Hey You! รักนี้จะรุกหรือจะรับ ( Yaoi )

-

เขียนโดย KatOcto_Sept

วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 14.10 น.

  1 chapter
  1 วิจารณ์
  5,501 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556 14.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทที่ 3 รู้สึกแปลกๆ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     

 

     

บทที่ 3

 

 

          “อื้อ...”

 

          เสียงครางกระเส่าดังออกมาจากริมฝีปากคู่สวย มือเรียวรูดแก่นกายของตนด้วยความเสียวซ่าน ปลดปล่อยหยาดหยดเข้าสู่ห้วงอารมณ์หวานฉ่ำ เพียงครู่เดียวพายุแห่งความใคร่ก็จางหายไป เหลือเพียงร่างบอบบางที่นอนหอบอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ  ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นเพื่อปิดทีวีที่ปรากฏรูปของเหล่าดาราญี่ปุ่นในชุดน้อยชิ้น

 

          ...เอาล่ะ เสร็จสิ้นภารกิจในวันนี้แล้ว...

 

          ...ทีนี้ก็สบายตัวไปเปราะหนึ่ง...

 

          ร่างเพรียวบางเดินฮัมเพลงเข้าห้องน้ำเพื่อชำระกายที่เปื้อนไปด้วยน้ำสีขาวขุ่นอย่างอารมณ์ดี น้ำเย็นๆที่ตกกกระทบผิวกายทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อย ยิ่งได้สูดกลิ่นของครีมอาบน้ำก็ยิ่งทำให้สมองเขาปลอดโปร่งมากขึ้น มือเรียวไล้ครีมไปตามร่างกายนวลเนียน จัดการภารกิจในยามเช้าแล้วพันกายด้วยผ้าเช็ดตัว

 

          จนในที่สุดทุกอย่างก็เสร็จสิ้นตามความพึงพอใจของยอดชายนามก็อตจิ ร่างบอบบางที่ถูกพันธนาการด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเปลี่ยนไปใส่ชุดนักศึกษา แป้งเด็กแคร์ในกระป๋องถูกเทออกมาเพียงนิด มือเรียวจัดการทาใบหน้าตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะเหลือบมองคนที่นอนหลับอุตุอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าเอือมระอา

 

          ไอ้ธันวา ไอ้เวรนี่แม่งขี้เซาฉิบหาย!!

 

          ขนาดเสียงคราง เสียงเดิน เสียงอาบน้ำยังไม่สามารถทำอะไรมันได้ เขาชักอยากจะถีบมันให้ตกเตียงซะเดี๋ยวนี้!!

 

          คิดอย่างเข่นเคี้ยว แม้จะรู้ว่าวันนี้เขามีฝึกงานเพียงครึ่งวัน แต่ถ้ายังมาเอื่อยเฉื่อยเหมือนกับไอ้คนบนเตียงคงได้เข้างานสายพอดี เขายังอยากมีประวัติดีๆอยู่ในโปรไฟล์หลังจากที่ไปหน้าแตกใส่ไอ้คุณแทนอะไรนั่นอยู่นะโว้ยย!!

 

          “ไอ้เหี้ยธันว์!!! ตื่นเดี๋ยวนี้เลย มึงจะไปทำงานพร้อมกูมั้ย!?” ตะโกนบอกเสียงดังลั่นจนคนบนเตียงต้องขยี้ตาพูดงึมงำว่า ‘กูขออีกแปบนึง’ ทำเอาไอ้ก็อตคนนี้ถึงกับต้องถอนหายใจอย่างเอือมระอาแล้วบอกเสียงฉุนเฉียว “เออ! ให้เร็วเลยนะเว้ย!”

 

          แล้วร่างบางก็เลิกปลุกคนบนเตียงทันที เขาเดินไปเปิดทีวีดู คลึงขมับแผ่วเบา ในขณะที่ในหัวยังคงนึกถึงเรื่องเมื่อคืนไม่จางหาย อาการบ้าๆบอๆเกิดขึ้นกับเขาได้อย่างไร? เขามั่นใจว่าเขาเป็นผู้ชายแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีอารมณ์ร่วมกับหนังโป๊หรอก แต่กับไอ้เพื่อนในกลุ่ม...ทำไมเขาถึงรู้สึกวูบโหวงหลังจากที่รู้ว่ามันไปกับผู้หญิงคนอื่น?

 

          แต่ก็แน่ล่ะ...

 

          เพื่อนกันมักจะรู้สึกหึงหวงกันอยู่แล้วเพราะกลัวจะโดนแย่งความสำคัญไป แล้วเขาจะนั่งคิดมากทำเผือกอะไรล่ะ?

 

          คิดพร้อมขยี้หัวตัวเองน้อยๆ แล้วจะทำท่าลุกขึ้นไปปิดทีวี ทว่าทันใดนั้นเองเสียงออดหน้าห้องก็ดังขึ้นพร้อมกับไฟหน้าจอที่ดับวูบลง

 

          ...ใครมาวะ??

 

          ร่างบอบบางลุกขึ้นไปเปิดประตูห้อง ทันได้ยินเสียงไอ้ธันวาลุกขึ้นไปอาบน้ำ และในช่วงจังหวะที่เขากำลังเปิดประตูออกมานั้นเอง...

 

          “อรุณสวัสดิ์”

 

          เสียงของคนตรงหน้าก็ดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มทรงเสน่ห์ที่ถูกส่งมา ใบหน้าหวานถึงกับอ้าปากค้างมองร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าห้องตาถลน!!!  

 

          แม่ง...ใครก็ได้บอกกูที ว่ากูตาฟาดไปหรือเปล่าวะ!!!

 

 

 

..........

 

 

 

 

          “เอ่อ...ความจริงมึงไม่ต้องถ่อมาก็ได้นะเว้ย ลำบากมึงเปล่าๆ ไอ้อาทิตย์“ ผมที่นั่งอยู่ในรถคันเก่งของไอ้อาทิตย์เอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ มันไหวไหล่น้อยๆ ในขณะที่มือหนาหมุนพวงมาลัยนำรถเข้าจอดหน้าตึกใหญ่ ไอ้ธันวาที่นั่งอยู่หลังรถจิ้มไอแพดอย่างอารมณ์ดีโดยมิวายที่จะเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มทะเล้นผ่านกระจกรถ ผมเลยจัดการชูนิ้วกลางงามๆให้มันทั้งสองข้างผ่านกระจกรถเช่นกัน

 

          มันจะย้ำเหตุการณ์เมื่อเช้าหาสวรรค์วิมารอะไรกันวะ...ไอ้เวรนี่

 

          ย้อนกลับไปเมื่อเช้า...แน่นอนว่าไอ้คนที่เคาะประตูก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มันคือไอ้อาทิตย์นั่นเองครับ ทุกคนไม่ต้องแปลกใจไปเพราะถ้ามีคนอื่นโผล่มานี่สิ ผมคงได้แปลกใจยิ่งกว่า

 

          ผมไม่รู้หรอกว่าคนอ่านจะคิดไกลไปถึงไหน แต่ที่แน่ๆเมื่อเช้าผมแทบช็อกที่เห็นไอ้อาทิตย์ยืนส่งยิ้มอยู่หน้าประตู มันมาพร้อมกับข้าวกล่องหอมฉุย ผมได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ มองหน้ามันอย่างอึ้งๆ ไม่คิดว่ามันจะมาหาผม ไอ้ความรู้สึกเมื่อคืนผมยังไม่เคลียร์เลยสักนิด ผมยืนอยู่ตรงนั้นสักพักจนกระทั่งเสียงเรียกของไอ้คนตรงหน้าดังขึ้นช่วยดึงสติผมกลับคืน ผมจึงรีบถอยให้มันเข้ามาในห้อง

 

          ‘มึงมาหากูตั้งแต่เช้าแบบนี้ มึงมีอะไรหรือเปล่าวะ’ ผมถามพร้อมกับปิดประตูห้องลง มันชูข้าวกล่องขึ้นมาราวกับว่านี่คือคำตอบของคำถาม

 

          ‘ไอ้เหี้ยธันว์ฝากกูซื้อข้าวกล่อง’

 

          ‘ฮะ? ไอ้เวรนี่น่ะเหรอ มันเพิ่งตื่นเองนะ มันจะเอาเวลาไหนไปโทร’ ผมย่นคิ้ว ทำหน้างง

 

          ‘อ้าว มึงไม่รู้เหรอว่าไอ้เหี้ยธันว์มันบอกกูตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” ไอ้อาทิตย์ทรุดตัวนั่งบนโซฟา มันทำหน้าแปลกใจนิดหน่อย ผมส่ายหน้าแทนคำตอบก่อนที่มันจะบ่นงึมงำว่า ‘กูก็ว่าอยู่แล้ว ไอ้เวรนี่มันจริงๆเลย ทำอะไรไม่เคยบอกชาวบ้าน’

 

          ผมไม่พยักหน้ารับหรือปฏิเสธแต่อย่างใด สิ่งที่ไอ้อาทิตย์พูดมาเป็นเรื่องจริงล้วนๆ ไอ้เหี้ยธันว์ชอบทำอะไรพิเรนท์ ไม่เคยบอกคนอื่น ถ้าเป็นวันปกติผมคงไม่รู้สึกตกใจมากขนาดนี้หรอก แต่นี่อะไรครับ...? อยู่ๆไอ้อาทิตย์ก็ปรากฏตัวในช่วงเวลาที่ผมไม่อยากเห็นหน้ามัน บอกตรงๆตอนนี้ผมไม่กล้าสบตามันเลยสักนิด

 

           แต่ถ้าจะให้ผมสบตามัน ผมก็ทำได้นะแค่มันรู้สึกแปลกๆ เหมือนไม่ใช่ตัวเองยังไงก็ไม่รู้

 

          ‘เอ่อ...แล้วตอนเช้ามึงไม่มีเรียนหรือไง ถึงได้ยอมทำตามคำขอของไอ้เหี้ยธันว์เนี่ย’ ผมถามพลางเหลือบมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟา มันอยู่ในชุดเสื้อยืดส์กางเกงยีนส์ถึงจะปฏิเสธไม่ได้ว่ามันดูดีในชุดนี้แต่ใส่แบบนี้ไปมหาลัยก็ใช่เรื่องนะ

 

          ‘ไม่ล่ะ กูไม่มีเรียน เมื่อวานกูเพิ่งปิดบล็อกไปหมาดๆ ตอนนี้กูโคตรสบายตัว’ มันเหยียดขาลงบนโซฟาจนผมอดหัวเราะไปกับท่าทางของไอ้อาทิตย์ไม่ได้ ‘แล้วเมื่อไหร่มึงจะเรียนจบวะ ได้ข่าวว่าปีหน้ามึงก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ’

 

          ‘ถูกต้อง กูจบปีหน้า เฮ้ย! มึงทำหน้าอย่างนั้นหมายความว่ายังไงวะ มึงอิจฉากูล่ะสิ กูรู้นะโว้ย!’

 

          ‘อื้อหือ ก็กูไม่ได้เรียนวิศวะเหมือนมึงนี่หว่า ไอ้เบื้อกก็อต!'

 

          'เฮ้ย เรียนวิศวะแล้วมันเกี่ยวอะไรด้วยวะ ก็ช่วยไม่ได้เองนี่หว่ามึงอยากเลือกเรียนหมอเองนี่ได้ข่าวว่ากว่าจะจบก็อีกตั้งหลายปีเลยนี่ ฮ่าๆๆ”

 

          'หึ มึงไม่รู้อะไรหรอก ไอ้เตี้ย เรียนหมอมันต้องอึดถึกทนเว้ย’

 

          ‘แล้วไงวะ พูดให้ดีๆหน่อยเว้ย อย่าให้กูย้ำว่ากูไม่ได้เตี้ย!’ ผมโวยวาย 'แค่กูสูงตามมาตรฐานชายไทยก็เท่านั้นเอง....' 

 

           'มึงยิ่งพูดเหมือนยิ่งว่าตัวเองวะ เดี๋ยวนี้คนไทยเขาสูงขึ้นกันแล้วนะครับ มีแต่มึงนั่นแหละที่ส่วนสูงเท่าเดิมน่ะ....ไอ้เตี้ย' ไอ้อาทิตย์มึงชอบตั้งฉายาแปลกๆให้กูอยู่เรื่อยเลยนะ กูจะบ้า! กูมีแค่ฉายาเดียวยังไม่พออีกหรือไง

 

           'แล้วไง!! ส่วนสูงไม่มีต่อผลการเรียนโว้ยย' 

 

          ‘เหรอ...งั้นยกเว้นมึงคนเดียวก็แล้วกัน เพราะมึงน่ะไม่มีวันเรียนหมอได้อย่างกูหรอก...กูจะบอกให้...’

 

          ‘กูมันทำไม’ ผมมองหน้ามันอย่างท้าทาย เมื่อไอ้คนบนโซฟาลากเสียงยาวราวกับจงใจยียวน

 

          ‘มึงน่ะร่างบางตัวเล็กนิดเดียว มึงก็เลยเป็นหมอเหมือนอย่างกูไม่ได้ ความถึกแม่งไม่มี ฮ่าๆๆๆ’

 

          ‘ไอ้อาทิตย์!!!’ ตวาดเสียงดังลั่นพร้อมกับปาหมอนใส่มันไม่ยั้ง ไอ้อาทิตย์ยกมือขึ้นปัดเป็นพัลวัน มันหัวเราะอย่างสะใจก่อนที่มันจะปาหมอนใส่ผมกลับ พวกเราปาหมอนใส่กันไม่ยั้ง จนผมลืมไปเลยว่าในตอนแรกที่มันเดินเข้ามาในห้องผมรู้สึกอย่างไรกับมัน

 

          เพียงครู่เดียวไอ้อาทิตย์ก็ยอมยกธงขาว มันพูดด้วยน้ำเสียงยียวนว่า ‘กูอ่อนให้คนตัวเล็ก’ เล่นเอาผมถึงกับขึ้น ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ใช้หมอนทับใบหน้าหล่อๆของมันอย่างจงใจแกล้ง แต่ทว่าทุกอย่างกลับผิดคาดเมื่อคนที่อยู่ใต้ร่างดึงหมอนออกจากในมือของผมส่งผลให้ร่างของเราทั้งสองคนปราศจากหมอนกั้น มีเพียงเสื้อผ้าเท่านั้นที่เป็นปราการ!

 

        

          แม้จะไม่แนบสนิทกันมากนัก แต่สภาพที่ผมกำลังคร่อมมันอยู่ข้างบนชวนให้คิดไปไกล...ไอ้อาทิตย์ส่งยิ้มให้ผมก่อนที่เจ้าตัวจะใช้ดวงตาคู่คมจ้องมองผมตรงๆ ทำเอาตัวผมแข็งทื่อ หัวใจเต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมา แม้จะพยายามเบือนหน้าหนีแต่ผมกลับทำไม่ได้เลยสักนิด ในดวงตามองเห็นเพียงใบหน้าอันหล่อเหลาของคนใต้ร่าง และในช่วงวินาทีนั้นเองราวกับมีแรงดึงดูด...ใบหน้าของผมกับไอ้อาทิตย์ก็ค่อยๆลดระยะห่างลงเรื่อยๆ...

 

           

          ‘กูอาบน้ำเสร็จแล้วโว้ยยยยยย ไหนข้าวกล่องกูล่ะ...เฮ้ยยยยยยยยย!!!’

 

 

          เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ผมต้องรีบผละออกด้วยความตกใจ หันไปมองก็เห็นไอ้ธันวายืนทำตาโตในชุดนักศึกษา มันกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก ชี้นิ้วที่สั่นระริกมายังพวกผมอย่างคาดไม่ถึง!!

 

 

          ‘ไอ้ก็อต!! ไอ้อาทิตย์!!”

 

 

          “...!!”

 

 

          “พวกมึงจะเอากันใช่มั้ย!!!!!!!’

 

 

          มึงไปตายซะไป!  

 

 

          นั่นแหละครับ...คือสาเหตุที่ไอ้ธันวามันกวนตีนผมมาตลอดทาง

 

แม้จะบอกว่าพวกเราไม่มีอะไรกันในกอไผ่แต่ไอ้เพื่อนเวรกลับไม่เชื่อผมเลยสักนิด หนำซ้ำยังหัวเราะคิกคักพร้อมหยอกเย้าผมด้วยคำพูดตอดเล็กตอดน้อย ผมได้แต่ก้มหน้ารับชะตาที่มันมอบให้ ส่วนไอ้อาทิตย์มันก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีกนอกจากอาสาพาพวกผมไปส่งที่บริษัทฝึกงานตามคำขอของไอ้ธันวา 

 

          ชีวิตผมคงหาความสงบสุขไม่ได้จริงๆใช่ไหมเนี่ย!

 

          “ไม่เป็นอะไรหรอก กูถือว่าเพื่อนช่วยเพื่อน” น้ำเสียงของไอ้อาทิตย์ที่ดังขึ้นทำให้ผมต้องดึงสติตัวเองกลับคืนมาหลังจากที่หวนนึกถึงเรื่องเมื่อเช้า ผมหันไปส่งยิ้มบางๆให้มันแล้วพูดว่า

 

          “วันหลังมึงไม่ต้องทำตามที่ไอ้ธันวาขอก็ได้ กูเกรงใจ”

 

          “โอ๊ยย!! มึงจะเกรงใจอะไรนักหนา ไอ้อาทิตย์มาส่งมึงก็ดีไม่ใช่เหรอวะ ผัวเมียกันก็ต้องช่วยกัน...”

 

          “ไอ้สัด! หุบปากไปเลย!” ผมหันไปตวาดไอ้ธันวาอีกระลอก มันหัวเราะอย่างอารมณ์ดีแล้วทำหน้าทะเล้นใส่

 

          “โห กูแค่ล้อเล่นน่า มึงอย่าคิดมากสิ” ไอ้ธันวาหันไปหยอกไอ้อาทิตย์ที่กำลังเปิดไฟเลี้ยวรถ “ใช่มั้ยครับ ไอ้คุณอาทิตย์ ฮ่าๆๆ”

 

          “...”

 

          “ใช่มั้ยคร้าบบบบบบบบบ ตอบหน่อยสิวะ”

 

          “เออ! กูเป็นผัวที่รักของไอ้ก็อต” ตอบแบบไม่สะทกสะท้าน ทำเอาผมที่นั่งอยู่ข้างๆถึงกับเกิดอาการใจสั่นขึ้นมาเสียดื้อๆ ไอ้ธันวาอ้าปากค้างในขณะที่ผมรู้สึกว่าตัวเองสั่นอย่างไม่เป็นมาก่อน แต่เพียงไม่นานนักมันก็หันมาพูดต่อว่า “กูล้อเล่นเถอะ ไอ้พวกนี้แม่งคิดอะไรกันอยู่วะ กูชอบผู้หญิงนะเว้ยไม่ได้ชอบผู้ชาย ถ้าไม่เชื่อมึงก็ถามไอ้ก็อตได้”

 

          “...”

 

          “จริงมั้ยไอ้ก็อต” มันเอาข้อศอกมาถองสีข้างผมเบาๆ

 

          “อือ มึงมันแมน...ส่วนกูก็เหมือนกันวะ กูไม่ได้ชอบผู้ชาย” ผมตอบรับด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ไม่รู้สินะ...แม้คำพูดในประโยคแรกของไอ้อาทิตย์จะเป็นแค่เพียงคำโกหกแต่ผมกลับรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเสียดื้อๆ ยิ่งได้ยินคำยืนยันจากปากมันว่ามันชอบผู้หญิงไม่ได้ชอบผู้ชาย ผมก็รู้สึกวูบโหวงแปลกๆได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความหนักใจ

 

          ...มาอีกแล้วสินะ ความรู้สึกแบบนี้น่ะ  

 

          ผมก้มหน้านิ่ง ภายในรถมีแต่ความเงียบงัน ได้ยินเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศในรถเบาบาง พวกเราไม่ได้คุยอะไรกันต่ออีกจนกระทั่งไอ้อาทิตย์หาที่จอดรถได้ ผมกับไอ้ธันวาจึงสะพายกระเป๋าลงมาจากรถของมันโดยไม่ลืมเอ่ยคำขอบคุณ และในช่วงที่ผมกำลังจะลงจากรถนั่นเอง มือหนาก็เอื้อมมาจับแขนผมไว้เสียก่อน

 

          “มีอะไรอีกวะ ไอ้อาทิตย์” ผมถามและมันก็หัวเราะเบาๆ

 

          “ก็มีสิวะ กูแค่อยากจะถามมึงว่าหนังสือโป๊ของมึงน่ะ เมื่อวานกูลืมคืนมึง แต่โชคดีที่ไอ้ธันวามันเก็บได้ มันเอาไปคืนมึงแล้วใช่มั้ย?”  

 

          “อือ มันคืนกูแล้วล่ะ มึงไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”

 

          “งั้นก็แล้วไป” มันปล่อยมือจากแขนผมแล้วขยิบตาให้ “กูอยากจะบอกว่าหนังสือโป๊มึงโคตรแจ่มเลยว่ะ ไอ้เบื้อกก็อต” 

 

          “อ่า...งั้นถ้ามีอีกกูจะให้มึงยืมเยอะๆก็แล้วกัน บ้านกูมีเยอะ”

 

          “เฮ้ย...จริงดิ กูขอบคุณมากๆนะเว้ย มีอะไรก็มาแบ่งกัน ฮ่าๆ แล้วกูจะไม่ลืมพระคุณมึงเลย”

 

          มันพูดเพียงแค่นั้นก็ปล่อยมือออกจากแขนของผม รถซีวิคคันสีดำล้วนค่อยๆเคลื่อนตัวผ่านหน้าผมไป ทันมองเห็นไอ้อาทิตย์ส่งยิ้มหวานเป็นเชิงขอบคุณมาให้ ผมเบือนหน้าหนี มองตามรถคันสีดำที่กำลังโลดแล่นอยู่บนถนนด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ความรู้สึกหน่วงๆวูบเข้ามาในใจอีกครั้ง...มันแปลกนะครับที่จู่ๆผมก็รู้สึกอะไรแบบนี้ซะได้ มันไม่สมควรเกิดขึ้นเลยสักนิด...

 

          ผมมันบ้าไปแล้ว

 

          ไอ้ก็อตเอ๊ย...มึงกำลังหวังอะไรของมึงอยู่วะ มันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว!

 

          แม่งหงุดหงิดตัวเองจริงๆ

 

          ผมเดินเหม่อเข้ามาในบริษัท ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันตีรวนกันไปหมด ลืมกระทั่งว่าไอ้ธันวาตอนนี้มันไปอยู่ที่ไหน กว่าจะรู้ตัวอีกทีแรงกระแทกที่เกิดขึ้นเพราะผมเดินไปชนใครเข้าก็ช่วยดึงสติผมกลับมาได้ โชคดีที่คนตัวสูงกว่าตรงหน้าใช้มือรั้งเอวผมไว้ได้ทันผมจึงไม่เสียหลักล้มหัวฟาดพื้น

 

          “ขะ...ขอบคุณครับ”

 

            ผมละลักลำล่ำบอก แล้วรีบดันตัวออกจากแผงอกกว้างก่อนจะก้มลงเก็บแฟ้มเอกสารที่เป็นของคนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ผมได้แต่ก่นด่าตัวเองว่าไร้สติสิ้นดีที่ทำอะไรเปิ่นๆลงไป และหลังจากที่เก็บแฟ้มเอกสารเสร็จผมก็เงยหน้าขึ้นมองคนที่ผมเดินชนโดยไล่สายตาจากรองเท้ามันปลาบขึ้นไปเรื่อยๆ...

 

            สูท?

 

            ใช่แล้วครับผมเห็นสูทชั้นดี แน่นอนว่าคนที่ใส่สูทพวกนี้ถ้าไม่ใช่คนที่ค่อนข้างมีตำแหน่งก็คงใส่ไม่ได้ ในตอนนั้นเองผมรู้สึกใจหายวาบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเพราะเมื่อผมมองสูงขึ้นไปอีกนิดผมก็รับรู้ได้ทันทีเลยว่าเจ้าของใบหน้าอันหล่อเหลาอันแสนคุ้นเคยกำลังใช้ดวงตาคู่คมจ้องมองผมอย่างไม่ลดละ  

 

            “ซุ่มซ่าม”

 

            ริมฝีปากหนาเอ่ยคำนี้ออกมาสั้นๆ ผมเบิกตากว้าง ในขณะที่ร่างสูงหยิบเอาแฟ้มเอกสารในมือผมไปถือเอง เจ้าตัวยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะเดินผ่านผมไปโดยไม่ลืมโน้มตัวมากระซิบที่ข้างหูผมด้วยน้ำเสียงที่แสนมีเสน่ห์แผ่วเบา...แต่แจ่มชัดในสมอง

 

            “บอกแล้วไง...ว่าเราจะได้เจอกันอีก :)”

 

            เพียงแค่นั้นแหละครับ...ดวงตาที่เบิกกว้างของผมก็กลับมาเป็นปกติ

 

            ให้ตายสิ...วันนี้จะเป็นวันที่ซวยที่สุดของผมหรือเปล่านะ!!?

 

 

 

 

         จบตอนแล้วจ้า ตอนนี้หน่วงๆนิดนึงเนอะ พี่แทนยังไม่ทำคะแนนในขณะที่น้องกรวิทย์ยังสับสนในความรู้สึกของตัวเอง ยังไงก็ช่วยกลับไปติชมตอนนี้หน่อยน้า ขอบคุณจ้าาา >__< ( บอกแล้วว่าวาบหวิวจึ๋งนึงฮ่าๆ แต่ไรทเตอร์หลอน เคยแอบมาลงตอนนี้แล้ว...แต่โดนแบนเลยไม่กล้าเอาลงในเว็บ    

 

 

       ลิ้งค์ตอน >>>>  http://writer.dek-d.com/cagalli2/story/viewlongc.php?id=1025279&chapter=4

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา