Gotcha!! คุณได้รับเกรียน 1 ea
เขียนโดย homeless
วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.33 น.
แก้ไขเมื่อ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 20.52 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) 01 เหมือนชีวิตผันผ่าน คืนวันอันเปลี่ยวเหงา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
01
เหมือนชีวิตผันผ่าน คืนวันอันเปลี่ยวเหงา
ผมลืมตาตื่นขึ้นเพราะรู้สึกถึงแรงยวบยุบบนเตียง และภาพแรกที่ผมเห็นคือแผ่นฝ้าสีขาวเรียงต่อกันเป็นช่องปกติในหอพักแต่มันพร่าเล็กน้อยเพราะสายตาผมยังปรับสู้แสงแดดแรกเช้าไม่ทัน หลังจากนั้นไม่นานอาการร้าวก็ปราดแล่นเข้ามาทั่วไปทั้งตัวราวกับว่าเมื่อคืนผมผ่านศึกสู้รบอะไรสักอย่างมาอย่างชำชอง ทั้งปวดหัว เจ็บคอ เมื่อยตัว แขนล้า ขาแทบไม่มีแรงและที่สำคัญ ผมไม่อยากจะเหมารวมด้วยหรอกนะว่ามันเจ็บแปลบที่สะโพกจนสะท้านไปถึงด้านหลัง...
กินเหล้าแต่ละที ไม่เคยเป็นถึงขนาดนี้นี่หว่า
หรือว่า...!
ไม่เอาๆ ไม่คิดไอ้จอม! มึงเป็นผู้ชายหล่อมาหหน้าตาดีโคตรแมนนะเว้ย ยังมีสาวสวยอีกหลายคนรอ จบ!
ผมสะกดจิตให้ปัดความคิดอกุศลทิ้งก่อนจะยันตัวเองขึ้นมานั่งทำมุม 90 องศา ก่อนจะต้องเบิกตากว้างเมื่อผ้าห่มผืนหนาที่ห่มคลุมตัวท่อนบนผมไว้ไหลลงไปกองบนต้นขาตามแรงโน้มถ่วงโลก ไอ้ที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้านะไม่แปลกเพราะปกติผมชอบเสื้อถอดกางเกงใส่แค่บ็อกเซอร์ตัวเดียวนอนอยู่แล้ว
แต่!!
ไอ้ร่องรอยสีแดงจางเหมือนยุงระดมกัดเป็นฝูงบนร่างกายเปลือยเปล่า นี่มันหมายความว่ายังไง!! ไม่ว่าจะที่แขน หรือที่ขา แม้แต่หน้าท้องแบนราบรวมไปถึงต้นขาก็ยังมี นี่ยังไม่ได้นับรวมในส่วนที่ผมมองไม่เห็นอีกนะ!
แอลกอฮอล์เป็นพิษหรือไงวะ? ผมนึกเข้าข้างตัวเอง แต่ไม่อะ ไม่ใช่แน่ๆ ถ้าเป็นจริงผมคงนอนขึ้นอืดเป็นศพบนเตียงตายห่าไปนานหละ แดงซะขนาดนี้
...
ผมคิดว่าตัวเองนั่งนิ่งเงียบอยู่นาน ก่อนจะยกมือขึ้นมาขยุ้มหัวตัวเองไปมาเหมือนคนบ้า
เวรเอ้ย! ผมอุตส่าห์จะไม่คิดแล้วเชียว แต่ทำไงได้หลักฐานมันชัดเต็มสองตาแบบนี้! เมื่อคืนผมต้องมีซัมติงแน่ๆ แถมซัมติงกับใครที่ไหนไม่พอ ดันมีไปซัมติงกับผู้ชาย!!
รู้ได้ยัง...?
ก็ผมโคตรเจ็บตูดเลยอะครับ!!!
แกร๊ก!!
เสียงเปิดประตูจากห้องน้ำทำให้ผมหันขวับไปมองอย่างรวดเร็ว ถึงที่นี้จะเป็นหอพักนักศึกษาและเป็นห้องของผมแต่มันต้องไม่ใช่รูมเมทผมแน่นอนเพราะผมพักที่ห้องนี้คนเดียว ไม่มีใครมาร่วมแชร์ค่าเช่าเพราะงี้ผมถึงได้จนไงจ่ายค่าห้องแต่ละทีเลือดแทบกระอัก
“ปุณน์...?”
ผมครางชื่อออกมาทันทีที่เห็นร่างสูงเกินมาตรฐานของเด็กปี 1 มันเดินออกมาจากห้องน้ำ สายตาผมกับปุณน์สบกัน มันชะงักเล็กน้อยก่อนจะรีบตรงเข้ามาจับไหล่ผมไว้แล้วกดลงกับเตียง ผมตกใจลืมตากว้างและดิ้นขลุกขลักอยู่ใต้ร่างหนา
มึงจะทำเชี่ยไรว่ะ!!
“พี่ต้องรับผิดชอบผมนะ” ประโยคแรกที่ร่างสูงเอ่ยปากออกมาด้วยใบหน้าเครียดตึง
“ห๊ะ?” ผมหลุดเสียงออกมางงๆ
“ไม่ต้องมาห๊ะเลยพี่จอม เมื่อคืนพี่ขืนใจผมพี่ต้องรับผิดชอบ” จบประโยคผมรีบสอดส่องสายตามองไปทั่วร่างปุณน์ทันที คือ...สภาพแบบไหนว่ะที่มันบอกว่าผมขืนใจมัน แม่งเด็กสมบรูณ์กว่ากูอีก!!
“มึงมั่วหรือเปล่าอย่างกูเนี่ยนะจะไปทำอะไรมึง”
“ทำไมจะไม่ละ! ก็เมื่อคืนหลังจากที่ผมพาพี่ขึ้นมาบนห้องพี่ก็กักตัวผมไว้ แล้วยังมาถอดเสื้อต่อหน้าผมอีก...แถมพี่ยังเป็นคนผลักผมลงบนเตียงเองด้วย”
“...”
“จากนั้นจู่ๆ พี่ก็ตามขึ้นมาคร่อมผม ยั่วผมสารพัดจนผมทนไม่ไหว ถ้ายังงี้ไม่เรียกว่าพี่ขืนใจแล้วให้ผมเรียกว่าอะไร พี่ต้องรับผิดชอบ!!”
“เดี๋ยว...แต่มึงก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายนิว่ะ” ผมปรับโทนเสียงให้เรียบเข้าไว้ ทั้งๆ ที่ในใจอยากจะโวยมันแทบตายว่า มึงเป็นคนจิ้มแถมกูเป็นคนเจ็บตูดนะเว้ย จะมาเรียกร้องหาพ่อมึงหรอ
“พี่ทำชีวิตผมบัดซบ!”
“ห๊ะ?” ผมงงเป็นไก่ตาแตกและยิ่งแตกเข้าไปอีกเมื่อไอ้เด็กเปรตตรงหน้าแสร้งบีบน้ำตาประกอบคำพูดสะอื้น
“ฮึก...พี่พรากความบริสุทธิ์ผม...ฮึก...ผมไม่มีหน้าไปขอสาวที่ไหน...ฮึก...แต่งงาน...ฮึก...ให้แม่อีกแล้ว...ฮือๆๆๆๆ” พร้อมสร้อยคำสุดท้ายมันปล่อยโฮออกมาเต็มที่ ทำเอาผมอ้าปากหวอนานอยู่หลายวิ
คือตอนนี้กูก็บัดซบมากเหมือนกันนะ...อยากเอาตีนซบหน้ามึงจริงๆ ไอ้เด็กเวร!!
“มึงไปร้องไกลๆ เลยนะก่อนที่กูจะเอาตีนถีบมึงกระเด็น” ผมตีหน้านิ่ง
“พี่พูดงี้แสดงว่าพี่จะไม่รับผิดชอบผมใช่มั้ย?”
“เออ! แล้วกูก็ไม่คิดจะสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย” ผมกระแทกเสียงอย่างเย็นชาทำให้ร่างสูงชักสีหน้าเล็กน้อย เอ่อ นี่มึงไม่พอใจที่กูไม่รับผิดชอบ?
“ผมไม่ยอม!!” ปุณน์งอแอ แต่ผมไม่สน
“หลบไป”
ผมปั้นสีหน้าตายเรียบแล้วผลักมันออกจากเส้นทางเพื่อลุกเดินออกไปจากเตียงด้วยท่าทางทะมัดทะแมง เมื่อคืนนี้แม่งทำขนาดไหนวะเล่นเอาขาผมแทบไม่มีแรงเลย แม่งสั่นงึกๆ แถมยังเจ็บสุดๆ อีก
“พี่จอมเดินไหวหรอครับ” น้ำเสียงเป็นห่วงดังถามไล่หลัง “ให้ผมอุ้มพี่ไปส่งมั้ย”
ไม่ว่าเปล่าไอ้ปุณน์ทำท่าจะเดินเข้ามาอุ้มผมจริงๆ ถ้าผมไม่ยกมือห้ามและด่ามันไปเสียก่อน
“สัด! ไม่ต้อง! กูเดินเองได้”
ผมก้าวเท้าทีละก้าวอย่างระมัดระวังไปที่ห้องน้ำก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ผมเอี่ยวตัวไปหาร่างสูงที่ยืนมองอยู่ด้านหลัง
“เมื่อคืนมึงใส่ถุงยางหรือเปล่า”
“ผมใส่ครับ” ผมพยักหน้ารับรู้ เห็นอย่างนี้ผมก็ระวังเรื่องโรคนะครับเพื่อแม่ของลูกในอนาคต ฮิ้ววว
“งั้นมึงก็ออกไปจากห้องกูได้แล้ว”
“ไม่! ผมจะไม่ไปไหนจนกว่าพี่ยอมรับผิดชอบ” ร่างสูงยืนยันหนักแน่นอย่างดื้อดึง
“มึงอย่ามาทำตัวปัญญาอ่อนในที่นี้ขอเถอะ กูไม่ได้เล่นพ่อแม่ลูกแบบเด็กๆ นะเว้ย ออกไปนอกห้องกูเลยไป!” ผมขึ้นเสียงอย่างสุดจะทนก่อนหลับตากัดฟันข่มกำมือแน่น ผมไม่ใช่มนุษย์ประเภทที่จะใจเย็นตลอดเวลาได้หรอกนะ ยิ่งถ้ามีอะไรน่ารำคาญมากวนใจด้วยแล้วละก็
“แต่...”
“มึงจะออกไปดีๆ หรือให้กูเตะมึงออกไป” ผมปั้นสีหน้ามองมันเรียบ
“ผม...” ร่างหนาอ้ำๆ อึงๆ ไม่ยอมไปไหน ผมถอนหายใจแล้วเอ่ยกับมันด้วยน้ำเสียงราบไร้อารมณ์
“ฟังกูนะ...ห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาดถ้ากูรู้มึงตาย แล้วก็คราวหน้าถ้ามึงยังจะมาตามยื้อความรับผิดชอบจากกูอีกละก็กูกระทืบมึงแน่”
“...”
“ออกไป!!!!”
ผมตะโกนสุดเสียงจนปุณน์ก้มหนัาหงอย ผมนึกว่ามันจะกลายเป็นโรคซึมเศร้าเพราะโดนขัดใจแต่ไม่กี่วินาทีต่อมามันเงยหน้าขึ้น มองผมด้วยสายตามุ่งมั่นอย่างร้อนแรงทำเอาผมหนาวสะท้านแปลกๆ
“พี่จอมอย่าคิดว่าแค่นี้ทำให้ผมท้อนะ พี่ได้ผมแล้วพี่ต้องรับผิดชอบผมไม่ปล่อยพี่ไปไหนแน่!!” ร่างหนาประกาศกร้าว
“โอย ให้ตายเถอะไอ้ปุณน์ มึงจะยึดติดอะไรหนักหนา” ผมร้องระบายและจ้องกลับด้วยสายตาแข็งไม่แพ้กัน
“ผมไม่ได้ยึดติด” ดูมันเถียง
“หรอ ที่มึงโหวกเหวกในห้องกูเนี่ยนะไม่...”
“ผมยึดเมียเดียวต่างหาก!!” ร่างหนาสวนขึ้นมา “นี่ถ้าพี่ไม่ใช่เมียผมแล้ว ผมไม่เอาพี่หรอก”
ผมคิ้วกระตุกก่อนจะโวยลั่น
“งั้นมึงไปทำเมียใหม่เลยไป! ไม่ต้องมายุ่งกับกู!!!”
“พี่ก็กลับไปที่เตียงสิ ผมจะได้เอาใหม่อีกรอบ!” มันย้อน
“กูหมายถึงคนอื่นโว้ย!!!”
ผมสุดจะต่อปากต่อคำกับมันแล้วเลยรีบคว้าผ้าเช็ดตัวหน้าห้องน้ำก่อนเดินเข้าไป นี่ถ้าไม่ติดว่าบ่ายนี้มีแลปคอมผมไม่ไปมอหรอก แต่ทำไงได้แม่งขาดไม่ได้นี่หว่าคะแนนทั้งนั้น
ผมอาบน้ำลวกๆ พอเป็นพิธีแต่ก็ต้องชะงักเมื่อรู้สึกถึงของเหลวขุ่นไหลออกมาจากช่องทางด้านหลังและเปรอะเปื้อนย้อยลงไปตามต้นขากับสายน้ำ ผมหลับตาและข่มอารมณ์ไว้ให้แน่น
“ไหนมึงบอกใส่ถุงยางไงว่ะ” ผมเอ่ยเสียงดังพอให้คนข้างนอกได้ยิน
“รอบแรกผมใส่นะพี่ แต่รอบสองกับรอบสามถุงยางหมด” เสียงตอบกลับเข้ามาทำเอาหัวผมขุ่นมัว ผมกำมือแล้วทุบกับกำแพงเพื่อระบาย
“ไอ้เด็กเหี้ย”
ผมด่าไล่หลังและได้ยินเสียงประตูห้องเปิดและปิด คาดว่าไอ้เด็กนั่นมันคงออกไปแล้ว ก็ดีถ้ามันไม่ออกไปผมคงได้กระทืบมันคาห้องแน่ๆ ผมกดความโกรธที่เหมือนถูกลูบคมเอาไว้ลึกๆ แล้วทำความสะอาดเก็บกู้เอกราชประตูหลังพร้อมอาการปวดแสบจี๊ด พอจัดการเสร็จผมเดินพันผ้าเช็ดตัวรอบเอวออกมาจากห้องน้ำด้วยความเคยชิน แล้วหยุดยืนมองตัวเองตรงหน้ากระจกที่ติดอยู่กับตู้เสื้อผ้า
หอกเอ้ย! ผมจะทำไงกับไอ้รอยแดงๆ นี่ดีว่ะ แม่งเยอะกว่าที่เห็นตอนแรกอีก
Rrrr Rrrr Rrrr
เสียงโทรศัพท์ดังทำให้ผมหันไปดู หน้าจอขึ้นชื่อไอ้ชิคหรา มันคงโทรมาตามผมนั่นแหละเพราะนี่ก็ใกล้จะสิบโมงรอมร่ออยู่แล้ว
“เออเนี่ย! เดี๋ยวกูจะออกแล้ว” ผมตอบก่อนที่มันจะถาม ขืนให้มันถามผมก่อนละก็คงมีคำด่าแทรกเข้ามาในประโยคเป็นพรวน
[ เออ! เร็วๆ มึงปีหนึ่งจะเต็มหอประชุมแล้ว ]
“ปีหนึ่ง...หอประชุม...ทำเหี้ยไรว่ะ?” ผมถามอย่างสงสัย
[ อยู่หอประชุมก็ประชุมสิครับไอ้ปลวก เมื่อคืนฝันว่าได้แทะไม้จนลืมหรือไง ] เสียงเข้มกวนกลับจนน่าถีบทะลุหู ผมแยกเขี้ยวใส่ถึงมันจะไม่เห็นก็เถอะ
“ฝันเหี้ยไรละเมื่อคืนแม่งอัปรีย์ชิบหาย”
[ หือ...หรือว่าไอ้ปุณน์ทำไรมึง? ] น้ำเสียงใคร่สนใจของไอ้ชิคทำเอาผมชะงัก เหี้ยนี่กูหลุดปากพูดอะไรไปหรือเปล่าวะ
“มันจะทำเชี่ยไรกูได้!” ผมเหวเสียงสูงโคตรมีพิรุธ แม่งขุดหลุมฆ่าตัวเองตายชัดๆ เพราะไอ้ชิคมันไม่มีทางไม่รู้แน่ว่าผมแกล้งกลบเกลื่อนความจริง
[ หึ! ] อีกฝ่ายหัวเราะเหมือนรู้ทันตามมาด้วยน้ำเสียงอวดดี [คิดว่ากูเป็นเพื่อนกับมึงมากี่ปีแล้วทำไมกูจะไม่รู้ ]
“สองปีไอ้ไก่ ให้มันน้อยๆ หน่อย” ผมปั้นหน้าตายขณะที่เถียงกับมัน ถ้านับรวมปีนี้ด้วยก็ปีที่สาม เอาเป็นว่าใครก็ตามที่ผมรู้จักในประเทศไทยมันไม่มีใครรู้จักกับผมเกินสามปีหรอก เพราะก่อนหน้านั่นผมเรียนอยู่ที่ต่างประเทศตั้งแต่อนุบาลยันเกรด 12
[ แหม! แค่นี้ก็พอให้สาวไส้มึงหมดตัวแหละ แล้วตกลงไอ้เด็กนั่นทำไรมึงบ้าง ] เสียงเข้มพาวกกลับเข้าประเด็นเดิม แล้วใครมันจะกล้าตอบว่ะว่ากูเสียตัวให้มันไปแล้ว
“มึงอย่ารู้เลยจะดีกว่าเอาเป็นว่าเจอหน้ามันกูฝากมึงกระทืบไอ้เด็กเวรนั่นให้ด้วย”
[ พูดงี้แสดงว่าโดนจัดมาหนัก? ]
“พร่องมึงสิ” ผมสบถ แม่งกวนได้น่าถีบมาก
[ หึ เอาไว้ไว้ดูตอนเจอหน้ามึงก็รู้ ] ไอ้ชิคทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนวางสายทำเอาผมเครียด คือสภาพผมตอนนี้เอาเด็กมัธยมที่ผ่านการเรียนสุขศึกษามาดูก็รู้ว่าถูกดำเนินการซิงโครมาอย่างหนัก แล้วจะมีหรือที่ไอ้ชิคมันจะมองไม่ออกต่อให้ผมเอาเสื้อเชิ้ตแขนยาวมาปิดก็เถอะ
ผมได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆ แค่ให้มันรู้คนเดียวก็พอก็แล้วกัน ผมคว้ากระเป๋าหนังขนาดเอสี่พร้อมสมุดจดเล่มบางออกมาจากห้อง แต่นึกขึ้นได้ก่อนว่าผมลืมกุญแจห้องไว้ข้างในเลยต้องกลับเข้าไปหาใหม่
...
เฮ้ย! แม่งหายไปไหนว่ะ
ผมยืนนึกทวนความจำอยู่ตรงหน้าประตู จำได้ว่าเมื่อวานก็อยู่กับตัวนี้หว่า...เดี๋ยวนะเมื่อคืนผมเมาไม่รู้เรื่องนี้ แล้วไอ้เด็กเหี้ยนั่นก็เป็นคนมาส่ง...งั้นแสดงว่ากุญแจผมก็ต้องอยู่กับมัน...
ชิบหาย!!! ปลาสลิดแล้วไงมึงไอ้จอม!!
Phun's Part
“เฮ้ยปุณน์! ทำไมพี่เขาจ้องมึงเขม็งอย่างนั้นวะ” ผมถูกสะกิดไหล่จากเพื่อนโอมด้านหลัง ทำให้ต้องหันตัวเล็กน้อยเพื่อไปตอบ
“ไม่รู้เหมือนกันวะ สงสัยพี่เขาหลงเสน่ห์กูมั้ง ฮ่าๆๆ” ผมตอบขำพร้อมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะมีเสียงตะคอกจากรุ่นพี่ที่ยืนจ้องผมอยู่
“เฮ้ย!! ปีหนึ่งตรงนั้นนะพี่บอกให้นั่งเงียบๆ ไง!!!!” ผมหันกลับไปมองร่างเพรียวยืนมองมาทางผมจนเป็นเส้นทางแหวกว่ายให้สายตาอีกหลายสิบคู่มองมาที่ผมเหมือนกัน ผมส่งยิ้มระบายให้ทีหนึ่งก่อนแสร้งเงียบทำเป็นกลัวเหมือนบรรดาปีหนึ่งคนอื่นๆ ที่นั่งเงียบจากการกดดันของรุ่นพี่
“เกือบแล้ววะ โทษที แต่...พี่เขาจ้องมึงจริงๆ ด้วย”
“อือ” ผมตอบรับเบาๆ อยากจะบอกไอ้โอมเหมือนกันว่าผมก็แอบมองรุ่นพี่คนนั้นไม่น้อยหน้าพอกัน
“ยังไม่เลิกคุยกันอีก! ดี!! ถ้าอยากคุยนักก็คุยกันไป...ไม่ต้องลงไปกินข้าว!!” เสียงตะคอกคราวนี้ไม่ได้เจาะจงมาที่ผม แต่หมายถึงปีหนึ่งทั้งหมด ส่งผลให้เสียงเล็กเสียงน้อยพากันเงียบกริบกันเป็นแถว ก่อนที่รุ่นพี่อีกกลุ่มจะขึ้นมาบนเวทีสลับกับกลุ่มพี่เจ้าจอม
กลุ่มพี่เจ้าจอมนะเป็นพี่ว้ากผมรู้จักพี่เขาตอนงาน All Night เมื่อวาน ซึ่งเป็นงานที่รุ่นพี่จัดกันเองเพื่อทำความรู้จักกับรุ่นน้องซึ่งใครจะไปหรือไม่ไปก็ได้ ถึงจะบอกว่ารู้จักพี่เจ้าจอมก็เถอะผมก็แค่รู้ว่าพี่เขาเป็นใครอยู่ปีไหนก็แค่นั้น ไม่ได้มีสัมพันธ์อะไรลึกซึ้งเหมือนรู้จักกันมาหลายปี ผมก็แค่รุ่นน้องปีหนึ่งคนนึงของพี่เขานั่นแหละ
แต่ตอนนี้ผมไม่ใช่แค่รุ่นน้องพี่เขาแล้ว ผมพูดได้เต็มปากไม่กระดากอายเลยว่าผมเป็นผัวพี่จอม
ย้ำอีกครั้งนะครับ
ผัวพี่เจ้าจอม
เหตุเกิดเพราะเมื่อคืนผมพาพี่จอมมาส่งที่หอตามคำขอร้องของพี่ชิค แล้วไม่รู้พี่จอมเขาเมามากอีท่าไหนเลยถอดเสื้อจู่โจมผมก่อนอย่างร้อนแรง เฮ้อ...ผมก็ผู้ชายนะ แถมยังมีรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกัน พอเห็นพี่เขาให้ท่าอย่างนี้มีหรือผมจะทนไหว ก็เลยจัดไปสามยกเหนาะๆ
ตอนเช้าผมก็เตรียมใจไว้แล้วละว่าพี่จอมต้องโวยวายเลยแอบหนีไปหลบในห้องน้ำแต่ผิดคาด! พี่จอมนิ่งมากจะมีก็แค่ขยุ้มหัวตัวเองเล็กน้อยเท่านั้น
ได้ไงอะ! ได้ผมเป็นผัวทั้งทีพี่มีปฏิกิริยาแค่เนี่ย!?
ผมเลยเดินออกจากห้องน้ำแกล้งเข้าไปพูดนั้นพูดนี่เพื่อให้พี่เขารำคาญ จะบอกว่าผมเป็นพวกกวนโอ็ยก็ได้ คือเห็นพี่จอมนิ่งแล้วผมทนไม่ไหวจริงๆ แต่สุดท้ายผมก็อดคิดไม่ได้ที่เวลาเห็นพี่จอมโวยวายแม่งโคตรน่าฟัด!
ยิ่งเห็นผิวขาวๆ แต้มรอยแดงที่ผมทำเอาไว้ด้วยเนี่ยยิ่งซี๊ด ของพาลจะขึ้นอีกระลอก
เอาละ!! ผมตั้งปณิธานปีหนึ่งเอาไว้แล้วว่าจะจีบพี่ให้ได้ ถ้าพี่ไม่รับผิดชอบผมละก็ผมจะรับผิดชอบพี่เอง
นี่ไอ้ปุณน์ขอสาบานไว้ตรงนี้เลยนะจ๊ะ!! J
JaoJom's Part
“อิเจ้าจอมแกทำอะไรของแก!!! นี่ไม่ได้รับน้องนะเว้ย ไปขู่น้องแบบนั้นทำไม!!” เสียงหวานโวยของเพียงฟ้าดังทันทีที่ผมเดินลงจากเวที ร่างอรชรแต่แรงช้างตบหัวผมเข้าหนึ่งป้าบ
“อ๊าก!! เจ็บนะเว้ยยัยถึก!” ผมกุมหัวแล้ววิ่งไปหลบหลังไอ้ชิคก่อนจะแยกเขี้ยวขู่ใส่เพียงฟ้า
ยัยนี่เป็นหัวหน้าฝ่ายสันทนาการที่รักเด็กยิ่งกว่ามิสไทยแลนด์ หน้าตาสละสวยเยี่ยงอาหมวยอารมณ์ดีอกสะบึ้มแถวเยาวราช ปัจจุบันมันยังไม่มีแฟนและถือคติเพียงหนึ่งเดียวว่า 'จะกินเด็กได้ต้องเอาความรักมาล่อ'
น่าขนลุกนะว่ามั้ย...
เพราะงี้แหละมันเลยไม่มีแฟนสักที
“สม! ฉันละอุตส่าห์บอกแกแล้วว่าอย่ากดดันน้องเขา แล้วดูแกทำดิอิจอมปลวก!! เกิดน้องเขาไม่มาร่วมกิจกรรมฉันจะทำยังไงย่ะ!!”
“แกก็ไปดักรอหน้าห้องคาบเรียนสุดท้ายดิวะจะยากอะไร” ผมตอบทั้งๆ ที่หลบอยู่หลังไอ้ชิค เพียงฟ้าทำหน้ามุ้ยปากบู้บี้
“ใช่ซี้!! ฉันมันฝ่ายสันไม่ได้ว้ากอย่างแก จะได้เอะอะๆ ก็ใช้อำนาจ” ผมเบ้ปากกับท่าทีมุ้งมิ้งของเพียงฟ้า
“แล้วนี่ไม่ขึ้นไปแนะนำตัวหรือไง คุณหัวหน้าสัน” ผมถามเมื่อแอบเหลือบไปเห็นฝ่ายสันคนอื่นแนะนำตัวกันหมดแล้ว
“ไปย่ะ!” เพียงฟ้ากระแทกเสียงเริ่ดก่อนจะเดินขึ้นไปบนเวที พร้อมเสียงกลองดังรัวประหนึ่งนางงามขึ้นไปรับรางวัลออสการ์? เพียงฟ้ากวาดมือไปข้างลำตัวและเดินเชิดราวกับกำลังบอกอยู่เป็นนัยๆ ว่านี่แหละเวทีฉัน ฉันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้
...
ตัดยัยนี่ออกไปเถอะ ไม่ใช่เรื่องของมัน
ผมเดินออกมาจากหอประชุมโดยทิ้งความเกลียดชังจากรุ่นน้องไว้เบื้องหลัง ผมกับไอ้ชิคแล้วก็ไอ้ชูการ์ไปนั่งกินข้าวกันที่โรงอาหารเพราะเดี๋ยวมีเรียนบ่ายต่อจึงต้องหาอะไรมาลงท้องไว้ก่อน
หลายคนอาจจะสงสัยว่าไอ้ชิคมันรู้หรือยังว่าผมเสียตัวให้ไอ้ปุณน์ไปเรียบร้อยแล้ว ผมบอกเลยว่ามันรู้ ไม่ใช่แค่ไอ้ชิคคนเดียว ไอ้ชูการ์ก็ด้วย เพราะตอนที่ผมมาถึงหอประชุมไอ้แกนนำชิคมันก็ลากผมไปที่ห้องนำ้ก่อนจะดึงเสื้อผมขึ้นโชว์ร่องรอยแล้วแม่งก็พึมพำๆว่า 'กูว่าแล้ว'
ยังไม่พอตามด้วยไอ้ชูการ์มันยกเท้าถีบตูดผมจนหน้าคว่ำในห้องน้ำไอ้ชิคหัวเราะลั่น ผมนิ่วหน้าทั้งจุก ทั้งเจ็บจนพูดไม่ออก จนไอ้ชูการ์มันสรุปเอาเองว่า 'มึงเสียเอกราชเรียบร้อยแล้วสินะ'
ผมไม่มีแรงไปโต้กลับไอ้สองคนนั้นแค่ลำพังจะลุกขึ้นยืนแม่งแทบก็ไม่ไหวแล้ว จนไอ้สองคนนั้นมันต้องช่วยหิ้วปีกผมมานั่งสง่าบนเวทีจ้องไอ้ตัวต้นเหตุอย่างอาฆาตแล้วพาลอารมณ์เสียใส่รุ่นน้องนั่นแหละ
ตอนนี้ผมคาดโทษมันสองคนไว้ในใจเรียบร้อย รอกูพร้อมเมื่อไหร่นะ จะเล่นแม่มให้กระอักเลย!
“เฮ้ยนี่ยังไม่หายโกรธอีกหรอว่ะ” ไอ้ชิคถามขึ้นหลังจากมันเดินไปซื้อก๋วยเตี๋ยวมานั่งกินที่โต๊ะ
“...” ผมเล่นตัวไม่ตอบ
“เฮ้ย...ผู้ชายงอนเหี้ยไรนิ” มันสะกิดนิดๆ
“...” แม่งเอ้ย! ก็มึงไม่ได้โดนถีบระบมเจ็บเหมือนกูนี่ไอ้สาด!!
ผมตะโกนด่ามันในใจและเมินหน้าหนี
“ไม่ต้องมาจ้องกูเลย” เสียงเรียบๆ นิ่งๆ ไอ้ชูการ์ เมื่อผมเปลี่ยนเป้าหมายจ้องมันด้วยแววตาว่างเปล่า เยือกเย็น เลื่อนลอย พร้อมไอบรรยากาศชวนหวาดผวา
ยามผมโกรธผมแม่งไม่กลัวใครทั้งนั้น ต่อให้เป็นไอ้ชูการ์ก็เหอะ!!!!
“...” มึงแดกได้ก็แดกไปสิ
“ไอ้เชี่ยกูขนลุก” ไอ้ชูการ์ร้องมันเอามือลูบท่อนแขนตัวเองพลางเหลือบมองผม
“...” เพราะมึง
“แหยงนะเว้ย! ไอ้ชิคเอามันไปดิ!!” มันร้องเรียกหาตัวช่วย ซึ่งแม่งชิ่งไปซื้อน้ำเรียบร้อยแล้ว
“...” กูเจ็บเพราะมึง
“เออ พอๆๆๆ เดี๋ยวกูพาไปเลี้ยงอาหารญี่ปุ่นเดือนละสามครั้งเลย เลิกจ้องกูได้แล้ว”
“...” อาหารญี่ปุ่นที่ไหน?
ผมโทรจิตสื่อสารไอ้ชูการ์ผ่านถามสายตา
“เชี่ยเอ้ยไอ้ชิค!!” ชูการ์ทำท่าจะลุกหนี ผมเสื้อคว้าหมับที่ข้อมือมันอย่างเร็ว
“...” กูไม่ปล่อยมึงหนีหรอกไอ้ชูการ์ หึ หึ หึ
ผมแสยะยิ้มน่ากลัว
“อ๊าก!! เหี้ย! ฟูจิ! ฟูจิ! กูพาไปเลี้ยงฟูจิเดือนละสามครั้งเลย!!” มันกรีดร้องลั่น
“โอเค” ผมตอบรับข้อเสนอเสียงใสแล้วกลับมาทำหน้าตาหล่อเช่นเดิม แต่ก็หันกลับมายิ้มน่ากลัวและทำเสียงยานใส่มันอีกรอบ “ถ้ามึงผิดคำพูดละก็...ตายยยยยยย”
พอผมผ่อนแรงที่มือลงไอ้ชูการ์มันรีบสะบัดมือผมทิ้งทันที มันรีบวิ่งหนีผมไปที่ร้านขายน้ำประจวบกับไอ้ชิคเดินมาพร้อมโค้กสองขวด ไอ้นี่มันรู้ดีว่าถ้าจะง้อผมต้องง้อด้วยของกินเท่านั้น
“มึงนี่น่ากลัวชิบหาย ขนาดกูยืนดูอยู่ตรงร้านขายน้ำนะแม่งขนยังลุก” ไอ้ชิคเอ่ยด้วยน้ำเสียงสยองเล็กน้อย
“...” ผมหันไปมองหน้ามันและกำลังจะยิ้ม
“เชี่ยนี่ไม่ต้อง! ไม่ต้องเลย! กูรู้น่า!!!” มันรีบเอ่ยดักทางไว้เสียก่อน ผมเลยหุบยิ้มจะได้ไม่เมื่อยปาก
ระหว่างที่ผมนั่งกินสุกี้รอเวลาบ่ายโมงไปพลาง ไม่นานนักปีหนึ่งจากหอประชุมก็พากันเดินลงมาซื้ออาหารกินกันที่โรงอาหาร ถ้าสังเกตที่ปีหนึ่งแต่ละคนโดยเฉพาะผู้ชาย จะเห็นสมุดเล่มเล็กขนาดพกพาสองเล่มใส่ไว้ที่กระเป๋าเสื้อนักศึกษา
“เพียงฟ้ามันแจกสมุดล่าลายเซ็นด้วยหรอวะ” ผมถามไอ้ชิค เดิมทีกำหนดการจะแจกแค่สมุดเชียร์เล่มเดียวก่อนแล้วค่อยไปแจกสมุดล่าลายเซ็นอีกทีในห้องเชียร์
“ไม่รู้ดิ มันกลัวรุ่นน้องล่าลายเซ็นไม่ทันมั้ง”
ผมพยักหน้าเออออไปกับมันก่อนจะค่อยหันมาสนใจสุกี้แห้งหมูในจานต่อ จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้และเสียงเรียกที่คุ้นเคย
“พี่จอม ผมขอลายเซ็น”
บ้าเอ้ย! จะให้กูกินอย่างสงบหน่อยไม่ได้หรือไงว่ะ!!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ