รวมผลงานชุด วิวาห์ชำระแค้น
เขียนโดย ploythara
วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 12.03 น.
แก้ไขเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556 19.16 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) บทที่ 4
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ4
สามวันต่อมา ยามอิ๋น
จินอ๋องแลหมอหลวงที่ได้รับมอบหมายจากเทียนอวี้ฮ่องเต้ให้ไปนำ ‘สวรรค์หมื่นปี’ กลับมารักษาองค์หญิงทั้งสอง พระชายารองของจินอ๋อง แล แม่ทัพใหญ่แห่งเป่ยมู่ที่ยังสลบไสลอยู่ออกเดินทางจากเป่ยมู่สู่ใจกลางอาณาจักรลิ่วกั๋ว
ห้าเดือนหลังจากนั้น
ทั้งสองเดินทางมาถึงใจกลางอาณาจักรลิ่วกั๋วอย่างปลอดภัย ด่านแรกที่ต้องผ่านคือด่านของมารบูรพาผู้เป้นมังกรฟ้าสามารถบันดาลลมฝนได้ทั้งสองสามารถผ่านไปได้อย่างง่ายดาย ด่านต่อมาเป็นด่านเดินหมากล้อมของเซียนฟางอวี้เสี่ยวที่ต้องทั้งกำลังแลสติปัญญาก่อนจากมาเซียนฟางได้ทิ้งท้ายว่า
“จินอ๋องผู้นี้เป็นผู้มีบุญญาธิการยิ่งนัก ท่านแลคู่ครองของท่านในอดีตชาติเป็นถึงเทพบนสวรรค์แต่โชคร้ายที่ถูกใส่ร้ายจนต้องจุติมารับโทษทัณฑ์ในแดนมนุษย์ ขอให้ท่านพบตัวยาที่จะรักษานางโดยเร็ว”
ด่านที่สามเป็นด่านของปีศาจจิ้งจอกที่จำแลงกายเป็นสตรีเพศรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นหลายสิบนาง ในด่านนี้เขาแลหมอหลวงต้องตามหานางจิ้งจอกเก้าหางซึ่งมีตบะสูงสุดให้ได้เพื่อนำกุญแจทั้งสองดอกที่ได้มามอบให้กับนาง ด่านนี้มิได้ทดสอบความสามารถใดหากแต่เป็นด่านทดสอบความอดทนของบุรุษเพศ บุรุษจำนวนนับมิถ้วนที่เคยผ่านมาถึงด่านนี้ต้องกลายเป็นจิ้งจอกเก้าหางทั้งนั้นเพราะพวกเขาล้วนตกอยู่
ในวังวนสิเนหาที่นางจิ้งจอกจำแลงสร้างขึ้น เขาแลหมอหลวงก็แทบจะหลงคารมของนางจิ้งจอกจำแลงเช่นกันแต่ตลอดช่วงที่เขาเดินผ่านร่างอรชรของเหล่านางจำแลงนั้นเขากลับนึกถึงเพียง ‘นาง’ ที่สลบไสลแลบ้านเมืองของตนเท่านั้น นางจิ้งจอกจำแลงทั้งหลายต่างรู้สึกถึงความมั่นคงในรักของจินอ๋องจึงไม่คิดที่จะขวางทางเขาอีกต่อไป เมื่อพบกับนางจิ้งจอกเก้าหางผู้มีตบะสูงสุดในคราแรกเขาถึงกับตกใจนั่นเพราะ ‘นาง’ มีใบหน้าเหมือนกับอีก ‘นาง’ ที่เขาเฝ้าคะนึงหาอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกราวกับพิมพ์เดียวกัน
“เสวียเสวี่ยเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ข้ากำลังจะนำ ‘บัวสวรรค์หมื่นปี’ กลับไปช่วยเจ้า” เขากล่าวพร้อมเดินเข้าดึงร่างบางเข้ามากอด
“ข้าชื่อ เสวี่ยไป๋ มิใช่ เสวียเสวี่ย ท่านเทพจุติโปรดให้เกียรติข้าด้วย” นางจิ้งจอกเก้าหางกล่าว
“ข้ามิเชื่อ เช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงมีใบหน้าเหมือน ‘นาง’ ราวกับพิมพ์เดียวกันเล่า” เขาถาม
“นั่นเพราะข้าคือ ‘นาง’ เมื่อหลายร้อยปีที่แล้วเช่นไรล่ะ ท่านเป็นสามีของข้าในอดีตชาติ” นางจิ้งจอกเก้าหางตอบแล้วเริ่มเล่าเหตุการณ์ในอดีตชาติ
ในอดีตชาติเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว
เทพบูรพาแลนางจิ้งจอกเก้าหางเสวี่ยไป๋เกิดความรักที่บริสุทธิ์ต่อกัน ทั้งสองพบกันคราแรกในงานชุมนุมท้อสวรรค์ของเจ้าแม่หวังหมู่ที่พันปีจะจัดขึ้นเพียงครั้งเดียว
ตอนนั้นนางถูกจองจำเนื่องด้วยขโมยท้อสวรรค์ที่ปลูกยากแสนยาก ส่วนเขาเป็นเพียงเทพบูรพาฝึกหัดที่มีตบะน้อยนิด เขากำลังเดินชมงานอยู่ก็มีเสียงๆหนึ่งลอยมากระทบโสตประสาทเป็นเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากที่ใดที่หนึ่งในบริเวณนี้ เสียงนั้นดูอ่อนระโหยโรยแรงอย่างเห็นได้ชัด เขารีบหาที่มาของเสียงนั้นทันทีไม่กี่อึดใจต่อมาเขาก็เดินมาหยุดหน้าห้องลงทัณฑ์อันเป็นสถานที่หวงห้ามที่เหล่าเทพมิสามารถเข้าโดยพลการได้ แต่เหตุใดประตูห้องลงทัณฑ์ยังเปิดอยู่เล่าทั้งที่ควรจะปิดแท้ๆ เสมือนเฒ่าจันทราชักนำบุพเพให้เขาแลนางมาพบกัน เสียงนั้นยิ่งใกล้ขึ้นมาเรื่อยๆเขาเดินเข้าไปทีละก้าวทีละก้าวจนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าร่างบางของเสวี่ยไป๋ที่ถูกตรึงด้วยเถาวัลย์พันปีของต้นไม้สวรรค์
“เจ้าทำผิดกระไรกันถึงถูกลงทัณฑ์เยี่ยงนี้” เขาถามนาง
“ข้าขโมยท้อสวรรค์พันปีของเจ้าแม่หวังหมู่ ได้…..ได้โปรดช่วยข้าด้วย” นางกล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง
“เจ้าคงเป็นนางจิ้งจอกเก้าหางที่เซียนแลเทพในงานชุมนุมท้อพันปีพูดถึงสินะ” เขาถาม
แล้วพยายามดึงเถาวัลย์ที่พันข้อมือบางออก
“ใช่ข้าคือนาง ส่วนท่านคือเทพบูรพาฝึกหัดกระมัง” นางตอบแลถามเขากลับ
“ใช่แล้วข้าคือเขา เจ้านามว่าอะไรหรือ” เขาถาม
“ข้าเซี่ยเสวี่ยไป๋ แล้วท่านล่ะ”นางตอบ
“ข้าเยี่ยหงสือ” เขาตอบ
เขาช่วยนางออกมาได้อย่างปลอดภัยแล้วเหตุการณ์นี้ก็ผ่านไปดังเช่นสายลมพัดมิมีผู้ใดสนใจอีกแม้แต่เจ้าแม่แห่งสวรรค์ที่เป็นผู้ลงทัณฑ์นาง ต้นรักผลิบานในใจของหนึ่งเทพฝึกหัด หนึ่งปีศาจอย่างรวดเร็ว ความลับนี้มีผู้ที่รู้ไม่มากเนื่องด้วยเขาแลนางต่างก็รู้ดีว่าเทพกับปีศาจหรือผู้ที่อยู่ต่างภพภูมิมิสามารถรักกันได้ เยี่ยหงสือมีสหายสนิทคนหนึ่งซึ่งนับเป็นผู้ที่รู้ใจเขาที่สุดคือเทพอุดรฝึกหัดลี่เหินเจียง ลี่เหินเจียงนั้นก็แอบรักเสวี่ยไป๋มานานแล้วเช่นกัน แต่นางมิเคยสนใจเขาเลยจึงทำให้เขาเกิดริษยาเยี่ยหงสือสหายรัก
วันหนึ่งเขากำลังฝึกวิชาอยู่เผอิญเห็นเยี่ยหงสือเดินมากับเทพธิดาองค์หนึ่งจึงนำไปเล่าให้เสวี่ยไป๋ฟัง เสวี่ยไป๋มิเชื่อที่เขาพูดจึงไปดูด้วยตัวเองก็พบว่าเยี่ยหงสือกำลังนั่งอยู่กับเทพีฉางเอ๋อร์เทพธิดา แห่งดวงจันทร์ก็เข้าใจผิดคิดว่าเขาได้ปันใจให้กับฉางเอ๋อร์ผู้งดงามที่สุดในแดนสวรรค์แลเป็นสหายรักของนาง นางจึงเดินเข้าไปหาเขาแลฉางเอ๋อร์ด้วยน้ำตานองหน้ากล่าวว่า
“พี่เยี่ย ท่านไม่เห็นอยู่ข้าในสายเลยหรือกลับสนใจแต่สหายรักของข้า”
“มิได้เป็นเช่นที่เจ้าเห็นเสวี่ยไป๋ ข้าเพียงเห็นนางทอดสายตาอาลัยอาวรณ์ลงไปบนมนุษยโลก จึงติดช่วยเหลือนางให้ได้พบกับโฮ่วอี้สักครา” เขาละล่ำละลักกล่าว
ขณะนั้นเองสหายรักผู้มีจิตริษยาก็พาเจ้าแม่แห่งสวรรค์มายังจุดที่ทั้งสามนั่งอยู่ เมื่อพระนางเห็นเช่นนั้นจึงไต่ถามถึงความเป็นมาของเหตุการณ์กับเทพอุดร เทพอุดรได้ทีจึงเพ็จทูลต่อเจ้าแม่แห่งสวรรค์ว่าทั้งสามมีจิตปฏิพัทธ์ต่อกันทำเรื่องเสื่อมเสียให้แดนสวรรค์ เจ้าแม่แห่งสวรรค์ได้ยินดังนั้นก็กริ้วมากสั่งให้ทหารข้างกายมาจับตัวทั้งสามไปลงทัณฑ์ต่อหน้าเง็กเซียนฮ่องเต้ เทพีฉางเอ๋อร์นั้นได้ทูลความจริงให้องค์ประธานแห่ง
สวรรค์ทรงทราบ พระองค์ทรงอนุญาตให้นางกลับไปพบโฮ่วอี้ได้ตามใจปรารถนา ฝ่ายหนึ่งเทพฝึกหัด หนึ่งปีศาจนั้นถูกลงทัณฑ์ให้ไปอยู่บนโลกมนุษย์เรียนรู้ รัก โลภ โกรธ หลง แลกิเลสตัณหาต่างๆ เขาแลนางเกิดมาใช้ชิวิตร่วมกันเกือบจะทุกภพชาติเพราะมีวาสนาต่อกัน แต่ในชาติที่นางวียนมาเกิดป็นจิ้งจอกเก้าหางอีกคราเขากลับเป็นนักปราบปีศาจที่มีตบะสูง เขาในตอนนั้นได้ช่วยนางที่ยังเป็นเพียงลูกจิ้งจอกไว้จากคนใจบาป ด้วยตบะของเขาจึงทำให้เขาระลึกชาติได้ในเวลาต่อมา นางเองเมื่อได้มาอยู่ใกล้ชิดเขาก็รู้สึกผูกพันยิ่งนัก วันเวลาผ่านไปจากลูกจิ้งจอกกลายเป็นจิ้งจอกสาวที่มีขนงามราวกับหิมะขาวเหตุนี้เองนางจึงได้นามว่า ‘เสวี่ยไป๋’ อีกครา นับวันตบะของนางก็ยิ่งสูงขึ้นจนนางสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ความผูกพันระหว่างคนทั้งสองแน่นแฟ้นขึ้นไปอีกจนเขาและนางกลายเป็นสามีภรรยากันในที่สุด แต่โชคร้ายที่ชาตินั้นเขาเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดา เมื่อถึงอายุไขยในอีกสิบปีต่อมาเขาแลนางก็ต้องพรากจากกันอีก นางจึงครองตัวเป็นม่ายมาตลอดเพื่อรอวันที่เขาจะกลับมาพบนาง เรื่องราวระหว่างข้ากับท่านก็เป็นเช่นนี้แหละ กุญแจทั้งสองดอกอยู่ที่ใด” นางจิ้งจอกเก้าหางมองไปที่เขาแล้วถามถึงกุญแจทั้งสองดอกทันทีเมื่อเล่าจบ
“อยู่นี่แม่นางเสวี่ยไป๋เจ้าเอาไปเถิด แต่เหตุใดเจ้าจึงกลับชาติไปเกิดได้ในเมื่อเจ้ายังไม่สิ้นอายุไขยเล่า?” เขาถาม
“ข้ามิได้กลับชาติไปเกิดเช่นที่ท่านคิด ที่ ‘นาง’ มีหน้าตาเหมือนกับข้าราวกับพิมพ์เดียวกันเป็นเพราะนางสืบเชื้อสายมาจากหลานสาวรุ่นที่ห้าของข้า ท่านลองสังเกตดูสิบุตรีทั้งสามของตระกูลกงซุนล้วนมีใบหน้าคล้ายกับข้าแลกล้าหาญอ่อนโยนเช่นท่านในอดีตชาติ เสวียเสวี่ยมิเคยรู้มาก่อนว่ามารดาของนางสืบเชื้อสายมาจากเราทั้งสอง
ท่านจงรีบผ่านประตูนี้ไปเถิดเดี๋ยวจะช่วย ‘นาง’ ไม่ทันการณ์” นางกล่าวพร้อมนำกุญแจทั้งสองดอกไปไขประตูให้เขา ชั่วเวลาเพียงอึดใจเดียวเวลาที่ใจกลางอาณาจักรลิ่วกั๋วก็ผ่านไปสามเดือนของเมืองมนุษย์แล้ว ด่านต่อมาเป็นด่านของเทพอุดรสหายรักในอดีตกาลของเยี่ยหงสือ
“เยี่ยหงสือ ไม่พบกันนานนะ ข้าขอโทษที่ทำให้สหายรักต้องเดือดร้อน หลังจากเหตุการณ์นั้นเจ้าแม่แห่งสวรรค์ทรงระแคะระคายที่ในตัวข้าจึงให้ทหารสวรรค์ติดตามดูพฤติกรรมจนทราบเรื่องที่ข้าใส่ร้ายเจ้า ด้วยพระเมตตาของพระนาง พระนางมิได้ลงโทษให้ข้าจุติเป็นมนุษย์แต่ให้ข้ามาเป็นเทพรักษา ‘บัวสวรรค์หมื่นปี’ ที่ใจกลางอาณาจักรแห่งนี้” เทพอุดรกล่าว
“เรื่องผ่านไปนานมากแล้วไยต้องนำกลับมาคิดเล่า เทพอุดรลี่เหินเจียง ด่านนี้ข้าต้องทำเช่นไรบ้าง?” เขาถาม
“เจ้าตอบข้าสามคำถาม ข้าตอบเจ้าสามคำถามแล้วเจ้าก็จะไปเก็บ ‘บัวสวรรค์หมื่นปี’ ที่ต้องการได้” เทพอุดรตอบ
“ลี่เหินเจียง เจ้าวรยุทธ์ก้าวหน้าถึงขั้นใดแล้วเราประลองกันสามกระบวนท่าดีหรือไม่” เขาถาม
“ดีเหมือนกันประลองไปตอบคำถามไป” เทพอุดรตอบ
ทั้งสองมีฝีมือใกล้เคียงกันผลัดกันรุกผลัดกันรับยากที่จะมีผู้ใดเพลี่ยงพล้ำต่อกัน ผลัดกันถามผลัดกันตอบจนครบสามกระบวนท่า เมื่อครบทั้งสามกระบวนท่าแล้วเทพอุดร
ก็ให้เขาแลหมอหลวงผ่านเข้าไปเก็บ ‘บัวสวรรค์หมื่นปี’ ที่ต้องการได้ ลี่เหินเจียงกำชับว่าต้องกลับออกมาภายในเวลาครึ่งถ้วยชามิเช่นนั้นจะต้องอยู่ในนั้นตลอดไป ในนั้นราวกับสวรรค์แห่งที่สองดูตระการตามาก แต่ทั้งสองหาใส่ใจไม่เดินตรงไปยังสระบัวเพื่อเก็บ ‘บัวสวรรค์หมื่นปี’ แล้วรีบกลับออกมา เมื่อกลับออกมาอีกคราทั้งสองพบว่ามิได้อยู่ใจกลางอาณาจักรลิ่วกั๋วอีกแล้วแต่กลับยืนอยู่หน้าวังหลวงเป่ยมู่
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ