึ่งบัดนี้มาเท้าสะเอวลอยค้างอยู่ตรงหน้าโคล์ว ใบหน้าเล็กๆ สวยงามปั้นปึ่ง
“ข้าไม่รู้สมควรทำเช่นไร” เด็กชายเซื่องหงอย
ใบหน้าปั้นปึ่งของภูติจิ๋วตัวใสคลายออก สงสารเด็กชายผู้ไม่รู้ความ
“เอาเถอะ อีกหน่อยเจ้าก็เรียนรู้ไปเองเจ้าชาย”
“ข้าควรเรียกเจ้าด้วยชื่อใด”
“เดลฟิน่า”
“ชื่อเจ้าไพเราะ” เด็กชายชื่นชม ภูติจิ๋วยิ้มแก้มฉีกจุ๊บแก้มเด็กชายผู้เสพความชั่วช้าอีกคราหนึ่ง โปรยเกร็ดระยิบระยับทั่วตัวเด็กชาย เมื่อสิ่งนั้นตกต้องผิวพลันซึมหายไปไร้ร่องรอย
“คำขอบคุณเล็กๆ น้อยๆ จากราชินีภูติจิ๋วแห่งมวลดอกไม้” เธอยิ้มอวดเขี้ยวเล็กๆ เรียงราย
**
**
**
“ข้าไม่รู้ควรดูแลเขาอย่างไร” อวานีรำพึงจับต้นชนปลายไม่ถูกขณะอยู่เพียงลำพังกับแบด
“ปล่อยให้เขาเติบโตในแบบที่เขาเป็น”
อวานีนิ่งไปพักใหญ่ แบดปล่อยให้นางสำรวจความคิดโดยไม่กล่าวอันใดระหว่างนั้น
“ข้าจดจำเยาว์วัยของตัวเองไม่ได้แล้ว จำไม่ได้ว่าข้าถูกเลี้ยงดูมาแบบไหน มันเนิ่นนานจนนึกย้อนคืนลางเลือนเต็มที” อวานีทอดถอนใจ นางเผลอปล่อยความรู้สึกให้บุรุษแปลกหน้ารับรู้โดยไม่ระวัง อาจเป็นเพราะนางอบอุ่นใจ วางใจในลักษณะของเขา
บุรุษหนุ่มวาจาดีให้เกียรติอิสตรีเช่นนี้สร้างความหวั่นไหวได้ไม่ยากเย็น อวานีนางไม่เคยสนิทชิดเชื้อสนทนาด้วยบุรุษใดมาก่อนนอกจากผู้บิดา ใจนางย่อมสั่นคลอนไหนเลยจะรอดพ้นจากถ้อยคำบุรุษผู้หมายครอบงำ
“หากข้าขอร้องท่านอยู่ที่นี่ช่วยสั่งสอนอบรมบุตรชายข้า ท่านเห็นเป็นประการใด”
“โอ้...ท่านหญิง ข้าเป็นบุรุษส่วนท่านเป็นสตรีเกรงว่าท่านจะเจอถ้อยความครหาเป็นแน่”
ครานี้ใบหน้าอวานีแดงกร่ำขวยเขิน
“ข้าขออภัยท่านหญิง ถ้อยคำข้าสร้างความระคายหูให้ท่าน”
“ไม่ๆ เป็นข้ากล่าวออกไปโดยไม่คิดให้รอบคอบ”
การล่อลวงอิสตรีไม่ใช่เรื่องยากเย็น ด้วยรูปโฉม ด้วยวาจา ด้วยกิริยาโอนอ่อนก่อความไว้เนื้อเชื่อใจ
“หากท่านหญิงจะส่งโคล์วให้ข้าดูแลข้ากลับยินดี” แบดเสนอในสิ่งพึงประสงค์แนบเนียน
...นางจะรู้อันใดเหตุแห่งที่นี่ไร้ซึ่งผู้คนสัญจร ไร้ซึ่งการส่งสารจากไกอา...
แบดร่ายมนต์ห้อมล้อมอาณาเขต กักขังนางไว้ด้วยมนต์ตราเพียงเล็กน้อยโดยไกอาไม่รู้ อันที่จริงจะเกิดเหตุอันใดแก่อวานีนางย่อมไม่นำพา อวานีสมควรเรียนรู้อำนาจแห่งมารดาได้ด้วยตัวเอง
เหตุใดแบดล่วงรู้การถือกำเนิดมารดาแห่งสรรพสิ่งได้เล่า เผ่าพันธุ์ล้วนมีอยู่ทุกหนแห่งเร้นกายหลบซ่อนคอยเงี่ยหูฟัง ไม่มีเหตุอันใดรอดพ้นการรับรู้ แบดเฝ้ารอคอยอดทนนับวันเวลาตั้งแต่คราอวานีถือกำเนิด คำสาปแห่งไกอาที่ผู้คนในตระกูลชาล๊อตไม่อาจตีความหมายหรือไม่สนใจใคร่ตรอง คนพวกนั้นไม่รับรู้ถึงการกำเนิดของมารดาแห่งสรรพสิ่ง ไม่รับรู้ถึงอำนาจแห่งนางว่าสูงส่งเพียงใด มากมายเพียงใด แบดกระหยิ่มใจในความโฉดเขลาเบาปัญญาของคนในตระกูลชาล๊อตยิ่งนัก
หากอวานีจะสังเกตเพียงสักนิดหนึ่ง นางควรเห็นบรรยากาศซึ่งแปลกเปลี่ยนไปรอบๆ ปราสาท ทั้งที่คราก่อนนั้นกลับไม่มีสิ่งอันใดให้นางแลเห็น แบดคลายมนต์เคยห้อมล้อมปราสาท ทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็น เขาได้ครอบครองในสิ่งที่ปรารถนาแล้ว ต่อไปก็แค่ชักใย...เสี้ยมสอน...
***คิดซะว่าอ่านหนังสือเด็กประกอบภาพแล้วกันนะ ตอนต่อไปจะพยามให้มากกว่านี้ค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ