Thank For Your Smile...น้ำตา...ความฝัน...ความหวัง
เขียนโดย MightySoul
วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.50 น.
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2557 11.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
22) บทที่ 21 ค่ำคืนอันเปล่าเปลี่ยว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 21
ค่ำคืนอันเปล่าเปลี่ยว
สายตาของผมจ้องมองไปยังทุ่งหญ้าเขียวขจีไกลสุดลูกหูลูกตาที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางเมืองใหญ่ด้วยเนื้อที่กว่า 5 ไร่ ทำให้สถานที่แห่งนี้เหมาะจะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจมากกว่าจะเป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตเสียอีก
แต่ถึงแม้ทัศนียภาพจะสวยสักเพียงไร สีสันเหล่านั้นก็ไม่อาจมีส่วนรวมในความคิดของผมตอนนี้ได้เลย สายลมอ่อนๆพัดพาความหนาวมากระทบร่าง ยิ่งทำให้ความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างพุ่งขึ้นเป็นทวีคูณ
ตัวผมตอนนี้คล้ายคนเสียสติ ที่กำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ภายใต้เงาของต้นไม้ใหญ่ที่พอจะบังแสงแดดยามเย็นของวันในฤดูหนาวได้ในระดับหนึ่ง
ภาพความทรงจำในวันนี้ค่อยๆย้อนกลับมาเรื่อยๆราวกับเครื่องเล่นวีดีโอ ภาพของใครบางคนวนไปวนมาอยู่ในห้วงคิดที่แม้จะพยายามสักเพียงใด ก็ไม่สามารถลบล้างมันออกไปได้
“ริกะซัง” คำอุทานเบาๆจางหายไปกับสายลมที่พัดแรงขึ้นเรื่อยๆ ท้องฟ้าที่เคยสว่างตอนนี้กลับค่อยๆมืดลง ราวกับเป็นภาพสะท้อนจิตใจของผมในตอนนี้ที่กำลังจมดิ่งลงสู่ความมืดมิดเช่นเดียวกัน
แต่ในขณะที่ทุกอย่างกำลังจะมอดดับไป ก็กลับมีใครบางคนมาเติมเชื้อไฟเข้าไปใหม่ ช่วยยื้อสติที่มีอยู่ไม่ให้หายไป
“พี่ฟีล เป็นอะไรไปล่ะ เห็นนั่งอยู่ตรงนี้ตั้งนานสองนานแล้ว” พลอยนั่งพับเพียบลงอย่างเรียบร้อย ตามสไตล์สาวเงียบ
“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่รู้สึกเหนื่อยๆ”
“จะโกหกก็ให้มันเนียนกว่านี้หน่อยเถอะค่ะ”
“อะไรกัน น้องคนนี้ไม่ยอมเชื่อพี่อีกและ” การมาของพลอยช่วยฉุดรั้งผมไม่ให้เข้าไปในห้วงความคิดอันมืดมนไว้ได้อย่างทันท่วงที
“ท้อสินะ ความฝันน่ะ” ผมรู้สึกได้ถึงสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความอิจฉาริษยาจากผู้ชายรอบตัวที่กำลังจ้องมองมา คงเป็นเพราะความสวยระดับไม่บันยะบันยังของพลอยที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
“อืม มองยังไงก็ไม่เห็นหนทางเลยนี่นา นักดนตรีท่ามกลางประเทศที่เราไม่รู้จักอย่างนี้น่ะ” ถึงแม้จะไม่ทั้งหมด แต่ผมก็ตัดสินใจบอกความจริงออกไป ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ส่วนเดียวก็ตาม
“ถ้างั้น” พลอยส่งสายตาเฉียบคม “ก็ไม่เกรงใจล่ะนะคะ”
ยังไม่ทันที่จะตั้งตัว เด็กสาวร่างบางผู้เป็นเจ้าของหน้าตาสวยพริ้ง ก็ออกหมัดเต็มแรงเข้าปะทะกับใบหน้าของผมเข้าอย่างจัง ความรุนแรงของหมัดทำให้ศีรษะพุ่งเข้ากระแทกต้นไม้เบื้องหลังเข้าอย่างจัง
“ยัยพลอย ทำบ้าอะไรเนี้ย!!!” แผลเก่าที่เกิดจากการโดนอัดเละเมื่อช่วงเช้ากำเริบความเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง
“ทำตามสัญญาไง”
“สัญญา?” พลอยไม่รีรอช้า รีบพุ่งหมัดเข้าที่ท้องน้อย ความรุนแรงของหมัดที่มากเกินกว่าจะมาจากผู้หญิงร่างเล็กตรงหน้าทำให้ตัวผมงอเป็นกุ้งด้วยความเจ็บปวด
เหล่าผู้ชายที่แอบมองพลอยอยู่ห่างๆ ก็ต่างตกใจกับเหตุการณ์นี้เช่นเดียวกัน
“ยัยพลอย...” ผมแทบไม่อาจพูดออกมาเป็นประโยคได้เพราะความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย
“พอใจหรือยังค่ะ หรือจะเอาอีกสักหมัด ถึงจะกลับมา” พลอยไม่ได้ดีแต่พูด เพราะเธอคิดจะทำจริงๆ หมัดขวาถูกยกขึ้นมาหมายที่จะทะยานเข้าสู่เป้าหมาย
“พะ...พอใจอะไรยัยพลอย อธิบายมาหน่อยสิ”
“พี่จำไม่ได้เหรอค่ะ?” พลอยเอียงคอทำท่าทางน่ารัก ขัดกับแรงหมัดของคุณเธอซะเหลือเกิน
“จำได้อะไร?” ผมพยายามอดกลั้นความเจ็บปวด เพื่อเร่งสมาธิขึ้นไปแล่นสมอง เหตุการณ์ต่างๆครั้นอยู่กับพลอยมาตลอดหลายปี ถูกไล่เรียงขึ้นมาราวกับหนังสือที่ถูกกรีดหน้าอย่างไม่ใส่ใจเนื้อหาภายใน
และแล้วก็ดูเหมือนว่าหน้านั้น จะมีอยู่ในหนังสือความทรงจำจริงๆ “ยัยบ้า เอาจริงเหรอเนี้ย”
“ก็พี่บอกหนูเองนี่นา ว่ายามใดที่พี่ท้อ ก็ขอให้ช่วยต่อยให้ตายไปข้างหนึ่ง”
“พูดเล่น!!! เข้าใจมั้ยว่าพูดเล่น!!!” ผมหัวเราะออกมา ถึงแม้จะเจ็บกับแรงหมัดที่เหนือคนของผู้เป็นน้องสาว แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะได้ใช้ได้ผลชะงัด ผมหลุดออกจากห้วงความคิดที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ท้อแท้ ได้ด้วยสายตามุ่งมั่นของพลอยที่ถ่ายทอดเข้ามาจนผมรู้สึกได้
“กลับมาแล้วใช่มั้ยค่ะ พี่ฟีล”
“แน่นอนสิ ใครจะไปทนเหงาหงอย ไม่พูดไม่จาล่ะ น่าเบื่อจะตายชัก แถมพรุ่งนี้ต้องมีเรื่องสนุกๆรออยู่อีกเพียบแน่ๆ” ผมพูดพร้อมลูบท้องน้อยและโหนกแก้มที่เริ่มปรากฏความเขียวจากอาการฟกช้ำ
พลอยยิ้มให้กับคำพูดของผม ก่อนที่คุณเธอจะทำอะไรที่ผมไม่คาดคิด
“ยัยบ้าพลอย!!!” พลอยกระโดดเข้ากอดผม เธอรัดแน่นเสียจนแม้การหายใจก็กลายเป็นเรื่องลำบากไป แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คงจะเป็นรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากร่างชายหนุ่มรอบข้างนับ 10 คน ที่ทำเอาผมขนลุกชันไปทั่วทั้งตัว
ผมพยายามพูดเกลี่ยกล่อมพลอยให้ถอยออกห่างไป เพราะกลัวจะถูกรุมกระทืบ แต่ดูเหมือนคุณหนูพลอยจะไม่ใส่ใจเหตุผลร้อยแปดพันเก้าที่ผมยกออกมาเลย ผมจึงต้องทำใจก้มหน้ารับชะตากรรมต่อไป โดยมีคติประจำใจที่ว่า อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
เวลาผ่านไปเกือบนาที ในที่สุดพลอยก็ยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระ แต่เธอก็ยังไม่วายที่จะจ้องมองผมใกล้ๆ จนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชมออกมา “น้องสาวคนนี้นี่...สวยจริงๆ”
พลอยหน้าแดงก่ำหลังจากได้รับคำชมจากผู้เป็นพี่ชาย “พี่บ้า!!!”
ด้วยความเขินอายหรืออะไรสักอย่าง พลอยผลักผมให้ล้มลงไปกองกับพื้นหญ้า ก่อนที่จะรีบวิ่งออกไป โดยที่ไม่ลืมบอกว่าอีก 20 นาที รถจะออกจากสถานที่แห่งนี้แล้ว ให้รีบมาขึ้นรถด้วย
ผมอดหัวเราะไม่ได้กับท่าทีของผู้เป็นน้องสาว แต่แล้วเสียงหัวเราะนั้นก็ต้องหยุดลงเมื่อมีกลุ่มชายฉกรรจ์กว่า 6 คน เดินรุมเข้ามาที่ผม โดยที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขามีธุระอะไร
“ไม่ทราบว่าคุณกับผู้หญิงคนเมื่อกี้ เป็นอะไรกันเหรอครับ” ในใจได้แต่แอบด่าพลอย โทษฐานที่ชอบสร้างภาระให้แก้อยู่เรื่อย
ผมใช้เวลากว่า 5 นาที ก่อนที่กลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านั้นจะเข้าใจและถอยร่นออกไป เสียงถอดหายใจด้วยความโล่งอกดังขึ้นทันทีหลังจากที่รอดพ้นวิกฤตการณ์เสี่ยงโดนรุมกระทืบมาได้
ทันทีที่นาฬิกาข้อมือตีบอกเวลาทุ่มตรง ผมก็รีบเดินไปหารถตู้ที่จอดอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลมากนักตามคำสั่งขององค์หญิงพลอย
ผมก้าวขึ้นรถตู้คนเดิมด้วยอาการประหม่าเพราะกลัวจะเจอกับ ริกะ เข้า ซึ่งมีโอกาสสูงมากที่ริกะจะกลับรถคันเดียวกับฮานะ
แต่เมื่อเห็นว่าในรถไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปนอกจากอากิและพลอยที่เสริมเข้ามา กับยูกิที่ย้ายรถไปนั่งคันเดียวกับเพื่อนในวง ก็ทำให้ผมโล่งใจ ทั้งๆที่ในใจลึกๆกลับรู้สึกเสียดายอยู่เหมือนกัน
ที่ว่างยังคงเหลืออยู่ที่เดียวเหมือนเดิม คือเบาะข้างๆฮานะ ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นการจัดที่นั่งที่นาโอะเป็นคนจัดให้
“พลอย ระวังตัวดีๆล่ะ” ผมพูดเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งข้างน้องสาวของตัวเองไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นยัยพี่สาวบ้าที่ถึงแม้จะใส่แว่นตากันแดด ก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่กำลังสนุกกับการได้แกล้งผม
“โย่ ฟีล” ฮานะทักทายอย่างเป็นกันเอง
“เหนื่อยมั้ยครับวันนี้”
“ก็นิดหน่อนแหละน่า แต่วันนี้ฉันกับริกะจังหวะเข้ากันได้ดีสุดเลยแหละ” ฮานะพูดพลางนึกอย่างสนุกสนาน
ถึงแม้จะไม่เกี่ยวกับผม แต่เรื่องนี้กับทำให้ผมรู้สึกดียิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งเสียอีก
“ส่วนริกะไม่ต้องห่วงไปหรอก เธอมีธุระด่วนก็เลยขอตัวไปทำธุระให้เสร็จ” ฮานะตอบคล้ายรู้ว่าผมกำลังจะถาม
ทันทีที่ล้อหมุน ฮานะก็เข้าสู่ห้วงภวังค์ภายใต้หูฟังสีสันสดใสของเธอ ส่วนพลอยและนาโอะก็แอบกระซิบคุยกับพร้อมหัวเราะออกมาเป็นพักๆ แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเธอกำลังนินทาผมอยู่ แต่น่าแปลกตรงที่ทำไมพลอยกับนาโอะถึงสนิทกันถึงขนาดนั้น ซึ่งนี้เป็นคำถามที่ผมยังไม่ได้คำตอบ
รถใช้เวลาไม่นานก็มาถึงสถานที่เป้าหมาย ทันทีที่ผมลงจากรถก็ต้องตกตะลึงกับความใหญ่โตโออ่าของโรงแรมระดับ 5 ดาวที่ถูกตกแต่งสไตล์ยุโรป
“โรงแรมฟูยุมิจิ โรงแรมที่ขึ้นชื่อเรื่องความหรูหราติดอันดับ 1 ใน 5 ของญี่ปุ่น ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1990 และได้มีการปรับปรุงซ่อมแซมใหม่เมื่อปีที่แล้ว” พลอยที่พึ่งลงมาจากรถ อ่านข้อมูลที่ถูกจดอยู่ในสมุดโน้ตเล่มเล็กๆ
ผมยอมรับเลยว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยได้มีโอกาสเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่หรูหราขนาดนี้มาก่อน แค่มองภายนอกก็รู้สึกได้ถึงความต่างชั้นระหว่างฐานะเสียเหลือเกิน
“ฟีล มีห้องว่างเหลืออยู่ห้องนึง นายนอนกับพลอยก็แล้วกัน ส่วนอากิจะนอนกับฉันเอง” นาโอะเดินออกมาหลังจากไปสอบถามจำนวนห้อง
ผมรู้สึกเกรงใจเสียเหลือเกินกับกุญแจห้องที่อยู่ๆก็ลอยเข้ามาในมือ ถึงไม่ต้องเดา ก็รู้แน่ๆว่าราคาค่าห้องคงไม่ต่ำกว่า 50000 เยนแน่ๆ
ฮานะดูเหมือนจะอ่านความคิดผมออก “ไม่ต้องเกรงใจไปหรอก นายมาช่วยทำงาน ก็เหมือนพนักงานนั้นแหละ ค่าห้องก็ถือว่าเป็นเงินค่าจ้างของนายก็แล้วกัน”
ผมมองไปยังพลอยที่ยืนอยู่ข้างๆเพื่อขอความคิดเห็น
“ว่าไงพลอย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ฟีล เราก็แค่ช่วยงานเขาให้คุ้มค่าก็พอ” พลอยส่งสัญญาณไปให้นาโอะ คล้ายพยายามบอกว่า ได้พูดตามที่วางแผนไว้แล้ว คล้ายรู้ว่าฟีลจะต้องเกรงใจ และไม่อยากรับกุญแจห้องเอาไว้แน่
ถึงแม้จะไม่อยาก แต่ในเมื่อพลอยพูดอย่างงั้น ผมก็ต้องจำใจรับกุญแจห้องไว้อย่างช่วยไม่ได้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ