Vampire Bangkok แวมไพร์ แบงค็อก
8.3
เขียนโดย justin
วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13.33 น.
23 ตอน
1 วิจารณ์
29.16K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556 13.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
23) ฆาตกรต่อเนื่อง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในค่ำคืนอันมืดมิด ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีคำ ไร้เงาแสงจันทร์และดวงดาว บ้านหลังเล็กหลังหนึงถูกปลูกสร้างไว้ท่ามกลางความโดดเดี่ยว
ร่างของชายหนุ่มถูกเหวี่ยงกระเด็นออกนอกประตูห้องนอน เขาตกใจกลัวสุดขีด ลุกขึ้นวิ่งหน้าตาตื่นหลบเข้าไปในอีกห้องหนึง เสียงคำรามยังก้องอยู่ในโสตประสาทหูของเขา มันกัดและกินเลือดของพี่สาวของเขา ความตระหนกทำให้เขาพาร่างเข้าไปหลบใต้เตียงนอนของผู้เป็นพ่อ สายตาเขามองเห็นร่างของพ่อกับแม่นอนจมกองเลือดอยู่เรียงราย
เขาพยามนอนอย่างสงบนิ่ง เพื่อไม่ให้มีเสียงเล็ดรอดออกไป เขานึกขึ้นได้ว่าภายใต้ที่นอนของพ่อมีปืนซ่อนอยู่ ชายหนุ่มเอามือสอดเข้าไปใต้เตียงควานหาปืนนั่น เมื่อพบมัน จึงหยิบออกมากำปืนนั้นไว้แนบหน้าอก ชายหนุ่มยกปืนขึ้นมาดูเพื่อเช็คว่าปืนมีลูกกระสุนหรือเปล่า
ในขณะที่ศพของพ่อเขากำลังถูกลากออกไปอย่างช้าๆ โดยที่เขาไม่ทันสังเกต เมื่อชายหนุ่มหันกลับมาอีกครั้ง ร่างของพ่อเขาไม่ได้อยู่ตรงที่เดิมแล้ว เขามองเห็นมือของอสูรร้ายมีเล็บยาวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด เขาหายใจถี่และแรงขึ้นด้วยความหวาดกลัว
ทันใดนั้น ตัวของเขาถูกอสูรร้ายลากออกมานอกเตียง ดวงตาของเขาเบิกโพลง
"ฮอีอ อี้อ อ้าา"
เสียงของอสูรร้ายคำรามใส่เหยื่อของมัน เขาส่องปืนเล็งไปที่ร่างของอสูรนั้น
.... ปัง ปัง ปัง ........
คมกระสุนวิ่งทะลุผ่านตัวมันไป แต่มันไม่สะทกสะท้าน ก่อนที่อสูรร้ายจะโผเข้าขย่ำร่างเขา ชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายร้องกรีดอย่างสุดเสียง
" อ๊ากกกกกก"
ที่สำนักข่าวนิวส์โพ้ส ในแผนกทีมงานข่าวอาชญากรรม ทุกคนกำลังวุ่นวายหลังจากสายข่าวแจ้งข่าวฆาตกรรมเข้ามา การฆาตกรรมแปลกประหลาดลักษณะศพของผู้ถูกทำร้ายจนเสียชีวิตหลายราย มีลักษณะคล้ายกัน แต่ครั้งนี้ผู้เคราะห์ร้ายถูกกระทำเกือบทั้งครอบครัว
“แอน เดี๋ยวฉันกับนัทจะล่วงหน้าไปก่อนนะ จะได้ไปเก็บภาพผู้เคราะห์ร้ายรายนี้ก่อน”
นนท์เอ่ยขึ้นขณะก้มหยิบสิ่งของต่างๆ สำหรับทำข่าวใส่กระเป๋าสะพาย แอนหันมาพยักหน้ารับพร้อมกับส่งเครื่องบันทึกเสียงให้กับนนท์
“ได้สิ นัทกับนนท์ไปก่อนนะ เดี๋ยวแอนเคลียร์งานทางนี้เสร็จจะรีบตามไปทันที”
นัทเดินเข้ามายืนคอยนนท์อยู่แล้วที่โต๊ะทำงาน เมื่อเก็บของเตรียมพร้อมไปทำข่าว นนท์ลุกขึ้นยื่นมือไปตบไหล่นัทเบาๆ
“ปะ นัท”
“ไม่ลืมอะไรแล้วนะนนท์”
นนท์ก้มลงตรวจทานดูของในกระเป๋าอีกครั้ง พยักหน้าบอกนัทว่าทุกอย่างครบ พร้อมออกไปทำข่าวด่วนนี้ได้เลย ทั้งสองตรงไปที่รถของสำนักงานข่าว ขับออกไปแถวมีนบุรีอย่างเร่งด่วน
เหตุการณ์น่าสลดนี้เกิดขึ้นที่มีนบุรี ลักษณะของผู้เสียชีวิตทั้งถูกทำร้ายอย่างรุนแรงเหมือนมีรอยคมเขี้ยวของสัตว์ร้าย แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่สรุปประเด็นที่แน่ชัด ที่สำคัญลักษณะเคยเกิดขึ้นมาแล้ว และรายนี้เป็นรายที่ห้า ผู้เสียชีวิตประกอบไปด้วย พ่อ แม่ ลูกสาว ส่วนลูกชายอยู่ในอาการโคม่า
ก่อนหน้านั้น กลางดึกในย่านถนนรามอินทรากิโลเมตรที่ 8 สาวน้อยวัย 17 ปี กำลังนั่งคุยกับเพื่อนชายอยู่ในรถ จู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งเดินตรงมาหาแล้วเข้าทำร้ายเธอกับเพื่อนจนถึงชีวิต เลือดของเธอกับเพื่อนชายกระจายไปทั่วทั้งรถ เธอขาดใจตายทันที ในขณะที่เพื่อนชายได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา นั่นคือเหยื่อรายแรกที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับความบ้าคลั่ง ของเจ้าฆาตกรต่อเนื่อง
ในตอนแรกตำรวจเชื่อว่าคดีนี้น่าจะเป็นฝีมืออันธพาลประจำถิ่น หรือการฆ่าชิงทรัพย์ เพราะย่านรามอินทราขึ้นชื่อลือชาเรื่องตีรันฟันแทงและการปล้นชิงทรัพย์กันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่อีกสามอาทิตย์ต่อมาก็เกิดเหตุการณ์เดียวกันขึ้นกับ หญิงสาวและเพื่อนอีกราย ซึ่งกลับจากงานปาร์ตี้พร้อมเพื่อนชาย ก่อนที่ทั้งสองจะลงจากรถ ชายคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วตรงเข้าไปทำร้าย เพื่อนชายของถูกตะปบเข้าที่ศีรษะเป็นแผลเหวอะหวะ ส่วนเธอถูกกัดตามลำคอและตัวเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ
ต่อมาในตอนค่ำของอาทิตย์แรกของเดือนถัดมาจากเหตุการณ์นั่น หญิงสาว และเพื่อนสาวอีกคน ถูกชายคนหนึ่งที่ทำทีเข้ามาถามทางเปิดฉากเข้าทำร้ายอย่างเลือดเย็น ทั้งคู่โชคร้ายเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ จากนั้นอีกหนึ่งเดือนต่อมา เศรษฐีนีสาวรายหนึงก็ถูกทำร้ายเสียชีวิตในลักษณะเดียวกัน คือไม่รู้ที่มาที่ไปคนร้าย ไม่มีเหตุจูงใจ และไม่มีใครได้รับผลประโยชน์จากการตายของเธอ ทุกคดีมีความคล้ายกัน ทำให้ตำรวจจับทางได้ว่าย่านรามอินทรากำลังเผชิญหน้ากับฆาตกรต่อเนื่องเข้าให้แล้ว
นัทลงจากรถก้าวเท้าเดินเข้าไปขออนุญาตเจ้าหน้าตำรวจ ก่อนเดินเข้าไปกดชัตเตอร์ถ่ายภาพของผู้เคราะห์ร้ายทั้งหมด ในขณะที่กำลังกดชัตเตอร์ถ่ายภาพ นัทเหลือบตาจ้องดูเข้าไปเห็นรอยเหมือนคมเขี้ยวที่ไหล่ของศพผู้เป็นลูกสาวของผู้เสียชีวิต รอยคมเขี้ยวที่ดูคล้ายสัตว์ร้ายแต่มันไม่ใช่ นัทดูออกจากสภาพรอยกัดที่ฝังลึกลงไป
“รอยของพวกมีเขี้ยว”
นัทรำพึงในใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น มันไม่ใช่แค่เรื่องของฆาตกรต่อเนื่องธรรมดา อย่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคิด แต่มันเป็นฆาตกรมีเขี้ยว เป็นแวมไพร์แบบเขา แต่เป็นแวมไพร์แบบไหนกันแน่ หรือไม่ก็พวกอื่นที่นัทยังไม่เคยพบเจอ
แต่เมื่อสังเกตอีกมันคงไม่ใช่แวมไพร์เผ่าพันธุ์เดียวกับเขาแน่ๆ เพราะแวมไพร์ที่สืบเชื้อสายมาจากอิสคาริโอท จะไม่ตระกะมูมมามจนทำร้ายเหยื่ออย่างฉกาจฉกรรจ์เช่นนี้
นัทผละตัวออกจากร่างของเหยื่อ เมื่อเหลือบตามองไปเห็นนนท์เดินขึ้นมาหาบนชั้นสองของบ้านที่เกิดเหตุ
“เป็นไงบ้างนัท”
“โอเค เรียบร้อยแล้ว”
“เหรอ แล้วผู้เสียชีวิตข้างล่างละ”
“เหมือนกัน”
“ดีเลยแก เพราะแอนมาพอดี เดี๋ยวเราไปสอบถามความคืบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยกันนะ”
“ได้สินนท์”
ทั้งสองพากันก้าวเท้าลงบันไดมาชั้นล่าง เดินออกไปที่รถ ขณะที่แอนกำลังเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ นัทเอี้ยวตัวหันหลังกลับมามองที่บ้านเกิดเหตุอีกครั้ง ในใจยังครุ่นคิดถึงสิ่งที่เห็นเมื่อสักครู่นี้ นัทรู้ว่ายังมีบุตรชายของผู้เสียชีวิตอีกคนที่รอดแต่อยู่ในอาการโคม่า มันพอมีวิธีที่จะค้นหาความจริงได้ไม่ยากนัก
“ตอนนี้ผู้บาดเจ็บอีกรายพักรักษาตัวอยู่ที่ไหนครับ”
นัทเอ่ยถามเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ดูแลคดีดังกล่าวนี้
“อืมม ครับ ตอนนี้เราส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลนวมินทร์ ยังอาการโคม่า อยู่ในความดูแลของหมออย่างใกล้ชิด”
“ครับ”
เวลาผ่านไปเกือบห้าชั่วโมง เมื่อแอนสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจและพยานแวดล้อมเสร็จ ทั้งสามคนขึ้นรถเตรียมตัวกลับสำนักงาน นัทเปิดสมุดบันทึกดูรายชื่อของผู้เสียชีวิตไล่ลงมาและหยุดมองตรง ชื่อของบุตรชายที่อยู่ในอาการโคม่า
“นายวิเชียร กาญพินิจ”
รถที่นนท์ขับมาถูกเลี้ยวเข้าไปในโรงพยาบาล นัทและนนท์เดินเข้าไปถามอาการของนายวิเชียรกับทางแพทย์ ถึงหมอจะไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้ แต่ก็ได้ข้อมูลสำคัญพอจะมาประกอบกับสำนวนข่าวที่กำลังสืบค้นกันอยู่ สิ่งนี้ไม่ได้สำคัญกับนัทเท่าไรนัก เพียงแค่รู้ว่าคนป่วยพักอยู่ที่ชั้นอะไร ห้องไหน ทุกอย่างก็จะถูกคลี่คลายในไม่ช้า
ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งที่แล้วนัทยังจำได้ เรื่องราวของหญิงสาวที่ถูกฆาตกรรมหมู่ยกครัวที่นัทเกือบทำพลาดไป ดีที่อาร์ทเข้ามาห้ามไว้ได้ทัน แต่ครั้งนี้มันต่างกัน ผู้ประสพเหตุร้ายยังมีชีวิตอยู่เลือดที่มีชีวิตยังไหลเวียนไปทั่วร่างกาย มันเป็นวิธีเดียวที่เขาจะรู้ได้ว่า ไอ้เจ้าฆาตกรต่อเนื่องผู้นี้มันเป็นใคร และเป็นตัวอะไรกันแน่
แววตาของผู้ทรงอำนาจเหนือมนุษย์มันฉายวาววับเป็นประกาย เกือบตีสองนัทยืนอยู่ด้านนอกระเบียงคอนโด เขาผายมือทั้งสองออกชี้ลงไปข้างกาย ร่างของแวมไพร์หนุ่มค่อยๆ เคลื่อนตัวลอยขึ้นเหนือระเบียงของคอนโดและหายวับไปในเงามืดทันที
บัดนี้เขามาปรากฏกายอีกครั้งในห้อง ไอซียู ด้านหน้ามีเตียงที่นายวิเชียรนอนหายใจผ่านท่ออากาศออกซิเจน เขาเคลื่อนตัวเลื่อนไปด้านข้างของร่างผู้โชคร้ายจากเหตุการณ์เมื่อคืน
แวมไพร์หนุ่มเอื้อมมือที่มีเล็บยาวยื่นออกมาเรียงรายไปที่แขนของวิเชียร เขาดึงผ้าก๊อตปิดแผลเปิดออก มันเผยให้เห็นรอยแผลเหวอะหวะ เขาสอดนิ้วใช้เล็บแหลมคมสะกิดแผลนั่น มีเลือดสีแดงฉาดไหลซึมเอ่อออกมา แวมไพร์หนุ่มก้มลงดูดดื่มเลือดนั่น ทันใด มโนภาพทั้งสิ้นก็ปรากฏแก่เขา
ภาพแห่งความโกลาหล การต่อสู้ วิ่งหนีอย่างลนลาน และเลือดที่กระเซ็นไปทั่ว ภาพของเหยื่อถูกฉีกกระชาก เสียงหวีดร้องระคนไปทั่วด้วยความหวาดกลัว และภาพของไอ้ฆาตกรจอมโหดที่ถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่อง
“ไอ้พวกค้างคาว”
แวมไพร์หนุ่มเงยหน้าขึ้น เอื้อมมือไปดึงผ้าก๊อตปิดแผลตามเดิมและหายวับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทิ้งไว้แต่ความว่างเปล่าของห้องไอซียูกับรางของผู้บาดเจ็บนอนหายใจผ่านท่อออกซิเจน
................... * ..........................
ร่างของชายหนุ่มถูกเหวี่ยงกระเด็นออกนอกประตูห้องนอน เขาตกใจกลัวสุดขีด ลุกขึ้นวิ่งหน้าตาตื่นหลบเข้าไปในอีกห้องหนึง เสียงคำรามยังก้องอยู่ในโสตประสาทหูของเขา มันกัดและกินเลือดของพี่สาวของเขา ความตระหนกทำให้เขาพาร่างเข้าไปหลบใต้เตียงนอนของผู้เป็นพ่อ สายตาเขามองเห็นร่างของพ่อกับแม่นอนจมกองเลือดอยู่เรียงราย
เขาพยามนอนอย่างสงบนิ่ง เพื่อไม่ให้มีเสียงเล็ดรอดออกไป เขานึกขึ้นได้ว่าภายใต้ที่นอนของพ่อมีปืนซ่อนอยู่ ชายหนุ่มเอามือสอดเข้าไปใต้เตียงควานหาปืนนั่น เมื่อพบมัน จึงหยิบออกมากำปืนนั้นไว้แนบหน้าอก ชายหนุ่มยกปืนขึ้นมาดูเพื่อเช็คว่าปืนมีลูกกระสุนหรือเปล่า
ในขณะที่ศพของพ่อเขากำลังถูกลากออกไปอย่างช้าๆ โดยที่เขาไม่ทันสังเกต เมื่อชายหนุ่มหันกลับมาอีกครั้ง ร่างของพ่อเขาไม่ได้อยู่ตรงที่เดิมแล้ว เขามองเห็นมือของอสูรร้ายมีเล็บยาวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด เขาหายใจถี่และแรงขึ้นด้วยความหวาดกลัว
ทันใดนั้น ตัวของเขาถูกอสูรร้ายลากออกมานอกเตียง ดวงตาของเขาเบิกโพลง
"ฮอีอ อี้อ อ้าา"
เสียงของอสูรร้ายคำรามใส่เหยื่อของมัน เขาส่องปืนเล็งไปที่ร่างของอสูรนั้น
.... ปัง ปัง ปัง ........
คมกระสุนวิ่งทะลุผ่านตัวมันไป แต่มันไม่สะทกสะท้าน ก่อนที่อสูรร้ายจะโผเข้าขย่ำร่างเขา ชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายร้องกรีดอย่างสุดเสียง
" อ๊ากกกกกก"
ที่สำนักข่าวนิวส์โพ้ส ในแผนกทีมงานข่าวอาชญากรรม ทุกคนกำลังวุ่นวายหลังจากสายข่าวแจ้งข่าวฆาตกรรมเข้ามา การฆาตกรรมแปลกประหลาดลักษณะศพของผู้ถูกทำร้ายจนเสียชีวิตหลายราย มีลักษณะคล้ายกัน แต่ครั้งนี้ผู้เคราะห์ร้ายถูกกระทำเกือบทั้งครอบครัว
“แอน เดี๋ยวฉันกับนัทจะล่วงหน้าไปก่อนนะ จะได้ไปเก็บภาพผู้เคราะห์ร้ายรายนี้ก่อน”
นนท์เอ่ยขึ้นขณะก้มหยิบสิ่งของต่างๆ สำหรับทำข่าวใส่กระเป๋าสะพาย แอนหันมาพยักหน้ารับพร้อมกับส่งเครื่องบันทึกเสียงให้กับนนท์
“ได้สิ นัทกับนนท์ไปก่อนนะ เดี๋ยวแอนเคลียร์งานทางนี้เสร็จจะรีบตามไปทันที”
นัทเดินเข้ามายืนคอยนนท์อยู่แล้วที่โต๊ะทำงาน เมื่อเก็บของเตรียมพร้อมไปทำข่าว นนท์ลุกขึ้นยื่นมือไปตบไหล่นัทเบาๆ
“ปะ นัท”
“ไม่ลืมอะไรแล้วนะนนท์”
นนท์ก้มลงตรวจทานดูของในกระเป๋าอีกครั้ง พยักหน้าบอกนัทว่าทุกอย่างครบ พร้อมออกไปทำข่าวด่วนนี้ได้เลย ทั้งสองตรงไปที่รถของสำนักงานข่าว ขับออกไปแถวมีนบุรีอย่างเร่งด่วน
เหตุการณ์น่าสลดนี้เกิดขึ้นที่มีนบุรี ลักษณะของผู้เสียชีวิตทั้งถูกทำร้ายอย่างรุนแรงเหมือนมีรอยคมเขี้ยวของสัตว์ร้าย แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่สรุปประเด็นที่แน่ชัด ที่สำคัญลักษณะเคยเกิดขึ้นมาแล้ว และรายนี้เป็นรายที่ห้า ผู้เสียชีวิตประกอบไปด้วย พ่อ แม่ ลูกสาว ส่วนลูกชายอยู่ในอาการโคม่า
ก่อนหน้านั้น กลางดึกในย่านถนนรามอินทรากิโลเมตรที่ 8 สาวน้อยวัย 17 ปี กำลังนั่งคุยกับเพื่อนชายอยู่ในรถ จู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งเดินตรงมาหาแล้วเข้าทำร้ายเธอกับเพื่อนจนถึงชีวิต เลือดของเธอกับเพื่อนชายกระจายไปทั่วทั้งรถ เธอขาดใจตายทันที ในขณะที่เพื่อนชายได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา นั่นคือเหยื่อรายแรกที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับความบ้าคลั่ง ของเจ้าฆาตกรต่อเนื่อง
ในตอนแรกตำรวจเชื่อว่าคดีนี้น่าจะเป็นฝีมืออันธพาลประจำถิ่น หรือการฆ่าชิงทรัพย์ เพราะย่านรามอินทราขึ้นชื่อลือชาเรื่องตีรันฟันแทงและการปล้นชิงทรัพย์กันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่อีกสามอาทิตย์ต่อมาก็เกิดเหตุการณ์เดียวกันขึ้นกับ หญิงสาวและเพื่อนอีกราย ซึ่งกลับจากงานปาร์ตี้พร้อมเพื่อนชาย ก่อนที่ทั้งสองจะลงจากรถ ชายคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วตรงเข้าไปทำร้าย เพื่อนชายของถูกตะปบเข้าที่ศีรษะเป็นแผลเหวอะหวะ ส่วนเธอถูกกัดตามลำคอและตัวเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ
ต่อมาในตอนค่ำของอาทิตย์แรกของเดือนถัดมาจากเหตุการณ์นั่น หญิงสาว และเพื่อนสาวอีกคน ถูกชายคนหนึ่งที่ทำทีเข้ามาถามทางเปิดฉากเข้าทำร้ายอย่างเลือดเย็น ทั้งคู่โชคร้ายเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ จากนั้นอีกหนึ่งเดือนต่อมา เศรษฐีนีสาวรายหนึงก็ถูกทำร้ายเสียชีวิตในลักษณะเดียวกัน คือไม่รู้ที่มาที่ไปคนร้าย ไม่มีเหตุจูงใจ และไม่มีใครได้รับผลประโยชน์จากการตายของเธอ ทุกคดีมีความคล้ายกัน ทำให้ตำรวจจับทางได้ว่าย่านรามอินทรากำลังเผชิญหน้ากับฆาตกรต่อเนื่องเข้าให้แล้ว
นัทลงจากรถก้าวเท้าเดินเข้าไปขออนุญาตเจ้าหน้าตำรวจ ก่อนเดินเข้าไปกดชัตเตอร์ถ่ายภาพของผู้เคราะห์ร้ายทั้งหมด ในขณะที่กำลังกดชัตเตอร์ถ่ายภาพ นัทเหลือบตาจ้องดูเข้าไปเห็นรอยเหมือนคมเขี้ยวที่ไหล่ของศพผู้เป็นลูกสาวของผู้เสียชีวิต รอยคมเขี้ยวที่ดูคล้ายสัตว์ร้ายแต่มันไม่ใช่ นัทดูออกจากสภาพรอยกัดที่ฝังลึกลงไป
“รอยของพวกมีเขี้ยว”
นัทรำพึงในใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น มันไม่ใช่แค่เรื่องของฆาตกรต่อเนื่องธรรมดา อย่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคิด แต่มันเป็นฆาตกรมีเขี้ยว เป็นแวมไพร์แบบเขา แต่เป็นแวมไพร์แบบไหนกันแน่ หรือไม่ก็พวกอื่นที่นัทยังไม่เคยพบเจอ
แต่เมื่อสังเกตอีกมันคงไม่ใช่แวมไพร์เผ่าพันธุ์เดียวกับเขาแน่ๆ เพราะแวมไพร์ที่สืบเชื้อสายมาจากอิสคาริโอท จะไม่ตระกะมูมมามจนทำร้ายเหยื่ออย่างฉกาจฉกรรจ์เช่นนี้
นัทผละตัวออกจากร่างของเหยื่อ เมื่อเหลือบตามองไปเห็นนนท์เดินขึ้นมาหาบนชั้นสองของบ้านที่เกิดเหตุ
“เป็นไงบ้างนัท”
“โอเค เรียบร้อยแล้ว”
“เหรอ แล้วผู้เสียชีวิตข้างล่างละ”
“เหมือนกัน”
“ดีเลยแก เพราะแอนมาพอดี เดี๋ยวเราไปสอบถามความคืบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยกันนะ”
“ได้สินนท์”
ทั้งสองพากันก้าวเท้าลงบันไดมาชั้นล่าง เดินออกไปที่รถ ขณะที่แอนกำลังเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ นัทเอี้ยวตัวหันหลังกลับมามองที่บ้านเกิดเหตุอีกครั้ง ในใจยังครุ่นคิดถึงสิ่งที่เห็นเมื่อสักครู่นี้ นัทรู้ว่ายังมีบุตรชายของผู้เสียชีวิตอีกคนที่รอดแต่อยู่ในอาการโคม่า มันพอมีวิธีที่จะค้นหาความจริงได้ไม่ยากนัก
“ตอนนี้ผู้บาดเจ็บอีกรายพักรักษาตัวอยู่ที่ไหนครับ”
นัทเอ่ยถามเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ดูแลคดีดังกล่าวนี้
“อืมม ครับ ตอนนี้เราส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลนวมินทร์ ยังอาการโคม่า อยู่ในความดูแลของหมออย่างใกล้ชิด”
“ครับ”
เวลาผ่านไปเกือบห้าชั่วโมง เมื่อแอนสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจและพยานแวดล้อมเสร็จ ทั้งสามคนขึ้นรถเตรียมตัวกลับสำนักงาน นัทเปิดสมุดบันทึกดูรายชื่อของผู้เสียชีวิตไล่ลงมาและหยุดมองตรง ชื่อของบุตรชายที่อยู่ในอาการโคม่า
“นายวิเชียร กาญพินิจ”
รถที่นนท์ขับมาถูกเลี้ยวเข้าไปในโรงพยาบาล นัทและนนท์เดินเข้าไปถามอาการของนายวิเชียรกับทางแพทย์ ถึงหมอจะไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้ แต่ก็ได้ข้อมูลสำคัญพอจะมาประกอบกับสำนวนข่าวที่กำลังสืบค้นกันอยู่ สิ่งนี้ไม่ได้สำคัญกับนัทเท่าไรนัก เพียงแค่รู้ว่าคนป่วยพักอยู่ที่ชั้นอะไร ห้องไหน ทุกอย่างก็จะถูกคลี่คลายในไม่ช้า
ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งที่แล้วนัทยังจำได้ เรื่องราวของหญิงสาวที่ถูกฆาตกรรมหมู่ยกครัวที่นัทเกือบทำพลาดไป ดีที่อาร์ทเข้ามาห้ามไว้ได้ทัน แต่ครั้งนี้มันต่างกัน ผู้ประสพเหตุร้ายยังมีชีวิตอยู่เลือดที่มีชีวิตยังไหลเวียนไปทั่วร่างกาย มันเป็นวิธีเดียวที่เขาจะรู้ได้ว่า ไอ้เจ้าฆาตกรต่อเนื่องผู้นี้มันเป็นใคร และเป็นตัวอะไรกันแน่
แววตาของผู้ทรงอำนาจเหนือมนุษย์มันฉายวาววับเป็นประกาย เกือบตีสองนัทยืนอยู่ด้านนอกระเบียงคอนโด เขาผายมือทั้งสองออกชี้ลงไปข้างกาย ร่างของแวมไพร์หนุ่มค่อยๆ เคลื่อนตัวลอยขึ้นเหนือระเบียงของคอนโดและหายวับไปในเงามืดทันที
บัดนี้เขามาปรากฏกายอีกครั้งในห้อง ไอซียู ด้านหน้ามีเตียงที่นายวิเชียรนอนหายใจผ่านท่ออากาศออกซิเจน เขาเคลื่อนตัวเลื่อนไปด้านข้างของร่างผู้โชคร้ายจากเหตุการณ์เมื่อคืน
แวมไพร์หนุ่มเอื้อมมือที่มีเล็บยาวยื่นออกมาเรียงรายไปที่แขนของวิเชียร เขาดึงผ้าก๊อตปิดแผลเปิดออก มันเผยให้เห็นรอยแผลเหวอะหวะ เขาสอดนิ้วใช้เล็บแหลมคมสะกิดแผลนั่น มีเลือดสีแดงฉาดไหลซึมเอ่อออกมา แวมไพร์หนุ่มก้มลงดูดดื่มเลือดนั่น ทันใด มโนภาพทั้งสิ้นก็ปรากฏแก่เขา
ภาพแห่งความโกลาหล การต่อสู้ วิ่งหนีอย่างลนลาน และเลือดที่กระเซ็นไปทั่ว ภาพของเหยื่อถูกฉีกกระชาก เสียงหวีดร้องระคนไปทั่วด้วยความหวาดกลัว และภาพของไอ้ฆาตกรจอมโหดที่ถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่อง
“ไอ้พวกค้างคาว”
แวมไพร์หนุ่มเงยหน้าขึ้น เอื้อมมือไปดึงผ้าก๊อตปิดแผลตามเดิมและหายวับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทิ้งไว้แต่ความว่างเปล่าของห้องไอซียูกับรางของผู้บาดเจ็บนอนหายใจผ่านท่อออกซิเจน
................... * ..........................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ