กับดัก เด็กบ้านนอก
เขียนโดย Zitraphat
วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 19.42 น.
แก้ไขเมื่อ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 17.52 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) บทที่ ๓ เจ้าช่อมะม่วง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ ๓
เจ้าช่อมะม่วง
..
เพราะเห็นว่าแบตเตอรี่ใกล้จะหมดอยู่รอมร่อสองขาเลยพาวิ่งขึ้นบันไดบ้าน ไม่ได้สนใจเรื่องเบอร์เมื่อคืนหากแต่ตอนนี้ที่เบอร์บางเบอร์มันโชว์หราบน หน้าจอกลับทำให้คุณปุ๊กร้อนใจกำลังจะเลื่อนนิ้วสไลด์รับ แต่แบตเตอรี่เจ้ากรรมดันหมดไปต่อหน้าต่อตา วิ่งหาสายชาร์ตในห้องเพื่อนไผ่คลำหาอยู่อึดใจว่าอึดใจเดียวแท้ๆ แต่พอกลับมาคุณปุ๊กก็ไม่เห็นพ่อถึกเจ้าของที่พำนักเมื่อคืนเสียแล้ว แต่จะว่าไปคุณปุ๊กยังติดใจเรื่องที่ไม่ได้ขอบคุณพ่อหนุ่มคนถึกไม่ทราบชื่อคนนั้นเลย..
..
คุณปุ๊กชอบชมพู่ บ้านผู้ใหญ่ตี๋หรือบ้านของไผ่เป็นสวนชมพู่ปลูกอยู่ริมน้ำไม่รู้ว่าประจวบเหมาะหรือเปล่าที่การมาบ้านเพื่อนครั้งนี้คุณปุ๊กเลยได้กินชมพู่หวานฉ่ำจนจุใจคุณปุ๊กชอบแม่น้ำกว้างที่มีลำน้ำแตกสาขาออกมาเป็นคลองหลายสาย คุณปุ๊กชอบกลิ่นดิน ชอบไอฝน และชอบมากที่สุดคงเป็นตอนลงเรือพายลำเล็กแล้วพายฝ่าดงดอกบัวสีขาวนวลๆ ที่ส่งกลิ่นหอมจางๆ ไม่เสียทีที่แอบหนีมาบ้านเพื่อนไผ่หรือจะว่าไป คุณปุ๊กไม่ได้เสียใจอะไรหรอกนะที่ถูกเพื่อนพามาทิ้งๆ ขว้างๆ ในแถบชานเมืองอย่างนี้จะว่าไปก็ไม่ได้ลำบากอะไรเหมือนที่เพื่อนไผ่เคยขู่ไว้กลายๆ
ใช่..คุณปุ๊กโดนขู่ไว้เสียเยอะเพียงแค่รบเร้าจะหาบรรยากาศแบบชนบท มาเขียนนิยายเพื่อนไผ่ก็ตราหน้าเขาไว้แล้วว่า ‘ไม่มีทางอยู่ได้’ เพราะคุณปุ๊กน่ะคุณหนูแบบสุดๆ ไม่รู้ว่าคุณหญิงท่านเลี้ยงดูมายังไง คุณปุ๊กถึงได้กลายเป็นพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฟ่อความจริงแล้วก็ไม่ได้เป็นไปตามปากใครเขาเสียทุกอย่าง หากแต่พี่ๆ น้องๆ ที่อยู่ในสายตระกูลนั่นต่างหากที่เก่งเกินคน เลยทำให้คนธรรมดาสามัญอย่างคุณปุ๊กกลายเป็นตัวประหลาดในครอบครัว
พี่ชายคนโตเป็นทูตน้องชายคนรองเป็นกัปตันสายการบินต่างประเทศพี่ห่างๆ เป็นนายตำรวจใหญ่ไล่ไปถึงลูกพี่ลูกน้องที่ส่วนมากจะหันไปเล่นสายการเมือง หรือไม่ก็นายทหารติดชั้นยศข้อเปรียบเทียบมันมากมายจนสุดท้ายพอคุณปุ๊กไม่ แสวงหาหรือไขว่คว้าตามมันเลยกลายเป็นขี้ปากของใครต่อใครยิ่งเมื่อคุณปุ๊กเลือกงานด้านนักเขียนอิสระ คุณหญิงท่านแทบจะดิ้นตายต่างกับคุณปุ๊ก คุณปุ๊กใจดีชอบงานที่ไม่กดดัน เพราะครั้งล่าสุดเท่าที่จำได้ ตอนโดนคุณหญิงท่านบังคับให้แต่งงานครั้งที่สามกับแม่ม่ายสาวทรงเครื่องอย่าง
‘คุณดวงยี่หวา’
เรื่องของลูกเลี้ยงเจ้าปัญหาอย่าง
‘อสัญหยา’
ที่ทำท่าจะติดว่าที่พ่อเลี้ยงจนเกินขอบเขต ทำให้คุณปุ๊กถึงกับเครียดจนเป็นลมในวันส่งตัว และหลังจากนั้นฝ่ายสาวเจ้าก็ขอหย่าในระยะเวลาไม่ถึงเดือน..
แต่ถึงอย่างนั้นเธอคนนั้นก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรใครจะรู้บ้างว่า เหตุผลที่เธอขอหย่าเพราะเธอคนนั้นรักคุณปุ๊กมากเกินไปต่างหาก..
แล้วก็เมื่อคืน..คุณปุ๊กอารมณ์เสียที่อดีตลูกเลี้ยงโทรมาแต่พอมาตอนเกือบถึง บ้านผู้ใหญ่หรือบ้านเพื่อนไผ่การที่คุณดวงยี่หวาโทรมากลับทำให้คุณปุ๊ก กระวนกระวายก็ไม่รู้ว่าอสัญหยาไปอาระวาดอะไรกับคุณดวงยี่หวาเธอถึงได้รีบติดต่อมาขนาดนั้นคิดแล้วยิ่ง เครียดพอเครียดแล้วก็ยิ่งทำท่าจะปวดหัวไม่รู้ว่าดีหรือร้ายที่จู่ๆ ก็แอบหลบมาพักใจที่บ้านเพื่อนไผ่อย่างนี้หวังไว้ว่าทุกอย่างมันคงจะดี คุณปุ๊กหวังไว้แค่ว่าอสัญหยาจะยอมปล่อยอดีตพ่อเลี้ยงอย่างคุณปุ๊กไปเสียทีเหมือนกัน
ใครกันนะ ใครกันที่เขาว่า.. ฟ้าหลังฝนมักจะสดใส ตอนนี้คุณปุ๊กยิ่งไม่แน่ใจ ใช่..ไม่แน่ใจเมื่อฟ้าของคุณปุ๊กมันเต็มไปด้วยเมฆฝนจนเหมือนจะหมดหนทางหรือ ว่ามันหมดหนทางเห็นแสงสว่างเสียแล้วจริงๆ
..
“อยู่บ้านเราไม่ได้แล้วป๊ก ไอ้ซันมันโทรมาถามเราเรื่องนายแล้วจะเอาไง?
ลองถ้ามันแน่ใจขนาดโทรมาถามอย่างนี้ไม่พ้นคืนนี้มันมาเหยียบถึงหัวบันไดบ้านแน่”
เพื่อนไผ่พูดประโยคกึ่งเตือนกึ่งบอกเล่าในช่วงหัวค่ำ แค่ประโยคเดียวแต่ทำให้คุณปุ๊กถอนหายใจได้อย่างไม่ต้องปิดบังเมฆฝนเริ่มตั้งเค้าครึ้มลมแรงๆ พัดกระชากจนยอดมะพร้าวไหวโยกตามแรงลม
“งั้นพรุ่งนี้เราจะกลับกรุงเทพฯ ”
“แล้วจะไปอยู่ไหน?
เรื่องอยู่คอนโดฯ ไอ้คีทไม่ต้องนึกถึงเลยนะไอ้คีทมันก็ยุ่งๆ เรื่องแฟนมันอยู่ รายนั้นปุ๊กอย่าเพิ่งไปกวนมันเลย แค่เรื่องแฟนมันนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราแค่นั้นมันก็แย่แล้ว..เข้าใจใช่ไหม?”
“.....”
ไร้เสียงตอบจากคนเพื่อนน้อยคุณปุ๊กเงียบไปแค่นั้นในตอนที่เสียงโทรศัพท์ เพื่อนไผ่ดังขัดการสนทนา ลูกชายผู้ใหญ่ตี๋รับสายแล้วเงียบไปสักพักถึงได้วางสายแล้วลากข้อแขนเพื่อนตัวเองเข้าไปในห้อง ก่อนจะตะโกนสั่ง“
เก็บของให้หมด! ไอ้ซันมันมาถึงปากทางหมู่บ้านแล้ว เราจะให้คนงานพายเรือไปส่งที่ปากคลองปุ๊กไปร้านเจ๊กเฮงร้านที่ไปดื่มกับพ่อ ปุ๊กจำได้ใช่ไหม?
ที่ร้านนั้นเปิดเป็นโฮมสเตย์ด้วย คืนนี้คงต้องค้างที่นั้น ถ้าไอ้ซันไม่เจอปุ๊กเดี๋ยวพรุ่งนี้มันก็คงกลับ..ถ้ามันไปแล้วเราค่อยมาคุยกัน ..”
ไผ่สั่งอย่างขวัญเสียล่ะ ในขณะที่คุณปุ๊กเร่งรีบเก็บข้าวของรวมทั้งสมุดโน้ตเล่มใหญ่ยัดใส่กระเป๋าเป้ ก็ไอ้ชื่อเสียของลูกชายนายแม่อย่างดวงยี่หวามันน่าขัดแข้งขัดขาด้วยเสีย เมื่อไหร่
..
ลมฝนพัดมาเสียจนเรือลำน้อยแทบไม่ต้องวาดพายแต่สุดท้ายมันก็พัดแรงเสียจนเรือมาจอดคาอยู่แค่คุ้งน้ำบ้านหลังเดิมที่มันเพิ่งมาจอดเทียบท่าเมื่อวันก่อน ดูฝนฟ้าที่ตั้งท่าจนเขียวครึ้มคุณปุ๊กกระโดดขึ้นสะพานไม้ของบ้านหลังเล็กก่อนจะโบกมือไล่เด็กในบ้านไผ่ให้พายกลับไปก่อนฝนจะตกจากจุดนี้ถ้าเดินไปปากคลองคงไม่นานแต่ถ้าให้เด็กนั่นไปส่งถึงหน้าร้านเจ๊กเฮงคุณปุ๊กก็กลัวเสียเหลือเกินว่าเด็กที่ทำหน้าที่สารถีจะต้องหนีฝนเสียจนหัวซุกหัวซุน..
เร็วเกินไป..ฝนลงเม็ดหนาในตอนที่ฟ้าเริ่มสลัวสองเท้าของคุณปุ๊กรีบก้าวจ้ำให้ถึงปากทางจนแสงสีแสดยามผีตากผ้าอ้อม เริ่มลับหายไปเมื่อเมฆใหญ่เคลื่อนมาบังคนกรุงเริ่มน้อยใจไม่รู้ว่าโชคชะตาอะไรบ้าๆ นี่ใครท่านช่างดลบันดาลถึงได้มาเจอพวกขี้แกล้งกัดไม่ปล่อยอย่าง
‘ซัน- อสัญหยา’
ลูกเลี้ยงกิตติมศักดิ์ที่จู่ๆ ก็นึกสนุกคิดอยากจะใช้คนรักร่วมกับแม่ของตัวเอง
คุณปุ๊กกอดกระเป๋าเป้ของตัวเองวิ่งฝ่าสายฝน เกือบจะลื่นหลายต่อหลายครั้งกว่าจะฝ่าฝนเม็ดหนาไปยืนอยุ่หน้าร้านเจ็กเฮง แต่ก็แค่นั้นคุณปุ๊กยิ้มแห้งลงทันทีที่รู้ว่าห้องพักในร้านไม่เหลือแล้วด้วย ซ้ำเพราะดันรับพวกฝรั่งสะพายเป้มาแบบยกกลุ่มกลัวเจ๊กเฮงจะลำบากใจคุณปุ๊กเลย เนียนซื้อยาซื้อขนมไปตามเรื่องเพื่อฆ่าเวลาค้นหาโทรศัพท์เพื่อที่จะโทรไปบอกเพื่อนไผ่ว่าไม่มีที่นอนเผื่อไผ่จะแนะนำที่ใหม่ให้ แต่ก็ต้องร้อนใจไปอีกเพราะดันนึกขึ้นได้ว่าตัวเองลืมชาร์ตแบตเตอรรี่ทิ้งไว้ที่บ้านเพื่อน
เคราะห์ร้ายกรรมซัด..หรือไม่มันก็ยิ่งกว่านั้นอีกเสียจนไม่มีอะไรจะเสียคุณปุ๊กเลยขืนยิ้มกับโชคชะตา ก่อนจะหันไปสั่งเหล้าโรงรสบาดคอมาซดอึกๆ คืนนี้ถ้าไม่เลวร้ายนักก็แค่นอนหน้าร้านเจ๊กเฮงบริจาคเลือดให้ยุงบ้างริ้น บ้างเพื่อบุญกุศลจะพาให้คุณปุ๊กออกห่างจากพวกชอบแกล้งและเจ้าคิดเจ้าแค้นเสียที..
..
ดื่มไปจนลืมตาแทบไม่ขึ้นดื่มจนเจ๊กเฮงแทบจะเทเหล้าโรงก้นไหคุณปุ๊กถึงได้ควักเงินในกระเป๋าเสื้อเศษกระดาษแผ่นบางร่วงลงมาในขณะที่เงินแบงก์พันถูกวางบนโต๊ะ เถ้าแก่เฮงวิ่งเข้าร้านหาเงินทอนส่วนคุณปุ๊กนอนฟุบไปกับพื้นโต๊ะพร้อมๆ กับสายตาปรือที่เผลอกวาดอ่านอักษรตัวเล็กๆ บนแผ่นกระดาษ
‘หมดทุกข์หมดโศกเพราะโชคพา ดวงชะตาขีดบรรจบพบคู่ครอง’
“เหอะ..”
อดสบถไม่ได้ คุณปุ๊กขยำเศษกระดาษนั้นคามือ
‘เหอะ!!’
ให้มันพบเสียทีเถอะไอ้คู่ครอง..พบเสียทีก่อนที่ไอ้ปุ๊กมันจะหมด ศรัทธา..กับคำว่า ‘รัก’ แล้วคุณปุ๊กก็หลับตาสติหมดลงก่อนที่เถ้าแก่เฮงจะออกมาพร้อมเงินทอน ก็พ่อคุณเมาจนผล็อยหลับเมาจนเจ๊กเฮงไม่กล้าทิ้งคุณปุ๊กไว้หน้าบ้าน แต่กระนั้นที่นอนในร้านมันก็ไม่พอจริงๆ จนเจ๊กเฮงเหมือนเบาใจเมื่อลมฝนพัดหอบไอ้เปลวให้พายเรือผ่านมาเหมือนจับวางประจวบเหมาะเสียจนเรียกได้ว่าเหมือนพระท่านกะเวลาให้
“ให้ไปนอนบ้านฉันก็ได้ ..”
ไอ้เปลวที่ปกติปากหนักนักจู่ๆ ก็ยิ้มกว้างแล้วคล้องแขนเข้าเอวลูกค้าขี้เมา เจ๊กเฮงมองแล้วคล้อยตามแกรีบเอาเงินทอนใส่กระเป๋าเสื้อให้คุณปุ๊กแล้วพยัก หน้าหงึกๆ กลัวว่าถ้ายิ่งช้า ฝนฟ้าจะยิ่งตกยิ่งลำบาก..
ฝนลงเม็ดหนา..แต่ไอ้เปลวกับยิ้มกว้างต้านสายฝน แผงอกกว้างอุ่นเพราะแผ่นหลังที่เอนพิงมือกร้านของไอ้เปลวลูบปัดเม็ดฝนเม็ด ใหญ่ที่สาดใส่คนเมามันทั้งอุ่นทั้งนิ่มกับเนื้อนวลเหมือนสร้างขวัญและกำลัง ใจก่อนไอ้เปลวจะรีบยกพายงัดจ้วงเสียจนมิดด้ามเพื่อทำเวลาฝ่าสายฝน..
เมื่อครู่ก็เกือบพักใหญ่ๆ กว่าไอ้เปลวจะเอาตัวคนกรุงในสภาพเมามายลงมาใส่เรือได้แม้จะมีเจ็กเฮงคอยจับ เรือให้ก็ตามแต่ตอนนี้แค่ชั่วอึดใจที่ไอ้เปลวอุ้มคุณปุ๊กขึ้นเรือแบบแทบไม่ ต้องออกแรง..
กลิ่นคนหลับหอมฟุ้งอ่อนๆ เหมือนตอนหน้าหนาวแล้วมีกลิ่นของเกสรดอกมะม่วงป่า..
ไอ้เปลวหุบยิ้มไม่ลงตอนมองคนเมาครางไม่รู้เรื่องยามปัดป่ายมือกร้านของมัน ที่อาจหาญเกลี่ยหน้านวลๆ รู้ทั้งรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นผู้ชายแต่ยามมือใหญ่ของไอ้เปลวไล่แกะกระดุมเสื้อ เพื่อถอดชุดชุ่มน้ำออกให้กลับสั่นจนควบคุมไม่อยู่ ใจหนึ่งกลัวว่าคนเมาจะป่วยไข้แต่อีกใจกลับกลัวใจตัวเองจะหยุดเต้น..
ปลดกระดุมไป หน้าแดงไปจนรู้สึกได้ว่าตัวเองมือร้อนฉ่า ยิ่งตอนคุณปุ๊กปัดมือแล้วหอบหายใจ ไอ้เปลวยิ่งมือไม้อ่อน...จนหมดแรงจะต้านทานไอ้เปลวปล่อยมือจากกระดุมมาจับ สองมือคุณปุ๊กกุมไว้หลวมๆ แผ่นอกสีนวลที่กระทบแสงตะเกียงมันส่องตา ริมฝีปากหนาเหมือนโดนมนต์ยามไอ้เปลวมันก้มลงไปสัมผัสแผ่วที่แผ่นอกสีน้ำผึ้ง ริมฝีปากหนาอุ่นวาบจนผิวคุณปุ๊กที่เย็นเพราะอาบฝนกระตุกเฮือกกับสัมผัสที่ตัดกันสุดขั้ว..
ไอ้เปลวไล่จูบลงบนแผ่นผิวอย่างไม่ปะสา..
ในขณะที่คนไร้สติเสียววาบจนต้องอาศัยใช้ปลายเท้าช่วยจิกเกร็งลงบนผืนผ้าเพื่อลดความซ่านเสียว..
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ