RabbiT เหยื่อ.รัก.ร้าย

8.7

เขียนโดย nooonaa

วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.01 น.

  22 บท
  24 วิจารณ์
  36.83K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2557 18.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) Little rabbiT 02 : ตะครุบเหยื่อ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

By nooonaa

 

 

Little rabbiT 02 : ตะครุบเหยื่อ

 

 

+Little rabbiT+

 

อึก...อะ เจ็บจัง

ผมขยับตัวเล็กน้อยเมื่อรู้สึกเมื่อยไปทั้งตัว แต่พอขยับกลับรู้สึกปวดช่วงล่างอย่างแรง ผมยั้งแขนลุกขึ้นมองร่างกายตัวเองที่นอนเปลือยอยู่บนเตียงก่อนจะหน้าแดงก่ำทันที

เรียบร้อยไปแล้ว...อย่างกับความฝันแนะ

ผมนั่งอมยิ้มกับตัวเองสักพักเมื่อความสุขมันเอ่อล้นอยู่เต็มอกก่อนจะค่อยๆพาตัวเองเดินเข้าห้องน้ำด้วยความยากลำบาก แต่พอผมไปได้ไม่ไกลขาผมก็เริ่มสั่นพับๆเหมือนมันจะล้มซะให้ได้ตรงนั้น ผมเลยล้มตัวนั่งก่อนจะพบว่าระหว่างขาตัวเองมีรอยเลือดออกเป็นทางยาวจนถึงเท้า ผมมองมันด้วยหัวใจที่บีบรัดเพราะความกลัวก่อนน้ำตาจะไหลออกมาซะดื้อๆ

ผมเจ็บแล้วก็แสบมากด้วย

"พี่ พะพี่ฟินย์..." ผมร้องหาอีกคนทันทีที่คิดอะไรไม่ออกก่อนร่างสูงจะเดินตามเสียงผมมา แต่สายตาดุกลับมองผมที่นั่งเปลือยอยู่ปลายเตียงแล้วจะยิ้มแสยะจนน่าขนลุก ผมเองก็อึ้งไปชั่วขณะ แต่มือใหญ่กลับเอื้อมมาเช็ดน้ำตาให้

สายตากับการกระทำมันช่างแตกต่างกันคนละโยช เพราะผมรู้สึกว่าตาดุคู่นั้นกำลังสมเพชผมอยู่ แต่มือใหญ่ที่เอื้อมมาเช็ดน้ำตามันกลับดูเหมือนอบอุ่น

ตกลงผมควรจะเชื่ออะไร...ผมสับสน

"เจ็บหรอ..." เสียงเย็นถามเมื่อพี่ฟินย์เช็ดน้ำตาผมออกหมด ผมเลยพยักหน้ารับพลางก้มหน้านิ่งเพราะความสับสน

"จะเข้าห้องน้ำใช่มั้ย" ผมพยักหน้ารับอีกครั้ง พี่ฟินย์เลยค่อยๆประครองผมให้ลุกขึ้นอย่างเบามือก่อนอุ้มผมขึ้น ผมเลยเอื้อมมือคล้องคอแกร่งนั่นเพราะกลัวตกก่อนจะถูกพาเข้าห้องน้ำไป

พอมาถึงอ่างพี่มันก็ล้มตัวลงนั่งบนขอบอ่างก่อนจะจัดท่าให้ผมนั่งตักตัวเองดีๆ ผมเองก็มองพี่มันอย่างงงๆก่อนจะดันตัวเองลงจากตักใหญ่ แต่พี่ฟินย์กลับรัดเอวผมไว้แล้วสั่งให้นั่งนิ่งๆ

"อยู่เฉยๆ เดี๋ยวกูจัดการเอง" ตอนแรกผมก็งงกับที่มันพูด แต่พออีกคนถอดเสื้อตัวเองออกก่อนจะเอื้อมตัวไปหยิบฝักบัวมารดน้ำลงบนตัวผมก็ทำให้รู้ความหมาย

พี่จะอาบน้ำให้ผมงั้นหรอ

"ผะ ผมทำเองได้ครับ" ให้ตายเถอะ ผมยังเขินเรื่องเมื่อคืนไม่หายเลยนะ แล้วนี่ยังจะอาบน้ำด้วยกันอีก

"ก็กูอยากทำให้แฟนกู ไม่ได้รึไง"

ตึกตักๆ

จริงหรอ

จริงไม่จริงไม่รู้ แต่มือหยาบใหญ่นั้นกำลังลูบต้นขาที่เปื้อนเลือดของผมอย่างเบามือก่อนมันจะค่อยๆลูบไล้จนมาถึงหน้าท้องผมโดนเฉียดส่วนกลางจนผมต้องบิดขาแน่น ยิ่งพี่ฟินย์พยายามจะถูทำความสะอาดตรงเนินอกก็ผมก็ยิ่งจิกมือข้างนั้นแน่นเข้าไปอีก ก่อนผมจะได้ยินเสียงหึในลำคอเบาๆ

"พี่ฟินย์..." ทำไมถึงทำเสียงแบบนั้น มันดูเหมือนหัวเราะเยาะผม

"มึงหน้าแดงมากเลยวะ แต่ที่แดงนี่มึงเขินหรือมึงเสียว"

อะ!

"พะพี่ฟินย์ พี่พูดอะไรน่ะครับ" ผมรีบหมุดหน้าหนีทันทีที่พี่มันถามแบบนั้น โดยที่อีกคนไม่สนใจว่าคำพูดตัวเองจะทำให้ผมเขิน เพราะพี่มันเอามือซ้ายเกี่ยวขาข้างซ้ายของผมขึ้นก่อนจะค่อยลากนิ้วผ่านช่องทางอุ่นนั่น

"พี่ฟินย์! อะ!!" ผมร้องเสียงหลงทันทีที่พี่มันกดนิ้วลงไปจนสุดก่อนจะแช่นิ้วค้างไว้แบบนั้น จนผมต้องรีบดึงข้อมือใหญ่นั้นออกเพราะเริ่มรู้สึกว่าร่างกายตัวเองเริ่มไม่ค่อยปกติเมื่อพี่ฟินย์สัมผัสร่างกาย

มันเหมือนกับผมจะมีอารมณ์ตามการสัมผัสของพี่ฟินย์

ผมผิดปกติแน่

"ทำเสียงแบบนั้นหมายความว่าไง" พี่มันไม่ถามเปล่าแต่กลับกดนิ้วลึกเข้าไปอีก จนผมต้องถดก้นหนี

"ยะ อะอย่า ครับ อะ..." มันเสียวเกินไป...ที่ผมจะรับไว้

"หึ" แล้วพี่เขาก็ยอมเอาออกตามที่ผมขอก่อนจะกระซิบที่ข้างหูเบาๆ

"มึงนี่ร้ายกว่าที่กูคิดอีกนะ" สิ้นเสียงเย็นนั้นพี่ฟินย์ก็ดันผมออกจากตักอย่างไม่ใยดีจนผมทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง ก่อนสายตาเย็นจะถูกส่งมาพร้อมกับรอยยิ้มแสยะเหมือนเดิมอีกครั้ง

พี่ฟินย์เขาโกรธผมที่บอกให้พี่เขาหยุดงั้นหรอ ถึงทิ้งผมแบบนี้

ผมนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นอยู่นานก่อนจะรู้สึกว่ามันเป็นเพราะผมที่ทำให้พี่เขารำคาญแน่ พี่ฟินย์ถึงชอบมองผมด้วยสายตาเย็นชาขนาดนั้น

แล้วผมจะทำยังไงดี

พอผมจัดการตัวเองเสร็จก็นุ่งผ้าขนหนูผืนบางที่มีอยู่ในห้องน้ำ เพื่อจะออกมาแต่งตัวข้างนอก แต่พอผมเดินออกมาก็พบเสื้อผ้าชุดใหม่ถูกวางไว้ข้างตัวร่างสูงที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ ผมเลยเดินเข้าไปหาพี่เขาพลางก้มหน้านิ่ง

"พี่ฟินย์ ผมขอโทษ ผมจะไม่ขัดพี่อีก อย่าโกรธผมนะ" ตอนนี้มือผมกำเข้าหากันแน่นจนรู้สึกเจ็บไปทั้งมือแล้ว แต่อีกคนไม่ยอมพูดอะไร กลับวางโทรศัพท์ลงไว้ข้างตัว ก่อนที่มือใหญ่จะเกี่ยวเอวผมให้ไปนั่งระหว่างขาตัวเอง

สองแขนเอื้อมเข้ามาโอบรัดเอวผมไว้หลวมๆก่อนที่คางแหลมจะถูกวางบนไหล่ผม ซึ่งมันทำให้หัวใจผมเต้นแรงเอามากๆที่พี่ฟินย์ทำแบบนี้ มันดูอ่อนโยนชะมัดเวลาผู้ชายตัวใหญ่ๆอย่างพี่เขาทำ

"กูบอกรึยังว่าโกรธ หือ"

"มะ ไม่โกรธจริงๆหรอ..." ดีใจจัง

"หึ กูรักมึงนะ โกรธไม่ลงหรอก" คำบอกนั้นมันเล่นเอาใจผมเต้นแรงจนเกือบจะหลุดออกมานอกอก ผมเลยต้องกำมันแน่นแล้วรีบหายใจเข้าลึกๆ

คำว่ารัก...มันทำให้ผมดีใจที่สุดจริงๆ

"ผมก็รักพี่นะครับ" ผมยิ้มให้อีกคนด้วยความรู้สึกที่มันมีอยู่เต็มอกจนอีกคนนั้นมองหน้าผมนิ่ง ผมเลยยิ่งทำอะไรไม่ถูกเข้าไปใหญ่ก่อนพี่ฟินย์จะดันผมออกจากตัก

"ไปแต่งตัวไป เดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน" ผมชะงักตัวเล็กน้อยไม่ยอมลง ทำให้อีกคนมองหน้าผมอย่างสงสัย

"มีอะไร" เสียงเย็นถาม

"เออ...ผม ผมทำอะไรให้พี่ไม่พอใจรึป่าวครับ พี่ถึง...ชอบมองผมแบบนั้น"

มันอึดอัดจริงๆนะ ไม่ว่าผมจะทำอะไร พี่ก็มักจะชายตามองแบบเย็นชาทุกครั้ง ผมไม่ชอบเลยจริงๆ ถ้าผมผิด...ผมก็จะขอโทษ ผมจะได้ปรับปรุงตัว พี่จะได้มองผมแบบเต็มตาสักที

"แล้วมึงคิดว่ายังไงล่ะ มึงคิดว่าตัวเองทำอะไรผิดงั้นหรอ" แล้วสายตาเย็นชานั้นก็แข็งกร้าวขึ้นมาทันที แถมมือใหญ่ที่ประคองไหล่ผมก็เปลี่ยนมาบีบจนน้ำตาเล็ด ผมเลยพยายามแกะมือพี่ฟินย์ออก แต่นิ่งแกะก็ยิ่งทำให้อีกคนโกรธมากกว่าเดิม

"ตอบกูมาสิ! ว่ามึงทำอะไรไว้!!"

"ปะป่าวนะครับ ผมไม่ได้ทำอะไร พี่ฟินย์...ผมเจ็บ" น้ำตาผมเริ่งร่วงเมื่อแรงบีบไม่มีท่าจะคลายลง จนตอนนี้มันทั้งแดงและช้ำเป็นรอยมือใหญ่นั่น

"พี่ฟินย์...ฮึกๆ...ปะ ปะ ปล่อยเถอะครับ ผะๆผมเจ็บ"

พรึบ!

"กูให้เวลามึงห้านาที ถ้ามึงยังไม่ออกมาก็ไปเรียนเอง!" พอพี่ฟินย์ผลักผมลงจากตักเหมือนไม่ใยดีก็สั่งเสียงเข้มตาม ผมก้มหน้าลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพราก

นี่มันคืออะไร...พี่ทำกับผมแบบนี้มันหมายความว่ายังไง ไหนบอกว่ารักกัน คนรักกันเขาทำแบบนี้หรอ

"ซาร์!!"

เฮื้อก!

ตัวผมสะดุ้งโหยงด้วยตกใจก่อนจะรีบคว้าเสื้อนักศึกษาใหม่ที่อีกคนวางไว้ให้มาใส่ ก่อนจะรีบพยุ่งตัวเองออกไปหาร่างสูงที่ยืนจ้องมองผมด้วยสีหน้าที่บ่งบอกได้ชัดว่า...โกรธมาก

ผมทำอะไรผิดนัก...ถึงต้องทำแบบนี้ ทั้งๆที่เมื่อวานก็ยังอ่อนโยนใส่กัน แต่วันนี้กลับ...หรือว่า! ผมให้พี่เขาแล้ว เขาเลยจะทิ้ง เหมือนที่ว่า...ฟันแล้วทิ้ง

อึก!

เจ็บ...มันเจ็บร้าวไปทั้งหัวใจ จริงๆ

 

"เย็นนี้รอหน้าคณะนะ เดี๋ยวกูมารับ" ยังจะคิดมารับกันอีกหรอ

"ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้" ผมตอบพลางก้มหน้านิ่งเหมือนเดิม แต่ผมกลับโดนพี่ฟินย์กระชากแขนให้หันไปหาพร้อมกับส่งกัดฟันพูดใส่ผม

"กูบอกว่าจะมารับ มึงเข้าใจมั้ย"

น่ากลัว...อีกแล้ว

"คะ ครับ" ผมตอบรับก่อนจะรีบคว้ากระเป๋าวิ่งลงจากรถทันที ผมวิ่งสุดชีวิตเท่าที่เคยเป็นก่อนจะหายใจหอบถี่เมื่อหนีเข้าตึกได้ ผมแอบมองรถคันหรูของพี่ฟินย์ที่ยังคงจอดอยู่ก่อนโทรศัพท์ผมที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงจะสั่นครืด ผมเลยรีบหยิบมันออกมาดูก่อนจะพบข้อความของใครบางคนที่ผมเพิ่งหนีมาเมื่อกี้เป็นคนส่งมาให้

'รัก'

รักงั้นหรอ พี่ทำตัวเย็นชาแบบนั้นกับผมแล้วค่อยมาลูบหลังในตอนท้ายด้วยคำเดียวว่า'รัก'งั้นหรอ พี่คิดอะไรอยู่กันแน่

ผมหายใจเข้าลึกๆเพื่อห้ามน้ำตาที่ทำท่าจะไหลอีกครั้งก่อนจะเก็บมันเข้าที่เดิม

แล้วผมควรจะทำยังไงดี...กับความรักของผมนี้

"ซาร์.." อยู่ๆก็มีเสียงทุ้มเรียกผมจากด้านหลังก่อนที่ผมจะหันไปทางต้นเสียงนั้น

"พี่จีน...สวัสดีครับ" ผมยกมือไหว้พี่จีน...ทวดรหัสของผมพร้อมกับส่งยิ้มให้ พี่จีนเองก็รับไหว้ผมก่อนจะเดินมาขยี้หัวผมอย่างที่ชอบทำ

"มาซะสายเลย โดดคาบแรกรึไง" ประโยคคำถามนั้นมันดูปกติสำหรับใครหลายๆคน แต่สำหรับผมมันทำให้รู้สึกเขินขึ้นมาถนัด ก็เพราะเมื่อคืนนี้...ผมกับพี่ฟินย์ เออ....

ฉ่า!

"เป็นอะไรน่ะ หน้าแดงเชียว" นิ้วเรียวยาวเกลี่ยแก้มผมอย่างเบามือก่อนจะก้มลงมาตรงหน้าผมซะใกล้ จนหน้าผากเราสองคนชิดติดกัน

"ตัวก็ไม่ร้อนนิ"

"เออ...พี่จีน" มันใกล้ไปนะครับ ใกล้จนผมรู้สึกถึงลมหายใจของพี่ได้ชัดเจนขนาดนี้

"อะไร หรือว่าเขินพี่กัน...หืม"

"เออ...พี่จีน" ผมพูดอะไรไม่ออกจริงๆนะ ถ้าพี่ยังไม่เอาใบหน้าคมของพี่ออกแบบนี้

"ฮ่าๆ เอาล่ะๆ พี่ไม่แกล้งแล้วก็ได้ แล้วมีเรียนอีกทีกี่โมง" พี่จีนกลั้วหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะถามผม แต่นั่นกลับทำให้ผมรู้สึกหายเกร็งมากขึ้น

"มีอีกทีก็บ่ายและครับ" คาบแรกคงเข้าไม่ทันแล้วล่ะ แล้วก็มีอีกคาบก็จะหมดของวันนี้แล้ว

"พอดีเลย ไปหาอะไรอร่อยๆกินกัน พี่หิวน่ะ" ผมทำท่าลังเลเล็กน้อยว่าจะไปหรือไม่ไปดี ก่อนจะโดนมือหนาดันหลังให้ผมออกเดินไปข้างหน้า

"ไม่ต้องคิดมากน่า แค่ไปกินข้าวเอง พี่ไม่ได้จะพาไปในที่ไม่ดีสักหน่อย" ผมรู้น่าว่าพี่จีนไม่เคยคิดเรื่องไม่ดีกับผม แต่ตอนนี้ผมไม่อยากจะทำอะไรสักนิด เพราะมันยังรู้สึกท้อที่หัวใจแปลกๆ จนพาลทำให้ร่างกายผมเหนื่อยล้าตามไปด้วย

"นายมีเรื่องไม่สบายใจใช่มั้ย"

"อะ! พี่จีนรู้" ผมเงยหน้าถามพี่มันทันทีที่อีกคนพูดแบบนั้น นี่ผมแสดงสีหน้าชัดเจนขนาดนั้นเลยหรอ

"เอางี้ เดี๋ยวเราไปหาอะไรกิน แล้วนายก็เล่าให้พี่ฟัง เพื่อบางทีพี่อาจจะช่วยนายได้"

อาจจะช่วยงั้นหรอ...มันดีแล้วรึไง

"ปะๆ พี่เห็นหน้านายตอนนี้แล้วรู้สึกเครียดตาม ไปกันเถอะ" แล้วผมก็ถูกพี่จีนลากจนมาถึงรถจักรยานสันสวยของพี่เขา ก่อนที่อีกคนจะเรียกให้ผมขึ้นไปซ้อนท้าย ผมเองก็ปฏิเสธอะไรไม่ได้เลยจำใจต้องไปด้วย แต่พอมาถึงที่ร้านอาหาร พี่จีนก็สั่งอาหารซะเต็มโต๊ะก่อนจะเริ่มเอ่ยปากถามเรื่องของผมด้วยสีหน้าที่ดูจริงจังมาก

"มาๆ พี่พร้อมฟังและ เล่ามาเลย"

เล่างั้นหรอ...ผมว่ามันไม่ดีมั้ง

"ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็แค่เครียดเรื่องเรียน" ผมโกหกไปคำโตก่อนจะแสร้งทำเป็นมองไปที่อื่น แต่พี่จีนกลับรู้แล้วดักทางผมได้ทัน

"ไม่มีอะไรงั้นหรอ ไม่มีอะไรแล้วรอยที่คอตรงนั่น...คือมดกัดงั้นหรอ"

!!!

ผมสะอึกทันทีที่พี่จีนพูดแบบนั้น มันทำให้ผมรีบคว้าคอเสื้อตัวเองไว้แล้วพยายามหาข้อแก้ตัวจนรู้สึกปวดหัวไปหมด

"ผมเป็นผื่นน่ะพี่ ไม่มีอะไรหรอก" เอาไงดี ผมโกหกต่อไปไม่ไหวแน่

"ผื่น? พี่ไม่ใช่เด็กนะซาร์ พี่แยกออกว่าอะไรคือผื่นอะไรคือรอยคิสมาร์ก"

อึก!

ผมนิ่งค้างตึงก่อนจะลืมหายใจไปชั่วขณะ พี่จีนจะรังเกียจผมมั้ย พี่จีนจะเลิกเอ็นดูผมมั้ย ถ้ารู้ว่าผมมีอะไรกับผู้ชายด้วยกัน

"เออ ผม..." แต่ผมจะพูดอะไรออกไปล่ะ ตอนนี้มันสับสนเกินไปแล้ว

"กับไอ้แค่เรามีแฟนมันจะต้องปิดกันเลยรึไง ใช่ไม่ได้เลยนะซาร์ แล้วเป็นไง...เธอร้อนแรงมากเลยสิ" แต่แล้วพี่จีนกลับพูดแซวผมเหมือนกับเรื่องนี้มันเป็นเรื่องตลก ตอนแรกผมก็งงเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกยาวเมื่ออีกคนเข้าใจมาผมมีแฟนเป็น...ผู้หญิง

"ก็...นิดนึงครับ" นิดนึงนี่มันยกกับลังล้านนะ เพราะความจริงพี่ฟินย์เขาร้อนแรงกว่านั้นเยอะ

อ่า...หน้าผมร้อนอีกแล้วพอคิดถึงอีกคน แล้วตอนนี้เขาทำอะไรอยู่นะ แล้วจะหายโกรธผมรึยัง

"คิดถึงสมัยเป็นเฟรชชี่นะเนี่ย ตอนนั้นพี่นี่ฮอตสุดๆ ฮ่าๆ" ผมฟังแล้วก็ขำตาม แต่ผมเชื่อนะว่าที่พี่จีนพูดนั้นคือความจริง เพราะตอนนี้พี่เขาเองก็ยังฮอตอยู่เลย เห็นวาเลนไทน์ทีนี่แทบเอารถบรรทุกมาขนของขวัญกลับ น่าอิจฉาจริงๆ

"ตอนนี้ก็ฮอตครับ ฮ่าๆ"

"แหม แต่ฮอตยังไงก็ยังไม่มีแฟนสักที มันแปลกเนอะ" นั่นสิ ขนาดพี่เขาหล่อขนาดนี้ยังไม่มีแฟนอีก ผู้หญิงนี่คิดอะไรของเขากันนะ ทั้งดี ทั้งหล่อ ทั้งรวย แต่ก็ยังโสดอยู่อีก แล้วอย่างผมจะเหลือหรอ...แต่เอ๊ะ! ผมมีแฟนแล้วนี่!

แค่คิดก็ใจสั่นอีกแล้ว

"พี่ไม่เขาไปจีบเองรึป่าวครับ เลยบอกว่าไม่มีน่ะ" ผมอยู่มาเกือบปีก็ยังไม่เห็นพี่จีนจะจีบใครสักคน

"จีบนะ แต่เขาไม่รู้ตัว" แย่จัง...ทำได้แค่แอบมองซินะ เหมือนที่เมื่อก่อนผมคอยแอบมองพี่ฟินย์ทุกครั้งที่เจอ

"สู้ๆนะพี่ ผมเชื่อว่าสักวันมันต้องเป็นวันของพี่". เหมือนกับเมื่ออาทิตย์ก่อนมันก็เป็นวันของผม วันที่พี่ฟินย์ขอผมเป็นแฟน

"พี่ก็หวังอย่างนั้นแหละ" แต่แล้วผมกลับเห็นดวงตาคมฉายแววเศร้าอย่างเห็นได้ชัด ถึงมันจะเพียงแค่แวบเดียวแต่ผมก็มั่นใจว่าพี่จีนต้องรู้สึกแย่มากแน่ๆ ผมเลยลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปนั่งข้างๆพี่เขา ก่อนจะคว้ามือใหญ่มากุมไว้แน่น

"อย่าทำหน้าเศร้าสิครับพี่จีน คนนี้อาจจะเป็นแค่ตัวแปรสุ่มหนึ่งที่เข้ามาทำให้พี่ไม่หมดความเป็นคนไป แต่ผมเชื่อว่ามันต้องมีสักตัวแปรที่ทำให้พี่หาค่าเฉลี่ยได้ แล้วมันก็ลงตัวด้วย"

"หึ นี่จะสอนเลขพี่รึไง เล่นเอางงเลยเนี่ย" มือใหญ่ขยี้หัวผมเล็กน้อยก่อนจะปล่อยเสียงขำออกมาเบาๆ แต่ผมพูดอะไรผิดหรอ ผมแค่เปรียบเทียบให้พี่เห็นต่างห่าง

"ผมจริงจังนะ"

"นายนี่มันซื่อจริงๆ" แต่แล้วดวงตาคมนั้นกลับจ้องตาผมนิ่ง แต่มันทำให้ผมเห็นดวงตานั่นสั่นไหวนิดหนึ่งก่อนจะพี่มันหลบตาผมไป

"ผมไม่ได้ซื่อสักหน่อย แค่ผมคิดแบบนั้นจริงๆ"

"มันไม่ได้มีแค่นั้นนะซาร์ บางทีมันอาจจะมีตัวแปรสุ่มอีกตัวเข้ากับตัวแปรสุ่มตัวนั้นได้ดีกว่าเราก็ได้ สุดท้ายเราก็หาค่าเฉลี่ยให้ลงตัวไม่ได้อยู่ดี"

นั่นสินะ บางทีอาจจะมีคนอื่นที่เหมาะสมกับเขามากกว่าเรา จนเรากับเขาไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ แบบที่เรียกว่า...ไม่ลงตัว

ครืดๆ

อยู่ๆโทรศัพท์ผมก็สั่นขึ้นมาขัด ผมเลยเอามันออกมาดูก่อนจะเห็นชื่อของใครบางคนที่ทำเอาผมรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาเสียดื้อๆ

"ครับพี่" ผมรับสายพี่มันก่อนจะอมยิ้มเล็กน้อย

(อยู่ไหน) เสียงจากคนปลายสายมันดูห้วนชะมัด ผมเลยรู้สึกสลดใจนิดหน่อย

"อยู่ร้านอาหารครับ มากินข้าว"

(กับใคร) พี่ฟินย์ พี่พูดดีๆกับผมบ้างได้มั้ยเนี่ย ทำไมต้องกดเสียงซะต่ำขนาดนั้น

"พี่ที่คณะครับ"

(ร้านไหน)

"ร้านเพื่อนบ้านครับ" ผมบอกสถานที่กับพี่เขาไปก่อนปลายสายจะเงียบไปสักพัก ผมเลยเรียกหาอีกคนแต่กลับถูกตัดสายใส่หน้าอย่างจัง

ตู๊ดๆๆๆๆ

เป็นอะไรของเขาน่ะ เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย ผมชักตามไม่ทันแล้วนะ

พอพี่ฟินย์วางสายไป อาหารก็เข้ามาเสิร์ฟที่โต๊ะพอดี ผมกับพี่จีนเลยลงมือทานกันเงียบๆ คุยกันบ้างเล็กน้อยแต่ผมก็มีเรื่องให้คิดจนลืมตอบคำถามพี่จีนไปบ้าง สุดท้ายพี่จีนเลยวางช้อนแล้วกอดอกจ้องหน้าผมนิ่ง

"มะ มีอะไรหรอครับ" ทำไมจ้องซะน่ากลัวขนาดนั้น

"ซาร์เป็นอะไร พี่ชักจนทนไม่ไหวแล้วนะ" เสียงนุ่มดูขุ่นขึ้นมาถนัด ผมเลยต้องรีบยิ้มแหยๆให้

"ไม่ได้เป็นอะไรนี่ครับ ผมปกตินะ"

"ซาร์ บอกพี่มา"

เออ...ทำไมต้องกดดันกันด้วย

"นายทะเลาะกับแฟนใช่มั้ย" แล้วประโยคของพี่จีนก็ทำให้ผมสะอึกได้อีกครั้ง ผมนั่งนิ่งไม่กล้าสบตาอีกคนจนนิ้วเรียวต้องเอื้อมมาดันคางผมให้เงยขึ้น

"มันไม่ได้น่าอายหรอกนะ ถ้าทะเลาะกัน แต่ถ้าการที่นายทะเลาะกับแฟนแล้วมันกลับมาทำให้นายจิตตกแบบนี้ พี่ว่า...ระบายออกมาหน่อยเถอะ อย่าทำให้พี่เป็นห่วงเลย" สายตาอบอุ่นนั่นคืออะไร ทำไมถึงทำให้ผมลืมคิดเรื่องพี่ฟินย์ไปชั่วขณะ แล้วมาทำให้ผมเอ่ยปากเล่ามันออกมาได้แบบนี้

"ผม...รักเขา แล้วเขาก็บอกว่ารักผม แต่สายตากับการกระทำมันเหมือนไม่ใช่ มันเย็นชาและรุนแรงตลอด อย่างเมื่อเช้าก็...." ผมละประโยคสุดท้ายไว้ก่อนจะถกแขนเสื้อให้พี่จีนดูที่ต้นแขนตัวเอง มันปรากฏรอยช้ำที่เริ่มกลายเป็นสีม่วงคล้ำจนอีกคนขมวดคิ้วเข้าหากันทันที ผมเองก็เริ่มชักใจไม่ได้เลยรีบปิดแขนเสื้อนั้นลงแล้วกลับมานั่งนิ่ง

"เขาคนนั้นเป็นใครงั้นหรอ ไม่ใช่ผู้หญิงใช่มั้ย"

!!!

"มะ ไม่ใช่นะครับ ผะ ผม.."

"ซาร์! รอยมือมันใหญ่ขนาดนั้นมันไม่ใช่ขนาดมือของผู้หญิงแน่ ซาร์...มันเป็นใคร ถึงมาทำนายแบบนี้" ผมรู้สึกได้ว่าพี่จีนนั้นเป็นห่วงผมมาก เพราะน้ำเสียงพี่มันเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แต่ผมก็ไม่กล้าแม้จะพูดอะไร จนอีกคนหันหน้าหนีผมไปอีกทาง

"รักหรอซาร์ มันรักนายงั้นหรอ" พี่จีนถามอีกครั้ง ผมเลยพยักหน้าเป็นคำตอบแทน

"เลิกเถอะ ในฐานะที่พี่เป็นพี่ชายนาย มีขอให้นายเลิกกับมันซะ"

เลิกงั้นหรอ...แต่ผมกับพี่เขาเพิ่งจะครบกันได้แค่อาทิตย์เดียวเอง แล้วที่สำคัญ...ผมก็ยังไม่อยากเลิกกับพี่เขาด้วย

"ลองเอาคำพี่เก็บไปคิดนะซาร์ ถ้าคนที่เขารักกันจริง เขาจะไม่ให้แฟนตัวเองมีแม้แต่รอยยุงกัด แต่นี่มันกลับทำนายเป็นรอยซะเอง มันไม่ได้รักนายแน่"

มันไม่ได้รักนายแน่

มันไม่ได้รักนายแน่

มันไม่ได้รักนายแน่

ตกลงพี่เขารักผมจริงๆรึป่าว

ประโยคของพี่จีนนั้นกำลังวิ่งวนอยู่ในหัวผมอย่างกับกงล้อที่ถูกตั้งไว้ให้มันวิ่งทุกวินาทีไม่มีวันหยุด จนตอนนี้ผมก็ยังคิดถึงประโยคนั้นจนหัวแทบแตก เพราะผมคิดมันตั้งแต่เที่ยงจนอีกคนมารับผมก็ยังไม่หยุดคิด

ผมควรจะทำอย่างไงต่อไปดี เพราะผมคงเจ็บปวดมากๆแน่ ถ้าสิ่งที่พี่จีนพูดมันคือความจริง

"คิดอะไรอยู่หรอ...หน้าเครียดเชียว" อยู่ๆมือใหญ่ก็เข้ามากุมมือผมที่กำแน่นก่อนจะถูกดึงให้ไม่วางบนหน้าขาแกร่งของอีกคน ผมเลยหยุดคิดเรื่องนั้น แล้วหันไปมองอีกคนด้วยความสับสน

"ป่าวครับ" อยากจะรู้แต่ก็ไม่กล้าถาม

"จริงหรอ" เสียงเย็นถามกลับแบบนิ่งๆแต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไร มือใหญ่อีกข้างเลยตีไฟเลี้ยวเข้าข้างทางก่อนจะจอดรถนิ่ง

"มึงยังโกรธกูเรื่องเมื่อเช้าอยู่รึไง" พี่ฟินย์ถามก่อนจะเกี่ยวเอวผมเข้าชิดตัวเอง จนตอนนี้หน้าผมกับพี่เขาห่างกันเพียงแค่คืบ

"พี่ฟินย์...พี่จะทำอะไรน่ะครับ" ผมดันอกพี่เขาออกเพราะเริ่มรู้สึกว่าหน้าตัวเองเริ่มร้อน แต่พี่มันก็ยังคงกอดผมแน่นก่อนจะจรดริมฝีปากสีซีดนั้นลงมาหาผมเบาๆ

"กูขอโทษที่เมื่อเช้ากูทำให้มึงกลัว"

ขอโทษงั้นหรอ

"กูเสียใจนะ ที่มึงร้องไห้ออกมา แต่กูก็ปลอบใครไม่เป็น กูเลยโมโหตัวเองแล้วก็พาลใส่มึง"

"จริงหรอครับ พี่ไม่ได้โกรธผมจริงๆน่ะหรอ" ผมดีใจมากๆเลยครับที่ได้ยินพี่เขาพูดแบบนั้น สรุปแล้วพี่ฟินย์ไม่ได้ตั้งใจจะทำรุนแรงกับผม แค่เผลอเท่านั้นเอง

"จริงดิ กูรักมึงมากนะ" แล้วพี่เขาก็ก้มลงมาจูบผมอีกครั้ง แต่จูบมันก็ยังคงจืดชืดแบบเดิม หรือเป็นเพราะว่าผมยังไม่หายกลัว เลยอคติไปเอง

"ผมก็รักพี่นะครับ" แค่นี้ผมก็รู้สึกดีขึ้นแล้ว

"งั้นเราไปหาอะไรกินกันนะ"

"ครับ" ผมตอบรับด้วยรอยยิ้มก่อนพี่ฟินย์จะมองผมแค่หางตาอย่างเคย แต่ผมก็เริ่มชินแล้วล่ะ ก็พี่เขาเป็นแบบนี้แต่ไหนแต่ไรแล้วนี่

ไม่นานพี่ฟินย์ก็พาผมมาที่ตลาดของกินที่วัยรุ่นมักจะมาเดินยามค่ำคืนกัน แค่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาเลยทำให้รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แต่สิ่งที่ทำให้ผมตื่นเต้นมากกว่าเดิมก็คงเป็นตรงที่แขนใหญ่ของพี่ฟินย์...กำลังกอดคอผมเดินตลอดทาง

ผมไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกนี้ยังไง เพราะพี่เขาเอาใจผมดีมากๆ ทั้งชวนกินนู้กินนี่จนขนมเต็มมือไปหมด แถมบางครั้งก็ป้อนผมด้วย

"ลองกินนี่ดิ กูว่าอร่อยนะ" แล้วลูกชิ้นคำโตก็ถูกยื่นมาหาปากผม ผมเองก็ลังเลเล็กน้อยที่จะงับมัน เพราะดูท่ามันจะใหญ่เกินที่ปากผมจะรับมันได้หมดแน่ พี่ฟินย์เองก็เหมือนจะรู้เลยกลับไปปริให้คำมันเล็กลงก่อนจะยื่นมาใหม่

"อะ..."

ตึกตักๆ

ผมรีบรับมันเข้าปากก่อนจะยิ้มกริ่ม แต่อีกคนกลับมองหน้าผมนิ่งๆก่อนจะเดินผ่านผมไปทันที ทิ้งผมไว้ตรงนั้นจนผมต้องวิ่งตามอีกคนไปให้ทัน

"พี่ฟินย์ พี่เป็นอะไรรึป่าว" พอวิ่งตามทันผมก็คว้าแขนล่ำนั้นไว้ แต่พี่เขาก็แค่ชายตามองเฉยๆ ผมเลยปล่อยมือออกอย่างกลัวๆ ก่อนอีกคนจะหันไปล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาจากกางเกงแล้วกดรับสายนั้น ผมเลยต้องยืนนิ่งรอให้อีกคนคุยเสร็จ

"ฮาโหล มีอะไรรึป่าววิค"

วิค?

ใครกัน...แล้วทำไมน้ำเสียงถึงดูนุ่มและอ่อนโยนขนาดนั้น แล้วทำไมสายตาพี่ดูดีใจที่ได้ยินกับเขา มันช่างแตกต่างกับตอนที่พูดกับผมเหลือเกิน

"อะไรนะ! วิคอย่าร้องไห้สิ ตอนนี้วิคอยู่ไหน...รอแปปนึงนะ ฉันกำลังจะไปหา" พอร่างสูงวางสายเสร็จก็รีบวิ่งกลับไปอีกทางที่เราเพิ่งจะเดินมาทันที ผมที่ยืนอยู่ข้างหลังก็รีบเรียกพี่เขาเสียงดังอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล จนตอนนี้ผมไม่เห็นแผ่นหลังกว้างของอีกคนแล้ว

พี่เขา...ลืมผมงั้นหรอ ลืมว่าผมยืนอยู่ข้างหลังตัวเองงั้นหรอ แค่คนที่ชื่อวิคโทรมาหา...ก็ทำให้ผมต้องยืนอยู่ตรงนี้...คนเดียว

คนนั้นเขาเป็นใครกัน พี่ถึงทิ้งผมไว้ตรงนี้ นี่พี่จะทิ้งผมจริงๆงั้นหรอพี่ฟินย์...ผมเป็นแฟนพี่นะ

ไม่ซาร์...นายอย่าคิดแบบนั้นสิ เดี๋ยวพี่เขาก็คงจะกลับมารับนายเอง พี่เขาคงไปเดี๋ยวเดียวแหละ อย่าคิดมาก

เดี๋ยวเขาก็จะกลับมา...รับ

แต่ถ้าผมนั่งรออีกคนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ห้าโมงเย็นจนถึงสี่ทุ่มแบบนี้ โดยที่ผมเองก็ยังไม่เห็นใครอีกคนเลยแม้แต่เงา แบบนี้เขาเรียกว่าทิ้งกันรึป่าว

หรือแบบนี้เขาเรียกว่าอะไร...ถึงปล่อยให้ผมนั่งตากน้ำค้างคนเดียวอยู่ตรงนี้

 

 


+++++++++++++++++++++++++++++++++
140115

 

เม้นบอกด้วยว่าเป้นไงบ้างนร้ารีดเดอ จะได้รู้ว่ามันสนุกป่าว ต้องแก้ตรงไหนบ้าง ขอบคุณคร้า

 



 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา