ซวยฉิบหาย! ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก

10.0

เขียนโดย DPR_Fox

วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.59 น.

  15 ตอน
  5 วิจารณ์
  39.04K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 22.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) Chapter 07 : ชีวิตมันก็บัดซบแบบนี้แหละ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

18/01/13
edit : 19/01/13


Chapter07 : ชีวิตมันก็บัดซบแบบนี้แหละ


ลุกซ์: เอ็งคลอเคลียร์สาวประชดน้องหรือเปล่าฮะ!?!

 


                “แกเก็บของจะไปไหนเปอร์!?!” พ่อตะคอกถาม  ผมมองพ่อก่อนจะยิ้มนิดๆ

                “ไปจากบ้านหลังนี้ไงครับ” ผมฉีกยิ้มกวนโมโห  พูดกับดีๆ ไม่ถึงสองประโยคก็เอาแต่ตะคอกใส่แบบนี้ผมจะทนอยู่ได้อย่างไรครับ  ผมอยากจะรู้จริงๆ ว่าถ้าผมไม่อยู่พ่อกับแม่เขาจะคิดถึงผมบ้างไหมหรืออาจจะคิดแค่ว่าไอ้เด็กคนนี้มันจะต้องกลับมารับช่วงต่อเพราะมันเป็นสายเลือด

                “จะไปไหน!?! ไปทำไม!?!” แม่ถามเสียงดังก่อนจะเดินมาดึงแขนผมไว้เหมือนจะรั้ง  อย่างน้อยแม่ก็ยังคิดถึงผมกว่าพ่อล่ะนะ

                “แล้วจะให้ผมอยู่ที่นี่ทำไมล่ะครับ?” ผมถามก่อนจะหุบยิ้ม  หน้าผมนิ่งและเย็นชาจนแม่มองผมน้ำตาคลอ  ผมไม่เคยทำสีหน้าแบบนี้ใส่ใครในบ้านเลยสักครั้งเพราะทุกครั้งผมก็เอาแต่ยิ้มหรือไม่ก็งอแงโมโหปัญญาอ่อน

                “ที่นี่เป็นบ้านนะเปอร์” แม่บีบแขนผมแน่น

                “ความหมายของคำว่าบ้านสำหรับผมคือสถานที่ที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น มันคือที่ที่ผมไม่ต้องเหงาอยู่คนเดียว  แต่ที่นี่ไม่มีสิ่งที่ผมต้องการเลยสักนิด  ไม่มีเลย” ผมจับมือแม่ออกจากแขนผมเบาๆ ก่อนจะลากกระเป๋าเดินออกจากบ้าน

                “ถ้าแกจะไปก็ห้ามเอารถไป  บัตรเครดิต เดบิตทุกอย่างฉันจะสั่งระงับให้หมด!” พ่อตะโกนขึ้น  ผมหันไปมองพ่อยิ้มๆ ก่อนที่ผมจะหยิบกระเป๋าเงินออกมา  ผมหยิบบัตรออกมาสามสี่ใบก่อนจะหักมันทิ้งอย่างไม่ใยดีและวางเศษซากของมันไว้พร้อมกับกุญแจรถ

                ก่อนจะเดินออกไปผมทิ้งไว้เพียงรอยยิ้มจากลากับเสียงร่ำไห้ของแม่  ผมขอโทษครับแม่ แต่ถ้าไม่มีผมน่าจะดีกว่านี้  ผมจะได้ไม่ต้องเป็นภาระ  คนอื่นจะได้ไม่เอาไปนินทาว่าลูกบ้านนี้มันเที่ยวเตร่สำมะเลเทเมามากแค่ไหน  พ่อกับแม่เองก็เสียหน้ามามากเพราะลูกอย่างผม



 

                โชคดีที่ผมหยิบเงินเก็บของตัวเองออกมาด้วยจึงพอจะมีค่าแท็กซี่และผมก็ไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่าที่ผมไม่ได้ใช้มานานหลายเดือนมาใช้แทนเครื่องที่ลืมไว้บนรถไอ้พัด   สถานที่ที่ผมจะไปคงเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจากคอนโดพี่ลุกซ์  ผมไม่อยากไปหาไอ้พัดเพราะพ่อกับแม่ของมันรู้จักกับพ่อกับแม่ของผม  และผมก็ไม่อยากไปรบกวนพี่เคย์  แค่นี้ผมก็เกรงใจพี่แกจะตายอยู่แล้ว  ที่ผมเลือกมาหาพี่ลุกซ์ก็เพราะผมอยากจะอยู่กับพี่ลุกซ์ถึงแม้จะถูกทำร้ายจิตใจก็ตาม

                “มึงมาทำไม?” ไอ้พี่ลุกซ์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นผมยืนอยู่หน้าประตู  สภาพแบบนี้พี่แกคงพาผู้หญิงมาฟัดอีกล่ะสินะ  เฮ้อ ทำตั้งแต่บ่ายแบบนี้เลยเหรอเนี่ย

                “ผมหนีออกจากบ้านมาน่ะครับ  ขออยู่ด้วยได้ไหม?” ผมฉีกยิ้มแป้นแล้น

                “ไม่!” พี่ลุกซ์ตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด

                “น่านะ  ผมไม่มีที่ไปจริงๆ เงินติดตัวก็มีไม่ถึงพัน  ขอผมอยู่ด้วยเถอะนะให้ผมนอนตรงโซฟาก็ได้แล้วผมจะทำงานบ้านให้ทุกอย่างเลย” พูดไปอย่างนั้นแหละครับแต่ผมทำงานบ้านเป็นซะที่ไหนล่ะ

                “แล้วทำไมกูต้องให้มึงอยู่  ไสหัวออกไปให้พ้นๆ หน้าเลยไปก่อนที่กูจะโมโหแล้วถีบมึงออกไปเอง” ไอ้พี่ลุกซ์จ้องหน้าผมดุๆ ก่อนจะปิดประตูใส่หน้า  ผมมองประตูที่ปิดลงก่อนจะทรุดตัวนั่งลงพิงกระเป๋าที่วางแนบอยู่กับผนังสีครีมอ่อนๆ

                ผมไม่มีที่ไปจริงๆ ...

                ถัง...ถ้ามึงอยู่ก็คงจะดีกว่านี้  กลับมาไม่ได้เหรอ? กูรู้แล้วว่าคนอย่างกูมันดูแลตัวเองไม่ได้  ถ้ากูไม่มีมึงป่านนี้กูอาจจะกลายเป็นคนขี้คุกหรือไม่ก็คงติดยาไปแล้ว


 

                ผมนั่งกอดเข่าอยู่หน้าห้องไอ้พี่ลุกซ์ได้เพียงไม่นานโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น  ผมมองหน้าจอก่อนจะยิ้มออกมาอย่างดีใจ  คนที่ให้ความอบอุ่นแก่ผมได้เพียงคนเดียว  คนที่ดูแลผมอยู่ตลอดแม้ว่าเขาจะไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ  คนที่รักผมเหมือนน้องและผมก็รักเขาเหมือนพี่

                “สวัสดีครับ  กระผมนายคูเปอร์สุดหล่อพูดสายครับผม” ผมกรอกเสียงสดใสร่าเริงลงไปทำให้ปลายสายหัวเราะขำขัน

                “กระผมขอเรียนสายนายคูเปอร์คนขี้เหร่สุดตีนได้ไหมครับ  ถ้าคนหล่อๆ คงไม่ใช่” ไอ้พี่ถังกวนกลับ

                “ถัง...อย่ากวนตีนคนหล่อสิครับ” ผมพูดเสียงกระเง้ากระงอด

                “ฮ่าๆๆ เอ้อ มึงลืมโทรศัพท์ไว้กับน้องพัดล่ะสิถึงได้กลับมาใช้เบอร์เดิมเนี่ย” ไอ้พี่ถังหัวเราะคิกคักก่อนจะถาม

                “อ่าฮะ  ว่าแต่มึงสบายดีป่ะ?” ผมถามคืน

                “ก็ดีนะแต่ที่นี่หนาวฉิบหายเลยว่ะ  เอ้อเปอร์ เดือนหน้ามึงเปิดเทอมแล้วใช่ป่ะ?” ไอ้พี่ถังถาม

                “อ่าฮะ”

                “เดือนหน้ากูมีวันหยุดยาวสองสัปดาห์เดี๋ยวกูจะกลับไปหา” ไอ้พี่ถังพูด  ผมยิ้มอย่างดีใจทันที

                “จริงเหรอถัง!?! กูโคตรดีใจว่ะ” ผมกระโดดโลดเต้นทันที

                “เออสิ อยากได้อะไรไหมล่ะเดี๋ยวซื้อไปฝาก” พี่มันขำนิดๆ กับอาการดีใจสุดๆ ของผมก่อนจะถามขึ้น

                “ขอแหม่มสาวๆ สวยๆ ขาเรียวๆ นมอึ๋มๆ สักคนก็พอ” ผมกวน

                “เอาไว้กูหาให้ตัวเองได้เมื่อไหร่แล้วจะหาให้มึงนะ ฮ่าๆ” โดนกวนกลับเลยครับ

                ผมหัวเราะก่อนจะเงียบไปสักพักแล้วพูดขึ้น “ถัง...ถ้ากูบอกว่ากูดูแลตัวเองไม่ได้มึงจะอยู่ที่นี่กับกูไหม?” ผมถามเสียงแผ่วเบา  ไอ้พี่ถังเงียบสนิท “ฮ่าๆๆ กูล้อเล่นน่า” ผมรีบปรับน้ำเสียงให้กลับมาสดใสอีกครั้งแต่ดูเหมือนจะปิดพี่ถังไม่ได้เมื่อพี่มันเงียบไม่หัวเราะไม่ขำไปกับผม

                “เปอร์...มึงมาอยู่กับกูไหม?” ไอ้พี่ถังถาม

                “ถัง...ฮึก! กู...กูไม่ได้อยากจะร้องไห้หรอกนะ ฮึก แต่ก็ห้ามไม่ได้ว่ะ” จู่ๆ น้ำตาผมก็ไหลออกมา  ผมคิดถึงพี่มันมากเหลือเกิน  ตอนนี้ปัญหามันรุมเร้าจนผมอยากจะพึ่งใครสักคน  ผมอยากจะมีใครสักคนมาอยู่เคียงข้าง   คนอื่นๆ ถ้าเขามีปัญหาเขาก็จะปรึกษาพ่อแม่แต่สำหรับผมผมไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร  จะขอให้ไอ้พัดช่วยก็คงไม่ดีเพราะมันเองก็อยู่ในช่วงที่สมควรจะสนุกให้สุดๆ  จะหันไปหาพี่เคย์ก็คงไม่ได้เพราะผมไม่อยากรบกวน  คนเดียวที่ผมจะพึ่งได้ก็อยู่ไกลคนละซีกโลก  ผมควรทำอย่างไรดี?

                “เปอร์ มึงมีปัญหาอะไรมึงบอกกูสิ” ไอ้พี่ถังถามอย่างร้อนใจ

                “กูออกจากบ้าน ฮึก! ไม่มีเงิน  ไม่มีรถ  ไม่มีใครเลย  กูไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปแล้วถัง ฮือ” ผมสะอื้นตัวโยนพลางซบหน้าลงบนเข่าของตัวเอง  ผมไม่อยากจะทำให้พี่มันลำบากใจแต่ตอนนี้ผมไม่ไหวกับชีวิตของผมแล้ว  ทำไมมันบัดซบแบบนี้  พ่อแม่ก็ไม่รัก  พอคิดจะมีความรักคนที่เรารักก็ไม่รักเรา  เกิดมาบนกองเงินกองทองก็จริงแต่ผมกลับไม่มีความสุขเลย

                “มึงลองไปขอความช่วยเหลือจากน้องพัดดูหรือยังเปอร์? ทนอีกหน่อยได้ไหมแล้วกูจะรีบกลับไป  กูจองตั๋วไว้แล้ว” ไอ้พี่ถังพูดเสียงอ่อน  ถ้าตอนนี้มันอยู่ข้างๆ ผมมันก็คงจะกอดผมไว้แล้วลูบหัวผมเบาๆ  ไม่เอาแล้ว...ผมไม่อยากอยู่ห่างจากมันเลย  ไม่มีมันก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียว

                “กูไม่อยากให้พัดมันเครียด ฮึก” ผมกัดริมฝีปากเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น

                “เอางี้นะ...เดี๋ยวกูจะโทรไปหารุ่นน้องให้ช่วยดูแลมึงให้ก่อน  มันเป็นคนดีมึงทนๆ เอาหน่อยได้ไหม?” ไอ้พี่ถังพูด

                “พี่เคย์เหรอ?” ผมถาม

                “รู้จักกันแล้วใช่ไหม  ดีเลย  มึงไปอยู่กับมันก่อนนะเปอร์ กูเชื่อว่ามันดูแลมึงได้” พี่ถังพูด

                “ไม่...ไม่เอาหรอก  พี่มันช่วยกูไว้หลายอย่างแล้ว  กูเกรงใจ  เอางี้ดีกว่า  เดี๋ยวกูไปหาเพื่อนคนอื่นให้มันช่วย  กูจะรอมึงกลับมานะถัง” ผมพูดไปสะอื้นไป  ถึงจะบอกมันไปอย่างนั้นแต่ผมไม่รู้จริงๆ ว่าจะหันไปหาใคร  ไอ้เพื่อนคนอื่นๆ ในกลุ่มมันก็มีปัญหากับครอบครัวเหมือนกันพวกมันคงช่วยผมไม่ได้หรอก

                “กูอยากกลับไปหามึงเดี๋ยวนี้เลย” ยิ่งพี่มันแสดงความเป็นห่วงผมมากแค่ไหนผมก็ยิ่งปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมามากเท่านั้น  มันอบอุ่นและคิดถึงจนผมไม่สามารถระบายออกมาเป็นคำพูดได้

                “ไม่ได้นะมึง  อย่าทิ้งการเรียนเด็ดขาด  กูทนได้ ฮึก มึงก็รู้ว่ากูแม่งถึก ฮ่าๆ ฮึก” ผมหัวเราะทั้งน้ำตา  ถ้าพี่มันทิ้งการเรียนมาเพื่อผมจริงๆ ผมคงรับไม่ได้เพราะผมจะเป็นคนที่ทำลายอนาคตของพี่มัน  ผมทำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ

                “เปอร์...นอกจากเรื่องพ่อแม่แล้วมึงมีเรื่องอื่นให้ทุกข์ใจอีกไหม?” ไอ้พี่ถังถามเสียงแผ่ว  ผมชะงักก่อนจะกัดนิ้วตัวเองเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น  ผมไม่อยากให้พี่มันรู้ว่าผมเสียใจเรื่องพี่ลุกซ์...อีกแล้ว

                “ปละ...เปล่า” ผมตอบเสียงสั่น  ปากเม้มแน่น  น้ำตาไหลพราก  ผมรู้สึกอ่อนแอเหลือเกิน

                “เปอร์...มาอยู่กับกูที่นี่  เรื่องเรียนมึงดร็อปไว้ก่อนแล้วค่อยมาหาที่เรียนที่นี่ก็ได้  เอาอย่างนั้นไหม?” พี่มันถามอย่างจริงจัง  ผมส่ายหน้าไปมา  ผมไม่อยากไปจากที่นี่...ผมไม่อยากไปจากพี่ลุกซ์ในตอนนี้  ความพยายามของผมมันยังไม่มากพอ  ถ้ามันถึงขีดสุดเมื่อไหร่...ผมก็จะยอมไปแต่โดยดี

                “ไม่ถังไม่  ยังไม่อยากไป...ฮึก” ผมส่ายหน้าน้ำตาร่วงแหมะ

                “เพราะไอ้ลุกซ์ใช่ไหมเปอร์? เพราะมึงรักมันใช่ไหม?!” ไอ้พี่ถังขึ้นเสียง  ผมกัดริมฝีปาก

                “ฮึก ฮือออ ใช่...กูรักพี่ลุกซ์  รักมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ฮืออ กูไม่รู้ว่าทำไม...แต่กูลืมพี่มันไม่ลงจริงๆ ฮึก” ผมพูดเสียงอู้อี้

                แกร๊ก!!

                ขณะที่ผมกำลังฟูมฟายเสียงปลดล็อกจากประตูที่ผมพิงอยู่ดังขึ้นผมจึงเช็ดน้ำตาและตัดสายของไอ้พี่ถังทิ้ง  ถ้าพี่ลุกซ์ออกมาเห็นผมนั่งร้องไห้แบบนี้พี่มันคงจะสมเพชผมเหมือนเคย  ผมไม่อยากถูกพี่มันมองอย่างเหยียดหยามเหมือนกับว่าผมมันอ่อนแอ

                “นี่มึงยังไม่ไปอีกเหรอ” เสียงเย็นๆ ถามขึ้น  ผมก้มหน้ายืนหันหลังให้พี่ลุกซ์  ถ้าพี่แกเห็นหน้าผมตอนนี้พี่แกจะต้องรู้แน่ๆ ว่าผมร้องไห้

                RRRRRR

                ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบโทรศัพท์ที่ผมกำไว้ในมือก็สั่น  ผมเม้มปากก่อนจะกดตัดสายทิ้งเพราะรู้ว่าคนที่โทรเข้ามาจะต้องเป็นพี่ถัง  ทันทีที่ผมกดตัดสายโทรศัพท์ผมก็สั่นอีกรอบผมจึงตัดสินใจปิดเครื่อง  ถัง...กูขอโทษ  แต่ตอนนี้กูคุยกับมึงไม่ได้จริงๆ

                “เอ่อ...แฮะๆ งั้นผมไปดีกว่าเนอะ” ผมสูดน้ำมูกก่อนจะหัวเราะเจื่อนๆ ก่อนจะออกเดินโดยไม่หันกลับไปมองพี่ลุกซ์

                “เดี๋ยว!” พี่ลุกซ์เรียกไว้  ผมชะงัก  ใจเต้นตึกตักอย่างมีความหวัง

                “...”

                “เอากระเป๋ามึงไปด้วย เกะกะ” ทันทีที่จบประโยคน้ำตาผมก็ร่วงผล็อยพร้อมกับชะล้างความหวังของผมที่ถูกทำลายไปด้วย  ผมสะบัดหัวแรงๆ เพื่อให้ผมข้างหน้าตกลงมาปรกตาก่อนจะก้มหน้าก้มตาเดินกลับไปลากกระเป๋าของตัวเอง

                ผมเม้มปากไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของร่างสูงที่กำลังยืนพิงประตูโดยมีหญิงสาวยืนอยู่ข้างกาย  ยิ่งมองยิ่งเจ็บ  ยิ่งมองน้ำตาก็ยิ่งไหล

                “ขะ...ขอโทษ...ที่รบกวนนะครับ” ผมพูดเสียงแผ่วเบาและพยายามอย่างยิ่งเพื่อบังคับไม่ให้เสียงมันสั่นเครือ  ริมฝีปากของผมยกยิ้มนิดๆ เพื่อเป็นการบอกลาก่อนจะเดินก้มหน้าก้มตาเดินไปที่ลิฟต์

                “แล้วมึงจะไปอยู่ที่ไหน?” เสียงนิ่งๆ ที่ดังขึ้นทำให้ผมชะงัก  ผมยกมือปาดน้ำตาก่อนจะหันไปหาพี่ลุกซ์แต่ก็ยังก้มหน้าให้ผมปรกตาอยู่อย่างนั้น

                “ผมมีเพื่อนเยอะแยะครับ  แค่ที่ซุกหัวนอนหาไม่ยากหรอก” ผมพยายามพูดเสียงให้ร่าเริงที่สุดเท่าที่จะทำได้  เฮ้อ  สงสัยวันนี้คงได้นอนใต้สะพานลอยล่ะมั้ง ฮ่าๆๆ ว่าไปนั่น

                “ก็ดี จะได้ไม่ต้องมาเกะกะทำตัวน่ารำคาญแถวนี้” ผมกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะยิ้มนิดๆ แล้วหันหลังเดินเร็วๆ ไปที่ลิฟต์  ไม่ไหวแล้ว...ขืนอยู่ตรงนั้นต่อไปเขื่อนผมแตกอีกรอบแน่

                ผมจะทำอย่างไรต่อไปดี? ผมเจ็บจนแทบจะทนไม่ไหว  ผมไม่เคยมีความรักที่ทรมานขนาดนี้มาก่อน  หรือว่าผมควรจะหยุดเสียที  หยุดรัก...หยุดทำร้ายตัวเอง...


 

                ผมยืนทำใจอยู่หน้าคอนโดไอ้พี่ลุกซ์เพียงชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจนั่งแท็กซี่ไปที่บาร์แห่งหนึ่งที่ผมไม่คิดจะไปเพราะรสนิยมของผมไม่ใช่แบบนั้นแต่ตอนนี้ผมไม่มีทางเลือก  จะให้ไปเกาะผู้หญิงที่เคยคั่วก็คงไม่ได้เพราะพวกผู้หญิงที่เข้ามาเกี่ยวพันกับผมส่วนมากก็หวังแค่เงินหรือไม่ก็แค่คู่นอนคืนเดียว  เพราะฉะนั้นผมก็เลยต้องมาที่บาร์เกย์เพื่อให้ใครสักคนพาผมไปด้วย  ถ้าเป็นผู้ชายคงจะยอมเทคแคร์ดูแลผมล่ะนะ

                ผมเอากระเป๋าเดินทางของตัวเองไปฝากไว้ที่เคาน์เตอร์ก่อนจะสั่งเครื่องดื่มเบาๆ มาดื่มแก้เซ็ง  ตอนนี้เงินในกระเป๋าผมเกลี้ยงไม่เหลือเลยสักบาท  ถ้าหมดแก้วนี้แล้วยังไม่มีใครเข้ามาจีบผมผมคงต้องไปขอความช่วยเหลือจากไอ้พัดจริงๆ ซะแล้ว

                เอาวะ! ตอนนี้จะรุกจะรับกูก็ไม่สนแล้ว! ขอแค่วันนี้มีที่นอนก็พอ!

                ผมนั่งจิบเหล้าไปทีละนิดละน้อยจนเกือบจะหมดแก้วแต่ก็ไม่มีใครเข้ามาหาผมเสียที  โธ่ นี่หน้าตากูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ  หรือกูไม่มีเสน่ห์ต่อเพศเดียวกัน? อืม...อาจจะใช่เพราะพี่ลุกซ์ไม่เคยคิดจะเหลียวแลผมเลยสักครั้ง

                “นี่มาสเตอร์...มาสเตอร์ว่าผมหล่อมะ?” ผมเคาะเคาน์เตอร์พลางถามมาสเตอร์ที่กำลังชงเหล้าเสียงยานคาง

                “ไม่ครับ” ทันทีที่คำตอบหลุดออกมาจากปากของมาสเตอร์คิ้วผมก็กระตุกหงึกๆ  ผมตบเคาน์เตอร์เสียงดังเพราะโมโหและคิดจะเอาเรื่องที่เขาว่าผมไม่หล่อ  แต่พอนึกถึงสังขารและกำลังใจของตัวเองในตอนนี้ผมก็ต้องยอมนั่งลงที่เดิมอย่างเซ็งๆ

                “นั่นสินะ  ผมแม่งไม่มีดีอะไรซักอย่าง  เงินก็ไม่มี  รถก็ไม่มี  ที่สำคัญนะมาสเตอร์...ไม่มีใครรักผมเลยสักคน” ผมพร่ำเพ้อไปตามประสาคนที่เริ่มเมาเนื่องจากเหล้าที่ผมสั่งมาดื่มมันแรงมากและผมยังไม่ได้กินอะไรก่อนมากินเหล้าผมจึงเมาง่ายกว่าปกติ

                “ขอโทษนะครับคุณลูกค้า  ผมจะบอกว่าคุณน่ารัก” มาสเตอร์หน้านิ่งคนเดิมพูดด้วยสีหน้านิ่งเรียบแต่ใบหน้าที่ก้มชงเหล้าอยู่นั้นกำลังแดงเรื่อลามไปถึงหู

                “โธ่มาสเตอร์! ผมไม่ได้อยากน่ารักนะ! อยากหล่อ...หล่อน่ะรู้จักป่ะ?” ผมมองหน้ามาสเตอร์อย่างหาเรื่องก่อนจะโน้มตัวเอาคางเกยกับเคาน์เตอร์และทำปากยื่น

                “แต่คุณลูกค้าเหมาะกับคำว่าน่ารักนะครับ” เขาเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะวางแก้วเหล้าไว้ตรงหน้าผมหลังจากที่บาร์เทนเดอร์อีกคนเดินมากระซิบกระซาบอะไรบางอย่าง

                “อะไรล่ะเนี่ย? ผมไม่ได้สั่งนะ” ผมขมวดคิ้วถาม  กูไม่มีเงินจ่ายหรอกนะเฟ้ย  แค่แก้วเดียวเงินก็กูหดหมดกระเป๋าแล้ว

                “คุณผู้ชายโต๊ะนั้นสั่งให้ครับ” มาสเตอร์พูดพลางส่งสายตาไปที่โต๊ะโต๊ะหนึ่งซึ่งมีผู้ชายอยู่ห้าคน  และก็มีหนึ่งคนที่กำลังมองผมอย่างมีความหมาย  เขาไม่ใช่ผู้ชายที่หล่อมากแต่เขาดูดีพอสมควร  ประกอบกับหน้าตาที่ดูมีภูมิแลดูมีอายุนิดๆ แต่ไม่ได้แก่  คงจะประมาณ30 ต้นๆ ล่ะมั้ง

                “อ่า ขอบคุณนะมาสเตอร์ คิกๆ” ผมหันไปยิ้มให้มาสเตอร์ก่อนจะหัวเราะกับตัวเองเมื่อมีคนเข้าหาแล้ว  ท่าทางจะรวยด้วยแฮะ

                ผมลงจากเก้าอี้ทรงสูงก่อนจะจัดเสื้อผ้านิดหน่อยแล้วเดินถือแก้วเหล้าตรงไปหาผู้ชายที่เขาสั่งเหล้าแก้วนี้ให้กับผม  พอผมเดินเข้าไปพวกเพื่อนๆ ที่นั่งร่วมโต๊ะกับเขาก็เอ่ยแซวเขาทันที

                “สวัสดีครับ” ผมโค้งตัวนิดๆ ก่อนจะระบายยิ้มบางๆ

                “สวัสดีครับ” เขายิ้มให้ผมก่อนจะขยับให้มีที่ว่างสำหรับนั่งแล้วตบตรงที่ว่างนั้นเบาๆ เพื่อบอกให้ผมนั่งด้วย  ผมยักไหล่ยกยิ้มนิดๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เขาทันที

                “ขอบคุณสำหรับแก้วนี้นะครับ” ผมยกแก้วเหล้าขึ้นนิดๆ เพื่อชนกับเขา

                “ผมจักรินครับ  เรียกจักรเฉยๆ ก็ได้” เขายกแก้วตัวเองขึ้นชนกับแก้วของผมเบาๆ ก่อนจะเอี้ยวตัวมองผมด้วยสายตาหวานเยิ้ม

                “ผมเปอร์ครับพี่จักร” ผมยักคิ้วนิดหน่อยพลางพูดจาให้แลดูสนิทสนม

                “มาคนเดียวเหรอครับหรือว่ามากับแฟน?” พี่จักรถามพลางเล่นหูเล่นตานิดๆ  ตอนที่ถามถึงแฟนพี่แกก็แกล้งทำปากยื่นๆ หน้าเซ็งๆ

                “ผมยังไม่มีแฟนหรอกครับ ฮะๆ ที่จริงก็เพิ่งอกหักมา” ผมแสร้งทำหน้าเศร้าเพื่อให้เขารุกต่อ  ดูจากท่าทางของพี่จักรแล้วคงไม่ใช่รับแน่ๆ  ที่จริงผมอยากจะหารับอยู่หรอกนะครับแต่ตอนนี้ผมไม่มีเงินพอที่จะไปสั่งเหล้าจีบใครได้น่ะสิ  เดี๋ยวตอนขึ้นเตียงผมจับพี่จักรกดเลยดีกว่า ฮ่าๆ มอมให้เมาแล้วกดแม่งเลย

                “จริงเหรอครับ? พี่ก็เหมือนกัน” พี่จักรทำหน้าเศร้าบ้าง  ผมดูออกว่าพี่มันตอแหล ฮึๆ

                “จริงเหรอมึง?” เสียงเพื่อนพี่แกแซวขึ้นเมื่อได้ยินคำโกหกจากเพื่อนของตัวเอง

                “เงียบๆ น่า” พี่จักรรีบหันไปปรามเพื่อนก่อนจะหันกลับมายิ้มให้ผม “จะว่าไปพี่ไม่คุ้นหน้าเปอร์เลยนะ  เพิ่งเคยมาที่นี่หรือเปล่า?” พี่จักรถามอย่างสงสัย  ผมพยักหน้า

                “ใช่ครับ  เมื่อก่อนผมยังเด็กผมก็เลยไม่กล้าเข้า  กลัวเพื่อนมาเห็นด้วย” ผมพูด  เปล่าเลย กูตอแหลล้วนๆ ครับ  เมื่อก่อนกูเคยคิดจะเข้าบาร์เกย์ที่ไหน  กูออกจะรังเกียจด้วยซ้ำไป

                “อ่า...ลำบากเนอะ ต้องปิดไม่ให้ใครรู้” พี่จักรพูดอย่างเข้าใจ  ผมเหลือบมองที่จักรที่กำลังยิ้มแล้วมองหน้าผมก่อนจะเม้มปากเมื่อจู่ๆ หน้าพี่ลุกซ์ก็ลอยขึ้นมาเต็มไปหมด  ทำไมพี่ลุกซ์ไม่ยิ้มให้ผมแบบนี้บ้างนะ  ถึงจะเป็นแค่รอยยิ้มจอมปลอมก็ยังดี “เปอร์ครับ  คืนนี้ไปต่อไหนหรือเปล่า?” พี่จักรถาม  เอาล่ะ เข้าทางกูพอดี

                “คงไม่ล่ะครับ  ผมไม่รู้จะไปที่ไหน  พอดีผมหนีออกจากบ้านน่ะครับ  หลังจากนี้คงไปหาที่นอนตามบ้านเพื่อน” ผมแกล้งพูดให้ดูเศร้าๆ ถึงจะเศร้าจริงก็เหอะ

                “ถ้าไม่รังเกียจ...ไปกับพี่ไหม?” พี่มันถามพลางโน้มหน้าเข้ามาใกล้ๆ ผม  ผมตกใจเล็กน้อยที่พี่เขารุกเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน  เออ...กูอ่อยมันเองนี่หว่า

                “จะดีเหรอครับ?” ผมมองหน้าพี่เขาก่อนจะกวาดสายตามองเพื่อนๆ ที่นั่งร่วมโต๊ะที่กำลังมองผมกับพี่จักรด้วยสายตากรุ้มกริ่ม

                “แต่ถ้าเปอร์รังเกียจพี่ก็ไม่เป็นไรก็ได้นะครับ” ไอ้พี่จักรถอนตัวออกไปก่อนจะทำหน้าเศร้าเพื่อเรียกคะแนนสงสาร  ผมหัวเราะในใจนิดๆ ก่อนจะคล้องแขนพี่แกเอาไว้  เฮอะ มุขที่พี่แกใช้กับผมทำไมผมจะตามไม่ทันในเมื่อมุขเหล่านั้นผมใช้บ่อยจนเบื่อ  และตอนนี้ผมก็กำลังเอามุขที่พวกผู้หญิงใช้กับผมมาใช้บ้าง  ถ้าผมเป็นผู้หญิงผมก็คงจะแรดไม่หยอก  ขนาดเป็นผู้ชายผมยังใจกล้าหน้าด้านทำตัวแรดเลย  เอาน่า...เพื่อที่ซุกหัวนอนและ...เพื่อประชดชีวิต

                “ผมไม่ได้รังเกียจนะครับ  พี่จักรนั่นแหละรังเกียจผมหรือเปล่า?” ผมพูดอ้อนๆ พลางเขย่าลำแขนแกร่งเบาๆ

                “ถ้ารังเกียจพี่จะชวนไหมครับ หืม?” ไอ้พี่จักรยิ้มกริ่มก่อนจะโน้มหน้าลงมาทำท่าจะจูบที่ปากผมแต่ผมเบี่ยงหน้าหลบพี่แกจึงทำได้เพียงแค่หอมแก้ม  ขนลุกว่ะแม่ง! ตายห่าแล้วกู  กับผู้ชายผมก็รู้สึกแค่กับพี่ลุกซ์  แต่พอถูกคนอื่นทำท่าจะจับจะจูบแล้วผมรู้สึกแขยงพิกล “อะไรกันครับเปอร์ ไม่ได้เหรอ?” ไอ้พี่จักรขมวดคิ้วนิดๆ เมื่อผมหลบ

                “เดี๋ยวสิครับ  ไม่เห็นต้องรีบ” ผมแกล้งดันอกพี่แกที่โถมเข้าหาออกเบาๆ เหมือนจะอ่อยแต่ที่จริงกูรังเกียจครับ  คิดผิดจริงๆ แฮะที่มาที่นี่  ตอนแรกที่เข้ามามันก็เฉยๆ อยู่หรอก  แต่พอต้องมาถูกผู้ชายคอยจับคอยโอบแบบนี้ผมหวิวว่ะ  ปกติผมเป็นฝ่ายที่จะต้องทำเสียมากกว่าถูกทำนี่นา ไม่ชินเลย

                “งั้นเราไปกันเลยไหมครับเปอร์?” ไอ้พี่จักรทำหน้าหื่นนิดๆ ก่อนจะลุกขึ้นพร้อมกับฉุดให้ผมลุกตามไปด้วย  ฉิบหายละกู! พอเห็นรูปร่างพี่แกชัดๆ ผมชักจะไม่มั่นใจเลยว่าตัวเองจะพลิกอีกฝ่ายให้อยู่ข้างใต้ได้  โอย! ถ้าผมได้รุกผมจะไม่แขยงขนาดนี้หรอก  แต่นี่ผมต้องเป็นรับเหรอ!?! ไม่เอาอ่ะ

                “อ่ะ...เอ่อ  ผมขอไปเอากระเป๋าที่เคาน์เตอร์สักครู่นะครับ” ผมยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะรีบเดินไปที่เคาน์เตอร์

                “จะไปแล้วเหรอครับ?” มาสเตอร์ถามขึ้นเมื่อเห็นผมเดินกลับมาหา

                “มาสเตอร์...ผมกลัวอ่ะ  ผมรุกมาโดยตลอด” ผมกระซิบกับมาสเตอร์อย่างกังวล

                “หือ? คุณเนี่ยนะรุก?” มาสเตอร์ทำตาโตอย่างตกใจ

                “โห! เห็นอย่างนี้ผมก็ฟันมาเยอะแล้วนะ” แต่ฟันผู้หญิงนะไม่ได้ฟันผู้ชาย

                “ลองดูสักครั้งก็ไม่เสียหายนะครับ” มาสเตอร์พูดอย่างไม่สนใจ  ผมย่นจมูกนิดๆ ก่อนจะขอกระเป๋าคืนและเดินไปหาพี่จักร


 

                พี่จักรพาผมเดินออกไปที่ลานจอดรถที่เงียบสงัดก่อนจะปลดล็อคประตู  ขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูขึ้นรถพี่มันก็เดินมาคร่อมผมไว้จากทางด้านหลัง  มือหนาทั้งสองข้างยันประตูเอาไว้เพื่อไม่ให้ผมเปิดได้ก่อนจะร่างใหญ่ๆ จะเบียดดันผมให้แนบกับรถ  ผมตกใจจึงรีบหันไปหวังจะดันพี่มันออกแต่กลับกลายเป็นเปิดโอกาสให้พี่มันรุกจูบ

                ฉิบหาย!! กูจูบกับผู้ชายอีกแล้วเหรอเนี่ย!?!  แต่ตอนที่พี่เคย์มันจุ๊บผมเบาๆ ตอนนั้นผมไม่ได้รังเกียจเหมือนกับตอนนี้ที่กำลังถูกลิ้นร้อนๆ ไล้ริมฝีปากที่ผมเม้มแน่น  ผมบิดตัวหนีอย่างขยะแขยงๆ แต่ใบหน้าก็ถูกมือแกร่งล็อคให้อยู่กับที่  ตัวก็ขยับไม่ค่อยจะได้เนื่องจากถูกตัวใหญ่ๆ ของพี่มันทับไว้กับรถ

                “พี่จักรอย่า...” ผมพยายามร้องห้ามแต่นั่นเป็นเหมือนการเปิดโอกาสให้พี่มันรุกล้ำเข้ามาในปากของผมได้

                หมับ! พลั่ก!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ค้างล่ะสิ  ฮ่าๆๆๆๆๆ
ตอนหน้าขอบอกนิดนึง...ถ้าคนบ่อน้ำตาตื้นให้เตรียมผ้าเช็ดหน้ามาด้วยนะ คิกๆๆ

     

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา