Chronicles Of Legend. ปฐมบทแห่งตำนาน
เขียนโดย LanzaDeLuZ
วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 19.07 น.
แก้ไขเมื่อ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 19.20 น. โดย เจ้าของนิยาย
43) ...เคลือบแคลง...(1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
================================================
" นี่...ขอร้องล่ะพี่...คือ...ก็ไม่ได้หวังอะไรมากนักหรอกนะ...แต่ถ้าเป็นไปได้ พี่ช่วยเล่าให้มันรวบรัด ประมาณว่าข้ามไอ้ประโยคที่เหมือนกับการบรรยายให้คนอ่านหรือคนฟังอยากติดตามตอนต่อไปซะทีได้ไหมครับ...คือมันก็น่าสนุกอยู่หรอกนะ ถ้าเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวพันกับชีวิตผมแบบนี้น่ะ " เรย์ลาลีนที่ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงโดยเอาหลังพิงหมอนไว้อดที่จะยกมือขัดขึ้นไม่ได้ เพราะเมื่อเขาขอให้เชรีน่าเล่าเรื่องราวหลังจากที่เขาสลบไปให้ฟัง เชรีน่าก็เล่าแบบจัดเต็มทั้งทำเสียงสูงต่ำ ทั้งออกท่าทางราวกับกำลังแข่งเล่านิทานไม่มีผิด
" หา?! อะไรกันยะเจ้าเด็กไม่มีมารยาท...ฉันจำได้ว่าฉันไม่เคยเลี้ยงนายให้เป็นคนชอบขัดตอนคนอื่นเขาพูดแบบนี้นะยะ!...โธ่เอ้ย! อุตส่าห์จะถึงจุดไคลแม็กซ์แล้วแท้ๆ!! "
" พี่ไม่เคยเลี้ยงผมมาเฟ้ย!! แถมถ้าไม่เล่าอ้อมค้อมวกไปวนมาแบบนี้ผมก็ควรจะรู้ทุกอย่างที่ผมควรจะรู้หมดแล้วด้วย!! "
" น่าเบื่อ!...นายมันช่างเป็นคนที่น่าเบื่อพอๆ กับพ่อของฉัน(กาเบรียล)เลย...แบบนี้พนันต่อร้อยเอาหนึ่งได้เลยว่านายต้องหัวล้านเหมือนพ่อแน่ๆ ...เอางี้...เพื่อความสบายใจ เดี๋ยวฉันจะคิดคาถาที่สามารถปลูกผมได้ทันใจให้เอาไหม? "
" เลิกยุ่งกะหัวผมซะที! อย่างน้อยเป็นคนน่าเบื่อก็ยังดีกว่าเป็นคนเล่นไม่รู้เวล่ำเวลาแบบ--- อ...โอ๊ย! " ชายหนุ่มเอามือกุมซี่โครงที่เกิดปวดแปล๊บขึ้นมา...เนื่องจากพลังจิต เพลิงตะวันออก ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรักษาคนที่มีสภาพปางตายเพราะการใช้พลังจนโอเวอร์โหลด และเจ้าของรูปแบบพลังจิตอย่างเฮเลนก็เสียพลังไปมากจากการใช้ Ultimate Warrior ในการหยุด ยุคันตวาต ของเรย์ลาลีนเอง ทำให้การรักษาไม่สามารถทำได้อย่างสมบูรณ์จนเหลืออาการบาดเจ็บตกค้างอยู่อย่างที่เห็น
" นั่นปะไร...สมน้ำหน้า เป็นเพราะการเถียงพี่เถียงเชื้อ กรรมถึงได้ตามสนองแบบนี้ "
" ม...ไม่ใช่ละๆ...ไอ้แผลกระดูกซี่โครงร้าวแค่นี้พอฟื้นพลังอีกซักหน่อยก็ใช้เวทย์รักษาได้อยู่หรอก แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ...เรื่องที่สำคัญกว่านั้น...ตกลงว่าตอนนี้ผมมีพลัง 2 รูปแบบอยู่ในตัวแล้วงั้นสินะครับ? " เรย์ลาลีนทดลองเรียกสิ่งที่เรียกว่า พลังจิต ออกมาจากร่างกายดู แต่ต่อให้เกร็งจดปวดกล้ามเนื้อก็ไม่เห็นมีออร่าสีแดงออกมาแม้แต่นิดเดียวเลย ต่างจากที่ลองเรียกพลังเวทย์ดูเพราะมันดูเหมือนจะเรียกออร่าสีฟ้าออกมาได้ง่ายกว่าสมัยก่อนด้วยซ้ำ
" ของแบบนี้มันต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆไปน่า...ตระกูลของพวกเราไม่ใช่ตระกูลผู้ใช้พลังจิต แต่เป็นจอมเวทย์...แถมใช่ว่าสายเลือดเมโอ คริสตัลทุกคนจะสามารถ ตื่น ได้แบบนี้...ตอนฉัน ตื่น สมัยตอนยังเด็กยังต้องใช้เวลาตั้งเกือบปีกว่าจะควบคุมพลังจิตได้ดั่งใจ ระหว่างนั้นเล่นเอาไม่อยากออกไปไหนเลยล่ะ "
" เดี๋ยวสิ...ถ้าการตื่นถูกกระตุ้นได้ด้วยการผ่านประสบการณ์เฉียดตาย ผมก็ควรจะตื่นตั้งแต่เป็นทหารอยู่ที่เซลโลลอร์แล้วไม่ใช่เหรอ? เพราะนั่นแทบจะเป็นการเสี่ยงตายทุกวันเลย "
" จะพูดว่าถูกกระตุ้นเพราะประสบการณ์เฉียดตายแบบนายว่าก็ไม่เชิงถูกซะทีเดียวหรอกนะ เพราะในประวัติศาสตร์ของสกุลเราก็มีผู้นำตระกูลหลายคนที่ไม่ได้ตื่นเพราะประสบการณ์เฉียดตาย...ถ้าจะให้ฉันอธิบายเงื่อนไขฉันก็คงจะบอกว่าเป็นเพราะ ความบีบคั้นทางสภาพจิตใจ มากกว่า...เฮ้อ...ไหนๆ ก็เปิดอกคุยกันแล้วฉันก็ขอสารภาพตามตรงว่าคืนที่ฉันไปหานายที่เกาะทองคำนั่น ฉันวางแผนจะปลุกนายให้ ตื่น ขึ้นมาที่นั่นเลย ฉันจึงเลือกที่จะสู้กับนายแทนที่จะสะกดให้หมดสติไปแล้วพามาง่ายๆ ...เพราะถ้าเป็นตอนนั้นที่นายยังไ่รู้ว่าฉันเป็นใคร ฉันน่าจะบีบให้นายอับจนได้ง่ายกว่า...แต่ฉันพลาดตรงที่ฉันประเมินพลังนายต่ำไป และคิดไม่ถึงว่านายจะใช้ ทรราชย์วายุทมิฬ แบบนั้น...วิชาร่างทรงนั่นมีผลกดทับสติสัมปชัญญะ ทำให้ต่อให้ฉันซ้อมนายจนปางตายนายก็ไม่มีวันรู้สึกถึงประสบการณ์เฉียดตายหรือภาวะบีบคั้นทางจิตใจหรอก...ทำให้ลำบากฉันต้องมาคิดหาวิธีการเสี่ยงๆ เพื่อปลุกนายขึ้นมาแบบนี้! "
" ตอนพี่สู้กับผมที่เกาะทองคำนั่นก็เสี่ยงพอกันละเฟ้ย!! ไม่สิ...เผลอๆ จะเสี่ยงกว่าด้วยซ้ำตอนที่พี่เรียกไอ้ด่างหางไฟ (จิ้งจอกเพลิง - คิตสึเนะ) นั่นออกมา...เจ้าหมาบ้านั่นเกือบเผาผมจนเกรียมแล้วเชียวนะ!! " เรย์ลาลีนหันมาเถียงลั่น...ถ้าตอนนั้นไม่ได้ คันฉ่องเทพวายุ กันการระเบิดไปได้ส่วนหนึ่ง มีหวังเชรีน่าได้เหลือแค่ชิ้นส่วนของเขาที่จะพากลับไปที่คริสตัลฟอร์ซแทนแน่ๆ
" แต่นายก็รอดมาได้ไม่ใชเหรอ?...น่าๆ เป็นผู้ชายทั้งแท่งจะมาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องในอดีตให้เปลืองสมองทำไมกัน ทีฉันยังลืมๆ ไปเกือบหมดแล้วเลย "
" แบบนั้นบ้านผมเขาเรียกว่าไร้ความรับผิดชอบเฟ้ย!! พี่นี่ให้อภัยตัวเองได้เร็วแบบนี้ตลอดเลยรึไงนะ...อ...โอ๊ย!! " ชายหนุ่มเอามือกุมซี่โครงข้างที่ยังร้าวอยู่อีกครั้ง ก่อนจะสบถพึมพำเบาๆ ...เขาหลับตาลงพลางทำปากขมุบขมิบเพื่อใช้เวทย์รักษาหนึ่งในไม่กี่บทที่เขารู้จัก ค่อยๆ รักษาอาการซี่โครงร้าวของเขาอย่างระมัดระวัง แต่เพียงแค่เขาปล่อยพลังออกไป อาการบาดเจ็บที่ควรจะค่อยๆ ถูกรักษากลับฟื้นสภาพด้วยความเร็วสูงสุดจนเขารู้สึกได้ถึงเสียงกระดูกซี่โครงของเขาถูกทำให้สมานกันอย่างรวดเร็ว
" อ...อึ๋ย! อะไรกันเนี่ย? " เรย์ลาลีนอุทานขึ้นอย่างประหลาดใจกับความสามารถด้านเวทย์มนตร์ที่ดูเหมือนจะถูกพัฒนาขึ้นในเวลาเพียงชั่วข้ามคืนของเขา
" อ๋อ...เรื่องการอัพเกรดของพลังเวทย์สินะ?...ไม่แปลกหรอก หลังจากการตื่นของพลังจิต ร่างกายของพวกเราจะอยู่ในสภาพ OverDrive ชั่วขณะ...สภาพ OverDrive นอกจากจะมีผลเพิ่มพลังชั่วขณะแล้ว ยังมีความพิเศษตรงที่จะกรุยเส้นโคจรพลังอีกด้วย ทำให้หลังจากนั้นจะทำให้พลังของเราถูกปล่อยออกมาง่ายขึ้นจนดูเก่งขึ้นอย่างผิดหูผิดตาทีเดียวล่ะ " พี่สาวของเขาไขข้อข้องใจให้ทันทีทันใดราวกับว่าเธอรู้ดีอยู่แล้วว่าเรย์ลาลีนกำลังจะถามอะไร
" เห? เอาจริงดิ?...การเพิ่มพลังมันเพิ่มกันง่ายๆ ขนาดนี้เชียวหรอ? " ชายหนุ่มมองที่มือตัวเองด้วยสีหน้าครุ่นคิด
" อย่าแม้แต่จะคิดเชียวนะยะ! ...สภาพ OverDrive น่ะเป็นสภาวะที่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ แถมเมื่อเกิดขึ้นมันจะทำให้ความสามารถด้านการควบคุมสติสัมปชัญญะกลายเป็นศูนย์ทันที แล้วก็ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพอหลุดเข้าโหมดนี้ไปแล้วจะกลับมาได้อีก...พูดตามตรงมันก็เหมือนกับการใช้ไอเท็มเสี่ยงๆ อันตรายๆ เพื่อเสริมสมรรถภาพร่างกายนั่นแหละ...โธ่...ถ้ามีวิธีเพิ่มพลังอย่างง่ายดายขนาดนั้นจริง สถาบันผู้ใช้พลังจิตฯ กับมหา'ลัยหมื่นเวทย์ก็ไม่ต้องมีขึ้นกันพอดีน่ะสิ "
" ว้า...น่าเสียดายแฮะ...แต่เอาเถอะ...เรื่องนี้ถือว่าเป็นผลพลอยได้ไปก็แล้วกัน...เอาล่ะ...มาถึงเรื่องที่สำคัญที่สุดระดับจุดไคลแม็กซ์แล้วล่ะนะ... " เขาพูดอย่างเป็นการเป็นงานที่สุด...ดวงตาสีเทาเข้มที่ไร้คอนแท็คเลนส์ไร้แววล้อเล่นโดยสิ้นเชิง
" อ๋อ...ถ้าเป็นเรื่องที่นายให้ความสำคัญที่สุดล่ะก็...คงจะเป็นเรื่องนั้นสินะ "
" ...ใช่ "
เชรีน่ามองเข้ามาในดวงตาของชายหนุ่มตรงๆ ก่อนจะถามย้ำอีกครั้ง
" ถึงนายจะให้ความสำคัญกับมันมาก...แต่เรื่องนี้อาจจะหนักเกินไปสำหรับนายในตอนนี้ก็ได้...แน่ใจแล้วเหรอว่าอยากจะฟังต่อ... "
" ผม...ผมแน่ใจ... " เรย์ลาลีนกลืนน้ำลายเอื้อก...ถ้าลองเชรีน่าถามย้ำซะขนาดนี้ ตัวตนของชาโดว์ต้องเป็นอะไรที่น่าขนพองสยองเกล้าสุดๆ เป็นแน่
" ถึงจะน่าอายนิดหน่อยแต่ฉันจะบอกให้ก็ได้...วันนี้ฉันใส่ กกน.สีขาวล่ะ "
" ไม่ใช่เฟ้ยยยยย !!!! ....ไหงกลายเป็นว่าเรื่องที่ผมอยากรู้ที่สุดกลายเป็นสีกางเกงในของพี่สาวแท้ๆ ไปได้ล่ะเนี่ย ?!! "
โครมมมมม !!!!
" กะไว้แล้วเชียว...แอบฟังอยู่จริงๆ ด้วยสินะ... " เชรีน่าถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นหันและหันกลับไปที่บริเวณประตูห้องที่พังครืนลงมา พร้อมกับใช้แววตาที่ราวกับจะบอกว่า นึกแล้วไม่มีผิด มองไปที่เหล่าสาวๆ ที่นำโดยสองผอ.สาว...สามสาวปราการไฟ กับอีก 1 หนุ่มอย่างแลนซ์ เซอร์เบร่อน ที่กองอยู่บนซากประตูนั่น
" ม...ไม่ใช่นะคะ !! พวกเราไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น !! ...ทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับสายเลือดพิเศษของพี่ ทั้งเรื่องน่าสงสัยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกาะทองคำที่พวกเราฟังไม่ถนัดอีก ...อ...เอ่อ...จริงๆ นะคะ...เราไม่ได้ยินอะไรจริงๆ นะคะ !! " เฮเลน วอลคาโน ที่อยู่ด้านบนสุดรีบพูดปฎิเสธอย่างลนลาน แถมยิ่งพูดยิ่งเพิ่มหลักฐานมัดตัวเองเสียเปล่าๆ อีกต่างหาก
" หืม...พูดคำว่า จริงๆ นะคะ ถึง 2 ครั้งเชียวนะยะหล่อน...เอาเถอะ...ยังไงซะก็ต้องรู้กันอยู่แล้ว จะช้าหรือเร็วก็มีค่าเท่ากันนั่นแหละ...เข้ามาก่อนสิ... " เชรีน่าพูดเรียบๆ อย่างไม่ได้โกรธเคืองอะไรมากมายนัก...อันที่จริง ถ้าจะพูดกันตามตรง เธอก็ไม่ได้คิดจะปิดบังคนพวกนี้อยู่แล้ว
" พี่?!! "
" เถอะน่า...ไงๆ พวกนี้ก็ต้องรู้อยู่ดี...สู้บอกไปซะตั้งแต่ตอนนี้อาจจะมีประโยชน์กับเรามากกว่าด้วยซ้ำ "
" ถ้างั้นฉันขอเสียมารยาทถามเลยนะคะ!...มันหมายความว่ายังไงกันแน่คะ...ท่านพี่เชรีน่า " นาเดีย นาเดียสดร้า ที่ดูเหมือนจะเป็นปกติที่สุดเอ่ยถามเรียบๆ ดวงตาชั้นเดียวที่ยิบหยีของเธอไร้ซึ่งแววชวนหัวโดยสิ้นเชิง
" เรื่องเกี่ยวกับเกาะทองคำหรือเรื่องของเรย์ฯ นี่สินะ...เรื่องมันยาวน่ะ...ก็ถึงได้บอกว่าให้เข้ามาก่อนไง... "
" ไม่ใช่ค่ะ !!! "
" เอ๋? "
" ก็ทั้งๆ ที่วันนี้ท่านพี่ใส่ กกน. แบบเชือกสีดำลายลูกไม้แท้ๆ ทำไมท่านพี่ถึงต้องโกหกด้วยล่ะคะ !! "
" เลิกยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของฉันซะทีสิย้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา !!!!! "
..................................................
...บริเวณลึกเข้าไปในป่ากลางเกาะ...
...โนอาห์ วูล์ฟแฟนธ่อมรู้ดีว่าตัวเองอยู่ในฐานะที่สุ่มเสี่ยงเกินกว่าจะมีปฏิสัมพันธ์กับใครได้มากนัก อดีตทหารรับจ้างที่มีภูมิหลังอันสับสนอย่างเขาพยายามอย่างหนักเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจ เพราะถ้าหากมีใครซักคนรู้ว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นใครมาจากไหน มีหวังความสงบสุขที่เขาแสวงหาได้บินหลุดลอยไปตลอดกาลแหงๆ...นั่นทำให้เขาเลือกที่จะคบแต่พวกที่ปากหนักๆ หรือไม่ก็เป็นคนที่มีลักษณะแบบเดียวกับเขาไปเลยอย่างเรย์ลาลีนเป็นต้น...แต่ถึงกระนั้น คนที่ใช้ชีวิตแบบจารชนมาทั้งชีวิตอย่างเขาก็มีสายข่าวที่มากพอจะทำให้รู้ถึงทุกการเคลื่อนไหวภายในเกาะแห่งนี้...
' แปลว่าข่าวเรื่องการจับกุมชาโดว์ได้ไม่ใช่ข่าวลวงสินะ ...เอาเถอะ...จะจับได้หรือไม่มันก็ไม่เกี่ยวกับเราอยู่แล้วนี่ ' ชายหนุ่มครุ่นคิดพลางคลึงเศษกระดาษเล็กๆ ในมือไปมา ก่อนที่ชั่วอึดใจต่อมาเขาจะใช้ไฟแช็คซิปโป้ของตัวเองเผามันจนไหม้ไปหมดสิ้น
' ถ้าจะว่ากันตามตรง ไอ้เรื่องที่กวนใจเขาอยู่ในตอนนี้น่าจะเป็นเรื่องเมื่อคืนมากกว่า ...ทั้งเรื่องท่าทีแปลกๆ ของตาแก่เบบี้เฟซทันทารอส อืลลิเดี้ยน ....ทั้งคำพูดแปลกๆ เกี่ยวกับนายเหนือหัว ผู้นั่งเหนือบัลลังก์ทมิฬแห่งลูซิล อีก ...มันหมายความว่ายังไงกันแน่นะ '
...เมื่อนึกถึงลูซิลซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา...ถึงแม้ว่าจะห้ามตัวเองเพียงใด แต่ใจเขาก็อดนึกถึงอีกเรื่องนึงไม่ได้...เรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับรอยแผลอาถรรพ์บนหน้าอกของเขา...
" ชิ!...ทั้งๆ ที่ผ่านมาตั้งหลายปีแล้วแท้ๆ ...แต่ภาพเหตุการณ์ต่างๆ มันกลับยังชัดแจ้งอยู่ในหัวราวกับว่าพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง...เกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ชะมัด " ชายหนุ่มผู้มีอดีตอันมืดมนชกเข้าที่ต้นไม้ใหญ่ที่เขายืนอยู่อย่างแรงเพื่อระบายอารมณ์.....แต่เพียงชั่วพริบตาต่อมา ดวงตาสีสนิมเหล็กของเขาก็กลับวาวแสงโรจน์อย่างน่ากลัว
" อย่าบอกนะว่าพวกแกก็คิดถึงฉันจนทนไม่ได้ ต้องแห่แหนมาเยี่ยมกันถึงที่นี่... " โนอาห์เอ่ยถามขึ้นดังๆ ไปโดยรอบพลางถอดเสื้อสูทตัวนอกออกอย่างช้าๆ
ปรากฎเสียงซ่อกแซ่กเบาๆ ที่ด้านหลังของเขา ก่อนที่จะปรากฏร่างของชายร่างซีดเซียวที่หน้าตอบราวกับหนังหุ้มกระดูก 2 คนเดินออกมาจากพุ่มไม้พร้อมกับชักอาวุธที่มีลักษณะคล้ายมีดสั้นสองด้านใบเงาวับออกมาอย่างประสงค์ร้าย
" ท่านข้าหลวงใหญ่ โนอาห์ ซี. วูล์ฟแฟนธ่อม... "
" อุวะ...ก็จำได้ว่าบอกตาทันทารอสไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าฉันไม่ได้อยู่ในตำแหน่งนั้นแล้ว...ทำไมมันสอนยากสอนเย็นอย่างงี้วะ? " เขาบ่นพลางปลดเนคไทออกและถลกแขนเสื้อขึ้นจนมาถึงข้อศอก
" เป็นแกจริงๆ ด้วยสินะ...แกเปลี่ยนไปมากอย่างที่ท่านทันทารอสว่าจริงๆ ไอ้ชั่วทรยศแผ่นดินเอ้ย!! "
" อ้าว?...โห...พอบอกไม่ได้เป็นข้าหลวง ถึงกับลดชั้นตูเป็นไอ้เนรคุณแผ่นดินเลยเหรอ? เฮ้ย!! อย่างน้อยก็น่าจะเกรงใจฉันในฐานะที่ในอดีตพวกแกต้องเคยก้มหัวให้มั่งสิวะ "
" ความเกรงใจไม่เหมาะกับคนอย่างแกหรอก โนอาห์!! แกลืมไปแล้วรึไงว่าแกเคยทำหายนะอะไรไว้ที่ลูซิล!! แล้วยังจะหน้าด้านหนีมาอย่างไร้ความรับผิดชอบอีก...แกยังเหลือเกียรติของยอดนักรบแห่งราชอาณาจักรลูซิลอยู่รึเปล่า?!!! "
" อ้าว? จำได้ว่าความผิดที่ฉันทำขึ้นมีผลทำให้ฉันถูกขับออกจากทุกๆ ฐานะในลูซิลแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วฉันจะสนเกียรติของนักรบลูซิลทำถ้วยทำโล่อะไรอีกล่ะฟะ? " คำพูดอันย้อนแย้งด้วยเจตนากวนโมโหของโนอาห์ได้ผลเต็มที่เพราะมันทำเอาชายหนุ่มทั้ง 2 แสดงท่าทีโกรธจัดจนผิวซีดๆ นั่นถึงกับแดงก่ำ
" ก...แก! ไอ้ชั่ว!!! ถึงท่านทันทารอสจะบอกไม่ให้พวกฉันยุ่งอะไรกับแก แต่แกมันชั่วเกินเยียวยาแล้ว!! ...ฉันจะล้างแค้นให้แก่ท่าน ข้าหลวงใหญ่วลาดิลอส และขอรับเงินค่าหัว 20 ล้านของแกเอง!! " ชายหนุ่มคนหน้าคำรามลั่น!! พริบตาเดียวชุดที่ตัดเย็บอย่างดีของชายคนนั้นก็ฉีกขาดออกเผยให้เห็นหนามแหลมคมสีดำสนิทที่ขึ้นถี่ราวกับหอยเม่นเต็มแผ่นหลัง ดูราวกับอสูรกายที่หลุดออกมาจากนรกไม่มีผิดเพี้ยน!!
แต่ดูเหมือนอสูรกายตรงหน้ากลับไม่สามารถทำให้โนอาห์ตกใจได้แม้เพียงเศษเสี้ยว...ชายหนุ่มยังคงตั้งหน้าตั้งตาตกแต่งแขนเสื้อที่ถูกถลกขึ้นมาเหนือศอก ปากก็บ่นไปเรื่อยๆ
" เอาเข้าไป...จะแก้แค้นเพราะจงรักภักดีหรือจะโลภอยากได้เงินรางวัลก็เอาซักอย่างสิฟะ...สับสนทางความคิดแบบนี้ไงถึงเป็นได้แค่เบ๊กระจอกๆ ที่ต้องเดินตามก้นผู้หญิงต้อยๆ... "
" แกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก !!!!! "
................................................
...ย้อนกลับมาที่ห้องพยาบาลชั้นวีไอพี...บนตึกอาคารเรียนกลาง...
" เรย์ลาลีน นีโอ คอบร้า ??? " หลังจากที่ได้ฟังเชรีน่าเล่าความจริงทุกอย่างอย่างไม่ปิดบังใบหน้าของแต่ละคนเหมือนราวกับผีหลอก...ซึ่งถ้าจะพูดกันตามตรงมันก็ไม่น่าแปลกใจซักเท่าไหร่ เพราะพวกเขาพึ่งจะรู้ตัวว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้ คือสุดยอดจอมทัพไร้พ่าย ตำนานอันล่วงลับแห่งเกาะทองคำที่ควรจะตายไปแล้วเมื่อเดือนก่อนตามที่ข่าวออกมา
" ม...ไม่อยากจะเชื่อ...อันที่จริง ถ้าคนที่พูดไม่ใช่พี่เชรีน่า ฉันคงคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่นที่ห่วยแตกที่สุดในรอบปีนี้แน่ๆ ...ถึงจะพูดไปแบบนั้นก็เถอะ แต่นี่มันก็เลยเดือนเมษาฯ มานานแล้วนะคะ พี่ "
" ฉันไม่ได้ล้อเล่นเนื่องในวัน April Fool's Day นะเฟ้ย!! หล่อนนี่ชักจะปากคมเป็นกรรไกรโรง'บาลขึ้นทุกวันแล้วนะยะยัยเทียน่า! "
" ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือ เรย์...ไม่สิ...คุณเรย์ลาลีน มีสายเลือดเดียวกับพี่เชรีน่า...นี่เป็นเรื่องจริงแน่เหรอคะ? " พริสซิลล่าที่ดูตกใจน้อยที่สุด หรือไม่...เธอก็เป็นผู้ที่เก็บอารมณ์ได้ดีที่สุดเอ่ยถามขึ้นอย่างเบาๆ
" ผมยืนยันได้ว่าเป็นเรื่องจริง...ถึงผมจะยังงงๆ กับเรื่องนี้อยู่ก็เถอะ...คือ...เรียกผมว่าเรย์ฯ หรือเรย์เหมือนเดิมก็ได้ครับ ยังไงผมก็เป็นคนๆ เดิมที่พวกเธอเคยรู้จักนั่นแหละ " เรย์ลาลีนเป็นคนตอบแทนพร้อมกับขอร้องเบาๆ ก่อนจะหันไปมองแลนซ์ เซอร์เบร่อนที่กำลังอ้าปากพะงาบๆ เหมือนปลากำลังขาดอากาศหายใจเมื่อรู้ความจริง พร้อมกับถอนหายใจเฮือก
" ผมบอกพี่แล้วใช่ไหมว่าอย่าพึ่งบอกๆ แล้วเป็นไงล่ะ... "
" เอาน่าๆ ยังไงๆ พวกนี้ก็ต้องรู้อยู่ดีนั่นแหละ...เอาเป็นว่าไว้เวลาเหลือฉันจะเล่ารายละเอียดให้ฟังทีหลังก็แล้วกัน...เอาเป็นว่า...เรามาพูดถึงเรืองในปัจจุบันกันก่อนดีกว่า...เรื่องของ ...ยัย ...นั่น ตกลงว่ายังไง? " เชรีน่าดึงความสนใจกลับมาสู่เรื่องสถานการณ์ปัจจุบันเรียบๆ พร้อมกับหันไปถามซานดร้าเบาๆ
ซานดร้าส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจเฮือก
" ไม่ได้อะไรเพิ่มเติมเลยค่ะ...ขนาดให้นาเดียใช้ความสามารถ จับเท็จ แล้วก็ยังคว้าน้ำเหลว...เธอพูดเพียงว่าเธอไม่ใช่ ชาโดว์ แถมเมื่อตอนเธอพูดคำนี้ ความสามารถของนาเดียก็ดันไม่มีปฏิกริยาอีก...มันทำอย่างกับว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริงซะอย่างงั้นแหละ "
เชรีน่าลูบคางอย่างครุ่นคิด
" ความสามารถ จับเท็จ ใช้ไม่ได้ผลเนี่ยนะ...แย่แฮะ...ถ้าเป็น อ่านใจ ก็คงจะสะดวกกว่านี้อีกเป็นกอง...เอาเถอะ...เดี๋ยวฉันจะลองเข้าไปคุยเอง "
" ด...เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ...คือ พี่...พี่พูดอะไรให้ผมรู้เรื่องหน่อยไดไหมเนี่ย?...ตกลงมันหมายความว่าไงกันแน่...แล้ว...เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ ชาโดว์...ชาโดว์เป้นใครกันแน่?? " เรย์ลาลีนที่ยังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงพยาบาลเอ่ยถามสิ่งที่เขาข้องใจที่สุดดังๆ
พวกสาวๆ หันไปมองหน้ากันเอง พร้อมกับพร้อมใจกันทำหน้าแปลกๆ ก่อนที่ทุกคนจะพยักหน้าให้นาเดียซึ่งอาวุโสที่สุดเป็นเชิงยกภาระหน้าที่เป้นคนไขข้อข้องใจให้แก่เธอ
นาเดียถอนหายใจเฮือกกับภาระหน้าที่ที่เธอไม่อยากจะได้รับซักเท่าไหร่เลย
" เรย์ฯ...นายแน่ใจจริงๆ เหรอว่าอยากจะรู้เรื่องนี้...อันที่จริงตอนนี้เรื่องนี้มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนายอีกแล้ว...นายไม่จำเป็นต้องรับรู้ก็ได้ "
" เลิกพูดอ้อมค้อมซะทีเถอะน่า...คุณนาเดีย...ผมอยากรู้เต็มแก่แล้วว่ายัยคนที่ทำผมปางตายแบบนั้นเป็นใครกันแน่?! " เรย์ลาลีนชักเริ่มเสียงแข็งขึ้นอย่างเริ่มรำคาญตะหงิดๆ ...มันทำราวกับว่ายัยพวกนี้กำลังพยายามปิดบังอะไรเขาอยู่ก็ไม่ทราบ
" เฮ้อ...เอาเถอะค่ะ คุณนาเดีย...ยังไงนายก็ควรจะรู้เหมือนกันว่านายในตอนคลุ้มคลั่งนั่นเกือบจะ ฆ่า ใครเขาเข้า " เทียน่าเอ่ยพร้อมกับพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตเบาๆ
" ถ้าในเมื่อเธอพูดอย่างนั้นล่ะก็...เอาล่ะ...เรย์ฯ...ตั้งใจฟังดีๆ นะ "
" ... "
" ตัวจริงของชาโดว์...หญิงสาวผู้สร้างความปั่นป่วนในเกาะนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน...แต่เป็นคนที่นายก็รู้จักเหมือนกัน...เธอคือ คลาเดีย ...คลาเดีย สตรอมการ์ด รักษาการเจ้าปราการลมคนปัจจุบันยังไงล่ะ !!! "
.........................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ