Thank For Your Smile...น้ำตา...ความฝัน...ความหวัง
-
เขียนโดย MightySoul
วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.50 น.
26 บท
0 วิจารณ์
29.43K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2557 11.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
25) บทที่ 24 ความสามารถเฉพาะตัว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 24
ความสามารถเฉพาะตัว
หลังจากที่รายการวิทยุจบลง เรื่องราวต่างๆในห้องของฉันก็ยังคงดำเนินต่อไป จนเวลาล่วงเลยไปกว่าชั่วโมง เข็มสั้นของนาฬิกาโบราณลวดลายวิจิตรงดงามได้เดินผ่านเลข 12 มาแล้วถึง 1 ชั่วโมง หรือจะกล่าวว่าตอนนี้ได้ก้าวเข้าสู่วันใหม่มาแล้วกว่าชั่วโมงก็คงจะไม่ผิดนัก
เด็กสาวทั้งสองแสดงอาการง่วงออกมาอย่างชัดเจน อากิหน้าตาดูงัวเงีย ตาทั้งสองหรี่ลงจนคล้ายจะปิดลงได้ทุกเมื่อ ส่วนพลอยก็มีท่าทางที่ไม่ต่างจากอากิสักเท่าไหร่นัก แต่เป็นเพราะนิสัยของพลอยที่เป็นคนขี้เกรงใจ ทำให้เธอไม่กล้าที่จะแสดงความง่วงออกมาแบบอากิ พลอยพยายามฝืนความง่วงไว้จนถึงที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท
“พลอย ป่านนี้ฟีลคงทำธุระเสร็จแล้วล่ะมั้ง”
พลอยสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่เงยหน้าให้เห็นถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความงัวเงียที่ไม่ว่าใครเห็นแล้วก็คงจะอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “งะ...งั้นหนูขอตัวก่อนดีกว่าค่ะ”
พลอยรีบลุกจากโซฟาเดินไปที่หน้าประตู ส่วนอากิบัดนี้ก็ได้เข้าสู่ห้วงนิทราเป็นที่เรียบร้อยจนฉันต้องสะกิดเบาๆเพื่อเรียกให้อากิกลับห้องของตัวเอง
“พะ...พลอย รอด้วย” อากิขยี้ตาสองสามครั้ง และรีบเดินตามพลอยไป
“ไว้พรุ่งนี้เจอกันนะ” ฉันโบกมือลาเด็กสาวทั้งสอง
“ค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ” พลอยกล่าวอย่างมีมารยาทด้วยรอยยิ้มที่น่ารักสดใส ผิดกับอากิที่กำลังหาวอย่างไม่สนใจโลก แต่ก็ไม่แน่ว่า...สิ่งนี้อาจจะเป็นสเน่ห์ของเด็กสาวที่ชื่อว่า...อากิก็เป็นได้
เสียงปิดประตูดังขึ้นต่อจากนั้น ความเงียบกลับมาปกคลุมสู่ห้องของฉันอีกครั้ง แสงจากหลอดไฟสีเหลืองนวลดูหมองลงเมื่อไม่มีเด็กสาวทั้งสองอยู่ในห้องอย่างน่าประหลาดใจ
“นอนเถอะริกะ พรุ่งนี้เราต้องซ้อมอีกเยอะ” ฮานะเดินไปปิดไฟจนห้องที่เคยสว่างกลับมืดลงในพริบตา เสียงของเครื่องปรับอากาศที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ยิน บัดนี้กลับดังจนเรียกได้ว่าน่ารำคาญ
ณ ที่นี้ เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา มันยังเต็มไปด้วยความสนุกสนาน แต่บัดนี้กลับไร้ซึ่งวี่แววของสิ่งเหล่านั้น ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ความมืดอันเนื่องมาจากการขาดแสงสว่างกลับทำให้ฉันรู้สึกเหงาเสียเหลือเกิน
ปกติแล้วฉันกับฮานะก็อยู่ด้วยกันแค่สองคนมาโดยตลอด...แต่เมื่อพลอยและอากิเข้ามาในชีวิต ฉันกลับรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ขาดออกไป แค่ฉันและฮานะยังไม่ใช่ส่วนประกอบที่สมบูรณ์...พลอยและอากิ เป็นจิ๊กซอร์ส่วนที่เหลือที่จะทำให้ภาพของชีวิตมีชีวิตชีวา ไม่รู้สิ แต่ฉันรุ้สึกจริงว่าๆ DualAngle ไม่ใช่วงที่จะมีแค่สองคนแล้วจะสมบูรณ์แบบอีกต่อไปแล้ว...
ฉันหลับตาลงคิดถึงสิ่งเหล่านั้นวนไปเวียนมาในหัว ยิ่งคิดเท่าไหร่มันก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเท่านั้น...จนไม่อาจที่จะเก็บไว้คนเดียวได้อีกต่อไป
“ฮานะ...”
ฮานะขยับตัวเล็กน้อย
“ฮานะ...”
เธอยังคงนอนนิ่งราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันพูด
เมื่อเห็นว่าไม่ควรจะไปรบกวน ฉันจึงพยายามข่มตาหลับโดยที่พยายามไม่คิดเรื่องอากิและพลอย
“ว่าไง ริกะ?” แต่แล้วอยู่ดีๆ ฮานะที่ฉันคิดว่าได้หลับไปแล้ว กลับพูดทักขึ้นมา
“ยังไม่หลับเหรอ”
“อืม คิดเรื่องอะไรอยู่นิดหน่อยน่ะ โทษทีนะที่เมื่อกี้เหม่อไปหน่อย” ฮานะลืมตาขึ้นมา เผยให้เห็นถึงตาดำคมกริบ สวยจับใจจนใครเห็นก็ไม่อาจที่จะลืมลง
“เธอ...กำลังคิดเรื่องอากิและพลอยอยู่สินะ” ฮานะตื่นตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดที่ฉันพูดออกมา
“เธอก็เหมือนกันเหรอ ริกะ”
ฉันพยักหน้าแทนคำตอบ
เราสองคนยิ้มให้กันและกัน ก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างไม่ได้นัดหมาย “เธอนี่สมกับเป็นคู่หูของฉันจริงๆ” ฮานะทำเสียงเข้ม
“เช่นกัน เพื่อนรัก”
“ตึงๆๆๆ” แต่ยังไม่ทันที่ฉันและฮานะจะพูดอะไรมากกว่านั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะการสนทนาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงแผนแตกเรื่องที่ฉันคือนาโอะ ฉันจึงต้องใช้บริการฮานะให้ไปเปิดประตูเหมือนเคย
ทันทีที่เพื่อนสาวเห็นว่าใครเป็นคนเคาะประตู เธอก็ไม่รีรอที่จะเปิดประตูออกไปคุย
“ว่าไง พลอย มีอะไรเหรอ” ฉันลุกขึ้นจากเตียง ก่อนที่จะเดินไปที่หน้าประตู
สีหน้าของพลอยกำลังตื่นตกใจ โดยที่ในมือกำกระดาษแผ่นหนึ่งเอาไว้แน่น น้ำตาที่สวยงามดั่งแก้วเจียระไรค่อยๆไหลผ่านใบหน้าที่ขาวราวหิมะนั้น
“พะ...พี่ฟีล หายไปแล้ว...”
“ฟีลหายไป?”
พลอยพยักหน้า ก่อนที่จะยื่นกระดาษในมือมาให้ฉัน
ฉันรีบคลี่กระดาษแผ่นนั้นออกนั้นออกมาอ่านเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
“ริกะ ในกระดาษเขียนว่าอะไร” ฮานะรบเร้า จนมือของฉันสั่นเทา
“ใจเย็นๆสิยัยบ้าฮานะ เธอรบเร้าแบบนี้ฉันไม่มีสมาธิหรอก” เมื่อได้ยินดังนั้น ฮานะจึงยิ้มแห้งๆ แล้วเดินไปอยู่ข้างๆพลอย
“พลอย พี่ขอตัวไปทำธุระนิดนึงนะ เดี๋ยวเช้าๆจะกลับมา...ฟีล” ฉันอ่านสิ่งที่ถูกเขียนไว้บนกระดาษเสียงดังฟังชัดราวกับกำลังกล่าวสุนทรพจน์
“พี่ฟีล...” พลอยสะอึกสะอื้นจนฉันประหลาดใจ
“พลอย ฟีลเขาแค่ออกไปทำธุระเอง ไม่ต้องกังวลขนาดนั้นก็ได้มั้ง”
พลอยหันหน้าขึ้นมามองฉัน คราบน้ำตาของเธอสร้างแรงสั่นสะเทือนขึ้นในใจ “ริกะซังแน่ใจเหรอคะ...พี่ก็น่าจะรู้นี่นาว่าฟีลเป็นคนยังไง...”
ฉันสะอึกกับคำพูดของพลอย เรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับฟีลไหลเข้ามาในหัวราวกับวีดีโอที่ถูกกรอกลับไปมา
“งานเข้าแน่ๆ เกิดเรื่องแน่ๆ ถ้าปล่อยให้ฟีลอยู่คนเดียว” ฮานะพูดสิ่งที่ฉันคิดในใจออกมา
ตอนนี้ฉันรุ้แล้วว่าทำไมพลอยต้องกังวลถึงขนาดนี้ ถึงแม้อาจจะดูคิดมากไปเอง แต่สำหรับฟีลแล้ว...มันเป็นความรู้สึกแปลกๆที่บอกให้รู้ว่า ต้องมีเรื่องเกิดขึ้นแน่ๆ
“พลอย ฉันขอเข้าไปในห้องเธอหน่อยนะ” ฉันไม่โอ้เอ้ฟังคำตอบ ทั้งตัวพุ่งไปเปิดห้องข้างๆที่ไม่ถูกลงกลอนเอาไว้
สภาพห้องของฟีลไม่ต่างจากห้องของฉันมากนัก ที่ต่างก็คงจะเป็นแค่โต๊ะที่เต็มไปด้วยกระดาษรกรุงรัง และที่นอนที่ยังคงไม่มีร่องรอยการถูกใช้งาน
ฉันค่อยๆเดินเข้าไปอย่างมีมารยาท โดยมีฮานะและพลอยตามหลังมาติดๆ
แอร์ยังคงเย็นฉ่ำแสดงให้เห็นถึงว่าฟีลเพิ่งออกไปจากห้องได้ไม่นาน สายตาของฉันสาดส่องไปทั่วห้อง แต่ก็ไม่เห็นสิ่งใดที่ผิดปกติ และพอจะเป็นเบาะแสได้ ที่เดียวที่พอจะมีความหวังก็คงจะเป็นกระดาษสองสามแผ่นที่ถูกวางไว้บนโต๊ะคู่กับปากกาสีสดใส
ฉันหันหน้าไปมองพลอยเป็นเชิงขออนุญาต ก่อนที่จะเดินเข้าไปหยิบกระดาษบนโต๊ะขึ้นมาดู
แผ่นแรกเป็นแผ่นเนื้อเพลงที่ยังแต่งไม่เสร็จ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฟีลจะมีความสามารถในการแต่งเพลง เนื้อเพลงที่เขาแต่งดูอบอุ่น จนฉันอดไม่ได้ที่อยากจะให้เพลงเพลงนี้เสร็จสมบูรณ์โดยเร็ว
กระดาษแผ่นแรกถูกวางลง ขณะที่สายตาสาดส่องไปที่กระดาษแผ่นที่สองข้างๆ ก่อนที่จะข้ามไปที่กระดาษแผ่นที่สามทันที เพราะกระดาษแผ่นที่สองเป็นแค่กระดาษเปล่า
กระดาษแผ่นที่สามถูกหยิบขึ้นมาอ่านอย่างใจจดใจจ่อ เพราะขนาดของตัวอักษรที่เล็กจนต้องเพ่งสายตาเพื่อที่จะอ่าน ตอนแรกที่ฉันเห็นกระดาษแผ่นนี้ฉันคิดจริงๆว่ามันต้องเป็นอะไรที่บอกได้ว่าฟีลออกไปไหน ...แต่ฉันคิดผิดอย่างมหันต์ มันไม่ได้เขียนหรือกล่าวถึงสถานที่ที่ฟีลจะไปเอาไว้เลย
ฉันรีบพับกระดาษแผ่นนั้นลงกระเป๋ากางเกงขาสั้นตัวโปรด ใบหน้าที่เคยปกติบัดนี้กลับแดงก่ำ จนฮานะสงสัย
“มีอะไรเหรอ ริกะ กระดาษแผ่นนั้น” ฮานะทำท่าจะเดินเข้ามาขอดู
“มะ...ไม่มีอะไรหรอก ฮานะ แต่กระดาษวาดเล่นน่ะ” ฉันพูดกลบเกลื่อนทั้งๆที่รู้ว่าฮานะคงจะต้องไม่เชื่อฉันแน่ แต่คงเป็นเพราะสถานการณ์ที่รีบเร่ง ทำให้ฮานะต้องยอมปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน
“งั้นเราลองไปออกตามหากันเถอะค่ะ” พลอยรู้สึกเป็นห่วงผู้เป็นพี่ชายจนรีบวิ่งออกไปตามหาอย่างไร้จุดหมาย แน่นอนทั้งฉันและฮานะต่างก็วิ่งตามไปติดๆ แต่ถ้าใครสังเกตดีๆล่ะก็...คงจะเห็นรอยยิ้มของฉันขณะที่ในมือกำกระดาษแผ่นนั้นเอาไว้แน่น
ความสามารถเฉพาะตัว
หลังจากที่รายการวิทยุจบลง เรื่องราวต่างๆในห้องของฉันก็ยังคงดำเนินต่อไป จนเวลาล่วงเลยไปกว่าชั่วโมง เข็มสั้นของนาฬิกาโบราณลวดลายวิจิตรงดงามได้เดินผ่านเลข 12 มาแล้วถึง 1 ชั่วโมง หรือจะกล่าวว่าตอนนี้ได้ก้าวเข้าสู่วันใหม่มาแล้วกว่าชั่วโมงก็คงจะไม่ผิดนัก
เด็กสาวทั้งสองแสดงอาการง่วงออกมาอย่างชัดเจน อากิหน้าตาดูงัวเงีย ตาทั้งสองหรี่ลงจนคล้ายจะปิดลงได้ทุกเมื่อ ส่วนพลอยก็มีท่าทางที่ไม่ต่างจากอากิสักเท่าไหร่นัก แต่เป็นเพราะนิสัยของพลอยที่เป็นคนขี้เกรงใจ ทำให้เธอไม่กล้าที่จะแสดงความง่วงออกมาแบบอากิ พลอยพยายามฝืนความง่วงไว้จนถึงที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท
“พลอย ป่านนี้ฟีลคงทำธุระเสร็จแล้วล่ะมั้ง”
พลอยสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่เงยหน้าให้เห็นถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความงัวเงียที่ไม่ว่าใครเห็นแล้วก็คงจะอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “งะ...งั้นหนูขอตัวก่อนดีกว่าค่ะ”
พลอยรีบลุกจากโซฟาเดินไปที่หน้าประตู ส่วนอากิบัดนี้ก็ได้เข้าสู่ห้วงนิทราเป็นที่เรียบร้อยจนฉันต้องสะกิดเบาๆเพื่อเรียกให้อากิกลับห้องของตัวเอง
“พะ...พลอย รอด้วย” อากิขยี้ตาสองสามครั้ง และรีบเดินตามพลอยไป
“ไว้พรุ่งนี้เจอกันนะ” ฉันโบกมือลาเด็กสาวทั้งสอง
“ค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ” พลอยกล่าวอย่างมีมารยาทด้วยรอยยิ้มที่น่ารักสดใส ผิดกับอากิที่กำลังหาวอย่างไม่สนใจโลก แต่ก็ไม่แน่ว่า...สิ่งนี้อาจจะเป็นสเน่ห์ของเด็กสาวที่ชื่อว่า...อากิก็เป็นได้
เสียงปิดประตูดังขึ้นต่อจากนั้น ความเงียบกลับมาปกคลุมสู่ห้องของฉันอีกครั้ง แสงจากหลอดไฟสีเหลืองนวลดูหมองลงเมื่อไม่มีเด็กสาวทั้งสองอยู่ในห้องอย่างน่าประหลาดใจ
“นอนเถอะริกะ พรุ่งนี้เราต้องซ้อมอีกเยอะ” ฮานะเดินไปปิดไฟจนห้องที่เคยสว่างกลับมืดลงในพริบตา เสียงของเครื่องปรับอากาศที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ยิน บัดนี้กลับดังจนเรียกได้ว่าน่ารำคาญ
ณ ที่นี้ เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา มันยังเต็มไปด้วยความสนุกสนาน แต่บัดนี้กลับไร้ซึ่งวี่แววของสิ่งเหล่านั้น ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ความมืดอันเนื่องมาจากการขาดแสงสว่างกลับทำให้ฉันรู้สึกเหงาเสียเหลือเกิน
ปกติแล้วฉันกับฮานะก็อยู่ด้วยกันแค่สองคนมาโดยตลอด...แต่เมื่อพลอยและอากิเข้ามาในชีวิต ฉันกลับรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ขาดออกไป แค่ฉันและฮานะยังไม่ใช่ส่วนประกอบที่สมบูรณ์...พลอยและอากิ เป็นจิ๊กซอร์ส่วนที่เหลือที่จะทำให้ภาพของชีวิตมีชีวิตชีวา ไม่รู้สิ แต่ฉันรุ้สึกจริงว่าๆ DualAngle ไม่ใช่วงที่จะมีแค่สองคนแล้วจะสมบูรณ์แบบอีกต่อไปแล้ว...
ฉันหลับตาลงคิดถึงสิ่งเหล่านั้นวนไปเวียนมาในหัว ยิ่งคิดเท่าไหร่มันก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเท่านั้น...จนไม่อาจที่จะเก็บไว้คนเดียวได้อีกต่อไป
“ฮานะ...”
ฮานะขยับตัวเล็กน้อย
“ฮานะ...”
เธอยังคงนอนนิ่งราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันพูด
เมื่อเห็นว่าไม่ควรจะไปรบกวน ฉันจึงพยายามข่มตาหลับโดยที่พยายามไม่คิดเรื่องอากิและพลอย
“ว่าไง ริกะ?” แต่แล้วอยู่ดีๆ ฮานะที่ฉันคิดว่าได้หลับไปแล้ว กลับพูดทักขึ้นมา
“ยังไม่หลับเหรอ”
“อืม คิดเรื่องอะไรอยู่นิดหน่อยน่ะ โทษทีนะที่เมื่อกี้เหม่อไปหน่อย” ฮานะลืมตาขึ้นมา เผยให้เห็นถึงตาดำคมกริบ สวยจับใจจนใครเห็นก็ไม่อาจที่จะลืมลง
“เธอ...กำลังคิดเรื่องอากิและพลอยอยู่สินะ” ฮานะตื่นตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดที่ฉันพูดออกมา
“เธอก็เหมือนกันเหรอ ริกะ”
ฉันพยักหน้าแทนคำตอบ
เราสองคนยิ้มให้กันและกัน ก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างไม่ได้นัดหมาย “เธอนี่สมกับเป็นคู่หูของฉันจริงๆ” ฮานะทำเสียงเข้ม
“เช่นกัน เพื่อนรัก”
“ตึงๆๆๆ” แต่ยังไม่ทันที่ฉันและฮานะจะพูดอะไรมากกว่านั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะการสนทนาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงแผนแตกเรื่องที่ฉันคือนาโอะ ฉันจึงต้องใช้บริการฮานะให้ไปเปิดประตูเหมือนเคย
ทันทีที่เพื่อนสาวเห็นว่าใครเป็นคนเคาะประตู เธอก็ไม่รีรอที่จะเปิดประตูออกไปคุย
“ว่าไง พลอย มีอะไรเหรอ” ฉันลุกขึ้นจากเตียง ก่อนที่จะเดินไปที่หน้าประตู
สีหน้าของพลอยกำลังตื่นตกใจ โดยที่ในมือกำกระดาษแผ่นหนึ่งเอาไว้แน่น น้ำตาที่สวยงามดั่งแก้วเจียระไรค่อยๆไหลผ่านใบหน้าที่ขาวราวหิมะนั้น
“พะ...พี่ฟีล หายไปแล้ว...”
“ฟีลหายไป?”
พลอยพยักหน้า ก่อนที่จะยื่นกระดาษในมือมาให้ฉัน
ฉันรีบคลี่กระดาษแผ่นนั้นออกนั้นออกมาอ่านเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
“ริกะ ในกระดาษเขียนว่าอะไร” ฮานะรบเร้า จนมือของฉันสั่นเทา
“ใจเย็นๆสิยัยบ้าฮานะ เธอรบเร้าแบบนี้ฉันไม่มีสมาธิหรอก” เมื่อได้ยินดังนั้น ฮานะจึงยิ้มแห้งๆ แล้วเดินไปอยู่ข้างๆพลอย
“พลอย พี่ขอตัวไปทำธุระนิดนึงนะ เดี๋ยวเช้าๆจะกลับมา...ฟีล” ฉันอ่านสิ่งที่ถูกเขียนไว้บนกระดาษเสียงดังฟังชัดราวกับกำลังกล่าวสุนทรพจน์
“พี่ฟีล...” พลอยสะอึกสะอื้นจนฉันประหลาดใจ
“พลอย ฟีลเขาแค่ออกไปทำธุระเอง ไม่ต้องกังวลขนาดนั้นก็ได้มั้ง”
พลอยหันหน้าขึ้นมามองฉัน คราบน้ำตาของเธอสร้างแรงสั่นสะเทือนขึ้นในใจ “ริกะซังแน่ใจเหรอคะ...พี่ก็น่าจะรู้นี่นาว่าฟีลเป็นคนยังไง...”
ฉันสะอึกกับคำพูดของพลอย เรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับฟีลไหลเข้ามาในหัวราวกับวีดีโอที่ถูกกรอกลับไปมา
“งานเข้าแน่ๆ เกิดเรื่องแน่ๆ ถ้าปล่อยให้ฟีลอยู่คนเดียว” ฮานะพูดสิ่งที่ฉันคิดในใจออกมา
ตอนนี้ฉันรุ้แล้วว่าทำไมพลอยต้องกังวลถึงขนาดนี้ ถึงแม้อาจจะดูคิดมากไปเอง แต่สำหรับฟีลแล้ว...มันเป็นความรู้สึกแปลกๆที่บอกให้รู้ว่า ต้องมีเรื่องเกิดขึ้นแน่ๆ
“พลอย ฉันขอเข้าไปในห้องเธอหน่อยนะ” ฉันไม่โอ้เอ้ฟังคำตอบ ทั้งตัวพุ่งไปเปิดห้องข้างๆที่ไม่ถูกลงกลอนเอาไว้
สภาพห้องของฟีลไม่ต่างจากห้องของฉันมากนัก ที่ต่างก็คงจะเป็นแค่โต๊ะที่เต็มไปด้วยกระดาษรกรุงรัง และที่นอนที่ยังคงไม่มีร่องรอยการถูกใช้งาน
ฉันค่อยๆเดินเข้าไปอย่างมีมารยาท โดยมีฮานะและพลอยตามหลังมาติดๆ
แอร์ยังคงเย็นฉ่ำแสดงให้เห็นถึงว่าฟีลเพิ่งออกไปจากห้องได้ไม่นาน สายตาของฉันสาดส่องไปทั่วห้อง แต่ก็ไม่เห็นสิ่งใดที่ผิดปกติ และพอจะเป็นเบาะแสได้ ที่เดียวที่พอจะมีความหวังก็คงจะเป็นกระดาษสองสามแผ่นที่ถูกวางไว้บนโต๊ะคู่กับปากกาสีสดใส
ฉันหันหน้าไปมองพลอยเป็นเชิงขออนุญาต ก่อนที่จะเดินเข้าไปหยิบกระดาษบนโต๊ะขึ้นมาดู
แผ่นแรกเป็นแผ่นเนื้อเพลงที่ยังแต่งไม่เสร็จ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฟีลจะมีความสามารถในการแต่งเพลง เนื้อเพลงที่เขาแต่งดูอบอุ่น จนฉันอดไม่ได้ที่อยากจะให้เพลงเพลงนี้เสร็จสมบูรณ์โดยเร็ว
กระดาษแผ่นแรกถูกวางลง ขณะที่สายตาสาดส่องไปที่กระดาษแผ่นที่สองข้างๆ ก่อนที่จะข้ามไปที่กระดาษแผ่นที่สามทันที เพราะกระดาษแผ่นที่สองเป็นแค่กระดาษเปล่า
กระดาษแผ่นที่สามถูกหยิบขึ้นมาอ่านอย่างใจจดใจจ่อ เพราะขนาดของตัวอักษรที่เล็กจนต้องเพ่งสายตาเพื่อที่จะอ่าน ตอนแรกที่ฉันเห็นกระดาษแผ่นนี้ฉันคิดจริงๆว่ามันต้องเป็นอะไรที่บอกได้ว่าฟีลออกไปไหน ...แต่ฉันคิดผิดอย่างมหันต์ มันไม่ได้เขียนหรือกล่าวถึงสถานที่ที่ฟีลจะไปเอาไว้เลย
ฉันรีบพับกระดาษแผ่นนั้นลงกระเป๋ากางเกงขาสั้นตัวโปรด ใบหน้าที่เคยปกติบัดนี้กลับแดงก่ำ จนฮานะสงสัย
“มีอะไรเหรอ ริกะ กระดาษแผ่นนั้น” ฮานะทำท่าจะเดินเข้ามาขอดู
“มะ...ไม่มีอะไรหรอก ฮานะ แต่กระดาษวาดเล่นน่ะ” ฉันพูดกลบเกลื่อนทั้งๆที่รู้ว่าฮานะคงจะต้องไม่เชื่อฉันแน่ แต่คงเป็นเพราะสถานการณ์ที่รีบเร่ง ทำให้ฮานะต้องยอมปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน
“งั้นเราลองไปออกตามหากันเถอะค่ะ” พลอยรู้สึกเป็นห่วงผู้เป็นพี่ชายจนรีบวิ่งออกไปตามหาอย่างไร้จุดหมาย แน่นอนทั้งฉันและฮานะต่างก็วิ่งตามไปติดๆ แต่ถ้าใครสังเกตดีๆล่ะก็...คงจะเห็นรอยยิ้มของฉันขณะที่ในมือกำกระดาษแผ่นนั้นเอาไว้แน่น
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ