Chronicles Of Legend. ปฐมบทแห่งตำนาน
เขียนโดย LanzaDeLuZ
วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 19.07 น.
แก้ไขเมื่อ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 19.20 น. โดย เจ้าของนิยาย
61) ...The Last Light...(1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
========================================================
" เอาล่ะ...งั้นเรย์ฯ นายมีแผนอะไร " พริสซิลล่าถามเบาๆพร้อมกับเรียกราชศาสตราเคียวทมิฬ-เนเมซิสทั้งคู่ออกมาสู่มืออีกครั้ง
" อืม...ฉันยังไม่ค่อยคุ้นชินกับการใช้ราชศาสตราอะไรนี่เลย "
" ก็แหงล่ะสิ ...ราชศาสตราเหล็กไหลปริศนา-อินิกม่าขึ้นชื่ออยู่แล้วเรื่องการใช้ที่ยากที่สุดในบรรดาราชศาสตราทั้งหมด แถมนายยังพึ่งได้รับการครอบครองแค่แปปเดียวเอง ใช้ไม่คล่องก็ไม่แปลกหรอก "
" ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอไปรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหน แต่เอาตามที่เธอว่าล่ะกันเอาเป็นว่าฉันจะยืนเป็นแบ๊คให้ ส่วนเธอ...ฉันเชื่อว่าเธอคงจะมีท่าที่พอจะหยุดแลนซ์ได้ โดยที่เขาไม่ได้บาดเจ็บจนถึงขั้นปางตายหรือเสียอวัยวะใดอวัยวะหนึ่งไปใช่ไหม? " เรย์ลาลีนพูดเบาๆอย่างตั้งความหวัง แต่สิ่งที่ตอบกลับมากลับเป็นเพียงแววตาแปลกๆของหญิงสาวข้างๆ
" ทำหน้าแบบนี้แปลว่าไม่มี...สินะ? "
" ทานโทษเถอะค่ะ...คุณเรย์ลาลีนเจ้าขา...ราชศาสตราไม่ใช่ยักษ์ในตะเกียงแก้วนะเจ้าคะ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นอาวุธ แล้วอาวุธโลกไหนกันที่จะออกแบบมาให้มาโจมตีคนอื่นแบบไม่ถึงเลือดถึงเนื้อถึงชีวิตบ้าง? " พริสซิลล่าหันกลับมาประชดถามบ้าง ทำเอาชายหนุ่มได้แต่เกาหัวแกรากๆอีกครั้ง
" นี่แสดงว่าคู่ต่อสู้ที่แล้วๆมานี่ไม่มีรอดเลยซักคนสินะเนี่ย...เอาเถอะ ไม่จำเป็นต้องเป็นท่าที่มีไว้สำหรับจับเป็นโดยเฉพาะก็ได้ แค่อยากจะขอให้ช่วยเบาๆมือแบบที่พอที่พลังจิตของยัยเฮเลนพอจะรักษาได้บ้างก็พอ "
" เฮ้อ...ช่างเป็นผู้ชายที่เรื่องมากซะจริง ก็ได้ เรย์ฯ แต่งานนี้นายจำเป็นต้องเป็นตัวล่อนะ เพราะท่าที่ฉันจะใช้ต้องการเวลาในการรวบรวมพลังซักเล็กน้อย " หญิงสาวพูดเหมือนบ่นตอบกลับมาเบาๆ โดยไม่รอคำตอบจากเรย์ลาลีน เธอก็กระโดดถอยห่างออกไปทันที เมื่อถึงตำแหน่งเหมาะๆเธอก็หลับตาลงพร้อมกับเร่งพลังขึ้นไปจนกระทั่งร่างทั้งร่างส่องประกายออร่าสีดำสนิทออกมาเรืองๆ จนแม้แต่เรย์ลาลีนที่ตอนนี้ต้องใช้สมาธิในการรวบรวมพลังเหมือนกันยังต้องหันกลับมามอง
" พ...พลังอะไรแบบนี้ฟะเนี่ย?! ป...ปิศาจชัดๆ!! "
แต่การชาร์จพลังของพริสซิลล่ากลับไปกระตุ้นสัญชาตญาณต่อสู้ของแลนซ์กับหอกแห่งแสงของเขาให้ทำงานอีกครั้ง ก่อนที่หอกจะตัดสินใจได้ในทันทีว่าพริสซิลล่าและเคียวทมิฬเป็นภัยคุกคามอันดับหนึ่งของเขา...เมื่อตัดสินใจได้แล้วชายหนุ่มก็ระเบิดพลังที่ชาร์จสะสมไว้เปรี้ยง พร้อมกับพุ่งเข้าใส่พริสซิลล่าที่ยืนชาร์จพลังอย่างไร้การป้องกันอยู่ด้วยความเร็วราวกับกระสุนปืน!
แต่เรย์ลาลีนไม่ยอมให้ทำแบบนั้นแน่นอนอยู่แล้ว เขากระทืบพื้นพร้อมกับพุ่งเข้าไปปะทะกับแลนซ์ด้วยความเร็วพอๆกัน จนทั้งคู่ถึงกักระเด็นไปคนละทิศละทาง
" กรร!! " เมื่อพลาดเป้าแลนซ์ก็คำรามลั่นอย่างขัดใจ ในขณะที่เรย์ลาลีนไม่ยอมแม้กระทั่งเสียเวลาฟังด้วยซ้ำ เขาทำปากขมุบขมิบพร้อมกับแหวนหยกขาวแห่งอลันดอร่าเปล่งแสงวาบ
" ...ใต้นัยน์ตาฟ้า มีเทวาเป็นพยาน ข้าแต่เทพอารักษ์ผู้ปกปักษ์ธาตุสายลม วาลคิวรี่ จงประทานดาบและโล่มาเป็นเกราะคุ้มภัย จากเหล่าอริราชศัตรูแห่งข้า...ท่าร่างมายา ภูษาเทพวายุ !! " เรย์ลาลีนคำรามพร้อมกับตบมือเข้าหากันเสียงดังลั่น แต่พอสิ้นเสียงของเขากลับไม่มีพลังใดๆเกิดขึ้นเลย ราวกับว่าเขาร่ายเวทย์ผิดซะอย่างนั้น เพียงแต่สีหน้าของเขากลับยังเต็มไปด้วยความมั่นใจแบบไม่มีพร่องลงเลย
" โฮก! " แลนซ์และหอกของเขาไม่ยอมเสียเวลาฟังอีกต่อไป หอกแห่งแสงในมือของเขาบัดนี้ถูกห่อหุ้มด้วยพลังธาตุสายลมเทียบเท่าสเกลเวทย์ระดับ 7 ก็ฟาดใส่เขาทันทีอย่างไม่ปราณี เพียงแต่ก่อนที่หอกเล่มนั้นจะเข้ากระทบตัวเรย์ลาลีนเพียงไม่ถึงองคุลี กลับปรากฎกระแสสายลมหมุนเล็กๆ ที่เทียบระดับสเกลน่าจะไม่ถึงระดับ 3 ด้วยซ้ำ หมุนวนในทิศทางเดียวกันกับกระแสลมที่ห่อหุ้มหอกอยู่ และดูดกลืนพลังสายลมของอีกฝ่ายจนเหลือเพียงหอกเปล่าๆมากระทบแนของเรย์ลาลีนเบาๆเท่านั้น ก่อนที่สายลมหมุนที่พึ่งจะดูดกลืนพลังของหอกไปจะค่อยๆหมุนควงเร็วขึ้น ผ่านตัวของจอมเวทย์หนุ่มลงไปสู่ปลายเท้าของเขา
เปรี้ยง !!!
พื้นหินอ่อนที่เขาเหยียบอยู่ถูกธาตุสายลมระดับ 7 ที่ดูดกลืนมาจากหอกของแลนซ์ระเบิดเปรี้ยงจนกระทั่งหินอ่อนชั้นดีถูกทำลายเป็นผุยผงทันที แต่เรย์ลาลีนกลับแทบไม่ได้รับผลของความเสียหายจากหอกแห่งแสงเลย...ท่าร่างป้องกันสุดแสนประหลาดนี้มันแปลกตาแบบไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนจนกระทั่งแม้แต่พริสซิลล่าที่กำลังยืนทำสมาธิรวบรวมพลังอยู่ยังอดหันมามองพร้อมกับอ้าปากค้างไม่ได้
" ว้าว?! "
" ปัดโธ่ พริสฯ! อย่าเสียสมาธิสิ "
" นายทำได้ยังไงกันเนี่ย? " หญิงสาวแทบจะไม่ฟังคำเตือนของเรย์ลาลีนเลย " เวทย์ป้องกันท่านี้ของนายมีพลังเกือบจะเทียบเท่าครึ่งนึงของเทพวิชาที่สาปสูญ สี่ตำลึงปาดพันชั่ง เลยทีเดียวนะ! "
" สี่ตำลึง...อะไรนะ? " เขายังไม่ทันได้หันไปถาม แลนซ์ก็พุ่งเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน คราวนี้เขาเปลี่ยนกลยุทธ์โดยไม่ยอมใช้การโจมตีแบบเดิมๆอีกต่อไป แต่สร้างหอกสายลมรูปร่างประหลาดๆออกมา 4 เล่มรวมกับหอกแห่งแสงในมือเป็นเล่มที่ 5 โถมแทงเข้าใส่จอมเวทย์หนุ่มแบบไม่ยั้งทันที
แต่เรยลาลีนกลับยังคงยืนที่จุดเดิม เขาค่อยๆใช้มือทั้งสองข้างปัดหอกทีละเล่มๆ อย่างช้าๆ ทันทีที่มือของเขาสัมผัสปลายหอกนั่น สายหลุมหมุนเล็กๆแบบเดิมก็เกิดขึ้นที่บริเวณจุดกระทบพร้อมกับดูดกลืนพลังของหอกรวบรวมไว้...เมื่อมือหอกปัดครบทั้ง 5 เล่ม สายลมหมุนเหล่านั้นก็พากันไหลวนลงมาที่ปลายเท้าของเขาทันที ซึ่งผลมาก็ออกมาในรูปแบบเดิมอีกครั้ง
เปรี้ยงงงงงงงงงงงง !!!!!!!!!!!! ครืนนนนนนนนนนนนนนนนนนน !!!
พลังของหอก 5 เล่มที่ถูกดูดกลืนมาไม่ใช่สิ่งที่จะดูแคลนได้เลย ฉับพลันที่พลังถูกถ่ายเทลงพื้น พลังที่รวมกันนั้นก็สร้างแรงระเบิดอย่างรุนแรงจนถึงขั้นทำให้อาคารเรียนซึ่งเป็นตึกสมัยใหม่สู่ง 50 ชั้นที่มีรากฐานแข็งแรงที่สุดหนึ่งในอาคารที่มีอยู่บนทวีปนี้ถึงกับสั่นสะเทือนราวกับจะพังทลายลงมาให้ได้เลยทีเดียว!
" อ๊าาาา! เรย์ฯ!! อย่าทำอย่างงั้นสิ! เดี๋ยวทั้งอาคารก็ได้ถล่มลงมาหรอก ...ฉันไม่อยากจะต้องมาขุดหา นาฬิกาทรายแห่งดาราลาน จากเศษซากตึกที่พังลงมานะ! "
" โห ที่พูดมานี่ไม่ได้ห่วงฉันเลยใช่ไหมเนี่ย?! ใจคอเธอจะให้ฉันรับหอกพวกนั้นตรงๆเนี่ยนะ? แบบนั้นต่อให้มีหนังทองแดงกระดูกเหล็กก็มีหวังไม่เหลือหรอแน่ๆ!! " ชายหนุ่มพูดพลางรับหอกจากแลนซ์อีกครั้ง แต่เขาก็ยอมฟังคำขอของพริสซิลล่าด้วยการพยายามสลายพลังก่อนจะถ่ายลงพื้นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถึงกระนั้นแรงระเบิดที่ถูกถ่ายเทลงบนพื้นก็ยังรุนแรงแบบสุดๆอยู่ดีนั่นแหละ
" มีพลังขี้โกงๆอย่างงี้ทำไมเก็บเงียบไม่ยอมใช้แต่แรก มัวแต่ใช้ท่า คันฉ่องเทพวายุ อยู่ได้ "
" เป็นคนนอกก็พูดได้นี่ เวทย์นี่พูดตามตรงมันเปลืองพลังเท่ากับเวทย์ระดับ 10 เชียวนะ...แถมความเสี่ยงจากการสลายพลังผิดพลาดจนโดนพลังเล่นงานตรงๆก็สูงอยู่ ถ้าพลังแบบนี้ใครนึกจะใช้ก็ใช้ได้ ป่านนี้ก็ไม่มีใครลำบากแล้ว! "
พูดกันตามตรงนี่ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่เขาเสี่ยงลองใช้วิชานี้ ...เวทย์ท่าร่างมายา ภูษาเทพวายุเป็นเวทย์ที่ยุ่งยากสุดๆ เพราะเป็นเวทย์ที่ต้องใช้กระบวนท่าในการผสานด้วยซึ่งเป็นจุดอ่อนของจอมเวทย์ทุกคนเลย แถมทั้งๆที่เป็นแค่เวทย์ระดับ 7 แท้ๆ แต่ดันผลาญขีดจำกัดพลังเวทย์แบบนรกแตกเทียบเท่ามหาเวทย์ระดับ 10 เลย ทำให้ตลอดมาเขาเลือกที่จะใช้ คันฉ่องเทพวายุ ซึ่งเป็นเวทย์ป้องกันระดับสูงกว่ามาโดยตลอด แต่เวทย์บทนี้ก็มีจุดเด่นตรงที่สามารถป้องกันได้อย่างต่อเนื่องซึ่งเหมาะที่จะใช้กับแลนซ์ซึ่งดูเหมือนมีพลังหนุนเพื่อโจมตีแบบต่อเนื่องแบบนี้ แม้ว่าจะสลายได้ไม่หมดจดอย่าง คันฉ่องเทพวายุ ก็ตามที
" แหม...ถ่อมตัวอีกแล้ว "
" พูดได้พูดไป...ว่าแต่ทางเธอเถอะ รวบรวมพลังมาตั้งนานแล้ว เมื่อไหร่จะเสร็จซักที? "
" อ...เอ่อ... "
" หือ? "
" คือ...อันที่จริงฉันก็รวมพลังเสร็จมาได้พักนึงแล้ว น่าจะตั้งแต่ก่อนนายร่ายเวทย์ท่าร่างอะไรนี่เสร็จด้วยซ้ำมั้ง แต่ฉันมัวแต่นั่งมองจนเพลินไปหน่อย...เอ่อ... "
" หา?!! "
" 'โหจินะ " พริสซิลล่ายกมือไหว้พร้อมกับยิ้มอย่างไม่สำนึกผิดเลยแม้แต่ซักกะนิดเดียว
แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าตอนนี้เขาจำเป็นต้องตั้งสมาธิเพื่อใช้ท่าร่างฯ รับมือแลนซ์ แต่ถึงอย่างนั้นเรย์ลาลีนก็ยังไม่อาจห้ามใจไม่ให้หันกลับมาหาพริสซิลล่าพร้อมกับสบถสาบานลั่นอย่างเดือดดาลเต็มที่ชนิดแทบจะเส้นเลือดในสมองแตกไม่ได้
" พริสซิลล่า !! "
" จ้าๆ รู้แล้วๆ ฉันผิดเองๆ " เสียงตอบกลับแบบไม่รู้สึกผิดเลยซักนิดตอบกลับมาอีกครั้งทำเอาเรย์ลาลีนต้องสะบัดหน้าไปอีกทาง เพราะถ้าหันกลับไปมองหน้าหญิงสาวตอนนี้ เขามีหวังได้เปลี่ยนข้างไปร่วมมือกับแลนซ์เล่นงานยัยนี่แทนแน่ๆ
"...เอาล่ะเรย์ฯ จริงจังแล้ว "
" ฉันจริงจังมาตลอดเฟ้ย!! มีแต่เธอนั่นแหละที่ทำเล่นอยู่คนเดียว!! " ขนาดไม่ใช่เวลา เขายังอุตส่าหันกลับไปตบมุกอีกจนกระทั่งพริสซิลล่าต้องปิดปากหัวเราะคิกๆเบาๆ
" เอาล่ะๆ ฉันต้องการให้นายทำให้อีกฝ่ายอยู่นิ่งๆ หรือไม่ก็ชะงักไปซักนิดนึง เพราะท่าของฉันเองก็ไม่ใช่ท่าที่เร็วนัก "
แม้ยังคงสบถพึมพำอยู่ เรย์ลาลีนก็พยักหน้ารับเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะตั้งท่าเพื่อใช้ ท่าร่างมายา ภูษาเทพวายุ อีกครั้ง แต่คราวนี้ต่างจากเดิมตรงที่เมื่อเขาใช้สายลมหมุนรับพลังของอีกฝ่ายแล้ว คราวนี้สายลมหมุนนั้นกลับไม่ได้ถูกถ่ายเทลงพื้นแบบเดิม แต่กลับพุ่งผ่านไปสู่มืออีกด้านของเขาที่ยื่นไปหาแลนซ์พร้อมกับที่เขาคำรามลั่น
" เอาเลยพริสฯ! ลมหวนคือสนอง !! " สิ้นเสียงเรย์ลาลีน สายลมหวนระดับ 3 ของเขาซึ่งบัดนี้ดูดกลืนพลังของหอกแห่งแสงมาอย่างเต็มที่ก็พุ่งเข้ากระแทกใส่แลนซ์อย่างถนัดถนี่จนเขาไม่อาจต้านทานได้ทัน ส่งผลให้เขาต้องลอยละลิ่วเป็นว่าวป่านขาดลงไปกระแทกพื้นที่กลางห้องโถง ยังไม่ทันได้มีเวลายันกายลุกขึ้นมา เงาดำทมิฬก็ลอยจากเบื้องบนพาดผ่านตัวเขาทันที!
" จบแค่นี้แหละ แลนซ์ !! ผนึกทมิฬห้าวิถี โลงศพมาร !!! "
.................................................
สิ้นเสียงตวาดของพริสซิลล่า ราชศาสตราเคียวทมิฬ-เนเมซิสในมือก็ถูกเขวี้ยงลงมาอย่างรวดเร็ว แต่เป้าหมายกลับเป็นที่พื้นซ้ายขวาด้านข้างของแลนซ์แทน
ฉึก !
ทันทีที่เคียวปักลงพื้น เคียวทั้งคู่ก็ร่วมกันสร้างอักขระมารเป็นรูปดาวห้าแฉกสีดำสนิทขึ้น ก่อนที่เสียววินาทีต่อมา อักขระรูปดาวห้าแฉกนั้นจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นหนามอันแหลมคมสีดำสนิทนับสิบเล่มพุ่งขึ้นแทงทะลุร่างกายของแลนซ์ทันทีโดยที่เกราะสายลมใดๆก็ไม่อาจขวางได้(ความสามารถพื้นฐานของเคียว-DeadLine) ก่อนที่หนามแหลมเหล่านั้นจะเกี่ยวกุมแลนซ์และหอกของเขาไว้ราวกับเป็นตะขอเหล็กกล้าไม่มีผิด!
" พริสฯ?!! "
" อย่าพึ่ง! ยังไม่จบ!! "
สิ้นเสียงตวาดตอบกลับมาของหญิงสาว เคียวที่ปักพื้นอยู่ก็ลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ สร้างโลงสีดำสนิทรูปร่างคล้ายเครื่องทรมานในยุคกลางอย่าง ไออ้อนเมเด้น ที่ถูกแบ่งอย่างละครึ่งไม่มีผิด ไม่ทันที่เรย์ลาลีนจะได้ทันว่าอะไรต่อไป โลงแต่ละครึ่งจะค่อยๆหมุนวนรอบตัวแลนซ์อย่างรวดเร็ว ...ก่อนที่แลนซ์จะได้ทันได้โต้ตอบหรือกระชากหนามให้หลุดออก โลงแต่ละครึ่งก็พุ่งเข้าประกบกันผนึกชายหนุ่มไว้ภายในอย่างรุนแรงจนกระทั่งเกิดเสียงดังลั่น!!
ตึง !!!
ทั้งแลนซ์และราชศาสตราหอกแห่งแสง-เทมเพลส ของเขาบัดนี้ถูกผนึกอยู่ในโลงไออ้อนเมเด้นสีดำสนิทของพริสซิลล่าผนึกไว้โดยดุษฎี!
" ด...เดี๋ยวสิ พริสฯ! แบบนี้มันจะไม่รุนแรงไปหน่อยเหรอ?!! " เรย์ลาลีนโวยลั่นทันทีที่แลนซ์ถูกผนึกเสร็จสิ้น เพราะมองด้วยตาเปล่าแล้วงานนี้คงไม่จบแค่บาดเจ็บเล็กน้อยแน่...พูดตามตรงงานนี้อย่างน้อยๆก็คงต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเดือนแหงๆ
" ไม่รุนแรงหน่อยหรอก แต่รุนแรงพอดูทีเดียวล่ะ... "
" พริสซิลล่า! "
" เฮ้อ...ไม่หรอกๆ อันที่จริงแล้วท่าโลงศพมารนี่ถือเป็นหนึ่งในท่าไม้ตายระดับสูงของราชศาสตราของฉัน...ปกติแล้วหนามแหลมนั่นจะตัดเส้นชีพจรเดินพลังและเส้นเลือดใหญ่เกือบทั้งหมดของเป้าหมาย ก่อนที่โลงอันเต็มไปด้วยหนามแหลมคมจะผนึกเป้าหมายไว้ ปล่อยให้เลือดไหลออกมาช้าๆจนกระทั่ง--...เอ่อ...ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นน่า...กรณีนี้ฉันให้หนามที่เกิดจากดาวห้าแฉกนั้นเลี่ยงจุดตายโดยให้แทงทะลุส่วนกล้ามเนื้อที่สามารถรักษาได้แทน ส่วนของโลงก็ไม่ได้มีหนามด้านในด้วย กะแค่ผนึกพอให้เลือดไหลจนหมดสติแล้วฉันค่อยคลายผนึกออก แบบนี้โอเคไหม? " พริสซิลล่าพูดพลางหายใจหนักๆ 2-3 ครั้ง เพราะท่าที่เธอพึ่งใช้ไปไม่ใช่ท่าพื้นๆที่นึกจะใช้ก็ใช้ได้ การที่เธอเพียงแค่หายใจหนักๆ โดยไม่ทรุดลงไปก็ถือว่าเก่งเกินคนแล้ว
" แล้ว? "
" ถ้าจะถามถึงเรื่องความแข็งแกร่งล่ะก็หายห่วงได้ ฉันเคยใช้กระบวนท่านี้ผนึกจอมเวทย์ระดับสูงที่เป็นศัตรูคู่แค้นของฉันครั้งนึง...คราวนั้นแม้แต่เวทย์ระดับ 8 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของมันก็ยังไม่อาจจะฝ่าออกมาได้ ได้แต่ยืนรอความตาย เพราะงั้นระดับของแลนซ์ตอนนี้คงไม่อาจฝ่าออกมาได้แน่ๆ เชื่อมือฉันหน่อยเหอะน่า "
ถึงแม้จะไม่ชอบใจนัก แต่ลำพังพลังอันจำกัดของตัวเองทำให้เรย์ลาลีนไม่ได้มีทางเลือกมากเท่าไหร่นัก แถมเรื่องมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว จะให้เขามาฟื้นฝอยอะไรก็ไม่ใช่นิสัย เลยต้องปล่อยให้เลยตามเลยเท่านั้น
ถ้าหากสมองเขาไม่ได้เลอะเลือนจนกระทั่งจำความไม่ได้ เขาจำได้ว่าคนปกติจะเกิดอาการช็อกจนหมดสติก็ต่อเมื่อเสียเลือดเกินกว่า 15-20% ของเลือดทั้งหมด ถ้าคำนวณจากปริมาณเลือดที่ไหลออกมาจากโลงศพมารที่ผนึกแลนซ์อยู่แล้ว เพียงไม่เกิน 2-3นาที แม้จะมีราชศาสตราระดับสูงคุ้มครองอยู่ก็มีหวังได้แต่วูบไปเท่านั้น
ขณะที่คิดอะไรเพลินๆเพื่อรอเวลาให้แลนซ์หมดสติ อยู่ๆ ราชศาสตราของเขาก็กรีดร้องดังลั่น พร้อมๆกับเสียงของหญิงสาวในหัวของเขาก็ตวาดขึ้นดังลั่นไม่แพ้กัน!
' แย่แล้ว ! เรย์ฯ ถอยออกมา !! '
ก่อนที่เรย์ลาลีนจะได้โต้ตอบหรือถามอะไรออกไป ราชศาสตราปริศนา-อินิกม่าซึ่งมีรูปลักษณ์เป็นเส้นเลือดสีเงินก็ทำการตอบสนองต่อเสียงของหญิงสาวในหัวของเขาโดยอัตโนมัติด้วยการพุ่งพรวดออกมาจากทุกอณูรูขุมขนของเขา รวมตัวกันกลายเป็นโล่สีเงินขนาดใหญ่ ทำหน้าที่เป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กปกป้องเรย์ลาลีนไว้อย่างแน่นหนาที่สุด
" เฮ้ย?! "
ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมม !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เพียงเสี้ยววินาทีที่ราชศาสตราผนึกกลายเป็นโล่ปกป้องตัวเขาเสร็จสิ้น อยู่ๆโลงศพมารของพริสซิลล่าที่ทำหน้าที่ผนึกแลนซ์และหอกแห่งแสงไว้ก็ปริแตกเปล่งแสงสว่างวาบจนแสบตาออกมา ก่อนจะระเบิดตูมอย่างรุนแรง ปลดปล่อยกระแสพลังธาตุแสงและธาตุสายลมเทียบเท่าระดับ 10 ออกไปทุกทิศทุกทางจนกระทั่งโล่เงินที่สร้างมาจากราชศาสตราของเขาถึงกับแตกร้าวอย่างน่ากลัว!!
" กรี๊ด!! " คนที่ซวยที่สุดกลับกลายเป็นพริสซิลล่าที่ยืนอยู่ใกล้โลงศพมารของเธอที่สุด แถมยังอยู่ในสภาพที่ไม่ได้ถือราชศาสตราอยู่ด้วยอีกต่างหาก พลังที่ระเบิดออกมาจึงสร้างความเสียหายกับเธอชนิดเต็มๆ โดยที่ราชศาสตราไม่อาจส่งพลังมาคุ้มครองได้ ส่งผลให้หญิงสาวปลิวกระเด็นเป็นว่าวป่านขาดไปติดกำแพง กระอักเลือดสีคล้ำออกมาทันที!
" เวรเอ้ย! "
เมื่อเรย์ลาลีนหันกลับไปมองที่อันเคยเป็นที่ตั้งของโลงศพมาร ดวงตาของเขาก็ต้องเบิกกว้างอย่างตื่นตะลึงกับภาพที่เห็นอีกครั้ง
ร่างกายอันโชกเลือดที่เต็มไปด้วยบาดแผลที่ถูกหนามแหลมแทงทะลุของแลนซ์ค่อยๆลอยขึ้นไปบนอากาศอย่างช้าๆ ก่อนที่แผลฉกรรจ์บนร่างกายของเขาจะค่อยๆถูกแทนที่ด้วยขนนกสีขาวอันละเอียดอ่อนซึ่งงอกขึ้นมาปิดบังแผลเหล่านั้นไว้ พริบตาต่อมาปีกนกขนาดใหญ่สีขาวบริสุทธ์ 2 คู่ก็โผล่พรึบสยายออกมาจากกลางหลังของเขา ราชศาสตราหอกแห่งแสงที่ลอยอยู่ตรงหน้าบัดนี้เปล่งแสงสว่างจ้าจนกระทั่งเรย์ลาลีนต้องเอามือบังไว้ ที่น่าตื่นตระหนกที่สุดคือทั้งร่างของแลนซ์และหอกของเขาบัดนี้กำลังเปล่งพลังบางอย่าง พลังอันเป็นลักษณะเฉพาะที่หาได้ยากที่สุดบนโลกใบนี้
พลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์ที่หาสิ่งใดเทียบไม่ได้ ...ฉัพพรรณรังสีของเหล่าทวยเทพ!!
" แย่ล่ะสิ...อึก...งานนี้แย่สุดๆไปเลย "
" พริสซิลล่า? ไม่เป็นไรใช่ไหม? " เรย์ลาลีนที่หันกลับไปเห็นพริสซิลล่ายืนโงนเงนจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่อยู่จึงรีบพุ่งเข้าไปจะประคอง แต่พริสซิลล่ากลับปัดมือเขาทิ้งอย่างรุนแรงพร้อมกับตวาดดังลั่น
" ไม่ต้อง!! "
" ??? "
" อ...อึ่ก...ขอโทษที่ฉันพูดรุนแรงออกไป ...แต่ฉันยืนด้วยตนเองได้...ฉันยืนด้วยตนเองคนเดียวมาตลอดชีวิต... " พริบตานั้นแววตาของหญิงสาวทอประกายเร้นลับบางอย่างก่อนจะฝืนยิ้มบางๆ ...มันเป็นรอยยิ้มที่เศร้าโศกที่สุดเท่าที่ชายหนุ่มเคยเห็นมา " ...ยืนคนเดียว...ไปจนตาย... "
" ...พริสฯ "
ครืนนนนนนนนนนนนนนนนนน !!!!!!!!!
เสียงของบรรยากาศที่สั่นสะเทือนซึ่งเป็นผลมาจากแลนซ์ เซอร์เบร่อนและหอกแห่งแสงของเขาทำให้ทั้งเรย์ลาลีนและพริสซิลล่าต้องหันกลับมาสนใจอีกฝ่ายอีกครั้ง ก่อนที่เรย์ลาลีนจะนึกขึ้นได้และหันไปถามพริสซิลล่าเบาๆ
" เออ...ที่เธอว่า แย่ นี่มันหมายความว่าไงกันเหรอ? "
" ก็หมายความว่า แย่ น่ะสิ...คำแปลของมันก็มีอยู่ในตัวมันเองอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? " พริสซิลล่าเหลือบสายตาแปลกๆมามอง ทำเอาเรย์ลาลีนถอนหายใจเฮือกเพราะเหมือนกับโดนเธอด่าว่าโง่ ถามอะไรไม่คิดไม่มีผิด
" เรื่องนั้นฉันรู้น่า...แต่ที่ฉันพูดถึงฉันหมายความว่ามันแย่ในรูปแบบไหนต่างหาก "
พริสซิลล่าถอนหายใจเฮือก ด้วยสถานการณ์ที่แข่งกับเวลาเธอจำเป็นต้องเรียบเรียงความหมายของคำว่า แย่ ของเธอให้สั้นและได้ใจความที่สุด
" หอกแห่งแสงที่กำลังครอบงำแลนซ์อยู่รับรู้ได้ถึงอันตรายระดับสูงสุดที่มีต่อผู้ที่ถูกมันครอบงำอยู่ ซึ่งเป็นอันตรายชนิดถึงแก่ชีวิต ทำให้หอกแห่งแสงจำเป็นต้องใช้พลังในระดับสูงสุดที่เราเรียกว่าระดับไม้ตายออกมา...พลังระดับไม้ตายของหอกแห่งแสงที่เห็นนี่คือการกลายเป็นร่างอวตารของเทพเจ้าระดับสูง และใช้พลังสูงสุดเพื่อกำจัดภัยคุกคาม(อย่างพวกเราทั้งคู่)ซะ บอกตามตรงถ้าจะให้ฉันคะเนจากพลังที่หอกนั่นและร่างอวตารของแลนซ์ปล่อยออกมา...อืม...แบบนี้อย่าว่าแต่เกาะนี่บวกกับ นาวาสวรรค์ ของพวกมหาลัยหมื่นเวทย์เลย...พลังทั้งหมดที่จะถูกทุ่มลงมาในครั้งเดียวนั้นอาจถึงขั้นลบชายหาดด้านตะวันตกของวัลคาไนท์ให้หายไปในคราวเดียวเลยก็ได้มั้งเนี่ย "
" จะ...จะบ้าเหรอ?! แบบนั้นบัญชียอดคนตายมีหวังพุ่งเกินหมื่นคนเลยนะ! ก็ไหนว่าหอกแห่งแสงนั่นเป็นราชศาสตราฝ่ายขาวอันดับหนึ่งไม่ใช่รึไง?! ฝ่ายขาวโลกไหนกันที่คิดจะฆ่าคนตายเป็นเบือแบบนั้น?! "
" เฮ้อ...อย่าหาว่าฉันด่านายเลยนะ เรย์ฯ แต่นายคิดว่าโลกนี้เป็นโลกในอุดมคติชนิดที่มีม้ายูนิคอร์นขี่สายรุ้งพุ่งผ่านออกมารึไงยะ...นี่มันโลกแห่งความเป็นจริง...ก็อย่างที่ฉันบอกไปแล้ว โลกนี้มันไม่มีหรอกนะไอ้ธรรมมะหรืออธรรมน่ะ...คำว่าฝ่ายขาว ฝ่ายดำก็เป็นแค่คำพูดเพื่อแบ่งราชศาสตราออกเป็นสองฝั่งเท่านั้น แล้วอย่าลืมสิว่าราชศาสตราถูกเรียกว่าราชศาสตราเพราะมันคืออาวุธ...ต่อให้เป็นอาวุธที่มีศักดิ์สูงที่สุด แต่อาวุธก็ยังคงถูกสร้างมาด้วยจุดประสงค์เดียวอยู่ดี นั่นคือฆ่าฟันศัตรู เพราะงั้นเลิกบ่นงอแงเป็นเด็กน้อยบนหอคอยงาช้างได้แล้ว แล้วมาช่วยกันแก้ปัญหาตรงหน้าต่อดีกว่า "
ถึงจะบอกว่าไม่ด่า แต่คำพูดเหน็บแนมที่เจ็บแสบของหญิงสาวก็ทำเอาเรย์ลาลีนถึงกับหน้าชาไปเลย เขาสะบัดหน้าไล่ความรู้สึกนี้ออกไปก่อนจะมองไปที่แลนซ์ที่ลอยไปบนอากาศสูงขึ้นไป แต่ส่วนที่สะกิดใจเขามากที่สุดจนทำให้เขาต้องขมวดคิ้วกลับเป็นหอกที่ลอยอยู่ตรงหน้าแลนซ์แทน เพราะหอกแห่งแสงเล่มสำคัญนั่นบัดนี้กำลังดูดเอาสายลมรอบตัวเข้าไปอย่างต่อเนื่องและบ้าคลั่งจนกระทั่งเสื้อผ้าของพวกเขาถึงกับปลิวไปามแรงลมที่ถูกดูดเหล่านั้นเลยทีเดียว
" มันกำลังทำบ้าอะไรของมัน?... "
" หือ? ...นายหมายถึงหอกเล่มนั้นน่ะเหรอ? "
" ใช่ "
" ฉันก็ได้แต่สันนิษฐานนะ แต่ฉันสันนิษฐานว่าคงเป็นเพราะระดับพลังของแลนซ์ในตอนนี้คงยังไม่ถึงระดับที่จะใช้ท่าไม้ตายสูงสุดของราชศาสตราได้ หอกเลยจำเป็นต้องดูดเอาอณูธาตุสายลมอันเป็นหนึ่งในธาตุประจำตัวของหอกเข้ามาเสริมเพื่อให้มีพลังเพียงพอที่จะ...เอ่อ...ฆ่าพวกเราได้... " หญิงสาวเหลือบกลับมามองจอมเวทย์หนุ่มก่อนจะเลิกคิ้วบางๆ เธอเช็ดคราบเลือดที่ติดอยู่ที่มุมปากออกและพูดต่อ
" ทำไม? มีความคิดอะไรดีๆแล้วงั้นเหรอ? "
" หึๆ...ถูกครึ่งนึง...ใช่ ฉันมีความคิดๆนึงขึ้นมาแล้ว...แต่เธอทายผิดตรงที่มันไม่ใช่ความคิดดีๆนี่สิ... "
" หา?? "
" ถ้าจะพูดให้ถูก แผนที่ฉันจะบอกต่อไปนี้ คงจะเป็นความคิดบ้าๆที่ห่วยแตกที่สุดเท่าที่ฉันจะคิดได้เลยทีเดียว! แต่มันเป็นความคิดเดียวของฉันในตอนนี้...เอาล่ะ พริสฯ...พร้อมจะเล่นบทตามแผนการณ์บ้าๆของฉันรึยัง? "
" เล่นพูดมาแบบนี้ ใครพร้อมก็บ้าแล้วย่ะ!!!!! "
.....................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ