Chronicles Of Legend. ปฐมบทแห่งตำนาน
เขียนโดย LanzaDeLuZ
วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 19.07 น.
แก้ไขเมื่อ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 19.20 น. โดย เจ้าของนิยาย
62) ...The Last Light...(2)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
=============================================================
" ไม่! "
" เหอะน่า... "
" ไม่!! "
" เอาตามแผนนี้แหละ... "
" ไม่ๆๆๆๆ!!! "
" อุวะ! ตอนนี้มันใช่เวลามานั่งเถียงกันไหมเนี่ย? เอ้า! ไหนลองบอกเหตุผลมาซิ " เรย์ลาลีนที่นั่งเถียงกันอยู่แยกเขี้ยววับในขณะที่พริสซิลล่าก็แยกเขี้ยววับกลับมาเหมือนกันไม่มีผิด
" โห ยังจะถามเหรอ! ไอ้สิ่งที่นายพูดเนี่ยมันเรียกว่าแผนไม่ได้ด้วยซ้ำ!! แล้วไอ้กระบวนท่าที่นายบอกเนี่ยมันเกิดขึ้นได้แค่ในจินตนาการเท่านั้นแหละย่ะ เพราะถ้ามันทำได้จริงๆ ความรุนแรงของกระบวนท่านั่นมันต้องจัดเข้าไปอยู่กับ 1 ใน เทพวิชาที่สาปสูญ แบบสี่ตำลึงปาดพันชั่งแล้ว!! แผนห่วยแตกสิ้นดี! "
" ต...แต่มันก็เป็นแผนการห่วยแตกที่สุดที่ดีที่สุดที่เรามีตอนนี้แล้วนะ "
" ไม่คิดว่าคำพูดตัวเองมันย้อนแย้งในตัวมันเองมั่งรึไง? " พริสซิลล่าถามเบาๆพร้อมทำหน้าเอือมระอาเต็มที่
" บ๊ะ! เรื่องหยุมหยิมอย่าคิดมากน่า ...เธอก็พึ่งจะบอกไปเองไม่ใช่เหรอว่าถ้ายังไม่มีอะไรมาขัดขวางแลนซ์กับหอกของเขา แลนซ์มีหวังได้กวาดที่นี่ราพณาสูรแน่ๆ แถมถ้าจะให้ดูจากระดับพลังของหอกนั่นตอนนี้ ต่อให้เรามีราชศาสตราคุ้มหัวอยู่อีกเป็นสิบชิ้นก็มีหวังไม่เหลือซากอยู่ดี ใจคอเธอจะนั่งงอมืองอเท้ารอความตายเชียวเหรอ?! "
" อ...อึก " พริสซิลล่าอึ้งไปเล็กน้อยอย่างจำนนด้วยเหตุผล แต่ถึงยังงั้นเธอก็ยังอดบ่นเบาๆไม่ได้ " ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะตายสบายๆมากกว่าตายลำบากนี่ "
" พวกเราต้องไม่ตาย พริสฯ ...ฉันขอสาบานด้วยเกียรติยศของฉันเลยว่าฉันจะไม่ยอมให้เธอตายแน่ " เพราะต้องมาอยู่ในสถานที่ที่มีแต่ความปลอดภัยมานาน เมื่อมาเจอเรื่องเสี่ยงตายแบบรัวๆแบบนี้ ทำให้เขารู้สึกเหมือนย้อนกลับไปวันคืนเก่าๆบนเกาะทองคำอีกครั้ง และรอยยิ้มกับคำพูดชวนเข้าใจผิดของเขานี่ก็เป็นรอยยิ้มและคำพูดที่เขามักใช้ประจำ โดยไม่เคยคำนึงถึงผลที่จะตามมาเลย
ผัวะ !!!
" แอ๊ก! ต...ต่อยผมทำไมฟะ?!! "
" ก็ต่อยนายแทนผู้หญิงทุกคนที่ต้องมาเสียใจกับเสียน้ำตาเพราะรอยยิ้มกวนโมโหกับคำพูดชวนเข้าใจผิดของนายน่ะสิ! ถึงนายจะใช้มันล่อลวงยัยเฮเลนกับผู้หญิงคนอื่นๆได้ แต่อย่าหวังว่าจะมาใช้กับฉันได้นะยะ!! "
" เฮ้ยๆๆๆ เดี๋ยวสิๆๆๆ งานนี้ขอเวลานอกก่อนเลย...ฉันไปล่อลวงยัยเฮเลนตอนไหนกันฟะเฮ้ย?! " เรย์ลาลีนรีบแก้ตัวกับความผิดที่เขาไม่ได้ก่อทันควัน แต่ก็ต้องขนลุกซู่ทันทีจากจิตสังหารที่พุ่งวูบออกมาจากพริสซิลล่าชนิดที่เข้มข้นมากพอจะรวมเป็นรูปร่างเพื่อบีบคอเขาได้เลย
" อ๋อ...เข้าใจล่ะ...นี่แกจะบอกว่าแกจะไม่ยอมรับผิดชอบกับความหวั่นไหวที่เฮเลนมีให้กับแกใช่ไหม? ...นี่ เรย์ฯ ดูนะๆ เดี๋ยวฉันจะเล่นกลแยกหัวคนออกจากร่างให้ดู " คำพูดเย็นๆพร้อมกับเสียงบีบมือดังกร๊อบๆของพริสซิลล่าทำเอาเรย์ลาลีนต้องถอยกรูดไปติดมุมห้องพร้อมกับโบกมือปฏิเสธทันที
" เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆๆ กลับสู่ปัจจุบันก่อนๆๆ อย่าพึ่งมาเสียเวลาตอนนี้สิ เดี๋ยวไอ้หอกบ้านั่นชาร์จชาร์จพลังเสร็จก็ได้ม่องเท่งกันหมดพอดี "
พริสซิลล่าสบถพึมพำเบาๆ แถมยังส่งสายตาพิฆาตมามองที่เขาอยู่เนืองๆเหมือนกับยังไม่อยากจะจบเรื่องนี้ซะอีก เธอเรียกเคียวคู่อันเป็นราชศาสตราประจำตัวของเธอกลับเข้าสู่มืออีกครั้ง
" พริสฯ... " เรย์ลาลีนเอ่ยเบาๆด้วยความเป็นห่วง
ถึงแม้ว่าพริสซิลล่าจะพยายามเต็มที่เพื่อให้ตัวเองดูเป็นปกติที่สุด แต่เรย์ลาลีนก็รู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังฝืนขีดจำกัดของตัวเองอยู่จากปลายเคียวที่กำลังสั่นเล็กน้อยจากมือที่สั่นสะท้านของเธอ...การระเบิดอย่างรุนแรงจากหอกแห่งแสงแบบกะทันหันเมื่อครู่สร้างอาการบาดเจ็บตกค้างกับเธอไม่ใช่น้อยๆทีเดียว
" ก็ได้...เรย์ฯ เอาตามแผนที่นายว่าก็ได้ " พริสซิลล่าตัดบทเบาๆ ก่อนจะหลับตาลงพร้อมกับชาร์จพลังระดับสูงจนสร้างออร่าสีดำแผ่กระจายออกมารอบตัวอีกครั้ง
" กรร! " เมื่อรู้สึกถึงสิ่งคุกคาม แลนซ์ในร่างอวตารเทพเจ้าตัดสินใจพุ่งลงมาจากอากาศเพื่อกำจัดสิ่งคุกคามอีกครั้งโดยปล่อยให้หอกที่ลอยอยู่ดูดกลืนอณูธาตุสายลมต่อไปเรื่อยๆ
ถึงแม้ว่าจะไร้ซึ่งหอก แต่ร่างอวตารของแลนซ์ก็มีความสามารถในการต่อสู้ไม่ได้ด้อยลงเลย ปีกทั้งสี่ที่งอกออกมาจากกลางหลังทำหน้าที่แทนหอกได้ราวกับมือเท้าของเขาไม่มีผิด แต่เรย์ลาลีนก็ตั้งรับด้วยการแยกเท้าออกพร้อมกับใช้วิชา ท่าร่างมายา ภูษาเทพวายุ เพื่อรับการโจมตีของอีกฝ่ายอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ยอมถ่ายเทพลังลงพื้นแต่กลับใช้พลังที่รับมาเพื่อโจมตีกลับไปโดยไม่ยอมให้ตัวเองตกเป็นรองอีก
" ผนึกทมิฬ 5 วิถี โลงศพมาร !! " เพียงไม่ถึงกึ่งอึดใจต่อมา พริสซิลล่าก็ใช้กระบวนท่าระดับสูงประจำราชศาสตราของเธออีกครั้ง แต่คราวนี้เป้าหมายของเธอกลับเป็นหอกแห่งแสงที่ลอยดูดพลังอยู่บนอากาศแทน
สิ้นเสียงคำรามของพริสซิลล่าเพียงพริบตา อักขระมารรูปดาว 5 แฉกก็ปรากฎขึ้นอีกครั้ง คราวนี้สร้างหนามแหลมเกือบครึ่งร้อยพุ่งขึ้นไปเกี่ยวพันทับหอกจนแทบมิด ก่อนที่โลงไออ้อนเมเด้นสีดำสนิทจะพุ่งประกบผนึกหอกทั้งเล่มไว้ และปรากฎโซ่สีดำทมิฬอีกนับสิบเส้นมัดโลงไว้อย่างแน่นหนาอีกครั้ง!...ที่พริสซิลล่าพูดไว้ว่าเธอออมมือไว้ในตอนแรกไม่ใช่เรื่องที่เธอโม้เองเลย เพราะถ้าเธอใช้พลังที่แท้จริงนี่กับแลนซ์ในครั้งแรก ต่อให้หอกแห่งแสงแข็งแกร่งกว่านี้เป็นเท่าตัวก็ไม่อาจช่วยชีวิตแลนซ์ไว้ได้แน่!!
" ?!!! " แลนซ์ในร่างอวตารซึ่งถูกหอกครอบงำอยู่หันขวับกลับไปมองอย่างตกใจเต็มที่ แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรเรย์ลาลีนก็ชกเปรี้ยงด้วยเวทย์สายลมระดับ 7 ทันทีจนแลนซ์ถึงกับเซแท่ดๆๆๆ
" พริสฯ รับช่วงต่อที! " จอมเวทย์หนุ่มกระโดดถอยหลังกลับไปพร้อมกับที่พริสซิลล่าควงเคียวคู่คำรามลั่นเข้ามารับมือแลนซ์แทนโดยที่เขาไม่ลืมตบไหล่หญิงสาวเบาๆ ขณะกระโดดส่วนผ่านกันด้วย
" หวังว่าเวทย์ที่นายวางแผนไว้จะได้ผลก็แล้วกัน!! " พริสซฺิลล่าตะโกนตอบกลับมาราวกับคาดโทษดังๆ เพราะงานนี้ถ้าหากไม่เวิร์คเธอก็ไม่มีแรงและพลังมากพอจะหลบหนีต่อไปอีกแล้ว
" ก็นี่แหละที่ฉันเป็นห่วงที่สุดล่ะ " เขาได้แต่บ่นกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะรีบก้มลงวาดอักขระเวทย์โบราณขนาดใหญ่สุดๆลงพื้นทันที แสดงให้เห็นถึงความยากระดับโคตรๆของเวทย์ที่เขากำลังจะเตรียมร่าย พูดตามตรงเวทย์ที่เขาจะร่ายต่อไปนี้มันไม่มีทางที่เขาจะทำได้เลยแม้ในยามปรกติ อย่าว่าแต่ตอนสภาพอดนอนบวกกับขีดจำกัดพลังเวทย์เหลือไม่ถึงครึ่งแบบนี้เลย
เมื่อเขียนวงเวทย์เสร็จสิ้นเขาก็ก้าวไปยืนอยู่กลางวงเวทย์ ก่อนจะร่ายเวทย์สร้างศรสายลมเล็กๆ 2-3 ดอกมาไว้ในมือก่อนจะยิงไปที่หอกแห่งแสงอย่างรวดเร็ว
วูบบบบบ
เพียงแต่เมื่อถึงระยะหนึ่ง ศรสายลมของเขาก็ถูกดูดวูบเข้าไปในหอกโดยไม่อาจสร้างความเสียหายได้อย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด...ขอเพียงเป็นอณูธาตุสายลม ต่อให้อยู่ในรูปแบบไหนหรือของใคร หอกแห่งแสงนี้ก็ดูดเข้าไปเพิ่มพลังตัวเองแบบไม่สนจริงๆ
" นี่! ทำบ้าอะไรของนายน่ะ ไม่เห็นเหรอว่าหอกนั่นมันเพิ่มพลังขึ้นไปอีกขั้นแล้วนะ " ขนาดต้องรับมือกับแลนซ์ในร่างอวตารเทพ พริสซิลล่ายังอุตส่าห์หันมาต่อว่าเขาจนได้ จนเรย์ลาลีนต้องเกาหัวแกรกๆ
" ก็แค่ลองสมมุติฐานของฉันนิดหน่อยเท่านั้นน่า "
" แล้วมันใช่เวลาไหมเนี่ย?! จะทำอะไรก็รีบทำเข้าสิยะ ไม่งั้นพวกเรามีหวังได้ลงนรกกันหมดแน่! "
เรย์ลาลีนเบะปากพร้อมกับอ้าพะงาบๆเลียนแบบคำพูดของพริสซิลล่าโดยไม่มีเสียงก่อนจะกลอกตาพร้อมกับถอนหายใจเฮือก
' สมมุติฐานของเราไม่ผิดจริงๆ หอกนั่นดูดสายลมทุกอย่างเข้าไปเพิ่มพลังให้กับตัวเองโดยไม่เกี่ยงว่าจะเป็นรูปแบบไหน ...ถ้างั้นเราก็ยังพอมีหวัง เอาล่ะ! '
ชายหนุ่มทรุดลงเอามือตบพื้นซึ่งร่ายอักขระเวทย์ทิ้งไว้ ฉับพลันอักขระนั่นก็เปล่งประกายสีดำวูบ
" ...ด้วยพันธสัญญาลับแต่กาลก่อน ข้าฯขออัญเชิญท่านกลับมาจากปรภพอีกครั้ง ทรราชย์วายุทมิฬ วินเชสเตอร์ !! " พริบตาที่เขาร่ายเวทย์จบ บริเวณพื้นดินที่เขาใช้วาดอักขระเวทย์ก็แตกระแหงแยกออกจากกัน พร้อมกับปรากฏเสียงฟู่! และพลังธาตุสายลมสีดำสนิทหมุนคว้างเป็นเกลียวออกมาจากรอยแยกนั้น
" ...สายฟ้าจงคำรณ สายลมจงหมุนวน มาร่วมต่อสู้เคียงข้างกับข้าฯ !! "
สายลมสีดำที่หมุนวนอยู่นั้นคำรามครืนสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทุกทิศทุกทางราวกับตอบรับคำขอของเรย์ลาลีน ก่อนจะหมุนวนรวมกันเป็นรูปร่างชายร่างใหญ่ที่ไร้หน้ายืนอยู่ด้านหลังเขา
' นี่มัน ...ด้านมืด ...แถมเป็นระดับอัญเชิญเทพผู้ปกป้องธาตุสายลมด้านมืดด้วยนี่นา? สามารถใช้ด้านมืดระดับนี้ได้โดยไม่ถูกครอบงำงั้นเหรอ? ' พริสซิลล่าเหลือบสายตามามองอย่างทึ่งๆ เพราะถ้าเป็นบุคคลทั่วไป ป่านนี้ก็คงถูกด้านมืดครอบงำจนบ้าคลั่งไปนานแล้ว
" อุ!...หนักเอาการเหมือนกันแฮะ " ในเมื่อพลังในการรายเวทย์ไม่พอ เขาก็จำเป็นต้องหาพลังอื่นมาช่วยเหลือ แม้จะไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดเท่าไหร่แต่วินาทีนี้เขาเองก็ใช่ว่าจะมีทางเลือกมากนัก แต่ถึงเขาจะใช้ด้านมืดอีกครั้งแต่เขาก็ไม่ยอมให้ด้านมืดเข้ามาสู่ร่างกายเหมือนการใช้ ร่างทรงทรราชย์วายุทมิฬ แบบครั้งก่อน แต่ใช้การเรียกออกมาใช้เป็นคราวๆ พร้อมกับผนึกเป็นคราวๆ แทนเพื่อลดความเสี่ยงในการถูกครอบงำ ซึ่งนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาทดลองใช้เช่นกัน
' ไม่ต้องห่วงหรอก เรย์ฯ ...ตราบเท่าที่มีฉัน (ราชศาสตราปริศนา-อินิกม่า) อยู่ ด้านมืดระดับเพียงเท่านี้ไม่อาจจะแทรกแซงเข้ามาได้แน่ๆ ฉันจะช่วยป้องกันอีกแรงนึง เพราะงั้นสบายใจเรื่องนี้ได้ ' สิ้นเสียงของหญิงสาวภายในหัว เส้นเลือดสีเงินอันเป็นราชศาสตราของเขาก็เปล่งแสงสว่างวาบ ทำให้ตัวของจอมเวทย์หนุ่มรู้สึกเบาลงเป็นกอง ราวกับมีอะไรบางอย่างมายกแรงกดดันที่มองไม่เห็นออกไปจากกายเขา
' ข...ขอบใจนะ ...เอ่อ... '
' อินิกม่าค่ะ ...เรียกฉันว่าอินิกม่าเถอะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว ' แม้จะมองไม่เห็น แต่เรย์ลาลีนกลับรู้สึกได้เลยว่ามีรอยยิ้มและกำลังใจจากหญิงสาวผู้นี้มาให้
เมื่อไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกด้านมืดเข้าครอบงำ เรย์ลาลีนก็เริ่มแผนการที่เขาคิดไว้ทันที
" จงร่ายพยุหมนตราไปพร้อมกับข้า วินเชสเตอร์ !! "
" วัจนะของข้าบัดนี้มอบให้แก่เจ้า ! " สายลมหมุนสีดำสนิทที่ก่อร่างเป็นรูปมนุษย์คำรามตอบกลับมาราวกับเป็นการยอมรับคำเสนอกึ่งๆคำสั่งของจอมเวทย์หนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขา และแล้วทั้งสองเสียงก็ร่วมกันร่ายเวทย์พร้อมกันราวกับมาจากคนๆเดียว
" ในนามแห่งผู้สำเร็จ ห้วงคำนึงแห่งสายลม ข้าแต่เทพอารักษ์ผู้พิทักษ์ธาตุสายลมอันศักดิ์สิทธิ์ บัดนี้ข้าขอยืมพลังอันไร้ผู้ต่อกรของท่านอีกครั้ง โปรดมอบหอกและโล่ของท่านลงมา เป็นศาสตราให้ข้าฟาดฟันอริราชศัตรูให้หมดสิ้น--- "
ระหว่างที่เรย์ลาลีนกำลังร่ายเวทย์อยู่นั้น พริสซิลล่าที่เขาฝากความหวังไว้ใหเป็นปราการด่านหน้าเพื่อปกป้องตัวเขาก็เริ่มหน้าซีดขาวลงเรื่อยๆ หากไม่นับที่ว่าแลนซ์ในตอนนี้ครอบครองฉัพพรรณรังสีแห่งทวยเทพซึ่งเป็นของแสลงสุดๆสำหรับเคียวทมิฬ-เนเมซิสของเธอ อาการบาดเจ็บตกค้างจากการระเบิดพลังของหอกในคราวแรกก็สร้างความลำบากแก่เธอไม่ใช่น้อยๆ แม้ว่าเธอจะทำเป็นเก็บอาการไว้ก็ตามที
" อ...อึก! " ขณะกำลังรับพลังเทพของอีกฝ่าย อยู่ๆลำคอของเธอก็หวานวูบ ก่อนที่เธอจะกระอักเลือดสีคล้ำอันเกิดจากการบาดเจ็บภายในออกมาคำใหญ่ ชั่ววินาทีที่ตัดสินความเป็นความตาย แลนซ์ไม่ยอมให้โอกาสงามๆนี้หลุดลอยไปเลย ปีกทั้งสี่ของเขาหุบวูบเข้ามารวมกับด้านหน้าพร้อมกับที่เขาคำรามเบาๆ
" ลำแสงตัดฟ้า! "
สิ้นเสียงคำราม ที่ปลายปีกทั้งสี่ก็เปล่งแสงสว่างวาบร่วมกันสร้างลำแสงที่เทียบระดับได้ถึงระดับ 9 จู่โจมพริสซิลล่าที่กำลังคุกเข่าไอสำลักเลือดที่กระอักออกมาอยู่ทันที!
" แย่แล้ว! " พริสซิลล่าร้องได้เพียงเท่านั้นเธอก็ต้องรีบใช้เคียวคู่ในมือยกขึ้นตั้งรับทันที แต่เพราะการกระอักเลือดทำให้การเดินพลังไปหล่อเลี้ยงราชศาสตราที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องสะดุดหยุดลง การยกราชศาสตราเปล่าๆที่ไร้พลังขึ้นกันลำแสงระดับนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการรับลำแสงนี่ตรงๆเลย
ช่วงเสี้ยววินาทีนั้นเอง ถึงจะไม่อยากจะยอมรับแต่เธอก็หลับตาลงอย่างยอมรับชะตากรรม
' จบแค่นี้งั้นเหรอเนี่ย... '
เปรี้ยง !!!
เพียงแต่ก่อนที่ลำแสงสีขาวนั้นจะพุ่งเข้าถึงตัวเธอเพียงครึ่งองคุลี แขนของเธอก็ปรากฏกระแสลมหมุนสีเขียวดูดเอาลำแสงระดับสูงนั้นและหมุนควงมาที่มืออีกข้าง ก่อนที่กระแสลมหมุนที่ดูดกลืนลำแสงนั้นจะถูกส่งพุ่งกลับไปยังเจ้าของลำแสงในชั่วพริบตา!
" !!! " พริสซิลล่าเบิกตากว้างแทบถลนออกนอกเบ้าอย่างตื่นตะลึง
' น ...นี่มัน? ท่าร่างมายา ภูษาเทพวายุนี่ ...ตั้งแต่ตอนไหนกัน !! ' เธอหันขวับกลับไปมองเรย์ลาลีนที่ยังคงยืนร่ายเวทย์อยู่โดยที่แทบจะไม่หันมาสนใจเธอเลยด้วยซ้ำพร้อมทั้งขมวดคิ้วอย่างนึกไม่ออกจริงๆว่าไอ้เวทย์ยากๆระดับนี้มันมาปรากฏขึ้นบนตัวเธอได้ยังไง
ในขณะเดียวกัน เรย์ลาลีนที่กำลังหลับตาร่ายเวทย์ยาวเฟื้อยอยู่ก็ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อสมาธืของเขาถูกรบกวนด้วยเสียงหญิงสาวที่เรียกตัวเองว่า อินิกม่า ที่ดังขึ้นในหัวเบาๆว่า
' หืม...นี่ท่าน...หมายถึงนายเล่นกลอีท่าไหนเนี่ย? '
' อะไรอีกล่ะ โธ่! อย่าทำให้เสียสมาธิสิ ' จอมเวทย์หนุ่มคิดในใจตอบกลับไปเบาๆขณะที่ปากยังคงพึมพำร่ายเวทย์ที่ร่ายค้างไว้อยู่ด้วยความเร็วไม่ตกลงเลย อันแสดงให้เห็นถึงสมาธิระดับสุดยอดของเขาที่มีไม่กี่คนนักที่จะทำได้
' ก็ท่าภูษาเทพวายุนี่เป็นท่าที่นายพึ่งใช้ไปไม่ใช่เหรอ ...แล้วอยู่ๆมันไปอยู่ที่ผู้หญิงคนนั้นได้ยังไงกันล่ะ? '
' โธ่เอ้ย นึกว่าจะถามอะไร ...จำตอนที่ฉันตบไหล่ยัยนั่นตอนที่สวนกันได้ไหม? ฉันส่งต่อท่านั่นไปให้เธอเพื่อเป็นหลักประกันว่าเธอจะต้านทานอีกฝ่ายได้ยังไงล่ะ '
' หืม ...ตอนนั้นนั่นเอง คิกๆๆๆๆ '
' ห ...หัวเราะอะไร? ' เรย์ลาลีนถามขึ้นในใจอย่างหวาดระแวง
' เปล่าหรอก ...ฉันก็แค่กำลังคิดว่าผู้ใช้ราชศาสตราที่ฉันเลือกมาคราวนี้ช่างเป็นคนที่มีจิตใจดีเสียเหลือเกินนะ '
' พูดได้ก็พูดไป ' เขาตัดบทอย่างหงุดหงิดเพราะอีกฝ่ายดันพูดซะแทงใจดำเขาเต็มๆเลย
" กรรรรรรรรรรร !!!!!!!!!!! " เมื่อสุดยอดท่า ลำแสงตัดฟ้า ที่แลนซ์หมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นท่าจบงานแบบสมบูรณ์กลับถูกสะท้อนกลับมาโจมตีเขากลับแบบเต็มๆ แม้ว่าอาการบาดเจ็บจะมีเพียงเล็กน้อยเพราะการฟื้นสภาพความเร็วสูงจากร่างอวตารเทพ แต่ระดับความโมโหที่ถูกลูบคมนี่พุ้งปรี๊ดจนมาตรวัดแทบแตกทีเดียว เขาหันควับไปมองเรย์ลาลีนผู้เป็นเจ้าของเวทย์ป้องกันน่าโมโหที่ปกป้องร่างของหญิงสาวตรงหน้าอยู่พร้อมกับคำรามลั่นและพุ่งเข้าใส่จอมเวทย์หนุ่มที่อยู่ในสภาพไร้การป้องกันโดยสิ้นเชิงทันทีด้วยความเร็วราวกับกระสุนปืน!
" ฝันไปเถอะเจ้าหอกบ้า!! ท่าไม้ตาย หมื่นคมเคียวแหวกธรณี !!! " เพียงเสี้ยววินาที พริสซิลล่าแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่าง ผู้ใช้ราชศาสตรา และ ผู้ที่ถูกราชศาสตราครอบงำ ให้เห็นอีกครั้ง เธอใช้เวลาที่แลนซ์โดนโจมตีสวนเพียงไม่กี่วินาที ส่งพลังไปไหลเวียนในเคียวคู่ของเธออีกครั้งพร้อมกับปักเคียวลงพื้นทันที
เปรี้ยง !!!
สิ้นเสียงตวาดของพริสซิลล่า เคียวคู่ที่ปักอยู่บนพื้นของเธอก็พุ่งหายลงพื้นทันที ชั่วพริบตาต่อมาคมเคียวอันแหลมคมที่คล้ายกับเคียวทมิฬ-เนเมซิสนับร้อยนับพันเล่มก็พุ่งทะลุทั่วพื้นห้องโถงทั้งหมดทันที คมเคียวที่ทะลุพื้นขึ้นมาทำหน้าที่ทั้งปกป้องเรย์ลาลีนและทั้งโจมตีแลนซ์ที่ถูกครอบงำในเวลาเดียวกันด้วยความถี่ที่แม้แต่แลนซ์ที่อยู่ในร่างอวตารยังไม่อาจป้องกันได้!
' หืม... '
' ปัดโธ่! บอกแล้วไงว่ามันเสียสมาธิ !! คราวนี้อะไรอีกล่ะ '
' อ๊ะ โทษทีๆ ฉันเพียงแค่คิดอะไรนิดหน่อยเท่านั้นแหละ '
' คิด? '
' ฉันก็แค่คิดว่านายกับ...ยัยผู้ใช้ราชศาสตราเนเมซิสนี่ต่อสู้ได้เข้าขากันดีเหลือเกินนะ ...ราวกับเป็นพรรคพวก ที่อยู่ผ่ายเดียวกัน ร่วมมือกันมาแต่นมนานไม่มีผิด '
คำพูดของอินิกม่าทำเอาเรย์ลาลีนชะงักกึก เสียสมาธิไปเสี้ยววินาทีจนเกือบจะทำให้มหาเวทย์ที่ร่ายอยู่สลายกลายเป็นธาตุอากาศไป ก่อนที่เขาจะได้สติและรีบร่ายเวทย์ที่กำลังร่ายค้างไว้ต่อจากเดิมอย่างรวดเร็วจนลิ้นแทบจะพันกัน
' พูดอะไรของเธอ! ฉันแค่ยอมร่วมมือกับยัยนั่นเพื่อช่วยแลนซ์ต่างหาก ไม่มีอะไมากไปกว่านั้น!! '
' หืม...ไม่ต้องรีบตอบก็ได้ ...อย่าลืมสิว่าตัวฉันเป็นของนายอย่างสมบูรณ์แล้ว ไม่ว่านายจะเลือกที่จะเข้าข้างใคร อยู่ฝ่ายไหนฉันก็พร้อมจะส่งเสริมนายเสมอ เพราะงั้น ฉันขอให้นายคิดดีๆ ก็แล้วกัน ' หญิงสาวตอบกลับมาในหัวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไม่ยินดียินร้ายใดๆทั้งสิ้น แม้ว่าบางคำในประโยคจะชวนให้เข้าใจผิดแบบคิดลึกสุดๆ แต่เรย์ลาลีนก็รู้ดีว่าหญิงสาวในหัวหมายถึงอะไร
" พอกันที !!! " แลนซ์ที่บัดนี้มีเศษปลายเคียวสีกำสนิทปักคาอยู่ทั่วทั้งตัวตวาดลั่นอย่างเดือดดาลพร้อมกับพุ่งขึ้นไปบนอากาศสูงจนหัวของเขาแทบจะติดเพดานห้องโถงพร้อมกับชาร์จพลังจนกระทั่งทั้งตัวเปล่งแสงสว่างราวกับหลอดไปออกมา พลังธาตุแสงที่อยู่ในร่างขยี้เศษปลายคิวที่ติดอยู่จนเป็นผุยผงในชั่วพริบตา
" บ้าน่า?!! ขนาดไม่มีหอกมาช่วยยังเปล่งพลังได้ถึงระดับนี้เลยเหรอ?!! " พริสซิลล่าถึงกับอุทานลั่น เพราะเธอไม่คิดว่าแลนซ์และหอกแห่งแสงจะมีพลังที่เหมือนกับใช้ได้ไม่มีวันหมดแบบนี้ ถึงแม้ว่าพลังที่แลนซ์กำลังชาร์จอยู่นี่จะไม่ถึงกับฆ่าเธอหรือเรย์ลาลีนที่มีราชศาสตราปกป้ออยู่ได้ในคราวเดียวก็เถอะ แต่ไม่ใช่กับอาคารเรียนนี่ ...พลังระดับนั้นมีหวังทำให้อาคารเรียนนี่มีหวังได้ถล่มลงมาในชั่วพริบตาแน่ๆ
" ด้วยอำนาจแห่งสมญา ราชินีน้ำแข็ง ข้าขอผนึกเจ้าไว้ใต้ความเย็นเยียบชั่วกัปกัลป์!! โลงเย็นนิรันดร์!! (30%) "
แต่ก่อนที่พลังอันบริสุทธ์ที่แลนซ์ชาร์จไว้จะได้ทันใช้สร้างหายนะอะไร ร่างของเขากลับถูกพลังไอเย็นระดับสูงแช่แข็งแทบจะในทันที พริสซิลล่าหันขวับไปที่ต้นตอของพลังเวทย์น้ำแข็งนั่นทันที ก่อนที่ดวงตาของเธอจะเบิกกว้างขึ้นอีกครั้งอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
" นี่คงจะไม่ได้บอกว่าลืมพวกเราทั้งคู่ไปแล้วใช่ไหมเนี่ย? แหมๆๆๆ มีของสนุกอยู่ตรงนี้ก็ไม่บอกกันซักคำ " ราชินีปิศาจ เซลรีเนีย เดียรริส อันดาเรสยิ้มพรายเดินนวยนาดเขามาพร้อมกับรอยยิ้มทรงเสน่ห์อันเป็นแบบฉบับของเธอ พร้อมกับคาสซานดร้า อาโร คริสตัล จอมเวทย์น้ำแข็งสาวที่ขณะนี้ใช้ไม้เท้าเวทย์ของเธอชี้ไปที่แลนซ์เพื่อส่งพลังไปผนึกอีกฝ่ายอยู่อย่างไม่ยอมออมมือเลย
" เซลรีเนียงั้นเหรอ? เหลือเชื่อ! มาได้จังหวะพอดีเลย "
" เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ ว่าแต่ไปมาอีท่าไหนถึงได้มาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้ล่ะเนี่ย? ฉันงงไปหมดแล้วนะ แล้วชาโดว์ที่เป็นหุ่นเชิดของเธอไปไหนซะแล้วล่ะ? " เซลรีเนียเลิกคิ้วพร้อมกับถามเบาๆ ในขณะที่พริสซิลล่าโคลงหัวพร้อมกับยักไหล่เล็กน้อย
" พังไปแล้ว กองอยู่ตรงโน่นไง "
แม้ว่าคำพูดของเธอจะไม่ถึงกับทำให้เรย์ลาลีนเสียสมาธิ แต่เขาก็ถึงกับต้องขมวดคิ้วจนแทบติดกัน ก่อนที่เขาจะละมันทิ้งเสียโดยเห็นแก่สถานการณ์ตรงหน้าเป็นสำคัญก่อน
เพล้ง !!
" เนียฯ ผนึกของฉันเอาไม่อยู่แล้ว เธอจัดการต่อทีสิ! " คาสซานดร้าร้องบอกเซลรีเนียเบาๆ พร้อมกับปักไม้เท้าลงพื้นเพื่อเตรียมร่ายเวทย์บทใหม่ ในขณะที่เซลรีเนียพยักหน้าเบาๆ
" เข้าใจแล้วน้องด้าฯ ปล่อยให้ฉันจัดการเอง ช่วยระวังหลังให้ด้วยล่ะ "
' น...เนีย? น...น้องด้า?? เฮ้ยๆ ไอ้สรรพนามที่โคตรจะสนิทกันปานคบกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนนี่มันอะไรกันฟะ?!! ' เรย์ลาลีนได้แต่นึกในใจอย่างงงๆ กอ่นจะดึงตัวเองกลับสู่สมาธิอีกครั้ง ไม่งั้นมีหวังวันนี้ก็ไม่มีวันร่ายเวทย์จบแน่
" ข้าขอยอมรับบาปทุกประการที่ข้าจะได้กระทำไป โปรดให้อภัยและยอมมาเป็นกำลังแก่ข้าอีกครั้ง ...ทุกคนถอยออกมาให้หมด !! " เรย์ลาลีนตวาดลั่น แต่ถึงเขาไม่พูดทุกคนก็เตรียมจะพุ่งออกห่างจากแลนซ์ที่เป็นเป้าหมายของเขาอยู่แล้ว เพราะกระแสเวทย์เข้มข้นระดับน่าขนลุกที่เขาถืออยู่ในมือไม่ใช่อะไรที่พวกเธออยากจะเสี่ยงไปด้วยเลย ในขณะที่พริสซิลล่าที่เป็นผู้ที่รับรู้และนัดแนะแผนการณ์ไว้แล้วก็กระโดดถีบเปรี้ยงเข้าเต็มยอดหน้าของแลนซ์จนกระทั่งอีกฝ่ายปลิวไปติดโลงศพมารของเธอที่ผนึกหอกแห่งแสงเอาไว้ ก่อนที่เธอจะตะโกนตอบกลับมาดังลั่น!
" พร้อมแล้ว! จัดการเลย!! "
" จงกู่ร้องคำรามให้กึกก้อง ขุดรากถอนโคนให้สิ้น!! มหาวายุระดับเก้า 3 ชั้น (Triple spells) เสาลมค้ำฟ้า!! "
...................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ