Blood Darkness โลหิตรัตติกาล

6.7

เขียนโดย Organness

วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 17.02 น.

  3 chapter
  1 วิจารณ์
  6,643 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 18.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) สาวน้อยสีแดง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

                    ฉันถึงกับต้องระเบิดเสียงหัวเราะ

                    นี่น่ะเหรอ  พี่ชายที่แม่บอกให้ระวังนักหนา

               "ข...ขำอะไรของเธอ"  เนียเวย์ถาม  เขานิ่วหน้าและหลบสายตาอย่างเขินอาย

               "เปล่าๆ "  ฉันตอบไปสำลักอากาศไป  ท้องไส้เริ่มปั่นป่วนจากการมีอารมณ์ขันเกินพอดี

 

                    แวมไพร์ที่ไหนเขามีผมสีบลอนด์กัน  แถมทำหน้าเหวอหวาได้ทุเรศชะมัด  ตกใจกับการแสดงอันยอดเยี่ยมของฉันรึไง  แค่ทำตาดุนิดหน่อยก็ถึงกับต้องถอดสีหน้าเชียว  ฮ่ะๆๆๆ

 

                    ฉันไม่ได้หัวเราะมานานแค่ไหนแล้วนะ...

 

                    ฉันน่าจะหัวเราะครั้งสุดท้ายเมื่อนานมาแล้ว  นานมากจนความทรงจำแทบจะเลือนหายไปกับสายลม  แต่ความทุกข์และคราบน้ำตาที่ได้รับในแต่ละครั้ง  ฉันยังคงจำมันได้ดีเสมอมา

                    'เดินหลังตรง  อาเนีย'

                    เสียงของแม่ในตอนนั้นยังดังก้องในส่วนลึกของจิตใจ

                    'ตั้งใจหน่อย  ฝีเข็มของเจ้าราวกับคนผ่าฟืน'

 

                    แม่มักสั่งสอนไปพร้อมกับการดุด่าว่ากล่าวเสมอ  ฉันเกลียดการเย็บผ้า  ฉันเกลียดงานเต้นรำ  ฉันเกลียดการซ้อมร้องเพลง  และฉันจะมักถูกตีอย่างรุนแรงทุกครั้งที่ไปเล่นฟันดาบกับเด็กผู้ชายในลานประลอง

 

                    'อย่าจับดาบอีก  บุตรสาวของคาริสซ่าจักต้องเป็นสตรีผู้เพรียบพร้อม!'

 

                    การลงโทษเรื่องที่ฉันแอบหนีไปประดาบครั้งสุดท้ายทำให้ฉันต้องย้ายไปอยู่คฤหาสน์เซซิล  อาณาจักรเอเลวาน  อาณาจักรปีศาจซึ่งถูกขนานนามว่า  'เมืองแห่งเงา'  มันทำให้ฉันไร้เพื่อนและไร้เสียงหัวเราะโดยสิ้นเชิงนับแต่บัดนั้น

 

                    ฉันเริ่มรู้สึกถึงความเปียกชื้นรอบดวงตา  แต่ต้องพยายามสกัดกั้นเอาไว้แบบที่แม่มักพูดเสมอ  'น้ำตาคือความอ่อนแอ!  ไม่มีใครช่วยเจ้ายามล้มหรอก  จงยืนด้วยขาของตัวเองให้ศัตรูเห็น'

 

                    เรื่องที่ฉันแอบหนีมาโดยการเดินทางผ่านเงาก็เป็นความผิดเช่นกัน  ถ้าแม่ฉันรู้เข้าล่ะก็...

 

                    เมื่อรวบรวมสติสัมปชัญญะได้  ฉันก็จำวิธียืนได้อีกครั้ง  แต่พอมองหน้าเนียเวย์แล้วฉันก็ต้องหัวเราะจนตัวงอ  ทั้งที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน  แต่ทำไมเขาถึงทำให้ฉันหัวเราะได้ขนาดนี้กัน  "ฉัน  อาเนีย  เด็กผู้หญิงผู้น่ารักที่สุดในโลก  ฝากตัวด้วย"  ฉันพูดขณะกลืนเสียงหัวเราะอย่างยากเย็น

 

                    พี่ชายติงต๊องมองฉันหัวจรดเท้าอย่างไม่เชื่อสายตา  เขาหยุดที่สร้อยข้อมือฉันพักหนึ่ง  แต่สิ่งที่ตอบกลับมาจากการแนะนำตัวของฉันคือความเงียบ  ต้องให้อธิบายหรือไงว่าฉันเป็นน้องสาวต่างพ่อถึงจะเข้าใจ  แค่มีพ่อเป็นปีศาจก็เหลือทนแล้ว

 

                    แล้วพ่อฉันเป็นใครกัน  ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว

                    เงียบกริบ...

                    เสียงลมพัด...

                    .  .  .

 

               "เธอเป็นน้องฉัน?"

               "เออ"

 

                    กว่าจะพูด  ฉันคิดพลางสะกดอารมณ์ของตัวเองไว้

 

               "เธอเป็นแวมไพร์?"

               "อือ"

               "เคยกินเลือดไหม"

               "เคย  ครั้งหนึ่ง  นานมาแล้ว"

 

                    ปกติคนเขาทักทายด้วยคำถามแบบนี้เหรอ  มันต้องประมาณว่า  สบายดีไหม สิ  หมอนี่แปลกคน

 

               "งั้นไปนะ"  เนียเวย์พูดเพื่อทำลายความเงียบอันยาวนาน

 

                    เขาหันหลัง  สองขาก้าวไปยังบันได  แต่เจอหน้าคนสวยแล้วกลับเลยแบบนี้จะเสียมารยาทไปไหม  เดี๋ยวนะ  ฉันคิดอะไรดีๆออกแล้ว

 

               "นายจะไปไหนไม่ได้จนกว่าฉันจะสั่ง"  ฉันพูดพร้อมฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์

               "แล้วทำไมฉันต้องทำตามคำสั่งเธอด้วยล่ะ"

               "อืม...เพราะอะไรนะ  อ๋อใช่  เพราะมันเป็นความสุขของฉัน  ทีนี้ก็ตามมา"

 

                    ยืนเหวออีกแล้ว  แมลงบินเข้าปากหรือยังก็ไม่รู้  ภาพพจน์พี่ชายขี้เล่นผู้ใจดีในจินตนาการของฉันพังทลายลงในพริบตา

 

               "มาสิ..."  ฉันพูดลากเสียงพลางกวักมือเรียก  และปรับแววตาให้ดูเหมือนเป็นคนโมโหร้าย

 

                    เวย์เพิ่งมาจากโลกมนุษย์  แถมทำให้ฉันขำจนปวดท้องอีก  คงต้องล้างแค้นกันสักหน่อย  พาชมอาณาจักรนี้ให้ทั่วจะเป็นไรไป  แต่ถ้าเขารู้ว่าฉันไม่ค่อยชำนาญทางล่ะก็แย่แน่  คงจะไปได้แค่บริเวณใกล้ๆ

 

                    ฉันเปิดประตูไม้สีน้ำตาลเก่าๆของคฤหาสน์  นกสีขาวราวกระดูกมากมายบินขึ้นจากยอดไม้สู่ท้องฟ้าไร้แสง

 

                    หางตาฉันบอกว่าเห็นเงาของตัวเองบนประตูสั่นไหวเป็นรูปคลื่นราวกับมีชีวิต

                    "ไป"  ฉันกระซิบสั่งอย่างแผ่วเบา

 

                    ทางเดินสีหม่นตัดผ่านหน้าคฤหาสน์  บ้านเรือนตั้งเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ  เด็กๆชาวแวมไพร์มากมายกำลังวิ่งเล่นต้อนรับวันหยุด  หนุ่มสาววัยทำงานออกมาเติมความรักให้กันหลังเทศกาลคริสมาสต์  หญิงชราอายุราวห้าพันปีคนหนึ่งเดินขายแอลป์อย่างไร้ความหวัง  จี้เก็บเลือดแบบนั้นใครไม่มีก็คงจนยิ่งกว่าขอทาน  ฉันยอมรับว่ามาอาณาจักรเมซีแยร์เป็นครั้งแรกและตื่นเต้นเล็กๆอยู่ในใจ  ฉันไม่เคยเห็นแวมไพร์มารวมตัวกันมากขนาดนี้มาก่อนเลย

 

                    เนียเวย์มองดูรอบตัวของเขา  ดวงตาสีทองเหมือนฉันทอดยาวไปยังตลาดสดอันคึกคักด้วยผู้คน  ถนนซึ่งถูกเติมเต็มด้วยประชากรรถยนต์เกินกว่าจะนับไหว  และตึกสำนักงานใหญ่ๆที่อยู่ไกลออกไป  "มีสีสันกว่าที่คิด"  เขาพูดเบาๆ

 

                    ฉันออกเดินไปเบื้องหน้า  งานเทศกาลบริเวณจัตุรัสกลางเมืองคงมีของหวานรสชาติดีนับไม่ถ้วน  เวย์เดินตามห่างๆ  "คนที่นี่ใครจะไปเย็นชาเหมือนพี่กัน"  ฉันบ่นพึมพำ

 

                    ระหว่างที่เราเดินผ่านตลาด  เจ้าพี่บ้าจะแวะตามทางทุกๆสองเมตร  ดูชุดแวมไพร์บ้างล่ะ  ผลึกเวทย์บ้างล่ะ  กระป๋องเลือดในตู้ขายเครื่องดื่มอัตโนมัติบ้างล่ะ  นั่นมันของเด็กชัดๆ

 

               "อาเนีย  เอานี่มั้ย"  เขาชูแก้วมายา

               "ขอโทษค่ะ  ฉันไม่รู้จักคุณ"  ฉันพูด  และเดินหนีอย่างรวดเร็ว

               "ไม่น่ารักเลย"  เวย์พูดทิ้งท้าย

 

                    ฉันน่ารักตลอดเวลาย่ะ  อยากพูดแบบนี้ออกไปจริงๆ  คอยดูเถอะ  ถ้าเนียเวย์เจอการแสดงในงานเทศกาล  เขาต้องยืนแข็งทื่อไปทั้งตัวด้วยความช็อกแน่  แค่คิดก็อยากจะหัวเราะล่วงหน้าแล้ว

 

                    แวมไพร์ที่เติบโตมาในโลกมนุษย์ล้วนมีจิตใจอ่อนแอทั้งนั้น  เนียเวย์ก็คงไม่ต่างกันหรอก  ถ้าชีวิตฉันในอนาคตอันใกล้ตามเป็นไปตามคำพยากรณ์บ้าๆนั้นจริง  ฉันจะใช้พลังพิเศษนี้เอาชนะเขาในศึกชิงบัลลังก์ให้ดู

 

                    ตลาดสดแลดูคึกคัก  สินค้ามากมายวางเรียงกันนับไม่ถ้วนบนร้านไม้และโลหะเก่า  บรรดาพ่อค้าแม่ค้าต่างตะโกนแย่งลูกค้าเป็นพัลวัน  ค้างคาวกินผลไม้มีให้เห็นทุกซอกทุกมุม  ช่างน่าขยะแขยงเสียจริง

 

                    ยิ่งเข้าใกล้จัตุรัสมากเท่าไร  บรรยากาศรอบตัวยิ่งครึกครื้นมากเท่านั้น  ลานจัดการแสดงและซุ้มขายของเล็กๆเห็นอยู่รำไร  เมื่อเราไปถึงก็ทันได้ยินประกาศเริ่มการแสดงในอีกห้าวินาทีพอดี

 

               "ห้า..."

 

                    ผู้คนเริ่มนับถอยหลังเวลาเปิดการแสดง

 

               "สี่..."

               "สาม..."

 

                    ควันสีแดงลอยฟุ้งรอบลาน  กลไกบางอย่างกำลังทำงาน

 

               "สอง..."

               "หนึ่ง..."

 

                    ฉันร้องเสียงหลง!  มือสองข้างกุมไว้บนใบหน้าโดยไม่รู้ตัว

 

                    ไม่ได้มีแค่ฉัน  แวมไพร์ที่นี่กว่าครึ่งก็ทำแบบเดียวกันเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงกลางลานแสดง...

 

                    ผู้หญิงในชุดแดงถูกมัดห้อยหัว  ด้านล่างเป็นเหล็กแหลมนับพันแท่ง  ปลายเชือกด้านหนึ่งถูกผูกไว้กับบางสิ่งที่มิอาจมองเห็น  ฉันเพิ่งสังเกตชัดๆได้ว่าเธอไม่ได้อยู่ในชุดแดง  หากแต่เป็นชุดกระโปงสีขาวซึ่งชุ่มไปด้วยเลือดต่างหาก  เหงื่อและเลือดไหลออกมาตามร่างกายราวน้ำตกริมผา  มันเปลี่ยนสีแท่งโลหะด้านล่างบางส่วนเป็นสีแดง

 

                    ชายคนหนึ่งถือมีดเล่มยักษ์มาอวดโฉมกลางลาน  เขารูปร่างใหญ่  ศีรษะล้านและไว้หนวดเครารุงรัง  เขาค่อยๆเดินเข้าใกล้หญิงสาวที่ห้อยค้างกลางอากาศ  และบรรจงใช้มีดเล่มนั้นกรีดบริเวณหน้าท้องของนาง  หนึ่งครั้ง  สองครั้ง  สามครั้ง  และสี่ครั้ง  เครื่องในหล่นลงมาบนพื้นทราย  ผู้คนส่งเสียงอย่างหวาดผวา  ฉันไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเกาะแขนเนียเวย์แน่น

 

                    ปลายเชือกบนอากาศดูเหมือนไม่สามารถทนดูหญิงสาวได้อีกต่อไป  มันปล่อยผู้หญิงคนนั้นลงมาปักคาเหล็กแหลมกลางลำตัวอย่างน่าหวั่นใจ  เรียกเสียงฮือฮาและเสียงกรีดร้องจากผู้ชมได้มากทีเดียว

 

                    เมื่อโชว์อันน่าสยดสยองจบลง  ควันสีแดงก็ฟุ้งเต็มลานอีกครั้ง  ชายหญิงทั้งสองยืนจับมือกันและค้อมตัวตามมารยาท  ฉันโล่งใจเล็กน้อยที่ฝ่ายหญิงออกมาขอบคุณผู้ชมในกระโปงชุดสีขาวสะอาด

 

                    แขนเนียเวย์มีรอยแดงเป็นปื้นจากการที่เล็บของฉันจิกลงไปในผิวหนังชั้นนอก  ฉันรีบปล่อยมือออกและทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นทันที

 

               "สนุกดีใช่ไหมล่ะ"  เขาพูดพลางหัวเราะเยาะ

 

คฤหาสน์เกรย์วินด์  อาณาจักรลาปาซ  โลกแห่งป่าต้องห้าม

 

                    เวนิสไม่อยากเข้าคุก

 

                    คุกอันแสนมืดมนที่เรียกว่าห้องหอ

 

                    เธอไม่ควรถูกจับแต่งงานหากบ้านเธอมีทรัพย์สินเพียงพอ  พ่อแม่เลือดเย็นขายเธอให้ชายแปลกหน้าด้วยเหตุผลเพียงแค่ว่าเขาเป็นลูกเศรษฐี  และครอบครัวเธอกำลังไร้ซึ่งเงินทองอย่างไม่มีทางแก้

 

                    หญิงสาวนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมกลางโถงใหญ่ในชุดผ้าไหมฟูฟ่องสีขาว  ข้างกายเธอคือ  ไอเซิค  เกรย์วินด์  เขาเป็นชายร่างสูง  มีผิวสีคล้ำ  ผมหยาบกร้านสีดำเส้นหนาถูกปล่อยยาวและมีเครื่องประดับน่ารักๆอย่างริบบิ้นสีชมพู  เขาคุยกับบรรดาแขกเหรื่ออย่างเฮฮาและเมามาย  เวนิสรู้สึกกดดันเหลือเกิน  เธอไม่เคยวิตกเช่นนี้มาก่อน  เวนีไม่อยากคิดถึงเรื่องใต้ดวงดาวในคืนนี้

 

                    อาหารอย่างดีถูกยกมาและผ่านไป  ในมือบอบบางของหญิงสาวมีเพียงเหล้าองุ่นจอกหนึ่งเท่านั้น  เธอเครียดจนไม่อยากกลืนอาหารลงท้อง  ทั้งเป็ดอบน้ำผึ้ง  เนื้อลูกวัวรมควัน  สตูหญ้าหวาน  ขนมปังอบ  ไส้กรอกดำ  ถูกยกไปให้เจ้าบ่าวและพ่อแม่ของเธอ  เวนิสไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยวถึงเพียงนี้มาก่อนเลย

 

                    การแสดงอวยพรคู่แต่งงานผ่านไปอย่างรวดเร็ว  เวนิสอยากให้เวลาเดินช้ากว่าที่เป็นอยู่เสียจริง  นางระบำออกมาในชุดผ้าบาง  แต่พวกนางกลับไปโดยเหลือผ้าน้อยชิ้นบนเรือนร่างและมีแขกชายที่ไร้สติจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามไปด้วย  หญิงสาวในชุดแต่งงานเกลียดการกระทำราวสัตว์ป่าเช่นนั้นเหลือเกินจนเธอต้องเบือนสายตาหนีไปทางอื่น  แต่ไม่นานก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นทั่วงานจนเธอไม่เหลือพื้นที่ให้หลบตา  เวนิสกลัวมากเหลือเกิน

 

                    พิธีมอบของขวัญเจ้าสาวมาถึงแล้ว  เวลาช่างเดินรวดเร็วเกินไป  เกินกว่าที่เวนิสต้องการ  เธอได้หนังสือประวัติศาสตร์ฉบับสมบูรณ์จาก นิค  คอลเลนน์  เวนีรู้สึกขอบคุณเขามากจริงๆ  เธอรักตำนานเก่าแก่และเรื่องเล่าประวัติศาสตร์  เครื่องประดับทองคำและอัญมณีจาก แรนดี้  ทรีทอมสัน  และอื่นๆอีกมากมาย  ทั้งชุดเครื่องสำอางชั้นดี  ผ้าไหมจักรพรรดิเต็มหีบใบใหญ่  ทาสรับใช้สิบสี่คน  ม้าเพกาซัสพันธุ์ดีสีขาวบริสุทธิ์หนึ่งตัว  จนมาถึงของขวัญจากเจ้าบ่าว

 

                    ไอเซิคปรบมือ  ลูกสุนัขจิ้งจอกสีน้ำตาลอ่อนถูกอุ้มมาโดยสาวใช้คนหนึ่ง  เวนิสรับต่อจากเธออย่างกล้าๆกลัวๆ  มันดิ้นไปมาในอ้อมกอด  หน้าตาน่ารักยิ่งกว่าตุ๊กตาเย็บมือ  ขนยาวทั้งหนาและนุ่มยิ่งกว่าผ้าเนื้อดีชิ้นไหนๆในโลก  เธอเผยยิ้มครั้งแรกของวันออกมาให้ทุกคนได้ประจักษ์  แขกเหรื่อทั้งหลายต่างกู่ร้องด้วยความยินดี

 

               "ดูสิ  ขนของมันรับกับเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนของเจ้า"  ไอเซิคพูด

               "เจ้าได้มอบความกล้าให้ข้า"  เวนิสตอบกลับตามมารยาท

 

                    หญิงสาวได้ลืมความกังวลเสียสนิท  แต่ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น  ความกังวลที่มากกว่าเดิมหลายเท่าได้ทับถมเธอจนหายใจไม่ออก

 

                    เวนิสถูกพามายังห้องหนึ่ง  เธอหยุดหน้าประตูพร้อมเจ้าบ่าว  มันคือคุกของเธอในวันนี้

 

                    ไอเซิคแบมือซ้ายให้เธอ  แหวนสีเงินสะท้อนแสงไปมา

 

                    ด้านหน้าคือประตูบานหนึ่ง  แค่เธอยอมทำตามหน้าที่  พ่อแม่ของเธอก็จะไม่ลำบากอีกต่อไป  แต่ศักดิ์ศรีหญิงสาวของเธอจะป่นปี้เป็นทุลี

 

                    ด้านหลังคือโถงทางเดิน  ตรงปลายสุดคือหน้าต่าง  กระจกแก้วใสสาดแสงจันทร์กระทบใบหน้าขาวนวลของเวนี

 

                    ด้านหน้า...

                    หรือด้านหลัง...

 

               "จับมือข้าสิ"  ไอเซิคเร่งเร้า

 

                    แต่ไม่ทันแล้ว  เวนิสกลับหลังแล้ววิ่ง  เธอวิ่งสุดชีวิต

 

               "จับตัวนางไว้!"

 

                    คนมากมายกรูขึ้นมาจากคฤหาสน์ชั้นหนึ่ง  จะถึงชั้นสามที่เธออยู่ในอีกไม่กี่วินาที  ไอเซิคตามเธอมาด้วยความเดือดดาล

 

                    เวนิสตัดสินใจแน่วแน่  เธอพุ่งตัวกระแทกกระจกลงไปสู่ความเวิ้งว้างของอากาศอันหนาวเหน็บยามค่ำคืน...

 

อาณาจักรเมซีแยร์  จัตุรัสกลางเมือง

 

                    ชายคนนั้นไม่น่าวิ่งมาชนฉันเลย

 

                    ฉันกำลังเดินกินมาร์ชเมลโลเผาอยู่ดีๆ  ผู้ชายคนหนึ่งก็วิ่งมาชนฉันล้มลงกองกับพื้น  ตามมาด้วยเสียงเอะอะโวยวายของแม่ค้าขายขนมปัง

               "ขโมย!  ช่วยจับขโมยหน่อย!"

 

                    ชายคนนั้นดูอายุไม่มากนัก  ราวยี่สิบปี  เขาคว้าแขนฉันแล้วไปซ่อนในพุ่มไม้ข้างทาง

               "ชู่ว์"  เขากระซิบ  มืออีกข้างปิดปากฉันแน่น  คิดจะจับเป็นตัวประกันหรือไง

 

               ฉันปัดมือเขาออก  "นายเป็นขโมยไม่ใช่เหรอ  ฉันจะตะโกนขอความช่วย..."

 

                    เขาเอาพายข้าวโพดยัดใส่ปากฉันก่อนที่เสียงตะโกนจะเล็ดลอดออกไป

 

                    เนียเวย์ชี้มือชี้ไม้ไปคนละทางกับที่ฉันอยู่  ต้องขอบคุณเขาจริงๆ  พ่อค้าแม่ค้ามากมายต่างถือไม้กวาดหรืออาวุธพื้นๆวิ่งไปทางนั้น  บางคนต้องเหลียวกลับมามองดวงตาพิเศษของเขา  สัญลักษณ์แวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์

 

                    ฉันปาพายข้าวโพดใส่ชายหนุ่มแล้วกระโดดออกจากพุ่มไม้  ใบไม้สีดำรูปร่างเหมือนมือทำให้ฉันไม่สบายใจสักเท่าไหร่

 

               "ทำไมถึงช่วยฉัน"  คนแปลกหน้าถามเนียเวย์เมื่อก้าวออกมา

               "ฉันคิดว่านายเจ๋ง  พิสูจน์ให้เห็นสิ"

               "ถ้าไม่ล่ะ"

               "ฉันจะตามคนพวกนั้นมากระทืบนาย"

 

                    แล้วพวกเขาก็หัวเราะร่วนกันใหญ่  พวกผู้ชายนี่จะเป็นเพื่อนกันง่ายอะไรนักหนา

 

               "ฉัน เนียเวย์ เลนอฟ  ส่วนคนนี้น้องสาว อาเนีย สโนว์"

 

               "ฉันไม่ใช่คนต่างด้าวนะ  อย่าบังอาจใช้นามสุกลนั้นกับฉัน  ชื่อเพราะๆของฉันคือ อาเนีย กอนซาเลซ  จำใส่สมองเน่าเปื่อยของนายไว้ด้วย"  ฉันเถียงพี่

 

                    เวย์ยิ้มเยาะ  "ครับ  คุณเจ้าของชื่อเพราะๆ  แล้วนายล่ะเพื่อน"

 

               "เจ้ากับข้ารู้จักกันอยู่แล้วไม่ใช่รึ"

               "ข้ามั่นใจว่าไม่เคยเห็นเจ้า"

 

               "เจย์  โลวารีส!"

                    ทั้งสองพูดชื่อนั้นขึ้นพร้อมกันในประโยคสุดท้าย  พลางหัวเราะอย่างกับคนบ้า

 

               "นายคิดยังไงไปปล้นแม่ค้าเนี่ย"  เนียเวย์ถาม

               "ฉันไม่ได้เสี่ยงตายเพื่อไปขโมยแค่ขนมปังหรอกนะ..."

               "แล้วทำไมไม่บอกฉันว่าเป็นแวมไพร์  นายหลอกฉันมาสี่ปี!"

               "เรื่องนั้นช่างเหอะ  ดูนี่"

 

                    เขาชูกระดาษปึกหนึ่งขึ้นมา  ลักษณะคล้ายหนังสือพิมพ์  มุมบนด้านขวาเขียนว่าเอเทนส์  ตัวหนังสือขนาดใหญ่ที่พาดหัวข่าวอยู่เขียนว่า  "ตะลึง  ไอเซิค เกรย์วินด์  เศรษฐีใหญ่แต่งงาน  เจ้าสาวกระโดดจากชั้นสาม!  คาดเสียชีวิต!"

 

                    เจย์ม้วนหนังสือพิมพ์และทำท่าเก็บใส่เสื้อโค้ดที่ไม่เคยมีอยู่จริง

               "ฉันคิดว่ามีสายให้ชาวเอเทนส์ในอาณาจักรของเรา"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา