Chronicles Of Legend. ปฐมบทแห่งตำนาน

7.3

เขียนโดย LanzaDeLuZ

วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 19.07 น.

  67 chapter
  7 วิจารณ์
  64.42K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 19.20 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

34) ...WANTED...(1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          

 

===============================================

 

 

            ...หลายสัปดาห์ก่อน...วันพระราชทานเพลิงศพ เรย์ลาลีน เมโอ คริสตัล...

 

             " ...จำเป็นต้องทำอย่างนี้...จริงๆ เหรอคะ? ...พี่ราโชฯ "  องค์หญิงมิลิริน ที่บัดนี้ดวงตาคลอหน่วงไปด้วยน้ำตาเอ่ยถามผู้เป็นเสมือนพี่ชายคนโตด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ...เธออยู่ในชุดไว้ทุกข์ชั้นสูงสีดำสนิท...ดวงตาสีเขียวมรกตอันไร้แววประกายเหม่อมองไปที่โลงใบใหญ่อันว่างเปล่าที่สลักชื่อของเรย์ลาลีนไว้ที่กำลังถูกเคลื่อนย้ายด้วยทหารกองเกียรติยศไปไว้บนเชิงตะกอนสูง รายรอบด้วยเหล่าประชาชนและทหารที่มาร่วม งานสุดท้าย ของผู้บัญชาการจอมเวทย์และวีรบุรุษอันเป็นที่รักของพวกเขาอย่างหนาแน่น

 

             " นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่เราทำได้...เพื่อส่งเรย์ลาลีนไปสู่สุคติ...ฉันเสียใจนะ รินฯ ...แต่เขาตายเพื่อพวกเรา... "  ราโชลีนในชุดไว้ทุกข์ที่ยืนอยู่ข้างๆ หญิงสาวเอ่ยเบาๆ โดยไม่หันมามอง ในขณะที่เซเรย์ลีนที่ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งได้แต่เอามือโอบไหล่ผู้เป็นเสมือนน้องสาวบุญธรรมเป็นเชิงปลอบใจด้วยสีหน้าที่ปั้นยาก มันผสมปนเปกันไประหว่างความเสียใจ ความทุกข์ และแน่นอนที่สุด...ความรู้สึกผิด 

 

              " ในโลงนั่นไม่มีแม้กระทั่งเศษชิ้นส่วนของร่างของ เขา ด้วยซ้ำ!! " 

 

              " ...อย่าพูดอย่างนั้นสิ...มิลิริน...นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่ดีที่สุดที่เราทำเพื่อเรย์ลาลีน...เอาล่ะ...ถึงเวลาของเธอแล้ว...รีบไปเถอะ... "  ราโชลีนส่งช่อดอกไม้งามสีฟ้าใสให้ ก่อนจะใช้มือดุนหลังเธออย่างสุภาพเพื่อกระตุ้นให้เธอเดินออกไป

 

                มิลิรินไม่มีทางเลือกอื่น เธอกุมช่อดอกไม้ที่ราโชลีนส่งให้ เดินผ่านพรมกำมะหยี่สีแดงเข้าไปหาเชิงตะกอนอย่างช้าๆ ...ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าในโลงใบนั้นไม่มีร่างของเรย์ลาลีน หรือแม้กระทั่งร่างของใครอยู่เลย แต่มันก็ยังสร้างความสะเทือนใจอันรุนแรงให้กับเธอจนเธอต้องกุมมือที่สั่นเทาไว้แน่น

 

              " ...ลาก่อน...เรย์ลาลีน นีโอ คอบร้า... "  เธอรำพึงด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและเบาไม่เกินกระซิบ ก่อนจะโยนช่อดอกไม้สีฟ้าสดลงไปที่เชิงตะกอน

 

                พริบตาที่ดอกไม้สัมผัสเชิงตะกอน กลีบดอกไม้สีฟ้าสดก็แตกกระจาย ปะทุขึ้นเป็นเพลิงมนตราสีฟ้าจรัสอันร้อนแรง เผาไหม้โลงไม้และเชิงตะกอนที่เป็นฐานอย่างรวดเร็วจนไฟมนตราลุกโชนสูงขึ้นไปบนอากาศหลายเมตร

 

              " ...ลาก่อน...ชายคนเดียวที่ฉันรักสุดหัวใจ... "  

 

             ...ในเสี้ยววินาที่ที่มิลิรินเหม่อมองเปลวไฟขึ้นไป ดวงตาสีเขียวมรกตของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดและมีรูม่านตาขวางราวกับอสรพิษอีกครั้ง! ก่อนที่เธอจะหลับตาลง พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นทาง...

 

 

 

 

........................................................

 

 

 

                 

              ...ตกดึกของคืนนั้น...

 

               " ท่านหญิง...แน่ใจแล้วเหรอะคะ ว่าจะไม่ให้ดิฉันอยู่เป็นเพื่อน... "  หญิงชราหน้าตาใจดีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย พลางลูบเส้นผมขององค์หญิงน้อยที่เธอเลี้ยงดูมาแต่อ้อนแต่ออกอย่างทนุถนอม...ซึ่งองค์หญิงมิลิรินก็ยิ้มให้แม่นมของเธอเล็กน้อย

 

               " ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...แม่นม...รินฯอยู่ได้... "

 

               " ท่านหญิง...เรายังไม่ทราบว่าใคร หรืออะไรเป็นต้นเหตุของการหายตัวไปของเหล่านางกำนัลหน้าห้องท่านเลย...ดิฉันคิดว่ามันอาจจะไม่ปลอดภัยต่อท่านหญิงนะคะ... "  

 

               " แม่นมกังวลเกินเหตุแล้วล่ะค่ะ...มีทหารราชองครักษ์ในสังกัดของพี่เซเรย์ลีนยืนเฝ้าหน้าห้องรินฯอยู่เป็นสิบ...ไม่มีใครทำอะไรรินฯได้หรอกค่ะ... "

 

                 หญิงชราถอนหายใจในความดื้อแพ่งของเด็กสาว ก่อนจะยิ้มบางๆ อีกครั้ง

 

               " ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ดิฉันอยู่ถัดออกไปอีก 2 ห้องนะคะ ท่านหญิง "

 

                 ชั่วพริบตาที่หญิงชราเดินออกไปและประตูหน้าห้องบรรทมถูกปิดลง ดวงตาสีเขียวมรกตของมิลิรินก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่...อย่างน้อยเธอก็รู้แล้วว่าดวงตาของเธอจะเปลี่ยนสีเมื่อมีอารมณ์รุนแรง ไม่ว่าจะโกรธหรือเสียใจก็ตาม

 

                 หญิงสาวเดินอย่างแช่มช้าไปที่ลิ้นชักเล็กๆ ก่อนจะหยิบสร้อยสีเงินรูปนกสี่ปีกประดับอัญมณีสีเขียวซึ่งเป็นของขวัญเพียงอย่างเดียวที่เรย์ลาลีนมอบให้เธอแทนใจ เธอเอามันมากุมไว้ที่หน้าอกอย่างสั่นเครือพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลรินออกมาเป็นทางอีกครั้ง

 

                     

                  แซ่ก !! 

 

 

                  มิลิรินหันควับไปที่ต้นเสียงแปลกๆ พร้อมกับมีดสั้นสีเงินวาวในมือ ดวงตาอสรพิษสีเลือดเปล่งประกายขึ้นในความมืดราวกับสัตว์ร้าย แม้จะยังคลอหน่วงไปด้วยน้ำตาอยู่ก็ตาม

 

                " นั่นใคร !!! "

 

                " คิกๆๆๆๆๆๆ "  สิ่งที่ตอบกลับมาคือเสียงหัวเราะอย่างไม่รู้จักกาลเทศะของหญิงสาวคนหนึ่งที่เธอแน่ใจว่าเธอไม่รู้จักแน่ๆ

 

                 " ฉันถามว่า...นั่น ใคร !!! 

 

                  " คนที่คาบข่าวที่ 'ช๊อควงการ'  มาฝากท่านไง...ท่านหญิงมิลิริน... "

 

                   " เผื่อแกไม่รู้...ข่าวไหนๆ ก็ช๊อคฉันไม่ได้อีกแล้ว! ....ฉันจะไม่พูดซ้ำอีกแล้วนะ ...แก....เป็น....ใครรร !!!! "

 

                     ภายใต้แสงจันทร์สีเงินยวงอันสุกใสที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา ...หญิงสาวผมสีเงินตรงยาวถึงกลางหลัง ดวงตาสีน้ำเงินเข้มรับกับจมูกโด่งและไฝเสน่ห์เล็กๆ เหนือริมฝีปากสีชมพูสดในชุดกาวด์สีขาวเดินออกมาจากเงามืดอย่างช้าๆ

 

                   " ขอเสียมารยาทแนะนำตัวนะคะ...ท่านหญิง...ดิฉัน ดร. ลูน่า  ซิลเวอร์เรนน์ ...อดีตนักพันธุวิศวกรรมในสังกัดของกองวิทยาการลับแห่งราชสกุล นีโอ คอบร้า ...ผู้เป็นเจ้าของโครงการ NS (Neo Soidier) 7 ค่ะ !! "

 

 

 

......................................................

 

 

 

                  ...แกร๊ก !! ...

 

                  ...เสียงของประตูหน้าห้องที่ลั่นเปิดออกปลุกหญิงสาวให้ตื่อนจากห้วงภวังค์แห่งความนึกคิดกลับมาสู่ห้วงเวลาปัจจุบัน...แม้จะมีดวงตาที่มองไม่เห็นเธอก็รู้ดีว่าผู้ที่เข้ามาในห้องคือบุคคลเพียงหนึ่งเดียวที่เธอไว้วางใจในขณะนี้...โคลงสวรรค์...

 

                   " ...ได้เวลาแล้วสินะ... "  เธอเปรยเบาๆ ขณะลุกขึ้นไปหยิบผ้าคาดตาสีดำขึ้นมาปิดบังดวงตาอสรพิษสีเลือดของตัวเองไว้

 

                     โคลงสวรรค์ส่งเสียงอืออาเบาๆ เพราะติดเส้นด้ายสีดำที่เย็บประกบติดปากเขาอยู่ แต่หญิงสาวก็ยังพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจอยู่ดี

 

                   " เอาล่ะ...ไปกันเถอะเรา...เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราไปสายเปล่าๆ "

 

                     โคลงสวรรค์ก้มศรีษะคำนับก่อนจะหันหลังเดินนำออกไป ในขณะที่มิลิรินใช้มือลูบคลำสร้อยประดับจี้รูปนกสี่ปีกที่ห้อยคออยู่เบาๆ ก่อนริมฝีปากของเธอจะเผยอยิ้มบางๆ

 

                   " ...ฉันจะไม่ยอมให้นายหนีไปไหนอีกแล้ว...เรย์ลาลีน... "

 

 

 

 

........................................................

 

 

 

 

                ...ณ คุกลับใต้พระราชวังหลวงฝ่ายใน...

 

                ...ภายในห้องขังที่ใหญ่ที่สุดที่ประดับประดาไปด้วยเครื่องทรมานโบราณต่างๆ ...หงส์เงิน ราโชลีน นีโอ คอบร้าในชุดที่กะรุ่งกะริ่งไม่ต่างจากขอทานนั่งเอกเขนกอ่านม้วนคัมภีร์เก่าๆ ที่บังเอิญเขาเจอในห้องนี้โดยอาศัยแสงตะเกียงเก่าๆ ที่ส่องแสงอย่างเกียจคร้านเพื่อให้มองเห็นอย่างรำไร...ใบหน้าที่เปรอะคราบเลือดแห้งๆ เล็กน้อยของเขาเรียบเฉยราวกับรูปปั้นหินอย่างที่เคยเป็น ราวกับไม่สนใจสภาพแวดล้อมรอบตัวเขาเลยว่ามันผิดที่ผิดทางแค่ไหน...

 

                ...ท่ามกลางความเงียบงันและมืดมิดของสภาพคุกใต้ดินโบราณ...ในที่สุดชายหนุ่มก่อนถอนหายใจยาวเหยียด เขาวางม้วนคัมภีร์เก่าๆ ในมือลงก่อนจะใช้นิ้วคลึงสันจมูกเบาๆ พร้อมกับพูดออกมาดังๆ ว่า

 

                 " นอกจากตัวฉัน...ถ้าไม่นับหนูถ้ำโง่ๆ อีก 2-3 ตัว ภายในรัศมี 1 กิโลเมตรก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นอีกแล้ว...เพราะงั้นต่อให้แกทำตัวลับๆ ล่อๆ ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกน่า...ออกมาเถอะ...เซเรย์ลีน... "

 

                   ท่ามกลางความมืดและเงียบสนิทภายนอกลูกกรง ปรากฎเสียง แซ่ก !! เบาๆ พร้อมกับเสียงหัวเราะหึๆ เมื่อร่างสูงใหญ่ของเซเรย์ลีนก้าวเข้ามาในรัศมีของแสงสว่างอันเลือนรางของตะเกียง

 

                 " เพราะ'งี้ไง...ตอนเด็กๆ ถึงไม่มีใครเล่นกับแกเลย ตอนแกชวนเล่นซ่อนหาน่ะ "  เซเรย์ลีนที่โผล่มาเหมือนเงาผีเอ่ยแซวเบาๆ ก่อนจะหันมองซ้ายมองขวาราวกับสำรวจนิวาสสถานที่ราโชลีนใช้ซุกหัวนอนอยู่ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

 

                 " ก็อยากจะถามอยู่หรอกนะว่า สบายดีไหม ?  แต่พอเห็นสภาพห้องนอนของนายนี่แล้วพูดไม่ออกจริงๆ ว่ะ...บอกตามตรงว่าแกในตอนนี้มันโคตรรันทดได้ใจเลย "

 

                 " อืม...อันที่จริงก็ดีกว่าเมื่อ 2-3 วันก่อนค่อนข้างเยอะแล้วนะ...อย่างน้อยฉันในตอนนี้ก็ไม่ได้ถูกแขวนห้อยต่องแต่งรอมือรอเท้ามาประเคนแบบตอนแรกๆ อีก "

 

                 " เป็นประโยคที่เรียกน้ำตาได้เลยนะเนี่ย ถ้าแกร้องไห้ไม่ออกให้ฉันร้องแทนเอาไหม? " 

 

                 " ฉันอยากให้นายแหกลูกกรงผุๆ เส็งเคร็งๆ แล้วพาฉันออกไปมากกว่า...เอาเถอะ ...เข้ามาก่อนสิ...แต่ฉันไม่มีชาหรือแคร็กเกอร์เลี้ยงหรอกนะ...นอกจากเนื้อหนูถ้ำกับเศษอาหารหมูที่น้องสาวแสนดีของเราให้ฉันไว้ประทังชีวิตเท่านั้น "  ราโชลีนพูดพลางผายมือราวกับเชื้อเชิญ

 

                   เซเรย์ลีนหัวเราะหึๆ ก่อนจะกระชากลูกกรงเหล็กที่ขวางเขากับราโชลีนอยู่ออก สำหรับลูกกรงที่ถูกสนิมกินมานานปี เขาแทบจะไม่ต้องใช้พลังพิเศษที่มีติดตัวอยู่เลยด้วยซ้ำ ชายหนุ่มเดินเอื่อยๆ มานั่งตรงข้ามผู้เป็นเสมือนพี่ชายคนโตก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเป็นการเป็นงานว่า

 

                 " เอ้า...ตกลงว่าไง? "

 

                 " ว่าไง? "

 

                 " จะเป็นเพราะสมองกระทบกระเทือนจริง หรือเพราะตั้งใจจะกวน -ีนฉันก็ช่าง...แต่คนฉลาดๆ อย่างแกไม่เหมาะกับการตีหน้าเซ่อหรอกนะเฟ้ย!...ไอ้คำว่า ว่าไง ของฉันมันหมายความว่าที่แกยอมลงทุนถูกจับมาทรมานจนยุ่ยเป็นผ้าเช็ดเท้าเพื่อสืบความลับของรินฯ ตกลงสำเร็จไหม? ...ถ้าเผื่อแกไม่เก็ทนะ "

 

                  " ไม่เจอแค่ไม่กี่วันไปอัพสกิลปากจัดนี่มาจากไหนกันนะ...เอาเถอะ ก็ถือว่าคุ้มค่าที่ฉันยอมเจ็บตัวล่ะนะ...อย่างน้อยฉันก็รู้แล้วว่ารินฯ มี ความสามารถ อะไร และเราควรจะกลัวใครบ้าง "  ราโชลีนเอามือประสานกันอย่างครุ่นคิด...ทำให้รู้ว่าทุกอย่างอยู่บนฝ่ามือของเขามาโดยตลอด ตั้งแต่ที่เขายอมโดนจับมาตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว

 

                   " งั้นก็ถวายบังคมลากันเถอะเสด็จพี่...ถ้ายังไม่อยากนอนเน่าอยู่ในคุกขี้ไก่นี่ "  เซเรย์ลีนพูดพลางลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ ซึ่งราโชลีนก็พยักหน้าเห็นด้วยแต่ชั่วเสี้ยววินาทีต่อมาเขาก็ลืมตาโพลงราวกับนึกอะไรบางอย่างได้

 

                   " เซฯ ...ตอนนายบุกเข้ามา...มีทหารเฝ้าหน้าประตูลับอยู่กี่นาย? "

 

                   " หือ?...นึกยังไงถึงได้ถามมาฟะ? อืม...2 นาย...ทหารหน้าใหม่ที่สดซิงมาจากค่าย...ถ้าฉันจำไม่ผิดนะ...เร็วเข้าเถอะ...คนของฉันรออยู่ด้านบน "

 

                       

                     ตูมมมมมมมมม !!!!!!!!!!!!!!!

 

 

                     พริบตาที่เซเรย์ลีนพูดจบ เกิดเสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นจากทางเข้าประตูคุกลับด้านบนแรงระเบิดสะเทือนจนราโชลีนกับเซเรย์ลีนถึงกับเซล้มลง !!

 

                   " ฮ...เฮ้ย!! เกิดบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย?! "  เซเรย์ลีนสบถสาบานเสียงดังลั่น ในขณะที่ราโชลีนหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ

 

                   " พ...พิชัยยุทธ์...ชาวประมงกับปลา!!! "  ราโชลีนพูดเบาไม่เกินเสียงกระซิบ

 

                     เซเรย์ลีนขมวดคิ้ว ก่อนดวงตาจะเบิกโพลงอีกคนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาเคยได้ยินราโชลีนสอนพิชัยยุทธ์บทนี้มาแล้ว...แค่มีเหยื่อล่อที่เหมาะสม...ปลาตัวเบิ้มก็ว่ายเข้ามากินเบ็ดเอง ... เพียงแต่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า...ตัวเขาจะกลายเป็นผู้รับบทปลาโง่ที่ว่ายมางับเหยื่อตัวอ้วนที่ชื่อว่าราโชลีนเสียเอง !!

 

                   " ปัดโธ่โว้ยยยยยยย !!! ไอ้เรย์ลาลีนมันจะมารับรู้บ้างไหมนะ ว่าพวกเรากำลังจะซวยมหาซวยเพราะมันแบบนี้ !!! "

 

 

 

 

......................................................

 

 

 

 

                     " ฮ...ฮ...ฮาดเช้ยยยยยย !!!!! "  เรย์ลาลีน นีโอ คอบร้า จามขึ้นอย่างกลั้นไม่อยู่ เขาทำจมูกฟุดฟิดพลางขมวดคิ้วราวกับกำลังคิดว่าไอ้บ้าที่ไหนกำลังนินทาเขาอยู่ ก่อนจะหันไปมองนาเดีย นาเดียสดร้าที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานขนาดใหญ่พร้อมกับเอ่ยเป็นเชิงถามเบาๆ

 

                     " ถ...ถึงไหนแล้วนะครับ? คุณนาเดีย "

 

                     " อืม...จากคำร้องเรียนที่เหล่านักศึกษาหญิงพากันส่งมา...นายถูกกล่าวหาว่า ...อืมมมม...ใช้กำลังบังคับขืนใจ ล่วงละเมิดทางเพศเพื่อนเพศเดียวกันในลิฟต์สาธารณะอย่างอุกอาจ...สินะ?? "  นาเดียพูดขึ้นอย่างเป็นการเป็นงานสุดขีด แต่เนื้อหาในประโยคทำเอาเรย์ลาลีนที่นั่งอยู่บนโซฟารับแขกถึงกับสำลักกาแฟพรวด

 

                     " ไม่ใช่ !! "

 

                    " มันจะไม่ใช่ได้ยังไง! ก็มีนักศึกษาหญิงหลายสิบคนลงชื่อเป็นพยานยืนยันแบบนี้...อ้อ ! ...เข้าใจล่ะ...พอพลาดหวังจากพี่สาวตัวเองก็เลยเปลี่ยนแนวมาชอบเพศเดียวกันสินะ ...ไอ้วิปริตเอ้ย !!! "

 

                     " โดนเธอด่าว่าวิปริตนี่มันทำไมรู้สึกปรี๊ดแตกเลยวุ้ย!! จะให้บอกอีกซักกี่ครั้งเนี่ยว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด ทั้งเรื่องพี่สาวของผมทั้งเรื่องไอ้บ้าโนอาห์นี่ด้วย!! "

 

                       แปะ !

 

                      พริสซิลล่าเอามือเรียวบางตบไหล่ชายหนุ่มเบาๆ ก่อนจะยื่นกาเฟถ้วยใหม่ให้

 

                    " ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...ยุคนี้เป็นยุคโลกาภิวัตน์แล้ว...ในบางบางประเทศเขาถึงกับให้คนเพศเดียวกันจดทะเบียนสมรสได้แล้วนะคะ...นี่กาแฟค่ะ...โปรดดื่มขณะยังร้อนด้วยนะคะ "

 

                     " ไอ้การยื่นกาแฟให้กับประโยคปลอบใจชวนน่าสงสัยนี่มันอะไรกันฟะ!! นี่ตกลงเธอเป็นคนแบบนี้เองเรอะ คุณพริสซิล่า!! "

 

                       แปะ !

 

                       ไหล่อีกข้างของเขาถูกตบเบาๆ 

 

                     " ไม่ต้องห่วงนะ...เรย์...ถึงแกจะเป็นพวกวิปริตผิดเพศ แต่ฉันก็ยังเป็นเพื่อนแกซัมเหมอ...แกเอาหางแช่น้ำสบายใจได้ "

 

                     " ไอ้ตัวต้นเหตุทั้งหมดอย่างแกน่ะเงียบไปเลยเฟ้ย!!! โนอาห์!! แล้วไอ้เอาหางแช่น้ำนี่มันตัวอะไรฟะ!! "

 

                     " ม...ไม่ต้องห่วงนะครับท่านอาจารย์!!...ถึงท่านจะเป็นไอ้หนุ่มกลัดมันที่วิปริตผิดเพศ ชอบผู้ชายผิวสีแทนหุ่นล่ำบึ้ก แต่ท่านก็ยังคงเป็นท่านอาจารย์ของผมเสมอ!! "  แลนซ์ผู้เป็นลูกศิษย์ของเขาสำทับด้วยสีหน้าจริงจังสุดชีวิต แต่ตัวเจ้าตัวดันไปหลบซะหลังเสาไกลลิบโน่น

 

                     " เฮ้อ...อยากสำลักน้ำลายตายเสียให้รู้แล้วรู้รอดจริงเล้ยยยยยย !!!....ตูหนอตู "

 

 

                    ...ช่างเป็นหนึ่งวันที่ผ่านไปไร้ค่าเสียยิ่งกระไร ...

 

 

 

 

..............................................................

 

                     

 

                  

 

 

              

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา