[SHAM] รักนี้ไม่มีลวง
เขียนโดย หมาน้อยพิทักษ์ดวงดาว
วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 08.17 น.
แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556 08.25 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) [SHAM] รักนี้ไม่มีลวง #11
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
[11]
เซน่าเดินเข้ามาใกล้ครัวเงียบๆ คนที่กำลังง่วนอยู่กับการปรุงรสอยู่นั้นจึงไม่ทันได้สังเกต เธอยืนมองคนตัวสูงคนนั้น
แล้วรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาเมื่อนึกถึงอ้อมกอดของเขาและรอยจูบแผ่วเบาที่หน้าผาก มันทั้งอ่อนโยนและอบอุ่นอย่างที่เธอ
ไม่เคยรู้สึกมาก่อน และมันทำให้ใจของเธอเต้นระรัวอยู่ในอก เธอหลงรักคนตรงหน้านี้อย่างไม่อาจหยุดยั้งได้ แต่มันก็
เป็นได้เพียงแค่ความฝัน เธอไม่อาจบอกความรู้สึกใดๆ ออกไปได้ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจ แต่เธอก็รู้ตัวดีว่าเธอกับคน
ตรงหน้านี้ไม่อาจเป็นได้มากกว่าเพื่อน...
ไลออนกระโดดขึ้นไปบนเคาน์เตอร์และเอาหัวของมันถูกับแขนของคอลล์อย่างอ้อน
“ไง หิวแล้วล่ะสิ” คอลล์ขยับออกจากหน้าเตาและกำลังจะหันไปเปิดตู้เอาอาหารแมว “อ้าว...” คอลล์หันมาเห็นเด็กสาว
ในชุดเสื้อยืดกับกางเกงผ้าตัวหลวมของเธอยืนนิ่งอยู่ ใบหน้าอ่อนใสนั้นไร้เครื่องประทินผิวใดๆ และมันทำให้เด็กสาว
ตรงหน้าดูน่ารักมากขึ้นกว่าเดิม แก้มแดงระเรื่อกับมือเล็กๆ ที่ประสานกันไว้อย่างสำรวมช่วยเปลี่ยนเซน่า ยัยเด็กดื้อ
แก่นคนนั้นไปเป็นเด็กสาวที่ทำให้ใจเต้น...
คอลล์รีบหลบหน้าหันกลับไปที่ตู้เก็บของและดึงถุงอาหารเม็ดของไลออนออกมา เธอตัดสินใจแล้วว่าจะทำทุกอย่างให้
เป็นปกติ จะไม่ให้หัวใจตัวเองสั่นไหว และจะไม่ทำให้เด็กสาวต้องสับสนอีกแล้ว
“...พอแต่งตัวแบบนี้ก็ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นนะ” เธอบอกออกไปขณะเทอาหารเม็ดลงในถ้วยของไลออน
“...” เซน่ารู้ว่าตัวเองอยากจะร้องไห้มากแค่ไหน แต่เธอไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้คนตัวสูงเห็น เธอจึงได้แต่ฝืน
ยิ้มและแสร้งทำเสียงให้เป็นปกติ “ปากเสีย ฉันเป็นคนดีอยู่แล้วล่ะย่ะ”
คอลล์ยิ้มอยู่คนเดียว ก่อนจะหันไปปิดเตาและตักข้าวต้มใส่ถ้วย แล้ววางถ้วยข้าวต้มทั้งสองลงที่โต๊ะอาหาร “มานั่งนี่สิ
เดี๋ยวจะทายาให้” เธอเลื่อนเก้าอี้ให้เซน่านั่ง แล้วรีบไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลมา “ดึงขากางเกงขึ้น”
“อย่ามาทำเสียงสั่งกับฉันนะ”
“จ้าๆ คุณหนู” คอลล์คุกเข่าลงตรงหน้าเซน่า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเด็กสาวพร้อมยิ้มกวน “งั้นคุณหนูช่วยดึงขา
กางเกงขึ้นหน่อยได้มั้ย”
เซน่ารีบหลบตาแล้วดึงขากางเกงขึ้นอย่างว่าง่าย
“อาจจะแสบหน่อยนะ” คอลล์ค่อยๆ ทายาลงบนรอยถลอกที่เข่าของเซน่า
“โอ๊ยๆๆ” เซน่าโวยวายขึ้นพร้อมรัวกำปั้นใส่ไหล่ของคอลล์
“นี่ๆ ยัยเตี้ย ตีฉันแบบนี้ เดี๋ยวก็พลาดทำเธอเจ็บยิ่งกว่านี้หรอก”
“ก็ทำให้มันดีๆ หน่อยสิ ฉันเจ็บนะ”
คอลล์ได้แต่ขำหน้าตาเจ็บปวดเกินจริงของเด็กสาว “เอ้า ต่อไปที่ศอก”
เซน่ายื่นแขนออกมา คอลล์ยืดตัวขึ้นและจับแขนเล็กนั้นไว้ ทายาให้อย่างเบามือที่สุดเท่าที่ทำได้ หน้าตาเด็กสาวบอก
ชัดว่าพยายามเก็บอาการเจ็บอย่างแข็งขัน
“เก่งมาก” คอลล์ขยี้ผมของเซน่าอย่างเอ็นดู “ที่มือล่ะ เป็นไงบ้าง” เธอดึงมือเล็กของเด็กสาวมาดูรอยถลอก “ตรงนี้ไม่
ต้องทายาแล้วกัน”
“อือ”
คอลล์เก็บกล่องปฐมพยาบาลและกลับมานั่งที่ฝั่งตรงข้ามกับเซน่า “อร่อยมั้ย?”
มือของเด็กสาวชะงักไปเล็กน้อย แก้มใสมีรอยแดงขึ้นมาอีกระลอก “ก็งั้นๆ เหละ”
“ปากไม่เคยตรงกับใจเลยนะ” คอลล์หัวเราะเบา “พูดความจริงบ้าง มันก็ไม่ทำให้เสียฟอร์มหรอก”
เซน่าวางช้อน สายตามองอ้อยอิ่งอยู่ที่ถ้วยของอีกฝ่าย “แล้วนายล่ะ...”
“ทำไม?”
“...บอกความจริงให้ฉันรู้บ้างได้มั้ย...” เด็กสาวช้อนดวงตากลมขึ้นมองคนตรงข้ามอย่างจริงจัง
คอลล์วางช้อนลงบ้าง ถ้าหากโจลันไม่เคยบอกเธอไว้ก่อน เธอคงจะแสดงอาการพิรุธออกมาแล้ว... เธอมองสบตากับ
เซน่า “หมายความว่ายังไง...”
“นายเป็นใคร?...” เซน่าไม่ยอมหลบตาอีกแล้ว เธออยากมองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้น คู่ที่ตอนนี้ดูแข็ง
กร้าวและปิดบังทุกสิ่งทุกอย่างที่เธออยากรู้ไว้อย่างมิดชิด
คอลล์เพียงแต่ยกยิ้มที่มุมปาก ทำให้คนถามรู้สึกหงุดหงิด
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าทำไม” เซน่าเสียงดังขึ้นเล็กน้อย “แต่ที่ฉันรู้คือนายในตอนนี้ไม่เหมือนนายก่อนหน้านี้ มัน
เหมือนกับว่านายมีสองคน ฉันเอาแต่คิดเรื่องของนาย...” เด็กสาวเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอีกครั้ง “...คิดว่าทำไมนาย
ถึงเป็นแบบนี้ บางทีก็เย็นชา ทำตัวห่างเหินกับฉัน แต่บางทีกลับอบอุ่น ถึงจะชอบแกล้งฉัน แต่นายในตอนนี้ก็ใจดีแล้ว
ก็อ่อนโยน...นายที่อยู่ต่อหน้าฉันตอนนี้ คือใครกันแน่”
คอลล์ได้แต่นั่งนิ่ง อึ้งกับคำพูดที่ไหลพรั่งพรูจากปากของเด็กสาว อยากเข้าไปกอดและปลอบใจร่างบางนั้น แต่ก็ไม่
กล้าพอที่จะเผยความจริงที่เธอกับพี่ชายอุตส่าห์เก็บซ่อนไว้
“ฉันชอบนายในตอนนี้ ฉันสบายใจที่ได้อยู่กับนายในตอนนี้...” เซน่าสูดหายใจลึกแล้วเช็ดหยดน้ำตาหยาดสุดท้าย
“อธิบายให้ฉันเข้าใจหน่อยได้มั้ย เรื่องของนาย...”
คอลล์กำหมัดแน่น เก็บอารมณ์ที่มันพลุ่งพล่านไปทั่วร่างให้สงบลง ในสมองมีแต่ความต้องการให้ทุกอย่างจบลงที่ตรงนี้
ให้มันจบลงเหมือนไม่เคยมีตัวเธอมาแล้วตั้งแต่แรก
“ฉันก็คือฉัน” คอลล์เก็บมือตัวเองลงจากโต๊ะอาหารเพราะกลัวว่ามันจะขยับไปกุมมือเล็กนั้นไว้ด้วยความห่วงใย “ฉัน
ดีใจนะที่เธอรู้สึกแบบนั้นกับฉัน” เธอยิ้มกว้างที่ดูก็รู้ว่าแสแสร้ง “มา ทานกันต่อเถอะเดี๋ยวจะเย็นซะก่อน” น้ำเสียงไม่
จริงใจนั้นฟังดูเปล่งเหมือนไม่ใช่เสียงของเธอ
คอลล์ตักข้าวต้มเข้าปาก ไม่รับรู้อีกแล้วว่าของในปากรสชาติอย่างไร เพราะตอนนี้ใจของเธอมีแต่รสขมปร่าที่ไม่
สามารถคายออกมาได้ เซน่ายังคงนั่งนิ่ง ครั้งหนึ่งเธอเงยหน้าขึ้นเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็กลับไปก้มหน้าอีกครั้ง
บรรยากาศรอบโต๊ะอาหารจึงเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน ที่ไม่รู้ว่าจุดจบอยู่ที่ใด
“นายชอบพี่ใช่มั้ย” อยู่ๆ เซน่าก็พูดขึ้น สายตาจับจ้องมือของตัวเองที่กำลังคนข้าวต้ม
คอลล์วางช้อนและดื่มน้ำ ไม่รู้สึกอยากอาหารอีกต่อไปแล้ว “ใช่”
คนถามชะงักมือไปอึดใจก่อนจะยิ้มกับถ้วยของตัวเอง “นั่นสินะ พี่น่ะทั้งสวย น่ารัก นิสัยก็ดี ถ้านายจะชอบพี่ก็ไม่แปลก
เลย”
“เธอเองก็น่ารักนะ”
เซน่าผุดลุกขึ้นและตบโต๊ะเสียงดัง “อย่าพูดแบบนั้นนะ นายรักพี่ ก็ต้องชมพี่ได้แค่คนเดียว”
“ก็แค่...”
“พอได้แล้ว ฉันกลับดีกว่า” เซน่าเดินเร็วเท่าที่ขาของเธอจะอำนวยหายไปทางห้องนอน สักครู่จึงกลับออกมาในชุด
ของตัวเอง
เซน่าแทบไม่มองคอลล์ด้วยซ้ำเมื่อเธอคว้าตัวไลออนที่กำลังอร่อยอยู่กับอาหารแมว เธอเดินปึงปังไปที่ประตูและกำลัง
ใส่รองเท้าอยู่ เมื่อคอลล์มาหยุดอยู่ที่ด้านหลังของเธอ
“เราจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้เลยหรอ” คอลล์ถามเบา มือที่สัมผัสไหล่ของเด็กสาวบีบเล็กน้อย
เซน่าตัวสั่น เธอสะบัดมือของคอลล์ออกและหันหน้าที่อาบด้วยน้ำตากลับมามองคอลล์อย่างเจ็บปวด ก่อนจะรีบเปิด
ประตูและหายไปพร้อมด้วยเสียงประตูที่ปิดดังปัง... คอลล์คุกเข่าลงตรงนั้น มันจบแล้ว อย่างที่เธอตั้งใจ ...มันจบแล้ว...
.....
โจลันเปิดรูปที่เขาถ่ายไว้เมื่อเช้าให้น้องสาวฝาแผดของเขาดูพร้อมรอยยิ้มกริ่ม หน้าตาดูมีความสุขที่ได้หยอกน้อง
ตัวเอง
“เนื้อหอมไม่เบาเลยนะน้องฉัน ทั้งคนทั้งแมว”
คอลล์ทานกีวี่อบแห้งแล้วถอนใจยาวเมื่อเห็นรูปในโทรศัพท์ของพี่ชาย อยากจะต่อว่าโจลันที่แอบเข้ามาในห้องนอน
ของเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ระดับอารมณ์ในตอนนี้ไม่อำนวยให้เธออยากเปิดปากพูดหรือต่อล้อต่อเถียงกับพี่
ชาย... เซน่ากอดเอวของเธอ คอลล์ลูบท้องตัวเองรู้สึกพิกลคล้ายอาการเขิน แล้วก็ต่อด้วยความรู้สึกเหี่ยวเฉาเมื่อนึกได้
ว่าเมื่อเช้าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“เจ้าแมวตัวแสบกลับไปแล้วใช่มั้ย” โจลันมองรอบตัว
“อือ” คอลล์ส่งภาพที่โดนแอบถ่ายเข้าสู่โทรศัพท์ของตัวเธอเอง ถึงจะอยากลืมไอ้ความรู้สึกบ้าๆ นี้ไป แต่หน้าตาตอน
เด็กสาวหลับก็ดูดีไม่น้อยเลย...
โจลันสำรวจดูว่าหมอนอิงใบไหนที่มีขนแมว เขาโยนหมอนใบนั้นออกห่างจากตัวเขาที่ใส่ชุดสูทราคาแพงแล้วคว้ากีวี่
อบแห้งไปทาน ระหว่างที่คอลล์ดูรูปอื่นๆ ในเครื่องของพี่ชาย แต่แทนที่จะเป็นภาพทั่วๆ ไปอย่างที่เธอคิดว่าจะได้เห็น
ภาพส่วนใหญ่ที่ปรากฏขึ้นกลับเป็นภาพของพี่ชายฝาแฝดของเธอกับเอวีน่าในสถานที่และบรรยากาศต่างๆ
“นายกับคุณเอวีน่าดูเหมาะกันดีนะ” คอลล์คืนโทรศัพท์ให้พี่ชาย
“ใช่มั้ยล่ะ หนุ่มหล่อคู่กับสาวสวย” โจลันหัวเราะถูกใจคำพูดตัวเองแต่เมื่อเห็นอีกคนหน้าตาย นั่งนิ่งเขาก็หยุดเสียง
หัวเราะไป “เป็นอะไร?”
“ฉันกำลังคิด...” คอลล์มองดูรูปเซน่าหน้าตาเลอะเทอะเมื่อครั้งที่เธอถ่ายเอาไว้ “...ว่าจะกลับไปฝรั่งเศส”
“เฮ้ย ทำไมอยู่ๆ แก... แล้ว แล้วงานของบริษัทเราล่ะ” โจลันผุดลุกผุดนั่งอย่างทำอะไรไม่ถูก มือไม้สะเปะสะปะไปทั่ว
“ฉันทำเกือบจะเสร็จแล้ว คิดว่าอีกวันสองวันก็เรียบร้อย” คนน้องบอกหน้าเฉย
คิ้วของโจลันขมวดมุ่น เขาลุกจากที่ตัวเองมานั่งเบียดน้องสาว “เกิดอะไรขึ้นกับแก”
“ไม่มีอะไร ฉันแค่คิดถึงที่นู้น ก็เท่านั้น”
“โกหก” โจลันผลักหัวคอลล์เบามือ “แต่ไหนแต่ไรแกไม่เคยโกหกได้เนียนสักที ดูสิสายตาแกมันฟ้องว่าแกอยากจะ
ร้องไห้แค่ไหน”
คอลล์โผเข้ากอดคอพี่ชายและตั้งต้นร้องไห้ทันที โจลันลูบหัวน้องอย่างปลอบใจ
“ฉันไม่ได้เห็นน้ำตาแกตั้งแต่ที่แกตกต้นไม้ตอนสิบขวบ” คนพี่พูดปนเสียงหัวเราะ “สงสัยฉันต้องเก็บน้ำตาแกใส่ขวด
เอาไปตั้งโชว์ซะแล้วมั้ง” เขาหัวเราะและทำให้คอลล์พลอยหัวเราะไปด้วย
คอลล์เช็ดน้ำตาทั้งที่ยังหัวเราะ นึกขอบคุณพี่ชายอยู่ในใจ ครั้งนี้ยอมรับแล้วว่าโจลันสมควรเป็นพี่มากกว่า
“ถ้าเป็นเรื่องของเอวี่...ฉันยังยืนยันคำเดิมนะ ว่าฉันยอมให้แกได้” โจลันดึงหัวน้องสาวมาพิงกันกับหัวของเขา
“งั้นฉันขอคุณเอวีน่าไปล่ะกัน” คอลล์บอกเรียบ
“เอาจริงหรอ?” คนถามซะอีกที่ทำเสียงอ่อย ไม่มั่นใจ
แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างไม่ได้นัดกัน
“ฉันชอบเซน่า” คอลล์บอก หยุดเสียงหัวเราะของคนทั้งคู่
โจลันหันมามองน้องสาวเขม็ง สายตาหาเรื่อง “ถ้าอย่างนั้น แกจะกลับไปฝรั่งเศสอีกทำไม”
“เพราะชอบเซน่า ฉันจึงไม่อยากอยู่ที่นี่”
“เพราะ?”
คอลล์ยกเข่าขึ้นมากอด “เพราะคนที่เธอชอบไม่ใช่ฉัน แต่เป็นนาย”
“จะบ้ารึไง คนที่น้องเซน่าชอบก็คือแกนั่นเหละ”
“ฉันที่แสดงเป็นนาย...ยังไงก็ไม่ใช่ฉัน” คอลล์บอกยิ้มๆ เมื่อเห็นพี่ชายของเธอสีหน้าเจื่อนด้วยเพราะมีความผิด
“ฉันขอโทษ...” โจลันบอกหน้าเศร้า “ถ้าฉันไม่บังคับแกตั้งแต่แรก แกคงไม่ต้องมานั่งเสียใจแบบนี้”
คอลล์ส่ายหน้าและยิ้มให้พี่ชาย “ไม่หรอก ถ้าไม่ใช่เพราะนาย ฉันคงไม่ได้กลับมาที่นี่ ได้เจอพ่อ ได้เจอนาย ได้เจอ
คุณเอวีน่า แล้วก็ยัยตัวแสบนั่น”
“แต่ว่า...”
“อย่าพูดมากน่า” คอลล์ตัดบทแล้วเปิดโทรทัศน์ขึ้น “นายช่วยจองตั๋วให้ด้วยแล้วกัน”
“มันก็ได้อยู่หรอก...แต่แกไม่ลองคิดอีกนิดหรอ”
“ฉันคิดดีแล้ว ...นายกลับไปเหอะ ฉันจะรีบทำงานให้เสร็จ” คอลล์คว้าเอกสารต่างๆ มาเปิดดู ข้อความในหน้า
กระดาษไม่ได้ถูกประมวลผลเข้าสู่สมอง แต่มันเป็นเหตุผลข้ออ้างที่ดีที่จะทำให้เธอได้อยู่คนเดียว เธอไม่อยากให้
โจลันมาเห็นความอ่อนแอ พ่ายแพ้ในตัวเธออีกแล้ว
โจลันนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น มีคำพูดอีกมากมายเหลือเกินที่เขาต้องการพูดกับคอลล์ แต่ในเมื่อน้องสาวของเขาออกปากไล่
เขา ก็แปลว่าคอลล์กำลังเจ็บปวดและต้องการอยู่คนเดียว เขาจะทำอะไรได้ นอกจากเว้นที่ว่างไว้ให้น้องสาวได้ปล่อย
อารมณ์ที่เธอพยายามเก็บกลั้นเอาไว้ อ้อมกอดและคำพูดปลอบใจโง่ๆ ของเขาไม่เพียงพอที่จะช่วยซ่อมแซมบาดแผล
ในใจของหญิงสาวได้อีกแล้ว
โจลันดึงหัวของคอลล์ไปกอด “เราเป็นฝาแฝดกันนะ ถ้าเผื่อแกลืม” เขาบอกพร้อมรอยยิ้ม
คอลล์ไม่ได้ตอบอะไร ดวงตารื้นน้ำคู่นั้นกำลังมองนิ่งอยู่ที่เอกสารในมือ จนเมื่อได้ยินเสียงเปิดและปิดประตู น้ำตาที่
พร้อมอยู่แล้วที่หางตาก็ไหลอาบแก้มอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันกลับเนิ่นนานและสร้างความเจ็บปวดให้หัวใจมากมายเกิน
คาดคะเน...
.....
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างหันมามองคนทั้งสองที่ก้าวเข้าไปในอาคารผู้โดยสารของสนามบินนานาชาติอย่างสนใจ
เพราะคนทั้งคู่มีรูปร่างหน้าตาราวกับถอดจากแม่พิมพ์เดียวกัน จะแตกต่างกันก็ตรงที่คนหนึ่งแต่งตัวภูมิฐานในชุดสูท
สีเข้มสั่งตัดเข้ารูป รองเท้าหนังแก้วก็แวววับแสบตา กับเรือนผมสีเข้มที่ถูกจัดแต่งทรงอย่างดี ส่วนอีกคนดูลุ่มล่ามใน
ชุดเสื้อยืดตัวใหญ่กับกางเกงยีนส์เปื่อยๆ และทรงผมที่ปล่อยไปตามธรรมชาติ
กลุ่มหญิงสาวที่ยืนคุยกันอยู่ใกล้ๆ หันมามองโจลันและคอลล์เป็นตาเดียว พวกเธอยิ้มกว้างพร้อมกรี๊ดเบาๆ เมื่อโจลัน
ยิ้มให้พวกเธอ ก่อนจะขอถ่ายรูปคู่กับแฝดพี่ที่ดูจะยินดีเป็นอย่างยิ่ง
คอลล์ถอนหายใจยาวและเดินไปเช็คอินก่อนคนเดียว สักพักโจลันจึงเดินเร็วๆ ตามมา
“ไม่รอกันเลยนะไอน้องรัก”
“นายมีคุณเอวีน่าอยู่แล้ว ยังไปทำตัวอย่างนั้น มันดูไม่ดีเลยนะ” คอลล์นั่งลงบนเก้าอี้และล้วงหนังสือนิยายออกมาจากเป้
“ฉันก็แค่ถ่ายรูป พวกหล่อนอยากถ่ายกับแกด้วย แต่แกดันหน้าบูดเป็นตูดเป็ดเดินมาซะก่อน” โจลันนั่งลงติดกัน
พร้อมเก๊กหล่อเต็มที่
“ฉันจะไว้ใจยกคุณเอวีน่าให้นายได้จริงมั้ยเนี่ย”
โจลันโอบไหล่น้องสาว “อย่าพูดงั้นสิจ้ะ ถึงพี่ชายคนนี้จะดูเสเพลไปบ้าง แต่ขอรับรองว่าความรักที่พี่ชายมีให้เอวี่ผู้น่า
รักนั่นเปี่ยมล้นและจะไม่มีอะไรมาทำลายมันลงได้”
คอลล์ขำกับท่าทางพี่ชาย เธอเพิ่งจะได้ยินวันนี้เองว่าโจลันรู้สึกอย่างไรกับเอวีน่า ถึงแม้หน้าตาของเขาจะไม่ค่อย
น่าเชื่อถือนัก แต่อย่างน้อยคอลล์ก็รู้สึกได้ว่าพี่ชายของเธอรักเอวีน่าจริง
เสียงประกาศถึงเที่ยวบินที่คอลล์รออยู่ดังขึ้น เธอจึงเก็บหนังสือและลุกขึ้น โจลันดึงตัวเธอเข้าไปกอดแน่น
“ปล่อยได้แล้ว อายคน” คอลล์บอกปัดๆ
“ฉันต้องคิดถึงแกมากแน่ๆ เลย” โจลันทำเป็นเช็ดน้ำตาที่ไม่มีสักหยด “แกจะไม่ลองคิดใหม่อีกนิดหรอ ยังทันนะโว้ย”
คอลล์ส่งยิ้มเป็นคำตอบ
“เหอะ ฉันน่าจะพาน้องเซน่ามานี่ด้วยนะ แกจะได้ไม่ไป”
คอลล์ก็ยังคงส่งยิ้มท้าทายให้พี่ชาย
“เออ ฉันรู้น่า ยังไงความลับนี้ก็มีแต่ฉันกับแกเท่านั้นที่รู้” โจลันโผเข้ากอดคอลล์อีกครั้ง
“ไปนะ” คอลล์ยกเป้ขึ้นสะพายบ่า ก่อนจะเดินไป
“เฮ้ย คอลล์...” แฝดพี่เรียกเอาไว้
คอลล์หันมามองด้วยความสงสัย
“...แล้วแกจะกลับมาอีกเมื่อไหร่?”
แฝดน้องอมยิ้มก่อนจะตะโกนกลับมา “ไว้ฉันจะกลับมาตอนที่นายแต่งงาน ดีมั้ย?” เธอโบกมือลาพร้อมรอยยิ้มกว้าง
และหันหลังกลับเดินหายไปกับกลุ่มคน
โจลันยิ้มและมองจนน้องสาวหายไปจากสายตา เขารีบล้วงโทรศัพท์มือถือออกมา เลื่อนไปที่เบอร์หนึ่งอย่างอารมณ์ดี
“ฮัลโหล เอวี่ครับ...เราสองคนมาแต่งงานกันมั้ยครับ?!”
...........................................................................................................................................
พูดคุย ทักทาย ติ ชม กันได้นะคะ ที่
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ