ซวยฉิบหาย! ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก
10.0
เขียนโดย DPR_Fox
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.59 น.
15 ตอน
5 วิจารณ์
38.78K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 22.17 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) Chapter12 : จะตัดให้ขาด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความChapter12 : จะตัดให้ขาดLUXE
ติ๊งงงงงงง!!
เฮือก!! ผมสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกร้องโหยหวน แต่ทันทีที่ลุกขึ้นมาผมก็ล้มลงไปบนเตียงอีกครั้งเนื่องจากอาการปวดหัวที่เกิดจากการเมาค้าง ฉิบหาย! นี่กี่โมงแล้วเนี่ย?
เมื่อมองนาฬิกาบนหัวเตียงผมก็รีบกุลีกุจอลุกออกจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวไปเรียน อีกสิบห้านาทีก็เริ่มคาบเรียนแรกแล้วนี่ผมจะไปสายตั้งแต่วันแรกและคาบแรกเลยเหรอเนี่ย
เมื่อรู้ตัวว่ายังไงก็เข้าไม่ทันคาบแรกผมจึงโทรบอกไอ้พัดให้เช็คชื่อให้ด้วยก่อนที่ตัวเองจะเดินลิ่วๆ ออกจากห้องและเดินตรงไปที่ลิฟต์เพื่อจะออกไปที่มหาวิทยาลัย ผมว่าผมไปนั่งรอเรียนคาบต่อไปที่มหาลัยดีกว่าเผื่อรถติดแล้วจะไปไม่ทันอีก
ติ๊ง!
เสียงประตูลิฟต์เปิดออกผมจึงเดินก้มหน้าก้มตาเข้าไปโดยไม่มองว่าจะมีใครอยู่ในลิฟต์หรือเปล่าจนไหล่ผมชนกับต้นแขนของคนที่เดินสวนออกมา
“ขอโทษครับ” ผมผงกหัวนิดๆ พลางเดินมึนๆ เข้าไปข้างในสุดของตัวลิฟต์ ยังแฮงก์อยู่เลย
พรึ่บ!
“มึงมาทำอะไรที่นี่!?” ร่างของผมถูกกระชากออกจากลิฟต์ก่อนจะเสียงทุ้มต่ำจะถามขึ้น ผมเงยหน้ามองคนตัวสูงกว่าอย่างตกใจ อาการเมาค้างหายวับไปกับตา
เอ่อ...จะแก้ตัวยังไงดีล่ะเนี่ย? ถ้าบอกว่าผมอาศัยอยู่ห้องตรงข้ามผมต้องถูกทำอะไรสักอย่างที่มันไม่ดีต่อตัวผมแน่ๆ
“เอิ่ม...คู่นอนของผมอยู่ที่นี่น่ะครับ” ผมอ้ำอึ้งอยู่สักพักก่อนจะพูดยิ้มๆ ออกไป ไม่รู้อะไรทำให้ผมพูดแบบนั้นออกไปแต่ผมพูดออกไปโดยไม่ทันคิดนี่นา ก็คนมันลนลานนี่
“ฮึ! ทุเรศ” ไอ้พี่ลุกซ์สะบัดมือที่จับข้อมือผมออกจนผมเซ ผมขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนจะฉีกยิ้มส่งให้คนตรงหน้าไม่เลิกแม้ในใจจะเจ็บแปลบๆ ก็ตาม อีกไม่นานความเจ็บนี้คงจะหายไปสินะเปอร์...มันต้องหายไปสิ
“อะไรกันครับ? ผมกับพี่ก็ไม่เห็นจะต่างกันนี่ ทีตัวเองยังพาผู้หญิงมาจ้ำจี้ที่ห้องไม่เว้นแต่ละวันยังจะมาหาว่าผมทุเรศอีก ผมว่าพี่ทุเรศกว่าผมเยอะ ฮึๆ” ผมแสร้งหัวเราะขำๆ ก่อนจะเผลอร้องเสียงดังเมื่อรู้สึกเจ็บที่หนังศีรษะ “โอ๊ย!!”
ผมยกมือขึ้นจับมือหนาที่กำลังกระชากเส้นผมของผมเพื่อจะผ่อนแรงไม่ให้มันเจ็บมากไปกว่านี้ ทำไมถึงชอบทำร้ายหนังศีรษะกันแบบนี้นะ
“มึงไม่มีสิทธิมาว่ากูแบบนั้น!” ไอ้พี่ลุกซ์กระชากเส้นผมของผมแรงขึ้นพลางพูดด้วยสีหน้าโมโหจัด
“พี่ก็ไม่มีสิทธิมาว่าผมเหมือนกัน” ผมเถียงกลับด้วยสีหน้ากวนตีน เออ...เสียเปรียบเขาอยู่ยังจะไปกวนตีนเขาอีกนะมึงนี่
ตุบ! หมับ!
ร่างของผมถูกเหวี่ยงกระแทกผนังก่อนลำคอของผมจะถูกมือหนากดอย่างแรงจนหน้าของผมบิดเบี้ยวอย่างทรมาน ผมดิ้นขลุกขลักอย่างไม่ยอมแพ้แต่ยิ่งดิ้นมือของพี่ลุกซ์ก็ยิ่งบีบกระชับจนลมหายใจของผมเริ่มติดขัด ผมอ้าปากพะงาบๆ หวังจะด่าว่าแต่สิ่งที่ออกมามีเพียงแค่ลมเท่านั้น
“ฮึ! กูไม่มีสิทธิแต่ถ้ากูอยู่เหนือกว่ามึง กูจะทำอะไรมึงก็ได้ถ้ากูอยากทำ!” ไอ้พี่ลุกซ์แสยะยิ้มอย่างสะใจ ถ้าเป็นช่วงที่หัวใจผมกำลังอ่อนแอผมคงร้องไห้ไปนานแล้วแต่ตอนนี้ผมเข้มแข็งเพราะฉะนั้นอย่าหวังว่าน้ำตาผมจะไหลออกมาง่ายๆ เหมือนตอนที่ผมยังโง่งมไม่พัฒนา
ตุบ!
ผมยกเข่าขึ้นถองหน้าท้องแน่นๆ ของคนตรงหน้าก่อนที่ตัวเองจะเป็นอิสระ ร่างผมทรุดฮวบเมื่อไม่มีที่ยึดเหนี่ยว พี่ลุกซ์กุมท้องตัวเองเพียงชั่วครู่ก่อนร่างของผมจะถูกกระชากเข้าไปในห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำ...อันเลวร้าย
อ่านต่อเซิร์ช dprforluxeper จากกูเกิ้ลจ้า
เมื่อพักจนพอใจผมก็ลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่ก่อนจะไปยืนกดกริ่งอยู่หน้าห้องพี่ลุกซ์ ผมยืนกลั้นหายใจอย่างหวั่นใจเพราะกลัวว่าพี่มันจะโมโหใส่เนื่องจากผมหายออกมาจากห้องพี่มันทั้งๆ ที่พี่มันบอกให้ผมอยู่
แกร๊ก!
ประตูเปิดออกพร้อมกับร่างของพี่ลุกซ์ที่เปลือยท่อนบนโชว์หุ่นเพอร์เฟ็คที่ไม่ว่าใครๆ เห็นก็ต้องอิจฉา แต่ถ้าพวกที่มีกล้ามสวยอยู่แล้วอาจจะไม่อิจฉาก็ได้แต่คนอย่างผมที่ผอมกะหร่องจนลมหอบก็ต้องอิจฉาเป็นธรรมดา
“ใครมาเหรอคะพี่ลุกซ์?” เสียงเล็กๆ หวานๆ ตะโกนถามเจ้าของห้องที่ยืนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดตรงหน้าผม ผมยืนเม้มปากมองหน้าพี่ลุกซ์อย่างไม่เข้าใจว่าทำไมต้องพาผู้หญิงมาอีกทั้งๆ ที่เมื่อเช้าแกก็รีดน้ำออกจากร่างกายไปตั้งเยอะ
“ไลลา เข้าไปรอในห้องนอนพี่ก่อนนะ พี่ขอคุยกับแขกแป๊บ” พี่ลุกซ์หันไปพูด ผมยืนนิ่งอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน ห้องนอนที่พี่ลุกซ์ไม่ยอมให้ใครเข้าไปแม้กระทั่งน้องดินหรือผู้หญิงที่พามานอนด้วยกำลังถูกผู้หญิงอีกคนรุกล้ำเข้าไป คนคนนั้นคงจะสำคัญมากสินะ
หลังจากพูดจบเส้นผมของผมก็ถูกกระชากและลากเข้าไปในห้องทันที ผมเบ้หน้าด้วยความเจ็บก่อนแผ่นหลังจะกระแทกกับผนังห้องเพราะแรงเหวี่ยงของคนตัวสูง พี่ลุกซ์จิกผมของผมและใช้อีกมือกดไหล่ผมให้ชิดผนัง ผมเจ็บจนน้ำตาแทบเล็ด
“ผมเจ็บนะครับ!” ผมโวยวายพลางพยายามดึงมือที่จิกหัวผมออกแต่ยิ่งดึงแรงจิกก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนใบหน้าผมเชิดสูงอย่างช่วยไม่ได้
“มึงหายหัวไปไหนมา!?” พี่มันถลึงตามองผมอย่างโกรธเคือง
“ผะ...ผมกลับไปอาบน้ำครับ” ผมตอบตะกุกตะกัก
“ที่ไม่มีห้องน้ำ?”
“เอ่อ...ผม...ผมก็แค่...” ผมอึกอัก
“ก็แค่อะไร!?!” พี่มันตะคอกจนผมสะดุ้ง
“ผม...”
“ถ้ามึงไม่พูดให้รู้เรื่องกูตบมึงหน้าแหกแน่!” พี่ลุกซ์ขู่
“อึก...ผมก็แค่ไม่เข้าใจพี่ ว่าทำไมพี่ต้องอยากให้ผมมาอยู่ด้วยทั้งๆ ที่พี่เกลียดผมอย่างกับอะไรดี พี่ก็รู้ว่าถ้าพี่ทำแบบนี้ผมก็จะยิ่งตัดใจไม่ได้ ยิ่งอยู่ใกล้ผมก็ยิ่งรัก” ผมก้มหน้าพูดเสียงเบา
“ฮึๆๆ เพราะมึงรักกูไงกูถึงให้มึงมาอยู่ด้วย คนที่ยอมทนมือทนตีนกูอย่างมึงมีประโยชน์ตรงที่สามารถคอยเป็นที่รองรับอารมณ์กูไง ตั้งแต่เกิดมาก็มีมึงนี่แหละที่ดื้อด้านไม่ยอมไปไหนแม้ว่ากูจะร้ายใส่แค่ไหนก็ตาม โง่จริงๆ ฮึๆๆ” ไอ้พี่ลุกซ์หัวเราะสะใจ ผมกัดริมฝีปากแน่นอย่างเจ็บใจที่ถูกดูถูก
“ใช่ ผมโง่! แต่ตอนนี้ผมคิดได้แล้วว่าผมไม่สมควรที่จะรักคนอย่างพี่ คนใจร้ายใจดำอำมหิตอย่างพี่ไม่สมควรที่จะได้รับความรักจากใครทั้งนั้นแหละ! ขนาดน้องชายตัวเองยังรับไม่ได้แล้วคนอื่นอย่างผมจะรับได้เหรอ! ขอตอบว่ารับไม่ได้โว้ย!” ผมผลักพี่ลุกซ์ออกแรงๆ จนผมกระจุกหนึ่งติดมือพี่ลุกซ์ไป
ตุบ! เพี้ยะ!
ร่างผมถูกถีบกระแทกผนังก่อนใบหน้าจะหันไปตามแรงตบ ดวงตาคมวาวโรจน์อย่างโกรธเคืองแสดงความน่ากลัวออกมาเต็มเปี่ยม ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนหน้าจะชาวาบอีกครั้งเมื่อฝ่ามือหนักๆ ฟาดลงมาอย่างรุนแรงจนปากผมแตก
หน้าผมถูกตบอีกหลายทีจนเลือดไหลเปื้อนเสื้อที่เพิ่งเปลี่ยนมา พี่ลุกซ์มันโมโหจนขาดสติ ท่าทางจะโกรธมากที่ผมพูดเรื่องพี่ลัน ก็ตอนนั้นผมโกรธนี่หว่า
“กรี๊ด! พี่ลุกซ์ทำอะไรน่ะคะ!?!” เสียงเล็กๆ กรีดร้องทำให้พี่ลุกซ์หยุดชะงักก่อนจะหันไปมองแล้วเดินเข้าไปหา ร่างผมไถลลงนั่งที่พื้นอย่างเหนื่อยอ่อน ตอนนี้หน้าของผมเป็นอย่างไรผมก็ไม่รู้รู้แต่ว่ามันชาจนแทบไม่รู้สึกอะไรแล้ว
“พี่บอกให้อยู่แต่ในห้องไง!” พี่ลุกซ์ตวาดใส่เด็กสาวหน้าตาน่ารักจนเธอสะดุ้ง
“ไลลาได้ยินเสียงเอะอะก็เลยออกมาดู” น้องคนนั้นขมวดคิ้วมองพี่ลุกซ์ก่อนจะเดินมาหาผมพร้อมกับนั่งคุกเข่าแล้วลูบใบหน้าบวมช้ำของผมเบาๆ “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” น้องเขามองหน้าผมอย่างสงสาร น้องคนนี้น่ารักและนิสัยดีชะมัดทำไมต้องมาเป็นเด็กของไอ้พี่ลุกซ์ด้วยก็ไม่รู้
ผมมองหน้าเด็กน่ารักคนเดิมก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ “ชินแล้วครับ” ผมพูดเสียงแข็งๆ ผมถูกทำร้ายร่างกายจนชินซะแล้วสิ ถูกคนเกือบสิบรุมกระทืบผมยังทนได้กะอีแค่ถูกตบจนเลือดกบปากออกจมูกทำไมจะทนไม่ได้ แต่มันเจ็บตรงที่คนตบเป็นคนที่ผมรักนี่แหละ
“พี่ลุกซ์ทำร้ายพี่เขาทำไมคะ? ทำไมต้องถึงขั้นลงไม้ลงมือด้วย!?” น้องหันไปตวาดถาม ผมก้มหน้านิ่ง ขนาดถูกตวาดใส่พี่ลุกซ์ยังไม่โมโหน้องเขาเลยแสดงว่าน้องคนนี้ต้องสำคัญจริงๆ ปวดใจชะมัด
“ทำไมไลลาต้องไปโกรธแทนมันด้วย? พี่ทำอะไรพี่ก็ต้องมีเหตุผลอยู่แล้ว” พี่ลุกซ์พูด เหตุผลงั้นเหรอ? เหตุผลที่เอาแต่ได้ล่ะสิ
“เหตุผลอะไรล่ะคะบอกไลลาสิ”
“ไลลาจะรู้ไปทำไม?”
“ก็ไลลาไม่อยากให้พี่ลุกซ์ทำร้ายคนอื่นแบบนี้น่ะสิคะ”
“พี่บอกแล้วไงว่าพี่มีเหตุผลของพี่!”
“พี่ลุกซ์!”
“แล้วทำไมเราต้องมาทะเลาะกันเพราะเรื่องของคนอื่นแบบนี้ด้วยฮะ!? มันไม่ได้สำคัญขนาดต้องทำให้เรามายืนเถียงกันแบบนี้เลยนะไลลา!” ผมสะอึกกับคำพูดนั้น ผมรู้ว่าผมเป็นแค่คนอื่น และผมก็รู้ว่าผมไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลย
ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องนั้นไป ผมวิ่งไปที่ลิฟต์และกดโทรศัพท์หาพี่ถังทันที เวลาแบบนี้ผมไม่อยากอยู่คนเดียว
หลังจากที่ใบหน้าผมได้รับการรักษาไอ้พี่ถังกับไอ้พี่เคย์ก็มานั่งมองหน้าผมนิ่งๆ เล่นเอาผมขนลุกพรึ่บพรั่บด้วยความกลัว กลัวว่าพวกพี่มันจะโมโหที่ผมหาเรื่องซ้ำแล้วซ้ำอีก ที่พี่เคย์ต้องมาอยู่ที่บ้านพี่ถังด้วยก็เพราะพี่ถังมันโทรตามเนื่องจากมันจะให้พี่เคย์ดูแลผมในช่วงที่มันไม่อยู่ซึ่งพี่เคย์ก็เต็มใจอย่างมาก
“ใครทำ?” พี่ถังเปิดประเด็น
“คนที่กูไปแย่งผู้หญิงมันมา” ผมตอบอ้อมแอ้ม ผมไม่อยากให้พี่ถังกับพี่เคย์มีปัญหากับพี่ลุกซ์เพราะสองคนนี้สนิทกับพี่ลุกซ์มาก
“ไปหาไอ้ลุกซ์มาใช่ไหม?” พี่เคย์พูด ผมก้มหน้า
“กูจะไปฆ่ามัน!!” ไอ้พี่ถังกำมือแน่นอย่างโมโหพลางลุกขึ้นคว้ากุญแจรถผมจึงรีบดึงแขนพี่มันเอาไว้
“ถังอย่าไป! กูจะเลิกแล้ว กูจะไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับพี่ลุกซ์อีกแล้ว” ผมรีบบอก
“มึงรักมันขนาดนั้นกูไม่เชื่อว่ามึงจะเลิก!” ไอ้พี่ถังสะบัดแขนออกอย่างโมโห
“กูโตขึ้นแล้วถัง กูรู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ กูเจอมาเยอะแล้ว” ผมขมวดคิ้วพูดด้วยอารมณ์เศร้าหมอง
“มึงเรียนที่เดียวกันกับมันแล้วมึงรู้ไหมว่ามันเป็นลุงรหัสของมึง!” ไอ้พี่ถังกระแทกก้นลงนั่งบนโซฟาตัวเดิม
“หา!?” ผมตกใจ
“ไอ้ลุกซ์มันใช้อำนาจเพื่อที่จะได้ไอ้ลันเป็นน้องรหัสแต่เปอร์ดันซวยที่ได้เป็นน้องรหัสของไอ้ลันอีกที เปอร์ต้องเจอกับไอ้ลุกซ์บ่อยขึ้นเพราะพี่สายรหัสปีสี่ของเปอร์ชอบนัดเลี้ยงน้องสายรหัส ถ้าถูกนัดเลี้ยงสายรหัสเปอร์โทรหาพี่นะ พี่จะไปอยู่เป็นเพื่อน” พี่เคย์พูด ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆ จะออกห่างทั้งทีทำไมต้องมีเรื่องแบบนี้มาดึงกูไว้ด้วยวะ
“เปอร์ ถ้ามึงไม่ตัดใจจริงๆ กูจะบอกพ่อกับแม่มึงว่ามึงจะไปอเมริกากับกู” พี่ถังพูด ผมมองหน้าพี่มันนิดๆ ก่อนจะส่ายหน้า “มึงอย่าบอกนะว่ามึงอยากจะอยู่กับมันน่ะ!!” พี่ถังโมโหที่ผมปฏิเสธ
“เปล่า มึงก็รู้ว่ากูโง่อังกฤษ” ผมพูดจากใจ ถึงตอนนี้ผมจะเรียนเก่งขึ้นมากแต่วิชาที่ผมยังโง่ดักดานอยู่นั่นก็คือวิชาภาษาอังกฤษแต่มันเป็นวิชาที่ผมชอบที่สุด
“ฮู้! เดี๋ยวมึงไปมึงก็ได้เองแหละ เอาเป็นว่าถ้ามึงผ่านปี1 ไปไม่ได้เพราะเรื่องไอ้ลุกซ์ล่ะก็กูมาลากตัวมึงไปแน่” ไอ้พี่ถังพูด
“อ้าวพี่ แล้วผมจะอยู่กับใครล่ะครับ?” พี่เคย์ทำหน้าหงอยๆ
“น้องมึงไง”
“โอ๊ย! ไอ้บ้านั่นมันทำตัวเป็นพี่ผมซะด้วยซ้ำ ไม่เอาๆ ผมจะอยู่กับเปอร์” ไอ้พี่เคย์ทำท่างอแงก่อนจะกระโดดมานั่งเบียดผมแล้วกอดผมไว้เหมือนจะหวง ผมหัวเราะกับท่าทีเด็กโข่งของพี่มัน
“ไหนมึงบอกว่าเรียนจบแล้วมึงจะไปเรียนต่อที่เมกาไง?” พี่ถังถาม
“พ่อบอกให้รอไปพร้อมไอ้คิท ตอนนี้มันเพิ่งขึ้นม.4 อีกตั้งสามปีกว่าจะจบม.ปลาย พอผมเรียนจบผมต้องรอมันอีกตั้ง 1 ปีเลยนะ” พี่เคย์ผละออกไปนั่งที่เดิมก่อนจะบ่น น้องพี่เคย์เหรอ? อยากจะเห็นจริงๆ ว่าเป็นคนยังไง เห็นพี่เคย์บ่นนักบ่นหนาว่าเป็นน้องที่ไม่น่ารักเอาเสียเลย
“ระหว่างนั้นมึงก็ทำงานไปก่อนสิวะ กูก็จบมาทำงานหนึ่งปีแล้วค่อยไปเรียนต่อ” พี่ถังแนะนำ
“งั้นตำแหน่งรองประธานบริษัทผมขอละกันนะ ฮึๆ” ไอ้พี่เคย์พูดแหย่ๆ เอ่อ...เรื่องธุรกิจปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่เขาดีกว่า ผมยังเด็กไม่รู้เรื่องอะไรหรอก เหอๆ
“ไม่เว้ย! นั่นมันตำแหน่งกู อย่างมึงเป็นได้แค่หัวหน้าแผนกซักแผนกเท่านั้นแหละ” พี่ถังโวยขึ้น ผมสงสัย พี่เคย์อยากจะทำงานในบริษัทที่พ่อแม่พี่ถังหุ้นอยู่เหรอ?
“พี่เคย์จะทำงานกับบริษัทพี่ถังเหรอ? ผมก็อยากทำ” ผมยิ้มแป้น ผมไม่อยากรับช่วงต่อจากครอบครัวเท่าไหร่เพราะผมไม่ชอบบริหารเอง
“ไม่เอาหรอก ถ้าไม่ได้ระดับเฮดของเฮดพี่ไม่ทำ คึๆ” พี่เคย์ยักคิ้วกวนพี่ถัง ท่าทางจะอยากยึดตำแหน่งของพี่ถังมากเลยนะนั่น ฮ่าๆๆ
“เออ กลับไปบริหารโรงเรียนของมึงเลยไอ้ง่าว” พี่ถังเบ้ปากใส่พี่เคย์อย่างหมั่นไส้ ถ้าผมเป็นพี่ถังผมโดดตบหัวพี่เคย์ไปนานแล้วครับเพราะพี่แกยิ้มกวนตีนฉิบหาย ยิ้มประมาณว่า...เป็นไงล่ะ กูเจ๋งกว่ามึงไง ...อะไรประมาณนี้
“พี่เคย์จะเป็นผอ.เหรอครับ?” ผมถามอย่างตื่นเต้น นี่ไง! ถ้าผมตกงานที่บริษัทพี่ถังผมก็ไปสมัครเป็นครูสอนเลขที่โรงเรียนพี่เคย์ซะเลย ฮ่าๆๆ (แต่ก่อนผมโง่เลขมากแต่ตอนนี้เลขเป็นวิชาที่ผมถนัดที่สุดและเกลียดที่สุด)
“พ่อมันเป็นเจ้าของโรงเรียนเอกชนชายล้วนที่มึงอยากเข้าแต่เข้าไม่ได้ไงและพ่อมันก็ถือหุ้นที่บริษัทกู 10% อีกด้วย” ไอ้พี่ถังพูด ผมเบิกตากว้างอย่างตะลึง ถึงจะขึ้นชื่อว่าเอกชนแต่โรงเรียนนี้มีแต่คนเจ๋งๆ ทั้งนั้น สมัยนั้นผมยังโง่ดักดานอย่าหวังเลยว่าจะเข้าไปเรียนได้ พี่ถังเองก็จบจากที่นั่นเหมือนกัน
“แสดงว่าพ่อพี่เคย์ก็ทำงานที่เดียวกันกับพ่อแม่ไอ้พี่ถังมันเหรอครับ?” ผมถามอย่างสนใจ มิน่าล่ะบ้านหลังใหญ่มากแถมรถหรูๆ ก็เรียงกันเป็นตับ อะไรวะ? นี่กูจน ขับรถราคาล้านกว่าๆ อยู่คนเดียวหรือเนี่ย? พวกถือหุ้นบริษัทรถนี่รวยขนาดนี้เลยเหรอวะ
“เปล่าหรอก พ่อพี่เป็นผอ.โรงเรียนอย่างเดียวน่ะแต่ว่าถือหุ้นไว้เฉยๆ ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรมาก” พี่เคย์พูดผมจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“แล้วพี่เคย์อยากทำงานอะไรครับ?” ผมถาม ลุคอย่างพี่เคย์ไม่เห็นเหมาะที่จะเป็นผอ.สักนิด อย่างพี่เคย์ผมว่าไปเป็นซุปเปอร์สตาร์ดีกว่า คนห่าอะไรวะปล่อยออร่าได้แสบตาฉิบหาย
“พี่อยากเล่นหนัง...” พี่เคย์พูดเว้นจังหวะ ผมว่าพี่เคย์เล่นได้ชัวร์! “ฮอลลีวูด” ผมว่าความหวังชักจะริบหรี่แล้วล่ะครับ เหอๆ
“มันเคยขึ้นปกนิตยาสารวัยรุ่นของอเมริกาด้วยนะ ตอนนั้นกี่ปีมาแล้ววะ?” พี่ถังพูดพลางหันไปถามเจ้าตัว ผมนิ่งอึ้งอ้าปากค้าง ขึ้นปกนิตยาสารของอเมริกา! ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย
“อืม...ถ้าให้เทียบล่ะก็ตอนนั้นผมอยู่ม.3 ที่จริงมีคนติดต่อให้ไปเทสต์หน้ากล้องเล่นหนังแล้วแต่ว่าพ่อเรียกตัวให้กลับมาซะก่อน” ไอ้พี่เคย์พูด ผมยิ่งตกตะลึง นี่ผมรู้จักกับคนดังอยู่เหรอเนี่ย ให้ตายเถอะ! พี่เคย์เป็นใครกันแน่!?
“พี่เคย์ ผมขอลายเซ็นล่วงหน้าเลยได้ไหมครับ?” ผมกระโดดเข้าไปหาพี่เคย์ก่อนจะวางคางเกยไหล่พี่เคย์อ้อนๆ
“เว่อร์แล้วเรา ฮ่าๆ” พี่เคย์หัวเราะก่อนจะลูบหัวผมอย่างหมั่นเขี้ยว
หลังจากนั้นพวกเราก็คุยกันไปอีกสักพักแล้วพี่ถังกับพี่เคย์ก็มาส่งผมที่คอนโด ตอนแรกพี่ทั้งสองคนจะให้ผมกลับบ้านแต่ผมไม่ยอม ถ้าผมเจอกับพี่ลุกซ์ผมจะแสดงให้เห็นว่าผมไม่ง้อคนอย่างพี่มันเด็ดขาด
จะตัดให้ขาดเลยคอยดูสิ!
ทันทีที่ผมเดินออกมาจากลิฟต์ผมก็เห็นพี่ลุกซ์ยืนกอดอกพิงประตูห้องตัวเองอยู่และทันทีที่พี่มันหันมาเห็นผมรอยยิ้มแสยะก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมคาย รอยยิ้มนั้นแสดงถึงความเหนือกว่า ท่าทางพี่มันคงจะคิดว่าผมไปไหนไม่ได้เลยกลับมาหาสินะ เสียใจโว้ย! กูแค่กลับบ้านเท่านั้นแหละ
“ฮึ! กลับมาเร็วไปหน่อยไหม? น่าจะหนีไปให้มันนานๆ กว่านี้หน่อยนะ” พี่ลุกซ์แสยะยิ้มมองหน้าผม ผมแสยะยิ้มคืนก่อนจะพูดบ้าง
“หนีอะไรครับ? ทำไมผมต้องหนี? อ้อ แล้วที่ผมกลับมาผมไม่ได้กลับมาหาพี่สักหน่อย เมียผมอยู่ที่นี่ก็เลยมาหาก็เท่านั้น” ผมยักไหล่พูดอย่างกวนตีนแม้ใจจะสั่นระรัวก็ตาม
“อย่าปากดีให้มันมากนัก! คนอย่างมึงจะมีเมียได้ไงในเมื่อมึงอยากได้กูเป็นผัวจนตัวสั่น!” พี่ลุกซ์เดินเข้ามากระชากร่างผมให้หันไปเผชิญหน้ากับตัวเองในระยะประชิด ผมหน้าเสียเพราะหวั่นกลัวก่อนจะพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้สั่น
“ถ้าจะพูดให้ถูกต้องพูดว่าเคยอยากได้มากกว่า พี่ดูหน้าผมสิ! โดนขนาดนี้แล้วจะให้ผมทนเหรอ? แล้วดูมือผมสิ ขยับแทบไม่ได้ไม่ใช่เพราะพี่หรอกเหรอ? พี่ไม่เคยมองเห็นความสำคัญของผมแล้วทำไมผมต้องยอมอดทนต่อไปด้วยล่ะ ผมไม่ได้โง่นะ!!” ผมผลักอกพี่ลุกซ์ออกก่อนจะจ้องหน้าอย่างเคืองๆ ดวงตาผมสั่นไหวเพราะได้ระบายออกมา
“มึงเป็นใครทำไมกูต้องให้ความสำคัญ?” พี่มันถามเสียงเย็น ผมสะอึก
“นั่นสิ ผมมันก็แค่คนอื่นพี่ไม่ต้องมาให้ความสำคัญกับผมหรอก!” ผมพูดประชด ปากเม้มแน่น
“กูไม่เคยให้อยู่แล้ว”
“...” ผมกัดริมฝีปากก่อนจะเดินถอยหลังไปที่ลิฟต์
หมับ!
แต่ยังไม่ทันเดินไปได้ไกลพี่ลุกซ์ก็เดินมากระชากแขนผมเอาไว้ก่นจะลากผมเข้าไปในห้องของตัวเอง ผมรีบเดินตรงเข้าในห้องครัวก่อนจะเดินหลบไปนั่งซุกตัวอยู่ใต้เคาน์เตอร์ที่เคยมาแอบนั่งร้องไห้บ่อยๆ เมื่อรู้ตัวว่าต่อให้อยากจะออกไปจากที่นี่แค่ไหนก็ออกไปไม่ได้ถ้าพี่ลุกซ์ไม่ยอม
++++++++++++++++++++++++++++++++
ติ๊งงงงงงง!!
เฮือก!! ผมสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกร้องโหยหวน แต่ทันทีที่ลุกขึ้นมาผมก็ล้มลงไปบนเตียงอีกครั้งเนื่องจากอาการปวดหัวที่เกิดจากการเมาค้าง ฉิบหาย! นี่กี่โมงแล้วเนี่ย?
เมื่อมองนาฬิกาบนหัวเตียงผมก็รีบกุลีกุจอลุกออกจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวไปเรียน อีกสิบห้านาทีก็เริ่มคาบเรียนแรกแล้วนี่ผมจะไปสายตั้งแต่วันแรกและคาบแรกเลยเหรอเนี่ย
เมื่อรู้ตัวว่ายังไงก็เข้าไม่ทันคาบแรกผมจึงโทรบอกไอ้พัดให้เช็คชื่อให้ด้วยก่อนที่ตัวเองจะเดินลิ่วๆ ออกจากห้องและเดินตรงไปที่ลิฟต์เพื่อจะออกไปที่มหาวิทยาลัย ผมว่าผมไปนั่งรอเรียนคาบต่อไปที่มหาลัยดีกว่าเผื่อรถติดแล้วจะไปไม่ทันอีก
ติ๊ง!
เสียงประตูลิฟต์เปิดออกผมจึงเดินก้มหน้าก้มตาเข้าไปโดยไม่มองว่าจะมีใครอยู่ในลิฟต์หรือเปล่าจนไหล่ผมชนกับต้นแขนของคนที่เดินสวนออกมา
“ขอโทษครับ” ผมผงกหัวนิดๆ พลางเดินมึนๆ เข้าไปข้างในสุดของตัวลิฟต์ ยังแฮงก์อยู่เลย
พรึ่บ!
“มึงมาทำอะไรที่นี่!?” ร่างของผมถูกกระชากออกจากลิฟต์ก่อนจะเสียงทุ้มต่ำจะถามขึ้น ผมเงยหน้ามองคนตัวสูงกว่าอย่างตกใจ อาการเมาค้างหายวับไปกับตา
เอ่อ...จะแก้ตัวยังไงดีล่ะเนี่ย? ถ้าบอกว่าผมอาศัยอยู่ห้องตรงข้ามผมต้องถูกทำอะไรสักอย่างที่มันไม่ดีต่อตัวผมแน่ๆ
“เอิ่ม...คู่นอนของผมอยู่ที่นี่น่ะครับ” ผมอ้ำอึ้งอยู่สักพักก่อนจะพูดยิ้มๆ ออกไป ไม่รู้อะไรทำให้ผมพูดแบบนั้นออกไปแต่ผมพูดออกไปโดยไม่ทันคิดนี่นา ก็คนมันลนลานนี่
“ฮึ! ทุเรศ” ไอ้พี่ลุกซ์สะบัดมือที่จับข้อมือผมออกจนผมเซ ผมขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนจะฉีกยิ้มส่งให้คนตรงหน้าไม่เลิกแม้ในใจจะเจ็บแปลบๆ ก็ตาม อีกไม่นานความเจ็บนี้คงจะหายไปสินะเปอร์...มันต้องหายไปสิ
“อะไรกันครับ? ผมกับพี่ก็ไม่เห็นจะต่างกันนี่ ทีตัวเองยังพาผู้หญิงมาจ้ำจี้ที่ห้องไม่เว้นแต่ละวันยังจะมาหาว่าผมทุเรศอีก ผมว่าพี่ทุเรศกว่าผมเยอะ ฮึๆ” ผมแสร้งหัวเราะขำๆ ก่อนจะเผลอร้องเสียงดังเมื่อรู้สึกเจ็บที่หนังศีรษะ “โอ๊ย!!”
ผมยกมือขึ้นจับมือหนาที่กำลังกระชากเส้นผมของผมเพื่อจะผ่อนแรงไม่ให้มันเจ็บมากไปกว่านี้ ทำไมถึงชอบทำร้ายหนังศีรษะกันแบบนี้นะ
“มึงไม่มีสิทธิมาว่ากูแบบนั้น!” ไอ้พี่ลุกซ์กระชากเส้นผมของผมแรงขึ้นพลางพูดด้วยสีหน้าโมโหจัด
“พี่ก็ไม่มีสิทธิมาว่าผมเหมือนกัน” ผมเถียงกลับด้วยสีหน้ากวนตีน เออ...เสียเปรียบเขาอยู่ยังจะไปกวนตีนเขาอีกนะมึงนี่
ตุบ! หมับ!
ร่างของผมถูกเหวี่ยงกระแทกผนังก่อนลำคอของผมจะถูกมือหนากดอย่างแรงจนหน้าของผมบิดเบี้ยวอย่างทรมาน ผมดิ้นขลุกขลักอย่างไม่ยอมแพ้แต่ยิ่งดิ้นมือของพี่ลุกซ์ก็ยิ่งบีบกระชับจนลมหายใจของผมเริ่มติดขัด ผมอ้าปากพะงาบๆ หวังจะด่าว่าแต่สิ่งที่ออกมามีเพียงแค่ลมเท่านั้น
“ฮึ! กูไม่มีสิทธิแต่ถ้ากูอยู่เหนือกว่ามึง กูจะทำอะไรมึงก็ได้ถ้ากูอยากทำ!” ไอ้พี่ลุกซ์แสยะยิ้มอย่างสะใจ ถ้าเป็นช่วงที่หัวใจผมกำลังอ่อนแอผมคงร้องไห้ไปนานแล้วแต่ตอนนี้ผมเข้มแข็งเพราะฉะนั้นอย่าหวังว่าน้ำตาผมจะไหลออกมาง่ายๆ เหมือนตอนที่ผมยังโง่งมไม่พัฒนา
ตุบ!
ผมยกเข่าขึ้นถองหน้าท้องแน่นๆ ของคนตรงหน้าก่อนที่ตัวเองจะเป็นอิสระ ร่างผมทรุดฮวบเมื่อไม่มีที่ยึดเหนี่ยว พี่ลุกซ์กุมท้องตัวเองเพียงชั่วครู่ก่อนร่างของผมจะถูกกระชากเข้าไปในห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำ...อันเลวร้าย
อ่านต่อเซิร์ช dprforluxeper จากกูเกิ้ลจ้า
เมื่อพักจนพอใจผมก็ลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่ก่อนจะไปยืนกดกริ่งอยู่หน้าห้องพี่ลุกซ์ ผมยืนกลั้นหายใจอย่างหวั่นใจเพราะกลัวว่าพี่มันจะโมโหใส่เนื่องจากผมหายออกมาจากห้องพี่มันทั้งๆ ที่พี่มันบอกให้ผมอยู่
แกร๊ก!
ประตูเปิดออกพร้อมกับร่างของพี่ลุกซ์ที่เปลือยท่อนบนโชว์หุ่นเพอร์เฟ็คที่ไม่ว่าใครๆ เห็นก็ต้องอิจฉา แต่ถ้าพวกที่มีกล้ามสวยอยู่แล้วอาจจะไม่อิจฉาก็ได้แต่คนอย่างผมที่ผอมกะหร่องจนลมหอบก็ต้องอิจฉาเป็นธรรมดา
“ใครมาเหรอคะพี่ลุกซ์?” เสียงเล็กๆ หวานๆ ตะโกนถามเจ้าของห้องที่ยืนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดตรงหน้าผม ผมยืนเม้มปากมองหน้าพี่ลุกซ์อย่างไม่เข้าใจว่าทำไมต้องพาผู้หญิงมาอีกทั้งๆ ที่เมื่อเช้าแกก็รีดน้ำออกจากร่างกายไปตั้งเยอะ
“ไลลา เข้าไปรอในห้องนอนพี่ก่อนนะ พี่ขอคุยกับแขกแป๊บ” พี่ลุกซ์หันไปพูด ผมยืนนิ่งอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน ห้องนอนที่พี่ลุกซ์ไม่ยอมให้ใครเข้าไปแม้กระทั่งน้องดินหรือผู้หญิงที่พามานอนด้วยกำลังถูกผู้หญิงอีกคนรุกล้ำเข้าไป คนคนนั้นคงจะสำคัญมากสินะ
หลังจากพูดจบเส้นผมของผมก็ถูกกระชากและลากเข้าไปในห้องทันที ผมเบ้หน้าด้วยความเจ็บก่อนแผ่นหลังจะกระแทกกับผนังห้องเพราะแรงเหวี่ยงของคนตัวสูง พี่ลุกซ์จิกผมของผมและใช้อีกมือกดไหล่ผมให้ชิดผนัง ผมเจ็บจนน้ำตาแทบเล็ด
“ผมเจ็บนะครับ!” ผมโวยวายพลางพยายามดึงมือที่จิกหัวผมออกแต่ยิ่งดึงแรงจิกก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนใบหน้าผมเชิดสูงอย่างช่วยไม่ได้
“มึงหายหัวไปไหนมา!?” พี่มันถลึงตามองผมอย่างโกรธเคือง
“ผะ...ผมกลับไปอาบน้ำครับ” ผมตอบตะกุกตะกัก
“ที่ไม่มีห้องน้ำ?”
“เอ่อ...ผม...ผมก็แค่...” ผมอึกอัก
“ก็แค่อะไร!?!” พี่มันตะคอกจนผมสะดุ้ง
“ผม...”
“ถ้ามึงไม่พูดให้รู้เรื่องกูตบมึงหน้าแหกแน่!” พี่ลุกซ์ขู่
“อึก...ผมก็แค่ไม่เข้าใจพี่ ว่าทำไมพี่ต้องอยากให้ผมมาอยู่ด้วยทั้งๆ ที่พี่เกลียดผมอย่างกับอะไรดี พี่ก็รู้ว่าถ้าพี่ทำแบบนี้ผมก็จะยิ่งตัดใจไม่ได้ ยิ่งอยู่ใกล้ผมก็ยิ่งรัก” ผมก้มหน้าพูดเสียงเบา
“ฮึๆๆ เพราะมึงรักกูไงกูถึงให้มึงมาอยู่ด้วย คนที่ยอมทนมือทนตีนกูอย่างมึงมีประโยชน์ตรงที่สามารถคอยเป็นที่รองรับอารมณ์กูไง ตั้งแต่เกิดมาก็มีมึงนี่แหละที่ดื้อด้านไม่ยอมไปไหนแม้ว่ากูจะร้ายใส่แค่ไหนก็ตาม โง่จริงๆ ฮึๆๆ” ไอ้พี่ลุกซ์หัวเราะสะใจ ผมกัดริมฝีปากแน่นอย่างเจ็บใจที่ถูกดูถูก
“ใช่ ผมโง่! แต่ตอนนี้ผมคิดได้แล้วว่าผมไม่สมควรที่จะรักคนอย่างพี่ คนใจร้ายใจดำอำมหิตอย่างพี่ไม่สมควรที่จะได้รับความรักจากใครทั้งนั้นแหละ! ขนาดน้องชายตัวเองยังรับไม่ได้แล้วคนอื่นอย่างผมจะรับได้เหรอ! ขอตอบว่ารับไม่ได้โว้ย!” ผมผลักพี่ลุกซ์ออกแรงๆ จนผมกระจุกหนึ่งติดมือพี่ลุกซ์ไป
ตุบ! เพี้ยะ!
ร่างผมถูกถีบกระแทกผนังก่อนใบหน้าจะหันไปตามแรงตบ ดวงตาคมวาวโรจน์อย่างโกรธเคืองแสดงความน่ากลัวออกมาเต็มเปี่ยม ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนหน้าจะชาวาบอีกครั้งเมื่อฝ่ามือหนักๆ ฟาดลงมาอย่างรุนแรงจนปากผมแตก
หน้าผมถูกตบอีกหลายทีจนเลือดไหลเปื้อนเสื้อที่เพิ่งเปลี่ยนมา พี่ลุกซ์มันโมโหจนขาดสติ ท่าทางจะโกรธมากที่ผมพูดเรื่องพี่ลัน ก็ตอนนั้นผมโกรธนี่หว่า
“กรี๊ด! พี่ลุกซ์ทำอะไรน่ะคะ!?!” เสียงเล็กๆ กรีดร้องทำให้พี่ลุกซ์หยุดชะงักก่อนจะหันไปมองแล้วเดินเข้าไปหา ร่างผมไถลลงนั่งที่พื้นอย่างเหนื่อยอ่อน ตอนนี้หน้าของผมเป็นอย่างไรผมก็ไม่รู้รู้แต่ว่ามันชาจนแทบไม่รู้สึกอะไรแล้ว
“พี่บอกให้อยู่แต่ในห้องไง!” พี่ลุกซ์ตวาดใส่เด็กสาวหน้าตาน่ารักจนเธอสะดุ้ง
“ไลลาได้ยินเสียงเอะอะก็เลยออกมาดู” น้องคนนั้นขมวดคิ้วมองพี่ลุกซ์ก่อนจะเดินมาหาผมพร้อมกับนั่งคุกเข่าแล้วลูบใบหน้าบวมช้ำของผมเบาๆ “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” น้องเขามองหน้าผมอย่างสงสาร น้องคนนี้น่ารักและนิสัยดีชะมัดทำไมต้องมาเป็นเด็กของไอ้พี่ลุกซ์ด้วยก็ไม่รู้
ผมมองหน้าเด็กน่ารักคนเดิมก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ “ชินแล้วครับ” ผมพูดเสียงแข็งๆ ผมถูกทำร้ายร่างกายจนชินซะแล้วสิ ถูกคนเกือบสิบรุมกระทืบผมยังทนได้กะอีแค่ถูกตบจนเลือดกบปากออกจมูกทำไมจะทนไม่ได้ แต่มันเจ็บตรงที่คนตบเป็นคนที่ผมรักนี่แหละ
“พี่ลุกซ์ทำร้ายพี่เขาทำไมคะ? ทำไมต้องถึงขั้นลงไม้ลงมือด้วย!?” น้องหันไปตวาดถาม ผมก้มหน้านิ่ง ขนาดถูกตวาดใส่พี่ลุกซ์ยังไม่โมโหน้องเขาเลยแสดงว่าน้องคนนี้ต้องสำคัญจริงๆ ปวดใจชะมัด
“ทำไมไลลาต้องไปโกรธแทนมันด้วย? พี่ทำอะไรพี่ก็ต้องมีเหตุผลอยู่แล้ว” พี่ลุกซ์พูด เหตุผลงั้นเหรอ? เหตุผลที่เอาแต่ได้ล่ะสิ
“เหตุผลอะไรล่ะคะบอกไลลาสิ”
“ไลลาจะรู้ไปทำไม?”
“ก็ไลลาไม่อยากให้พี่ลุกซ์ทำร้ายคนอื่นแบบนี้น่ะสิคะ”
“พี่บอกแล้วไงว่าพี่มีเหตุผลของพี่!”
“พี่ลุกซ์!”
“แล้วทำไมเราต้องมาทะเลาะกันเพราะเรื่องของคนอื่นแบบนี้ด้วยฮะ!? มันไม่ได้สำคัญขนาดต้องทำให้เรามายืนเถียงกันแบบนี้เลยนะไลลา!” ผมสะอึกกับคำพูดนั้น ผมรู้ว่าผมเป็นแค่คนอื่น และผมก็รู้ว่าผมไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลย
ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องนั้นไป ผมวิ่งไปที่ลิฟต์และกดโทรศัพท์หาพี่ถังทันที เวลาแบบนี้ผมไม่อยากอยู่คนเดียว
หลังจากที่ใบหน้าผมได้รับการรักษาไอ้พี่ถังกับไอ้พี่เคย์ก็มานั่งมองหน้าผมนิ่งๆ เล่นเอาผมขนลุกพรึ่บพรั่บด้วยความกลัว กลัวว่าพวกพี่มันจะโมโหที่ผมหาเรื่องซ้ำแล้วซ้ำอีก ที่พี่เคย์ต้องมาอยู่ที่บ้านพี่ถังด้วยก็เพราะพี่ถังมันโทรตามเนื่องจากมันจะให้พี่เคย์ดูแลผมในช่วงที่มันไม่อยู่ซึ่งพี่เคย์ก็เต็มใจอย่างมาก
“ใครทำ?” พี่ถังเปิดประเด็น
“คนที่กูไปแย่งผู้หญิงมันมา” ผมตอบอ้อมแอ้ม ผมไม่อยากให้พี่ถังกับพี่เคย์มีปัญหากับพี่ลุกซ์เพราะสองคนนี้สนิทกับพี่ลุกซ์มาก
“ไปหาไอ้ลุกซ์มาใช่ไหม?” พี่เคย์พูด ผมก้มหน้า
“กูจะไปฆ่ามัน!!” ไอ้พี่ถังกำมือแน่นอย่างโมโหพลางลุกขึ้นคว้ากุญแจรถผมจึงรีบดึงแขนพี่มันเอาไว้
“ถังอย่าไป! กูจะเลิกแล้ว กูจะไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับพี่ลุกซ์อีกแล้ว” ผมรีบบอก
“มึงรักมันขนาดนั้นกูไม่เชื่อว่ามึงจะเลิก!” ไอ้พี่ถังสะบัดแขนออกอย่างโมโห
“กูโตขึ้นแล้วถัง กูรู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ กูเจอมาเยอะแล้ว” ผมขมวดคิ้วพูดด้วยอารมณ์เศร้าหมอง
“มึงเรียนที่เดียวกันกับมันแล้วมึงรู้ไหมว่ามันเป็นลุงรหัสของมึง!” ไอ้พี่ถังกระแทกก้นลงนั่งบนโซฟาตัวเดิม
“หา!?” ผมตกใจ
“ไอ้ลุกซ์มันใช้อำนาจเพื่อที่จะได้ไอ้ลันเป็นน้องรหัสแต่เปอร์ดันซวยที่ได้เป็นน้องรหัสของไอ้ลันอีกที เปอร์ต้องเจอกับไอ้ลุกซ์บ่อยขึ้นเพราะพี่สายรหัสปีสี่ของเปอร์ชอบนัดเลี้ยงน้องสายรหัส ถ้าถูกนัดเลี้ยงสายรหัสเปอร์โทรหาพี่นะ พี่จะไปอยู่เป็นเพื่อน” พี่เคย์พูด ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆ จะออกห่างทั้งทีทำไมต้องมีเรื่องแบบนี้มาดึงกูไว้ด้วยวะ
“เปอร์ ถ้ามึงไม่ตัดใจจริงๆ กูจะบอกพ่อกับแม่มึงว่ามึงจะไปอเมริกากับกู” พี่ถังพูด ผมมองหน้าพี่มันนิดๆ ก่อนจะส่ายหน้า “มึงอย่าบอกนะว่ามึงอยากจะอยู่กับมันน่ะ!!” พี่ถังโมโหที่ผมปฏิเสธ
“เปล่า มึงก็รู้ว่ากูโง่อังกฤษ” ผมพูดจากใจ ถึงตอนนี้ผมจะเรียนเก่งขึ้นมากแต่วิชาที่ผมยังโง่ดักดานอยู่นั่นก็คือวิชาภาษาอังกฤษแต่มันเป็นวิชาที่ผมชอบที่สุด
“ฮู้! เดี๋ยวมึงไปมึงก็ได้เองแหละ เอาเป็นว่าถ้ามึงผ่านปี1 ไปไม่ได้เพราะเรื่องไอ้ลุกซ์ล่ะก็กูมาลากตัวมึงไปแน่” ไอ้พี่ถังพูด
“อ้าวพี่ แล้วผมจะอยู่กับใครล่ะครับ?” พี่เคย์ทำหน้าหงอยๆ
“น้องมึงไง”
“โอ๊ย! ไอ้บ้านั่นมันทำตัวเป็นพี่ผมซะด้วยซ้ำ ไม่เอาๆ ผมจะอยู่กับเปอร์” ไอ้พี่เคย์ทำท่างอแงก่อนจะกระโดดมานั่งเบียดผมแล้วกอดผมไว้เหมือนจะหวง ผมหัวเราะกับท่าทีเด็กโข่งของพี่มัน
“ไหนมึงบอกว่าเรียนจบแล้วมึงจะไปเรียนต่อที่เมกาไง?” พี่ถังถาม
“พ่อบอกให้รอไปพร้อมไอ้คิท ตอนนี้มันเพิ่งขึ้นม.4 อีกตั้งสามปีกว่าจะจบม.ปลาย พอผมเรียนจบผมต้องรอมันอีกตั้ง 1 ปีเลยนะ” พี่เคย์ผละออกไปนั่งที่เดิมก่อนจะบ่น น้องพี่เคย์เหรอ? อยากจะเห็นจริงๆ ว่าเป็นคนยังไง เห็นพี่เคย์บ่นนักบ่นหนาว่าเป็นน้องที่ไม่น่ารักเอาเสียเลย
“ระหว่างนั้นมึงก็ทำงานไปก่อนสิวะ กูก็จบมาทำงานหนึ่งปีแล้วค่อยไปเรียนต่อ” พี่ถังแนะนำ
“งั้นตำแหน่งรองประธานบริษัทผมขอละกันนะ ฮึๆ” ไอ้พี่เคย์พูดแหย่ๆ เอ่อ...เรื่องธุรกิจปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่เขาดีกว่า ผมยังเด็กไม่รู้เรื่องอะไรหรอก เหอๆ
“ไม่เว้ย! นั่นมันตำแหน่งกู อย่างมึงเป็นได้แค่หัวหน้าแผนกซักแผนกเท่านั้นแหละ” พี่ถังโวยขึ้น ผมสงสัย พี่เคย์อยากจะทำงานในบริษัทที่พ่อแม่พี่ถังหุ้นอยู่เหรอ?
“พี่เคย์จะทำงานกับบริษัทพี่ถังเหรอ? ผมก็อยากทำ” ผมยิ้มแป้น ผมไม่อยากรับช่วงต่อจากครอบครัวเท่าไหร่เพราะผมไม่ชอบบริหารเอง
“ไม่เอาหรอก ถ้าไม่ได้ระดับเฮดของเฮดพี่ไม่ทำ คึๆ” พี่เคย์ยักคิ้วกวนพี่ถัง ท่าทางจะอยากยึดตำแหน่งของพี่ถังมากเลยนะนั่น ฮ่าๆๆ
“เออ กลับไปบริหารโรงเรียนของมึงเลยไอ้ง่าว” พี่ถังเบ้ปากใส่พี่เคย์อย่างหมั่นไส้ ถ้าผมเป็นพี่ถังผมโดดตบหัวพี่เคย์ไปนานแล้วครับเพราะพี่แกยิ้มกวนตีนฉิบหาย ยิ้มประมาณว่า...เป็นไงล่ะ กูเจ๋งกว่ามึงไง ...อะไรประมาณนี้
“พี่เคย์จะเป็นผอ.เหรอครับ?” ผมถามอย่างตื่นเต้น นี่ไง! ถ้าผมตกงานที่บริษัทพี่ถังผมก็ไปสมัครเป็นครูสอนเลขที่โรงเรียนพี่เคย์ซะเลย ฮ่าๆๆ (แต่ก่อนผมโง่เลขมากแต่ตอนนี้เลขเป็นวิชาที่ผมถนัดที่สุดและเกลียดที่สุด)
“พ่อมันเป็นเจ้าของโรงเรียนเอกชนชายล้วนที่มึงอยากเข้าแต่เข้าไม่ได้ไงและพ่อมันก็ถือหุ้นที่บริษัทกู 10% อีกด้วย” ไอ้พี่ถังพูด ผมเบิกตากว้างอย่างตะลึง ถึงจะขึ้นชื่อว่าเอกชนแต่โรงเรียนนี้มีแต่คนเจ๋งๆ ทั้งนั้น สมัยนั้นผมยังโง่ดักดานอย่าหวังเลยว่าจะเข้าไปเรียนได้ พี่ถังเองก็จบจากที่นั่นเหมือนกัน
“แสดงว่าพ่อพี่เคย์ก็ทำงานที่เดียวกันกับพ่อแม่ไอ้พี่ถังมันเหรอครับ?” ผมถามอย่างสนใจ มิน่าล่ะบ้านหลังใหญ่มากแถมรถหรูๆ ก็เรียงกันเป็นตับ อะไรวะ? นี่กูจน ขับรถราคาล้านกว่าๆ อยู่คนเดียวหรือเนี่ย? พวกถือหุ้นบริษัทรถนี่รวยขนาดนี้เลยเหรอวะ
“เปล่าหรอก พ่อพี่เป็นผอ.โรงเรียนอย่างเดียวน่ะแต่ว่าถือหุ้นไว้เฉยๆ ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรมาก” พี่เคย์พูดผมจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“แล้วพี่เคย์อยากทำงานอะไรครับ?” ผมถาม ลุคอย่างพี่เคย์ไม่เห็นเหมาะที่จะเป็นผอ.สักนิด อย่างพี่เคย์ผมว่าไปเป็นซุปเปอร์สตาร์ดีกว่า คนห่าอะไรวะปล่อยออร่าได้แสบตาฉิบหาย
“พี่อยากเล่นหนัง...” พี่เคย์พูดเว้นจังหวะ ผมว่าพี่เคย์เล่นได้ชัวร์! “ฮอลลีวูด” ผมว่าความหวังชักจะริบหรี่แล้วล่ะครับ เหอๆ
“มันเคยขึ้นปกนิตยาสารวัยรุ่นของอเมริกาด้วยนะ ตอนนั้นกี่ปีมาแล้ววะ?” พี่ถังพูดพลางหันไปถามเจ้าตัว ผมนิ่งอึ้งอ้าปากค้าง ขึ้นปกนิตยาสารของอเมริกา! ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย
“อืม...ถ้าให้เทียบล่ะก็ตอนนั้นผมอยู่ม.3 ที่จริงมีคนติดต่อให้ไปเทสต์หน้ากล้องเล่นหนังแล้วแต่ว่าพ่อเรียกตัวให้กลับมาซะก่อน” ไอ้พี่เคย์พูด ผมยิ่งตกตะลึง นี่ผมรู้จักกับคนดังอยู่เหรอเนี่ย ให้ตายเถอะ! พี่เคย์เป็นใครกันแน่!?
“พี่เคย์ ผมขอลายเซ็นล่วงหน้าเลยได้ไหมครับ?” ผมกระโดดเข้าไปหาพี่เคย์ก่อนจะวางคางเกยไหล่พี่เคย์อ้อนๆ
“เว่อร์แล้วเรา ฮ่าๆ” พี่เคย์หัวเราะก่อนจะลูบหัวผมอย่างหมั่นเขี้ยว
หลังจากนั้นพวกเราก็คุยกันไปอีกสักพักแล้วพี่ถังกับพี่เคย์ก็มาส่งผมที่คอนโด ตอนแรกพี่ทั้งสองคนจะให้ผมกลับบ้านแต่ผมไม่ยอม ถ้าผมเจอกับพี่ลุกซ์ผมจะแสดงให้เห็นว่าผมไม่ง้อคนอย่างพี่มันเด็ดขาด
จะตัดให้ขาดเลยคอยดูสิ!
ทันทีที่ผมเดินออกมาจากลิฟต์ผมก็เห็นพี่ลุกซ์ยืนกอดอกพิงประตูห้องตัวเองอยู่และทันทีที่พี่มันหันมาเห็นผมรอยยิ้มแสยะก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมคาย รอยยิ้มนั้นแสดงถึงความเหนือกว่า ท่าทางพี่มันคงจะคิดว่าผมไปไหนไม่ได้เลยกลับมาหาสินะ เสียใจโว้ย! กูแค่กลับบ้านเท่านั้นแหละ
“ฮึ! กลับมาเร็วไปหน่อยไหม? น่าจะหนีไปให้มันนานๆ กว่านี้หน่อยนะ” พี่ลุกซ์แสยะยิ้มมองหน้าผม ผมแสยะยิ้มคืนก่อนจะพูดบ้าง
“หนีอะไรครับ? ทำไมผมต้องหนี? อ้อ แล้วที่ผมกลับมาผมไม่ได้กลับมาหาพี่สักหน่อย เมียผมอยู่ที่นี่ก็เลยมาหาก็เท่านั้น” ผมยักไหล่พูดอย่างกวนตีนแม้ใจจะสั่นระรัวก็ตาม
“อย่าปากดีให้มันมากนัก! คนอย่างมึงจะมีเมียได้ไงในเมื่อมึงอยากได้กูเป็นผัวจนตัวสั่น!” พี่ลุกซ์เดินเข้ามากระชากร่างผมให้หันไปเผชิญหน้ากับตัวเองในระยะประชิด ผมหน้าเสียเพราะหวั่นกลัวก่อนจะพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้สั่น
“ถ้าจะพูดให้ถูกต้องพูดว่าเคยอยากได้มากกว่า พี่ดูหน้าผมสิ! โดนขนาดนี้แล้วจะให้ผมทนเหรอ? แล้วดูมือผมสิ ขยับแทบไม่ได้ไม่ใช่เพราะพี่หรอกเหรอ? พี่ไม่เคยมองเห็นความสำคัญของผมแล้วทำไมผมต้องยอมอดทนต่อไปด้วยล่ะ ผมไม่ได้โง่นะ!!” ผมผลักอกพี่ลุกซ์ออกก่อนจะจ้องหน้าอย่างเคืองๆ ดวงตาผมสั่นไหวเพราะได้ระบายออกมา
“มึงเป็นใครทำไมกูต้องให้ความสำคัญ?” พี่มันถามเสียงเย็น ผมสะอึก
“นั่นสิ ผมมันก็แค่คนอื่นพี่ไม่ต้องมาให้ความสำคัญกับผมหรอก!” ผมพูดประชด ปากเม้มแน่น
“กูไม่เคยให้อยู่แล้ว”
“...” ผมกัดริมฝีปากก่อนจะเดินถอยหลังไปที่ลิฟต์
หมับ!
แต่ยังไม่ทันเดินไปได้ไกลพี่ลุกซ์ก็เดินมากระชากแขนผมเอาไว้ก่นจะลากผมเข้าไปในห้องของตัวเอง ผมรีบเดินตรงเข้าในห้องครัวก่อนจะเดินหลบไปนั่งซุกตัวอยู่ใต้เคาน์เตอร์ที่เคยมาแอบนั่งร้องไห้บ่อยๆ เมื่อรู้ตัวว่าต่อให้อยากจะออกไปจากที่นี่แค่ไหนก็ออกไปไม่ได้ถ้าพี่ลุกซ์ไม่ยอม
++++++++++++++++++++++++++++++++
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ