[SHAM] รักนี้ไม่มีลวง
8.4
เขียนโดย หมาน้อยพิทักษ์ดวงดาว
วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 08.17 น.
12 ตอน
1 วิจารณ์
18.05K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556 08.25 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) [SHAM] รักนี้ไม่มีลวง #09
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ[9]
โจลันกำลังหยิบกระทะมาวางบนเตาไฟฟ้า เขาเห็นเด็กสาวที่หางตา เซน่านั่งกอดอกหน้าตาไม่รับแขกอยู่บนเก้าอี้ของโต๊ะอาหารแล้ว และดูเหมือนกำลังบันทึกพฤติกรรมของคนในครัวแบบไม่ให้คลาดสายตา มันยิ่งทำให้สมองของชายหนุ่มตื้อตันแทบคิดอะไรไม่ออก
โจลันทบทวนความหลัง เขากับคอลล์ห่างกันมาสักสิบปีได้แล้ว เพราะแฝดน้องอยากไปฝึกฝนการออกแบบที่ฝรั่งเศส ดังนั้นเขาจึงไม่แน่ใจว่าฝีมือทำอาหารของคอลล์เปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน และที่แน่ๆ น้องสาวของเขาทำข้าวผัดแบบไหนเลี้ยงยายเด็กดื้อหน้าขมึงตึงคนนี้กันแน่...หรือว่า...โจลันนึกถึงเมนูพิเศษของน้องสาวที่เธอมักจะทำทานเองบ่อยๆ เขารีบเปิดตู้เก็บเครื่องปรุงดูทันที นั่นไง ซอสมะเขือเทศขวดใหญ่พิเศษ แถมยังมีแบบถุงอีกสองถุงตั้งเคียงกัน น้องสาวตัวดีของเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยน โจลันแอบขำ คอลล์ยังคงเห็นซอสมะเขือเทศเป็นของกินเล่นเหมือนเดิม
โจลันหายใจลึก หวังว่าเขาคงคิดถูกนะ...
เซน่ามองข้าวผัดสีแดงอ่อนตรงหน้า หน้าตาเรียบเฉยจนคนที่ยืนลุ้นอยู่เครียดจัด โจลันกัดฟันข่มอารมณ์ความตื่นเต้นไว้แน่น เขาไม่เคยทำข้าวผัดแบบนี้มาก่อน แต่เขาจำรสชาติเปรี้ยวอมหวานเหมือนข้าวผัดของเด็กได้ดี แต่ ตอนที่เขาลองชิมข้าวผัดของเขาเองเมื่อกี้ เขาก็รู้สึกได้ว่ารสชาติมันไม่ค่อยจะเหมือนข้าวผัดที่น้องสาวของเขาทำ
“เป็น ไง บ้าง จ้ะ” โจลันถามเบาเหมือนไม่ใช่เสียงของเขา เมื่อเห็นเด็กสาวตักข้าวผัดเข้าปาก
เซน่ากลืนข้าวคำนั้นและดื่มน้ำตามหนึ่งอึก รสชาติของข้าวผัดจานนี้เข้มข้นและอร่อยมาก แต่มันให้ความรู้สึกต่างไปจากข้าวผัดที่เธอได้ทานเมื่อวาน ข้าวผัดของเมื่อวานแม้ว่าจะรสอ่อนแต่ก็อร่อยนุ่มนวลชวนให้ทานได้เรื่อยๆ แต่เมื่อคิดถึงรสชาติรวมๆ แล้ว ข้าวผัดทั้งสองจานก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
“เอ่อ เมื่อกี้ฉันเผลอใส่ซอสเยอะไปหน่อย...” โจลันรีบบอกเมื่อเห็นแววตาสงสัยของเซน่า
เซน่าละสายตามาจากชายหนุ่ม แล้วมองผักชิ้นโตหลากสีในจาน รู้สึกติดใจ แต่..บางทีโจลันอาจจะอยากให้เธอทานผักแบบคนทั่วไปเขาทานกันก็ได้ แต่ขอทดสอบอีกนิดเถอะ เซน่าคิด แล้วทานข้าวผัดต่อเงียบๆ
โจลันโล่งอกได้เปราะหนึ่ง เพราะดูเหมือนเด็กสาวจะพอใจกับข้าวผัดฝีมือเขา แต่ว่า...ความรู้สึกกดดันนี่มันเกิดขึ้นได้ไงกันนะ เพราะว่าเขาเห็นเซน่ากำลังเขี่ยพวกผักออกแล้วเลือกทานแต่ข้าวงั้นหรอ แต่นั้นมันก็เรื่องส่วนตัวที่ใครอยากจะทานแบบไหนก็ได้นี่ เขาไม่อยากยุ่งด้วยอยู่แล้ว แต่ว่า...
“เออ ทำไมเธอไม่ทานผักล่ะ?” โจลันกัดฟันพูดออกไปทั้งที่ตัวเขาเองไม่อยากรู้สักนิดว่าทำไม แต่ถ้าคิดถึงนิสัยของน้องสาวฝาแฝดของเขาแล้ว เขากล้าพนันได้เลยว่าคอลล์ต้องสนใจเรื่องนี้แน่ เพราะรายนั้นทานผักเป็นขนมทีเดียว
เซน่าเงยหน้าขึ้นมามองคนถามที่ดูจะเหงื่อแตกพลั่ก เธอกำลังชั่งใจในคำพูดและการกระทำของเขา “ก็ไม่อยากทานนี่” เธอบอก
โจลันกลับมาเป็นฝ่ายเครียดหนักอีกครั้ง เอาไงดีๆ “ผัก..ผักมันมีประโยชน์นะ ทานซะจะได้โตไวๆ” เขากลั้นใจพูด รู้สึกแปลกๆ ที่ต้องแสดงเป็นน้องสาว
เซน่าดูจะพอใจในคำพูดของชายหนุ่มแต่เธอก็ยังมีแววว่าจะไม่หายสงสัยในตัวโจลันตรงหน้าง่ายๆ อยู่ดี “อิ่มแล้ว ไปนะ” เธอลุกขึ้นจากโต๊ะ “ฝากไลออนด้วยล่ะ”
โจลันเดินมาส่งเซน่าที่หน้าประตู ยืนดูเด็กสาวใส่รองเท้าและหยิบกระเป๋าสะพายจากบนตู้วางรองเท้ามาคล้องแขน เซน่าออกไปยืนที่หน้าประตูและหันกลับมามองเจ้าของห้องที่ดูจะดีใจกับอะไรสักอย่าง
“ฉันไปนะ” เซน่าพูดขึ้นอีกครั้ง
“จ้า บ๊ายบาย” โจลันบอกร่าเริง
เด็กสาวทำคิ้วขมวดแต่ก็ไม่พูดว่าอะไร แล้วเธอก็เดินออกไปตามทางเดินไปสู่ลิฟท์
โจลันรีบปิดประตูและถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก เขาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาและฮัมเพลงอย่างสบายใจ กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบรีโมทก็ต้องหยุดชะงัก เพราะเจ้าแมวอ้วนนั่งอยู่ตรงนั้นและใช้พวงหางฟูๆ ของมันทับรีโมทไว้
“ถ้าแกไม่เอาหางของแกออกจากรีโมทของฉัน ฉันจะไม่ให้แกกินข้าวตลอดสองวันนี้แน่ๆ” โจลันขู่
“เมี๊ยว” ไลออนทำเสียงต่ำเชิงขู่แล้วมันก็ล้มตัวนอนทับรีโมทให้ฝ่ายคนหัวเสีย
โจลันเอามือตบโต๊ะให้เสียงดังแต่ฝ่ายแมวไม่ได้สะดุ้งสะเทือน
“นิสัยเหมือนเจ้าของไม่มีผิดเลยนะแก”
ไลออนส่งเสียงครางในคอที่คนฟังแล้วเหมือนกำลังโดนเยาะเย้ยยังไงยังงั้น
.....
คอลล์เปิดประตูห้องชุดของตัวเองเข้าไปโดยไม่เคาะ โจลันผงกหัวขึ้นจากหมอนอิงที่เขานอนอยู่เมื่อครู่ขึ้นดูคนที่เข้ามาไม่บอกกล่าว แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดทักทายอะไร เจ้าแมวสีขาวก็พุ่งตัวออกจากหมอนอิงใบหนึ่งที่มันยึดเป็นเบาะรองนั่งไปหาคอลล์ทันที
“ไงเจ้าเหมียว เจอกันอีกแล้วนะ” คอลล์วางข้าวของลงบนตู้รองเท้าและย่อตัวลงเกาหัวไลออนอย่างรักใคร่ เธอถอดรองเท้าหนังของพี่ชายเก็บไว้ในตู้และอุ้มไลออนขึ้นมา และพามันเดินไปที่ชุดโซฟา แต่ก่อนที่เธอจะหย่อนตัวลงนั่ง คอลล์ก็ชะงัก “เฮ้ย ไลออนมาอยู่นี่ได้ไง!” เธอปล่อยเจ้าแมวอ้วนแล้วรีบถลาไปหลบที่มุมครัวอย่างรวดเร็ว
โจลันลุกขึ้นนั่งและหาว “ไม่ต้องแอบ ยัยนั้นกลับไปสักพักแล้ว” เขายืนขึ้นและบิดตัวพร้อมส่งสายตาพยาบาทไปให้ไลออนที่เดินส่ายก้นตุ้ยนุ้ยนั้นไปหาคอลล์อย่างน่าหมั้นไส้
คอลล์ชะเง้อมองเข้าไปที่ทางเดินพาไปสู่ห้องนอนอย่างระแวง “แล้วทำไมเจ้าหนูนี่ถึงอยู่นี่ล่ะ” เมื่อเห็นว่าปลอดภัย เธอจึงอุ้มไลออนไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง
โจลันหาน้ำเย็นดื่ม “น้องเซน่าฝากเลี้ยงไว้สองวัน เพราะเธอต้องไปแคมป์กับโรงเรียน” เขาทำท่าทางล้อเลียนเด็กสาว “ฉันฝากเลี้ยงไลออนด้วยนะ แล้วอย่าให้มันนอนที่พื้นล่ะเดี๋ยวจะไม่สบาย...เหอะ ไม่สบายสิดี” เขาขยี้ขนนุ่มของเจ้าแมวขาว ไลออนใช้มือหน้าของมันตบมือของโจลันให้ฝ่ายคนสะดุ้งเล็กน้อย
คอลล์หาน้ำให้ตัวเองบ้าง “แล้วไงบ้าง”
“ไงล่ะ มันก็ทำท่าขู่ฉันไม่หยุด แถมนอนทับรีโมท ขัดขวางไม่ให้ฉันเปิดโทรทัศน์ แล้วยังไม่ยอมนอนที่พื้นด้วยนะ แกอย่าเผลอไปหนุนหมอนใบนั้นล่ะ มีแต่ขนของเจ้านี่” โจลันผยักเผยิดไปที่หมอนอิงใบหนึ่ง
“ฉันหมายถึงเซน่าต่างหาก ยัยเด็กอนุบาลนั้นว่าไงบ้าง” คอลล์แกะกล่องคุกกี้ที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์และเอาเข้าปากไม่ลืมแบ่งให้ไลออน
“น้องเซน่าบอกว่าแวะมาเยี่ยมแล้วคุกกี้ที่แกเขมือบอยู่เธอก็เอามาฝาก แล้วก็ฝากเลี้ยงเจ้านี่ แล้วก็มาแกล้งฉันสารพัด จนเส้นเลือดในสมองของฉันแทบแตก” โจลันเทคุกกี้ทั้งหมดในกล่องลงจานเซรามิกใบย่อมแล้วเดินนำน้องสาวไปที่โซฟา
“แกล้งอะไร?”
“เริ่มด้วยการใช้สายตาพิฆาตสแกนฉันซะจนทะลุปรุโปร่ง” โจลันเคี้ยวคุกกี้ “..ต่อด้วยการบังคับให้ฉันทำข้าวผัดให้ทาน”
คอลล์กลืนคุกกี้ลงคอแทบไม่ทัน “แล้วนายทำได้รึเปล่า”
“ไม่แน่ใจ ฉันทำข้าวผัดที่แกชอบทำให้ฉันทานประจำนั่นล่ะ ที่เปรี้ยวๆ หวานๆ เหมือนข้าวผัดของเด็ก เห็นน้องเซน่าก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ”
คอลล์ถอนหายใจ “รอดไปนะนาย”
โจลันหมุนคุกกี้ไปมาระหว่างนิ้ว “แต่ฉันว่าเราน่าจะต้องระวังให้มากขึ้นหน่อย เพราะน้องเซน่าบอกว่าฉันเป็นโรคสองบุคลิก ว่าไปน้องเซน่านี่ก็ช่างสังเกตนะ เอ หรือว่า เพราะน้องเซน่าสนิทกับใครบางคนแถวนี้มากรึเปล่านะ ถึงได้ดูเราออกง่ายๆ”
“ไลออน จัดการ..” คอลล์บอกเจ้าเหมียวข้างกาย ไลออนส่งเล็บไปข่วนมือของโจลันทันทีอย่างว่าง่าย
“เฮ้ย นี่ขนาดคุยกันรู้เรื่องแล้วหรอ” โจลันแกล้งจิ้มพุงกลมของไลออนให้เจ้าแมวขาวรำคาญเล่น
คอลล์เดินไปหยิบเอกสารและโยนให้พี่ชาย
“แหมๆ พูดแทงใจดำเข้าหน่อย เอางานมาบังหน้าเลยนะ”
คอลล์ทำหน้าหงิก ตาคว่ำและท่าทางพร้อมจะต่อยกับพี่ชายทุกเมื่อ
“พูดเล่นจ้ะ พูดเล่น” โจลันเช็ดนิ้วกับกางเกงและเปิดดูเอกสาร “ลุงๆ เขาอยากได้แบบไหนล่ะ”
คอลล์ส่งคุกกี้อีกชิ้นเข้าปากก่อนจะพูด “เขาอยากได้เซทห้องนอนที่ใช้งานได้หลายอย่าง แล้วก็อยากได้คอลเลคชั่นเฟอร์นิเจอร์ในแนวคิดสีสันของชีวิต...ฉันก็เลยบอกพวกลุงๆ ไปว่าขอเวลาหนึ่งเดือนในการออกแบบ”
“แล้วตอนนี้มีความคิดดีๆ รึยัง” โจลันอ่านรายละเอียดประเภทเฟอร์นิเจอร์และความต้องการของลูกค้า
คอลล์พยักหน้า “อืม ก็พอจะคิดได้บ้างแล้ว”
แฝดพี่เอื้อมมือไปขยี้ผมสั้นของน้องสาว “แกนี่มันเก่งจริงๆ ฉันล่ะอิจฉาสมองของแกจริง ถ้าฉันเป็นพวกสั่งปั๊บแล้วปิ๊งไอเดียเจ๋งๆ ได้ปุ๊บบ้างก็คงดี” โจลันฉีกยิ้มกว้างแต่คนโดนชมนั่งนิ่ง
คอลล์ลุกขึ้นและเปลี่ยนที่มานั่งข้างพี่ชาย เอาแขนโอบคอของแฝดพี่ไว้ “ฉันอิจฉานายมากกว่าที่สามารถทำอะไรก็ได้อย่างที่ใจต้องการ”
โจลันละสายตาจากเอกสารในมือมามองเสี้ยวหน้าของน้องสาวที่พิงเขาอยู่ เขารู้สึกได้ว่าคอลล์กำลังสับสนและเจ็บปวด...
“นี่แกหาว่าฉันเป็นพวกทำอะไรไม่คิดใช่มั้ยเนี่ย” เขาบอกด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงแต่บนใบหน้ากลับมีร่องรอยของความเป็นห่วง
“นายคิดเองเออเองนะ ฉันไม่ได้เป็นคนพูด” คอลล์พูดปนขำ
โจลันเลยแกล้งขยี้หัวน้องสาวแรงๆ จนผมสั้นนั้นกระจายไปหลายทิศทาง “แกกำลังคิดอะไรอยู่” เป็นคำถามที่เขามักจะใช้เสมอที่เห็นน้องสาวของตัวเองมีเรื่องกลุ้ม
“ก็ไม่ได้คิดอะไร”
“แต่ฉันคิดว่าแกกำลังเศร้าหรือไม่ก็..อกหัก” โจลันพูดหยอกให้คอลล์ได้อารมณ์ดีขึ้นบ้าง แต่อีกฝ่ายกลับยังเฉย เขาจึงกอดไหล่คอลล์ไว้ “เราเป็นฝาแฝดกันนะเว้ย เผื่อแกลืม”
คอลล์ถอนหายใจเบาและยิ้มบางอยู่คนเดียว “...ฉันกำลังคิดว่าฉันควรจะทำอะไรต่อไป ฉันกำลังคิดว่าฉันอยากมีที่ๆ เป็นของฉัน แล้วฉันก็กำลังคิดว่าคนเราทุกคนมีความแตกต่าง มีความลับ และมีสิ่งที่เจ็บปวด...”
“นี่แกไปเรียนปรัชญามารึไง พูดเป็นปริศนาเชียว” โจลันหัวเราะ ก่อนจะถอนใจยาวแล้วขยับตัวไปพิงหัวกับน้องสาว “ฉันไม่รู้หรอกว่าแกหมายความว่าไง แต่ฉันอยากพูดเหมือนกับที่พูดกับแกทุกครั้ง ถ้าแกมีความทุกข์ ฉันก็มีความทุกข์ ถ้าแกมีความสุขฉันก็มีความสุข”
“เหมือนกัน” คอลล์บอกพร้อมรอยยิ้ม
“ฉันนัดกับเอวี่ไว้ว่าจะไปดินเนอร์กันคืนนี้ แกสนใจอยากไปด้วยมั้ย?”
คอลล์หัวเราะ “แน่ใจนะว่าอยากให้ฉันไปด้วย”
โจลันหัวเราะดังอย่างถูกใจ แล้วเปลี่ยนอารมณ์เป็นนิ่งสงบทันที “ถ้าแกต้องการฉันจะให้แกทุกอย่าง”
คอลล์โยกหัวแฝดพี่ “ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกน่า ฉันบอกแล้วว่าถ้านายมีความสุข ฉันก็มีความสุข เก้าอี้ตรงข้ามกับคุณเอวีน่าที่ร้านอาหารในคืนนี้ มันไม่ใช่ที่ของฉัน.. มันเป็นที่ของนาย” เธอตีอกพี่ชายเบามือ
“ขอบใจ...ที่จริงแกน่าจะเป็นพี่ฉันนะ”
“นั่นน่ะสิ แค่นายคลอดก่อนสามนาทีแล้วได้เป็นพี่นี่ไม่ยุติธรรมเลยนะ”
โจลันหัวเราะและกอดรัดน้องสาวแน่นเชิงหยอก “แต่ก็ดีแล้วล่ะ เป็นพี่ชายที่ได้ดูแลน้องสาว เท่ห์จะตาย”
“ไม่รู้ใครดูแลใครกันแน่” คอลล์พลอยอมยิ้มไปด้วย
“งั้น ฉันไปก่อนนะ จะได้แวะไปรายงานให้พ่อรู้ด้วย” โจลันลุกจากโซฟาและหยิบข้าวของที่เขาทิ้งไว้เกลื่อนกราด
“แล้วนายกับคุณเอวีน่า เป็นไงบ้าง” คอลล์เปลี่ยนช่องรายการโทรทัศน์และทานคุกกี้ต่อ สายตาของเธอมองตรงไปที่ตัวละครในจอสี่เหลี่ยม
โจลันหันไปมองน้องสาวแต่คอลล์เอาแต่มองโทรทัศน์ “ก็ดี ดีมาก...เอวี่น่ารักมาก เราไปด้วยกันได้ดี...” เขาติดกระดุมข้อมือ “อิจฉาใช่มั้ยล่ะ”
คอลล์ปิดโทรทัศน์และลุกขึ้นมาช่วยโจลันผูกเนคไท “อิจฉาอะไรเล่า..นายมีความสุขก็ดีแล้ว ไปได้แล้วไป ป่านนี้พ่อรอลุ้นอยู่แล้ว” เธอตบหลังพี่ชายและยิ้มกว้าง พร้อมดันให้โจลันเดินไปที่ประตู
“งั้น ฉันไปนะ”
คอลล์พยักหน้าเป็นคำตอบ
คอลล์ปิดประตูและยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ถึงแม้สมองของเธอจะเข้าใจ และยอมรับได้แล้วในทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น แต่ในหัวใจของเธอกลับยังคงรู้สึกปวดร้าวไม่จางหาย
“เมี๊ยว...” ไลออนแหงนหน้ามองเพื่อนร่วมห้องคนใหม่ของมันด้วยดวงตาเศร้า
คอลล์ย่อตัวลงและลูบขนปุยของมัน “ขอบใจ แต่ฉันไม่เป็นอะไรหรอก” เธอจูบหน้าผากเจ้าแมวขาว “ในเวลาแบบนี้ ต้องทำงานเท่านั้นล่ะ ใช่มั้ย?”
“เมี๊ยว”
..............................................................................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ