สามใจหนึ่งฝัน
8.2
เขียนโดย api3api
วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 23.52 น.
27 ตอน
2 วิจารณ์
27.10K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 09.10 น. โดย เจ้าของนิยาย
20) my mother2. เรื่องราวในวันวานของจักจั่น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ "เด็กหญิงจักจั่น เด็กชายแสวงมีญาติมารอจ้ะ"
เด็กสาวผมสั้นรีบเดินออกมาหน้าอาคารเรียนก็พบ ลุงสไวรออยู่สีหน้าแกไม่ค่อยดีนัก
"ไปโรงพยาบาลกับลุง เรื่องเรียนเดี๋ยวลาไว้ก่อนแล้วไอ้แหวงล่ะช้าจริงลูกคนนี้"
เมื่อแสวงเดินมาถึงทั้งสามก็นั่งรถของผู้ใหญ่บ้านไปนังโรงพยาบาลประจำอำเภอ ที่นั่นกิ่งแก้วได้รออยู่ก่อนแล้ว ในห้องนั้น ห้องสีขาวที่จักจั่นจะไม่มีทางลืมมันเด็ดขาด
โฉมอยู่ในชุดคนใข้และซูบผอมแต่รอยยิ้มยังไม่จางหายไปจากใบหน้า เธอยิ้มหวานเมื่อเห็นจักจั่นเดินเข้ามา
โฉมปลื้มปีติที่ได้เห็นเด็กสาวอยู่ในชุดนักเรียนสีขาวบริสุทธิ์ เธอเอื้อมมือมาลูบหัวของจักจั่น
"น่ารักจริงๆเลย คนดีของฉัน"
จักจั่นยิ้มแล้วทำท่าถอนสายบัวให้ดู โฉมปรบมืออย่างปลื้มไม่รู้จบ แต่กิ่งแก้วกลับหลบหลังสามีเธอหลบน้ำตาที่ไหลออกมา
"พี่แก้วจ๋า ขอเวลาให้ฉันได้อยู่กับจักจั่นสักครู่ได้ใหม"
ไสวพยักหน้าแทนแล้วพาทุกคนเดินออกมาจากห้อง ไอซียู กิ่งแก้วกอดไสวแน่นเขาเลยลูบหัวอันสั่นเทาเพื่อปลอบโยน ส่วนแสวงเมื่อเห็นทุกคนเศร้าเขาสงสัย
ในห้องสีขาวโฉมงามนอนอยู่บนเตียงที่มีสายระโยงยางหลายเส้น แม้สีหน้าเธอจะไม่ค่อยดีแต่รอยยิ้มก็ไม่เคยจางหาย
"แม่โฉมจะออกโรงพยาบาลวันใหนเหรอคะ"
คำว่าแม่มันบาดลึกเข้าหัวใจแม่กำมะลออย่างยิ่ง ความรู้สึกมันเหมือนโดนตะปูทิ่มตำ
"ยังไม่รู้เลยอาจจะสองสามวันน่ะจ้ะ วันนี้เปิดเรียนสัปดาห์ที่สองแล้วสนุกใหม มีเพื่อนรึยัง มีคนแกล้วงใหม"
เด็กสาวยิ้มอารมณ์ดีเข้าไปกอดและเริ่มเล่าเรื่องต่างๆให้ฟัง โฉมตั้งใจฟังด้วยความตั้งใจเหมือนทุกที
"แม่รู้ป่าว เปิ้ลน่ะขี้แยมาก คนอื่นชอบแกล้งเธอเห็นพวกนั้นบอกว่าหมั่นใส้ที่บ้านรวยเวอร์น่ะ"
"ตายจริง แล้วหนูได้แกล้งเปิ้ลใหม อย่าเลยนะ เราต้องเป็นเพื่อนกันและช่วยเหลือกัน"
"จักจั่นไม่ได้แกล้งแต่ไม่ชอบที่เปิ้ลไม่สู้คน"
โฉมยิ้มเธอลูบผมของจักจั่นด้วยความเอ็นดู เธออยากจะอยู่กับเด็กคนนี้ คอยสอนเด็กคนนี้ไปตลอดแต่ อนาคตเธอมันแสนสั้น
"เราเข้มแข็งน่ะดีแล้ว คนเราถ้าอ่อนแอ อนาคตโตขึ้นจะลำบากนะ จำไว้"
ภายนอกห้องคนป่วย หมอได้บอกอาการแก่ไสวและกิ่งแก้ว หมอส่ายหน้า ทำให้กิ่งแก้วน้ำตาไหลออกมาอีก
"ผู้ป่วยป่วยด้วยโรคหลายโรค และด้วยภูมิต้านทานที่อ่อนแอทำให้เชื้อมันแพร่ได้อย่างรวดเร็ว หมอเสียใจด้วยครับ ตอนนี้คงได้แต่รักษาตามอาการแค่นั่นเอง"
ไสวถอนหายใจและึมองเข้าไปในห้องไม่รู้ว่าจักจั่นคุยอะไรกับโฉมบ้าง
ภายในห้องจักจั่นทำท่าฟ้อนรำที่ได้เรียนมาให้ดู โฉมยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู
"แม่โฉมหายเร็วนะคะ"
คำว่าแม่บาดหัวใจโฉมจี้ดอีกครั้งเธอดึงเด็กสาวเข้ามากอดไว้
"ดีใจทุกครั้งเลยล่ะที่จักจั่นเรียกว่าแม่ แม้จะไม่ได้เป็นแม่ลูกกันจริงๆก็เถอะ"
"แล้วจักจั่นอยากรู้ใหมว่าแม่ที่แท้จริงของจักจั่นคือใคร"
ความกลัวได้ครอบงำโฉม กลัวคำตอบของสาวน้อย กลัวการตอบสนองที่น่ากลัว แต่วันนี้ทุกอย่างต้องจบ แม้ว่าจักจั่นจะเกลียดเธอก็ตาม
"ไม่อยากรู้"
โฉมตื้นตันใจกับคำตอบของจักจั่นมาก ความกลัวทุกอย่างมันหายไปหมด
"แม่จ๋า จักจั่นมีแค่พ่อพยัคกับแม่โฉมก็เพียงพอแล้วล่ะ"
โฉมตื้นตันมาก มากจนจะร้องให้ออกมาตอนนั้นเลย
"จักจั่น แม่ง่วงแล้ว แม่ขอนอนพักผ่อนก่อนนะ"
เด็กสาวห่มผ้าให้แล้วบอกเธอให้หายเร็วๆพอจัดจั่นออกจากห้องมาแล้วโฉมงามจึงร้องให้ออกมาตามแต่ใจอยากจะร้อง
"จักจั่นแม่ขอโทษนะ ขอโทษ"
หลายวันผ่านไปโฉมงามก็หลับไม่ตื่นอีกเลยงานศพที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าผ่านไปโดยที่จักจั่นไม่หลั่งน้ำตาสักนิด ใครก็ว่าเธอแข็งแกร่งแต่คนที่เข้าใจเธอจริงๆกับเป็นเพื่อนรักของเธอ
วันนั้นหลังเลิกเรียนจักจั่นนั่งบนหัวบันไดหน้าตาเหม่อลอย เธอเป็นแบบนี้หลายวันแล้วตั้งแต่โฉมเสียไป
"น้าโฉมไม่กลับมาแล้วล่ะจักจั่น"
"ไม่จริง ก็แม่โฉมบอกว่าสองสามวันก็หายแล้ว"
เด็กสาวตวาดเสียงดัง จนทั้งบ้านได้ยิน กิ่งแก้วเริ่มสะอื้นเธอกลัวว่าจักจั่นจะรับไม่ได้และมันก็เป็นจริง
"มันจะเป็นไปได้ไงจักจั่น ไม่เข้าใจเหรอว่าน้าเขาตายแล้ว"
แสวงตวาดกลับเสียงดังบ้าง จักจั่นเริ่มเบ้ปากร้องให้ เธอร้องให้อย่างยาวนาน แสวงจึงขเยิบมานั่งไกล้
"ฉันรู้ เข้าใจด้วย แต่ฉันทำใจไม่ได้จากนี้ไปอีกำพร้าจักจั่นจะทำยังไง พ่อก็ไม่มี แม่ก็ตาย"
"อยู่กับฉัน ฉันจะไม่มีทางตาย"
แสวงตอบอย่างมันอย่างมั่นใจ แม้คำปลอบจะดูเป็นเด็กแต่จักจั่นกลับเชื่อมั่น และความเศร้าจางหายไป
ทำให้เธอนึกถึงคำของแม่โฉมของเธอที่เคยใช้เป็นคำปลอบเธอเสมอ
"ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ จักจั่น"
=======================================
เด็กสาวผมสั้นรีบเดินออกมาหน้าอาคารเรียนก็พบ ลุงสไวรออยู่สีหน้าแกไม่ค่อยดีนัก
"ไปโรงพยาบาลกับลุง เรื่องเรียนเดี๋ยวลาไว้ก่อนแล้วไอ้แหวงล่ะช้าจริงลูกคนนี้"
เมื่อแสวงเดินมาถึงทั้งสามก็นั่งรถของผู้ใหญ่บ้านไปนังโรงพยาบาลประจำอำเภอ ที่นั่นกิ่งแก้วได้รออยู่ก่อนแล้ว ในห้องนั้น ห้องสีขาวที่จักจั่นจะไม่มีทางลืมมันเด็ดขาด
โฉมอยู่ในชุดคนใข้และซูบผอมแต่รอยยิ้มยังไม่จางหายไปจากใบหน้า เธอยิ้มหวานเมื่อเห็นจักจั่นเดินเข้ามา
โฉมปลื้มปีติที่ได้เห็นเด็กสาวอยู่ในชุดนักเรียนสีขาวบริสุทธิ์ เธอเอื้อมมือมาลูบหัวของจักจั่น
"น่ารักจริงๆเลย คนดีของฉัน"
จักจั่นยิ้มแล้วทำท่าถอนสายบัวให้ดู โฉมปรบมืออย่างปลื้มไม่รู้จบ แต่กิ่งแก้วกลับหลบหลังสามีเธอหลบน้ำตาที่ไหลออกมา
"พี่แก้วจ๋า ขอเวลาให้ฉันได้อยู่กับจักจั่นสักครู่ได้ใหม"
ไสวพยักหน้าแทนแล้วพาทุกคนเดินออกมาจากห้อง ไอซียู กิ่งแก้วกอดไสวแน่นเขาเลยลูบหัวอันสั่นเทาเพื่อปลอบโยน ส่วนแสวงเมื่อเห็นทุกคนเศร้าเขาสงสัย
ในห้องสีขาวโฉมงามนอนอยู่บนเตียงที่มีสายระโยงยางหลายเส้น แม้สีหน้าเธอจะไม่ค่อยดีแต่รอยยิ้มก็ไม่เคยจางหาย
"แม่โฉมจะออกโรงพยาบาลวันใหนเหรอคะ"
คำว่าแม่มันบาดลึกเข้าหัวใจแม่กำมะลออย่างยิ่ง ความรู้สึกมันเหมือนโดนตะปูทิ่มตำ
"ยังไม่รู้เลยอาจจะสองสามวันน่ะจ้ะ วันนี้เปิดเรียนสัปดาห์ที่สองแล้วสนุกใหม มีเพื่อนรึยัง มีคนแกล้วงใหม"
เด็กสาวยิ้มอารมณ์ดีเข้าไปกอดและเริ่มเล่าเรื่องต่างๆให้ฟัง โฉมตั้งใจฟังด้วยความตั้งใจเหมือนทุกที
"แม่รู้ป่าว เปิ้ลน่ะขี้แยมาก คนอื่นชอบแกล้งเธอเห็นพวกนั้นบอกว่าหมั่นใส้ที่บ้านรวยเวอร์น่ะ"
"ตายจริง แล้วหนูได้แกล้งเปิ้ลใหม อย่าเลยนะ เราต้องเป็นเพื่อนกันและช่วยเหลือกัน"
"จักจั่นไม่ได้แกล้งแต่ไม่ชอบที่เปิ้ลไม่สู้คน"
โฉมยิ้มเธอลูบผมของจักจั่นด้วยความเอ็นดู เธออยากจะอยู่กับเด็กคนนี้ คอยสอนเด็กคนนี้ไปตลอดแต่ อนาคตเธอมันแสนสั้น
"เราเข้มแข็งน่ะดีแล้ว คนเราถ้าอ่อนแอ อนาคตโตขึ้นจะลำบากนะ จำไว้"
ภายนอกห้องคนป่วย หมอได้บอกอาการแก่ไสวและกิ่งแก้ว หมอส่ายหน้า ทำให้กิ่งแก้วน้ำตาไหลออกมาอีก
"ผู้ป่วยป่วยด้วยโรคหลายโรค และด้วยภูมิต้านทานที่อ่อนแอทำให้เชื้อมันแพร่ได้อย่างรวดเร็ว หมอเสียใจด้วยครับ ตอนนี้คงได้แต่รักษาตามอาการแค่นั่นเอง"
ไสวถอนหายใจและึมองเข้าไปในห้องไม่รู้ว่าจักจั่นคุยอะไรกับโฉมบ้าง
ภายในห้องจักจั่นทำท่าฟ้อนรำที่ได้เรียนมาให้ดู โฉมยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู
"แม่โฉมหายเร็วนะคะ"
คำว่าแม่บาดหัวใจโฉมจี้ดอีกครั้งเธอดึงเด็กสาวเข้ามากอดไว้
"ดีใจทุกครั้งเลยล่ะที่จักจั่นเรียกว่าแม่ แม้จะไม่ได้เป็นแม่ลูกกันจริงๆก็เถอะ"
"แล้วจักจั่นอยากรู้ใหมว่าแม่ที่แท้จริงของจักจั่นคือใคร"
ความกลัวได้ครอบงำโฉม กลัวคำตอบของสาวน้อย กลัวการตอบสนองที่น่ากลัว แต่วันนี้ทุกอย่างต้องจบ แม้ว่าจักจั่นจะเกลียดเธอก็ตาม
"ไม่อยากรู้"
โฉมตื้นตันใจกับคำตอบของจักจั่นมาก ความกลัวทุกอย่างมันหายไปหมด
"แม่จ๋า จักจั่นมีแค่พ่อพยัคกับแม่โฉมก็เพียงพอแล้วล่ะ"
โฉมตื้นตันมาก มากจนจะร้องให้ออกมาตอนนั้นเลย
"จักจั่น แม่ง่วงแล้ว แม่ขอนอนพักผ่อนก่อนนะ"
เด็กสาวห่มผ้าให้แล้วบอกเธอให้หายเร็วๆพอจัดจั่นออกจากห้องมาแล้วโฉมงามจึงร้องให้ออกมาตามแต่ใจอยากจะร้อง
"จักจั่นแม่ขอโทษนะ ขอโทษ"
หลายวันผ่านไปโฉมงามก็หลับไม่ตื่นอีกเลยงานศพที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าผ่านไปโดยที่จักจั่นไม่หลั่งน้ำตาสักนิด ใครก็ว่าเธอแข็งแกร่งแต่คนที่เข้าใจเธอจริงๆกับเป็นเพื่อนรักของเธอ
วันนั้นหลังเลิกเรียนจักจั่นนั่งบนหัวบันไดหน้าตาเหม่อลอย เธอเป็นแบบนี้หลายวันแล้วตั้งแต่โฉมเสียไป
"น้าโฉมไม่กลับมาแล้วล่ะจักจั่น"
"ไม่จริง ก็แม่โฉมบอกว่าสองสามวันก็หายแล้ว"
เด็กสาวตวาดเสียงดัง จนทั้งบ้านได้ยิน กิ่งแก้วเริ่มสะอื้นเธอกลัวว่าจักจั่นจะรับไม่ได้และมันก็เป็นจริง
"มันจะเป็นไปได้ไงจักจั่น ไม่เข้าใจเหรอว่าน้าเขาตายแล้ว"
แสวงตวาดกลับเสียงดังบ้าง จักจั่นเริ่มเบ้ปากร้องให้ เธอร้องให้อย่างยาวนาน แสวงจึงขเยิบมานั่งไกล้
"ฉันรู้ เข้าใจด้วย แต่ฉันทำใจไม่ได้จากนี้ไปอีกำพร้าจักจั่นจะทำยังไง พ่อก็ไม่มี แม่ก็ตาย"
"อยู่กับฉัน ฉันจะไม่มีทางตาย"
แสวงตอบอย่างมันอย่างมั่นใจ แม้คำปลอบจะดูเป็นเด็กแต่จักจั่นกลับเชื่อมั่น และความเศร้าจางหายไป
ทำให้เธอนึกถึงคำของแม่โฉมของเธอที่เคยใช้เป็นคำปลอบเธอเสมอ
"ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ จักจั่น"
=======================================
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ