ซวยฉิบหาย! ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก
10.0
เขียนโดย DPR_Fox
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.59 น.
15 ตอน
5 วิจารณ์
38.76K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 22.17 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) Chapter 07 : ชีวิตมันก็บัดซบแบบนี้แหละ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ18/01/13 edit : 19/01/13
Chapter07 : ชีวิตมันก็บัดซบแบบนี้แหละ ลุกซ์: เอ็งคลอเคลียร์สาวประชดน้องหรือเปล่าฮะ!?!
“แกเก็บของจะไปไหนเปอร์!?!” พ่อตะคอกถาม ผมมองพ่อก่อนจะยิ้มนิดๆ
“ไปจากบ้านหลังนี้ไงครับ” ผมฉีกยิ้มกวนโมโห พูดกับดีๆ ไม่ถึงสองประโยคก็เอาแต่ตะคอกใส่แบบนี้ผมจะทนอยู่ได้อย่างไรครับ ผมอยากจะรู้จริงๆ ว่าถ้าผมไม่อยู่พ่อกับแม่เขาจะคิดถึงผมบ้างไหมหรืออาจจะคิดแค่ว่าไอ้เด็กคนนี้มันจะต้องกลับมารับช่วงต่อเพราะมันเป็นสายเลือด
“จะไปไหน!?! ไปทำไม!?!” แม่ถามเสียงดังก่อนจะเดินมาดึงแขนผมไว้เหมือนจะรั้ง อย่างน้อยแม่ก็ยังคิดถึงผมกว่าพ่อล่ะนะ
“แล้วจะให้ผมอยู่ที่นี่ทำไมล่ะครับ?” ผมถามก่อนจะหุบยิ้ม หน้าผมนิ่งและเย็นชาจนแม่มองผมน้ำตาคลอ ผมไม่เคยทำสีหน้าแบบนี้ใส่ใครในบ้านเลยสักครั้งเพราะทุกครั้งผมก็เอาแต่ยิ้มหรือไม่ก็งอแงโมโหปัญญาอ่อน
“ที่นี่เป็นบ้านนะเปอร์” แม่บีบแขนผมแน่น
“ความหมายของคำว่าบ้านสำหรับผมคือสถานที่ที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น มันคือที่ที่ผมไม่ต้องเหงาอยู่คนเดียว แต่ที่นี่ไม่มีสิ่งที่ผมต้องการเลยสักนิด ไม่มีเลย” ผมจับมือแม่ออกจากแขนผมเบาๆ ก่อนจะลากกระเป๋าเดินออกจากบ้าน
“ถ้าแกจะไปก็ห้ามเอารถไป บัตรเครดิต เดบิตทุกอย่างฉันจะสั่งระงับให้หมด!” พ่อตะโกนขึ้น ผมหันไปมองพ่อยิ้มๆ ก่อนที่ผมจะหยิบกระเป๋าเงินออกมา ผมหยิบบัตรออกมาสามสี่ใบก่อนจะหักมันทิ้งอย่างไม่ใยดีและวางเศษซากของมันไว้พร้อมกับกุญแจรถ
ก่อนจะเดินออกไปผมทิ้งไว้เพียงรอยยิ้มจากลากับเสียงร่ำไห้ของแม่ ผมขอโทษครับแม่ แต่ถ้าไม่มีผมน่าจะดีกว่านี้ ผมจะได้ไม่ต้องเป็นภาระ คนอื่นจะได้ไม่เอาไปนินทาว่าลูกบ้านนี้มันเที่ยวเตร่สำมะเลเทเมามากแค่ไหน พ่อกับแม่เองก็เสียหน้ามามากเพราะลูกอย่างผม
โชคดีที่ผมหยิบเงินเก็บของตัวเองออกมาด้วยจึงพอจะมีค่าแท็กซี่และผมก็ไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่าที่ผมไม่ได้ใช้มานานหลายเดือนมาใช้แทนเครื่องที่ลืมไว้บนรถไอ้พัด สถานที่ที่ผมจะไปคงเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจากคอนโดพี่ลุกซ์ ผมไม่อยากไปหาไอ้พัดเพราะพ่อกับแม่ของมันรู้จักกับพ่อกับแม่ของผม และผมก็ไม่อยากไปรบกวนพี่เคย์ แค่นี้ผมก็เกรงใจพี่แกจะตายอยู่แล้ว ที่ผมเลือกมาหาพี่ลุกซ์ก็เพราะผมอยากจะอยู่กับพี่ลุกซ์ถึงแม้จะถูกทำร้ายจิตใจก็ตาม
“มึงมาทำไม?” ไอ้พี่ลุกซ์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นผมยืนอยู่หน้าประตู สภาพแบบนี้พี่แกคงพาผู้หญิงมาฟัดอีกล่ะสินะ เฮ้อ ทำตั้งแต่บ่ายแบบนี้เลยเหรอเนี่ย
“ผมหนีออกจากบ้านมาน่ะครับ ขออยู่ด้วยได้ไหม?” ผมฉีกยิ้มแป้นแล้น
“ไม่!” พี่ลุกซ์ตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด
“น่านะ ผมไม่มีที่ไปจริงๆ เงินติดตัวก็มีไม่ถึงพัน ขอผมอยู่ด้วยเถอะนะให้ผมนอนตรงโซฟาก็ได้แล้วผมจะทำงานบ้านให้ทุกอย่างเลย” พูดไปอย่างนั้นแหละครับแต่ผมทำงานบ้านเป็นซะที่ไหนล่ะ
“แล้วทำไมกูต้องให้มึงอยู่ ไสหัวออกไปให้พ้นๆ หน้าเลยไปก่อนที่กูจะโมโหแล้วถีบมึงออกไปเอง” ไอ้พี่ลุกซ์จ้องหน้าผมดุๆ ก่อนจะปิดประตูใส่หน้า ผมมองประตูที่ปิดลงก่อนจะทรุดตัวนั่งลงพิงกระเป๋าที่วางแนบอยู่กับผนังสีครีมอ่อนๆ
ผมไม่มีที่ไปจริงๆ ...
ถัง...ถ้ามึงอยู่ก็คงจะดีกว่านี้ กลับมาไม่ได้เหรอ? กูรู้แล้วว่าคนอย่างกูมันดูแลตัวเองไม่ได้ ถ้ากูไม่มีมึงป่านนี้กูอาจจะกลายเป็นคนขี้คุกหรือไม่ก็คงติดยาไปแล้ว
ผมนั่งกอดเข่าอยู่หน้าห้องไอ้พี่ลุกซ์ได้เพียงไม่นานโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ผมมองหน้าจอก่อนจะยิ้มออกมาอย่างดีใจ คนที่ให้ความอบอุ่นแก่ผมได้เพียงคนเดียว คนที่ดูแลผมอยู่ตลอดแม้ว่าเขาจะไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ คนที่รักผมเหมือนน้องและผมก็รักเขาเหมือนพี่
“สวัสดีครับ กระผมนายคูเปอร์สุดหล่อพูดสายครับผม” ผมกรอกเสียงสดใสร่าเริงลงไปทำให้ปลายสายหัวเราะขำขัน
“กระผมขอเรียนสายนายคูเปอร์คนขี้เหร่สุดตีนได้ไหมครับ ถ้าคนหล่อๆ คงไม่ใช่” ไอ้พี่ถังกวนกลับ
“ถัง...อย่ากวนตีนคนหล่อสิครับ” ผมพูดเสียงกระเง้ากระงอด
“ฮ่าๆๆ เอ้อ มึงลืมโทรศัพท์ไว้กับน้องพัดล่ะสิถึงได้กลับมาใช้เบอร์เดิมเนี่ย” ไอ้พี่ถังหัวเราะคิกคักก่อนจะถาม
“อ่าฮะ ว่าแต่มึงสบายดีป่ะ?” ผมถามคืน
“ก็ดีนะแต่ที่นี่หนาวฉิบหายเลยว่ะ เอ้อเปอร์ เดือนหน้ามึงเปิดเทอมแล้วใช่ป่ะ?” ไอ้พี่ถังถาม
“อ่าฮะ”
“เดือนหน้ากูมีวันหยุดยาวสองสัปดาห์เดี๋ยวกูจะกลับไปหา” ไอ้พี่ถังพูด ผมยิ้มอย่างดีใจทันที
“จริงเหรอถัง!?! กูโคตรดีใจว่ะ” ผมกระโดดโลดเต้นทันที
“เออสิ อยากได้อะไรไหมล่ะเดี๋ยวซื้อไปฝาก” พี่มันขำนิดๆ กับอาการดีใจสุดๆ ของผมก่อนจะถามขึ้น
“ขอแหม่มสาวๆ สวยๆ ขาเรียวๆ นมอึ๋มๆ สักคนก็พอ” ผมกวน
“เอาไว้กูหาให้ตัวเองได้เมื่อไหร่แล้วจะหาให้มึงนะ ฮ่าๆ” โดนกวนกลับเลยครับ
ผมหัวเราะก่อนจะเงียบไปสักพักแล้วพูดขึ้น “ถัง...ถ้ากูบอกว่ากูดูแลตัวเองไม่ได้มึงจะอยู่ที่นี่กับกูไหม?” ผมถามเสียงแผ่วเบา ไอ้พี่ถังเงียบสนิท “ฮ่าๆๆ กูล้อเล่นน่า” ผมรีบปรับน้ำเสียงให้กลับมาสดใสอีกครั้งแต่ดูเหมือนจะปิดพี่ถังไม่ได้เมื่อพี่มันเงียบไม่หัวเราะไม่ขำไปกับผม
“เปอร์...มึงมาอยู่กับกูไหม?” ไอ้พี่ถังถาม
“ถัง...ฮึก! กู...กูไม่ได้อยากจะร้องไห้หรอกนะ ฮึก แต่ก็ห้ามไม่ได้ว่ะ” จู่ๆ น้ำตาผมก็ไหลออกมา ผมคิดถึงพี่มันมากเหลือเกิน ตอนนี้ปัญหามันรุมเร้าจนผมอยากจะพึ่งใครสักคน ผมอยากจะมีใครสักคนมาอยู่เคียงข้าง คนอื่นๆ ถ้าเขามีปัญหาเขาก็จะปรึกษาพ่อแม่แต่สำหรับผมผมไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร จะขอให้ไอ้พัดช่วยก็คงไม่ดีเพราะมันเองก็อยู่ในช่วงที่สมควรจะสนุกให้สุดๆ จะหันไปหาพี่เคย์ก็คงไม่ได้เพราะผมไม่อยากรบกวน คนเดียวที่ผมจะพึ่งได้ก็อยู่ไกลคนละซีกโลก ผมควรทำอย่างไรดี?
“เปอร์ มึงมีปัญหาอะไรมึงบอกกูสิ” ไอ้พี่ถังถามอย่างร้อนใจ
“กูออกจากบ้าน ฮึก! ไม่มีเงิน ไม่มีรถ ไม่มีใครเลย กูไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปแล้วถัง ฮือ” ผมสะอื้นตัวโยนพลางซบหน้าลงบนเข่าของตัวเอง ผมไม่อยากจะทำให้พี่มันลำบากใจแต่ตอนนี้ผมไม่ไหวกับชีวิตของผมแล้ว ทำไมมันบัดซบแบบนี้ พ่อแม่ก็ไม่รัก พอคิดจะมีความรักคนที่เรารักก็ไม่รักเรา เกิดมาบนกองเงินกองทองก็จริงแต่ผมกลับไม่มีความสุขเลย
“มึงลองไปขอความช่วยเหลือจากน้องพัดดูหรือยังเปอร์? ทนอีกหน่อยได้ไหมแล้วกูจะรีบกลับไป กูจองตั๋วไว้แล้ว” ไอ้พี่ถังพูดเสียงอ่อน ถ้าตอนนี้มันอยู่ข้างๆ ผมมันก็คงจะกอดผมไว้แล้วลูบหัวผมเบาๆ ไม่เอาแล้ว...ผมไม่อยากอยู่ห่างจากมันเลย ไม่มีมันก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียว
“กูไม่อยากให้พัดมันเครียด ฮึก” ผมกัดริมฝีปากเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น
“เอางี้นะ...เดี๋ยวกูจะโทรไปหารุ่นน้องให้ช่วยดูแลมึงให้ก่อน มันเป็นคนดีมึงทนๆ เอาหน่อยได้ไหม?” ไอ้พี่ถังพูด
“พี่เคย์เหรอ?” ผมถาม
“รู้จักกันแล้วใช่ไหม ดีเลย มึงไปอยู่กับมันก่อนนะเปอร์ กูเชื่อว่ามันดูแลมึงได้” พี่ถังพูด
“ไม่...ไม่เอาหรอก พี่มันช่วยกูไว้หลายอย่างแล้ว กูเกรงใจ เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวกูไปหาเพื่อนคนอื่นให้มันช่วย กูจะรอมึงกลับมานะถัง” ผมพูดไปสะอื้นไป ถึงจะบอกมันไปอย่างนั้นแต่ผมไม่รู้จริงๆ ว่าจะหันไปหาใคร ไอ้เพื่อนคนอื่นๆ ในกลุ่มมันก็มีปัญหากับครอบครัวเหมือนกันพวกมันคงช่วยผมไม่ได้หรอก
“กูอยากกลับไปหามึงเดี๋ยวนี้เลย” ยิ่งพี่มันแสดงความเป็นห่วงผมมากแค่ไหนผมก็ยิ่งปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมามากเท่านั้น มันอบอุ่นและคิดถึงจนผมไม่สามารถระบายออกมาเป็นคำพูดได้
“ไม่ได้นะมึง อย่าทิ้งการเรียนเด็ดขาด กูทนได้ ฮึก มึงก็รู้ว่ากูแม่งถึก ฮ่าๆ ฮึก” ผมหัวเราะทั้งน้ำตา ถ้าพี่มันทิ้งการเรียนมาเพื่อผมจริงๆ ผมคงรับไม่ได้เพราะผมจะเป็นคนที่ทำลายอนาคตของพี่มัน ผมทำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ
“เปอร์...นอกจากเรื่องพ่อแม่แล้วมึงมีเรื่องอื่นให้ทุกข์ใจอีกไหม?” ไอ้พี่ถังถามเสียงแผ่ว ผมชะงักก่อนจะกัดนิ้วตัวเองเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น ผมไม่อยากให้พี่มันรู้ว่าผมเสียใจเรื่องพี่ลุกซ์...อีกแล้ว
“ปละ...เปล่า” ผมตอบเสียงสั่น ปากเม้มแน่น น้ำตาไหลพราก ผมรู้สึกอ่อนแอเหลือเกิน
“เปอร์...มาอยู่กับกูที่นี่ เรื่องเรียนมึงดร็อปไว้ก่อนแล้วค่อยมาหาที่เรียนที่นี่ก็ได้ เอาอย่างนั้นไหม?” พี่มันถามอย่างจริงจัง ผมส่ายหน้าไปมา ผมไม่อยากไปจากที่นี่...ผมไม่อยากไปจากพี่ลุกซ์ในตอนนี้ ความพยายามของผมมันยังไม่มากพอ ถ้ามันถึงขีดสุดเมื่อไหร่...ผมก็จะยอมไปแต่โดยดี
“ไม่ถังไม่ ยังไม่อยากไป...ฮึก” ผมส่ายหน้าน้ำตาร่วงแหมะ
“เพราะไอ้ลุกซ์ใช่ไหมเปอร์? เพราะมึงรักมันใช่ไหม?!” ไอ้พี่ถังขึ้นเสียง ผมกัดริมฝีปาก
“ฮึก ฮือออ ใช่...กูรักพี่ลุกซ์ รักมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ฮืออ กูไม่รู้ว่าทำไม...แต่กูลืมพี่มันไม่ลงจริงๆ ฮึก” ผมพูดเสียงอู้อี้
แกร๊ก!!
ขณะที่ผมกำลังฟูมฟายเสียงปลดล็อกจากประตูที่ผมพิงอยู่ดังขึ้นผมจึงเช็ดน้ำตาและตัดสายของไอ้พี่ถังทิ้ง ถ้าพี่ลุกซ์ออกมาเห็นผมนั่งร้องไห้แบบนี้พี่มันคงจะสมเพชผมเหมือนเคย ผมไม่อยากถูกพี่มันมองอย่างเหยียดหยามเหมือนกับว่าผมมันอ่อนแอ
“นี่มึงยังไม่ไปอีกเหรอ” เสียงเย็นๆ ถามขึ้น ผมก้มหน้ายืนหันหลังให้พี่ลุกซ์ ถ้าพี่แกเห็นหน้าผมตอนนี้พี่แกจะต้องรู้แน่ๆ ว่าผมร้องไห้
RRRRRR
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบโทรศัพท์ที่ผมกำไว้ในมือก็สั่น ผมเม้มปากก่อนจะกดตัดสายทิ้งเพราะรู้ว่าคนที่โทรเข้ามาจะต้องเป็นพี่ถัง ทันทีที่ผมกดตัดสายโทรศัพท์ผมก็สั่นอีกรอบผมจึงตัดสินใจปิดเครื่อง ถัง...กูขอโทษ แต่ตอนนี้กูคุยกับมึงไม่ได้จริงๆ
“เอ่อ...แฮะๆ งั้นผมไปดีกว่าเนอะ” ผมสูดน้ำมูกก่อนจะหัวเราะเจื่อนๆ ก่อนจะออกเดินโดยไม่หันกลับไปมองพี่ลุกซ์
“เดี๋ยว!” พี่ลุกซ์เรียกไว้ ผมชะงัก ใจเต้นตึกตักอย่างมีความหวัง
“...”
“เอากระเป๋ามึงไปด้วย เกะกะ” ทันทีที่จบประโยคน้ำตาผมก็ร่วงผล็อยพร้อมกับชะล้างความหวังของผมที่ถูกทำลายไปด้วย ผมสะบัดหัวแรงๆ เพื่อให้ผมข้างหน้าตกลงมาปรกตาก่อนจะก้มหน้าก้มตาเดินกลับไปลากกระเป๋าของตัวเอง
ผมเม้มปากไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของร่างสูงที่กำลังยืนพิงประตูโดยมีหญิงสาวยืนอยู่ข้างกาย ยิ่งมองยิ่งเจ็บ ยิ่งมองน้ำตาก็ยิ่งไหล
“ขะ...ขอโทษ...ที่รบกวนนะครับ” ผมพูดเสียงแผ่วเบาและพยายามอย่างยิ่งเพื่อบังคับไม่ให้เสียงมันสั่นเครือ ริมฝีปากของผมยกยิ้มนิดๆ เพื่อเป็นการบอกลาก่อนจะเดินก้มหน้าก้มตาเดินไปที่ลิฟต์
“แล้วมึงจะไปอยู่ที่ไหน?” เสียงนิ่งๆ ที่ดังขึ้นทำให้ผมชะงัก ผมยกมือปาดน้ำตาก่อนจะหันไปหาพี่ลุกซ์แต่ก็ยังก้มหน้าให้ผมปรกตาอยู่อย่างนั้น
“ผมมีเพื่อนเยอะแยะครับ แค่ที่ซุกหัวนอนหาไม่ยากหรอก” ผมพยายามพูดเสียงให้ร่าเริงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เฮ้อ สงสัยวันนี้คงได้นอนใต้สะพานลอยล่ะมั้ง ฮ่าๆๆ ว่าไปนั่น
“ก็ดี จะได้ไม่ต้องมาเกะกะทำตัวน่ารำคาญแถวนี้” ผมกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะยิ้มนิดๆ แล้วหันหลังเดินเร็วๆ ไปที่ลิฟต์ ไม่ไหวแล้ว...ขืนอยู่ตรงนั้นต่อไปเขื่อนผมแตกอีกรอบแน่
ผมจะทำอย่างไรต่อไปดี? ผมเจ็บจนแทบจะทนไม่ไหว ผมไม่เคยมีความรักที่ทรมานขนาดนี้มาก่อน หรือว่าผมควรจะหยุดเสียที หยุดรัก...หยุดทำร้ายตัวเอง...
ผมยืนทำใจอยู่หน้าคอนโดไอ้พี่ลุกซ์เพียงชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจนั่งแท็กซี่ไปที่บาร์แห่งหนึ่งที่ผมไม่คิดจะไปเพราะรสนิยมของผมไม่ใช่แบบนั้นแต่ตอนนี้ผมไม่มีทางเลือก จะให้ไปเกาะผู้หญิงที่เคยคั่วก็คงไม่ได้เพราะพวกผู้หญิงที่เข้ามาเกี่ยวพันกับผมส่วนมากก็หวังแค่เงินหรือไม่ก็แค่คู่นอนคืนเดียว เพราะฉะนั้นผมก็เลยต้องมาที่บาร์เกย์เพื่อให้ใครสักคนพาผมไปด้วย ถ้าเป็นผู้ชายคงจะยอมเทคแคร์ดูแลผมล่ะนะ
ผมเอากระเป๋าเดินทางของตัวเองไปฝากไว้ที่เคาน์เตอร์ก่อนจะสั่งเครื่องดื่มเบาๆ มาดื่มแก้เซ็ง ตอนนี้เงินในกระเป๋าผมเกลี้ยงไม่เหลือเลยสักบาท ถ้าหมดแก้วนี้แล้วยังไม่มีใครเข้ามาจีบผมผมคงต้องไปขอความช่วยเหลือจากไอ้พัดจริงๆ ซะแล้ว
เอาวะ! ตอนนี้จะรุกจะรับกูก็ไม่สนแล้ว! ขอแค่วันนี้มีที่นอนก็พอ!
ผมนั่งจิบเหล้าไปทีละนิดละน้อยจนเกือบจะหมดแก้วแต่ก็ไม่มีใครเข้ามาหาผมเสียที โธ่ นี่หน้าตากูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ หรือกูไม่มีเสน่ห์ต่อเพศเดียวกัน? อืม...อาจจะใช่เพราะพี่ลุกซ์ไม่เคยคิดจะเหลียวแลผมเลยสักครั้ง
“นี่มาสเตอร์...มาสเตอร์ว่าผมหล่อมะ?” ผมเคาะเคาน์เตอร์พลางถามมาสเตอร์ที่กำลังชงเหล้าเสียงยานคาง
“ไม่ครับ” ทันทีที่คำตอบหลุดออกมาจากปากของมาสเตอร์คิ้วผมก็กระตุกหงึกๆ ผมตบเคาน์เตอร์เสียงดังเพราะโมโหและคิดจะเอาเรื่องที่เขาว่าผมไม่หล่อ แต่พอนึกถึงสังขารและกำลังใจของตัวเองในตอนนี้ผมก็ต้องยอมนั่งลงที่เดิมอย่างเซ็งๆ
“นั่นสินะ ผมแม่งไม่มีดีอะไรซักอย่าง เงินก็ไม่มี รถก็ไม่มี ที่สำคัญนะมาสเตอร์...ไม่มีใครรักผมเลยสักคน” ผมพร่ำเพ้อไปตามประสาคนที่เริ่มเมาเนื่องจากเหล้าที่ผมสั่งมาดื่มมันแรงมากและผมยังไม่ได้กินอะไรก่อนมากินเหล้าผมจึงเมาง่ายกว่าปกติ
“ขอโทษนะครับคุณลูกค้า ผมจะบอกว่าคุณน่ารัก” มาสเตอร์หน้านิ่งคนเดิมพูดด้วยสีหน้านิ่งเรียบแต่ใบหน้าที่ก้มชงเหล้าอยู่นั้นกำลังแดงเรื่อลามไปถึงหู
“โธ่มาสเตอร์! ผมไม่ได้อยากน่ารักนะ! อยากหล่อ...หล่อน่ะรู้จักป่ะ?” ผมมองหน้ามาสเตอร์อย่างหาเรื่องก่อนจะโน้มตัวเอาคางเกยกับเคาน์เตอร์และทำปากยื่น
“แต่คุณลูกค้าเหมาะกับคำว่าน่ารักนะครับ” เขาเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะวางแก้วเหล้าไว้ตรงหน้าผมหลังจากที่บาร์เทนเดอร์อีกคนเดินมากระซิบกระซาบอะไรบางอย่าง
“อะไรล่ะเนี่ย? ผมไม่ได้สั่งนะ” ผมขมวดคิ้วถาม กูไม่มีเงินจ่ายหรอกนะเฟ้ย แค่แก้วเดียวเงินก็กูหดหมดกระเป๋าแล้ว
“คุณผู้ชายโต๊ะนั้นสั่งให้ครับ” มาสเตอร์พูดพลางส่งสายตาไปที่โต๊ะโต๊ะหนึ่งซึ่งมีผู้ชายอยู่ห้าคน และก็มีหนึ่งคนที่กำลังมองผมอย่างมีความหมาย เขาไม่ใช่ผู้ชายที่หล่อมากแต่เขาดูดีพอสมควร ประกอบกับหน้าตาที่ดูมีภูมิแลดูมีอายุนิดๆ แต่ไม่ได้แก่ คงจะประมาณ30 ต้นๆ ล่ะมั้ง
“อ่า ขอบคุณนะมาสเตอร์ คิกๆ” ผมหันไปยิ้มให้มาสเตอร์ก่อนจะหัวเราะกับตัวเองเมื่อมีคนเข้าหาแล้ว ท่าทางจะรวยด้วยแฮะ
ผมลงจากเก้าอี้ทรงสูงก่อนจะจัดเสื้อผ้านิดหน่อยแล้วเดินถือแก้วเหล้าตรงไปหาผู้ชายที่เขาสั่งเหล้าแก้วนี้ให้กับผม พอผมเดินเข้าไปพวกเพื่อนๆ ที่นั่งร่วมโต๊ะกับเขาก็เอ่ยแซวเขาทันที
“สวัสดีครับ” ผมโค้งตัวนิดๆ ก่อนจะระบายยิ้มบางๆ
“สวัสดีครับ” เขายิ้มให้ผมก่อนจะขยับให้มีที่ว่างสำหรับนั่งแล้วตบตรงที่ว่างนั้นเบาๆ เพื่อบอกให้ผมนั่งด้วย ผมยักไหล่ยกยิ้มนิดๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เขาทันที
“ขอบคุณสำหรับแก้วนี้นะครับ” ผมยกแก้วเหล้าขึ้นนิดๆ เพื่อชนกับเขา
“ผมจักรินครับ เรียกจักรเฉยๆ ก็ได้” เขายกแก้วตัวเองขึ้นชนกับแก้วของผมเบาๆ ก่อนจะเอี้ยวตัวมองผมด้วยสายตาหวานเยิ้ม
“ผมเปอร์ครับพี่จักร” ผมยักคิ้วนิดหน่อยพลางพูดจาให้แลดูสนิทสนม
“มาคนเดียวเหรอครับหรือว่ามากับแฟน?” พี่จักรถามพลางเล่นหูเล่นตานิดๆ ตอนที่ถามถึงแฟนพี่แกก็แกล้งทำปากยื่นๆ หน้าเซ็งๆ
“ผมยังไม่มีแฟนหรอกครับ ฮะๆ ที่จริงก็เพิ่งอกหักมา” ผมแสร้งทำหน้าเศร้าเพื่อให้เขารุกต่อ ดูจากท่าทางของพี่จักรแล้วคงไม่ใช่รับแน่ๆ ที่จริงผมอยากจะหารับอยู่หรอกนะครับแต่ตอนนี้ผมไม่มีเงินพอที่จะไปสั่งเหล้าจีบใครได้น่ะสิ เดี๋ยวตอนขึ้นเตียงผมจับพี่จักรกดเลยดีกว่า ฮ่าๆ มอมให้เมาแล้วกดแม่งเลย
“จริงเหรอครับ? พี่ก็เหมือนกัน” พี่จักรทำหน้าเศร้าบ้าง ผมดูออกว่าพี่มันตอแหล ฮึๆ
“จริงเหรอมึง?” เสียงเพื่อนพี่แกแซวขึ้นเมื่อได้ยินคำโกหกจากเพื่อนของตัวเอง
“เงียบๆ น่า” พี่จักรรีบหันไปปรามเพื่อนก่อนจะหันกลับมายิ้มให้ผม “จะว่าไปพี่ไม่คุ้นหน้าเปอร์เลยนะ เพิ่งเคยมาที่นี่หรือเปล่า?” พี่จักรถามอย่างสงสัย ผมพยักหน้า
“ใช่ครับ เมื่อก่อนผมยังเด็กผมก็เลยไม่กล้าเข้า กลัวเพื่อนมาเห็นด้วย” ผมพูด เปล่าเลย กูตอแหลล้วนๆ ครับ เมื่อก่อนกูเคยคิดจะเข้าบาร์เกย์ที่ไหน กูออกจะรังเกียจด้วยซ้ำไป
“อ่า...ลำบากเนอะ ต้องปิดไม่ให้ใครรู้” พี่จักรพูดอย่างเข้าใจ ผมเหลือบมองที่จักรที่กำลังยิ้มแล้วมองหน้าผมก่อนจะเม้มปากเมื่อจู่ๆ หน้าพี่ลุกซ์ก็ลอยขึ้นมาเต็มไปหมด ทำไมพี่ลุกซ์ไม่ยิ้มให้ผมแบบนี้บ้างนะ ถึงจะเป็นแค่รอยยิ้มจอมปลอมก็ยังดี “เปอร์ครับ คืนนี้ไปต่อไหนหรือเปล่า?” พี่จักรถาม เอาล่ะ เข้าทางกูพอดี
“คงไม่ล่ะครับ ผมไม่รู้จะไปที่ไหน พอดีผมหนีออกจากบ้านน่ะครับ หลังจากนี้คงไปหาที่นอนตามบ้านเพื่อน” ผมแกล้งพูดให้ดูเศร้าๆ ถึงจะเศร้าจริงก็เหอะ
“ถ้าไม่รังเกียจ...ไปกับพี่ไหม?” พี่มันถามพลางโน้มหน้าเข้ามาใกล้ๆ ผม ผมตกใจเล็กน้อยที่พี่เขารุกเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน เออ...กูอ่อยมันเองนี่หว่า
“จะดีเหรอครับ?” ผมมองหน้าพี่เขาก่อนจะกวาดสายตามองเพื่อนๆ ที่นั่งร่วมโต๊ะที่กำลังมองผมกับพี่จักรด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
“แต่ถ้าเปอร์รังเกียจพี่ก็ไม่เป็นไรก็ได้นะครับ” ไอ้พี่จักรถอนตัวออกไปก่อนจะทำหน้าเศร้าเพื่อเรียกคะแนนสงสาร ผมหัวเราะในใจนิดๆ ก่อนจะคล้องแขนพี่แกเอาไว้ เฮอะ มุขที่พี่แกใช้กับผมทำไมผมจะตามไม่ทันในเมื่อมุขเหล่านั้นผมใช้บ่อยจนเบื่อ และตอนนี้ผมก็กำลังเอามุขที่พวกผู้หญิงใช้กับผมมาใช้บ้าง ถ้าผมเป็นผู้หญิงผมก็คงจะแรดไม่หยอก ขนาดเป็นผู้ชายผมยังใจกล้าหน้าด้านทำตัวแรดเลย เอาน่า...เพื่อที่ซุกหัวนอนและ...เพื่อประชดชีวิต
“ผมไม่ได้รังเกียจนะครับ พี่จักรนั่นแหละรังเกียจผมหรือเปล่า?” ผมพูดอ้อนๆ พลางเขย่าลำแขนแกร่งเบาๆ
“ถ้ารังเกียจพี่จะชวนไหมครับ หืม?” ไอ้พี่จักรยิ้มกริ่มก่อนจะโน้มหน้าลงมาทำท่าจะจูบที่ปากผมแต่ผมเบี่ยงหน้าหลบพี่แกจึงทำได้เพียงแค่หอมแก้ม ขนลุกว่ะแม่ง! ตายห่าแล้วกู กับผู้ชายผมก็รู้สึกแค่กับพี่ลุกซ์ แต่พอถูกคนอื่นทำท่าจะจับจะจูบแล้วผมรู้สึกแขยงพิกล “อะไรกันครับเปอร์ ไม่ได้เหรอ?” ไอ้พี่จักรขมวดคิ้วนิดๆ เมื่อผมหลบ
“เดี๋ยวสิครับ ไม่เห็นต้องรีบ” ผมแกล้งดันอกพี่แกที่โถมเข้าหาออกเบาๆ เหมือนจะอ่อยแต่ที่จริงกูรังเกียจครับ คิดผิดจริงๆ แฮะที่มาที่นี่ ตอนแรกที่เข้ามามันก็เฉยๆ อยู่หรอก แต่พอต้องมาถูกผู้ชายคอยจับคอยโอบแบบนี้ผมหวิวว่ะ ปกติผมเป็นฝ่ายที่จะต้องทำเสียมากกว่าถูกทำนี่นา ไม่ชินเลย
“งั้นเราไปกันเลยไหมครับเปอร์?” ไอ้พี่จักรทำหน้าหื่นนิดๆ ก่อนจะลุกขึ้นพร้อมกับฉุดให้ผมลุกตามไปด้วย ฉิบหายละกู! พอเห็นรูปร่างพี่แกชัดๆ ผมชักจะไม่มั่นใจเลยว่าตัวเองจะพลิกอีกฝ่ายให้อยู่ข้างใต้ได้ โอย! ถ้าผมได้รุกผมจะไม่แขยงขนาดนี้หรอก แต่นี่ผมต้องเป็นรับเหรอ!?! ไม่เอาอ่ะ
“อ่ะ...เอ่อ ผมขอไปเอากระเป๋าที่เคาน์เตอร์สักครู่นะครับ” ผมยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะรีบเดินไปที่เคาน์เตอร์
“จะไปแล้วเหรอครับ?” มาสเตอร์ถามขึ้นเมื่อเห็นผมเดินกลับมาหา
“มาสเตอร์...ผมกลัวอ่ะ ผมรุกมาโดยตลอด” ผมกระซิบกับมาสเตอร์อย่างกังวล
“หือ? คุณเนี่ยนะรุก?” มาสเตอร์ทำตาโตอย่างตกใจ
“โห! เห็นอย่างนี้ผมก็ฟันมาเยอะแล้วนะ” แต่ฟันผู้หญิงนะไม่ได้ฟันผู้ชาย
“ลองดูสักครั้งก็ไม่เสียหายนะครับ” มาสเตอร์พูดอย่างไม่สนใจ ผมย่นจมูกนิดๆ ก่อนจะขอกระเป๋าคืนและเดินไปหาพี่จักร
พี่จักรพาผมเดินออกไปที่ลานจอดรถที่เงียบสงัดก่อนจะปลดล็อคประตู ขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูขึ้นรถพี่มันก็เดินมาคร่อมผมไว้จากทางด้านหลัง มือหนาทั้งสองข้างยันประตูเอาไว้เพื่อไม่ให้ผมเปิดได้ก่อนจะร่างใหญ่ๆ จะเบียดดันผมให้แนบกับรถ ผมตกใจจึงรีบหันไปหวังจะดันพี่มันออกแต่กลับกลายเป็นเปิดโอกาสให้พี่มันรุกจูบ
ฉิบหาย!! กูจูบกับผู้ชายอีกแล้วเหรอเนี่ย!?! แต่ตอนที่พี่เคย์มันจุ๊บผมเบาๆ ตอนนั้นผมไม่ได้รังเกียจเหมือนกับตอนนี้ที่กำลังถูกลิ้นร้อนๆ ไล้ริมฝีปากที่ผมเม้มแน่น ผมบิดตัวหนีอย่างขยะแขยงๆ แต่ใบหน้าก็ถูกมือแกร่งล็อคให้อยู่กับที่ ตัวก็ขยับไม่ค่อยจะได้เนื่องจากถูกตัวใหญ่ๆ ของพี่มันทับไว้กับรถ
“พี่จักรอย่า...” ผมพยายามร้องห้ามแต่นั่นเป็นเหมือนการเปิดโอกาสให้พี่มันรุกล้ำเข้ามาในปากของผมได้
หมับ! พลั่ก! ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ค้างล่ะสิ ฮ่าๆๆๆๆๆ ตอนหน้าขอบอกนิดนึง...ถ้าคนบ่อน้ำตาตื้นให้เตรียมผ้าเช็ดหน้ามาด้วยนะ คิกๆๆ
Chapter07 : ชีวิตมันก็บัดซบแบบนี้แหละ ลุกซ์: เอ็งคลอเคลียร์สาวประชดน้องหรือเปล่าฮะ!?!
“แกเก็บของจะไปไหนเปอร์!?!” พ่อตะคอกถาม ผมมองพ่อก่อนจะยิ้มนิดๆ
“ไปจากบ้านหลังนี้ไงครับ” ผมฉีกยิ้มกวนโมโห พูดกับดีๆ ไม่ถึงสองประโยคก็เอาแต่ตะคอกใส่แบบนี้ผมจะทนอยู่ได้อย่างไรครับ ผมอยากจะรู้จริงๆ ว่าถ้าผมไม่อยู่พ่อกับแม่เขาจะคิดถึงผมบ้างไหมหรืออาจจะคิดแค่ว่าไอ้เด็กคนนี้มันจะต้องกลับมารับช่วงต่อเพราะมันเป็นสายเลือด
“จะไปไหน!?! ไปทำไม!?!” แม่ถามเสียงดังก่อนจะเดินมาดึงแขนผมไว้เหมือนจะรั้ง อย่างน้อยแม่ก็ยังคิดถึงผมกว่าพ่อล่ะนะ
“แล้วจะให้ผมอยู่ที่นี่ทำไมล่ะครับ?” ผมถามก่อนจะหุบยิ้ม หน้าผมนิ่งและเย็นชาจนแม่มองผมน้ำตาคลอ ผมไม่เคยทำสีหน้าแบบนี้ใส่ใครในบ้านเลยสักครั้งเพราะทุกครั้งผมก็เอาแต่ยิ้มหรือไม่ก็งอแงโมโหปัญญาอ่อน
“ที่นี่เป็นบ้านนะเปอร์” แม่บีบแขนผมแน่น
“ความหมายของคำว่าบ้านสำหรับผมคือสถานที่ที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น มันคือที่ที่ผมไม่ต้องเหงาอยู่คนเดียว แต่ที่นี่ไม่มีสิ่งที่ผมต้องการเลยสักนิด ไม่มีเลย” ผมจับมือแม่ออกจากแขนผมเบาๆ ก่อนจะลากกระเป๋าเดินออกจากบ้าน
“ถ้าแกจะไปก็ห้ามเอารถไป บัตรเครดิต เดบิตทุกอย่างฉันจะสั่งระงับให้หมด!” พ่อตะโกนขึ้น ผมหันไปมองพ่อยิ้มๆ ก่อนที่ผมจะหยิบกระเป๋าเงินออกมา ผมหยิบบัตรออกมาสามสี่ใบก่อนจะหักมันทิ้งอย่างไม่ใยดีและวางเศษซากของมันไว้พร้อมกับกุญแจรถ
ก่อนจะเดินออกไปผมทิ้งไว้เพียงรอยยิ้มจากลากับเสียงร่ำไห้ของแม่ ผมขอโทษครับแม่ แต่ถ้าไม่มีผมน่าจะดีกว่านี้ ผมจะได้ไม่ต้องเป็นภาระ คนอื่นจะได้ไม่เอาไปนินทาว่าลูกบ้านนี้มันเที่ยวเตร่สำมะเลเทเมามากแค่ไหน พ่อกับแม่เองก็เสียหน้ามามากเพราะลูกอย่างผม
โชคดีที่ผมหยิบเงินเก็บของตัวเองออกมาด้วยจึงพอจะมีค่าแท็กซี่และผมก็ไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่าที่ผมไม่ได้ใช้มานานหลายเดือนมาใช้แทนเครื่องที่ลืมไว้บนรถไอ้พัด สถานที่ที่ผมจะไปคงเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจากคอนโดพี่ลุกซ์ ผมไม่อยากไปหาไอ้พัดเพราะพ่อกับแม่ของมันรู้จักกับพ่อกับแม่ของผม และผมก็ไม่อยากไปรบกวนพี่เคย์ แค่นี้ผมก็เกรงใจพี่แกจะตายอยู่แล้ว ที่ผมเลือกมาหาพี่ลุกซ์ก็เพราะผมอยากจะอยู่กับพี่ลุกซ์ถึงแม้จะถูกทำร้ายจิตใจก็ตาม
“มึงมาทำไม?” ไอ้พี่ลุกซ์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นผมยืนอยู่หน้าประตู สภาพแบบนี้พี่แกคงพาผู้หญิงมาฟัดอีกล่ะสินะ เฮ้อ ทำตั้งแต่บ่ายแบบนี้เลยเหรอเนี่ย
“ผมหนีออกจากบ้านมาน่ะครับ ขออยู่ด้วยได้ไหม?” ผมฉีกยิ้มแป้นแล้น
“ไม่!” พี่ลุกซ์ตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด
“น่านะ ผมไม่มีที่ไปจริงๆ เงินติดตัวก็มีไม่ถึงพัน ขอผมอยู่ด้วยเถอะนะให้ผมนอนตรงโซฟาก็ได้แล้วผมจะทำงานบ้านให้ทุกอย่างเลย” พูดไปอย่างนั้นแหละครับแต่ผมทำงานบ้านเป็นซะที่ไหนล่ะ
“แล้วทำไมกูต้องให้มึงอยู่ ไสหัวออกไปให้พ้นๆ หน้าเลยไปก่อนที่กูจะโมโหแล้วถีบมึงออกไปเอง” ไอ้พี่ลุกซ์จ้องหน้าผมดุๆ ก่อนจะปิดประตูใส่หน้า ผมมองประตูที่ปิดลงก่อนจะทรุดตัวนั่งลงพิงกระเป๋าที่วางแนบอยู่กับผนังสีครีมอ่อนๆ
ผมไม่มีที่ไปจริงๆ ...
ถัง...ถ้ามึงอยู่ก็คงจะดีกว่านี้ กลับมาไม่ได้เหรอ? กูรู้แล้วว่าคนอย่างกูมันดูแลตัวเองไม่ได้ ถ้ากูไม่มีมึงป่านนี้กูอาจจะกลายเป็นคนขี้คุกหรือไม่ก็คงติดยาไปแล้ว
ผมนั่งกอดเข่าอยู่หน้าห้องไอ้พี่ลุกซ์ได้เพียงไม่นานโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ผมมองหน้าจอก่อนจะยิ้มออกมาอย่างดีใจ คนที่ให้ความอบอุ่นแก่ผมได้เพียงคนเดียว คนที่ดูแลผมอยู่ตลอดแม้ว่าเขาจะไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ คนที่รักผมเหมือนน้องและผมก็รักเขาเหมือนพี่
“สวัสดีครับ กระผมนายคูเปอร์สุดหล่อพูดสายครับผม” ผมกรอกเสียงสดใสร่าเริงลงไปทำให้ปลายสายหัวเราะขำขัน
“กระผมขอเรียนสายนายคูเปอร์คนขี้เหร่สุดตีนได้ไหมครับ ถ้าคนหล่อๆ คงไม่ใช่” ไอ้พี่ถังกวนกลับ
“ถัง...อย่ากวนตีนคนหล่อสิครับ” ผมพูดเสียงกระเง้ากระงอด
“ฮ่าๆๆ เอ้อ มึงลืมโทรศัพท์ไว้กับน้องพัดล่ะสิถึงได้กลับมาใช้เบอร์เดิมเนี่ย” ไอ้พี่ถังหัวเราะคิกคักก่อนจะถาม
“อ่าฮะ ว่าแต่มึงสบายดีป่ะ?” ผมถามคืน
“ก็ดีนะแต่ที่นี่หนาวฉิบหายเลยว่ะ เอ้อเปอร์ เดือนหน้ามึงเปิดเทอมแล้วใช่ป่ะ?” ไอ้พี่ถังถาม
“อ่าฮะ”
“เดือนหน้ากูมีวันหยุดยาวสองสัปดาห์เดี๋ยวกูจะกลับไปหา” ไอ้พี่ถังพูด ผมยิ้มอย่างดีใจทันที
“จริงเหรอถัง!?! กูโคตรดีใจว่ะ” ผมกระโดดโลดเต้นทันที
“เออสิ อยากได้อะไรไหมล่ะเดี๋ยวซื้อไปฝาก” พี่มันขำนิดๆ กับอาการดีใจสุดๆ ของผมก่อนจะถามขึ้น
“ขอแหม่มสาวๆ สวยๆ ขาเรียวๆ นมอึ๋มๆ สักคนก็พอ” ผมกวน
“เอาไว้กูหาให้ตัวเองได้เมื่อไหร่แล้วจะหาให้มึงนะ ฮ่าๆ” โดนกวนกลับเลยครับ
ผมหัวเราะก่อนจะเงียบไปสักพักแล้วพูดขึ้น “ถัง...ถ้ากูบอกว่ากูดูแลตัวเองไม่ได้มึงจะอยู่ที่นี่กับกูไหม?” ผมถามเสียงแผ่วเบา ไอ้พี่ถังเงียบสนิท “ฮ่าๆๆ กูล้อเล่นน่า” ผมรีบปรับน้ำเสียงให้กลับมาสดใสอีกครั้งแต่ดูเหมือนจะปิดพี่ถังไม่ได้เมื่อพี่มันเงียบไม่หัวเราะไม่ขำไปกับผม
“เปอร์...มึงมาอยู่กับกูไหม?” ไอ้พี่ถังถาม
“ถัง...ฮึก! กู...กูไม่ได้อยากจะร้องไห้หรอกนะ ฮึก แต่ก็ห้ามไม่ได้ว่ะ” จู่ๆ น้ำตาผมก็ไหลออกมา ผมคิดถึงพี่มันมากเหลือเกิน ตอนนี้ปัญหามันรุมเร้าจนผมอยากจะพึ่งใครสักคน ผมอยากจะมีใครสักคนมาอยู่เคียงข้าง คนอื่นๆ ถ้าเขามีปัญหาเขาก็จะปรึกษาพ่อแม่แต่สำหรับผมผมไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร จะขอให้ไอ้พัดช่วยก็คงไม่ดีเพราะมันเองก็อยู่ในช่วงที่สมควรจะสนุกให้สุดๆ จะหันไปหาพี่เคย์ก็คงไม่ได้เพราะผมไม่อยากรบกวน คนเดียวที่ผมจะพึ่งได้ก็อยู่ไกลคนละซีกโลก ผมควรทำอย่างไรดี?
“เปอร์ มึงมีปัญหาอะไรมึงบอกกูสิ” ไอ้พี่ถังถามอย่างร้อนใจ
“กูออกจากบ้าน ฮึก! ไม่มีเงิน ไม่มีรถ ไม่มีใครเลย กูไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปแล้วถัง ฮือ” ผมสะอื้นตัวโยนพลางซบหน้าลงบนเข่าของตัวเอง ผมไม่อยากจะทำให้พี่มันลำบากใจแต่ตอนนี้ผมไม่ไหวกับชีวิตของผมแล้ว ทำไมมันบัดซบแบบนี้ พ่อแม่ก็ไม่รัก พอคิดจะมีความรักคนที่เรารักก็ไม่รักเรา เกิดมาบนกองเงินกองทองก็จริงแต่ผมกลับไม่มีความสุขเลย
“มึงลองไปขอความช่วยเหลือจากน้องพัดดูหรือยังเปอร์? ทนอีกหน่อยได้ไหมแล้วกูจะรีบกลับไป กูจองตั๋วไว้แล้ว” ไอ้พี่ถังพูดเสียงอ่อน ถ้าตอนนี้มันอยู่ข้างๆ ผมมันก็คงจะกอดผมไว้แล้วลูบหัวผมเบาๆ ไม่เอาแล้ว...ผมไม่อยากอยู่ห่างจากมันเลย ไม่มีมันก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียว
“กูไม่อยากให้พัดมันเครียด ฮึก” ผมกัดริมฝีปากเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น
“เอางี้นะ...เดี๋ยวกูจะโทรไปหารุ่นน้องให้ช่วยดูแลมึงให้ก่อน มันเป็นคนดีมึงทนๆ เอาหน่อยได้ไหม?” ไอ้พี่ถังพูด
“พี่เคย์เหรอ?” ผมถาม
“รู้จักกันแล้วใช่ไหม ดีเลย มึงไปอยู่กับมันก่อนนะเปอร์ กูเชื่อว่ามันดูแลมึงได้” พี่ถังพูด
“ไม่...ไม่เอาหรอก พี่มันช่วยกูไว้หลายอย่างแล้ว กูเกรงใจ เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวกูไปหาเพื่อนคนอื่นให้มันช่วย กูจะรอมึงกลับมานะถัง” ผมพูดไปสะอื้นไป ถึงจะบอกมันไปอย่างนั้นแต่ผมไม่รู้จริงๆ ว่าจะหันไปหาใคร ไอ้เพื่อนคนอื่นๆ ในกลุ่มมันก็มีปัญหากับครอบครัวเหมือนกันพวกมันคงช่วยผมไม่ได้หรอก
“กูอยากกลับไปหามึงเดี๋ยวนี้เลย” ยิ่งพี่มันแสดงความเป็นห่วงผมมากแค่ไหนผมก็ยิ่งปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมามากเท่านั้น มันอบอุ่นและคิดถึงจนผมไม่สามารถระบายออกมาเป็นคำพูดได้
“ไม่ได้นะมึง อย่าทิ้งการเรียนเด็ดขาด กูทนได้ ฮึก มึงก็รู้ว่ากูแม่งถึก ฮ่าๆ ฮึก” ผมหัวเราะทั้งน้ำตา ถ้าพี่มันทิ้งการเรียนมาเพื่อผมจริงๆ ผมคงรับไม่ได้เพราะผมจะเป็นคนที่ทำลายอนาคตของพี่มัน ผมทำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ
“เปอร์...นอกจากเรื่องพ่อแม่แล้วมึงมีเรื่องอื่นให้ทุกข์ใจอีกไหม?” ไอ้พี่ถังถามเสียงแผ่ว ผมชะงักก่อนจะกัดนิ้วตัวเองเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น ผมไม่อยากให้พี่มันรู้ว่าผมเสียใจเรื่องพี่ลุกซ์...อีกแล้ว
“ปละ...เปล่า” ผมตอบเสียงสั่น ปากเม้มแน่น น้ำตาไหลพราก ผมรู้สึกอ่อนแอเหลือเกิน
“เปอร์...มาอยู่กับกูที่นี่ เรื่องเรียนมึงดร็อปไว้ก่อนแล้วค่อยมาหาที่เรียนที่นี่ก็ได้ เอาอย่างนั้นไหม?” พี่มันถามอย่างจริงจัง ผมส่ายหน้าไปมา ผมไม่อยากไปจากที่นี่...ผมไม่อยากไปจากพี่ลุกซ์ในตอนนี้ ความพยายามของผมมันยังไม่มากพอ ถ้ามันถึงขีดสุดเมื่อไหร่...ผมก็จะยอมไปแต่โดยดี
“ไม่ถังไม่ ยังไม่อยากไป...ฮึก” ผมส่ายหน้าน้ำตาร่วงแหมะ
“เพราะไอ้ลุกซ์ใช่ไหมเปอร์? เพราะมึงรักมันใช่ไหม?!” ไอ้พี่ถังขึ้นเสียง ผมกัดริมฝีปาก
“ฮึก ฮือออ ใช่...กูรักพี่ลุกซ์ รักมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ฮืออ กูไม่รู้ว่าทำไม...แต่กูลืมพี่มันไม่ลงจริงๆ ฮึก” ผมพูดเสียงอู้อี้
แกร๊ก!!
ขณะที่ผมกำลังฟูมฟายเสียงปลดล็อกจากประตูที่ผมพิงอยู่ดังขึ้นผมจึงเช็ดน้ำตาและตัดสายของไอ้พี่ถังทิ้ง ถ้าพี่ลุกซ์ออกมาเห็นผมนั่งร้องไห้แบบนี้พี่มันคงจะสมเพชผมเหมือนเคย ผมไม่อยากถูกพี่มันมองอย่างเหยียดหยามเหมือนกับว่าผมมันอ่อนแอ
“นี่มึงยังไม่ไปอีกเหรอ” เสียงเย็นๆ ถามขึ้น ผมก้มหน้ายืนหันหลังให้พี่ลุกซ์ ถ้าพี่แกเห็นหน้าผมตอนนี้พี่แกจะต้องรู้แน่ๆ ว่าผมร้องไห้
RRRRRR
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบโทรศัพท์ที่ผมกำไว้ในมือก็สั่น ผมเม้มปากก่อนจะกดตัดสายทิ้งเพราะรู้ว่าคนที่โทรเข้ามาจะต้องเป็นพี่ถัง ทันทีที่ผมกดตัดสายโทรศัพท์ผมก็สั่นอีกรอบผมจึงตัดสินใจปิดเครื่อง ถัง...กูขอโทษ แต่ตอนนี้กูคุยกับมึงไม่ได้จริงๆ
“เอ่อ...แฮะๆ งั้นผมไปดีกว่าเนอะ” ผมสูดน้ำมูกก่อนจะหัวเราะเจื่อนๆ ก่อนจะออกเดินโดยไม่หันกลับไปมองพี่ลุกซ์
“เดี๋ยว!” พี่ลุกซ์เรียกไว้ ผมชะงัก ใจเต้นตึกตักอย่างมีความหวัง
“...”
“เอากระเป๋ามึงไปด้วย เกะกะ” ทันทีที่จบประโยคน้ำตาผมก็ร่วงผล็อยพร้อมกับชะล้างความหวังของผมที่ถูกทำลายไปด้วย ผมสะบัดหัวแรงๆ เพื่อให้ผมข้างหน้าตกลงมาปรกตาก่อนจะก้มหน้าก้มตาเดินกลับไปลากกระเป๋าของตัวเอง
ผมเม้มปากไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของร่างสูงที่กำลังยืนพิงประตูโดยมีหญิงสาวยืนอยู่ข้างกาย ยิ่งมองยิ่งเจ็บ ยิ่งมองน้ำตาก็ยิ่งไหล
“ขะ...ขอโทษ...ที่รบกวนนะครับ” ผมพูดเสียงแผ่วเบาและพยายามอย่างยิ่งเพื่อบังคับไม่ให้เสียงมันสั่นเครือ ริมฝีปากของผมยกยิ้มนิดๆ เพื่อเป็นการบอกลาก่อนจะเดินก้มหน้าก้มตาเดินไปที่ลิฟต์
“แล้วมึงจะไปอยู่ที่ไหน?” เสียงนิ่งๆ ที่ดังขึ้นทำให้ผมชะงัก ผมยกมือปาดน้ำตาก่อนจะหันไปหาพี่ลุกซ์แต่ก็ยังก้มหน้าให้ผมปรกตาอยู่อย่างนั้น
“ผมมีเพื่อนเยอะแยะครับ แค่ที่ซุกหัวนอนหาไม่ยากหรอก” ผมพยายามพูดเสียงให้ร่าเริงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เฮ้อ สงสัยวันนี้คงได้นอนใต้สะพานลอยล่ะมั้ง ฮ่าๆๆ ว่าไปนั่น
“ก็ดี จะได้ไม่ต้องมาเกะกะทำตัวน่ารำคาญแถวนี้” ผมกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะยิ้มนิดๆ แล้วหันหลังเดินเร็วๆ ไปที่ลิฟต์ ไม่ไหวแล้ว...ขืนอยู่ตรงนั้นต่อไปเขื่อนผมแตกอีกรอบแน่
ผมจะทำอย่างไรต่อไปดี? ผมเจ็บจนแทบจะทนไม่ไหว ผมไม่เคยมีความรักที่ทรมานขนาดนี้มาก่อน หรือว่าผมควรจะหยุดเสียที หยุดรัก...หยุดทำร้ายตัวเอง...
ผมยืนทำใจอยู่หน้าคอนโดไอ้พี่ลุกซ์เพียงชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจนั่งแท็กซี่ไปที่บาร์แห่งหนึ่งที่ผมไม่คิดจะไปเพราะรสนิยมของผมไม่ใช่แบบนั้นแต่ตอนนี้ผมไม่มีทางเลือก จะให้ไปเกาะผู้หญิงที่เคยคั่วก็คงไม่ได้เพราะพวกผู้หญิงที่เข้ามาเกี่ยวพันกับผมส่วนมากก็หวังแค่เงินหรือไม่ก็แค่คู่นอนคืนเดียว เพราะฉะนั้นผมก็เลยต้องมาที่บาร์เกย์เพื่อให้ใครสักคนพาผมไปด้วย ถ้าเป็นผู้ชายคงจะยอมเทคแคร์ดูแลผมล่ะนะ
ผมเอากระเป๋าเดินทางของตัวเองไปฝากไว้ที่เคาน์เตอร์ก่อนจะสั่งเครื่องดื่มเบาๆ มาดื่มแก้เซ็ง ตอนนี้เงินในกระเป๋าผมเกลี้ยงไม่เหลือเลยสักบาท ถ้าหมดแก้วนี้แล้วยังไม่มีใครเข้ามาจีบผมผมคงต้องไปขอความช่วยเหลือจากไอ้พัดจริงๆ ซะแล้ว
เอาวะ! ตอนนี้จะรุกจะรับกูก็ไม่สนแล้ว! ขอแค่วันนี้มีที่นอนก็พอ!
ผมนั่งจิบเหล้าไปทีละนิดละน้อยจนเกือบจะหมดแก้วแต่ก็ไม่มีใครเข้ามาหาผมเสียที โธ่ นี่หน้าตากูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ หรือกูไม่มีเสน่ห์ต่อเพศเดียวกัน? อืม...อาจจะใช่เพราะพี่ลุกซ์ไม่เคยคิดจะเหลียวแลผมเลยสักครั้ง
“นี่มาสเตอร์...มาสเตอร์ว่าผมหล่อมะ?” ผมเคาะเคาน์เตอร์พลางถามมาสเตอร์ที่กำลังชงเหล้าเสียงยานคาง
“ไม่ครับ” ทันทีที่คำตอบหลุดออกมาจากปากของมาสเตอร์คิ้วผมก็กระตุกหงึกๆ ผมตบเคาน์เตอร์เสียงดังเพราะโมโหและคิดจะเอาเรื่องที่เขาว่าผมไม่หล่อ แต่พอนึกถึงสังขารและกำลังใจของตัวเองในตอนนี้ผมก็ต้องยอมนั่งลงที่เดิมอย่างเซ็งๆ
“นั่นสินะ ผมแม่งไม่มีดีอะไรซักอย่าง เงินก็ไม่มี รถก็ไม่มี ที่สำคัญนะมาสเตอร์...ไม่มีใครรักผมเลยสักคน” ผมพร่ำเพ้อไปตามประสาคนที่เริ่มเมาเนื่องจากเหล้าที่ผมสั่งมาดื่มมันแรงมากและผมยังไม่ได้กินอะไรก่อนมากินเหล้าผมจึงเมาง่ายกว่าปกติ
“ขอโทษนะครับคุณลูกค้า ผมจะบอกว่าคุณน่ารัก” มาสเตอร์หน้านิ่งคนเดิมพูดด้วยสีหน้านิ่งเรียบแต่ใบหน้าที่ก้มชงเหล้าอยู่นั้นกำลังแดงเรื่อลามไปถึงหู
“โธ่มาสเตอร์! ผมไม่ได้อยากน่ารักนะ! อยากหล่อ...หล่อน่ะรู้จักป่ะ?” ผมมองหน้ามาสเตอร์อย่างหาเรื่องก่อนจะโน้มตัวเอาคางเกยกับเคาน์เตอร์และทำปากยื่น
“แต่คุณลูกค้าเหมาะกับคำว่าน่ารักนะครับ” เขาเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะวางแก้วเหล้าไว้ตรงหน้าผมหลังจากที่บาร์เทนเดอร์อีกคนเดินมากระซิบกระซาบอะไรบางอย่าง
“อะไรล่ะเนี่ย? ผมไม่ได้สั่งนะ” ผมขมวดคิ้วถาม กูไม่มีเงินจ่ายหรอกนะเฟ้ย แค่แก้วเดียวเงินก็กูหดหมดกระเป๋าแล้ว
“คุณผู้ชายโต๊ะนั้นสั่งให้ครับ” มาสเตอร์พูดพลางส่งสายตาไปที่โต๊ะโต๊ะหนึ่งซึ่งมีผู้ชายอยู่ห้าคน และก็มีหนึ่งคนที่กำลังมองผมอย่างมีความหมาย เขาไม่ใช่ผู้ชายที่หล่อมากแต่เขาดูดีพอสมควร ประกอบกับหน้าตาที่ดูมีภูมิแลดูมีอายุนิดๆ แต่ไม่ได้แก่ คงจะประมาณ30 ต้นๆ ล่ะมั้ง
“อ่า ขอบคุณนะมาสเตอร์ คิกๆ” ผมหันไปยิ้มให้มาสเตอร์ก่อนจะหัวเราะกับตัวเองเมื่อมีคนเข้าหาแล้ว ท่าทางจะรวยด้วยแฮะ
ผมลงจากเก้าอี้ทรงสูงก่อนจะจัดเสื้อผ้านิดหน่อยแล้วเดินถือแก้วเหล้าตรงไปหาผู้ชายที่เขาสั่งเหล้าแก้วนี้ให้กับผม พอผมเดินเข้าไปพวกเพื่อนๆ ที่นั่งร่วมโต๊ะกับเขาก็เอ่ยแซวเขาทันที
“สวัสดีครับ” ผมโค้งตัวนิดๆ ก่อนจะระบายยิ้มบางๆ
“สวัสดีครับ” เขายิ้มให้ผมก่อนจะขยับให้มีที่ว่างสำหรับนั่งแล้วตบตรงที่ว่างนั้นเบาๆ เพื่อบอกให้ผมนั่งด้วย ผมยักไหล่ยกยิ้มนิดๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เขาทันที
“ขอบคุณสำหรับแก้วนี้นะครับ” ผมยกแก้วเหล้าขึ้นนิดๆ เพื่อชนกับเขา
“ผมจักรินครับ เรียกจักรเฉยๆ ก็ได้” เขายกแก้วตัวเองขึ้นชนกับแก้วของผมเบาๆ ก่อนจะเอี้ยวตัวมองผมด้วยสายตาหวานเยิ้ม
“ผมเปอร์ครับพี่จักร” ผมยักคิ้วนิดหน่อยพลางพูดจาให้แลดูสนิทสนม
“มาคนเดียวเหรอครับหรือว่ามากับแฟน?” พี่จักรถามพลางเล่นหูเล่นตานิดๆ ตอนที่ถามถึงแฟนพี่แกก็แกล้งทำปากยื่นๆ หน้าเซ็งๆ
“ผมยังไม่มีแฟนหรอกครับ ฮะๆ ที่จริงก็เพิ่งอกหักมา” ผมแสร้งทำหน้าเศร้าเพื่อให้เขารุกต่อ ดูจากท่าทางของพี่จักรแล้วคงไม่ใช่รับแน่ๆ ที่จริงผมอยากจะหารับอยู่หรอกนะครับแต่ตอนนี้ผมไม่มีเงินพอที่จะไปสั่งเหล้าจีบใครได้น่ะสิ เดี๋ยวตอนขึ้นเตียงผมจับพี่จักรกดเลยดีกว่า ฮ่าๆ มอมให้เมาแล้วกดแม่งเลย
“จริงเหรอครับ? พี่ก็เหมือนกัน” พี่จักรทำหน้าเศร้าบ้าง ผมดูออกว่าพี่มันตอแหล ฮึๆ
“จริงเหรอมึง?” เสียงเพื่อนพี่แกแซวขึ้นเมื่อได้ยินคำโกหกจากเพื่อนของตัวเอง
“เงียบๆ น่า” พี่จักรรีบหันไปปรามเพื่อนก่อนจะหันกลับมายิ้มให้ผม “จะว่าไปพี่ไม่คุ้นหน้าเปอร์เลยนะ เพิ่งเคยมาที่นี่หรือเปล่า?” พี่จักรถามอย่างสงสัย ผมพยักหน้า
“ใช่ครับ เมื่อก่อนผมยังเด็กผมก็เลยไม่กล้าเข้า กลัวเพื่อนมาเห็นด้วย” ผมพูด เปล่าเลย กูตอแหลล้วนๆ ครับ เมื่อก่อนกูเคยคิดจะเข้าบาร์เกย์ที่ไหน กูออกจะรังเกียจด้วยซ้ำไป
“อ่า...ลำบากเนอะ ต้องปิดไม่ให้ใครรู้” พี่จักรพูดอย่างเข้าใจ ผมเหลือบมองที่จักรที่กำลังยิ้มแล้วมองหน้าผมก่อนจะเม้มปากเมื่อจู่ๆ หน้าพี่ลุกซ์ก็ลอยขึ้นมาเต็มไปหมด ทำไมพี่ลุกซ์ไม่ยิ้มให้ผมแบบนี้บ้างนะ ถึงจะเป็นแค่รอยยิ้มจอมปลอมก็ยังดี “เปอร์ครับ คืนนี้ไปต่อไหนหรือเปล่า?” พี่จักรถาม เอาล่ะ เข้าทางกูพอดี
“คงไม่ล่ะครับ ผมไม่รู้จะไปที่ไหน พอดีผมหนีออกจากบ้านน่ะครับ หลังจากนี้คงไปหาที่นอนตามบ้านเพื่อน” ผมแกล้งพูดให้ดูเศร้าๆ ถึงจะเศร้าจริงก็เหอะ
“ถ้าไม่รังเกียจ...ไปกับพี่ไหม?” พี่มันถามพลางโน้มหน้าเข้ามาใกล้ๆ ผม ผมตกใจเล็กน้อยที่พี่เขารุกเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน เออ...กูอ่อยมันเองนี่หว่า
“จะดีเหรอครับ?” ผมมองหน้าพี่เขาก่อนจะกวาดสายตามองเพื่อนๆ ที่นั่งร่วมโต๊ะที่กำลังมองผมกับพี่จักรด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
“แต่ถ้าเปอร์รังเกียจพี่ก็ไม่เป็นไรก็ได้นะครับ” ไอ้พี่จักรถอนตัวออกไปก่อนจะทำหน้าเศร้าเพื่อเรียกคะแนนสงสาร ผมหัวเราะในใจนิดๆ ก่อนจะคล้องแขนพี่แกเอาไว้ เฮอะ มุขที่พี่แกใช้กับผมทำไมผมจะตามไม่ทันในเมื่อมุขเหล่านั้นผมใช้บ่อยจนเบื่อ และตอนนี้ผมก็กำลังเอามุขที่พวกผู้หญิงใช้กับผมมาใช้บ้าง ถ้าผมเป็นผู้หญิงผมก็คงจะแรดไม่หยอก ขนาดเป็นผู้ชายผมยังใจกล้าหน้าด้านทำตัวแรดเลย เอาน่า...เพื่อที่ซุกหัวนอนและ...เพื่อประชดชีวิต
“ผมไม่ได้รังเกียจนะครับ พี่จักรนั่นแหละรังเกียจผมหรือเปล่า?” ผมพูดอ้อนๆ พลางเขย่าลำแขนแกร่งเบาๆ
“ถ้ารังเกียจพี่จะชวนไหมครับ หืม?” ไอ้พี่จักรยิ้มกริ่มก่อนจะโน้มหน้าลงมาทำท่าจะจูบที่ปากผมแต่ผมเบี่ยงหน้าหลบพี่แกจึงทำได้เพียงแค่หอมแก้ม ขนลุกว่ะแม่ง! ตายห่าแล้วกู กับผู้ชายผมก็รู้สึกแค่กับพี่ลุกซ์ แต่พอถูกคนอื่นทำท่าจะจับจะจูบแล้วผมรู้สึกแขยงพิกล “อะไรกันครับเปอร์ ไม่ได้เหรอ?” ไอ้พี่จักรขมวดคิ้วนิดๆ เมื่อผมหลบ
“เดี๋ยวสิครับ ไม่เห็นต้องรีบ” ผมแกล้งดันอกพี่แกที่โถมเข้าหาออกเบาๆ เหมือนจะอ่อยแต่ที่จริงกูรังเกียจครับ คิดผิดจริงๆ แฮะที่มาที่นี่ ตอนแรกที่เข้ามามันก็เฉยๆ อยู่หรอก แต่พอต้องมาถูกผู้ชายคอยจับคอยโอบแบบนี้ผมหวิวว่ะ ปกติผมเป็นฝ่ายที่จะต้องทำเสียมากกว่าถูกทำนี่นา ไม่ชินเลย
“งั้นเราไปกันเลยไหมครับเปอร์?” ไอ้พี่จักรทำหน้าหื่นนิดๆ ก่อนจะลุกขึ้นพร้อมกับฉุดให้ผมลุกตามไปด้วย ฉิบหายละกู! พอเห็นรูปร่างพี่แกชัดๆ ผมชักจะไม่มั่นใจเลยว่าตัวเองจะพลิกอีกฝ่ายให้อยู่ข้างใต้ได้ โอย! ถ้าผมได้รุกผมจะไม่แขยงขนาดนี้หรอก แต่นี่ผมต้องเป็นรับเหรอ!?! ไม่เอาอ่ะ
“อ่ะ...เอ่อ ผมขอไปเอากระเป๋าที่เคาน์เตอร์สักครู่นะครับ” ผมยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะรีบเดินไปที่เคาน์เตอร์
“จะไปแล้วเหรอครับ?” มาสเตอร์ถามขึ้นเมื่อเห็นผมเดินกลับมาหา
“มาสเตอร์...ผมกลัวอ่ะ ผมรุกมาโดยตลอด” ผมกระซิบกับมาสเตอร์อย่างกังวล
“หือ? คุณเนี่ยนะรุก?” มาสเตอร์ทำตาโตอย่างตกใจ
“โห! เห็นอย่างนี้ผมก็ฟันมาเยอะแล้วนะ” แต่ฟันผู้หญิงนะไม่ได้ฟันผู้ชาย
“ลองดูสักครั้งก็ไม่เสียหายนะครับ” มาสเตอร์พูดอย่างไม่สนใจ ผมย่นจมูกนิดๆ ก่อนจะขอกระเป๋าคืนและเดินไปหาพี่จักร
พี่จักรพาผมเดินออกไปที่ลานจอดรถที่เงียบสงัดก่อนจะปลดล็อคประตู ขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูขึ้นรถพี่มันก็เดินมาคร่อมผมไว้จากทางด้านหลัง มือหนาทั้งสองข้างยันประตูเอาไว้เพื่อไม่ให้ผมเปิดได้ก่อนจะร่างใหญ่ๆ จะเบียดดันผมให้แนบกับรถ ผมตกใจจึงรีบหันไปหวังจะดันพี่มันออกแต่กลับกลายเป็นเปิดโอกาสให้พี่มันรุกจูบ
ฉิบหาย!! กูจูบกับผู้ชายอีกแล้วเหรอเนี่ย!?! แต่ตอนที่พี่เคย์มันจุ๊บผมเบาๆ ตอนนั้นผมไม่ได้รังเกียจเหมือนกับตอนนี้ที่กำลังถูกลิ้นร้อนๆ ไล้ริมฝีปากที่ผมเม้มแน่น ผมบิดตัวหนีอย่างขยะแขยงๆ แต่ใบหน้าก็ถูกมือแกร่งล็อคให้อยู่กับที่ ตัวก็ขยับไม่ค่อยจะได้เนื่องจากถูกตัวใหญ่ๆ ของพี่มันทับไว้กับรถ
“พี่จักรอย่า...” ผมพยายามร้องห้ามแต่นั่นเป็นเหมือนการเปิดโอกาสให้พี่มันรุกล้ำเข้ามาในปากของผมได้
หมับ! พลั่ก! ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ค้างล่ะสิ ฮ่าๆๆๆๆๆ ตอนหน้าขอบอกนิดนึง...ถ้าคนบ่อน้ำตาตื้นให้เตรียมผ้าเช็ดหน้ามาด้วยนะ คิกๆๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ