รวมผลงานชุด วิวาห์ชำระแค้น

-

เขียนโดย ploythara

วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 12.03 น.

  13 ตอน
  0 วิจารณ์
  17.87K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556 19.16 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทนำ (วิวาห์วุ่นชุลมุนรัก)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

วิวาห์วุ่นชุลมุนรัก

บทนำ

อาณาจักรลิ่วกั๋ว เป็นอาณาจักรในตำนานโบราณของจีน ประกอบด้วย 6 แคว้นใหญ่คือ หนานมู่ เป่ยมู่ หนานหลี่ เป่ยหลี่ หนานฟง และเป่ยฟง ซึ่งแต่ละแคว้นปกครองด้วยตนเองไม่ขึ้นกับแควันอื่น

อาณาจักรลิ่วกั๋ว แคว้นเป่ยมู่ เมืองชิงหลง          

วันที่ 2 เดือน 2 ยามไฮ่

ฮ่องเต้เสด็จสวรรคตเนื่องด้วยในจอกน้ำจัณฑ์ที่พระองค์ดื่มมีพิษที่ไร้สีไร้ กลิ่นเจือปน ในขณะที่องค์รัชทายาทกำลังนั่งเสวยอาหารในหอหงส์ขาวอย่างสุขสำราญ

“รัชทายาทพะยะค่ะ ฮ่องเต้ทรงสวรรคตแล้ว” องครักษ์อิงวิ่งเข้ามาในบริเวณที่รัชทายาทประทับพร้อมกล่าวด้วยอารามร้อนใจ

“จะให้ข้าทำอย่างไรล่ะอิงเฉาเฉวียน เจ้าไปจัดการเสียเถอะอย่ามาขัดความสุขข้า” มู่ว่านหรงกล่าว

“องค์รัชทายาทเร่งเสด็จกลับวังเถิดพะยะค่ะ เหล่าพระเชษฐาและอนุชากำลังรอพระองค์ไปเข้าหารือ องค์ชายสามทรงให้กระหม่อมมาตามพระองค์” องครักษ์อิงกล่าว

 

 

 

“พี่สามให้เจ้าตามข้าหรือ เห็นที่ข้าต้องรีบกลับไปต่อว่าเขาเสียหน่อยแล้ว   เสี่ยวเอ้อร์มาเก็บเงินด้วย”มู่ว่านหรงกล่าวแล้วเรียกเสี่ยวเอ้อร์มาเก็บเงิน

“คุณชายมู่ทั้งหมดสามสิบตำลึงเงิน ขอรับ”เสี่ยวเอ้อร์กล่าว

“เอาไปห้าสิบตำลึงเงิน ไม่ต้องทอน”มู่ว่านหรงกล่าวแล้วรีบเดินออกจากร้านไปขึ้นเกี้ยว

“นี่! ท่านจะรีบไปไหนกัน” สตรีนางหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยมถามเขา

“ข้าขอโทษแม่นาง ข้ามีธุระต้องรีบไป” เขาตอบแล้วเดินอย่างรีบร้อน

“นี่! มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนเจ้าคนนิสัยไม่ดี ทำน้ำแกงหกใส่ชุดข้าแล้วคิดหนีไปง่ายๆหรือ” สตรีนางนั้นกล่าว

“ข้าขอโทษเจ้าแล้วนี่ยังต้องการสิ่งใดอีก หรือว่าเจ้าต้องการเงิน นี่! เงินร้อยตำลึงเอาไปซื้อชุดใหม่ได้ตามสบาย” เขากล่าว

“คุณชายมู่ คุณหนูซูอย่าทะเลาะกันเลยขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์รีบเข้ามาห้ามก่อนที่เกิดจีนมุง

“ได้ ข้าจะหยุดเพียงเท่านี้ครั้งหน้าค่อยมาคิดบัญชีกับท่านคุณชายมู่” นางกล่าว

“เสี่ยวเอ้อร์แม่นางเมื่อครู่เป็นใครกัน” มู่ว่านหรงถาม

“นางคือ ซูอวี้หลิน บุตรีท่านราชอารักษ์ซู มีฉายาในยุทธภพว่า ‘เซียนกระเรียนแดง’ ขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์ตอบ

 

 

 

“ที่แท้นางก็คือหยกน้อยเองหรือ โตขึ้นแล้วงามมากไม่ขี้ริ้วเหมือนตอนเด็กๆ เสี่ยวเอ้อร์นางมาที่นี่บ่อยหรือไม่” เขาพึมพำกับตนสักครู่แล้วถามเสี่ยวเอ้อร์ที่ยืนงงอยู่ข้างตัว

“สองครั้งในหนึ่งสัปดาห์ขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์ตอบ

“รัชทายาทสายแล้วนะพะยะค่ะ รีบไปกันเถิดเดี๋ยวไม่ทันหารือ” องครักษ์อิงเตือน

“ข้ารู้แล้วน่า รีบแล้วไม่เห็นหรืออย่างไรจะบ่นไปใยองครักษ์อิง” เขากล่าวอย่างเสียอารมณ์

วังหลวงเป่ยมู่

     เกี้ยวขององค์รัชทายาทถูกคนหามวางลงแล้วใช้ไม้ยาวเลิกม่านขึ้นเพื่อให้องค์รัชทายาทลงจากเกี้ยว เหล่าพระญาติที่กำลังหารือกันอย่างเคร่งส่งต้าเกอ หรือ องค์ชายใหญ่มู่ฉางฟงออกมารับ

“น้องเจ็ดทุกคนกำลังรอเจ้าอยู่” มู่ฉางฟงกล่าว

“ต้าเกอ ท่านก็รวมหัวกับพวกเขาด้วยหรือแต่ไหนแต่ไรมา ท่านเอ็นดูน้องเจ็ดผู้นี้ที่สุด เหตุใดต้องบีบให้ข้ามายุ่งเกี่ยวกับงานราชการบ้านเมืองเช่นในยามนี้ด้วยเล่า” มู่ว่าน

หรงกล่าว

“เจ้าจะต้องปกครองบ้านเมืองต่อจากเสด็จพ่อในอีกไม่กี่เพลานี้ นี่เป็นราชกิจแรกที่เจ้าต้องกระทำ” มู่ฉางฟงกล่าวแล้วเดินนำไปยังตำหนักไห่ซิงที่ตั้งอยู่ด้านหน้าราชวัง

ตำหนักไห่ซิง

เจ้ากรมกลาโหม หรือองค์ชายสามมู่จินหยวน นั่งอยู่ทางด้านซ้ายกับองค์ชายรอง องค์ชายชายเก้า องค์ชายสิบ และ องค์ชายสิบสาม องค์ชายสิบสี่ ส่วนด้านขวาทุกที่นั่งล้วน

ถูกจับจองหมดแล้วโดยเหล่าองค์หญิงแห่งเป่ยมู่ ซึ่งประกอบด้วย องค์หญิงสี่มู่กุ้ยผิง องค์หญิงห้า องค์หญิงหก องค์หญิงแปด องค์หญิงสิบเอ็ด และ องค์หญิงสิบสอง พวกเขานั่งรอรัชทายาทมาเกือบสองชั่วยามแล้ว

“พี่รองข้าว่ารัชทายาทไม่มาหรอก” องค์ชายเก้ามู่เสียนอี่กล่าว

“รออีกสักครู่เถิด ข้าว่ารัชทายาทต้องมาแน่” องค์หญิงห้ามู่เสี่ยวเชียนกล่าว

“น้องห้า น้องเก้า โปรดอย่ากังวลข้าพารัชทายาทกลับมาแล้ว” เสียงทุ้มพร่าเสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของทุกผู้

“ถวายบังคมต้าเกอ รัชทายาทหรง” ขันทีหลินยอบกายทำความเคารพ

“หลินชิง ลุกขึ้นได้” เขากล่าว

“ขอบพระทัยต้าเกอ รัชทายาทหรง” ขันที่หลินกล่าว

“พวกท่านมีสิ่งใดจะหารือกับข้าหรือ หากเป็นเรื่องเสด็จพ่อข้าสั่งให้คนไปสืบดูแล้ว” มู่ว่านหรงกล่าว

 

 

 

“น้องเจ็ดเจ้าควรเข้าพิธีเสวยราชย์ในเร็ววัน เพื่อลดการชิงบัลลังก์ของเราพี่น้อง” องค์ชายรองมู่จงกล่าว

“เหลี่ยงเกอข้าคิดว่าควรจัดพิธีเสวยราชย์ในอีกสองสัปดาห์ ท่านว่าอย่างไร” มู่จินหยวนกล่าว

“พี่สามข้าว่าเราควรจัดงานถวายพระเพลิงพระบรมศพเสด็จพ่อแล้วแก้แค้นให้พระองค์ก่อนนะ” มู่ว่านหรงกล่าว

“ต้าเกอท่านว่าอย่างไร” มู่จินหยวนและมู่ว่านหรงถามพร้อมกัน

ขณะนั้นเองหมิงอวิ๋นซานผู้ที่รัชทายาทให้ไปสืบหาตัวผู้ปลงพระชนม์อดีตฮ่องเต้ก็กลับมาแจ้งว่า

“รัชทายาท องค์ชาย องค์หญิงทุกพระองค์กระหม่อมทราบแล้วว่าพิษที่อยู่ในถ้วยสุราเป็นพิษชนิดใด มันคือพิษ ‘ดาราดับ’ ของหนานหลี่เป็นพิษร้ายแรงสามารถคร่าชีวิตคนได้ภายในเสี้ยววินาทีพะยะค่ะ”

“หนานหลี่หรือ พวกนั้นมีจุดประสงค์ใดกันแน่ทำไมต้องปลงพระชนม์เสด็จพ่อ”

มู่จินหยวนสงสัย

 

 

 

“คงเพราะเคยมีเรื่องบาดหมางกันมาแต่อดีตกระมังพะยะค่ะ ฮองเฮาหนานหลี่คนปัจจุบันเคยเป็นคนรักของฮ่องเต้ก่อนที่ต้องเข้าพิธีอภิเษกกับฮ่องเต้หนานหลี่”

หมิงอวิ๋นซานกล่าว

“เมื่อทราบจุดประสงค์ของหนานหลี่แล้วเราควรส่ง ‘หนอนบ่อนไส้’ เข้าไปสืบข่าวในวังหลวงหนานหลี่ที่เมืองกิเลนแดงแล้วค่อยทำศึกรวบหนานหลี่มาอยู่ใต้อาณัติของเราตั้งเป็นอาณาจักรต้ามู่ ทุกคนเห็นด้วยกับข้าหรือไม่” มู่จินหยวนถาม

“พี่สามข้าว่าสิ่งที่ท่านพูดมาก็ดีนะ แต่เราส่งใครไปดีล่ะ” รัชทายาทกล่าว

“ข้าว่าพี่ห้า กับ พี่แปดเหมาะสมที่สุดแล้วให้แม่ทัพหมิงตามไปดูแลอีกคน”องค์ชายสิบสี่มู่หย่งเหยียนกล่าว

“ข้าว่าน้องสิบสี่พูดมาก็ถูกนะ พี่น้องทุกคนเห็นว่าอย่างไร” องค์ชายสิบมู่ฟงกล่าว

“น้องห้า น้องแปดเจ้ายินดีจะไปปฏิบัติภารกิจสำคัญนี้หรือไม่” มู่จินหยวนถาม

“ข้ากับน้องแปดไม่ไปมิได้หรือเรายังมิเคยไปต่างเมืองสักครั้งเกิดไปทำสิ่งผิดหูผิดตาขึ้นมาจะเป็นเช่นไร” องค์หญิงห้ามู่เสี่ยวเชียนตอบ

“น้องห้า น้องแปดเราต้องปกป้องบ้านเมืองให้สงบร่มเย็ม ในยามนี้หนานหลี่ลอบกันเราส่งนักฆ่าเข้ามาในวังปลงพระชนม์เสด็จพ่อหากพวกเราที่มีศักดิ์เป็นโอรสธิดาไม่ปกป้องแผ่นดินแล้วอาณาประชาราษฎร์จะเป็นอย่างไร” องค์ชายใหญ่ที่นั่งเงียบมาเป็นเวลานานกล่าวขึ้น

 

“พวกข้าไปก็ได้ รัชทาทายาทเพคะเราขอเสนอให้เสนาบดีกงซุนและบุตรีทั้งสามร่วมปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ด้วย” องค์หญิงแปดมูเซียงหลันกล่าว

“ได้ ขันทีหลิวไปตามท่านราชอารักษ์ซูมาพบเราสิ” มู่ว่านหรงกล่าว

“พะยะค่ะ” ขันทีหลิวที่ยืนอยู่ด้านข้างรีบเดินไปตามราชอารักษ์ซูทันที

เมื่อราชอารักษ์ซูมาถึงรัชทายาทก็สั่งให้เขียนสาสน์สองฉบับ ฉบับแรกเป็นสาส์นส่งตัวให้แก่องค์หญิงทั้งสองและแม่ทัพหมิง ใจความว่า “ข้ารัชทายาทแห่งเป่ยมู่ต้องการจะสานสัมพันธ์เป็นบ้านพี่เมืองน้องกับหนานหลี่จึงส่งน้องสาวของข้าสองนางที่ไว้ใจได้แลยอดแม่ทัพแห่งเป่ยมู่ไปเป็นทูต รบกวนฮ่องเต้หนานหลี่ดูแลพวกเขาด้วยเถิด

ส่วนฉบับที่สองส่งไปยังจวนเสนาบดีทางตอนกลางของเมืองชิงหลง ใจความว่า    “ขณะนี้บ้านเมืองเกิดเหตุระส่ำระสาย ฮ่องเต้ทรงสวรรคตกะทันหันด้วยพิษของ

หนานหลี่ขอให้ท่านเสนาบดีแลบุตรีทั้งสามร่วมปฏิบัติภารกิจครั้งนี้กับองค์หญิงห้า องค์หญิงแปด แล แม่ทัพหมิงอวิ๋นซานภายใต้การบังคับบัญชาขององค์ชายสาม

จวนเสนาบดี

กงซุนเหยียนหลี่กำลังนั่งหารือเรื่องบัญชีรายรับ-รายจ่ายของตระกูลที่ห้องโถงใหญ่กับฮูหยินทั้งสองและบุตร-บุตรี พ่อบ้านกงก็เดินมาแจ้งว่าหลิวกงกงนำราชโองการของรัชทายาทหรงมาให้ เขาจึงบอกให้พ่อบ้านไปเชิญหลิวกงกงเข้ามาในห้องโถง

“เสนาบดีกงซุนและบุตรีทั้งสามรับราชโองการ”หลิวกงกง

 

 

กงซุนเหยียนหลี่และครอบครัวรวมถึงบรรดาบ่าวแลสาวใช้ที่อยูในห้องโถงคุกเข่าลงถวายคำนับต่อราชโองการ

“ขณะนี้บ้านเมืองเกิดเหตุระส่ำระสาย ฮ่องเต้ทรงสวรรคตกะทันหันด้วยพิษของหนานหลี่ขอให้ท่านเสนาบดีแลบุตรีทั้งสามร่วมปฏิบัติภารกิจครั้งนี้กับองค์หญิงห้า องค์หญิงแปด แล แม่ทัพหมิงอวิ๋นซานภายใต้การบังคับบัญชาขององค์ชายสาม” หลิวกงกงหล่าวข้อความในราชโองการ

“รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ/เพคะ” กงซุนเหลียงและบุตรีทั้งสามกล่าวพ้อมกัน

“พ่อบ้านกงไปส่งหลิวที่หน้าบ้านหน่อยไป” กงซุนเหยียนหลี่สั่ง

“ขอรับ” พ่อบ้านกงรับคำ

เมื่อหลิวกงกงกลับวังไปแล้วกงซุนเหยียนหลี่ก๊หารือต่อสักครู่แล้วจึงรับประทานเย็นจากนั้นเขาก็สั่งให้ กงซุนอิงอิง กงซุนเสวี่ยเหมย แล กงซุนอวี้เหลียนกลับไปเก็บสัมภาระที่จำเป็นที่ห้องของตนเองเพื่อเตรียมตัวเดินทางในอีกสองเดือนข้างหน้า

ยามเฉินวันต่อมา ตลาดริมแม่น้ำชิงเจียง

กงซุนเสวี่ยเหมยแลสาวใช้คนสนิทนาม เสี่ยวเฟย กำลังเลือกผ้าสำหรับตัดม่านผืนใหม่ที่ร้านผ้า ‘ไหมมิ่งมิตร’  นางและสาวใช้เลือกผ้าอย่างประณีตมาเกือบชั่วยามแล้วซึ่งเจ้าของร้านก็มีได้ตำหนิอะไรเนื่องจากคุ้นเคยกับคนจวนเสนาบดีเป็นอย่างดี ยี่สิบนาทีหลังจากนั้นก็ตรบชั่วยามพอดีลูกค้าที่มาเลือกผ้าต่างก็ทยอยกันออกจากร้านไปที

 

ละกลุ่ม มีลูกค้ากลุ่มใหม่เข้ามาอยู่เรื่อยๆในกลุ่มนั้นมีบุรุษกลุ่มหนึ่งที่แต่งกายลึกลับเข้ามาเลือกผ้าด้วย บุรุษกลุ่มนั้นมีจำนวนห้าคนไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้พวกเขาแม้สักคน พวกเขายืนอยู่ใกล้ๆกับนาง

“นี่! แม่นางข้าจะผ้าผืนนี้” บุรุษคนหนึ่งในกลุ่มนั้นพูดและดึงผ้าจากมือเรียวดุจหยกของนาง

“คุณชายท่านนี้ ผ้าแพรผืนนี้ข้าเป็นผู้เลือกก่อนเหตุใดท่านจึงมาหยิบไปจากมือข้า” นางกล่าว

“แม่นางข้าก็บอกแล้วอย่างไรเล่าว่าจะเอาผ้าแพรผืนนี้หากต้องการผ้าแพรผืนนี้ก็นำตัวเจ้ามาแลกสิ แม่นางคนงาม” บุรุษผู้นั้นกล่าว

“ท่านไปห่างๆข้าเลยนะ อย่ามาแตะตัวข้า” นางกล่าว

“แม่นางจะปัดป้องไปใยเล่า จะช้าจะเร็วอย่างไรก็ต้องออกเรือนอยู่แล้ว” บุรุษที่ยืนข้างๆนางกล่าว

“พี่ใหญ่ท่านทำตามสบายเลยพวกเราจะขวางทางออกนางเอง” บุรุษทั้งสี่ที่ยืนอยู่หน้าประตูกล่าวพร้อมเดินเข้ามาล้อมรอบนาง

“พวกท่านโปรดอย่าก่อเหตุทำลายข้าวของในร้านข้าเลย” เหล่าจางเจ้าของร้าน

กล่าวหวังจะยุติสถานการณ์

“ท่านจางข้ากับสาวใช้ไม่ได้ทำลายข้าวของในร้านท่านนะ พวกเขาเข้ามาแย่งผ้าไปจากมือข้า เสี่ยวเฟย เจ้าออกไปตามคนมาช่วยข้าสิ” นางกล่าวแล้วหันไปสั่งสาวใช้

 

“คุณหนูเสวี่ยเหมยโปรดอย่ากังวล ข้าหาได้ตำหนิท่านไม่ ข้าตำหนิบุรุษข้างท่าน” เหล่าจางกล่าว

“ท่านจางข้าแค่เลือกผ้าผืนเดียวกับนางแล้วเผอิญชอบนางเท่านั้น” บุรุษที่อยู่ข้างเสวี่ยเหมยกล่าวแล้วเกี้ยวพาราสีนางต่อโดยไม่สนใจสายตาผู้ใด

ทางด้านเสี่ยวเฟยนางพยายามเดินเลี่ยงลูกสมุนทั้งสี่ของบุรุษที่เกี้ยวพาราสีคุณหนูอย่างสุดความสามารถจนสามารถออกจากร้านผ้า‘ไหมมิ่งมิตร’   ได้สำเร็จนางเดินไปตามทางด้วยความรีบร้อนจนเกินไปทำให้ขาแพลงเพราะสะดุดกับก้อนหิน

“โอ๊ย!” นางอุทานขึ้นแต่ก็ยังเดินต่อไปไม่ยอมหยุดพักจนกระทั่งชนเข้ากับมู่จินหยวนอย่างแรงเป็นเหตุให้นางล้มลง

“แม่นางผู้นี้เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง” มู่จินหยวนถาม

“ข้าข้อเท้าแพลงเล็กน้อยเท่านั้น ขอบคุณคุณชายที่เป็นห่วง” เสี่ยวเฟยตอบ

“ข้าจะทำแผลให้เจ้า ข้าศึกษาเกี่ยวกับแพทย์มานาน” มู่จินหยวนกล่าวแล้วก้มลงประคองนางไปนั่งที่เก้าอี้ยาวที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด ระหว่างที่ก้มนั้นเองหยกประจำราชวงศ์ เป่ยมู่ก็ร่วงลงจากกระเป๋าเสื้อด้านในของเขา เสี่ยวเฟยตาโตเป็นไข่ห่านเมื่อเห็นหยกร่วงลงบนหญ้านางรีบเก็บขึ้นมาแล้วก็ต้องประหลาดใจขึ้นไปอีกเมื่อพบว่าที่หยกสลักอักษรหยวนซึ่งเป็นนามขององค์ชายสาม

“คุณชายเจ้าคะ นี่หยกของท่านใช่หรือไม่” นางยื่นหยกที่เก็บได้ให้มู่จินหยวน

“ใช่ นี่เป็นหยกประจะตระกูลของข้า” มู่จินหยวนตอบ

“องค์ชายหยวนเพคะ โปรดไปช่วยคุณหนูรองของหม่อมฉันที่ร้านผ้า ‘ไหมมิ่งมิตร’ด้วยเถิด นางกำลังถูกชายกลุ่มหนึ่งรุมทำร้าย” เสี่ยวเฟยทูล

“ได้สิ ข้ายินดีช่วยนางด้วยความเต็มใจว่าแต่เจ้าเถอะคราวหน้าคราวหลังเดินระวังหน่อยจะได้ไม่เจ็บตัว” มู่จินหยวนกล่าว

“ขอบพระทัยเพคะ” เสี่ยวเฟยทูล

ร้านผ้า ‘ไหมมิ่งมิตร’       

เหล่าจางพยายามปกป้องเสวี่ยเหมยจากพวกอันธพาลอย่างเต็มกำลังจนตนก็ถูกพวกอันธพาลทำร้ายเช่นกัน พวกนั้นไม่เพียงทำร้ายเหล่าจางแต่ยังไล่คนออกไปจนหมดและบังคับให้เขาปิดร้านด้วย ลูกค้าพากันหวาดวิตกกลัวเหล่าจางซึ่งสูงวัยแล้วรับมือกับพวกมันไม่ไหวจึงพยายามช่วยกัน กงซุนเสวี่ยเหมยแม้จะเป็นเพียงอิสตรีร่างกายบอบบางแต่หาได้อ่อนแอไม่ นางต่อสู้กับตัวการที่ทำให้ร้านผ้า ‘ไหมมิ่งมิตร’ กลายเป็นสมรภูมิรบด้วยวรยุทธ์ที่นางมีติดตัวอยู่บ้างจากการฝึกกับอาจารย์หญิงที่เขาไท่ไป๋เมื่อ

สิบปีที่แล้ว แต่ลำพังเพียงกำลังอิสตรีอย่างนางหรือจะปกป้องตนเองและเหล่าจางได้ไม่

มีทางเสียกระมัง พวกมันนั้นวรยุทธ์สูงกว่านางถึงสองเท่า เอ๊ะ! แต่ประเดี๋ยวสินางจำผู้ที่ยืนอยู่ข้างนางได้แล้วเขาคือ หนันกงเลี่ยง น้องชายต่างมารดาของ หนันกงอวี๋ ราชครูหนานหลี่

 

 

 

“หนันกงเลี่ยง ท่านเป็นถึงน้องชายของราชครูแห่งหนานหลี่ไยมีพฤติกรรมต่ำทรามเช่นนี้ที่นี่มิใช่บ้านของท่าน ท่านควรประพฤติตนเยี่ยงผู้อื่นที่มาเที่ยวเมืองชิงหลง คือให้เกียรติเจ้าของบ้าน” นางตำหนิด้วยวาจาสุภาพนิ่มนวลแต่ฟังแล้วเจ็บแสบ

“เจ้า….” หนันกงเลี่ยงโกรธมากหลังจากที่ได้ยินนางตำหนิจึงรวบตัวนางเข้าหาอ้อมอกของเขาแล้วก้มลงจะจุมพิตนางแต่เสียงทุ้มเสียงหนึ่งลอยเข้ามากระทบโสตประสาทเสียก่อน

“เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้ นางเป็นว่าที่พระชายาของข้า” แน่นนอนว่าเสียงนี้หาใช่เสียงของใครไม่นอกจากองค์ชายสามที่ได้รับการขอร้องให้ช่วยเหลือกงซุนเสวี่ยเหมยนั่นเอง

“นึกว่าผู้ใดกล่าวให้ข้าหยุด ที่แท้ก็องค์ชายหยวนขี้แพ้นั่นเองท่านแพ้ข้ากับพี่ใหญ่และน้องสี่มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ยังคิดจะเทียบชั้นกับข้าอีกหรือพะยะค่ะ” หนันกงเลี่ยงกล่าว

“คุณชายรองหนันกงวางใจเถิดครั้งนี้ข้าจะไม่แพ้ท่านอีกแน่ อีกอย่างข้าจะให้ท่านราชครูหนันกงอบรมท่านให้รู้จักที่ต่ำที่สูง รู้จักสิทธิของผู้อื่น และ รู้จักบุญคุณคน” มู่จินหยวนกล่าว

“พี่อวี๋รักและตามใจข้ามาตั้งแต่เด็ก เขาไม่ทางเชื่อท่านว่าน้องสามของเขาจะทำเช่นนี้

ดอก” หนันกงเลี่ยงกล่าว

 

 

“ดี เช่นนั้นมาต่อสู้กันสักตั้ง แต่ต้องไปข้างนอกเข้าใจหรือไม่คุณชายรองหนันกง หากองค์ชายขี้แพ้ผู้นี้ชนะเจ้าต้องปล่อยแม่นางคนนี้และสาวใช้ของนาง” มู่จินหยวนท้าประลอง

“ได้ พะยะค่ะ” หนันกงเลี่ยงรับคำท้าแล้วเดินนำลูกสมุนทั้งสี่ออกไปนอกร้านโดยยังมิได้ปล่อยกงซุนเสวี่ยเหมยให้เป็นอิสระ

ทั้งสองผลัดกันรุกผลัดกันรับจนกระทั่งถึงกระบวนท่าสุดท้าย แม้หนันกงเลี่ยงจะได้เปรียบมากกว่าเพราะใช้วิธี ‘หมาลอบกัด’ แต่ก็พ่ายแพ้องค์ชายสามในที่สุดดังเช่นสำนวนว่าธรรมะย่อมชนะอธรรม หนันกงเลี่ยงนั้นเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น เอาแต่ใจตน และ เห็นตนเป็นใหญ่เหนือคนอื่นเสมอมา จริงอยู่ว่าครั้งนี้เขาเป็นผู้แพ้ให้กับองค์ชายสามแห่งเป่ยมู่แต่สักวันเขาจะต้องแก้แค้นองค์ชายสามให้จงได้! และที่สำคัญเขาจะต้องได้กงซุนเสวี่ยเหมยไปเป็นฮูหยินของเขา

“ปล่อยนางได้แล้ว พวกเราไป” เขาหันไปสั่งลูกสมุนทั้งสี่แล้วเดินนำออกจากร้านอย่างเสียอารมณ์

“พี่เลี่ยง จะปล่อยนางไปหรือ” อาเยิ่น หรือ สิงเยิ่น หนึ่งในลูกสมุนของหนันกงเลี่ยงถามขึ้นหลังจากเดินออกจากร้านผ้าได้ระยะหนึ่ง

“ไม่หรอก ข้าจะต้องได้นางเป็นฮูหยินไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม” หนันกงเลี่ยงกล่าว

 

 

ทางด้านมู่จินหยวนและกงซุนเสวี่ยเหมยต่างก็ช่วยเหล่าจางทำความสะอาดร้านผ้าโดยมิได้สนใจกันสักเท่าใดเลย กงซุนเสวี่ยเหมยเพียงเอ่ยขอบพระทัยองค์ชายสามที่มีน้ำใจช่วยเหลือนางเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนมู่จินหยวนน่ะหรือเขาไม่แม้แต่จะปรายตามองนางด้วยซ้ำเอาแต่ช่วยเหล่าจางจัดพับผ้าที่ระเกะระกะอยู่ให้เรียบร้อย นี่!นางเป็นถึงคุณหนูรองผู้เพียบพร้อมแห่งจวนเสนาบดีกงซุนเชียวนะ บุรุษทั่วหล้าต่างก็ปรารถนาในตัวนางแต่องค์ชายสามผู้นี้กลับวางท่าเฉยเมยใส่นาง นางกล่าวขอบพระทัยแต่เขากลับ…หึ!นางต้องทำให้เขาสนใจในตัวนางให้ได้นางขอสาบาน

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา