Vampire Bangkok แวมไพร์ แบงค็อก
8.3
เขียนโดย justin
วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13.33 น.
23 ตอน
1 วิจารณ์
29.16K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556 13.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
22) เเองเจิล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความนัทกับนนท์ใช้เวลาทั้งหมดในการรวบรวมเอกสารและภาพถ่าย ข้อมูลหลักฐานของข่าวอาชญากรรมส่งให้แอนตรวจทานอีกครั้ง ก่อนจะส่งให้ บก. ตรวจเพื่อทำการตีพิมพ์ ช่วงนี้มีข่าวฆาตกรรมแปลกประหลาดลักษณะศพของผู้ถูกทำร้ายจนเสียชีวิตหลายราย มีลักษณะคล้ายกัน
“อะ ของผมกับนนท์ เรียบแล้วครับแอน”
นัทพูดพร้อมยื่นเอกสารกับภาพถ่ายของผู้เคราะห์ร้ายให้แอน
“ดีเลยค่ะนัท บก. เพิ่งจะโทรมาถามแอนพอดี แกอยากดูรายละเอียด ข่าวนี้ด่วนและสำคัญมาก”
“นั่นนะสิ นี่ฉันกับนัทนั่งทำทั้งคืนเลยนะแอน บอกตรงๆ ง่วงฉิบเป๋ง”
นนท์ทำตาปรือหันไปพูดกับแอน ยกมือขึ้นป้องปากหาววอดๆ
“เอาน่า เดี๋ยวถ้า บก. บอกว่าผ่านก็ไม่มีอะไรละ แกกับนัทก็กลับไปพักได้ละ ส่วนที่เหลือเดี๋ยวแอนส่งไปให้เจ้าหน้าที่พิมพ์ให้เอง”
“ไม่ต้องกลัวฝีมืออยู่แล้ว ยังไงก็ต้องผ่าน นี่ดูซะว่าอะไร....”
นนท์ยังมีอารมณ์ขันเรียกเพื่อนดูมือที่เขากำยกขึ้นมาชู
“อะไรเหรอแก”
แอนถามด้วยความสงสัยทำหน้างงๆ
“ก็เขาเรียกว่า มืออาชีพไง คิ๊ก ๆๆ”
ทุกคนพากันหัวเราะชอบใจในมุขของนนท์ แอนส่ายหัวไปมาเบะมุมปากด้วยท่าทีของเพื่อนซี้ร่วมทีมงาน
“งั้น รอสักครู่นะพ่อคุณ เดี๋ยวแอนมา”
สิ้นเสียงของแอน เธอก็หอบหิ้วเอกสารต่างๆ เดินตรงไปที่ห้องทำงานของ บก. สักครู่ใหญ่ก็เดินออกมาด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น
“ข่าวดี เรียบแล้ว บก. สั่งให้ตีพิมพ์ได้เลย”
“เย้ๆๆๆ ได้กลับบ้านพักละ”
นนท์พูดด้วยน้ำเสียงดีใจ หลังจากลุยงานกับนัทมาทั้งคืน นนท์หันหน้าไปหานัทพยักหน้าเรียกให้กลับบ้านกัน
“ไปเห่อะนัท กลับไปผักผ่อนกัน”
“โอเค ไปก่อนนะครับทุกคน”
ทั้งสองก้าวเท้าเดินออกไปจากอ๊อฟฟิต หลังจากลงลิฟต์นนท์แยกตัวไปที่รถ นัทก็เดินตรงไปที่รถเช่นกัน ขณะที่กำลังจะสตาร์ทเครื่อง เสียงโทรศัพเรียกเข้าก็ดังขึ้น นัทเอี้ยวตัวหันไปด้านเบาะหลังล้วงมือหยิบโทรศัพท์ในเป้สะพาย ชื่อที่เรียกเข้า ราฟาเอล
“สวัสดีครับ คุณราฟาเอล”
“ครับคุณนัท สบายดีนะครับ”
“ครับผม คงเช่นกันนะ”
“อ่า ครับ คุณนัทผมอยากชวนไปนั่งดื่มกาแฟกันอะครับ ไม่ทราบว่าคุณนัทจะว่างหรือเปล่า”
“อืมม เมื่อไรอะครับ”
“ช่วงบ่ายสองครับ”
“ได้สิครับ”
“โอเค งั้นเดี๋ยวเราเจอกันนะครับ”
นัทวางมือถือไว้บนเบาะด้านข้างซ้ายมือ ราฟาเอลนัดไปเจอกันที่เอ็มโพเรียม การพบกันเป็นครั้งที่สามหลังจากวันฝนตกนั่น มีคำถามหลายอย่างที่นัทอยากถามราฟาเอลเหมือนกัน เช่น เขาเป็นคนไทยหรือเปล่าเพราะดูจากชื่อไม่น่าจะใช่ ทำไมเขาจึงอยากรู้จักกับนัทมากขึ้น มันมีเหตุผลอะไร
และที่สำคัญเขาเป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนคนทั่วไปหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ยังค้างคาอยู่ในใจของนัท มันมีสัญญาณบางอย่างที่นัทพอจะจับได้ แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
นัทเลี้ยวรถเข้าไปที่จอดชั้นบนของลานจอดรถคอนโด เดินขึ้นลิฟต์เอาของไปเก็บไว้ที่ในห้อง เขาหยิบเลือดสังเคราะห์บีหกสิบหกมาดื่มจดหมดกล่อง ก่อนที่จะลงไปสถานีรถไฟฟ้าที่อยู่เลยคอนโดไปเพียงห้าร้อยเมตร ผู้คนไม่แออัดมากในช่วงบ่ายๆ แต่นั่นไม่ได้สำคัญอะไร
นัทสามารถเดินทางไปได้โดยไม่ต้องพึ่งรถยนต์ หรือรถไฟฟ้า แต่ก็อย่างว่าเพื่อให้เป็นปรกติของมนุษย์ทั่วๆไป นัทก้าวเท้าออกจากรถไฟฟ้าสถานีพร้อมพงษ์ เดินตรงไปที่ร้านกาแฟสตาร์บัค ราฟาเอลนั่งยิ้มระรื่นเมื่อเห็นนัทเดินเข้ามา
“ดีใจมากเลยครับที่ได้เจออีกครั้ง”
ราฟาเอลเปรยคำทักทายด้วยน้ำเสียงระคนความดีใจ
“ครับผม ผมก็ดีใจเช่นกัน”
นัทหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกับราฟาเอล ราฟาเอลยื่นมือทั้งสองไปจับมือนัทกุมไว้เขย่าเบาๆ
“ดีใจจริงๆ ดีใจมากเลย”
“ครับ”
นัทตอบรับส่งยิ้มให้ก่อนจะหันไปสั่งกาแฟกับพนักงานเสิร์ฟ นัทมองดูที่ราฟาเอล เขาพยามจะจับสัญญาณให้ได้ว่า ราฟาเอลเป็นอะไรกันแน่ มนุษย์หรือแวมไพร์ หรือพวกมีเขี้ยวชนิดอื่นๆ
“คุณราฟาเอลเป็นคนไทยหรือเปล่าครับ ดูจากชื่อแล้วไม่น่าจะใช่”
นัทเริ่มประโยคโดยการยิงคำถาม ราฟาเอลมองไปที่ใบหน้าของนัท ตาคู่นั้นเป็นประกายแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน
“ไม่ครับ ผมมาเมืองไทยเพื่อมาทำธุระบางอย่าง แต่ตอนนี้เรียบร้อยแล้ว”
“อ่าครับ พูดภาษาไทยเก่งนะครับ สำเนียงชัดมาก”
“ฮ่าๆๆ ครับ ผมพูดได้หลายภาษา คุณนัทก็ดูไม่เหมือนคนไทยเหมือนกันนะครับ”
“ครับ ผมเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน”
“อ่า นึกอยู่แล้วเชียว ฮ่าๆๆ”
“ครับ ฮ่าๆๆๆ ไม่ต่างกันเท่าไร”
การสนทนาระหว่างชายหนุ่มสองคนเริ่มออกรสชาติ ความคุ้นเคยเช่นนี้นัทเคยได้รับจากอาร์ทมาคนหนึงแล้ว มันเป็นความสนิทสนมที่แปลกและพิเศษ
“อาชีพนักข่าวสนุกไหมครับ”
“สนุกดีครับ มีเรื่องตื่นเต้นเกิดขึ้นตลอดเวลา”
“ใช่ครับ คุณนัทตื่นเต้น แต่ไม่ตื่นกลัว”
ราฟาเอลพูดด้วยสำเนียงเรียบๆ นัทรู้สึกแปลกใจในคำพูดของราฟาเอล เหมือนเขารู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวนัทเข้าให้แล้ว
“แล้ว....ทำไมคุณราฟาเอลถึงอยากรู้จักกับผมละครับ”
นัทยิงคำถามตรงประเด็น ราฟาเอลทำหน้าตะลึงแบบไม่ทันตั้งตัว
“เอ้อ.....คือว่า”
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าไม่สะดวกจะตอบ ผมถามเฉยๆ “
“ฮ่าๆๆ ตอบได้สิครับ และอยากตอบด้วย”
ราฟาเอลเหลือบตาขึ้นมามองที่ใบหน้าของนัทอีกครั้ง หลังจากยกแก้วกาแฟขึ้นไปดื่ม
“ผมรู้สึกพิเศษกับคุณ”
นัทชะงักไปนิดหนึงกับคำตอบของราฟาเอล
“พิเศษ.....แบบไหนครับ”
“พิเศษ แบบที่คุณนัทเป็นคนพิเศษกว่าคนอื่นๆ”
คำตอบนี้ยิ่งทำให้นัทงุนงงเข้าไปอีก ราฟาเอลยื่นมือไปจับมือนัทที่วางอยู่บนโต๊ะอีกครั้ง เขาบีบมือนัทเบาๆ พร้อมกับยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“ผมอยากเป็นมิตรสหายกับคุณนะครับ เป็นมิตรสหายที่พิเศษกว่าคนอื่นๆ”
สายตานัททั้งคู่มองเข้าไปที่ใบหน้าของราฟาเอล เขาเข้าใจดีถึงความเป็นมิตรสหาย แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อนัทไม่ใช่มนุษย์ปรกติทั่วไป
“ผมดีใจมากนะครับ คุณราฟาเอล กับมิตรภาพที่คุณให้กับผม ผมไม่ได้รังเกียจคุณนะครับ แต่ว่า.....”
ราฟาเอลปล่อยมือที่กุมมือของนัทไว้ สายตาหลายๆ คู่ในร้านสตาร์บัคเริ่มหันมาจับจ้อง
“แต่ว่าอะไรครับ”
“คือผม ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด ผมไม่เหมือนคนอื่นๆ ทั่วไป”
คำพูดของนัททำให้ราฟาเอลนิ่งอึ้งไปครู่หนึง ก่อนจะยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ผมก็ไม่เหมือนคนอื่นๆ ทั่วไปเหมือนกัน”
นัทพาราฟาเอลมาที่คอนโดทั้งสองนั่งลงบนโซฟาเกือบพร้อมกัน ราฟาเอลเขยิบเข้ามานั่งใกล้นัทจนชิดติดกัน เขาเอื้อมมือทั้งสองโอบกอดนัทไว้ เลื่อนมือข้างหนึงมาลูบที่หน้าผากของนัทเบาๆ ก่อนที่จะก้มลงจูบตรงหว่างคิ้ว นัทรู้สึกตัวเบาหวิว เหมือนกับล่องลอยไปในอากาศ พลันนึกคิดว่า ชายหนุ่มคนนี้เขาเป็นใครกันนะ ทำไมเขาจึงได้แสดงความรักความอ่อนโยนได้ถึงขนาดนี้
นัทเคลื่อนตัวลงนอนหนุนตักของราฟาเอล หลับตาพริ้มหายใจอย่างช้าๆ เหมือนกำลังซึมซับความสุขที่ได้รับ ราฟาเอลยกมือขึ้นลูบที่หัวของนัทไปมาอย่างเบาๆ อย่างเข้าใจในสิ่งที่นัทเป็น มันไม่ต้องเอ่ยคำอธิบาย หรือข้อแก้ต่างใดๆ ราฟาเอลจ้องไปที่ใบหน้าของนัท ขณะที่นัทหลับตาลงบนตักของเขา
แวมไพร์ตัวน้อยที่น่าสงสารกับสิ่งที่เขาเป็น ราฟาเอลรู้สึกสงสารในสิ่งที่เกิดขึ้นกับนัทเป็นอย่างมาก ตั้งแต่วันที่เขาเห็นนัทในวันฝนตกนั่น เขาก็รู้ว่านัทไม่ใช่มนุษย์ทั่วไป แต่เป็นแวมไพร์ ผู้ซึ่งยืนตรงกันข้ามกับเขา หนุ่มน้อยที่ไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรถูกเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ เพราะความจำเป็นของอาร์ทผู้เป็นบรรพบุรุษของเขา
ใช่ ราฟาเอลรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของนัท แม้นัทจะไม่ได้เล่าอะไรให้เขาฟังก็ตาม
นัทยังนอนหนุนหัวอยู่บนตักของราฟาเอล จนเวลาผ่านไปเกือบห้าทุ่ม ราฟาเอลยังมองดูใบหน้าของหนุ่มแวมไพร์ด้วยความรักและห่วงใย จริงอยู่แม้เขากับนัทจะยืนอยู่กันคนละฝาก ระหว่างความมืดกับความสว่าง ระหว่างผู้ได้รับพรกับผู้ถูกคำสาป ทูตสวรรค์ผู้ซึ่งมาหลงรักแวมไพร์หนุ่มดุจบุตรชายของตน ทั้งความรักและความห่วงใยต่างถาโถมเข้ามาในจิตใจของเขา
นัทลุกขึ้นจากการนอน เขามองไปที่ใบหน้าของราฟาเอล แววตาทั้งคู่รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเหมือนเด็กที่ได้รับความรักความเข้าใจ ราฟาเอลยังโอบไหล่ของนัทกอดไว้ นัทเอนกายไปที่ไหลหัวพิงซบไปที่อกของราฟาเอล
“ถูกแล้วครับ คุณนัท ผมไม่ใช่มนุษย์ และก็ไม่ใช่แวมไพร์”
นัทเอนตัวลุกขึ้นนั่งตรง เหลือบตามองไปที่ใบหน้าของราฟาเอล
“แล้วคุณเป็นอะไร”
ราฟาเอลลุกขึ้นจากโซฟาก้าวเท้าเดินไปนอกระเบียงคอนโด นัทก้าวเท้าเดินตามมาติดๆ ราฟาเอลเอี้ยวตัวหันหลังกลับมา เขายืนมองมาที่ใบหน้าของนัทและสิ่งยิ้มให้กับคำถามของนัท
“ผมคือเเองเจิล”
สิ้นเสียงของราฟาเอล ก็ปรากฏแสงสว่างจ้าไปรอบๆ ระเบียง ดุจแสงสปอร์ตไลท์หลายสิบดวงส่องมา นัทยกมือขึ้นป้องใบหน้าจากแสงนั้น แต่แสงสีขาวนั่นเป็นแสงเย็นจึงไมเป็นอันตรายอะไร
นัทค่อยๆ เลื่อนมือที่ป้องใบหน้าออก เขามองเห็นร่างกายของราฟาเอลเปลี่ยนไป ราฟาเอลอยู่ในชุดคลุมสีขาวยาวกรอมเท้ามันระยับ ปีกสองข้างสยายกางออก มีรัศมีวงกรมเรืองแสงปรกคลุมที่ศีรษะ
“ความรักที่ผมมอบให้กับคุณ จงรักษามันไว้นะ”
“แล้วเราจะได้เจอกันอีกไหม”
“แน่นอน”
นัทพยักหน้าตอบรับคำ น้ำตาโลหิตเริ่มเอ่อไหลล้นออกมา ราฟาเอลเดินเข้ามาตรงที่นัทยืน ทูตสวรรค์ราฟาเอลยกมือขึ้นปาดน้ำตาของนัทที่กำลังเอ่อล้นออกมา เมื่อนิ้วของทูตสวรรค์สัมผัสกับน้ำตาโลหิตนั่นมันก็กระจายแตกเป็นระอองแสงสีขาวแวววาวจางหายไป
“อย่าร้องให้เลย”
“แล้วเมื่อไรเราจะได้เจอกันอีก”
ราฟาเอลไม่ได้ตอบกลับ แต่เอื้อมมือไปโอบกอดนัทไว้ ก่อนจะละตัวเดินออกมาแล้วแสงสีขาวสว่างจ้าก็ปลกคลุมทูตสวรรค์นั่นไว้และดับวูบหายไป ทิ้งไว้แต่เงามืดของราตรีในยามค่ำคืนกับแวมไพร์หนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่
นัททรุดตัวลงคุกเข่ามือข้างหนึงเขาจับที่กั้นระเบียงไว้ เขากำลังร้องไห้ น้ำตาโลหิตไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง
“ทำไม ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย”
อาร์ทปรากฏกายมาทางด้านหลังของนัท เขาก้าวเดินเข้าไปหาโน้มกายยื่นแขนไปโอบไหล่ของนัทไว้ นัทเอี้ยวตัวหันกลับมาใช้มือโอบกอดกายของอาร์ทไว้ เสียงสะอื้นๆ ยังระคนอยู่ในลำคอ อาร์ทยกมือขึ้นลูบหัวเขาเบาๆ
“อย่าร้องไห้ไปเลยเจ้าลูกชาย”
“ทูตสวรรค์ได้มาเยี่ยมเยือนเจ้าแล้ว”
......................................... * .........................................
“อะ ของผมกับนนท์ เรียบแล้วครับแอน”
นัทพูดพร้อมยื่นเอกสารกับภาพถ่ายของผู้เคราะห์ร้ายให้แอน
“ดีเลยค่ะนัท บก. เพิ่งจะโทรมาถามแอนพอดี แกอยากดูรายละเอียด ข่าวนี้ด่วนและสำคัญมาก”
“นั่นนะสิ นี่ฉันกับนัทนั่งทำทั้งคืนเลยนะแอน บอกตรงๆ ง่วงฉิบเป๋ง”
นนท์ทำตาปรือหันไปพูดกับแอน ยกมือขึ้นป้องปากหาววอดๆ
“เอาน่า เดี๋ยวถ้า บก. บอกว่าผ่านก็ไม่มีอะไรละ แกกับนัทก็กลับไปพักได้ละ ส่วนที่เหลือเดี๋ยวแอนส่งไปให้เจ้าหน้าที่พิมพ์ให้เอง”
“ไม่ต้องกลัวฝีมืออยู่แล้ว ยังไงก็ต้องผ่าน นี่ดูซะว่าอะไร....”
นนท์ยังมีอารมณ์ขันเรียกเพื่อนดูมือที่เขากำยกขึ้นมาชู
“อะไรเหรอแก”
แอนถามด้วยความสงสัยทำหน้างงๆ
“ก็เขาเรียกว่า มืออาชีพไง คิ๊ก ๆๆ”
ทุกคนพากันหัวเราะชอบใจในมุขของนนท์ แอนส่ายหัวไปมาเบะมุมปากด้วยท่าทีของเพื่อนซี้ร่วมทีมงาน
“งั้น รอสักครู่นะพ่อคุณ เดี๋ยวแอนมา”
สิ้นเสียงของแอน เธอก็หอบหิ้วเอกสารต่างๆ เดินตรงไปที่ห้องทำงานของ บก. สักครู่ใหญ่ก็เดินออกมาด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น
“ข่าวดี เรียบแล้ว บก. สั่งให้ตีพิมพ์ได้เลย”
“เย้ๆๆๆ ได้กลับบ้านพักละ”
นนท์พูดด้วยน้ำเสียงดีใจ หลังจากลุยงานกับนัทมาทั้งคืน นนท์หันหน้าไปหานัทพยักหน้าเรียกให้กลับบ้านกัน
“ไปเห่อะนัท กลับไปผักผ่อนกัน”
“โอเค ไปก่อนนะครับทุกคน”
ทั้งสองก้าวเท้าเดินออกไปจากอ๊อฟฟิต หลังจากลงลิฟต์นนท์แยกตัวไปที่รถ นัทก็เดินตรงไปที่รถเช่นกัน ขณะที่กำลังจะสตาร์ทเครื่อง เสียงโทรศัพเรียกเข้าก็ดังขึ้น นัทเอี้ยวตัวหันไปด้านเบาะหลังล้วงมือหยิบโทรศัพท์ในเป้สะพาย ชื่อที่เรียกเข้า ราฟาเอล
“สวัสดีครับ คุณราฟาเอล”
“ครับคุณนัท สบายดีนะครับ”
“ครับผม คงเช่นกันนะ”
“อ่า ครับ คุณนัทผมอยากชวนไปนั่งดื่มกาแฟกันอะครับ ไม่ทราบว่าคุณนัทจะว่างหรือเปล่า”
“อืมม เมื่อไรอะครับ”
“ช่วงบ่ายสองครับ”
“ได้สิครับ”
“โอเค งั้นเดี๋ยวเราเจอกันนะครับ”
นัทวางมือถือไว้บนเบาะด้านข้างซ้ายมือ ราฟาเอลนัดไปเจอกันที่เอ็มโพเรียม การพบกันเป็นครั้งที่สามหลังจากวันฝนตกนั่น มีคำถามหลายอย่างที่นัทอยากถามราฟาเอลเหมือนกัน เช่น เขาเป็นคนไทยหรือเปล่าเพราะดูจากชื่อไม่น่าจะใช่ ทำไมเขาจึงอยากรู้จักกับนัทมากขึ้น มันมีเหตุผลอะไร
และที่สำคัญเขาเป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนคนทั่วไปหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ยังค้างคาอยู่ในใจของนัท มันมีสัญญาณบางอย่างที่นัทพอจะจับได้ แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
นัทเลี้ยวรถเข้าไปที่จอดชั้นบนของลานจอดรถคอนโด เดินขึ้นลิฟต์เอาของไปเก็บไว้ที่ในห้อง เขาหยิบเลือดสังเคราะห์บีหกสิบหกมาดื่มจดหมดกล่อง ก่อนที่จะลงไปสถานีรถไฟฟ้าที่อยู่เลยคอนโดไปเพียงห้าร้อยเมตร ผู้คนไม่แออัดมากในช่วงบ่ายๆ แต่นั่นไม่ได้สำคัญอะไร
นัทสามารถเดินทางไปได้โดยไม่ต้องพึ่งรถยนต์ หรือรถไฟฟ้า แต่ก็อย่างว่าเพื่อให้เป็นปรกติของมนุษย์ทั่วๆไป นัทก้าวเท้าออกจากรถไฟฟ้าสถานีพร้อมพงษ์ เดินตรงไปที่ร้านกาแฟสตาร์บัค ราฟาเอลนั่งยิ้มระรื่นเมื่อเห็นนัทเดินเข้ามา
“ดีใจมากเลยครับที่ได้เจออีกครั้ง”
ราฟาเอลเปรยคำทักทายด้วยน้ำเสียงระคนความดีใจ
“ครับผม ผมก็ดีใจเช่นกัน”
นัทหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกับราฟาเอล ราฟาเอลยื่นมือทั้งสองไปจับมือนัทกุมไว้เขย่าเบาๆ
“ดีใจจริงๆ ดีใจมากเลย”
“ครับ”
นัทตอบรับส่งยิ้มให้ก่อนจะหันไปสั่งกาแฟกับพนักงานเสิร์ฟ นัทมองดูที่ราฟาเอล เขาพยามจะจับสัญญาณให้ได้ว่า ราฟาเอลเป็นอะไรกันแน่ มนุษย์หรือแวมไพร์ หรือพวกมีเขี้ยวชนิดอื่นๆ
“คุณราฟาเอลเป็นคนไทยหรือเปล่าครับ ดูจากชื่อแล้วไม่น่าจะใช่”
นัทเริ่มประโยคโดยการยิงคำถาม ราฟาเอลมองไปที่ใบหน้าของนัท ตาคู่นั้นเป็นประกายแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน
“ไม่ครับ ผมมาเมืองไทยเพื่อมาทำธุระบางอย่าง แต่ตอนนี้เรียบร้อยแล้ว”
“อ่าครับ พูดภาษาไทยเก่งนะครับ สำเนียงชัดมาก”
“ฮ่าๆๆ ครับ ผมพูดได้หลายภาษา คุณนัทก็ดูไม่เหมือนคนไทยเหมือนกันนะครับ”
“ครับ ผมเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน”
“อ่า นึกอยู่แล้วเชียว ฮ่าๆๆ”
“ครับ ฮ่าๆๆๆ ไม่ต่างกันเท่าไร”
การสนทนาระหว่างชายหนุ่มสองคนเริ่มออกรสชาติ ความคุ้นเคยเช่นนี้นัทเคยได้รับจากอาร์ทมาคนหนึงแล้ว มันเป็นความสนิทสนมที่แปลกและพิเศษ
“อาชีพนักข่าวสนุกไหมครับ”
“สนุกดีครับ มีเรื่องตื่นเต้นเกิดขึ้นตลอดเวลา”
“ใช่ครับ คุณนัทตื่นเต้น แต่ไม่ตื่นกลัว”
ราฟาเอลพูดด้วยสำเนียงเรียบๆ นัทรู้สึกแปลกใจในคำพูดของราฟาเอล เหมือนเขารู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวนัทเข้าให้แล้ว
“แล้ว....ทำไมคุณราฟาเอลถึงอยากรู้จักกับผมละครับ”
นัทยิงคำถามตรงประเด็น ราฟาเอลทำหน้าตะลึงแบบไม่ทันตั้งตัว
“เอ้อ.....คือว่า”
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าไม่สะดวกจะตอบ ผมถามเฉยๆ “
“ฮ่าๆๆ ตอบได้สิครับ และอยากตอบด้วย”
ราฟาเอลเหลือบตาขึ้นมามองที่ใบหน้าของนัทอีกครั้ง หลังจากยกแก้วกาแฟขึ้นไปดื่ม
“ผมรู้สึกพิเศษกับคุณ”
นัทชะงักไปนิดหนึงกับคำตอบของราฟาเอล
“พิเศษ.....แบบไหนครับ”
“พิเศษ แบบที่คุณนัทเป็นคนพิเศษกว่าคนอื่นๆ”
คำตอบนี้ยิ่งทำให้นัทงุนงงเข้าไปอีก ราฟาเอลยื่นมือไปจับมือนัทที่วางอยู่บนโต๊ะอีกครั้ง เขาบีบมือนัทเบาๆ พร้อมกับยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“ผมอยากเป็นมิตรสหายกับคุณนะครับ เป็นมิตรสหายที่พิเศษกว่าคนอื่นๆ”
สายตานัททั้งคู่มองเข้าไปที่ใบหน้าของราฟาเอล เขาเข้าใจดีถึงความเป็นมิตรสหาย แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อนัทไม่ใช่มนุษย์ปรกติทั่วไป
“ผมดีใจมากนะครับ คุณราฟาเอล กับมิตรภาพที่คุณให้กับผม ผมไม่ได้รังเกียจคุณนะครับ แต่ว่า.....”
ราฟาเอลปล่อยมือที่กุมมือของนัทไว้ สายตาหลายๆ คู่ในร้านสตาร์บัคเริ่มหันมาจับจ้อง
“แต่ว่าอะไรครับ”
“คือผม ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด ผมไม่เหมือนคนอื่นๆ ทั่วไป”
คำพูดของนัททำให้ราฟาเอลนิ่งอึ้งไปครู่หนึง ก่อนจะยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ผมก็ไม่เหมือนคนอื่นๆ ทั่วไปเหมือนกัน”
นัทพาราฟาเอลมาที่คอนโดทั้งสองนั่งลงบนโซฟาเกือบพร้อมกัน ราฟาเอลเขยิบเข้ามานั่งใกล้นัทจนชิดติดกัน เขาเอื้อมมือทั้งสองโอบกอดนัทไว้ เลื่อนมือข้างหนึงมาลูบที่หน้าผากของนัทเบาๆ ก่อนที่จะก้มลงจูบตรงหว่างคิ้ว นัทรู้สึกตัวเบาหวิว เหมือนกับล่องลอยไปในอากาศ พลันนึกคิดว่า ชายหนุ่มคนนี้เขาเป็นใครกันนะ ทำไมเขาจึงได้แสดงความรักความอ่อนโยนได้ถึงขนาดนี้
นัทเคลื่อนตัวลงนอนหนุนตักของราฟาเอล หลับตาพริ้มหายใจอย่างช้าๆ เหมือนกำลังซึมซับความสุขที่ได้รับ ราฟาเอลยกมือขึ้นลูบที่หัวของนัทไปมาอย่างเบาๆ อย่างเข้าใจในสิ่งที่นัทเป็น มันไม่ต้องเอ่ยคำอธิบาย หรือข้อแก้ต่างใดๆ ราฟาเอลจ้องไปที่ใบหน้าของนัท ขณะที่นัทหลับตาลงบนตักของเขา
แวมไพร์ตัวน้อยที่น่าสงสารกับสิ่งที่เขาเป็น ราฟาเอลรู้สึกสงสารในสิ่งที่เกิดขึ้นกับนัทเป็นอย่างมาก ตั้งแต่วันที่เขาเห็นนัทในวันฝนตกนั่น เขาก็รู้ว่านัทไม่ใช่มนุษย์ทั่วไป แต่เป็นแวมไพร์ ผู้ซึ่งยืนตรงกันข้ามกับเขา หนุ่มน้อยที่ไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรถูกเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ เพราะความจำเป็นของอาร์ทผู้เป็นบรรพบุรุษของเขา
ใช่ ราฟาเอลรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของนัท แม้นัทจะไม่ได้เล่าอะไรให้เขาฟังก็ตาม
นัทยังนอนหนุนหัวอยู่บนตักของราฟาเอล จนเวลาผ่านไปเกือบห้าทุ่ม ราฟาเอลยังมองดูใบหน้าของหนุ่มแวมไพร์ด้วยความรักและห่วงใย จริงอยู่แม้เขากับนัทจะยืนอยู่กันคนละฝาก ระหว่างความมืดกับความสว่าง ระหว่างผู้ได้รับพรกับผู้ถูกคำสาป ทูตสวรรค์ผู้ซึ่งมาหลงรักแวมไพร์หนุ่มดุจบุตรชายของตน ทั้งความรักและความห่วงใยต่างถาโถมเข้ามาในจิตใจของเขา
นัทลุกขึ้นจากการนอน เขามองไปที่ใบหน้าของราฟาเอล แววตาทั้งคู่รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเหมือนเด็กที่ได้รับความรักความเข้าใจ ราฟาเอลยังโอบไหล่ของนัทกอดไว้ นัทเอนกายไปที่ไหลหัวพิงซบไปที่อกของราฟาเอล
“ถูกแล้วครับ คุณนัท ผมไม่ใช่มนุษย์ และก็ไม่ใช่แวมไพร์”
นัทเอนตัวลุกขึ้นนั่งตรง เหลือบตามองไปที่ใบหน้าของราฟาเอล
“แล้วคุณเป็นอะไร”
ราฟาเอลลุกขึ้นจากโซฟาก้าวเท้าเดินไปนอกระเบียงคอนโด นัทก้าวเท้าเดินตามมาติดๆ ราฟาเอลเอี้ยวตัวหันหลังกลับมา เขายืนมองมาที่ใบหน้าของนัทและสิ่งยิ้มให้กับคำถามของนัท
“ผมคือเเองเจิล”
สิ้นเสียงของราฟาเอล ก็ปรากฏแสงสว่างจ้าไปรอบๆ ระเบียง ดุจแสงสปอร์ตไลท์หลายสิบดวงส่องมา นัทยกมือขึ้นป้องใบหน้าจากแสงนั้น แต่แสงสีขาวนั่นเป็นแสงเย็นจึงไมเป็นอันตรายอะไร
นัทค่อยๆ เลื่อนมือที่ป้องใบหน้าออก เขามองเห็นร่างกายของราฟาเอลเปลี่ยนไป ราฟาเอลอยู่ในชุดคลุมสีขาวยาวกรอมเท้ามันระยับ ปีกสองข้างสยายกางออก มีรัศมีวงกรมเรืองแสงปรกคลุมที่ศีรษะ
“ความรักที่ผมมอบให้กับคุณ จงรักษามันไว้นะ”
“แล้วเราจะได้เจอกันอีกไหม”
“แน่นอน”
นัทพยักหน้าตอบรับคำ น้ำตาโลหิตเริ่มเอ่อไหลล้นออกมา ราฟาเอลเดินเข้ามาตรงที่นัทยืน ทูตสวรรค์ราฟาเอลยกมือขึ้นปาดน้ำตาของนัทที่กำลังเอ่อล้นออกมา เมื่อนิ้วของทูตสวรรค์สัมผัสกับน้ำตาโลหิตนั่นมันก็กระจายแตกเป็นระอองแสงสีขาวแวววาวจางหายไป
“อย่าร้องให้เลย”
“แล้วเมื่อไรเราจะได้เจอกันอีก”
ราฟาเอลไม่ได้ตอบกลับ แต่เอื้อมมือไปโอบกอดนัทไว้ ก่อนจะละตัวเดินออกมาแล้วแสงสีขาวสว่างจ้าก็ปลกคลุมทูตสวรรค์นั่นไว้และดับวูบหายไป ทิ้งไว้แต่เงามืดของราตรีในยามค่ำคืนกับแวมไพร์หนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่
นัททรุดตัวลงคุกเข่ามือข้างหนึงเขาจับที่กั้นระเบียงไว้ เขากำลังร้องไห้ น้ำตาโลหิตไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง
“ทำไม ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย”
อาร์ทปรากฏกายมาทางด้านหลังของนัท เขาก้าวเดินเข้าไปหาโน้มกายยื่นแขนไปโอบไหล่ของนัทไว้ นัทเอี้ยวตัวหันกลับมาใช้มือโอบกอดกายของอาร์ทไว้ เสียงสะอื้นๆ ยังระคนอยู่ในลำคอ อาร์ทยกมือขึ้นลูบหัวเขาเบาๆ
“อย่าร้องไห้ไปเลยเจ้าลูกชาย”
“ทูตสวรรค์ได้มาเยี่ยมเยือนเจ้าแล้ว”
......................................... * .........................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ