Thank For Your Smile...น้ำตา...ความฝัน...ความหวัง
เขียนโดย MightySoul
วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.50 น.
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2557 11.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) บทที่ 8 ทัวน์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 8
ทัวน์...
ฉันเต้นตามจังหวะเพลงที่ดังออกมาจากหูฟัง โดยด้านหน้ามีกระจกบานใหญ่ที่คอยเป็นเงาสะท้อนจุดบอดและจุดพลาดของการเต้น
แต่หลังจากที่เพลงจบลงไม่ถึงสิบวินาที เหงื่อที่ไหลเยิ้มยังไม่ทันไหลผ่านใบหน้า ก็ได้มีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามา
ฉันรีบเดินขึ้นไปหยิบโทรศัพท์สมาร์ทโฟนยี่ห้อดังขึ้นมาดู ทันทีที่เห็นว่าใครโทรก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม และกดรับสายทันที
“ว่าไง อากิจัง โทรมาหาพี่แบบนี้แสดงว่ามีปัญหาอะไรล่ะสิ”
“แฮะๆ พี่ริกะนี่รู้ทันหนูจริงๆ”
“เอ้า ว่ามาเลยสาวน้อย ถ้าพี่ช่วยได้พี่จะช่วย” ฉันใช้ผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อที่ค่อยๆผุดขึ้นมาจากผิวหนัง ทั้งๆที่อยู่ในห้องแอร์
“คือ หนูอยากจะฝากเด็กอ่อนต่อโลกคนนึงไปกับทัวน์ของพี่ในอาทิตย์ด้วยได้ไหมคะ”
ทันทีที่อากิพูดจบ ฉันก็รู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังพูดถึงใคร “ฟีลน่ะเหรอ ทำไมล่ะ?”
หลังจากนั้น อากิก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดของฟีลตลอด 3 วันที่ผ่านมาให้ฟัง ซึ่งแต่ล่ะเรื่องก็แทบจะทำให้ฉันหัวเราะทั้งน้ำตากับความบ้าบิ่น ไม่คิดหน้าคิดหลังของเขา
“เป็นคนน่าสนุกดีจะตายนี่นา น่าจะเข้ากับเธอนะ”
“พี่ริกะไม่ต้องมาจับคู่หนูกับใครเลยนะ ตัวเองหาแฟนให้ได้ก่อนเถอะค่ะ ได้ข่าวว่ายังไม่เคยมีเลยไม่ใช่เหรอ” อากิพูดอย่างรู้ดี
“เดี๋ยวเถอะๆ อย่ามายุ่งเรื่องของพี่น่า” ฉันแกล้งดัดเสียงดุ หยอกเด็กสาว
“แล้วตกลงฟีลซังจะติดทัวน์ไปด้วยได้ไหมล่ะคะ”
“อืม ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอกมั้ง แค่คนคนเดียวเอง”
“จริงเหรอคะ” อากิตะโกนเสียงดังด้วยความดีใจ จนฉันต้องรีบยกโทรศัพท์ให้ห่างจากหู
“จะ...จริงสิ พี่จะโกหกทำไม”
“ขอบคุณค่ะ พี่ริกะ”
“แหมๆดีใจจนออกนอกหน้าเชียวนะ เป็นห่วงกันเข้าไป วัยรุ่นสมัยนี้” ถึงจะแค่พูดหยอกเล่น แต่ในหัวของฉันกลับคิดไปไกลถึงขั้นแต่งงานตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“พี่ริกะ หยุดคิดเลยนะคะ หนูรู้ว่าพี่กำลังคิดอะไรอยู่ หยุดเลย ฟีลซังเขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว พี่ก็รู้ไม่ใช่เหรอ เพราะฉะนั้นเลิกจับคู่หนูกับฟีลสักทีเถอะค่ะ”
“จ้าๆแม่คนเก่ง เอางี้ให้ฟีลมารออยู่หน้าร้านเสาร์หน้า เดี๋ยวพี่จะไปรับเขาเอง”
“ในฐานะ...นาโอะเหรอค่ะ” อากิถามเพื่อความใจ เพื่อไม่ให้แผนของริกะแตกก่อนเวลาอันควร
“แน่นอนสิ พี่กำลังหลอกเขาสนุกเลย”
“โอเคค่ะ เดี๋ยวหนูขอไปบอกข่าวดีกับฟีลซังก่อนนะคะ” ทันทีที่เด็กสาวพูดจบ เธอก็รีบวางสายทิ้งไป ทิ้งให้ฉันนั่งยิ้มให้กับโทรศัพท์สองต่อสอง จนกระทั้งเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“ยิ้มอะไรน่ะ ริกะ” ฮานะเดินมาพร้อมไอศกรีมถ้วยใหญ่ของโปรดของเราทั้งสอง
“ฮานะๆ ทัวน์ครั้งนี้มีเรื่องสนุกๆแล้วล่ะ”
ฉันรีบคว้าถ้วยไอศกรีมที่อยู่ในมือฮานะขึ้นมาจับจอง โดยที่เธอยังไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
“ริกะ เอาจริงเหรอ?” ฮานะถามด้วยความไม่มั่นใจ
“แน่นอนสิ”
“ริกะ ฉันกลัวว่ามันจะไม่ง่ายอย่างที่คิดน่ะสิ” ฮานะแย่งถ้วยไอศกรีมไปกินบ้าง
“ยังไงเหรอ ฮานะจัง”
“ก็เธอลองคิดดูนะ นี่คือไลน์ทัวน์ของเราทั้งสองคน พูดง่ายๆเธอเป็นตัวหลักของทัวน์ในครั้งนี้ มันหมายความว่าเธอเปลี่ยนเป็นทั้งนาโอะและริกะในเวลาแค่ไม่กี่นาที เพื่อให้เด็กหนุ่มคนนั้นไม่สงสัย มันเสี่ยงที่จะพลาดเกินไปเลยเปล่า”
“เธอกลัวเสียงานสินะ”
“ไม่ใช่ๆ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ก็แค่เป็นห่วงเฉยๆ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกฮานะจัง ฉันจัดการเวลาได้น่ะ” ไอศกรีมรสวานิลาถ้วยใหญ่หมดเกลี้ยงภายในไม่กี่บทสนทนา
“ตามใจก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะช่วยอีกแรง กันพลาด” ฮานะเริ่มจัดตารางเวลาขึ้นในหัวตามสไตล์หญิงสาวนักวางแผน
ฉันรู้สึกโล่งใจขึ้นอีกเยอะ เมื่อได้ฮานะมาช่วยในงานนี้ เพราะมันหมายความว่า แผนการของฮานะจะช่วยลดความเสี่ยงแผนแตกไปได้เกินครึ่ง
“ริกะ ฉันถามเธอจริงๆเถอะ ทำไมเธอต้องแกล้งไอ้ผู้ชายอะไรคนนั้นด้วยอ่ะ” ฮานะถามด้วยความสงสัย
ฉันใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับไป “ไม่รู้สิ แค่รู้สึกอยากแกล้งก็แค่นั้นเอง เดี๋ยวเธอเจอเขาเธอก็จะรู้เองแหละ”
“แล้วฉันจะคอยดู ว่าเด็กหนุ่มที่เธอบอกว่าบ้านักบ้าหนาจะบ้าเท่าเธอกับฉันเหรอเปล่า” เราสองคนยิ้มให้กัน ก่อนที่จะหัวเราะดังลั่นห้องซ้อม
“ว่าแต่ เรื่องการเต้นเป็นไงบ้างล่ะ เห็นซ้อมคนเดียวอยู่นานแล้ว มีปัญหาอะไงงั้นเหรอ”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่รู้สึกตื่นเต้นน่ะ”
“งั้นเหรอ ถึงจะกี่ปีแต่ก็ยังคงตื่นเต้นสินะ” ฮานะค่อยๆวางมือที่ขาวนวลลงบนไหลฉันอย่างแผ่วเบา
“อืม ถึงจะเคยซ้อมมาสักกี่ครั้ง ซ้อมมาสักกี่ปี แต่สุดท้าย ความกังวลก็ไม่เคยหายไปสักที”
“ฉันก็เหมือนกัน” เราทั้งสองคนมองจ้องไปในกระจกอย่างไม่ได้นัดหมาย ฉันก็รู้เหมือนกันว่าเธอจะเห็นในสิ่งที่ฉันเห็นอยู่เหรอเปล่า ภาพในอดีตตลอดหลายปีที่เราซ้อมเต้นซ้อมร้องผ่านกระจกบานนี้ปรากฏชัดขึ้น จนอดไม่ได้ที่น้ำตาจะไหลออกมา
“เธอยังจำสมัยที่เราเป็นนักเรียนได้ไหม ฮานะ”
“จำได้สิ ใครจะไปลืมเรื่องที่เราต้องรีบวิ่งจากโรงเรียนมาทำงาน จนสะดุดล้มได้แผลไปหลายแผล แถมยังมียัยบ้าที่ไหนก็ไม่รู้ชอบมาดักหน้าฉัน ทั้งๆที่โรงเรียนเราไม่ได้อยู่ใกล้กันแท้ๆ”
“แหม ก็ฉันอยากไปกับเธอนี่นา ถ้าฉันไปถึงสตูดิโอก่อนมันคงจะแปลกแน่ๆ ที่เราทั้งสองคนไม่ได้เดินมาคู่กัน” ใบหน้าตอนที่ฉันเหนื่อยเพราะต้องซ้อมหนักในสมัยก่อนหวนคืนกลับมา ยิ้มทั้งๆที่หมดแรงจนแทบจะขาดใจคู่กับฮานะ เป็นความทรงจำที่ฉันไม่มีวันลืม
“ฮานะ...ถ้าเราไม่เจอกันในวันนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็คงจะไม่ใช่แบบที่เราดำเนินอยู่ทุกวันนี้สินะ”
“ไม่หรอก ถึงเราไม่เจอกันในวันนั้น วันอื่นก็ต้องเจอกันอยู่ดี ฉันเชื่ออย่างนั้น”
ฉันหันหน้าไปมองฮานะ หญิงสาวผู้เข็มแข็ง หญิงสาวผู้ไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เธอคิด ก็เพียงแค่ก้าวไปสู่วันใหม่และทำมันให้ดีที่สุดเพียงเท่านั้น
“ฮานะ...เธอพร้อมรึยัง สำหรับทัวน์ในอาทิตย์หน้า”
“พร้อมสิ” ฮานะตอบอย่างไม่มีความลังเลอยู่ในใจ
“ริกะ แฟนๆคงไม่อยากเห็นเรากังวลหรอก สิ่งที่ทำได้บนเวทีก็เพียงแค่ทำให้ดีที่สุดเพียงเท่านั้น ตลอดหลายครั้งที่ผ่านมา เธอก็ต้องให้ฉันพูดเตือนตลอดเลยสิน่า”
“นั้นสินะ” ฉันหัวเราะเบาๆ ถึงแม้ไม่อาจจะบอกได้ว่าความกังวลได้หายไป แต่คำพูดของฮานะก็ทำให้ฉันผ่อนคลายขึ้นจริงๆ
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ ฮานะ ทั้งที่ผ่านๆมา และนับตั้งแต่นี้ไป”
“ฉันก็เหมือนกัน ริกะ ถ้าไม่มีเธอ ฉันก็คงมีเพื่อนสนิทน้อยไปคนหนึ่งล่ะนะ”
“งั้นเหรอ งั้นครั้งนี้อย่าให้ฉันเห็นน้ำตาเธอหลังจากทัวน์จบก็แล้วกัน”
“เธอก็เหมือนกัน อย่าน้ำตาซึมต่อหน้าแฟนคลับล่ะ”
กระจกบานนี้ ได้สะท้อนภาพพวกเราทั้งสองตั้งแต่ยังเด็ก และเห็นพวกเราเติบโตขึ้นเรื่อยในทุกๆปี ยามสุข ยามทุกข์ ยามเศร้า ยามท้อ ยามหมดหวัง แน่นอน เวลาทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป แต่สิ่งเดียวที่จะยังคงไม่เปลี่ยน และคงอยู่ตลอดไป คือมิตรภาพของเราสองคน ที่จะยังคงสะท้อนผ่านกระจกบานนี้ต่อไปเรื่อยๆถึงแม้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ก็ตาม...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ