Darksiders :The Chaos Word

7.2

เขียนโดย ไีรโฮ

วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 19.44 น.

  7 ตอน
  2 วิจารณ์
  11.27K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 19.49 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) Day 2 Mission 10

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

วายุและโซม่ายืนประจันหน้ากันท่ามกลางสถานที่ในบริเวณโดยรอบที่ถูกพลังโครนอสสองพลังหยุดเวลาไว้  เนื่องจากเวลาถูกหยุดไว้ทำให้บริเวณนั้นมีใบไม้ที่ค้างอยู่กลางอากาศ ใบไม้ที่กำลังจะปลิวไปตามสายลม 

“ถ้าต้องการจะสู้ ฉันก็จะจัดให้ถือว่าทำตามสิ่งที่คนรักฉันต้องการ”โซม่ายกมือข้างซ้ายขึ้นแล้วมีออร่าสีม่วงมารวมกันที่มือ

‘พลังของซิลิธานเป็นพลังที่ค่อนข้างจะมากเลยทีเดียว  วอร์ในตอนสงครามวันสิ้นโลกคราก่อนที่โดนสภาแห่งเพลิงยึดพลังไป ยังสู้ด้วยลำบากมาก เราที่ดึงพลังออกมาได้แค่ครึ่งหนึ่ง ซึ่งมันก็เท่าของวอร์ในตอนนั้น  ถ้าทางจะยากละงานนี้’วายุเหงื่อตกออกมาเล็กน้อย

วายุจับอมาเกดอนเบลดมั่นแล้ววิ่งเข้าหาโซม่าอย่างรวดเร็ว ทันทีที่วายุก้าวเท้าพลังสีม่วงที่อยู่ในมือของโซม่าถูกฟาดมาทันที เป้ง!! วายุใช้อมาเกดอนเบลดรับพลังนั้นไว้ ทันทีที่ตัวพลังสัมผัสกับตัวของอมาเกดอนเบลด  ขาของวายุเริ่มอ่อนแรงทันที

‘อึก!! พลังมันรุนแรงจริงๆ!!!”

‘ฉันจะใช้พลังเบาๆกับเธอละกันน่ะ วายุ’

วายุสร้างคาออสกันแล้วใช้มือซ้ายกระหน่ำยิงคาออสกันใส่โซม่าทันที แต่ทันทีที่กระสุนกำลังจะพุ่งเข้าถึงตัวโซม่า ร่างของโซม่าก็วาปหลบได้ในระยะสั้นๆตลอดทุกนัดที่ถูกยิงออกไป

‘บ้าน่า!!!!! นี้นะเหรอพลังที่ทำให้วอร์เมื่อคราวก่อนสู้กับซิลิธานได้ลำบาก!!’

‘กระสุนมันเร็วมาก!! เกือบวาปหลบได้ไม่ทัน!’

ทันใดนั้นโซม่าก็วาปเข้ามาใกล้ตัววายุ แล้วสร้างแขนแมงมุมทั้ง 8 แขนด้วยพลังวิญญาญสีม่วงออกจากตัวแล้วแขนทั้ง 8 แขนก็กระหน่ำแทงใส่วายุ  เป้ง! วายุใส่อมาเกดอนเบลดรับแขนทั้งแปดแขนที่ถูกแทงมาอย่างรวดเร็ว

‘บ้าน่า!!! แรงมันเยอะไม่พอยังรวดเร็วชะมัด!!’วายุคิดพลางใช้อมาเกดอนเบลดรับแขนทีถูกกระหน่ำแทงมา

‘จะไหวไหมน่ะ เราว่าเราใช้ความเร็วของพลังต่ำสุดแล้วน่ะ’

ทันใดนั้นวายุก็อาศัยจังหวะที่แขนทั้งแปดแขนง้างกลับแม้จะเป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาทีแต่ก็มากพอ วายุเสยอมาเกดอนเบลดตัดแขน 4 แขนทางด้านขวาไปอย่างรวดเร็ว

“อึก!!!!! อะไรกัน!?”โซม่าตกใจจนลืมโจมตีวายุไปชั่วขณะ

“ตอนนี้ล่ะ!!!! แกพลาดแล้ว!!!!!”

วายุฟาดอมาเกดอนเบลดไปตัดแขน 4 แขนทางซ้ายมืออีกข้างอย่างรวดเร็ แล้วใช้อมาเกดอนเบลดฟันเสยร่างของโซม่ากระเด็นขึ้นท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

“อึก!! อมาเกดอนเบลดมันสร้างบาดแผลให้เราได้ด้วยงั้นเหรอ!!?”โซม่าตกใจขณะรู้สึกเจ็บที่รอยฟันบริเวณลำตัว

“อย่าหาว่ารังแกผู้หญิงละกันน่ะ!!!!!”วายุปล่อยพลังวิญญาญออกมาสร้างโซ่ที่แขนข้างซ้าย

วายุยิงโซ่ออกไปเกาะตัวโซม่าไว้แล้วดึงตัวเองพุ่งขึ้นไปหาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะสลายดาบอมาเกดอนเบลดไปแล้วก่อเป็นคาออสนัคเคิลแทน

“คาออสนัคเคิลนั้น!!!!!”โซม่าตกใจพลางสร้าใยห่อหุ้มตัวเองไว้

“เปล่าประโยชณ์น่า!!!!!! ไม่มีอะไรที่คาออสนัคเคิลจะทำลายไม่ได้!!!!!!!”วายุพูดพลางชาร์จพลังคาออสนัคเคิล

เปรี้ยง!!!! วายุต่อยคาออสนัคเคิลที่เต็มไปด้วยพลังมหาศาลทำลายใยที่ห่อหุ้มตัวโซม่าไว้  แล้วกระชากตัวโซม่าโยนลงพื้นอย่างรุนแรง ปึง!!! ทันทีที่ร่างของโซม่ากระทบพื้น  พื้นในบริเวณเกิดรอยร้าวขึ้นมาทันที  วายุพุ่งลงไปยื้นบนพื้น แล้วสลายคาออสนัคเคิลไปแล้วค่อยๆเดินเข้าไปหาโซม่าที่นอนอยู่บนพื้น

“ฆ่าฉันซะสิ”โซม่าพูดขึ้น

วายุเดินมาหยุดบริเวณที่โซม่านอนอยู่บนพื้น

“สลายพลังโครนอสซะ”วายุพูดขึ้นแล้วสลายพลังโครนอสของตัวเองไป

“ไม่ฆ่าฉันจะดีเหรอ ฉันอาจจะลอบมากัดเธอได้ทุกเมื่อน่ะ”

“ผมเชื่อว่าคุณไม่ทำแบบนั้น”

“ฮ่าๆ เป็นเด็กที่อ่อนต่อโลกจังเลยน่ะ”

“ไม่ คุณต่างจากพวกนั้น พวกฆาตกรโรคจิต พวกที่บ้าคลั่งกับการแก้แค้นนั้น คุณไม่ใช้แบบนั้น คุณยังมีจิตใจที่เป็นมนุษย์อยู่แต่ว่าคุณเพียงปฏิเสธมัน”

“ฉันต้องการปฏิเสธมันอย่างสมบูรณ์กับการเป็นมนุษย์ ฉันไม่ชอบเลยหากเป็นมนุษย์แล้วต้องมาเจอกับความโหดร้ายของโชคชะตา สังคมจอมปลอมผู้คนที่สวมหน้ากากเข้าหากัน”

“เพราะมนุษย์เป็นแบบนั้น และถูกเหล่าปีศาจ หรือแม้กระทั่งเหล่านักรบแห่งแสงสว่างมองว่า มนุษย์เป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตที่อ้างว่าตัวเองเป็นสัตว์ประเสริฐ  ผมจึงเลือกที่จะปกป้องพวกเขา เพราะแท้จริงแล้วพวกเขาก็คือวิญญาญสีขาว ที่สามารถย้อมให้กลายเป็นสีดำได้”

“เหอะ ยังไงก็ตามฉันจะทำตามที่ขอละกัน”

ทันใดโซม่าก็วาปหายไปแล้วพลังโครนอสก็ถูกสลายไปทุกอย่างเข้าสู่สภาวะปกติ 

‘เธอก็คือวิญญาญสีขาวที่ถูก ความมืดมิดของพลังย้อมให้กลายเป็นสีดำ เพราะฉะนั้นเราจะต้องดึงเธอออกมาให้ได้’

ขณะนั้นเอง  รร.แลกเปลี่ยน ห้องประธานนักเรียน

ลิเวียกำลังนั่งตรวจเอกสารงานประจำปีของโรงเรียนอยู่ พลางจิบกาแฟไปด้วยเพื่อระงับอาการง่วง

“เฮ้ย ทำไหมฉันต้องมาทำอะไรพวกนี้คนเดียวด้วยเนี่ย”ลิเวียบ่นขึ้น

“ก็ช่วยไม่ได้นี้น่าเธอเล่นลางาน ประจำเดือนของโรงเรียนเมื่อคราวที่แล้ว เพราะฉะนั้นทำไปอย่าบ่น”เด็กสาววัยไล่เลี่ยกับลิเวียเอากองเอกสารมาวางไว้ให้

“จะลองมาทำเองไหมละ  ลีน่า”

“ไม่ล่ะขอบใจ ฉันว่างานแบบนี้คงไม่เหมาะกับฉันน่ะ”เด็กสาวที่ชื่อลีน่าตอบพลางกำลังจะเดินออกจากห้องไป

“ถ้าจะไปซื้อข้าวฝากซื้อ กระเพราไก่ไข่ดาวด้วยน่ะ”

“แหม่ กินแต่ของเดิมๆน่ะเธอ”

“ก็มันอร่อยนี้น่า”

ลีน่าเปิดประตูออกไป สักพักก็มีเด็กหนุ่มที่วายุเจอเมื่อคราวที่แล้วเดินเข้ามา แล้วสังเกตเห็นลิเวียนั่งทำงานอย่างเคร่งเครียด

“ขอโทษด้วยน่ะเรื่องเจ้าเด็กนั้น”เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้น

“หมายถึงวายุน่ะเหรอ เหอะ คุณไปโกหกอะไรเขาอีกล่ะ”

“ก็แค่ไม่ได้บอกว่าใครคือผู้ครอบครองพลังของซิลิธาน แค่นั้นแหละ”

“ฉันว่าตอนนี้เขาก็คงรู้แล้วล่ะ”

“สรุปจะเอายังไงล่ะ พลังของเธอมันไม่ควรที่จะเจาะจงไปอยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเลยน่ะ”

“จะบอกว่าให้ ฉันทำตัวเป็นพวกประเภทจัสติกคาออส แบบคุณนะเหรอ เหอะน่าขำยังไงฉันก็ไม่มีทางจะทำแบบนั้นได้หรอกฉันเลือกแล้ว การรักษาสมดุลเป็นซึ่งที่ต้องทำ เพื่อหยุดยั้งไม่ให้เกิดสงครามวันสิ้นโลก”

“ทั้งเธอและฉันถ้าเกิดสงครามวันสิ้นโลก มันก็ไม่มีผลอะไรมากเลยน่ะ”

“แต่ฉันต้องการจะปกป้องสมดุลนั้นคือสิ่งที่ฉันเลือกไว้แล้ว!!!”ลิเวียหันไปตะคอกใส่

“สรุปฉันก็ดึงเธอมาไม่ได้สิน่ะ ไม่เป็นไรเพราะถึงยังไงดาบเซงยาฉะของฉันสร้างใกล้เสร็จแล้ว และเมื่อถึงตอนนั้น สภาแห่งเพลิงคงสะเทือนน่าดู”

“คุณคิดจะทำอะไรกันแน่ หัวหน้าประธานนักเรียน ธนากร”

“หึๆ  พลังของจัสติกเท่านั้นที่จะรู้ได้”

เด็กหนุ่มที่ชื่อธนากรเปิดประตูห้องแล้วเดินออกไปจากห้อง

“เลิกอ้างเรื่องจัสติก(ความยุติธรรม) ได้แล้วละมั้งคุณธนากร”ลิเวียพูดไล่หลังไป

“มันเป็นทางเดียวที่ใช้จะใช้พลังนี้ได้”

ขณะนั้นเองลีน่าก็เดินสวนเข้ามาในห้อง แล้วยืนข้าวกล่องให้ลิเวีย

“เอา ได้ละข้าวกระเพราไก่ไข่ดาวเธอ”

“วางไว้ตรงนั้นก่อนเดี๋ยวไปกิน”ลิเวียพูดพลางวางเอกสารที่ตรวจเสร็จแล้วหยิบเอกสารใหม่มาตรวจ

“จ๋าๆ เดี๋ยวฉันไปซื้อของข้างนอกก่อนน่ะ เดียวกลับมาช่วยงาน”ลีน่าพูดเสร็จแล้วเดินออกจากห้องไป

‘เอาแต่อ้างความยุติธรรม แบบนี้มันดีแล้วเหรอ’ลิเวียคิดในใจพลางตรวจเอกสารต่อ

บริษัทเฮลการ์ด

“เชื้อไวรัสของพวกเราค่อนข้างที่จะพัฒนาไปได้ดีครับ คาดว่าภายในสองอาทิตย์ถ้าไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมาก่อน การพัฒนาไวรัสตัวนี้จะสำเร็จครับ”ชายในชุดกราวรายงานข้อมูลขึ้น

“อืม ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี เราจะได้ลดการใช้พลังของปีศาจชั้นซอมบี้ลงไป และหันมาใช้พวกมนุษย์ที่ติดเชื้อแทน”หญิงสาววางเอกสารที่กำลังอ่านลงแล้วพูดขึ้น

“ท่านครับ ผมเกรงว่าเรื่องการทดสอบไวรัสของพวกเราจะหลุดไปถึงหูของพวกไฟตติ้งฮิวแมน น่ะครับ”

“งั้นเหรอ ก็ให้มันรู้ไปสิพวกนั้นมันก็เหมือนไก่ในกำมือ จะฆ่าตอนไหนก็ได้”

“แต่ว่าท่านครับ ตอนนี้พวกเราได้รับภาพถ่ายปริศนาที่คาดว่าพวกไฟตติ้งฮิวแมนได้ออกแบบมาเพื่อสู้กับไวรัสของเราโดยเฉพาะเลยนะครับ”

“ภาพเหรอขอดูหน่อยสิ”

ชายชุดกราวหยิบเอารูปภาพหนึ่งออกจากกระเป๋าแล้วยืนให้หญิงสาว

“นี้มัน”หญิงสาวพิจราณารูปภาพอย่างละเอียด

“คาดว่าจะเป็นเครื่อง A1001 ที่เป็นรุ่นเทสไทป์น่ะครับ เครื่องนี้เคยประจำการกองทัพอเมริกา  และด้วยการใช้ทหารฝีมือดีบังคับทำให้มันสามารถทำลายกองทัพได้สบาย รถถังและเรือรบยังเอามันไม่อยู่เกรงว่า ถ้าพวกไฟตติ้งฮิวแมนผลิตรุ่นใช้จริงออกมา จะเป็นการยากสำหรับพวกเราน่ะครับ”

“อย่ามากก็แค่ต่อกรกับซอมบี้วิจัยและปีศาจชั้นซอมบี้ได้ พวกนี้เจอเจเนรอลธรรมดาสัก 2 ตัวก็ตายหมดแล้วล่ะ”

“แต่ว่า..”

“ไม่ต้องพูดมาก  ปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับแล้วเร่งวิจัยไวรัสให้เสร็จ ก่อนที่ฉันจะทำให้พวกนักวิจัยทั้งหมดกลายเป็นปีศาจชั้นซอมบี้ ที่เป็นอาหารของพวกเจเรล”

ทางวายุ

รถบัสที่เปลี่ยนยางเสร็จกำลังวิ่งไปบนท้องถนนโดยที่ไม่ทราบจุดหมาย วายุนั้งมองวิวจากด้านนอกทั้งสองด้านของถนนเป็นไร่นาที่กว้างมาก และไม่มีเสาไฟฟ้าตั้งอยู่ตามถนนสักต้น

‘ยังคงแอบมองเราตลอดจริงๆด้วย’

วายุมองผ่านหางตาเห็นโซม่าที่นั่งอยู่เบาะด้านหน้าหันมามองตัวเองตลอดทุกครั้งไป

‘ดูๆแล้วคุณก็ไม่น่าจะใช้คนที่เกลียดชังมนุษย์นี้น่า แต่ทำไหมคุณถึงต้องการทำลายสมดุลและทำให้เกิดสงครามวันสิ้นโลก และคุณโซม่า’วายุคิดในใจไปเรื่อยๆ

“นี้เธอเคยอ่านนิยายเล่มนี้ใหม่”เสียงสนทนาจากเบาะด้านหลังดังขึ้น

“อ่อ เทพนิยายเล่มนี้นะเหรอ เคยอ่านอยู่หรอกน่ะแต่หลังๆเรื่องมาไม่อยากจะอ่านเท่าไหร่”

“เอ ทำไหมละก็สนุกออกน่ะ”

“ก็ฉันไม่ชอบน่ะ ที่เขาเขียนเกี่ยวกับสี่ม้าแห่งวันสิ้นโลกให้เป็นพวกประเภทบ้าพลัง โดยเฉพาะวอร์เนี้ยบ้าพลังตัวพ่อเลยแถมยังเล่นมุขแป๊กตลอดเวลา แถมขี้ซุ่มซ่าม ไม่เหมือนในตำนานของจริงน่ะ”

คำพูดจากบทสนทนาแทงเข้ากลางใจของวายุทันที

‘หูย พูดแทงใจดำกันแบบนี้เลยเรอะ’

ขณะนั้นเองวายุก็สังเกตเห็นโซม่าหัวเราะปนยิ้มเล็กน้อยมาทางวายุ

“สงสัยคนเขียนเขาเอานิสัยเธอไปละมั้ง แล้วมันก็จริงด้วยใช้ไหมล่ะ”โซม่าพูดพอให้ได้ยินเพียงแค่ตัวเองกับวายุ

“เงียบน่า”

“พอโดนพูดแทงใจดำเข้าหน่อยก็แสดงอาการแบบเด็กๆเลยน่ะ นี้น่ะเหรอวอร์คนที่สอง ความน่ากลัวหายไปหมดเลยน่ะตอนที่แสดงสีหน้าตอนโดนแทงใจดำ”โซม่าเดินมานั่งข้างๆวายุแล้วพูดแบบกระซิบ

“แล้วคุณล่ะสีหน้าตอนยิ้มเมื่อสักครู่นี้ก็สวยดีน่ะ”

“งั้นเหรอขอบใจน่ะ”โซม่าหน้าแดงเล็กน้อย

“แต่มีเรื่องจะถามนิดหน่อยขอพาเข้าเรื่องเครียดๆหน่อยละกัน”

“เรื่องอะไรงั้นเหรอ”

“รู้จักเทพที่ชื่อว่าซีอุสไหม”

“ในตำนานเทพนิยายกรีก บอกไว้ว่าเป็นผู้ปกครองเทือกเขาโอลิมปัส แต่ว่าในโลของพวกเรามีอยู่ 3 มิติคือ โลก เฮฟเวน และเฮล ถ้าตัดสภาแห่งเพลิงออกไปน่ะ เลยบอกได้ยากว่าซีอุสมีตัวตนไหม”

“ยังงั้นหรอกเหรอ”

“ว่าแต่ถามทำไหมเหรอ”

“ตอนมิสชั่น  8 ผมได้ปะทะกับโครวซิลเวอร์”

“โครวซิลเวอร์ เธอจะหมายถึงกาสีเงิน งั้นเหรอ บ้าน่าไม่มีใครเคยสัมผัสพลังของโครซิลเวอร์ได้มาหลายแสนล้านปีแล้วนี้”

“นั้นสิน่ะครับ แม้กระทั่งสภาแห่งเพลิงก็ยังไม่มีรู้เรื่องของเธอคนนั้นโครวซิลเวอร์ แต่จู่ๆก็มาปรากฏตัวต่อหน้าผมและเล่นงานผม ผมก็แทบแย่เหมือนกันถ้าตอนนั้นหน้ากากแห่งเงา Mask of Shadow ไม่สามารถถูกปลุกขึ้นมาจากตัวผมได้ ผมคงตายไปนานล่ะ”

“อะไรกันสี่ม้าแห่งวันสิ้นโลกจะแพ้โครวซิลเวอร์ได้ไง”

“ถ้าผมดึงพลังออกมาได้หมดก็อาจจะไม่แพ้ แต่ผมดึงพลังออกมาได้แค่ครึ่งหนึ่ง”

“ว่าแล้วเชียวทำไหมไม่เห็นเธอใช้ Abyss Armor”

ขณะนั้นเองรถบัสก็เลี้ยวเข้าไปในซอยหนึ่ง

“อ้าวเปลี่ยนเส้นทางเหรอ”

“อาจวะร้านค้าก็ได้มั้ง”

เสียงสนทนาจากเบาะด้านข้างดังขึ้น

“คุณโซม่าแห่งบางอย่างไหมครับ”วายุถามขึ้นพลางขยี้ตา

“เห็นสิ ออร่าสีแดงที่ออกมาจากคนขับรถนั้น”

“แสดงว่าผมไม่ได้ตาฝาด”

“คงจะรู้ใช้ไหมออรานี้พวกเราเท่านั้นที่มองเห็น”โซม่าเอามือลูบผมตัวเองเล่น

“ไม่รู้ก็คงไม่ใช้สี่ม้าแห่งวันสิ้นโลกแล้วล่ะครับ ออร่าแดงแบบนั้นมีแค่เจ้านั้น”

“ฉันว่ามันคงจะใจร้อนเลยหาทางลัด สงสัยต้องการจะแอบติดตามฉันกับเธอ ตามคำสั่งของท่านประธาน”

“ท่านประธาน?”วายุหันไปถามด้วยความสงสัย

“อย่ารู้เลย อย่าลืมสิเราอยู่คนละฝ่ายกัน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องสู้กัน”

ด้านลิเวีย

ลิเวียเดินออกจากห้องประธานนักเรียนด้วยอาการเหนื่อยสุดๆ

“เห้ย กลับบ้านไปต้องไปนอนซะแล้วสิ”ลิเวียพูดด้วยน้ำเสียงง่วงจัด

ขณะนั้นเองเด็กหนุ่มผอมสูงส่วนสูงประมาณ 160  ส่วมแว่นสายตา และอยู่ในเสื้อยูนิฟรอมของโรงเรียน ก็เดินมาข้างๆลิเวียแล้วพูดทักขึ้น

“ทำงานหนักอีกแล้วเหรอครับ คุณลิเวีย

“อ้าว แว่นมาตั้งแต่ตอนไหน”ลิเวียหันไปทักทายเด็กหนุ่มที่ชื่อแว่น

“ก็พึ่งมาเมื่อกี้เองครับ ท่านหัวหน้าประธานสั่งให้ผมเอาพัสดุนี้มาให้ครับ”แว่นยืนพัสดุให้ลิเวีย

“ขอบใจมากน่ะ”ลิเวียรับกล่องพัสดุมา

“งั้นผมกลับแล้วน่ะครับ คุณลิเวียก็เดินกลับบ้านดีๆละกันครับ”

“อืมๆ ฉันจะรีบกลับไปนอนนี้แหละ”

บ้านของลิเวีย

ลิเวียนั่งแกะพัสดุในห้องอย่างรวดเร็ว  แล้วหยิบกล่องเหล็กสีขาวที่มีปุ่มสีน้ำเงินตรงกลางออกมาจากพัสดุ

‘นี้มันอะไรกันเหมือนจะเป็นของที่ใช้เทคโนโลยีขององกรค์ไฟตติ้งฮิวแมน’

ลิเวียกดปุ่มสีน้ำเงินแล้วภาพโฮโลแกรมก็ถูกฉายออกมา เป็นภาพของหุ่นยนต์ขนาด  5 เมตรสองเครื่องกำลังทดสอบการบิน และภาพก็ตัดไปที่หุ่นยนต์สองตัวเดิมกำลังทดสอบการใช้อาวุธระยะไกล/ใกล้ ขณะนั้นเองที่มุมขวาล่างของภาพโฮโลแกรมก็มีข้อมูลไหลขึ้นมาเรื่อยๆ

A1002 and   A1003

Type:Test Type

Pilot:Unknow

‘นี้นะเหรอหุ่นยนต์ของกลุ่มไฟตติ้งฮิวแมนที่จะเอาไว้ใช้ต่อรกับพวกดาร์คคาออส รวมถึงพวกเรา สมัยก่อนมันเคยประจำการที่กองทัพสหรัฐอมเริกา แต่เป็นแค่เทสไทป์เพียงเครื่องเดียว ตอนนี้มีรุ่น 2 และ 3 ออกมาแสดงว่ากลุ่มไฟตติ้งฮิวแมนพร้อมที่จะต่อกรกับพวกดาร์คคาออสแล้วสิน่ะ’

ขณะนั้นเองภาพการทดสอบตัวเครื่องก็ถูกตัดไปแล้วก็ปรากฏภาพแบบแปลนของทั้งสองเครื่องขึ้นมา ลิเวียนั่งดูแบบแปลนนั้นอย่างละเอียด แต่ก็ไปสะดุดเข้ากับชิ้นส่วนหนึ่ง

‘ชิ้นส่วนนี้มัน คุ้นๆน่ะ’ลิเวียพยายามคิดให้ออกว่ามันคือชิ้นส่วนอะไรกัน

แต่ก่อนที่ลิเวียจะนึกออกภาพแบบแปลนก็ถูกตัดไปเป็นภาพของเครื่องหมายเลข 4 และ 5 กำลังถูกสร้าง ลิเวียกดปุ่มปิดภาพโฮโลแกรมแล้วเลื่อนกล้องไปไว้ทีมุมโต๊ะ

“วายุ ท่าทางมิสชั่น 11 ต่อไปคงจะลำบากมากเลยน่ะ”

ด้านวายุ

รถบัสจอดอยู่ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง นักเรียนหลายคนรวมกันอยู่ในห้องของตัวเองตามแต่ละรีสอร์ท ขณะนั้นวายุก็กำลังแบกกระเป๋าตัวเองเดินไปยังห้องของตัวเองซึ่งอยู่อีกที่หนึ่ง  โซม่าที่กำลังลากกระเป๋าลงจากรถเห็นวายุกำลังจะเดินไปอีกที่หนึ่งจึงเดินเร็วเข้าไปถาม

“จะเดินไปไหนเหรอ”

“พอดีที่พักของผมแยกกับคนอื่นน่ะครับ ห่างจากที่นี้ไปนิดหน่อย”

“ให้ไปอยู่เป็นเพื่อนไหม?”

“ผมไม่ใช้คนขี้กลัวนี้ครับไม่จำเป็นต้องมาเป็นเพื่อนก็ได้”

วายุพูดจบแล้วมองด้วยหางตาไปด้านหลัง เห็นคนขับรถบัสที่มีออร่าสีแดงออกมาจากด้านหลังกำลังแอบมองทั้งสองอยู่

“ผมว่าคุณกลับไปห้องพักของตัวเองจะดีกว่าน่ะครับ”

“ไม่ต้องให้ไปส่งแน่น่ะ”

“ไม่ต้องหรอกครับ ถ้าคุณไม่อยากโดนตราหน้าว่าเป็นพวกทรยศ”

โซม่าเดินลากกระเป๋ากลับเข้าไปในรีสอร์ทที่พัก หลังจากที่โซม่าเดินเข้าไปวายุหันกลับไปมองคนขับรถบัส แต่คนขับรถบัสก็หายไปซะก่อน วายุจึงเดินมุ่งหน้าไปยังที่พักของตัวเองอย่างระมัดระวัง

‘คิดจะแอบสอดแหนมฉันเหรอ  ออลเดรย์’วายุคิดในใจ

10 นาทีต่อมา

วายุวางของไว้ในตู้เสื้อผ้าเสร็จจนหมดแล้วเดินไปเปิดม่านออกเพื่อดูวิวรอบๆ

“ป่าทั้งนั้นเลย”

รอบๆที่พักของวายุเป็นป่าล้วน แถมเป็นป่าทึบยิ่งในเวลาใกล้มืดเช่นนี้ ยิงทำให้มองเห็นได้ยากมาก

‘บรรยากาศแบบนี้มันอะไรกัน’

กึก! กึก! เสียงเหยียบบันไดสองขั้นแรก เสียงเหยียบบันไดแสดงให้เห็นว่าเป็นเท้าที่ค่อนข้างจะหนักแน่นอนไม่ใช้เท้าของมนุษย์ธรรมดาแน่นอน  แอ๊ด ประตูค่อยๆเปิดออกเบาๆโดยที่ไม่ให้วายุรู้ตัว ปึง!! สิ่งนั้นฟาดดาบใส่วายุอย่างรวดเร็ว แต่วายุเบี่ยนตัวหลบได้ ดาบเลยกระแทกเข้าที่พื้นเต็มๆจนพื้นเป็นรูโบ๋

“โห แกไม่ผิดจริงด้วย”วายุพูดพลางเรียกอมาเกดอนเบลดออกมาถือไว้

“หึๆ ยังประสาทไว้เหมือนเดิมเลยน่ะ  เจ้าหนู”ชายผอมสูงส่วนสูงประมาณ 175 ในเสื้อสีดำมีดอกกุหลาบติดไว้ที่อกซ้ายที่ไหล่ข้างซ้ายมีผ้าคลุ่มยาวสีดำติดไว้ ผมบลอน มือข้างขวาถือดาบขนาดใหญ่ไว้ พูดขึ้น

“ฉันว่าไปสู้กันที่อื่นดีกว่า ที่นี้มันจะรบกวนเวลาพักของคนอื่นๆ”

“งั้นเหรอ ยังเป็นคนดีเหมือนเดิมนี้ถ้าขอมาก็จัดให้”

ชายหนุ่มพุ่งกระแทกวายุทันที เป้ง!! ทั้งสองกระเด็นออกไปนอกหน้าต่างเข้าไปในเขตป่า วายุกลิ้งตัวออกห่างจากชายหนุ่มแล้วลุกขึ้น

“เข้ามาสิ ไอ้ฆาตกรโรคจิตที่ใช้ดาบเดโวเลอร์ ออลเดรย์”วายุพูดท้าทาย

“ได้เลยไอ้หนูม้าแห่งวันสิ้นโลก”ชายหนุ่มที่ชื่อออลเดรย์ จับดาบเดโวเลอร์มั่น

ฟุ่บ! ทั้งสองพุ่งเข้าหากันอย่างรวดเร็วเกินที่สายตามนุษย์ธรรมดาจะมองทัน เป้ง!! เป้ง!! เป้ง! เสียงดาบของทั้งสองกระทบกันดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“วันนี้ฉันจะต้องตัดหัวแกให้ได้!!!!!!!!”ออลเดรย์พูดด้วยน้ำเสียงออกโรคจิต

“ถ้าคิดว่าทำได้ก็เอาสิ!!!!!!!!!”

ปึง! ดาบของทั้งสองต้านกัน วายุพยายามออกแรงดันดาบไปหาออลเดรย์ ขณะเดียวกันออลเดรย์ก็พยายามดันดาบของตัวเองไปหาตัววายุ ทันใดนั้นออลเดรย์ก็ยกเท้าขึ้นแล้วถีบตัววายุกระเด็นไปชนต้นไม้ ทันที่ที่ร่างของวายุกระทบกับต้นไม้ต้นไม้ ต้นนั้นหักโค่นลงมาอย่างรวดเร็ว    ออลเดรย์ปล่อยคลื่นพลังในลักษณะดาบออกไปใส่วายุทันที

“ของแค่นั้นทำอะไรฉันไม่ได้หรอกน่า!!!!”วายุกางบาเรียเวทย์ทันที

เป้ง!! เป้ง! คลื่นพลังที่ถูกซัดมาถูกบาเรียเวทย์กันไว้จนหมด

‘ชิ!!! สู้ในชุดโรงเรียนแบบนี้มันไม่ถนัดยังไงไม่รู้!!!’

วายุกระโดดหลบคลื่นพลังอีกสองลูกที่ถูกซัดมาทันที ก่อนที่จะปล่อยพลังวิญญาญออกมาสร้างคาออสกันแล้วกระหน่ำยิงใส่ออลเดรย์อย่างรวดเร็ว

“ยังอ่อนหัดไปน่ะ!!!!”

ออลเดรย์หมุนดาบเดโวเลอร์ในลักษณะวงกลมปัดกระสุนจำนวนมากที่ถูกยิงมา   วายุเห็นว่ากระสุนไม่สามารถจะถึงตัวออลเดรย์ได้จึงสลายคาออสกันไปแล้วพุ่งเข้าหาออลเดรย์

“เข้ามาเลยไอ้หนู!!!!!!!”

ออลเดรย์ฟาดเดโวเลอร์เบลดใส่วายุทันที แต่วายุก็หลบได้แล้วฟันอมาเกดอนเบลดสวนคืน เป้ง! ออลเดรย์ใช้แขนข้างซ้ายกันอมาเกดอนเบลดไว้ได้

“เห้ๆ อย่าลืมสิว่าแขนข้างซ้ายของฉันมันแข็งและหนาพอๆกับคาออสนัคเคิลของแกเลยน่ะ”

“ฉันไม่ลืมเพียงแต่ถ่วงเวลาไว้เล็กน้อย”

“ถ่วงเวลา?”

ทันใดนั้นร่างของวายุก็มีลำแสงสีแดงพุ่งขึ้น จากเสื้อยูนิฟรอมของโรงเรียนกลายเป็นชุดออกปฏิบัติภารกิจ เสื้อสีดำข้างในทับชั้นนอกด้วยสีแดงกางเกงยีนยาวสีดำผ้าคลุ่มสีแดง

“อ่อ เรียกชุดประจำตัวเพื่อให้คล่องตัวงั้นเหรอ”

ปึง! ออลเดรย์ถีบวายุอีกครั้งแต่คราวนี้วายุตั้งการ์ดขารับไว้ได้ ก่อนที่จะสวนหมัดเข้าไปที่กลางลำตัวของออลเดรย์

“อึก!!!!!”ออลเดรย์กระเด็นไถลไปกับพื้น

“เข้ามาเลยตอนนี้ฉันพร้อมสู้กับแกเต็มพิกัดแล้ว!!!!!!!”

ออลเดรย์ค่อยๆลุกขึ้นแล้วสแยะยิ้มออกมา

“ฮ่าๆ ฮ่าๆ”

“หัวเราะอะไรกัน!?”

“ฮ่าๆ แกเรียกชุดประจำตัวแกฉันก็เอาบ้างสิ”แสงสีทองพุ่งออกมาจากตัวของออลเดรย์

จากเสื้อสูทกลายเป็นเสื้อประจำตัวของออลเดรย์เสื้อสีดำข้างในสีดำข้างนอกทับกางเกงยีนสีแดง ผ้าคลุ่มที่ไหล่ซ้ายสีดำใส่ถุงมือสีขาว  ทันใดออลเดรย์กางประตูเวทย์ออกแล้ววิญญาญสีเขียวในลักษณะหนอนก็พุ่งเข้าหาวายุทันที

“พลัง โซลลีดเลอร์ งั้นเหรอ!!!?”

เป้ง! วิญญาญในลักษณะหนอนสีเขียวที่พุ่งเข้าใส่วายุสลายไปทันที

“อ่า สโตนนสคินงั้นเหรอ เลือกใช้ได้เหมาะมาก”ออลเดรย์พูดแล้วปล่อยพลังจำนวนหนึ่งออกมาทั่วร่าง

“อึก!! นั้นสโตนสคินเหมือนกันงั้นเหรอ!!?”

ออลเดรย์และวายุวิ่งเข้าหากัน ทั้งสองฟาดดาบใส่กันอย่างรวดเร็ว เป้ง!  อมาเกดอนเบลดฟันถูกตัวของออลเดรย์แต่ไม่สามารถเจาะร่างที่มีพลังหินครอบไว้ได้ เป้ง! เดโวเลอร์เบลดของออลเดรย์ฟันโดเข้าที่กลางลำตัวของวายุ แต่ก็กระเด็นออกเพราะร่างกายที่แข็งดั่งหิน  ผัวะ! วายุต่อยเข้ากลางหน้าของออลเดรย์ทันที  ผัวะ! ออลเดรย์สวนหมัดกลับคืนมาทันทีทันใดนั้นพลังสโตนสคินของทั้งสองจางหายไป แล้วทั้งสองก็กระเด็นออกจากกันด้วยแรงปะทะ

“อึก!!!”วายุกระเด็นไปชนก้อนหิน แล้วก้อนหินก้อนนั้นก็แตก

“ฮ่าๆ!!!!”ออลเดรย์กระเด็นไปชนกับต้นไม้อย่างจัง จนต้นไม้หักโค่นไป

“แฮ่กๆ แบบนี้คงใช้เวลาตัดสินนานหน่อยล่ะ”วายุยืนขึ้นแล้วถืออมาเกดอนเบลดด้วยสองมือ

“แกกับฉันสู้กันมาเป็น เดือนยังตัดสินกันไม่ได้แบบนี้มันหยามกันชัดๆ”

“เหอะ แกคิดว่าตัวแกเองจะชนะได้หมดทุกคนเลยรึไง”

“ไม่ เพียงแต่ฉันไม่ชอบการแพ้เท่านั้นแหละ!!!!!!”

ทันใดนั้นออลเดรย์ก็ฟาดคลื่นพลังจากดาบใส่วายุทันที

“!!!!!!”

ปึง!!!!! วายุโดนพลังเข้าเต็มๆแล้วกระเด็นไถลไปกับพื้นออกไปไกลโข

“ฮ่าๆ เล่นทีเผลอมันสนุกจริงๆ”

ออลเดรย์วิ่งตามรอยไถลไปทันที ขณะนั้นวายุพยายามลุกขึ้น

“ชิ!! เผลอจนได้เรา”

ขณะนั้นเองวายุเห็นออลเดรย์กำลังวิ่งมาจึงใช้ดาบอมาเกดอนเบลดยันพื้นแล้วยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะวิ่งเข้าไปแล้วเตรียมฟาดดาบใส่ออลเดรย์

“ห่ะๆ!!! ไอ้หนูวันนี้แกต้องตาย!!!!”

“ใครกันแน่ที่จะตาย!!!! ไอ้ฆาตกรโรคจิต!!!!!”

เปรี้ยง!!!! ฟ้าผ่าลงพื้นต่อหน้าทั้งสองที่กำลังจะวิ่งเข้าหากัน ทั้งสองหยุดชะงักทันที

“สายฟ้าเหรอ!!?”วายุตกใจ

ทันทีที่สายฟ้าจางไปปรากฏร่างหญิงสาวในเสื้อเกราะสีขาวมีผ้าคลุ่มสีดำที่ด้านหลังผมสีดำตาสีแดงที่เอวข้างซ้ายและขวามีฝักดาบอยู่ หญิงสาวค่อยๆยืนขึ้น

“อึก!!เธอคือ!!! โครวซิลเวอร์!!!!!”วายุพูดด้วยความตกใจ

“โห่ นี้นะเหรอโครวซิลเวอร์!!!!”ออลเดรย์

หญิงสาวที่มีนามว่าโครวซิลเวอร์ชักดาบทั้งสองข้างออกจากฝักทันทีที่ดาบทั้งสองเล่มออกจากฝักเสียงฟ้าร้องพร้อมด้วยฟ้าแลบก็ดังขึ้นทันที

“วอร์ และ แฟนทอมเจเนรอล พวกเจ้าทั้งสองจะต้องพบจุดจบที่นี้”โครวซิลเวอร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ห่ะ!!! ถ้าคิดว่าทำได้ก็ทำสิ!!!”ออลเดรย์พูดออกไปด้วยน้ำเสียงหยาบคาย

ซูม!! ออลเดรย์ถูกพลังของโครวซิลเวอร์ซัดกระเด็นไปทันที ก่อนที่จะยันตัวขึ้นกับพื้น

‘อึก!!!ร้ายนี้หว่าแบบนี้คงต้องถอยล่ะ!!!’

ออลเดรยรีบเปิดประเฮลเกตแล้วพุ่งเข้าไปข้างในแล้วเฮลเกตก็ปิดออกไป  วายุจับอมาเกดอนเบลดมั่นเตรียมเผชิญหน้ากับโครวซิลเวอร์ ขณะนั้นเองโครวซิลเวอร์ก็หันมาทางวายุ

“โครวซิลเวอร์ เธอเป็นใครกันแน่!!!?”

“ก็เคยบอกไปแล้วไม่ใช้เหรอ ว่าฉันคือซีอุสคนใหม่ ผู้ปกครองเทือกเขาโอลิมปัส”

“อย่างเธอเนี่ยน่ะ!!!!”

“ใช้แล้วเมื่อซีอุส ถูกทำลายไปด้วยพลังบางอย่าง คนที่มีพลังสายฟ้าแทบเท่าซีอุสก็คือฉัน เหมือนกับเธอที่คือวอร์คนใหม่ ใช้ไหมล่ะที่ฉันพูด”

“จุดประสงค์ของคุณคืออะไรกัน!!!!!!!”

“ง่ายมาก ทำให้มิติโลกอยู่ภายใต้การปกครองของโอลิมปัสอีกครั้ง”

“ถ้าทำแบบนี้สมดุลจะไม่ถูกทำลายงั้นเหรอ!?”

“ถูกทำลายสิ แต่ว่าด้วยพลังของเทือกเขาโอลิมปัสจะไม่มีสงครามวันสิ้นโลก”

“แต่เป็นสงครามกับพวกไททัน!!!!”

ทันใดนั้นโครวซิลเวอร์ก็ปล่อยพลังสายฟ้าจากดาบทั้งสองข้างใส่วายุ  วายุกางบาเรียเวทย์กันไว้ได้ทัน

“ถ้าคิดที่จะให้มนุษย์ไปเป็นขี้ข้า ละก็ข้ามศพพวกเราไลทคาออสไปก่อนเถอะ!!!!!!!!”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา