No Sugar!! บ้าน่า..ฉันหลงรักนายตอนไหน?
9.3
เขียนโดย Murasaki
วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 23.55 น.
7 chapter
2 วิจารณ์
12.09K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 20.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) ความฝันที่เหมือนจริง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความPart: อิมเพรส
"พี่เพรส พี่คุยกับคะ...ท่าน!" พอสิ้นเสียงร้องของอิมพอร์ต มือของพี่ปันน์ก็คว้าเอวของผมแล้วจับท้ายทอยให้เงยหน้ารับจูบก่อนที่จะขบเม้มริมฝีปากของผมขณะที่ไอ้น้องชายก็ยืนมองตาค้างจ้องมองพี่ปันน์จูบผมตาโตเป็นไข่ห่าน ไม่ช่วยกันเลย ไอ้น้องบ้า! ส่วนผมจะทำอะไรได้ล่ะ นอกจาก...ดิ้นสิโว้ย!!
"อื้อ...อือ ปะ..ปล่อย" ตุบ! ตุบ! ผมที่พยายามใช้กำปั้นทุบไปที่ไหล่ของพี่ปันน์ แต่พี่ปันน์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยแถมยังกอดตัวผมแน่นราวกับกลัวผมจะหายตัวไปซะอย่างนั้น แล้วพี่จะจูบให้กูลืมหายใจหรือไง มันหายใจไม่ออกโว้ย!!
“อื้ม..จุ๊บ! แฮ่กๆ พะ..พอเถอะ กูหายใจไม่ออก” ผมหอบหายใจพยายามโกยอากาศเข้าปอดทันทีที่พี่ปันน์ปล่อยให้ริมฝีปากของผมเป็นอิสระ แต่แขนก็ยังไม่ยอมออกห่างจากตัวผมจนผมต้องเอามือยันหน้าอกแกร่งนั้นเอาไว้ แล้วจ้องมองคนเจ้าเล่ห์ที่กำลังส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้แล้วยิ้มกว้างและกำลังจ้องมองผมอยู่เหมือนกัน
“หืม! หยุดทำไมว่ะ? ต่อเลยๆ ไม่ต้องเกรงใจ กูรอได้” รอเชี้ยอะไร ไอ้น้องเฮงซวย! ไม่ช่วยยังจะยืนมองอีก เสียงไอ้น้องชายฝาแฝดดังขัดจังหวะ(?)ของผมกับพี่ปันน์พอดี ทำให้ผมต้องหันไปมองจ้องเขม็งไอ้น้องชายที่ส่งสายตาเหมือนกำลังล้อเลียนผมไม่ยอมหยุด แล้วพี่ปันน์จะหันยิ้มให้ไอ้พอร์ตทำไมล่ะนั่น เข้าขากันดีเหลือเกินนะ
"เอ้า! ไอ้นี่ก็กอดอยู่นั่นแหละ ปล่อยเดี๋ยวนี้เลย"ผมที่ไม่รู้จะทำยังไงกับท่าทางล้อเลียนของอิมพอร์ตเลยหันมาพูดให้ไอ้คนที่กอดผมไม่ปล่อยมาเปลี่ยนใจคลายกอดจากตัวผมจะดีซะกว่า
"ฟอด! ตัวเจ้าทั้งนิ่มทั้งหอม ไม่ปล่อยตลอดชีวิตได้หรือไม่" ผมบ่นขมุบขมิบแล้วทำปากยื่นปากยาวไปด้วย ไอ้บ้า! จะกอดยันกูเน่าตายเป็นศพเลยใช่ไหม? เหอะ! ไม่เข้าใจคนโบราณปากหวานเสียจริง อย่าหวังว่าอิมเพรสจะหลงกล หลงรัก หลงใหล นะ เชอะ!(นางเป็นอะไร?)
"พอเหอะ ผมจะบ้าตาย อีกคนก็ตาหวานซะ อีกคนก็อายจนตัวแดงแหละ แล้วท่านมาที่นี่อีกทำไม?" หือ? สองคนนี้รู้จักกันหรอ? หรือว่าจะมีความลับที่ผมไม่รู้กันล่ะ
“แค่เจ้าอยู่เคียงข้างพี่ชาย สิ่งนี้ทำได้หรือไม่ กมลณัฐ” จู่ๆพี่ปันน์ก็กอดผมแน่นขึ้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับส่งสายตาคมดุไปให้อิมพอร์ตที่ตอนนี้ก็จ้องตอบไม่หลบสายตา
"หื้อ? กมลอะไรนะ เดี๋ยวก่อนทั้งสองคนไปเจอกันตั้งแต่เมื่อไร? พี่ปันน์! ไอ้พอร์ต!"
ผมที่เริ่มอยู่นิ่งไม่ได้ก็เริ่มดิ้นในอ้อมกอดของพี่ปันน์และจ้องมองทั้งสองคนด้วยความสงสัย ก็มันน่าสงสัยจริงๆนี่นา ไม่เคยรู้เลยว่าทั้งสองคนเคยเจอกัน ไม่เห็นน้องชายจะเล่าให้ผมฟังเลยนี่
"เหอะ! ไอ้คนลำเอียง เรียกเขาว่าพี่ ทีน้องเรียกว่าไอ้ ไปไกลๆเลย ไอ้พี่ปัญญาอ่อน ส่วนเรื่องนั้นมันสายไปแหละ ต้องโทษไอ้คนที่ยืนตรงหน้าท่านนี่แหละ ดื้อรั้นไม่มีใครเกิน" อิมพอร์ตว่าผมด้วยเสียงออกประชดประชันก่อนที่จะหันไปยิ้มแสยะให้กับพี่ปันน์ที่ตอนนี้ก็หันกลับมาจ้องผมด้วยสายตาดุ อย่าจ้องกันนักสิ คนนะเว้ย ไม่ใช่ปลากัด
"คุยเรื่องอะไรกันว่ะ ให้กูรู้เรื่องด้วยสิ แล้วจะไม่มีใครตอบใช่ไหม?" ผมเริ่มอารมณ์เสียแหละที่ทั้งสองคนไม่มีใครสนใจคำถามของผมเลย พวกแกเป็นอะไรกัน หา!
"ดูปากแล้วอย่ากระพริบตา" อยู่ๆ อิมพอร์ตก็มาพูดกับผมด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว เอ่อ! มันน่าจะแสยะมากกว่ายิ้มนะ
“อืมๆ จ้องอยู่ จะให้กูดูอะไรล่ะ” ด้วยความอยากรู้ ผมก็ต้องทำตามมันครับ เดี๋ยวมันไม่บอก ยิ่งอยากรู้ความลับของชาวบ้านเขาอยู่ด้วย(?)
“อย่า....เ-สื-อ-ก” ผลั้ว!
เสียงอะไรครับ เสียงอะไร...เหอะๆ เสียงผมเอาฝ่าเท้าอันงดงามถีบไปที่หน้าท้องอันแบนราบของไอ้น้องร่วมท้องด้วยความรักนี่แหละ มันด่าผมอ่ะ
"หึๆ ขี้น้อยใจจังนะ ข้าว่าปล่อยให้เป็นเรื่องของพี่น้องเสียจะดีกว่า" เสียงของคนที่คิดว่าน่าจะเงียบต่อไปดังขัดจังหวะอารมณ์จะกระทืบน้องของผม เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย ไอ้คุณชายปันน์ แล้วพี่ปันน์ก็คลายอ้อมกอดจากตัวผม(มันกอดนานมาก ถึงไม่พูดก็กอด)
"ท่านกลับไปเถอะ นี่มันพี่ชายผม ความปัญญาอ่อนของมัน ไม่มีใครรู้จักดีเท่าผม พวกผมคุยกันเองได้" หืม! ทำไมยิ่งฟังไอ้น้องชายมันฝอยแล้วยิ่งรู้สึกว่าอิมพอร์ตกำลังชมพี่ชายคนนี้ใช่ไหม?
"หึ อีกไม่นานก็ไม่ใช่" พี่ปันน์ที่กำลังหันไปทางหน้าต่างห้องของผมก็พูดเสียงเบาลอยลมมาจนผมกับอิมพอร์ตขมวดคิ้วด้วยความงุนงงในสิ่งที่พี่ปันน์พูด ทำไมต้องอีกไม่นาน? ระหว่างที่ผมกับอิมพอร์ตต่างกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่นั้น
"จุ๊บ! ไปก่อนนะที่รัก" และแล้วท่านชายปันน์ก็ฝากรอยจูบไว้ที่ริมฝีปากของผมยันวินาทีสุดท้ายจริงๆ ไอ้เฒ่าหัวงูเอ้ย!
"เฮ้ย!! อะไรกันเนี่ย ไอ้พี่ปันน์หนังเหี่ยว" ผมที่กำลังตะโกนไล่ด่าพี่ปันน์ที่ตอนนี้กระโดดออกไปทางหน้าต่างแล้วหายไปราวกับไม่ใช่คน ทำให้ผมยิ่งเดือดเข้าไปอีก ค่อยดูเถอะ จับได้เมื่อไรจะเฉือนหนังพันปีมาทำกระเป๋าซะเลย
"เพรสต้องเลิกยุ่งกับไอ้นิรยซะ ทำยังไงก็ได้อย่าเจอหน้ากันอีก" อยู่ๆอิมพอร์ตก็พูดกับผมด้วยน้ำเสียงจริงจังจนผมแปลกใจที่ไม่เคยเจอโหมดนี้ของน้องชายมาก่อน
"อะไรของแกว่ะ มึงบอกช้าไปแหละ นี่ฉันเจอไอ้บ้านั่นหลายรอบแล้วนะ แล้วสรุปชายหนุ่มคนนั้นน่ะ เพื่อนหรือแฟนกันล่ะ ไอ้น้องชาย กิ้วๆ" ผมที่ไม่เคยจริงจังกับชิวิตก็มีอารมณ์ไปล้อเลียนน้องเรื่องชายหนุ่มที่จูบน้องชายที่หน้าบ้านต่อด้วยความสนุกเลยล่ะ
"เฮ้ย! ได้ไงว่ะ ทำมาเปลี่ยนเรื่องเฉยเลย เหอะ!เสียแรงที่เกิดก่อน ไม่น่าโง่เลย พูดอะไรก็ไม่เข้าใจ ไอ้พี่สมองรั่ว ไอ้พี่เม็ดถั่ว บลาๆๆ" และแล้วน้องชายผมก็ผีเข้า อิมพอร์ตบ่นใส่ผมก่อนที่จะเดินออกจากห้องผมไปไม่หันกลับมามองผมอีกเลย เฮ้ย! ผมลืมอะไรหรือเปล่า? ไอ้น้องเชี้ย! ใครกันแน่ที่เปลี่ยนเรื่อง ด่ากูปัญญาอ่อนแล้วจากไป มึงก็มีดีเอ็นเอเดียวกับกูนั่นแหละ ไอ้น้องฟราย!
ค่ำคืนแห่งความฝัน
ภาพสงครามนองเลือดและสัตว์ประหลาดรูปร่างแปลกตากำลังห่ำหั่นกันด้วยอาวุธที่ผมไม่รู้จักมาก่อน ดวงตาแดงฉานนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกกระหายในสงครามและความเครียดแค้น ทำไมถึงสู้กันนะ แล้วผมอยู่ที่ไหนกันแน่ ทำไมไม่มีใครสนใจผมเลยล่ะ ทุกคนเดินผ่านผมราวกับอากาศที่มองไม่เห็น นี่มันฝันหรือว่าเรื่องจริงกันนะ
“เหลี่ยนฮวา...เหลี่ยนฮวา”
เรียกใครกัน? เรียกผมหรอ? แต่ผมไม่ใช่เหลี่ยนฮวานะ ผมชื่ออิมเพรสนี่ ผมที่กำลังสับสนก็หันมองซ้ายมองขวาท่ามกลางสงครามนองเลือดที่ผมกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด
“ในที่สุดข้าก็เจอเจ้า เหลี่ยนฮวา” ฉึก! หอกแหลมพุ่งเข้ามาใส่หน้าท้องของผม เจ็บจัง ทำไมผมต้องถูกทำร้ายด้วย ใครกัน? ผมมองบาดแผลที่มีเลือดไหลรินออกมาราวกับสายน้ำที่ไหลไม่มีวันหยุด นี่ผมกำลังจะตายหรอ?
“เจ้าต้องตายด้วยมือของข้าทุกๆชาติ” ผมที่กำลังทรุดตัวนอนหอบหายใจรวยระรินกับพื้นแทบจะขาดใจก็พยายามเงยหน้ามองชายหนุ่มรูปร่างบอบบาง แต่ดูแข็งแกร่ง ใบหน้าและดวงตาสวยจ้องมองเขม็งมาที่ผมด้วยความเกลียดชัง ผมยาวสีทองเปื้อนเลือดนั้นปลิวไสวตามสายลม ทำไมต้องมองผมด้วยสายตาแบบนั้นกัน? ผมทำอะไรให้เขาเกลียด?
“ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าที่ทำให้ทุกอย่างพังพินาศ” เสียงหวานแต่แฝงด้วยความโกรธแค้นปนเจ็บปวดตะคอกใส่ผมที่กำลังจ้องมองแล้วพยายามนึกให้ออกว่าเขาผู้นี้เป็นใคร แต่ทำไมผมถึงลืมกันนะ ?
“หึ เจ้ามันก็ทำหน้าตาใสซื่ออย่างนี้ทุกชาติ แต่แท้จริงอสรพิษ” ฉึก! ชายหนุ่มร่างบางดึงหอกออกจากร่างกายของผมแล้วแสยะยิ้มจนผมมองด้วยความรู้สึกสั่นไหว
“ชะ...ช่วยตอบได้ไหมว่า นะ..นายเป็นใคร อุ๊ก!” ผมพยายามเปล่งเสียงออกมาถามคนตรงหน้า แต่เลือดนี่สิที่ทำให้ผมกระอักแทบจะขาดใจอยู่แล้ว แต่ผมก็อยากรู้ว่าเขาเป็นใครอยู่ดี
“ข้าชื่อ...กะ”
######################50%#######################
"พี่เพรส พี่คุยกับคะ...ท่าน!" พอสิ้นเสียงร้องของอิมพอร์ต มือของพี่ปันน์ก็คว้าเอวของผมแล้วจับท้ายทอยให้เงยหน้ารับจูบก่อนที่จะขบเม้มริมฝีปากของผมขณะที่ไอ้น้องชายก็ยืนมองตาค้างจ้องมองพี่ปันน์จูบผมตาโตเป็นไข่ห่าน ไม่ช่วยกันเลย ไอ้น้องบ้า! ส่วนผมจะทำอะไรได้ล่ะ นอกจาก...ดิ้นสิโว้ย!!
"อื้อ...อือ ปะ..ปล่อย" ตุบ! ตุบ! ผมที่พยายามใช้กำปั้นทุบไปที่ไหล่ของพี่ปันน์ แต่พี่ปันน์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยแถมยังกอดตัวผมแน่นราวกับกลัวผมจะหายตัวไปซะอย่างนั้น แล้วพี่จะจูบให้กูลืมหายใจหรือไง มันหายใจไม่ออกโว้ย!!
“อื้ม..จุ๊บ! แฮ่กๆ พะ..พอเถอะ กูหายใจไม่ออก” ผมหอบหายใจพยายามโกยอากาศเข้าปอดทันทีที่พี่ปันน์ปล่อยให้ริมฝีปากของผมเป็นอิสระ แต่แขนก็ยังไม่ยอมออกห่างจากตัวผมจนผมต้องเอามือยันหน้าอกแกร่งนั้นเอาไว้ แล้วจ้องมองคนเจ้าเล่ห์ที่กำลังส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้แล้วยิ้มกว้างและกำลังจ้องมองผมอยู่เหมือนกัน
“หืม! หยุดทำไมว่ะ? ต่อเลยๆ ไม่ต้องเกรงใจ กูรอได้” รอเชี้ยอะไร ไอ้น้องเฮงซวย! ไม่ช่วยยังจะยืนมองอีก เสียงไอ้น้องชายฝาแฝดดังขัดจังหวะ(?)ของผมกับพี่ปันน์พอดี ทำให้ผมต้องหันไปมองจ้องเขม็งไอ้น้องชายที่ส่งสายตาเหมือนกำลังล้อเลียนผมไม่ยอมหยุด แล้วพี่ปันน์จะหันยิ้มให้ไอ้พอร์ตทำไมล่ะนั่น เข้าขากันดีเหลือเกินนะ
"เอ้า! ไอ้นี่ก็กอดอยู่นั่นแหละ ปล่อยเดี๋ยวนี้เลย"ผมที่ไม่รู้จะทำยังไงกับท่าทางล้อเลียนของอิมพอร์ตเลยหันมาพูดให้ไอ้คนที่กอดผมไม่ปล่อยมาเปลี่ยนใจคลายกอดจากตัวผมจะดีซะกว่า
"ฟอด! ตัวเจ้าทั้งนิ่มทั้งหอม ไม่ปล่อยตลอดชีวิตได้หรือไม่" ผมบ่นขมุบขมิบแล้วทำปากยื่นปากยาวไปด้วย ไอ้บ้า! จะกอดยันกูเน่าตายเป็นศพเลยใช่ไหม? เหอะ! ไม่เข้าใจคนโบราณปากหวานเสียจริง อย่าหวังว่าอิมเพรสจะหลงกล หลงรัก หลงใหล นะ เชอะ!(นางเป็นอะไร?)
"พอเหอะ ผมจะบ้าตาย อีกคนก็ตาหวานซะ อีกคนก็อายจนตัวแดงแหละ แล้วท่านมาที่นี่อีกทำไม?" หือ? สองคนนี้รู้จักกันหรอ? หรือว่าจะมีความลับที่ผมไม่รู้กันล่ะ
“แค่เจ้าอยู่เคียงข้างพี่ชาย สิ่งนี้ทำได้หรือไม่ กมลณัฐ” จู่ๆพี่ปันน์ก็กอดผมแน่นขึ้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับส่งสายตาคมดุไปให้อิมพอร์ตที่ตอนนี้ก็จ้องตอบไม่หลบสายตา
"หื้อ? กมลอะไรนะ เดี๋ยวก่อนทั้งสองคนไปเจอกันตั้งแต่เมื่อไร? พี่ปันน์! ไอ้พอร์ต!"
ผมที่เริ่มอยู่นิ่งไม่ได้ก็เริ่มดิ้นในอ้อมกอดของพี่ปันน์และจ้องมองทั้งสองคนด้วยความสงสัย ก็มันน่าสงสัยจริงๆนี่นา ไม่เคยรู้เลยว่าทั้งสองคนเคยเจอกัน ไม่เห็นน้องชายจะเล่าให้ผมฟังเลยนี่
"เหอะ! ไอ้คนลำเอียง เรียกเขาว่าพี่ ทีน้องเรียกว่าไอ้ ไปไกลๆเลย ไอ้พี่ปัญญาอ่อน ส่วนเรื่องนั้นมันสายไปแหละ ต้องโทษไอ้คนที่ยืนตรงหน้าท่านนี่แหละ ดื้อรั้นไม่มีใครเกิน" อิมพอร์ตว่าผมด้วยเสียงออกประชดประชันก่อนที่จะหันไปยิ้มแสยะให้กับพี่ปันน์ที่ตอนนี้ก็หันกลับมาจ้องผมด้วยสายตาดุ อย่าจ้องกันนักสิ คนนะเว้ย ไม่ใช่ปลากัด
"คุยเรื่องอะไรกันว่ะ ให้กูรู้เรื่องด้วยสิ แล้วจะไม่มีใครตอบใช่ไหม?" ผมเริ่มอารมณ์เสียแหละที่ทั้งสองคนไม่มีใครสนใจคำถามของผมเลย พวกแกเป็นอะไรกัน หา!
"ดูปากแล้วอย่ากระพริบตา" อยู่ๆ อิมพอร์ตก็มาพูดกับผมด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว เอ่อ! มันน่าจะแสยะมากกว่ายิ้มนะ
“อืมๆ จ้องอยู่ จะให้กูดูอะไรล่ะ” ด้วยความอยากรู้ ผมก็ต้องทำตามมันครับ เดี๋ยวมันไม่บอก ยิ่งอยากรู้ความลับของชาวบ้านเขาอยู่ด้วย(?)
“อย่า....เ-สื-อ-ก” ผลั้ว!
เสียงอะไรครับ เสียงอะไร...เหอะๆ เสียงผมเอาฝ่าเท้าอันงดงามถีบไปที่หน้าท้องอันแบนราบของไอ้น้องร่วมท้องด้วยความรักนี่แหละ มันด่าผมอ่ะ
"หึๆ ขี้น้อยใจจังนะ ข้าว่าปล่อยให้เป็นเรื่องของพี่น้องเสียจะดีกว่า" เสียงของคนที่คิดว่าน่าจะเงียบต่อไปดังขัดจังหวะอารมณ์จะกระทืบน้องของผม เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย ไอ้คุณชายปันน์ แล้วพี่ปันน์ก็คลายอ้อมกอดจากตัวผม(มันกอดนานมาก ถึงไม่พูดก็กอด)
"ท่านกลับไปเถอะ นี่มันพี่ชายผม ความปัญญาอ่อนของมัน ไม่มีใครรู้จักดีเท่าผม พวกผมคุยกันเองได้" หืม! ทำไมยิ่งฟังไอ้น้องชายมันฝอยแล้วยิ่งรู้สึกว่าอิมพอร์ตกำลังชมพี่ชายคนนี้ใช่ไหม?
"หึ อีกไม่นานก็ไม่ใช่" พี่ปันน์ที่กำลังหันไปทางหน้าต่างห้องของผมก็พูดเสียงเบาลอยลมมาจนผมกับอิมพอร์ตขมวดคิ้วด้วยความงุนงงในสิ่งที่พี่ปันน์พูด ทำไมต้องอีกไม่นาน? ระหว่างที่ผมกับอิมพอร์ตต่างกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่นั้น
"จุ๊บ! ไปก่อนนะที่รัก" และแล้วท่านชายปันน์ก็ฝากรอยจูบไว้ที่ริมฝีปากของผมยันวินาทีสุดท้ายจริงๆ ไอ้เฒ่าหัวงูเอ้ย!
"เฮ้ย!! อะไรกันเนี่ย ไอ้พี่ปันน์หนังเหี่ยว" ผมที่กำลังตะโกนไล่ด่าพี่ปันน์ที่ตอนนี้กระโดดออกไปทางหน้าต่างแล้วหายไปราวกับไม่ใช่คน ทำให้ผมยิ่งเดือดเข้าไปอีก ค่อยดูเถอะ จับได้เมื่อไรจะเฉือนหนังพันปีมาทำกระเป๋าซะเลย
"เพรสต้องเลิกยุ่งกับไอ้นิรยซะ ทำยังไงก็ได้อย่าเจอหน้ากันอีก" อยู่ๆอิมพอร์ตก็พูดกับผมด้วยน้ำเสียงจริงจังจนผมแปลกใจที่ไม่เคยเจอโหมดนี้ของน้องชายมาก่อน
"อะไรของแกว่ะ มึงบอกช้าไปแหละ นี่ฉันเจอไอ้บ้านั่นหลายรอบแล้วนะ แล้วสรุปชายหนุ่มคนนั้นน่ะ เพื่อนหรือแฟนกันล่ะ ไอ้น้องชาย กิ้วๆ" ผมที่ไม่เคยจริงจังกับชิวิตก็มีอารมณ์ไปล้อเลียนน้องเรื่องชายหนุ่มที่จูบน้องชายที่หน้าบ้านต่อด้วยความสนุกเลยล่ะ
"เฮ้ย! ได้ไงว่ะ ทำมาเปลี่ยนเรื่องเฉยเลย เหอะ!เสียแรงที่เกิดก่อน ไม่น่าโง่เลย พูดอะไรก็ไม่เข้าใจ ไอ้พี่สมองรั่ว ไอ้พี่เม็ดถั่ว บลาๆๆ" และแล้วน้องชายผมก็ผีเข้า อิมพอร์ตบ่นใส่ผมก่อนที่จะเดินออกจากห้องผมไปไม่หันกลับมามองผมอีกเลย เฮ้ย! ผมลืมอะไรหรือเปล่า? ไอ้น้องเชี้ย! ใครกันแน่ที่เปลี่ยนเรื่อง ด่ากูปัญญาอ่อนแล้วจากไป มึงก็มีดีเอ็นเอเดียวกับกูนั่นแหละ ไอ้น้องฟราย!
ค่ำคืนแห่งความฝัน
ภาพสงครามนองเลือดและสัตว์ประหลาดรูปร่างแปลกตากำลังห่ำหั่นกันด้วยอาวุธที่ผมไม่รู้จักมาก่อน ดวงตาแดงฉานนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกกระหายในสงครามและความเครียดแค้น ทำไมถึงสู้กันนะ แล้วผมอยู่ที่ไหนกันแน่ ทำไมไม่มีใครสนใจผมเลยล่ะ ทุกคนเดินผ่านผมราวกับอากาศที่มองไม่เห็น นี่มันฝันหรือว่าเรื่องจริงกันนะ
“เหลี่ยนฮวา...เหลี่ยนฮวา”
เรียกใครกัน? เรียกผมหรอ? แต่ผมไม่ใช่เหลี่ยนฮวานะ ผมชื่ออิมเพรสนี่ ผมที่กำลังสับสนก็หันมองซ้ายมองขวาท่ามกลางสงครามนองเลือดที่ผมกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด
“ในที่สุดข้าก็เจอเจ้า เหลี่ยนฮวา” ฉึก! หอกแหลมพุ่งเข้ามาใส่หน้าท้องของผม เจ็บจัง ทำไมผมต้องถูกทำร้ายด้วย ใครกัน? ผมมองบาดแผลที่มีเลือดไหลรินออกมาราวกับสายน้ำที่ไหลไม่มีวันหยุด นี่ผมกำลังจะตายหรอ?
“เจ้าต้องตายด้วยมือของข้าทุกๆชาติ” ผมที่กำลังทรุดตัวนอนหอบหายใจรวยระรินกับพื้นแทบจะขาดใจก็พยายามเงยหน้ามองชายหนุ่มรูปร่างบอบบาง แต่ดูแข็งแกร่ง ใบหน้าและดวงตาสวยจ้องมองเขม็งมาที่ผมด้วยความเกลียดชัง ผมยาวสีทองเปื้อนเลือดนั้นปลิวไสวตามสายลม ทำไมต้องมองผมด้วยสายตาแบบนั้นกัน? ผมทำอะไรให้เขาเกลียด?
“ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าที่ทำให้ทุกอย่างพังพินาศ” เสียงหวานแต่แฝงด้วยความโกรธแค้นปนเจ็บปวดตะคอกใส่ผมที่กำลังจ้องมองแล้วพยายามนึกให้ออกว่าเขาผู้นี้เป็นใคร แต่ทำไมผมถึงลืมกันนะ ?
“หึ เจ้ามันก็ทำหน้าตาใสซื่ออย่างนี้ทุกชาติ แต่แท้จริงอสรพิษ” ฉึก! ชายหนุ่มร่างบางดึงหอกออกจากร่างกายของผมแล้วแสยะยิ้มจนผมมองด้วยความรู้สึกสั่นไหว
“ชะ...ช่วยตอบได้ไหมว่า นะ..นายเป็นใคร อุ๊ก!” ผมพยายามเปล่งเสียงออกมาถามคนตรงหน้า แต่เลือดนี่สิที่ทำให้ผมกระอักแทบจะขาดใจอยู่แล้ว แต่ผมก็อยากรู้ว่าเขาเป็นใครอยู่ดี
“ข้าชื่อ...กะ”
######################50%#######################
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ