[SHAM] รักนี้ไม่มีลวง

8.4

วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 08.17 น.

  12 ตอน
  1 วิจารณ์
  18.06K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556 08.25 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) [SHAM] รักนี้ไม่มีลวง #08

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
[8]
 
เซน่ากระทืบเท้าขัดใจก่อนจะเดินปึงปังไปทางห้องน้ำ คอลล์ดูรูปอีกครั้งแล้วหัวเราะคนเดียว เธอเซฟรูปไว้และเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากางเกง หันกลับไปที่จานข้าวผัดที่ยังทานกันไม่ถึงไหน
“ยัยเด็กอนุบาล...” คอลล์ยิ้มกับข้าวผัดในจานของเซน่า ก่อนจะยกเข้าไปที่ครัว จัดการหั่นผักหลากสีให้เป็นชิ้นเล็กๆ ไม่แพ้อาหารเด็กหนึ่งขวบ
คอลล์กำลังวางจานของเซน่ากลับลงบนโต๊ะอาหาร เมื่อเด็กสาวคนนั้นเดินออกมาจากทางเดิน
“ฉันใช้ผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในห้องน้ำนะ” เด็กสาวคนนั้นบอกห้วนๆ และเช็ดหน้าตัวเองต่อไป
คนตัวสูงได้แต่ยืนตาค้าง งุนงงเล็กน้อยว่าเด็กสาวตรงหน้าตอนนี้จะใช่คนเดียวกับที่เธอรู้จักรึเปล่า
“มองไรยะ” เซน่าทำตาดุ แต่บนแก้มใสกลับมีร่องรอยของความอาย
คอลล์ไม่ได้ถอนสายตาจากใบหน้าใสทันที แต่เธอกำลังพิจารณาความน่ารักสมวัยของคนตรงหน้า กับเรือนผมสีน้ำตาลที่เปียกชื้นทำให้ลอนใหญ่ที่ดัดไว้คลายตัวจนมันดูเหมือนผมหยักศกธรรมชาติ กับหน้าตาเกลี้ยงเกลาที่ไร้เครื่องสำอาง กับดวงตากลมโตแบบที่ไม่ต้องใช้ขนตาปลอมกับมาสคาร่ามาคอยช่วย และกับปากเล็กที่มีสีระเรื่อตามธรรมชาติของเด็กสาวในวัยนี้
“พอไม่มีเครื่องสำอางแบบนี้ ค่อยดูเป็นคนขึ้นหน่อย” คอลล์ไม่วายกัดเด็กสาวออกไปก่อนจะรีบหันกลับมาที่โต๊ะอาหาร รู้สึกจิตใจอยู่ไม่เป็นสุขพิกล
ส่วนเซน่าแทนที่จะหาคำมาตอกกลับไปเหมือนทุกที เธอกลับรู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ รอบๆ ตัว เป็นความรู้สึกกึ่งๆ จะทำให้ใจเต้น แต่ก็ไม่ถึงกับต้องหน้าแดงตามจังหวะของหัวใจที่เต้นแรงขึ้นเล็กน้อย อาจเป็นเพราะสีหน้าออกจะเขินของคนตัวสูงนั่นล่ะมั้งที่ทำเอารอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเธออย่างไม่รู้ตัว
“นี่อะไรอะ” เด็กสาวหาหัวข้อสนทนามาหยุดบรรยากาศชวนเขิน
คอลล์ได้ยินดังนั้น จึงรีบจับประเด็นนั้นมาสานต่อ พยายามทำให้ความรู้สึกครุกรุ่นแปลกๆ ในใจจบลง “ก็ทำให้ผักมันเล็กลงจะได้ทานง่ายๆ ไง” เธอพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่คนทั่วไปต้องรู้ “ยัยเด็กอนุบาล”
“ไม่ใช่เด็กอนุบาลสักหน่อยเหอะ” เซน่าทำแก้มป่อง โยนค้อนวงใหญ่ให้คนตรงข้าม
คอลล์ได้แต่ยิ้มกับอาการของเด็กสาวที่ทำตาขวางใส่เธอแต่มือเล็กนั้นกลับตักข้าวผัดเข้าปากท่าทางอร่อย
“เป็นไง ดีกว่าเมื่อกี้ใช่มั้ย” เจ้าของบ้านถาม
“ก็งั้นๆ เหละ ก็ทานง่ายขึ้นนิ๊ดนึง”
“ปากแข็ง” คอลล์ได้แต่ขำ
เซน่าจึงแตะหน้าแข้งคนตรงข้ามให้เต็มเปาอย่างหมั่นไส้ “พูดมาก”
“ฉันเป็นคนป่วยอยู่นะ อย่ารุนแรงนักสิ” คอลล์ไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าแบบไหนแต่เด็กสาวฝั่งตรงข้ามกลับดูขวยเขิน
“ไม่ ..ไม่ต้องมาพูดมาก เมื่อกี้นายบอกเองว่าไม่เป็นไร” ปากเล็กของเซน่าขยับอย่างเร็ว ท่าทางของเธอดูจะไม่รู้ว่าควรเอามือไว้ตรงไหน แล้วควรทำหน้าอย่างไรดี “ไม่อยู่กับคนเพี้ยนๆ อย่างนายแล้ว ฉันกลับดีกว่า” เธอวางช้อนและดื่มน้ำ
คอลล์ลุกขึ้นมาส่งเซน่าที่หน้าประตู ยืนดูเด็กสาวใส่รองเท้าและส่งกระเป๋าสะพายใบเล็กให้เซน่า
“ไปนะ” เซน่าบอกแบบไม่แน่ใจ
“วันหลังก็แวะมาจับผิดฉันอีกนะ” คอลล์ยิ้มบางให้เด็กสาวที่เปิดประตูให้ตัวเอง
“ไม่มาเด็ดขาด เรื่องอะไรที่ฉันต้องมาจับผิดนายอีก เชอะ” เซน่าแลบลิ้นทิ้งท้ายแล้วออกไปยืนหน้าประตู เธอหันมามองคนตัวสูงที่ยังยิ้มบางมาให้ “ว่าแต่ ฉันมาได้อีกใช่เปล่า?”
คอลล์วางมือลงบนหัวของเด็กสาวอย่างอ่อนโยน “บอกแล้วว่าอยากมาจับผิดฉันเมื่อไหร่ ก็มาได้เลย” พร้อมยิ้มกึ่งขำให้เซน่า
เซน่าหลบหน้าหลบตาเสียวุ่นวายก่อนจะปัดมือคอลล์ออกจากหัวตัวเองและเดินเร็วๆ ไปที่ลิฟท์
“เดินดีๆ นะ” คอลล์บอกส่งท้ายก่อนจะเห็นเซน่าเดินเข้าไปในลิฟท์
คอลล์กลับเข้ามาในห้องชุดกว้างขวาง และรอยยิ้มก็จางหายไป... ความรู้สึกคล้ายความโดดเดี่ยวเข้ามาเยี่ยเยือนอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว คอลล์ถอนหายใจยาวเมื่อมองจานสองใบที่ยังวางนิ่งอยู่บนโต๊ะอาหาร แปลกเหลือเกินที่เธอกลับคิดถึงเด็กสาวปากร้ายเจ้าของจานใบนั้นซะได้ ทั้งที่เซน่าไม่ได้มีความสำคัญใดๆ กับชีวิตของเธอ แต่ทำไมในความคิดของเธอกลับมีเสียงเล็กๆ นั้นดังก้องอยู่ ...ทำไมนะ ไม่ว่าจะมองไปที่จุดไหนของห้องเธอกลับเห็นภาพใบหน้าอายๆ ของเซน่าปรากฏขึ้น และแปลกเหลือเกินที่สุดท้ายแล้ว ความรู้สึกที่หลงเหลืออยู่ในจิตใจกลับเป็นความเจ็บร้าว คอลล์มองตัวเองในเงาสะท้อนบนตู้ในห้องครัว เธอขยับมือมาสัมผัสบริเวณอกของตัวเอง และยิ่งให้รู้สึกเจ็บปวด ถ้าหากเธอเป็นโจลันจริงๆ เธอคงไม่ต้องมาคอยเก็บงำความรู้สึกพวกนี้ไว้ในส่วนลึก เธอคงอาจจะกล้าเอ่ยคำพูดที่วนเวียนอยู่ในหัวออกไปโดยไม่ต้องกลัวว่าคนที่ได้ฟังจะมีความรู้สึกอย่างไร...ถ้าเป็นไปได้เธอก็อยากจะเป็นพี่ชายของเธอเหลือเกิน
.....
“เฮ้ น้องรัก...” เสียงโหวกเหวกของโจลันดังมาก่อนตัวเขาเสียอีก และมันยังปลุกให้คอลล์สะดุ้งตื่น
คอลล์พลิกตัวบนเตียงและคิดถึงแผนที่ตั้งใจไว้ว่าจะทำวันนี้อย่างหดหู่ เพราะฟังจากเสียงพี่ชายฝาแฝดของเธอแล้ว คาดว่าจะมีงานเข้าแน่นอน
โจลันกระโดดขึ้นบนเตียงนุ่มของน้องสาว “แกไม่ล็อคประตูอีกแล้วนะ” เขาพูดเร็วแล้วต่อด้วยธุระทันที “เฮ้ย ตื่นได้แล้ว ลูกค้าเมื่อวันก่อนเขาจ้างบริษัทเราแล้วนะเว้ย...”
คอลล์พลิกมานอนหงายหรี่ตามองคนที่ยิ้มแป้นแล้นอยู่ตรงหน้า “แล้วทำไม?” เธอพลิกตัวไปนอนกอดหมอนข้างและหลับตาลงอีกครั้ง
โจลันแกล้งโยกเตียงให้คนที่นอนงัวเงียอยู่อารมณ์บูด “ลุกขึ้นเร็วแกต้องไปทานมื้อเที่ยงกับลุงๆ พวกนั้น แล้วคุยงานนะ”
“นี่มันวันอาทิตย์ แล้วก็ยังเช้าอยู่เลยนะ” เสียงพึมพำๆ ดังลอดออกมาจากหมอนข้าง
“เช้าบ้านแกสิ สิบโมงแล้วโว้ย แกจะนอนกินบ้านกินเมืองรึไง ลุกเร็ว ทำงานๆ” คยพี่เขย่าตัวน้องแรงๆ เชิงหยอก
“ฉันง่วง วันนี้นายไปเองเหอะ”
“เออ ก็ได้ๆ งั้นสงสัยฉันต้องยกเลิกหนังสือที่สั่งจองไว้แล้วสิ” โจลันพูดลอยๆ รอยยิ้มพอใจปรากฏบนหน้าเมื่อเห็นคนที่นอนอยู่ออกอาการหูผึ่ง
คอลล์ดีดตัวลุกขึ้นนั่งและมองพี่ชายอย่างสนใจ “ใช่อย่างที่ฉันคิดรึเปล่า”
โจลันพยักหน้าอย่างผู้ชนะ “แบบครบชุดด้วย”
“ฉันอาบน้ำก่อน” คนน้องรีบลุกออกจากเตียง “เก็บเตียงให้ด้วยนะพี่ชาย” เธอหันมาบอกด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะหายออกไปจากห้องนอน
“กับพี่กับเชื้อแกยังกล้าใช้งานอีกนะ” ชายหนุ่มบ่นกับตัวเอง
“แค่สามนาที...” เสียงคอลล์แว่วมาให้ได้ยิน ทำเอาโจลันอดหัวเราะไม่ได้
โจลันบอกเส้นทางไปที่ร้านอาหารและรายละเอียดของลูกค้าให้คอลล์ไปพลางในขณะที่ช่วยน้องสาวแต่งตัวเป็นตัวเขา
“กินอะไรไปก่อนมั้ย” โจลันถามขึ้น
“อืม ก็ดี” คอลล์จึงหยุดมือที่กำลังจะสวมเสื้อสูทและหย่อนก้นลงนั่งที่โต๊ะอาหาร รอให้โจลันเสริ์ฟขนมปังปิ้งทาเนย
“แกไปถูกนะ” คนเป็นพี่ทักขึ้นเมื่อคอลล์ทานขนมปังปิ้งสองแผ่นเสร็จแล้ว
“อืม..เฝ้าบ้านดีๆ ล่ะ”
“ฉันไม่ใช่หมานะ” โจลันช่วยจัดเสื้อสูทและเนคไทให้น้องสาว
โจลันโบกมือส่งน้องสาวเสร็จ เขาจึงปิดประตูและไปล้มตัวเอนหลังบนโซฟา นิ้วกดรีโมทหาช่องที่น่าสนใจ แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เขามองนาฬิกาบนผนังแล้วสงสัยว่าน้องสาวของเขาคงลืมอะไรสักอย่างถึงได้ย้อนกลับมา โจลันลุกขึ้นและไปเปิดประตู
“ลืมอะ...อ้าว” โจลันชะงักเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตู “น้องเซน่า...” เขายิ้มแหยๆ ให้เด็กสาวที่แต่งหน้าเข้มและไม่ลืมส่งตาดุไปให้เจ้าแมวสีขาวที่มองเขม่นเขากลับมาจากในอ้อมกอดของเซน่า
เด็กสาวผู้มาเยือนมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างพิจารณา ความตื่นเต้นเมื่อตอนที่จะกดกริ่งหายวับไปแล้ว
“นี่ นาย...” เซน่าพยายามทำความเข้าใจความรู้สึกแปลกๆ ตอนนี้
“มีอะไรหรอครับ” โจลันรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
เซน่าพิจารณาคนตรงหน้าอีกครั้งตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอแน่ใจว่านี่ก็คือโจลัน...แต่เธอกลับรู้สึกว่าคนๆ นี้ไม่ใช่โจลันแบบที่เธอรู้จัก เมื่อคืนเธอแทบนอนไม่หลับเพราะความรู้สึกตื่นเต้นจากการพูดคุยกับโจลันคนเมื่อวาน แต่ตอนนี้ คนตรงหน้าคนนี้กลับทำให้เธอหมั่นไส้ซะงั้น
“นายคือโจลันลูกลุงคาร์ล...” เด็กสาวถามออกไป
“กะ ก็ใช่ครับ” โจลันเหงื่อตกเพราะสายตาจ้องจับผิดของเซน่ากำลังสแกนไปทั่วตัวเขารวมถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาแสดงออกมา “ขะ เข้ามาก่อนสิครับ” เขาเปิดประตูให้กว้างขึ้นเพื่อต้อนรับคนที่เขาไม่ค่อยอยากจะต้อนรับสักเท่าไหร่
เซน่าเดินไปนั่งที่โซฟาอย่างวางมาด เธอปล่อยไลออนไว้ข้างตัวแล้วมองตามชายหนุ่มร่างสูงที่เข้าไปในมุมครัวเพื่อบริการน้ำให้แขก
โจลันเหลือบมองคนที่นั่งหลังตรงอยู่ที่โซฟาแล้วหันกลับมาทำหน้าเครียดใส่แก้วน้ำในมือ เขาคงแสดงพิรุธมากไป เด็กสาวคนนั้นจึงเอาแต่จ้องจับผิดเขา จริงสิ...โจลันนึกได้ น้องสาวของเขาเป็นพวกปากร้ายและคอลล์ก็บอกว่าครั้งแรกที่เธอเจอกับเด็กสาว ทั้งสองคนก็ปะทะคารมกันแล้ว แสดงว่าเมื่อกี้เขาทำตัวสุภาพมากเกินไป เด็กสาวจึงผิดสังเกต
โจลันสูดหายใจและออกมาจากมุมครัว วางแก้วน้ำไว้บนโต๊ะกาแฟตรงหน้าเซน่าและนั่งลงที่เก้าอี้โซฟาอีกตัวพร้อมยิ้มบาง
“ตกลงว่าน้อง..เอ้ย เธอ มีอะไร ถึงได้มาที่นี่” โจลันเริ่มปอดเมื่อเห็นสายตาดุในระยะใกล้ของเด็กสาว
เซน่าจ้องโจลันอยู่อึดใจก่อนจะละสายตาและล้วงกล่องขนมกล่องเล็กออกมาจากกระเป๋าสะพาย “ฉันว่าง ก็เลยมาเยี่ยม..เอาไป ซื้อมาฝาก” เซน่าผลักกล่องคุกกี้ให้โจลัน
“ขะ ขอบใจ” โจลันรับมางงๆ
“คือว่า จริงๆ แล้วฉันมีอะไรอยากให้นายช่วยหน่อย” อยู่ๆ เซน่าก็เริ่มหัวข้อใหม่
“น้อง เอ้ย เธอมีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยครับ”
เซน่าจ้องโจลันสิบวินาทีด้วยคิ้วขมวด แล้วเธอก็เริ่มพูดต่อ “ฉันต้องไปแคมป์กับโรงเรียนสองวัน อยากให้นายช่วยดูแลไลออนหน่อย” เธอจับตัวเจ้าแมวขาวขึ้นมาและส่งให้โจลัน
โจลันมองไลออนอย่างขยาด แต่ก็ต้องเอื้อมมือไปรับเจ้าแมวขนฟูนั่น แค่นิ้วของโจลันสัมผัสพุงกลมๆ ของเจ้าแมวขาวเท่านั้น ไลออนก็ดิ้นพราดและกระโดดพรวดลงพื้นทันที มันหันมาขู่โจลันฟ่อๆ ก่อนจะเดินหลบไปที่ด้านหลังโซฟา
“แปลกนะ” เซน่ากอดอกหน้าตาขมึงตึง “นี่ นายมีอะไรปิดบังอยู่รึเปล่า?”
โจลันรู้สึกร้อนจัดจนเหงื่อไหล เอาแล้วไง คำถามที่ไม่อยากตอบกำลังมาเยือนแล้ว
“ฉันว่านายดูแปลกๆ นะ อืม...” เซน่าเกาคางอย่างใช้ความคิด “..หรือว่านายเป็นโรคสองบุคลิก?”
โจลันโล่งอกเล็กน้อยที่เซน่าเดาผิด แต่ก็ต้องชื่นชมเด็กสาวช่างสังเกตคนนี้เหละนะ เพราะเธอพูดได้เกือบตรงประเด็นที่เขาและน้องสาวปิดบังอยู่
“เอ่อฉันไม่มีอะไรปิดบังสักนิด เธอคิดมากไปเองรึเปล่า...”
เซน่าเอาแต่จ้องโจลันแบบไม่ละสายตาคล้ายกับว่าบนใบหน้าของชายหนุ่มมีสิวเม็ดใหญ่ชวนบีบ ส่วนโจลันก็ได้แต่พยายามยิ้มหน้าตายเหมือนไม่มีลับลมคมในใดๆ
“แน่นะ” เด็กสาวขู่
โจลันพยักหน้า “แน่นอนจ้ะ”
“แล้วทำไมไลออนถึงได้กระโดดหนีนายไปแบบนั้น”
“ก็ เอ่อ วันนี้มันคงอารมณ์ไม่ค่อยดีมั้ง” โจลันบอกเรียบทั้งที่หัวใจเขาเต้นแรงแทบระเบิดออกมาแล้ว
เซน่าดูจะไม่เชื่อในสิ่งที่ชายหนุ่มบอก
“อ้อ แล้วน้อง เอ้ย เธอจะไปแคมป์กี่วันหรอ” โจลันรีบเปลี่ยนหัวข้อ
“สองวันไง บอกไปแล้วนี่”
“ฮ่ะๆ นั่นสินะ”
“นายเป็นไรมากมั้ยเนี่ย”
“เปล่าๆ ไม่เป็นไร ฉันสบายดี..มาก” โจลันหัวเราะกลบเกลื่อน
โจลันแอบปาดเหงื่อที่ผุดผายตามหน้าผาก เขาจะทำยังไงดีกับสายตาเอาเรื่องคู่นั้น ไม่ได้ๆ โจลันพูดกับตัวเองในใจ เขาจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ยิ่งฝ่ายตรงข้ามเป็นแค่เด็กผู้หญิงแบบนี้ ถ้าเขาแพ้ก็เสียเชิงชายหมด
โจลันกระแอมเบาๆ แล้วนั่งอกผายไหล่ผึ่งเรียกกำลังใจของตัวเองกลับมา “ว่าแต่ ทำไมเธอต้องเอาไลออนมาฝากฉันด้วยเนี่ย” เขาเฮอยู่ในใจที่ใช้คำพูดและน้ำเสียงแบบฉบับของคอลล์ได้เหมือนมาก “สัตว์เลี้ยงของตัวเอง ก็ต้องรับผิดชอบเองสิ หรือไม่ก็ให้คนที่บ้านเธอดูแลมันก็ได้”
เซน่ามองโจลันนิ่งอีกครั้ง ก่อนจะพิงหลังกับโซฟาท่าทางผ่อนคลายกว่าเมื่อครู่ “ป๊ะป๋ากับพี่ไม่ค่อยว่างนี่ แล้วไลออนก็ไม่ค่อยชอบพวกเมดที่บ้านด้วย แล้วฉันก็เห็นว่านายสนิทกับไลออนดี ใช่มั้ย”
“จะว่างั้นก็ได้” โจลันหัวเราะฝืด
“งั้นนายก็ไม่มีปัญหา ขอบใจนะ” เด็กสาวยิ้มออกเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้อง “ฉันกลับเลยดีกว่า”
โจลันรีบลุกขึ้นตามเด็กสาว รอยยิ้มกว้างระบายอยู่บนใบหน้าของเขา อารมณ์ตอนนี้ดีใจจนแทบอยากลงไปนอนกลิ้งบนพื้น
“ทำไมต้องดีใจขนาดนั้นด้วย” เซน่าทำตาขวาง
“เปล่าๆ”
“เปล่าอะไร นายนี่ท่าจะบ้าไปแล้วนะ”
เพราะโจลันทำตัวมีพิรุธอีกครั้ง เซน่าจึงหันมาจ้องจับผิดเขาอีก ในห้องจึงเกิดบรรยากาศตึงเครียดขึ้นช้าๆ แล้วอยู่ๆ เด็กสาวก็ยิ้มพรายออกมาให้โจลันทั้งเสียววาบและแปลกใจ
“ว่าแต่ ฉันหิวจัง ทำอะไรให้ทานหน่อยสิ” เซน่าทำเสียงอ้อนที่ฟังดูน่ากลัว
“เอ่อ...” โจลันลังเลว่าควรจะตอบแบบไหนดี
“ไม่ได้หรอ ข้าวผัดที่นายทำให้ฉันทานเมื่อวานน่ะ อร่อยมากเลยนะ” เด็กสาวเริ่มยิ้มเหี้ยม
“ถ้างั้น รอแป๊บนะ” โจลันรีบพุ่งเข้าครัวเพื่อหลบสายตาพิฆาตของเซน่า
โจลันเปิดตู้ต่างๆ ดูข้าวของในครัว ในสมองกำลังคิดหาทางออก เอาไงดีๆ เขาได้แต่เครียด “ข้าวผัดๆ...” เขาพูดพึมพำไปมารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะถูกเชือดในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ “ข้าวผัดไหนว่ะเนี่ย!”
.................................................................................................................................................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา