Darksiders :The Chaos Word

7.2

เขียนโดย ไีรโฮ

วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 19.44 น.

  7 ตอน
  2 วิจารณ์
  11.27K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 19.49 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) Day1 Mission10

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ยามค่ำคืนแห่งหนึ่งเวลา 23.20 น. บนถนนแห่งหนึ่ง

ตึก  ตึก  ตึก  เสียงฝีเท้าเดินเอื่อยๆ ของชายคนหนึ่งในสภาพเสื้อขาดและมีรอยบาดแผลทั่วตัว รอยบาดแผลเป็นลักษณะบาดแผลโดยเล็บ

“แค่กๆ!!!!”

ชายคนนั้นสำรอกออกมาเป็นเลือด  ก่อนที่ตัวจะเริ่มเกร็งและผิวเรื่อมซีด   ขณะนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าเดินมาจากด้านหลังอย่างช้าๆ

“ถอยไป!!! อย่าเข้ามา!! ไม่งั้นคุณจะเป็นแบบผม แค่กๆ!!!!”

แต่เจ้าของฝีเท้ายังคงเดินเข้ามาแบบช้าๆ โดยไม่ฟังคำพูดของชายคนนั้น  ขณะนั้นเองชายคนนั้นก็เข่าอ่อนทรุดตัวลงแล้วหมดสติสลบไป

“มนุษย์ที่ใกล้จะตายและกลายเป็นสิ่งชั่วร้าย แต่ก็ยังมีจิตใจที่ห่วงคนอื่น...”เจ้าของฝีเท้าค่อยๆเอ่ยขึ้น

ร่างของเจ้าของฝีเท้าปรากฏขึ้นให้ด้วยไฟของถนน  เป็นร่างเด็กหนุ่มอายุประมาณ 15 ปีสูง  165 เซนติเมตร สวมเสื้อสีดำแล้วมีผ้าคลุ่มสีแดงทับชั้นนนอกไว้ กางเกงขายาวสีดำ  ขณะนั้นชายที่หมดสติไปค่อยๆลุกขึ้นแล้วค่อยๆส่งเสียงที่ไม่น่าจะใช้เสียงมนุษย์ออกมา

“แฮ่!!!!.....”ร่างของชายหนุ่มที่มีผิวขาวซีดหันมาหาเด็กหนุ่ม และบริเวณหน้าอกมีบางอย่างวงกลมสีออกทองๆ ดวงตาสีแดงก้ำ

“แบบนี้ มันก็น่าสงสารน่ะแต่ว่า...”

เด็กหนุ่มใช้ปืนประเภทลูกโม่แต่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยสีดำจ่อเข้าที่หน้าผากของชายคนนั้น ปัง! เด็กหนุ่มลั่นไกปืนร่างของชายหนุ่มแหลกสลายไป แล้วปืนที่เด็กหนุ่มถือก็สลายเป็นควันสีดำเข้าไปในมือของเด็กหนุ่ม

“ยังไงก็ตามคนที่โดนปีศาจชั้น ซอมบี้ กลืนกินสติมันก็ย่อมกลายเป็นปีศาจที่บ้าคลั่ง ไม่เหมือนพวกชั้น เจเนรอล”

ขณะนั้นเองสายลมก็พัดอย่างรุนแรง เสียงฝีเท้าที่เอื่อนช้าจำนวนมากก็ดังขึ้น ซอมบี้หลายตัวเดินออกมาจากตามมุมบ้านหรือตึกในบริเวณ ด้วยจำนวนมหาศาลแต่เด็กหนุ่มก็ยังคงนิ่งเฉย และไม่เคลื่อนไหว

“ว่าแล้วเชียว ข้อมูลที่ได้มาก็ถือว่าเป็นเรื่องจริงซะด้วย หมู่บ้านที่โดนพวกบริษัทเฮลการ์ด ทดลองจนคนในหมู่บ้านกลายเป็นปีศาจชั้นซอมบี้ แต่มันกระจอกกว่าปีศาจซอมบี้ของจริงซะอีก ถ้าแบบนี้ตัวละนัดไม่สิถ้าขี้เกียจยิงมันทีละตัวก็ทำลายมันคราวเดียว”

เด็กหนุ่มกำหมัดข้างขวาและชูแขนข้างขวาขึ้นท้องฟ้า แล้วก็มีพลังสีน้ำเงินพุ่งออกมาจากตัวเด็กหนุ่มรวมตัวที่แขนข้างขวาจนกลายเป็นเกราะแขนขนาดใหญ่บริเวณเกราะแขนมือเป็นรูปกะโหลก

“ใช้ คาออสนัคเคิล ก็เสร็จแล้วสรุปพวกกระจอกนี้”

เด็กหนุ่มชาร์จพลังที่คาออสนัคเคิล แล้วต่อยลงพื้นอย่างรวดเร็ว บึ้ม! พลังสีฟ้ากระจายออกไปทั่วบริเวณปกคลุ่มหมูบ้านไว้ แล้วพุ่งกลับมาหาเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็ว บึ้ม! บริเวณหมู่บ้านทั้งหมดระเบิดไปอย่างรุนแรง  ร่างของเหล่าซอมบี้แหลกสลายไปในทันที  แล้ววิญญาญจำนวนมาในลักษณะสีฟ้าและสีเขียวก็ลอยออกมา

“เอาล่ะ มานี้ได้แล้ว ทั้งหมดเลย”

เด็กหนุ่มสลายคาออสนัคเคิลไป แล้วส่งพลังไปสร้างเกราะที่เหมือนคาออสนัคเคิล ที่แขนซ้าย แต่มีลักษณะนาฬิกาสีฟ้าที่ไม่มีเข็มและตัวเลข ทันใดนั้นวิญญาญสีฟ้าและเขียวทั้งหมดก็พุ่งเข้ามาอยู่ข้างในอย่างรวดเร็ว

“อ่า  มากันหมดแล้วสิน่ะ “

เด็กหนุ่มหันหลังกลับไปเพื่อที่จะเดินออกไปจากหมู่บ้าน  สายลมที่โหมพัดมาทำให้ผ้าคลุมสีแดงของเด็กหนุ่มสะบัดพลิ้วไปตามสายลม ท่ามกลางความืดมิดและร้างของหมู่บ้าน   เคร้ง!! เสียงลากสิ่งของเดินตามหลังของเด็กหนุ่มมา แต่เด็กหนุ่มยังคงเดินต่อไปแม้จะได้ยินเสียง

“ฮว้าก!!!!!!!!!!!!”เสียงคำรามดังขึ้น

บางสิ่งพุ่งเข้าหาเด็กหนุ่มแล้วง้างขวานจะฟาดใส่   ปัง!  ร่างของสิ่งนั้นแหลกสลายเป็นฝุ่นในทันที เด็กหนุ่มสลายพลังที่รวมกันเป็นปืนแล้วหันกลับไปเดินต่อ

“เจเนรอลเหรอ แถวนี้ก็มีเจเนรอลด้วยเหรอ โดนพลังเข้าไปขนาดนั้นแต่ถ้าไม่ตาย กระสุนนัดหนึ่งก็พอแล้ว”

“แต่ว่า แถวนี้ก็มีเจเนรอลที่ไม่เจ็บด้วยพลังของนายด้วยน่ะ”เสียงหนึ่งแว่วมา

เด็กหนุ่มมองไปตามเสียง บนฟ้าเห็นเด็กหนุ่มอายุประมาณ 18 มีปีกขนนกที่ด้านหลังบินอยู่

“ท่านประธานนักเรียน ในว่าจะไม่เข้ามายุ่งระหว่างสองฝ่ายถ้าไม่จำเป็นจริงๆไงล่ะ”เด็กหนุ่มถามขึ้น

“ก็น่ะ ลิเวียได้ข้อมูลใหม่มาแต่ไม่สามารถมาบอกได้พวก Vulgrim(วัลกริม) ก็ไม่ได้มีอณาเขตแถวนี้ก็เลย ไว้วานฉันมา แต่ว่าจัดการกับเจเนรอลตัวนั้นก่อนใหม่ วายุ”

เด็กหนุ่มที่ชื่อวายุหันไปมองด้านหลังแล้วปล่อยพลังสีดำออกมาสร้างเป็นปืน แล้วกระหน่ำยิงไปใส่ค้อนยังๆที่กำลังถูกฟาดมา เป้ง! ค้อนนั้นกระเด็นออกไปจาก ตัวชุดเกราะขนาดใหญ่สูงประมาณ 250 เซนติเมตร ร่างกายหุ้มด้วยเกราะสีทอง

“เจเนรอลแฮมเมอร์ เองเหรอ”วายุพูดพลางผิวปาก

“แบบนี้ ก็คงจะสนุกขึ้นเล็กน้อยแล้วสิน่ะ”

“คาออสก็เพียงพอสำหรับ เจ้าตัวนี้แล้ว”

ปีศาจตัวใหญหรือ เจเนรอลแฮมเมอร์หยิบขวาขึ้นมาแล้วฟาดใส่วายุ ปึง! วายุกระโดดหลบได้ทันแล้วขึ้นเหยียบตัวค้อนไว้ ขณะนั้นเจเนรอลแฮมเมอร์ก็พยายามดึงค้อนขึ้น  วายุเล็งคาออสกันใส่ที่หน้าของเจเนรอลแฮมเมอร์แล้วกระหน่ำยิงออกไป 20 นัดติดกัน จนหมวกเหล็กของเจเนรอลแฮมเมอร์แตกกระจาย แล้วกระสุนอีก 30 นัดก็ถูกยิงเข้าใส่หน้าอย่างรวดเร็ว

“เจเนรอลแฮมเมอร์ ถ้าใช้อาวุธประเภทประชิดฆ่า เค้าว่าจะได้พลังวิญญาญมาเยอะน่ะ”เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้น

“งั้นเหรอ ขอบใจ”

วายุสลายคาออสกันไป แล้วแบมือข้างขวาออกปัดมือไปด้านหน้า ฉัวะ!!  พลังสีม่วงพุ่งออกมาเป็นเคียวสีม่วงแล้วหมุนตัวตัดร่างของเจเนรอลแฮมเมอร์ขาดกระเด็นออกไปสองท่อน แล้วสลายกลายเป็นวิญญาญสีฟ้าจำนวนมาก แล้ววายุก็ดูดพลังวิญญาญนั้นกลับมา

“ได้เยอะจริงด้วย คงไม่ใช้เพราะเรื่องแค่นี้น่ะที่ยอมมาเพราะคุณลิเวีย ขอน่ะ”วายุหันไปถามเด็กหนุ่ม

“ปล่าวเลย เรื่องมันสำคัญกว่านั้น”

“สำคัญกว่านั้น เรื่องอะไรล่ะ”

“พอที่จะรู้ว่าใครเป็นคนครอบครองหัวใจและพลังของ Silithan(ซิลิธาน)แล้ว”

“ใครกันล่ะ”

“เอ ใครละ เอลืมไปซะแล้วสิ”

วายุคอตกทันที ก่อนที่จะโพล่งขึ้น

“ไอ้บ้าเอ้ย!!!! เรื่องแบบนี้มาลืมกันง่ายๆเลยเหรอ!!!!!” “ใจเย็นๆ แต่ลิเวียก็ฝากสิ่งนี้มาให้น่ะ”

เด็กหนุ่มปล่อยพลังสีน้ำเงินและสีแดงไปใส่ร่างวายุ

“อึก!  พลังหรือว่าจะเป็น”

“ใช้พลังพอทอร์ “

“ถ้ามีแค่นี้ก็ขอบใจ”

วายุปล่อยพลังสีฟ้าใส่พื้น แล้วปล่อยพลังสีแดงไปยังบนดาดฟ้าตึกที่เห็นอยู่ไกลๆ แล้วเดินเข้าไปในประตูสีฟ้าก่อนที่จะปิดประตูหายไป

“โกหกแบบนี้จะดีเหรอ”วิญญาญสีฟ้าที่แอบอยู่ถามขึ้น

“ก็ถ้าบอกไปว่าเป็นใครก็ไม่สนุกนะสิ”

“แต่ก็น่าเสียดาย เจ้านั้นเก็บพลังวิญญาญได้เยอะขนาดนั้น อดขายของเยอะๆเลย”

“ฉันมีพลังวิญญาญติดตัวมาทั้งหมด 3 แสนวิญญาญจะเอาไหมล่ะ”

“จริงเหรอๆ ว่าแต่จะซื้ออะไรล่ะ”

“เอาขวดฟื้นฟูร่างกายและขวดฟื้นยาพิษประเภทดูดเลือดอย่างละ 50 อันคงจะพอน่ะ หรือไม่ต้องทอนส่งมาให้ฉันที่เดิม”

“ขอบคุณที่ซื้อ การสร้างดาบเซงยาฉะ ของเจ้าจะเป็นไปด้วยดี”

บนดาดฟ้า

วายุยืนมองรถจำนวนมากแล่นไปตามถนน แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ดึกมากพอสมควร

“คงต้องค่อยช่วยเหลือเหล่าวิญญาญสีขาวพวกนี้สิน่ะ”วายุพูดพลางบิดตัวไปมา

“วิญญาญสีขาวเหรอ นี้อย่าบอกนะว่าแยกประเภทวิญญาญไว้ด้วยนอกจากเขียวกับน้ำเงิน”เสียงผู้หญิงถามจากด้านหลัง

“ครับๆ   ก็บอกออกเป็นสามประเภทพวกสีน้ำเงิบกับเขียวก็รู้ๆกันอยู่ แต่สีขาวก็คือ ผมจะไม่ยอมให้พวกเจเนรอล ซอมบี้ หรือปีศาจตนไหนทำลายได้”

“ไม่รีบกลับไปนอนล่ะ นี้ก็ดึกมากแล้วน่ะพรุ่งนี้นายต้องไปเข้าค่ายน่ะ”

“งั้นเหรอครับ ลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลยงั้นฝันดีนะครับรุ่นพี่แล้ว ก็ขอบคุณสำหรับพลังพอทอลด้วย”

วายุพูดแล้วยิงประตูพอทอลลงพื้นแล้วเดินเข้าไปก่อนที่ประตูพอทอลจะปิด

“ฝันดีละกัน”เด็กสาวอายุ 17 ปี ผมยาวในเสื้อคลุ่มสีดำและมีคัมภีย์บางอย่างสะพายไว้ที่แขนซ้าย

ขณะนั้นเองกลุ่มเมฆก็ค่อยๆเคลื่อนที่ออกเผยให้เห็นดวงจันทร์เต็มดวงที่มีสีเหลืองออกแดง

“บริษัทเฮลการ์ดคอมพานี  ไอ้พวกบริษัทที่ได้พลังวิญญาญปีศาจชั้นต่ำๆจากพวกดาร์คคาออส มาใช้เพื่อความเห็นแก้ตัวแบบนี้มันไม่น่าให้อภัย คงต้องจัดการให้สิ้นซาก”เด็กสาวพูดพลางกอดอก

“บริษัทนั้นน่ะ มันไม่ได้มีแค่การสร้างปีศาจชั้นต่ำน่ะ แต่ว่าที่นั้นมันมีการสร้างบางอย่างที่ฉันสัมผัสได้ รู้สึกได้ว่าจะเป็นปีศาจชั้นสูงตัวหนึ่ง แต่พลังของฉันไม่ยอมบอกว่ามันคืออะไร”ชายหนุ่มที่อยู่ในเสื้อสีดำใส่แว่นตาดำ

“อะไรกัน มีเรื่องที่คุณไม่สามารถสืบได้ด้วยเหรอ”เด็กสาวหันไปถาม

“เรื่องนั้นฉันต้องถามเธอมากกว่ามั้ง ความรู้ทั้งหมดของซาเมลก็คือเธอและเธอก็มีพลังของซาเมล ทำไหมจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร”

“ความจริงก็พอรู้น่ะว่ามันคืออะไร แต่ว่ายังบอกตอนนี้ไม่ได้”

“เหตุผลเดียวกับเรื่องร่าง คาออสฟรอมของเจ้าเด็กวายุนั้นใช้ไหม”

“ไม่มากกว่านั้น คาออสฟรอมยังเอามันไม่อยู่ ตามการประมวลผลของฉัน”

“ไม่ไปนอนละ ไล่รุนน้องตัวเองไปนอนแต่ตัวเองไม่ไปนอน มันก็ไม่น่าทำตามน่ะ”

“วายุ มีเข้าค่ายพรุ่งนี้ ส่วนฉันเป็นประธานนักเรียน ไม่ต้องไปแล้วพรุ่งนี้ที่โรงเรียนก็ไม่น่าจะมีงานอะไร”

“มั่นใจจังน่ะ ระวังจะโดนนินทาว่าเป็นประธานนักเรียนที่ตื่นสายที่สุดละ”

“ไม่หรอก แต่ว่ามาห่วงเรื่องความสมดุลไม่ให้เกิดสงครามวันสิ้นโลก แบบนี้ก็ไม่มีเวลาอ่านหนังสือสอบเลย”

“มีพลังของซาเมลที่มีความรู้ทุกอย่างจะกลัวอะไรล่ะ”

“ถ้ามันรู้เกี่ยวกับโจทย์สมการ และสมการฟิสิกข์ก็ดีสิ นี้สอบความรู้ของมนุษย์ทั่วไปน่ะไม่ใช้สอบเรื่องของเฮฟเวนการ์ดหรือพวกที่เกี่ยวข้องกับสงครามวันสิ้นโลก มันไม่มีหรอกมาออกข้อสอบถามว่าสี่ม้าแห่งวันสิ้นโลกมีใครบ้าง”

“นั้นสิน่ะ ฉันก็ผ่านชีวิตวัยเด็กมาแล้ว แต่ว่าเสียดายไม่ได้เรียน ม.ปลาย ถ้าไม่ใช้เพราะไอ้พวกผู้ก่อการร้ายนั้น ถ้าไม่ใช้เพราะแบบนั้นป่านนี้ฉันคงนักแต่งเพลงในห้องแอร์ไปแล้ว”

“อย่างคุณน่ะเขาห้องแอร์ไม่ได้หรอก เขาห้องทะเลทรายไปเหอะ ได้ข่าวว่าจัดคอนเสิตอีกแล้วเหรอ”

“ใช้ ที่ทะเลทรายซาฮาร่าน่ะ จะไปไหม”

“ไม่ล่ะขอบใจ ไปชวนวายุเอาเองละกัน”

“แต่ว่าตอนนี้ก็ดึกมากแล้วน่ะ ไปนอนได้แล้วละมั้ง”

“ขอบใจแต่ว่า ยังไงก็ต้องเคลียร์มิสชั่น 10 นี้ให้ได้ภายใน 3 วันนี้”

“ดึงคนที่มีพลังซิลิธานมาเป็นพวกนะเหรอ เหอะคงจะง่ายหรอกน่ะ”

“ก็อยากให้ง่าย ถ้ามันง่ายก็ดีจะได้ไม่ต้องสู้ด้วยหากคนนั้นไปเป็นฝ่ายตรงข้าม พลังของซิลิธานมันก็น่ากลัวอยู่พอตัวน่ะ คุณก็น่าจะรู้”

“ใช้ รู้ดี”

บ้านของวายุ บนห้องนอน

วายุถอดผ้าคลุ่มสีแดงไว้ที่เก้าอี้แล้วเดินมาตั้งนาฬิกาปลุก ก่อนที่จะวางนาฬิกาปลุกไว้ที่โต๊ะข้างๆ แล้วล้มตัวลงนอนที่เตียงแล้วถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

‘ใครกันน่าที่เป็นคนครอบครองพลังของซิลิธาน  พรุ่งนี้คงเตียงทิ้งงานให้คุณลิเวียดูแลคนเดียวสิน่ะ ช่วยไม่ได้นี้น่าก็คนมันต้องไปเข้าค่าย’วายุคิดพลางผลิกตัวไปมา

วายุเริ่มลับตาลงแล้วค่อยๆหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า

เช้าวันต่อมา เวลา  6.00 น. 

กริ๊ง!!! กริ๊ง!!!! เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น โพ๊ะ! วายุใช้แขนกระแทกนาฬิกาจนแตกกระเด็นไป แล้วค่อยๆลุกขึ้นก่อนที่จะขยี้ตาเล็กน้อยแล้วฮาวออกมา

“เช้าแล้วเหรอ ไวจังแฮะ”

“ตื่นแล้วเหรอ คนขี้เซา”เสียงหนึ่งดังขึ้น

วายุหันไปตามเสียงเห็น เด็กสาวคนเมื่อคืนมีปีกค้างคาวสีแดงทั้งสองข้างอยู่ด้านหลังบินอยู่นอกหน้าต่าง

“อ้าว มาแต่เช้าเลยเหรอครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับคุณลิเวีย”วายุถามพลางลุกจากเตียง

“คิดว่าจะยังไม่ตื่นก็เลยกะจะมาปลุก รีบๆไปได้แล้ว เดี๋ยวก็สายหรอก เรื่องมิสชั่น 10 เดี๋ยวจัดการเอง”

“คร้าบๆ ผมเปลี่ยนเสื้อแปปนะครับ”

10 นาทีต่อมา 

วายุเดินออกมาจากบ้านขณะสะพายกระเป๋าเดินทางไป เด็กสาวที่ชื่อลิเวียสลายปีกไปแล้วลงมาเดินข้างๆวายุ

“ต้องรบกวนด้วยละครับ คุณลิเวียเรื่องมิสชั่น 10”

“ไม่เป็นไรหรอกน่าไปเข้าค่ายให้สนุกละกัน นายปฏิบัติหน้าที่มาเยอะมากแล้วโดยเฉพาะตอนมิสชั่น 6”

“งั้นเหรอครับ แต่ว่ามันก็เป็นงานผมนี้น่าครับ มิสชั่น 6 เหนื่อยและเสียเลือดมากก็จริงแต่ก็ได้เจอกับเจเนรอล ที่แข็งแกร่งแบบนั้นก็สนุกดีนะครับ”

“คิกๆ นายนี้ก็เป็นคนร่าเริ่งดีน่ะ ไม่เข้ากับพลังวอร์ของนายเลย”

“แหม่ มันก็ไม่จำเป็นนี้น่าครับที่ผมจะต้องปรับนิสัยให้เข้ากลับพลัง”

“เพราะแบบนั้นละมั้งเธอเลยดึงพลังออกมาใช้ได้ไม่หมด”

“ก็ดีแล้วละครับ”

“รู้ไหมว่าตอนนี้นายเป็นชั้นม.3 คนเดียวในค่ายน่ะ”

“จะบอกว่าผมเข้าค่ายไม่ทันในคราวที่แล้วก็เลยจะส่งผมไปเข้ากับพวก ม.ปลายงั้นเหรอครับ”

“ก็ประมาณนั้นละมั้ง”

ขณะนั้นทั้งสองก็เดินมาเรื่อยๆจนถึงหน้าโรงเรียน

“ฉันต้องรีบไปทำงานต่อล่ะ เข้าค่ายให้สนุกละอย่าคิดเรื่องมิสชั่น 10 ให้มากนัก

“ครับๆจะทำตามที่บอกนะครับ”

แล้วลิเวียก็ใช้พลังสร้างประตูวาปแล้วเดินเข้าประตูวาปไป ประตูวาปปิดลงแล้ววายุก็เดินเข้าไปที่โรงเรียน

‘จะไม่ให้คิดมากได้ไง ตามความทรงจำของพลังซิลิธานเป็นอสูรที่จัดการได้ยากมาก’

วายุเดินไปรวมกับแถวที่นักเรียนหลายคนยืนรอขึ้นรถบัสจำนวน 5 คัน

“นั้นนะเหรอ เด็ก ม.ต้นที่ว่า”

“ใช้ๆดูท่าทางเป็นคนลึกลับแบบที่เขาว่ากันจริงด้วย”

“เห็นว่าขาดเรียนบ่อยๆน่ะ แถมตอนนั้นเคยมีคนเห็นเด็กนั้นในสภาพเลือดท่วมตัวด้วย”

“ตายจริงเหรอ”

“แบบนี้จะไหวใจได้ไหมเนี่ย”

“แต่แบบนี้ ก็คงเหมือนยัยโซม่าเลยน่ะ”

วายุยืนฟังคำนินทาที่พวกม.ปลายหลายคนซุบซิบกันอยู่ แต่วายุก็ยังได้ยิน แต่ก็มีท่าทีเฉยๆแต่ก็งงกับชื่อๆหนึ่ง

‘โซม่าเหรอ เป็นคนลึกลับแบบเรางั้นเหรอ แต่ว่าในสายตาของคนทั้งโรงเรียนตอนนี้เราก็เป็นคนแปลกประหลาดจริงๆนั้นแหละ’

ขณะนั้นเองก็มีบางคนเดินชนไหล่วายุ วายุหันไปมองคนที่เดินมาชนไหล่ เด็กสาวอายุ 18 ม.6 ผมยาวสีเทาสายตาดูลึกลับและเย็นชา ก้มเก็บสมุดที่หล่นอยู่ วายุย่อตัวลงแล้วเก็บช่วย

“ไม่ต้อง”เด็กสาวเอ่ยขึ้น

“ไม่ได้หรอกครับ”

วายุเก็บสมุดที่หล่นแล้วยืนให้เด็กสาว  เด็กสาวรับสมุดมาแล้วเงยหน้ามองวายุ

“นายคือเด็กม.ต้นที่จะเข้าร่วมค่ายของ ม.ปลายด้วงั้นเหรอ”

“ใช้ครับ”

เด็กสาวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว

“ฉันชื่อ โซม่า ยินดีที่ได้รู้จัก”

เด็กสาวที่ชื่อโซม่ารีบก้าวเท้าเดินหนีไปทันทีอย่างรวดเร็ว วายุค่อยๆลุกขึ้นแล้วมองไหล่หลัง

‘คนนั้นนะเหรอที่ชื่อโซม่า’

5 นาทีต่อมา ทุกคนขึ้นรถบัสไปจนหมด วายุนั้งอยู่ริมหน้าต่างทางขวามือสุดของตัวรถคนเดียว

‘พวกคุณลิเวียจะไหวไหมน่า’

ขณะนั้นตัวรถก็เริ่มเคลื่อนออกจากที่แล้ววิ่งแล่นไปบนท้องถนน  วายุกวาดสายตามองไปทั่วรถขณะนั้นเองก็เห็นสายตาที่จับจ้องมาที่เขา

“หือ?”

สายตาที่จับจ้องเป็นสายตามที่ดูลึกลับ โซม่านั้นเองที่แอบมองวายุ ทันทีที่วายุมองเห็นว่าโซม่ามองตัวเอง โซม่าก็รีบเบนหน้าหนีทันที

‘อะไรของเขาน่ะ’

อีกด้าน ณ อาคารสูงใหญ่ตึก  10 ชั้นที่มีบริเวณรอบๆมีการป้องกันอย่างแน่นหนา ที่บนดาดฟ้าติดป้ายชื่อบริษัทไว้ บริษัท HellGuard Company

ณ ห้องวิจัยของบริษัท

“ตัวไวรัสค่อนข้างจะทำลายเซลส์ได้ดีเลยนะครับ ท่านประธาน”ชายชุดกราวที่กำลังดูข้อมูลวิจัยพูดขึ้น

“อืม  แต่ว่าดูท่าทางซอมบี้วิจัย จะอ่อนแอ่กว่าปีศาจชั้นซอมบี้อยู่หลายเท่าน่ะ”หญิงสาวที่อยู่ในเสื้อสูทพูดขึ้นพลางมองข้อมูลการวิจัยที่เด้งขึ้น

“แต่ว่ามันก็มากพอสำหรับมนุษย์น่ะครับท่าประธาน”

“ถ้ามองในแง่นั้นก็ดี แต่ถ้ามองอีกด้านมันก็ยากที่จะเอาพวกกระจอกนี้ไปจัดการพวกไลทคาออสได้”

“แต่ท่านประธานต้องการใช้พวกซอมบี้วิจัยนี้ในการจัดการกับพวก ไฟต์ติ้งฮิวแมน ไม่ใช้เหรอครับ”

“นั้นก็ใช้  ถ้าโครงการนี้สำเร็จได้ 100% ละก็ ฉันจะออกคำสั่งให้วิจัยสร้างพวกเจเนรอล เทียม”

ขณะนั้นเองก็มีชายชุดกราวอีกคนวิ่งตาตื่นเข้ามาข้างใน

“ท่าประธานครับ!!! หมู่บ้านที่พวกเราทดลองไวรัสซอมบี้โดนทำลายไปเมื่อคืนครับ!!!”

“ว่ายังไงน่ะ!!! พวกฮิวแมนไฟต์ติ้งงั้นเหรอ!!!?”

“ไม่ใช้ครับ!!! ลักษณะการทำลายล้างเป็นระเบิดวงกว้างครับ!!! คาดว่าจะเป็นพวกไลทคาออส”

“ไลทคาออส พวกแกอีกแล้วเรอะ!?”

ด้านวายุ

ขณะนั้นเองรถบัสก็จอดนิ่ง ท่ามกลางถนนเส้นใหญ่

‘รถเสียหรือไง’วายุคิดพลางนั่งดูวิว

“ขอโทษทีนะทุกคน รถยางรั่วน่ะจะรีบไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้ล่ะ”คนขับรถพูดขึ้น

วืบ!!!! บรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว วายุสัมผัสบางอย่างได้

‘เหมือนมีอะไรทำให้เวลาตอนนี้เคลื่อนที่ช้า ก็ต้องลองดูสักหน่อยล่ะ’

พลังวิญญาญสีฟ้ากระจายตัวออกมาแล้วทุกพื้นที่กลายเป็นสีขาวโพลน ทุกอย่างเคลื่อนที่ช้ามากยกเว้นตัววายุที่ยั่งเคลื่อนที่รวดเร็ว 

“คุณโซม่า”

วายุเห็นโซม่านั่งคร่อมตัวเองอยู่

“เอ เห็นด้วยเหรอ”โซม่าถามขึ้น

“แบบนี้มันหมายความว่าไงครับ”

“ไม่รู้สิ รู้สึกชอบๆเธอยังไงไม่รู้”

“ไม่ใช้ครับ คุณมีพลังโครนอสได้ไงกัน!?”

“นั้นสิน่ะฉันก็สงสัยเธอเหมือนกัน รึว่าเธอเป็นคนที่ครอบครองพลังอะไรนั้น”

“ผมคือวอร์รุ่นที่ 2 คุณคือ..”

“ผู้ครอบครองหัวใจของซิลิธาน โซม่า”

“ที่แท้คนที่ครอบครองพลังนั้นคือคุณ!?”

“ฉันก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันน่ะ ว่าเธอก็คือคนที่ครอบครองพลังของวอร์”

วายุลุกขึ้นยืนแต่โซม่าจับกดไหล่ของวายุให้นั่งไว้ วายุกวาดสายตาไปรอบๆเห็นทุกอย่างหยุดนิ่ง

‘จริงสิ พอพลังโครนอสสองพลังรวมกันมันก็เลยกลายเป็นหยุดเวลา’

“อย่าขัดขืนเลยน่าเด็กดื้อ”

“ทำแบบนี้มันเหมาะเหรอครับ”

“ทำไหมล่ะ”

“คุณเป็นรุ่นพี่ผมน่ะครับ”

“รุ่นพี่แล้วยังไงล่ะจ๊ะ”

“แต่ว่าผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง

“ค่อยคุยทีหลังได้ไหม”

“ไม่ได้ครับต้องเดี๋ยวนี้”

วายุตัดสินใจผลักโซม่าออก แล้วพูดขึ้น

“คุณโซม่า ผู้ครอบครองพลังแห่งซิลิธาน ผมขอถามในนามของผู้สืบทอดพลังของวอร์ หนึ่งในสมาชิก ไลทคาออส คุณจะเข้าร่วมกับพวกเราไหม?”

โซม่ายืนนิ่งพิจราณา

‘จะยอมเข้าร่วมไหมน่า’

“คิกๆ ขอปฏิเสธอล่ะ”

“อึก!!”

“โทษทีน่ะที่ดาร์คคาออส ไวกว่าพอดีฉันก็ไม่ชอบที่จะมาทำอะไรปกป้องความสมดุลนั้นหรอกน่ะ ถ้าได้ทำให้พวกมนุษย์ตายไปจนหมดในสงครามวันสิ้นโลกเหมือนคราวที่แล้วโน่น ก็คงจะดีมิใช้น้อย”

“แต่ว่าก่อนที่คุณจะได้พลังมา คุณก็เป็นมนุษย์เหมือนกันน่ะ!!!”

“แล้วไงล่ะ เป็นมนุษย์ที่โดนเมินเฉยเหมือนไร้ตัวตน แบบนี้สู้เป็นปีศาจครึ่งมนุษย์แบบนี้ยังจะดีกว่า”

“พลังนั้นไม่ได้บอกคุณเลยเหรอ!!!? ว่าถ้าเกิดสงครามวันสิ้นโลกขึ้นอะไรจะเกิดขึ้น!!!!”

“บอกสิ ทั้งสวรรค์และนรกจะระเบิดศึกขึ้นอีกครั้งและครานี้สภาแห่งเพลิง ก็จะส่งสี่ม้าแห่งวันสิ้นโลกเข้าแทรกแซงมนุษย์จะสูญพันธ์ไปในที่สุดเหมือนคราก่อน”

“ถ้าแบบนั้นก็ช่วยไม่ได้”

วายุกระโจนตระครุบโซม่าออกไปนอกรถ วายุลุกขึ้นแล้วเดินถอยหลังห่างจากโซม่าเล็กน้อย

“ฉันไม่ได้คิดจะสู้กับเธอน่ะ!!”โซม่าตะโกนบอกวายุ

“ผมจะไม่ยอมให้ใครทำลายสมดุลเด็ดขาด โลกจะต้องไม่กลายเป็นสนามรบของสวรรค์และนรก และมนุษย์จะต้องไม่สูญพันธ์ คุณคือมิสชั่นที่ 10!!!!!!”

วายุปล่อยพลังสีทองออกมารวมกันเป็นดาบสีทองแล้ววายุก็จับดาบมั่น

“Amagedon Blade(อมาเกดอนเบลด)  ฟังก่อนสิ!!! เธอก็แค่ไม่ต้องมายุ่งกับฉันก็พอ ลำพังฉันคนเดียวก็ทำลายความสมดุลไม่ได้แน่นอน!!!”

“ได้แน่นอน!!!!  หากเพียงแค่ทำลายตราผนึก Stranger(สตรองเจอร์) มันก็จะทำลายความสมดุลได้แล้ว”

วายุหันอมาเกดอนเบลดไปยังโซม่า โซม่าปล่อยออร่าออกมา

“อย่าบังคับให้ฉันสู้กับคนที่ฉันชอบสิ”

“ถ้าคุณรักผม ก็อย่าให้ผมรู้ว่าคุณต้องการทำลายความสมดุล ไม่งั้นจะเป็นแบบนี้”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา