ซวยฉิบหาย! ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก

10.0

เขียนโดย DPR_Fox

วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.59 น.

  15 ตอน
  5 วิจารณ์
  39.06K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 22.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) Chapter12 : จะตัดให้ขาด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter12 : จะตัดให้ขาดLUXE

 

                ติ๊งงงงงงง!!

                เฮือก!! ผมสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกร้องโหยหวน  แต่ทันทีที่ลุกขึ้นมาผมก็ล้มลงไปบนเตียงอีกครั้งเนื่องจากอาการปวดหัวที่เกิดจากการเมาค้าง  ฉิบหาย! นี่กี่โมงแล้วเนี่ย?

                เมื่อมองนาฬิกาบนหัวเตียงผมก็รีบกุลีกุจอลุกออกจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวไปเรียน  อีกสิบห้านาทีก็เริ่มคาบเรียนแรกแล้วนี่ผมจะไปสายตั้งแต่วันแรกและคาบแรกเลยเหรอเนี่ย

               

                เมื่อรู้ตัวว่ายังไงก็เข้าไม่ทันคาบแรกผมจึงโทรบอกไอ้พัดให้เช็คชื่อให้ด้วยก่อนที่ตัวเองจะเดินลิ่วๆ ออกจากห้องและเดินตรงไปที่ลิฟต์เพื่อจะออกไปที่มหาวิทยาลัย  ผมว่าผมไปนั่งรอเรียนคาบต่อไปที่มหาลัยดีกว่าเผื่อรถติดแล้วจะไปไม่ทันอีก

                ติ๊ง!

                เสียงประตูลิฟต์เปิดออกผมจึงเดินก้มหน้าก้มตาเข้าไปโดยไม่มองว่าจะมีใครอยู่ในลิฟต์หรือเปล่าจนไหล่ผมชนกับต้นแขนของคนที่เดินสวนออกมา 

                “ขอโทษครับ” ผมผงกหัวนิดๆ พลางเดินมึนๆ เข้าไปข้างในสุดของตัวลิฟต์  ยังแฮงก์อยู่เลย

                พรึ่บ!

                “มึงมาทำอะไรที่นี่!?” ร่างของผมถูกกระชากออกจากลิฟต์ก่อนจะเสียงทุ้มต่ำจะถามขึ้น  ผมเงยหน้ามองคนตัวสูงกว่าอย่างตกใจ  อาการเมาค้างหายวับไปกับตา

                เอ่อ...จะแก้ตัวยังไงดีล่ะเนี่ย? ถ้าบอกว่าผมอาศัยอยู่ห้องตรงข้ามผมต้องถูกทำอะไรสักอย่างที่มันไม่ดีต่อตัวผมแน่ๆ

                “เอิ่ม...คู่นอนของผมอยู่ที่นี่น่ะครับ” ผมอ้ำอึ้งอยู่สักพักก่อนจะพูดยิ้มๆ ออกไป  ไม่รู้อะไรทำให้ผมพูดแบบนั้นออกไปแต่ผมพูดออกไปโดยไม่ทันคิดนี่นา  ก็คนมันลนลานนี่

                “ฮึ! ทุเรศ” ไอ้พี่ลุกซ์สะบัดมือที่จับข้อมือผมออกจนผมเซ  ผมขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนจะฉีกยิ้มส่งให้คนตรงหน้าไม่เลิกแม้ในใจจะเจ็บแปลบๆ ก็ตาม  อีกไม่นานความเจ็บนี้คงจะหายไปสินะเปอร์...มันต้องหายไปสิ

                “อะไรกันครับ? ผมกับพี่ก็ไม่เห็นจะต่างกันนี่  ทีตัวเองยังพาผู้หญิงมาจ้ำจี้ที่ห้องไม่เว้นแต่ละวันยังจะมาหาว่าผมทุเรศอีก  ผมว่าพี่ทุเรศกว่าผมเยอะ ฮึๆ” ผมแสร้งหัวเราะขำๆ ก่อนจะเผลอร้องเสียงดังเมื่อรู้สึกเจ็บที่หนังศีรษะ “โอ๊ย!!”

                ผมยกมือขึ้นจับมือหนาที่กำลังกระชากเส้นผมของผมเพื่อจะผ่อนแรงไม่ให้มันเจ็บมากไปกว่านี้  ทำไมถึงชอบทำร้ายหนังศีรษะกันแบบนี้นะ

                “มึงไม่มีสิทธิมาว่ากูแบบนั้น!” ไอ้พี่ลุกซ์กระชากเส้นผมของผมแรงขึ้นพลางพูดด้วยสีหน้าโมโหจัด

                “พี่ก็ไม่มีสิทธิมาว่าผมเหมือนกัน” ผมเถียงกลับด้วยสีหน้ากวนตีน  เออ...เสียเปรียบเขาอยู่ยังจะไปกวนตีนเขาอีกนะมึงนี่

                ตุบ! หมับ!

                ร่างของผมถูกเหวี่ยงกระแทกผนังก่อนลำคอของผมจะถูกมือหนากดอย่างแรงจนหน้าของผมบิดเบี้ยวอย่างทรมาน  ผมดิ้นขลุกขลักอย่างไม่ยอมแพ้แต่ยิ่งดิ้นมือของพี่ลุกซ์ก็ยิ่งบีบกระชับจนลมหายใจของผมเริ่มติดขัด  ผมอ้าปากพะงาบๆ หวังจะด่าว่าแต่สิ่งที่ออกมามีเพียงแค่ลมเท่านั้น

                “ฮึ! กูไม่มีสิทธิแต่ถ้ากูอยู่เหนือกว่ามึง กูจะทำอะไรมึงก็ได้ถ้ากูอยากทำ!” ไอ้พี่ลุกซ์แสยะยิ้มอย่างสะใจ  ถ้าเป็นช่วงที่หัวใจผมกำลังอ่อนแอผมคงร้องไห้ไปนานแล้วแต่ตอนนี้ผมเข้มแข็งเพราะฉะนั้นอย่าหวังว่าน้ำตาผมจะไหลออกมาง่ายๆ เหมือนตอนที่ผมยังโง่งมไม่พัฒนา

                ตุบ!

                ผมยกเข่าขึ้นถองหน้าท้องแน่นๆ ของคนตรงหน้าก่อนที่ตัวเองจะเป็นอิสระ  ร่างผมทรุดฮวบเมื่อไม่มีที่ยึดเหนี่ยว  พี่ลุกซ์กุมท้องตัวเองเพียงชั่วครู่ก่อนร่างของผมจะถูกกระชากเข้าไปในห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำ...อันเลวร้าย

 

อ่านต่อเซิร์ช dprforluxeper จากกูเกิ้ลจ้า

                เมื่อพักจนพอใจผมก็ลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่ก่อนจะไปยืนกดกริ่งอยู่หน้าห้องพี่ลุกซ์  ผมยืนกลั้นหายใจอย่างหวั่นใจเพราะกลัวว่าพี่มันจะโมโหใส่เนื่องจากผมหายออกมาจากห้องพี่มันทั้งๆ ที่พี่มันบอกให้ผมอยู่

                แกร๊ก!

                ประตูเปิดออกพร้อมกับร่างของพี่ลุกซ์ที่เปลือยท่อนบนโชว์หุ่นเพอร์เฟ็คที่ไม่ว่าใครๆ เห็นก็ต้องอิจฉา  แต่ถ้าพวกที่มีกล้ามสวยอยู่แล้วอาจจะไม่อิจฉาก็ได้แต่คนอย่างผมที่ผอมกะหร่องจนลมหอบก็ต้องอิจฉาเป็นธรรมดา

                “ใครมาเหรอคะพี่ลุกซ์?” เสียงเล็กๆ หวานๆ ตะโกนถามเจ้าของห้องที่ยืนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดตรงหน้าผม  ผมยืนเม้มปากมองหน้าพี่ลุกซ์อย่างไม่เข้าใจว่าทำไมต้องพาผู้หญิงมาอีกทั้งๆ ที่เมื่อเช้าแกก็รีดน้ำออกจากร่างกายไปตั้งเยอะ

                “ไลลา เข้าไปรอในห้องนอนพี่ก่อนนะ  พี่ขอคุยกับแขกแป๊บ” พี่ลุกซ์หันไปพูด  ผมยืนนิ่งอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน  ห้องนอนที่พี่ลุกซ์ไม่ยอมให้ใครเข้าไปแม้กระทั่งน้องดินหรือผู้หญิงที่พามานอนด้วยกำลังถูกผู้หญิงอีกคนรุกล้ำเข้าไป  คนคนนั้นคงจะสำคัญมากสินะ

                หลังจากพูดจบเส้นผมของผมก็ถูกกระชากและลากเข้าไปในห้องทันที  ผมเบ้หน้าด้วยความเจ็บก่อนแผ่นหลังจะกระแทกกับผนังห้องเพราะแรงเหวี่ยงของคนตัวสูง  พี่ลุกซ์จิกผมของผมและใช้อีกมือกดไหล่ผมให้ชิดผนัง  ผมเจ็บจนน้ำตาแทบเล็ด

                “ผมเจ็บนะครับ!” ผมโวยวายพลางพยายามดึงมือที่จิกหัวผมออกแต่ยิ่งดึงแรงจิกก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนใบหน้าผมเชิดสูงอย่างช่วยไม่ได้

                “มึงหายหัวไปไหนมา!?” พี่มันถลึงตามองผมอย่างโกรธเคือง

                “ผะ...ผมกลับไปอาบน้ำครับ” ผมตอบตะกุกตะกัก

                “ที่ไม่มีห้องน้ำ?”

                “เอ่อ...ผม...ผมก็แค่...” ผมอึกอัก

                “ก็แค่อะไร!?!” พี่มันตะคอกจนผมสะดุ้ง

                “ผม...”

                “ถ้ามึงไม่พูดให้รู้เรื่องกูตบมึงหน้าแหกแน่!” พี่ลุกซ์ขู่

                “อึก...ผมก็แค่ไม่เข้าใจพี่  ว่าทำไมพี่ต้องอยากให้ผมมาอยู่ด้วยทั้งๆ ที่พี่เกลียดผมอย่างกับอะไรดี  พี่ก็รู้ว่าถ้าพี่ทำแบบนี้ผมก็จะยิ่งตัดใจไม่ได้  ยิ่งอยู่ใกล้ผมก็ยิ่งรัก” ผมก้มหน้าพูดเสียงเบา

                “ฮึๆๆ เพราะมึงรักกูไงกูถึงให้มึงมาอยู่ด้วย  คนที่ยอมทนมือทนตีนกูอย่างมึงมีประโยชน์ตรงที่สามารถคอยเป็นที่รองรับอารมณ์กูไง  ตั้งแต่เกิดมาก็มีมึงนี่แหละที่ดื้อด้านไม่ยอมไปไหนแม้ว่ากูจะร้ายใส่แค่ไหนก็ตาม  โง่จริงๆ ฮึๆๆ” ไอ้พี่ลุกซ์หัวเราะสะใจ  ผมกัดริมฝีปากแน่นอย่างเจ็บใจที่ถูกดูถูก

                “ใช่ ผมโง่! แต่ตอนนี้ผมคิดได้แล้วว่าผมไม่สมควรที่จะรักคนอย่างพี่  คนใจร้ายใจดำอำมหิตอย่างพี่ไม่สมควรที่จะได้รับความรักจากใครทั้งนั้นแหละ! ขนาดน้องชายตัวเองยังรับไม่ได้แล้วคนอื่นอย่างผมจะรับได้เหรอ! ขอตอบว่ารับไม่ได้โว้ย!” ผมผลักพี่ลุกซ์ออกแรงๆ จนผมกระจุกหนึ่งติดมือพี่ลุกซ์ไป 

                ตุบ! เพี้ยะ!

                ร่างผมถูกถีบกระแทกผนังก่อนใบหน้าจะหันไปตามแรงตบ  ดวงตาคมวาวโรจน์อย่างโกรธเคืองแสดงความน่ากลัวออกมาเต็มเปี่ยม  ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนหน้าจะชาวาบอีกครั้งเมื่อฝ่ามือหนักๆ ฟาดลงมาอย่างรุนแรงจนปากผมแตก

                หน้าผมถูกตบอีกหลายทีจนเลือดไหลเปื้อนเสื้อที่เพิ่งเปลี่ยนมา  พี่ลุกซ์มันโมโหจนขาดสติ  ท่าทางจะโกรธมากที่ผมพูดเรื่องพี่ลัน  ก็ตอนนั้นผมโกรธนี่หว่า

                “กรี๊ด! พี่ลุกซ์ทำอะไรน่ะคะ!?!” เสียงเล็กๆ กรีดร้องทำให้พี่ลุกซ์หยุดชะงักก่อนจะหันไปมองแล้วเดินเข้าไปหา  ร่างผมไถลลงนั่งที่พื้นอย่างเหนื่อยอ่อน  ตอนนี้หน้าของผมเป็นอย่างไรผมก็ไม่รู้รู้แต่ว่ามันชาจนแทบไม่รู้สึกอะไรแล้ว

                “พี่บอกให้อยู่แต่ในห้องไง!” พี่ลุกซ์ตวาดใส่เด็กสาวหน้าตาน่ารักจนเธอสะดุ้ง

                “ไลลาได้ยินเสียงเอะอะก็เลยออกมาดู” น้องคนนั้นขมวดคิ้วมองพี่ลุกซ์ก่อนจะเดินมาหาผมพร้อมกับนั่งคุกเข่าแล้วลูบใบหน้าบวมช้ำของผมเบาๆ “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” น้องเขามองหน้าผมอย่างสงสาร  น้องคนนี้น่ารักและนิสัยดีชะมัดทำไมต้องมาเป็นเด็กของไอ้พี่ลุกซ์ด้วยก็ไม่รู้

                ผมมองหน้าเด็กน่ารักคนเดิมก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ “ชินแล้วครับ” ผมพูดเสียงแข็งๆ  ผมถูกทำร้ายร่างกายจนชินซะแล้วสิ  ถูกคนเกือบสิบรุมกระทืบผมยังทนได้กะอีแค่ถูกตบจนเลือดกบปากออกจมูกทำไมจะทนไม่ได้  แต่มันเจ็บตรงที่คนตบเป็นคนที่ผมรักนี่แหละ

                “พี่ลุกซ์ทำร้ายพี่เขาทำไมคะ? ทำไมต้องถึงขั้นลงไม้ลงมือด้วย!?” น้องหันไปตวาดถาม  ผมก้มหน้านิ่ง  ขนาดถูกตวาดใส่พี่ลุกซ์ยังไม่โมโหน้องเขาเลยแสดงว่าน้องคนนี้ต้องสำคัญจริงๆ  ปวดใจชะมัด

                “ทำไมไลลาต้องไปโกรธแทนมันด้วย? พี่ทำอะไรพี่ก็ต้องมีเหตุผลอยู่แล้ว” พี่ลุกซ์พูด  เหตุผลงั้นเหรอ? เหตุผลที่เอาแต่ได้ล่ะสิ

                “เหตุผลอะไรล่ะคะบอกไลลาสิ”

                “ไลลาจะรู้ไปทำไม?”

                “ก็ไลลาไม่อยากให้พี่ลุกซ์ทำร้ายคนอื่นแบบนี้น่ะสิคะ”

                “พี่บอกแล้วไงว่าพี่มีเหตุผลของพี่!”

                “พี่ลุกซ์!”

                “แล้วทำไมเราต้องมาทะเลาะกันเพราะเรื่องของคนอื่นแบบนี้ด้วยฮะ!? มันไม่ได้สำคัญขนาดต้องทำให้เรามายืนเถียงกันแบบนี้เลยนะไลลา!” ผมสะอึกกับคำพูดนั้น  ผมรู้ว่าผมเป็นแค่คนอื่น  และผมก็รู้ว่าผมไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลย

                ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องนั้นไป  ผมวิ่งไปที่ลิฟต์และกดโทรศัพท์หาพี่ถังทันที  เวลาแบบนี้ผมไม่อยากอยู่คนเดียว

 

                หลังจากที่ใบหน้าผมได้รับการรักษาไอ้พี่ถังกับไอ้พี่เคย์ก็มานั่งมองหน้าผมนิ่งๆ เล่นเอาผมขนลุกพรึ่บพรั่บด้วยความกลัว  กลัวว่าพวกพี่มันจะโมโหที่ผมหาเรื่องซ้ำแล้วซ้ำอีก  ที่พี่เคย์ต้องมาอยู่ที่บ้านพี่ถังด้วยก็เพราะพี่ถังมันโทรตามเนื่องจากมันจะให้พี่เคย์ดูแลผมในช่วงที่มันไม่อยู่ซึ่งพี่เคย์ก็เต็มใจอย่างมาก

                “ใครทำ?” พี่ถังเปิดประเด็น

                “คนที่กูไปแย่งผู้หญิงมันมา” ผมตอบอ้อมแอ้ม  ผมไม่อยากให้พี่ถังกับพี่เคย์มีปัญหากับพี่ลุกซ์เพราะสองคนนี้สนิทกับพี่ลุกซ์มาก

                “ไปหาไอ้ลุกซ์มาใช่ไหม?”  พี่เคย์พูด  ผมก้มหน้า

                “กูจะไปฆ่ามัน!!” ไอ้พี่ถังกำมือแน่นอย่างโมโหพลางลุกขึ้นคว้ากุญแจรถผมจึงรีบดึงแขนพี่มันเอาไว้

                “ถังอย่าไป! กูจะเลิกแล้ว  กูจะไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับพี่ลุกซ์อีกแล้ว” ผมรีบบอก

                “มึงรักมันขนาดนั้นกูไม่เชื่อว่ามึงจะเลิก!” ไอ้พี่ถังสะบัดแขนออกอย่างโมโห

                “กูโตขึ้นแล้วถัง  กูรู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ  กูเจอมาเยอะแล้ว” ผมขมวดคิ้วพูดด้วยอารมณ์เศร้าหมอง

                “มึงเรียนที่เดียวกันกับมันแล้วมึงรู้ไหมว่ามันเป็นลุงรหัสของมึง!” ไอ้พี่ถังกระแทกก้นลงนั่งบนโซฟาตัวเดิม

                “หา!?” ผมตกใจ

                “ไอ้ลุกซ์มันใช้อำนาจเพื่อที่จะได้ไอ้ลันเป็นน้องรหัสแต่เปอร์ดันซวยที่ได้เป็นน้องรหัสของไอ้ลันอีกที   เปอร์ต้องเจอกับไอ้ลุกซ์บ่อยขึ้นเพราะพี่สายรหัสปีสี่ของเปอร์ชอบนัดเลี้ยงน้องสายรหัส  ถ้าถูกนัดเลี้ยงสายรหัสเปอร์โทรหาพี่นะ  พี่จะไปอยู่เป็นเพื่อน” พี่เคย์พูด  ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆ  จะออกห่างทั้งทีทำไมต้องมีเรื่องแบบนี้มาดึงกูไว้ด้วยวะ

                “เปอร์  ถ้ามึงไม่ตัดใจจริงๆ กูจะบอกพ่อกับแม่มึงว่ามึงจะไปอเมริกากับกู” พี่ถังพูด  ผมมองหน้าพี่มันนิดๆ ก่อนจะส่ายหน้า  “มึงอย่าบอกนะว่ามึงอยากจะอยู่กับมันน่ะ!!” พี่ถังโมโหที่ผมปฏิเสธ

                “เปล่า มึงก็รู้ว่ากูโง่อังกฤษ” ผมพูดจากใจ  ถึงตอนนี้ผมจะเรียนเก่งขึ้นมากแต่วิชาที่ผมยังโง่ดักดานอยู่นั่นก็คือวิชาภาษาอังกฤษแต่มันเป็นวิชาที่ผมชอบที่สุด

                “ฮู้! เดี๋ยวมึงไปมึงก็ได้เองแหละ  เอาเป็นว่าถ้ามึงผ่านปี1 ไปไม่ได้เพราะเรื่องไอ้ลุกซ์ล่ะก็กูมาลากตัวมึงไปแน่” ไอ้พี่ถังพูด

                “อ้าวพี่ แล้วผมจะอยู่กับใครล่ะครับ?” พี่เคย์ทำหน้าหงอยๆ

                “น้องมึงไง”

                “โอ๊ย! ไอ้บ้านั่นมันทำตัวเป็นพี่ผมซะด้วยซ้ำ  ไม่เอาๆ ผมจะอยู่กับเปอร์” ไอ้พี่เคย์ทำท่างอแงก่อนจะกระโดดมานั่งเบียดผมแล้วกอดผมไว้เหมือนจะหวง  ผมหัวเราะกับท่าทีเด็กโข่งของพี่มัน

                “ไหนมึงบอกว่าเรียนจบแล้วมึงจะไปเรียนต่อที่เมกาไง?” พี่ถังถาม

                “พ่อบอกให้รอไปพร้อมไอ้คิท  ตอนนี้มันเพิ่งขึ้นม.4 อีกตั้งสามปีกว่าจะจบม.ปลาย  พอผมเรียนจบผมต้องรอมันอีกตั้ง 1 ปีเลยนะ” พี่เคย์ผละออกไปนั่งที่เดิมก่อนจะบ่น  น้องพี่เคย์เหรอ? อยากจะเห็นจริงๆ ว่าเป็นคนยังไง  เห็นพี่เคย์บ่นนักบ่นหนาว่าเป็นน้องที่ไม่น่ารักเอาเสียเลย

                “ระหว่างนั้นมึงก็ทำงานไปก่อนสิวะ  กูก็จบมาทำงานหนึ่งปีแล้วค่อยไปเรียนต่อ” พี่ถังแนะนำ

                “งั้นตำแหน่งรองประธานบริษัทผมขอละกันนะ ฮึๆ” ไอ้พี่เคย์พูดแหย่ๆ เอ่อ...เรื่องธุรกิจปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่เขาดีกว่า  ผมยังเด็กไม่รู้เรื่องอะไรหรอก เหอๆ

                “ไม่เว้ย! นั่นมันตำแหน่งกู  อย่างมึงเป็นได้แค่หัวหน้าแผนกซักแผนกเท่านั้นแหละ” พี่ถังโวยขึ้น  ผมสงสัย  พี่เคย์อยากจะทำงานในบริษัทที่พ่อแม่พี่ถังหุ้นอยู่เหรอ?

                “พี่เคย์จะทำงานกับบริษัทพี่ถังเหรอ? ผมก็อยากทำ” ผมยิ้มแป้น  ผมไม่อยากรับช่วงต่อจากครอบครัวเท่าไหร่เพราะผมไม่ชอบบริหารเอง

                “ไม่เอาหรอก ถ้าไม่ได้ระดับเฮดของเฮดพี่ไม่ทำ คึๆ” พี่เคย์ยักคิ้วกวนพี่ถัง  ท่าทางจะอยากยึดตำแหน่งของพี่ถังมากเลยนะนั่น ฮ่าๆๆ

                “เออ กลับไปบริหารโรงเรียนของมึงเลยไอ้ง่าว” พี่ถังเบ้ปากใส่พี่เคย์อย่างหมั่นไส้  ถ้าผมเป็นพี่ถังผมโดดตบหัวพี่เคย์ไปนานแล้วครับเพราะพี่แกยิ้มกวนตีนฉิบหาย  ยิ้มประมาณว่า...เป็นไงล่ะ  กูเจ๋งกว่ามึงไง ...อะไรประมาณนี้

                “พี่เคย์จะเป็นผอ.เหรอครับ?” ผมถามอย่างตื่นเต้น  นี่ไง! ถ้าผมตกงานที่บริษัทพี่ถังผมก็ไปสมัครเป็นครูสอนเลขที่โรงเรียนพี่เคย์ซะเลย ฮ่าๆๆ (แต่ก่อนผมโง่เลขมากแต่ตอนนี้เลขเป็นวิชาที่ผมถนัดที่สุดและเกลียดที่สุด)

                “พ่อมันเป็นเจ้าของโรงเรียนเอกชนชายล้วนที่มึงอยากเข้าแต่เข้าไม่ได้ไงและพ่อมันก็ถือหุ้นที่บริษัทกู 10% อีกด้วย” ไอ้พี่ถังพูด  ผมเบิกตากว้างอย่างตะลึง  ถึงจะขึ้นชื่อว่าเอกชนแต่โรงเรียนนี้มีแต่คนเจ๋งๆ ทั้งนั้น  สมัยนั้นผมยังโง่ดักดานอย่าหวังเลยว่าจะเข้าไปเรียนได้  พี่ถังเองก็จบจากที่นั่นเหมือนกัน

                “แสดงว่าพ่อพี่เคย์ก็ทำงานที่เดียวกันกับพ่อแม่ไอ้พี่ถังมันเหรอครับ?” ผมถามอย่างสนใจ  มิน่าล่ะบ้านหลังใหญ่มากแถมรถหรูๆ ก็เรียงกันเป็นตับ  อะไรวะ? นี่กูจน ขับรถราคาล้านกว่าๆ อยู่คนเดียวหรือเนี่ย?  พวกถือหุ้นบริษัทรถนี่รวยขนาดนี้เลยเหรอวะ

                “เปล่าหรอก  พ่อพี่เป็นผอ.โรงเรียนอย่างเดียวน่ะแต่ว่าถือหุ้นไว้เฉยๆ ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรมาก” พี่เคย์พูดผมจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจ

                “แล้วพี่เคย์อยากทำงานอะไรครับ?” ผมถาม  ลุคอย่างพี่เคย์ไม่เห็นเหมาะที่จะเป็นผอ.สักนิด  อย่างพี่เคย์ผมว่าไปเป็นซุปเปอร์สตาร์ดีกว่า  คนห่าอะไรวะปล่อยออร่าได้แสบตาฉิบหาย

                “พี่อยากเล่นหนัง...” พี่เคย์พูดเว้นจังหวะ  ผมว่าพี่เคย์เล่นได้ชัวร์! “ฮอลลีวูด” ผมว่าความหวังชักจะริบหรี่แล้วล่ะครับ เหอๆ

                “มันเคยขึ้นปกนิตยาสารวัยรุ่นของอเมริกาด้วยนะ  ตอนนั้นกี่ปีมาแล้ววะ?” พี่ถังพูดพลางหันไปถามเจ้าตัว  ผมนิ่งอึ้งอ้าปากค้าง  ขึ้นปกนิตยาสารของอเมริกา! ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย

                “อืม...ถ้าให้เทียบล่ะก็ตอนนั้นผมอยู่ม.3  ที่จริงมีคนติดต่อให้ไปเทสต์หน้ากล้องเล่นหนังแล้วแต่ว่าพ่อเรียกตัวให้กลับมาซะก่อน” ไอ้พี่เคย์พูด  ผมยิ่งตกตะลึง  นี่ผมรู้จักกับคนดังอยู่เหรอเนี่ย    ให้ตายเถอะ! พี่เคย์เป็นใครกันแน่!?

                “พี่เคย์  ผมขอลายเซ็นล่วงหน้าเลยได้ไหมครับ?” ผมกระโดดเข้าไปหาพี่เคย์ก่อนจะวางคางเกยไหล่พี่เคย์อ้อนๆ

                “เว่อร์แล้วเรา ฮ่าๆ” พี่เคย์หัวเราะก่อนจะลูบหัวผมอย่างหมั่นเขี้ยว

                หลังจากนั้นพวกเราก็คุยกันไปอีกสักพักแล้วพี่ถังกับพี่เคย์ก็มาส่งผมที่คอนโด  ตอนแรกพี่ทั้งสองคนจะให้ผมกลับบ้านแต่ผมไม่ยอม  ถ้าผมเจอกับพี่ลุกซ์ผมจะแสดงให้เห็นว่าผมไม่ง้อคนอย่างพี่มันเด็ดขาด

                จะตัดให้ขาดเลยคอยดูสิ!

 

                ทันทีที่ผมเดินออกมาจากลิฟต์ผมก็เห็นพี่ลุกซ์ยืนกอดอกพิงประตูห้องตัวเองอยู่และทันทีที่พี่มันหันมาเห็นผมรอยยิ้มแสยะก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมคาย  รอยยิ้มนั้นแสดงถึงความเหนือกว่า  ท่าทางพี่มันคงจะคิดว่าผมไปไหนไม่ได้เลยกลับมาหาสินะ  เสียใจโว้ย! กูแค่กลับบ้านเท่านั้นแหละ

                “ฮึ! กลับมาเร็วไปหน่อยไหม? น่าจะหนีไปให้มันนานๆ กว่านี้หน่อยนะ” พี่ลุกซ์แสยะยิ้มมองหน้าผม  ผมแสยะยิ้มคืนก่อนจะพูดบ้าง

                “หนีอะไรครับ? ทำไมผมต้องหนี? อ้อ แล้วที่ผมกลับมาผมไม่ได้กลับมาหาพี่สักหน่อย  เมียผมอยู่ที่นี่ก็เลยมาหาก็เท่านั้น” ผมยักไหล่พูดอย่างกวนตีนแม้ใจจะสั่นระรัวก็ตาม

                “อย่าปากดีให้มันมากนัก! คนอย่างมึงจะมีเมียได้ไงในเมื่อมึงอยากได้กูเป็นผัวจนตัวสั่น!” พี่ลุกซ์เดินเข้ามากระชากร่างผมให้หันไปเผชิญหน้ากับตัวเองในระยะประชิด  ผมหน้าเสียเพราะหวั่นกลัวก่อนจะพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้สั่น

                “ถ้าจะพูดให้ถูกต้องพูดว่าเคยอยากได้มากกว่า  พี่ดูหน้าผมสิ! โดนขนาดนี้แล้วจะให้ผมทนเหรอ? แล้วดูมือผมสิ  ขยับแทบไม่ได้ไม่ใช่เพราะพี่หรอกเหรอ?  พี่ไม่เคยมองเห็นความสำคัญของผมแล้วทำไมผมต้องยอมอดทนต่อไปด้วยล่ะ  ผมไม่ได้โง่นะ!!” ผมผลักอกพี่ลุกซ์ออกก่อนจะจ้องหน้าอย่างเคืองๆ  ดวงตาผมสั่นไหวเพราะได้ระบายออกมา

                “มึงเป็นใครทำไมกูต้องให้ความสำคัญ?” พี่มันถามเสียงเย็น  ผมสะอึก

                “นั่นสิ  ผมมันก็แค่คนอื่นพี่ไม่ต้องมาให้ความสำคัญกับผมหรอก!” ผมพูดประชด  ปากเม้มแน่น

                “กูไม่เคยให้อยู่แล้ว”

                “...” ผมกัดริมฝีปากก่อนจะเดินถอยหลังไปที่ลิฟต์

                หมับ!

                แต่ยังไม่ทันเดินไปได้ไกลพี่ลุกซ์ก็เดินมากระชากแขนผมเอาไว้ก่นจะลากผมเข้าไปในห้องของตัวเอง  ผมรีบเดินตรงเข้าในห้องครัวก่อนจะเดินหลบไปนั่งซุกตัวอยู่ใต้เคาน์เตอร์ที่เคยมาแอบนั่งร้องไห้บ่อยๆ เมื่อรู้ตัวว่าต่อให้อยากจะออกไปจากที่นี่แค่ไหนก็ออกไปไม่ได้ถ้าพี่ลุกซ์ไม่ยอม

 

++++++++++++++++++++++++++++++++

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา