ซวยฉิบหาย! ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก
เขียนโดย DPR_Fox
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.59 น.
แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 22.17 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) Chapter 05 : นอนกับผู้ชาย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ13/01/13
edit : 16/01/13
edit : 17/01/13
edit : 30/07/13
พี่ลุกซ์ในผับ
“เอ่อ...ขอโทษนะครับพี่ เพื่อนผมเขาทำอะไรให้พวกพี่ไม่พอใจหรือเปล่าครับ?” ผมเดินเข้าไปยืนตรงหน้าโต๊ะของเพื่อนๆ ที่ผู้ชายร่างสูงท่าทางน่าเกรงขามสี่คนยืนกอดอกมองสภาพเพื่อนปากหมาไม่เจียมของผมอย่างสมเพช
“ก็เพื่อนมึงน่ะ...หือ?” ไอ้ผู้ชายที่ตัดผมสั้นหน้าตาหล่อท่าทางกวนส้นตีนกำลังจะต่อว่าผมแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นหน้าผมชัดๆ ผมเองก็ชะงักเมื่อเห็นพวกเขาทั้งสี่อย่างชัดๆ เช่นเดียวกัน และคนที่ทำให้ผมมั่นใจว่าผมรู้จักคนกลุ่มนี้ก็คือไอ้หล่อสารเลวผมสีทองตาสีฟ้านั่นเอง ส่วนคนอื่นๆ ผมจำได้เพราะพวกเขาเป็นติวเตอร์ในทีมของพี่ถัง
ผมกวาดตามองพวกพี่ๆ ทุกคนแต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของคนที่ผมเฝ้าคิดถึงมาตลอดเกือบหนึ่งปี คนที่เหยียบย่ำหัวใจของผมเสียป่นปี้จนไม่เหลือชิ้นดีแต่กระนั้นผมก็ยังรัก...รักเขามากเหมือนเดิมเพราะเขาเป็นรักแรกพบของผม เขาไม่ใช่รักครั้งแรกแต่เขาเป็นคนแรกที่ผมรักมากถึงขนาดยอมเจ็บปวดเพียงเพื่อจะได้ใกล้ชิด
“เอ่อ...ผมต้องขอโทษพี่ๆ แทนเพื่อนผมด้วยนะครับ พวกมันเมาไม่รู้เรื่องอย่าถือสาเลยนะครับ” ผมยกมือไหว้ขอโทษพวกพี่ๆ เรียงตัว
“มึงไปไหว้พวกมานทำมายวะไอ้เปอร์ เมื่อกี้พวกมานแม่งแย่งเด็กปายจากเรา คิดว่าตัวเองหล่อนักหรืองายวะ กระจอกเอ๊ย!” ไอ้ตุลลุกจากโซฟาก่อนจะเดินเซๆ มากอดคอผมพลางยกมือขึ้นชี้หน้าพวกพี่ๆ ไอ้พวกกะโหลกกะลาไม่เจียมสังขาร! พวกมึงเมาจนแทบเดินไม่ไหวอย่าไปเสือกหาเรื่องคนอื่นเขาได้ไหมเล่า!?! อีกอย่าง...พวกพี่ๆ แม่งหล่อกว่าพวกมึงหกตัวรวมกันเลยนะเว้ย แค่ไอ้หล่อนรกแตกจอมหื่น(?)จูบไปทั่ว(?)คนเดียวก็กลบรัศมีพวกเราได้ทั้งกลุ่มแล้ว(สรุปคือพวกกูไม่ได้หล่ออย่างที่ปากพูดไง เหอๆๆ) พูดแล้วก็เซ็งว่ะ ผมแม่งเกลียดคนหล่อฉิบหายแต่ยกเว้นพี่ลุกซ์นะ
“แม่ง! กวนตีนว่ะ!” ไอ้พี่ที่เป็นติวเตอร์อีกคนพุ่งเข้ามาหวังจะถีบไอ้ตุลให้กระเด็นแต่ไอ้หล่อสารเลวนั่นขวางไว้ซะก่อน
“อย่าใจร้อนสิกีร์ มึงจะเอาอะไรมากมายกับคนเมาวะ” ไอ้หล่อนั่นพูดปรามเพื่อนก่อนจะหันมายิ้มหล่อๆ ให้ผม ชิ! หมั่นไส้ว่ะ อย่าให้กูหล่อกูสูงกูหุ่นดีบ้างละกันนะเว้ย! (พาลใส่ตั้งแต่เห็นมันจุ๊บปากกับพี่ลุกซ์แล้วครับ)
“มาเลยเด้ กูกลัวมึงเหรอครับ?” ไอ้เชี่ยตุล! ไอ้ปากมอม! ไอ้เวร! พี่กีร์อะไรนั่นอุตส่าห์ลงแล้วนะเว้ยแล้วมึงจะไปยั่วให้พี่มันขึ้นทำไมวะ ดูๆ แล้วพี่มันแม่งของขึ้นง่ายฉิบหาย
“หนอย ไอ้เด็กอวดดี! ไอ้เคย์ ปล่อยกู! กูจะเอาเลือดปากมันออก!!” ไอ้พี่กีร์ดิ้นพราดก่อนจะเดินบุกเข้ามาเพื่อจัดการกับไอ้ตุลแต่ไอ้หล่อเวรตะไลนั่นก็ออกแรงดึงเอาไว้ทำให้ไอ้พี่กีร์มันกระทืบเท้าอย่างเจ็บใจ
“เอะอะอะไรกันนักหนาฮะพวกมึง? นี่ยังเคลียร์กับไอ้เด็กพวกนี้ไม่เรียบร้อยอีกเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำมุดดินดังขึ้นมาจากทางเดินไปห้องน้ำพร้อมกับร่างสูงหุ่นหล่อที่เดินก้มหน้าก้มตาสะบัดเสื้อเชิ้ตเปียกน้ำที่ตัวเองใส่ประหนึ่งจะให้มันแห้ง
คนที่เดินเข้ามาคือคนที่ผมมองหาในตอนแรก ผมนึกว่าเขาจะไม่อยู่ในกลุ่มเพื่อนๆ เสียแล้ว ตั้งแต่วันที่ไปส่งไอ้พี่ถังผมก็ไม่ได้เจอกับพี่ลุกซ์อีกเลย มาเจอครั้งนี้พี่แกดูดีขึ้นตั้งเยอะ ดูเป็นผู้ใหญ่สุขุมขึ้นมากเลยทีเดียว
“ไอ้เหี้ยนั่นมันกวนตีนกู” ไอ้พี่กีร์ชี้มาที่ไอ้ตุลที่ยืนเซๆ เหมือนจะล้มไอ้พี่ลุกซ์จึงเงยหน้าขึ้นมามอง ทันทีที่สายตาของเราประสานกันไอ้พี่ลุกซ์ก็นิ่งไปนิดหน่อยก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อผมยิ้มให้
“กลับเถอะ กูเหม็นอ้วกจะตายห่า” ไอ้พี่ลุกซ์ทำหน้าพะอืดพะอมก่อนจะชวนพวกเพื่อนๆ กลับ เสื้อที่เปียกชุ่มของพี่แกคงเกิดจากการล้างอ้วกสินะ เท่าที่ดู...ผมว่าไอ้เพื่อนผมที่นอนตายอยู่บนโซฟาคงเป็นคนอ้วกใส่ไอ้พี่ลุกซ์ล่ะมั้ง มิน่าล่ะกลุ่มพวกพี่มันถึงดูโกรธพวกเหี้ยนี่จัง
“เอ่อ...พี่ลุกซ์ครับ!!” ผมตะโกนเรียกพี่ลุกซ์ที่กำลังจะเดินจากไปเอาไว้ก่อนจะผลักไอ้ตุลออก พี่ลุกซ์กับเพื่อนๆ หันมามองผมอย่างสงสัย “คือผมไม่ได้เอารถมา ไปส่งหน่อยได้ไหมครับ” ผมขอก่อนจะยิ้มแป้น ผมรู้ว่าพี่ลุกซ์เกลียดรอยยิ้มนี้แต่ผมก็จำเป็นต้องยิ้มเพื่อปกปิดความอ่อนแอภายใน ถึงผมจะขอออกไปหน้าด้านๆ แบบนั้นแต่ผมก็แอบกังวลใจไม่น้อยว่าถ้าพี่มันปฏิเสธผมจะทำหน้าอย่างไร รอยยิ้มบนหน้าผมจะเจื่อนไปเลยไหม
“มึงมาอย่างไร...ก็กลับอย่างนั้นแหละ” ไอ้พี่ลุกซ์มองผมเย็นๆ ก่อนจะหันหลังเดินหนี
“คือเพื่อนที่ผมมาด้วยมันกลับไปก่อนแล้วน่ะครับ เพราะฉะนั้นช่วยไปส่งผมหน่อยได้ไหมครับ!?!” ผมวิ่งไปคว้าข้อมือของไอ้พี่ลุกซ์ไว้ พี่มันหันมามองผมด้วยสายตารำคาญพลางสะบัดมือออก
“แล้วทำไมกูต้องไปส่งมึง? ไปไกลๆ ตีนกูเลยไป” ไอ้พี่ลุกซ์สะบัดสายตาเหวี่ยงๆ ใส่ผมก่อนจะเดินล้วงกระเป๋าต่อไป ผมเม้มริมฝีปากก่อนจะยิ้มอีกครั้งเพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าผมแม่งเจ็บฉิบหาย
“ให้ไปส่งไหม?” ไอ้หล่อนรกแตกที่ชื่อเคย์หันมายิ้มหวานๆ ให้ผม ผมมองหน้าพี่มันก่อนจะเบ้หน้า หมั่นไส้ที่มันแม่งหล่อเกินหน้าเกินตา ไม่ได้หล่ออย่างเดียวนะ ดูสง่า หยิ่งๆ เชิดๆ ทั้งๆ ที่พี่มันไม่ได้หยิ่งไม่ได้เชิดอะไรเลยสักนิดแถมดูเป็นมิตรแต่ยังไงกูก็ไม่ชอบ กูเกลียดคนหล่อ!! (ถึงตอนแรกจะประทับใจหนังหน้ามันก็เหอะ)
“ไม่เอา แม่บอกไม่ให้กลับกับคนแปลกหน้า” ผมแลบลิ้นใส่ไอ้พี่เคย์นั่นก่อนจะเดินดุ่มๆ ตามพี่ลุกซ์ไป ไอ้พี่เคย์นั่นมันชะงักนิ่งก่อนจะหัวเราะแล้วเดินตามมา
สุดท้ายไอ้พี่ลุกซ์กับเพื่อนก็แม่งทิ้งผมกันไปหมดผมก็เลยต้องเดินเตร่อย่างไม่มีที่ไป เงินสดก็จ่ายค่าเหล้าไปหมดแล้วจึงไม่มีเงินเป็นค่าแท็กซี่กลับบ้าน โทรศัพท์ก็ลืมไว้บนรถไอ้พัดเลยโทรบอกคนที่บ้านให้มารับก็ไม่ได้ ถ้าเวลาแบบนี้ปกติผมจะโทรหาไอ้พี่ถังเพราะผมจำเบอร์มันได้แค่คนเดียว ถึงจะไม่มีโทรศัพท์ผมก็ไปหาตู้หยอดเหรียญโทรเอาก็ได้ แต่วันนี้ผมไม่มีพี่ถังให้คอยโทรขอความช่วยเหลือแล้วนี่นา
ปิ๊นๆๆ
เสียงแตรรถดังขึ้นก่อนที่รถปอร์เช่คันคุ้นตาจะมาจอดเทียบฟุตบาธที่ผมยืนอยู่ ผมยิ้มออกมาอย่างดีใจทันทีที่เห็นไอ้พี่ลุกซ์กลับมารับผม
“จะกลับไหม? จะไปส่ง” เสียงทุ้มๆ รื่นหูน่าฟังดังขึ้นเมื่อกระจกฝั่งข้างคนขับเลื่อนลง คนในรถโน้มตัวลงเพื่อส่องดูผมที่ยืนนิ่งๆ
รถของพี่ลุกซ์...แต่คนขับกลับเป็นพี่เคย์ ภายในรถไม่มีใครอีกนอกจากพี่เคย์เท่านั้น หน้าผมหมองตามอารมณ์เพียงชั่วครู่ก่อนผมจะปั้นหน้ายิ้มกลบเกลื่อนความเซ็งเป็ดของตัวเอง
“กลับครับ” ผมพยักหน้าก่อนจะรีบกระโจนขึ้นรถหรูทันที พี่เคย์มองผมยิ้มๆ ก่อนจะขับรถต่อไป พอพี่มันไม่ได้มองหน้าผมผมก็ทำหน้าแยกเขี้ยวใส่พี่มันอย่างหมั่นไส้ในความหล่อและอารมณ์ดีต่างจากพี่ลุกซ์ที่หล่อแต่อารมณ์โคตรจะร้าย(กับผม)
“ไหนเมื่อกี้บอกว่าแม่ไม่ให้กลับกับคนแปลกหน้าไง ฮึๆ” ไอ้พี่เคย์พูดแซวก่อนจะหัวเราะขำๆ ผมย่นจมูกอย่างไม่พอใจที่ถูกล้อ
“ช่างผมเถอะน่า” ผมบอกปัดๆ ไอ้พี่เคย์ส่ายหน้ายิ้มๆ เอ่อพี่...มึงจะหุบยิ้มสักหน่อยกูก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ ยิ้มแล้วแม่งออร่าออก กูแสบตาจนน้ำตาจะไหลแล้วเนี่ย ถ้าบอกว่าไอ้พี่นี่เป็นดาราผมก็เชื่อนะครับเพราะออร่าพี่มันเจิดจรัสจริงๆ
“บ้านอยู่ไหนล่ะจะได้ไปส่งถูก” เสียงนุ่มทุ้มลึกถามขึ้น ถ้าผมเป็นผู้หญิงผมยอมรับเลยว่าผมจะลากไอ้พี่บ้านี่ไปข่มขืนแต่ผมเป็นผู้ชายไงผมก็เลยไม่โง่พอที่จะทำแบบนั้น
“เอ่อ...พี่จะเอารถไปคืนให้พี่ลุกซ์หรือเปล่าครับ?” ผมถาม
“อาฮะ” ไอ้พี่หล่อสารเลวเคย์พยักหน้า
“ผมขอไปด้วยได้หรือเปล่าล่ะครับ คือตอนนี้ผมทะเลาะกับที่บ้านก็เลยถูกไล่ออกมา ผมไม่รู้จะไปที่ไหนแล้วจริงๆ คนที่พอจะรู้จักก็มีแค่พี่ลุกซ์” ผมตีหน้าเศร้าโกหกตอแหลอย่างหน้าด้านๆ
“เพื่อนนายเยอะแยะไม่ใช่หรือไง” ไอ้พี่เคย์พูด ผมชะงักก่อนจะแกล้งตอแหลต่อไป
“ที่บ้านของพวกเพื่อนๆ ไม่ค่อยชอบผมหรอกครับ พ่อแม่พวกนั้นชอบหาว่าผมพาลูกเขาเลวเขาก็เลยไม่ต้อนรับผม” ผมแสร้งหันหน้าไปซบกระจกรถ กูตอแหลได้ขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย?
“ชอบมันเหรอ? ไอ้ลุกซ์น่ะ” ไอ้พี่เคย์ถอนหายใจก่อนจะถาม ผมนิ่งไปนิดๆ ที่พี่แกรู้ จะรู้ก็คงไม่แปลกหรอกเพราะผมเคยประกาศต่อหน้าเพื่อนๆ ของพี่แกว่าชอบพี่ลุกซ์ขนาดนั้นคงต้องเอาไปพูดกันบ้างแหละ
“เอ่อ...” ผมอึกอัก
“หน้าตาก็ไม่ได้แย่นะเราน่ะ ทำไมถึงไม่ไปชอบผู้หญิงดีๆ ล่ะ” ไอ้พี่เคย์พูด มึงบอกว่าหน้าตากูไม่ได้แย่แต่ทำไมกูรู้สึกเหมือนถูกด่าว่าหน้าไม่หล่อวะ? ลงรถไปต่อยกันกลางสี่แยกเลยดีกว่าถ้ามึงจะด่ากูทางอ้อมแบบนี้อ่ะนะ
“พี่ไม่เข้าใจผมหรอกครับ ผมน่ะเป็นผู้ชายปกติที่ชอบผู้หญิงมากแต่พอมาเจอพี่ลุกซ์ผมก็ตกหลุมรักทันที มันเป็นรักแรกพบเลยนะครับ” ผมแสร้งทำเสียงเศร้าๆ พูดให้ดูน่าสงสาร
“เว่อร์เนอะ” พี่มันเลิกคิ้วนิดๆ พลางพูดเสียงกวนๆ เหมือนไม่อยากจะเชื่อ แหม...แอบฉลาดนะเราน่ะ
“ผมไม่ได้เว่อร์นะครับ ขอร้องเถอะครับ ผมรักพี่ลุกซ์จริงๆ นะ” ผมหันไปมองหน้าไอ้พี่เคย์ด้วยสีหน้าหมาหงอย เมื่อกี้อุตส่าห์เก๊กหน้าใส่กระจกตั้งนานกว่าจะได้ใบหน้าที่คิดว่าน่าสงสารที่สุด
ไอ้พี่เคย์หรี่ตามองผมนิดๆ ก่อนจะหันหน้าไปมองถนนต่อ “ไอ้ลุกซ์มันชอบนมว่ะ” พี่เคย์บอก ผมแอบแยกเขี้ยวใส่พี่มันอย่างเซ็งๆ ก่อนจะปรับสีหน้าให้น่าสงสารเหมือนเดิมเมื่อพี่เคย์มันหันกลับมามอง
“ผมน่ะ...เคยเจ็บเพราะพี่ลุกซ์ เคยเสียศักดิ์ศรีเพราะพี่ลุกซ์จนผมไม่กล้าที่จะเจออีก ผ่านมาหนึ่งปีแล้วแต่ผมก็ยังรักพี่ลุกซ์มาก ผมไม่ขอให้พี่ช่วยให้ผมสมหวังหรอกนะครับ แค่ไปส่งผมที่บ้านพี่ลุกซ์ก็พอ นะครับ...นะ” ผมแสร้งบีบเสียงสั่นๆ เหมือนจะร้องไห้พลางเขย่าแขนข้างหนึ่งของพี่เคย์เบาๆ ผมน่าจะลองไปแคสติ้งละครดูเนอะ เฮอะๆ
“เฮ้อ! ตื๊อจังวะ! ไปก็ไปสิ” ไอ้พี่เคย์ถอนหายใจส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะยอมพาผมไปหาพี่ลุกซ์
55% left
พี่เคย์พาผมลงจากรถเมื่อถึงคอนโดใจกลางเมืองก่อนจะเดินขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นสิบหกอันเป็นที่อยู่ของพี่ลุกซ์ ผมแปลกใจนิดๆ ที่พี่มันมาอยู่คอนโดทั้งๆ ที่บ้านก็ไม่ได้ไกลจากมหาวิทยาลัยมากมายอะไร แต่ก็ช่างเถอะ วัยนี้แล้วคงอยากจะอยู่อย่างส่วนตัวล่ะมั้ง
“เฮ้อ ชื่อเปอร์ใช่ไหมเราน่ะ?” ไอ้พี่เคย์ยืนพิงผนังลิฟต์ก่อนจะถามขึ้น วันนี้พี่แกถอนหายใจไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วครับ และก่อนจะถอนหายใจพี่แกมักจะหันหน้ามามองผมทุกครั้ง สรุปคือ...กูทำให้พี่มันกลุ้มว่างั้นเถอะ?
“ครับ” ผมพยักหน้า
“พี่ชื่อเคย์” พี่มันพูด แหม...คำพูดคำจาแลดูเรียบร้อยเนอะ ไม่เหมาะกับลุคเลยว่ะ ท่าทางของพี่เคย์ดูเป็นคนแรงๆ และดูแรงกว่าพี่ลุกซ์ซะด้วยซ้ำเพราะการแต่งตัวของพี่มันจัดเต็มมากอีกทั้งผมยังสีทองโฉบเฉี่ยว ไม่รู้ว่าสีจริงหรือย้อมอ่ะนะแต่ตาของพี่มันสีฟ้าขุ่นๆ รับกับสีผมดีจริงๆ แต่ก็อย่างที่ว่า...พี่มันดูหล่อแบบเอเชียนๆ ถ้าลองย้อมผมดำใส่คอนแทคเลนส์ล่ะก็คงดูเหมือนลูกเสี้ยวที่ได้รับกรรมพันธุ์ฝรั่งมานิดๆ เอ้อ พี่แกเป็นลูกเสี้ยวหรือเปล่านะ?
“ครับ” ผมพยักหน้ารับรู้
“แน่ใจนะว่าจะไปหาไอ้ลุกซ์จริงๆ เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทัน” ไอ้พี่เคย์พูดอีกครั้ง
“ไม่เปลี่ยนใจหรอกครับ ผมเป็นลูกผู้ชาย พูดคำไหนคำนั้น” ผมยักคิ้วก่อนจะยิ้มพลางยกกำปั้นขึ้นทุบอกให้ดูมาดแมน
“ฮึๆ พี่น่าจะตอบรับคำชวนไปเป็นติวเตอร์ของพี่ถังเนอะ เผื่อจะได้เจอนายที่นั่น” ไอ้พี่เคย์พูดยิ้มๆ โอย! อย่ายิ้มมากได้ไหมไอ้เวร! หล่อแล้วหัดเจียมสังขารสงบปากสงบคำได้ป่ะ? ออร่ามึงออกจนกูแสบตาไปหมดแล้วเนี่ย!
“อยากเจอทำไมครับพี่? มีแต่คนไม่อยากเจอเด็กแสบอย่างผม” ผมกอดอกเดาะลิ้นทำท่ากวนตีน
“พี่ชอบเด็กแสบๆ นะ พี่มีน้องชายคนหนึ่งแต่มันทำตัวไม่น่ารักเลย ทำตัวอย่างกับเป็นพ่อ พี่ก็เลยอยากจะมีน้องแสบๆ บ้างสักคน แกล้งคนแบบนั้นไม่เห็นจะสนุกสักนิด” ไอ้พี่เคย์พูดก่อนจะเอื้อมมือมาโคลงศีรษะผมไปมา แววตาที่ทอดมองผมก็ดูอ่อนโยนจนผมรู้สึกเสียใจที่เคยด่าว่าพี่แกในใจ ก็ใครบอกให้พี่แกจุ๊บปากพี่ลุกซ์ล่ะ
“อ้าว พูดแบบนี้พี่อยากแกล้งผมเหรอ? บอกไว้ก่อนนะว่าผมน่ะไม่ยอมง่ายๆ หรอก” ผมยักคิ้วหลิ่วตากวนๆ จนพี่มันหัวเราะร่ากับความปัญญาอ่อนของผม พอได้อยู่กับพี่เคย์แล้วผมรู้สึกเหมือนมีพี่ถังมาดูแลอยู่ใกล้ๆ เลยแฮะ แต่ไอ้พี่ถังมันหน้าตากวนตีนส่วนไอ้พี่เวรนี่มันหน้าหล่อกวนใจ ก็ผมหมั่นไส้คนหล่อนี่หว่า
“ฮะๆ นายนี่ตลกดีนะ” ไอ้พี่เคย์มองผมยิ้มๆ ผมจึงยิ้มกว้างๆ ส่งไปให้ ถ้าพี่มันจะเป็นคนดีขนาดนี้ผมไม่น่าคิดอคติกับพี่มันตั้งแต่แรกเลยแฮะ
“เอ้อ ว่าแต่พี่น่ะเป็นอะไรกับพี่ลุกซ์ครับ? เห็นจูบกัน” ผมถามเคืองๆ
“...อย่างนี้น่ะเหรอ?” ไอ้พี่เคย์ยิ้มมุมปากก่อนจะเดินมาดันตัวผมติดผนังลิฟต์และก้มลงจุ๊บที่ริมฝีปากผมเบาๆ ผมตกใจเบิกตากว้าง
“อ๊ากกกกกกก!! อะ...ไอ้เลว!!” ผมร้องลั่นก่อนจะต่อยพุง(?)ของไอ้โรคจิตตรงหน้าทันทีแต่ดูเหมือนแรงที่ผมต่อยออกไปมันจะน้อยเกินไปพี่มันจึงยอมถอยห่างจากผมแล้วลูบท้องเบาๆ พลางหัวเราะกับปฏิกิริยาของผม ไม่ได้มีท่าทางเจ็บเลยสักนิด
“คิกๆๆ พอดีมันเป็นนิสัยน่ะ พี่อยู่อเมริกามาก่อนแล้วก็มีเพื่อนจากฝรั่งเศสหลายคนที่ชอบจูบทักทายพี่ก็เลยติดมาน่ะ” ไอ้พี่เคย์หัวเราะขำขันกับท่าทางของผม ให้ตายเถอะ! ถึงนี่จะไม่ใช่จูบแรกแต่มันเป็นครั้งแรกที่ผมเคยจูบกับผู้ชาย!
“ไม่ต้องเอามาใช้กับผมเลยนะ แหยงว่ะพี่” ผมเอานิ้วถูปากแรงๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนี เออ...หน้ากูร้อนผ่าวผ่าวเลยว่ะ ยอมรับครับ...ผมเขินเบาๆ
“ใจร้ายอ่ะ” พี่เคย์ทำปากจู๋พลางกะพริบตาปริบๆ เหมือนผู้หญิงกำลังอาย น่ารักตายห่าเลยพี่ มึงนี่นะ...ช่างกล้าทำ
พวกผมหัวร่อต่อกระซิกกันได้ไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออก พี่เคย์หันมามองผมนิดๆ ก่อนจะเดินนำไปที่ห้องไอ้พี่ลุกซ์
พี่เคย์ดึงผมไปหลบที่หลังเหมือนกำลังซ่อนผมเอาไว้ซึ่งพี่มันก็บังผมไว้ซะมิดก่อนที่พี่มันกดกริ่งที่ประตู สักพักไอ้พี่ลุกซ์ก็เปิดประตูออกมา ร่างกายท่อนบนของพี่แกเปลือยเปล่า บริเวณคอมีรอยสีกุหลาบเป็นจุดๆ อีกทั้งใบหน้ายังเหมือนคนกำลังอารมณ์เสียเพราะถูกขัดอารมณ์อะไรบางอย่าง
“มึงกำลังกกเด็กมึงอยู่เหรอ?” ไอ้พี่เคย์ถาม ผมเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบๆ ในอก
“เออ! จะเอารถมาคืนใช่ไหม? รีบส่งกุญแจมาดิ!” ไอ้พี่ลุกซ์พูดเสียงเหวี่ยงๆ พี่เคย์จึงยอมส่งกุญแจให้
“มึงไม่ถามหน่อยเหรอว่ากูเอารถมึงไปทำอะไร?” พี่เคย์ถามพลางยกมือขึ้นยันประตูเอาไว้เมื่อเห็นว่าพี่ลุกซ์กำลังจะปิดประตู
“เออ เรื่องของมึง” พี่ลุกซ์กระชากเสียง
“ลุกซ์ขา รีบเข้ามาสิคะ ไม่ไหวแล้วนะ อ๊า” เสียงหวานๆ ดังขึ้นมาจากในห้อง ผมเผลอเกาะชายเสื้อของไอ้พี่เคย์ไว้แน่นจนพี่มันไขว้มือมาด้านหลังและบีบมือผมเอาไว้
“เดี๋ยวลุกซ์! กู...มากับ...” ไอ้พี่เคย์เรียกพี่ลุกซ์ที่กำลังจะกลับเข้ามาในห้องไว้ก่อนจะดึงผมที่ยืนหน้าซีดอยู่ข้างหลังออกมา ผมตกใจก่อนจะรีบปั้นหน้ายิ้มทันทีเพื่อกลบสีหน้าเศร้าๆ ของตัวเอง
“เหี้ย! มึงพามันมาทำไม!?!” ไอ้พี่ลุกซ์ขมวดคิ้วจ้องหน้าผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“น้องมันอยากมาหามึง มันบอกว่าไม่มีที่ไป” ไอ้พี่เคย์พูดพลางบีบมือผมเมื่อรู้ว่าผมกำลังสั่น ผมเสียใจที่เห็นหน้าพี่ลุกซ์เพราะมันยิ่งตอกย้ำถึงความหลังอันน่าอัปยศของผม แต่ถึงจะเสียใจแต่ผมก็อยากจะมองหน้าพี่แกเยอะๆ และอยากให้พี่แกหันมามองผมเหมือนกัน
“เอาไปปล่อยไว้แถวๆ สี่แยกเดี๋ยวมันก็กลับเองนั่นแหละ” ไอ้พี่ลุกซ์พูดอย่างหงุดหงิด
“ใจร้ายจังเลยนะครับ แหมๆ กำลังสนุกแบบนี้แสดงว่าผมมาขัดอารมณ์สินะ คิกๆ” ผมแสร้งยิ้มร่าก่อนจะกระโดดดึ๋งๆ เข้าไปในห้องพี่ลุกซ์พลางชะโงกหน้าไปมาเหมือนกำลังมองหาอะไรซักอย่าง ผมกำลังมองหาต้นตอของเสียง ผมจะไปลากมันออกมา ฮึ่ม!!
“เคย์! มึงเอามันออกไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี้ก่อนที่กูจะโมโห!!” ไอ้พี่ลุกซ์ตะคอกใส่เพื่อน พี่เคย์เดาะลิ้นอย่างเซ็งๆ
“กูมีหน้าที่แค่มาส่ง ที่เหลือมึงเคลียร์เองก็แล้วกัน” ไอ้พี่เคย์ถอนหายใจนิดๆ ก่อนจะเดินจากไป ผมมองพี่เคย์ด้วยสายตาละห้อย มีคนอยู่เคียงข้างมันรู้สึกอุ่นใจกว่าตอนอยู่คนเดียวนี่หว่า แต่ช่างมันเถอะ เอาความหน้าด้านเข้าว่าก็พอวะงานนี้!
“ลุกซ์...รีบเข้ามาเถอะค่ะ” เสียงหวานๆ ดังขึ้นอีก ผมมองประตูห้องห้องหนึ่งก่อนจะเดินตรงไปที่นั่น ขณะที่กำลังจะเปิดประตูมือหนาก็ปัดมือผมออกจากลูกบิดประตูทันที
“มึงมาทางไหนก็กลับไปทางนั้น! หรือจะให้กูถีบส่ง?” ไอ้พี่ลุกซ์ถลึงตามองผม ผมยิ้มกว้างก่อนจะกระโดดกอดแขนไอ้พี่ลุกซ์เอาไว้พลางเอาหน้าถูๆ ไถๆ กับลำแขนกำยำเพื่ออ้อน
“ผมถูกไล่ออกจากบ้าน ผมขออยู่ด้วยได้ไหมครับ?” ผมพูดเสียงอ่อนก่อนที่มือใหญ่จะจิกหัวผมและดึงออกจากแขนอีกข้างของผมตัวเอง ผมร้องซี้ดเมื่อรู้สึกปวดร้าวที่หนังศีรษะ
“อย่ามาตอแหล! ไสหัวกลับไป!” ไอ้พี่ลุกซ์ผลักผมออกห่างกายก่อนจะชี้นิ้วไปที่ประตู ผมเบ้หน้านิดๆ ก่อนจะยืนเฉยไม่ยอมไป
แกร๊ก!
อ่านต่อเซิร์ช dprforluxeper ค่ะ จากกูเกิ้ลนะ
0% left
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อิพี่ลุกซ์มันใจร้ายเกินไปแล้ว
พี่ถังไม่อยู่แบบนี้เราเชียร์อิพี่เคย์เลยดีไหมคะ!?! ดูท่าทางพี่มันจะเป็นคนดีเนอะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ