Chronicles Of Legend. ปฐมบทแห่งตำนาน

7.3

เขียนโดย LanzaDeLuZ

วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 19.07 น.

  67 chapter
  7 วิจารณ์
  64.41K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 19.20 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

28) ...เมฆหมอกแห่งหายนะที่เริ่มปรากฎ...(1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

================================================

 

          ...ช่วงบ่ายแก่ๆ ของวันที่อากาศแจ่มใส..หลายวันต่อมา...

 

           " ใจเย็นๆ ...ค่อยๆ ให้ สายลม ไหลผ่านร่างกาย...แล้วใช้มันเพื่อสร้าง อาวุธ ของนายออกมา...ผนึกให้เป็นหอกวายุที่สมบูรณ์ก่อน...แล้วค่อยเริ่มต้นใหม่อีกรอบ... "  เรย์ลาลีนยืนกอดอกพูดเรียบๆ ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลจากคอนแท็คเลนส์จับนิ่งไปที่แลนซ์  เซอร์เบร่อน ซึ่งบัดนี้กำลังยืนหลับตาอยู่กลางลานประลองหิน...โดยมีหอกวายุนับสิบเล่มลอยวนอยู่รอบๆ ตัวของเขา

 

           " ค...ครับ... "  แลนซ์รับคำอย่างแข็งขัน เขารวบรวมสายลมเพื่อสร้างและผนึกเป็นหอกวายุเล่มที่ 12 สำเร็จ...แต่พอคิดที่จะรวบรวมสายลมเพื่อสร้างหอกเล่มที่ 13 ...หอกเล่มที่ 12 ที่พึ่งสร้างเสร็จก็ลั่น เปรี๊ยะ !  ก่อนที่จะระเบิดออกกลายเป็นพายุหมุนขนาดย่อมๆ พัดเอาชายหนุ่มลอยหวือ

 

          ...เมื่อสมาธิเสียเพียงแวบเดียว หอกวายุอีก 11 เล่มที่บรรจงสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากก็พากันระเบิด รวมเป็นพายุหมุนขนาดใหญ่ส่งแลนซ์ให้ลอยสูงขึ้นไปเกือบ 20 เมตร ทำเอาเจ้าตัวร้องเสียงหลง...

 

           " อ๊า !  หมดกันที่ทำมา !! "  

 

             เรย์ลาลีนเกาหัวแกรกๆ พร้อมกับถอนหายใจเฮือก ก่อนจะใช้พลังของเขาดึงแลนซ์กลับลงมากองอยู่ตรงหน้า

 

           " ก็บอกไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่รึไง...ว่าให้ ใจเย็นๆ น่ะ...ธาตุสายลมของพวกเราน่ะ...ยิ่งสมาธิสูงมากเท่าไหร่...ก็จะยิ่งแสดงความสามารถที่กล้าแข็งได้มากขึ้นเท่านั้น...เพราะงั้น อย่าใจร้อนสร้างหอกเล่มใหม่ทั้งๆ ที่ยังผนึกอันเก่าได้ไม่สมบูรณ์สิ...นี่เป็นการฝึกไม่ใช่การต่อสู้จริง เพราะงั้นนายจะใช้นานเวลาเท่าไรในการฝึกก็ได้...ไม่มีใครบังคับขืนใจนายซะหน่อย... "  เขาสั่งสอนเรียบๆ จนแลนซ์มุ่ยหน้าลง...ในขณะที่เฮเลนกับโนอาห์ที่นั่งดูอยู่ด้านหลังถึงกับอ้าปากหวอ

 

           " ต...แต่นี่มันสุดยอดไปเลยไม่ใช่เหรอ...นี่แค่ไม่กี่วันเอง นายกลับสามารถสร้างหอกวายุได้ตั้ง 12 เล่มในทีเดียว...จากที่ปรกติ เต็มที่นายเคยทำได้แค่ 7 เล่มเองนะ! "  โนอาห์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยอย่างรู้สึกทึ่งหลังจากนั่งอ้าปากค้างเงียบอยู่นาน

 

           " ไม่หรอก...เพราะได้ท่านอาจารย์ให้ความกรุณาสั่งสอนต่างหาก...ไม่งั้นผมก็คงเป็นได้แค่กบในกะลาอยู่แน่ๆ "  แลนซ์เกาหัวพร้อมกับยิ้มอย่างเขินๆ ...ในขณะที่เรย์ลาลีนถอนหายใจเฮือกอีกครั้ง

 

           " ขอล่ะนะ...แลนซ์...ถ้ายังอยากให้ฉันสอนนายต่อไป...เลิกเรียกฉันด้วยสรรพนามบ้าๆ แบบนั้นซะที!! "

 

 

..........................................................

 

 

          ...ย้อนกลับไปเมื่อหลายวันก่อน...

 

           " ไม่ !! "  เรย์ลาลีนตะโกนเสียงดังลั่น ทันทีที่แลนซ์พูดคำขอร้องของตัวเองจบ ในขณะที่แลนซ์ยังคงนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นไม่ยอมขยับไปไหน

 

           " ด...ได้โปรดเถอะครับ!...ท่านอาจารย์...ผมคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วว่ายังไงก็ต้องเป็นท่านเท่านั้น! "  

 

           " ไม่ๆๆๆๆ นายจะบ้าเหรอคุณแลนซ์...จริงอยู่ว่าฉันอายุมากกว่านาย  แต่พวกเราก็อยู่ปี 3 เหมือนกันนะ!...ทำไมนายไม่ไปขอให้รุ่นพี่ปีสูงๆ ของปราการนายเป็นอาจารย์แทนล่ะ?...อีกอย่าง นายเป็นถึง เจ้าปราการลม เชียวนะเฟ้ย!...ทำแบบนี้ไม่รู้สึกเสียศักดิ์ศรีมั่งรึไง!! "

 

           " ในปราการของผม ไม่มีใครมีความสามารถในการ จับสายลม ได้เก่งเท่าท่านอีกแล้ว! ...แล้วอีกอย่างนึง...ผมยื่นใบลาออกจากตำแหน่งเจ้าปราการลมมาแล้ว...เมื่อตะกี๊นี้เอง "

 

           " หา ?!! "  คนที่อุทานดังลั่นดันไม่ใช่เรย์ลาลีน แต่กลับเป็นเฮเลนแทนเฉยเลย

 

           " ต...ตายแล้วๆๆๆๆ....แค่การประลองบ้าๆ ที่ใช้เวลาไม่ถึง 3 นาทีกลับทำให้เกิดเรื่องที่บ้าบอคอแตกหนักกว่าได้มากถึงขนาดนี้ได้...ตายๆๆๆๆ...แบบนี้มีหวังปราการลมเกิดจลาจลแน่ๆ !! "

 

           " เขม่นหางตายิบๆ แฮะตู...ไอ้ความรู้สึกที่เหมือนกับว่าหวยจะออกมาเป็นเลขที่เราซื้อนี่มันหมายความว่ายังไงกันหว่า? "  ชายหนุ่มบ่นกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับเอานิ้วขยี้หางตาขวาโดยแรง ก่อนที่จะถูกเฮเลนกับนาเดียฉุดพรวดจนตัวปลิวพาไปในที่ลับตาคนอย่างรวดเร็ว

 

           " ไม่ใช่ความผิดของฉันนะ !! "  เรย์ลาลีนรีบเอ่ยแก้ตัวทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายหยุดเดินและจ้องหน้าเขานิ่ง

 

           " จะใช่หรือไม่ใช่ งานนี้คนที่ซวยก็เป็นนายนั่นแหละ...ให้ตายสิ! ทำไมเจ้าแลนซ์นั่นถึงไม่เดินดุ่มๆ เข้ามา แล้วเอาหอกวายุจิ้มพุงกะทิของนายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอดเลยนะ! ...แบบนั้นคงจะหาทางแก้ง่ายกว่านี้เยอะเลย...ไอ้เสี้ยนหนามหัวใจ!! "  คำพูดของนาเดียทำเอาเฮเลนหันไปมอง ก่อนจะนึกสงสัยว่าไอ้คำด่าตอนท้ายนี่มันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ยังไง?

 

           " ร...ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? "  ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ ในขณะที่สองสาวได้แต่ถอนหายใจเฮือก

 

           " นายเป็นพวกมาใหม่...อาจจะยังไม่รู้ว่า ปราการลม มีอะไรหลายๆ อย่างที่สลับซับซ้อนเกินกว่าที่นายคิด...ปราการลมเป็นปราการที่มีจำนวนนักศึกษามากที่สุดในหมู่ 4 ปราการด้วยกัน เพราะพลังจิตส่วนใหญ่มีพื้นฐานของธาตุสายลมอยู่เป็นทุนแล้ว...ซึ่งก็ไม่แปลกที่เมื่อมีคนเยอะขนาดนั้น ก็มีพวกที่หัวรุนแรงบ้างเป้นธรรมดา...จนกระทั่งเมื่อ 3 ปีก่อน...แลนซ์  เซอร์เบร่อนซึ่งตอนนั้นอยู่แค่ปี 1 ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเจ้าปราการ...ด้วยพรสวรรค์การควบคุมสายลมที่อยู่ในขั้นอัจฉริยะ...นอกจากฉันซึ่งเป็นผู้ครอบครอง ดาบเอ็กโซดัส แล้ว...แลนซ์ก็ไม่เคยแพ้ใครอีกเลย ไม่เว้นแม้กระทั่งรุ่นพี่ปี 6 ...ทำให้เกือบทุกคนในปราการลมเลื่อมใสติดตามเขาด้วยความศรัทธา "  นาเดียเริ่มอธิบายเรียบๆ ก่อนที่เฮเลนจะขยายความต่อ

 

           " แต่ในวันนี้...นาย!...ดันไปเอาชนะเขาในการประลอง...แถมยังชนะได้อย่างราบคาบสุดๆ ด้วยธาตุสายลมเหมือนกันอีกต่างหาก...แถมที่เลวร้ายที่สุดคือแลนซ์...ซึ่งควรจะแค้นเคืองนายชนิดที่ไม่ขออยู่ร่วมฟ้าเดียวกัน ดันลาออกจากตำแหน่งเจ้าปราการลม แล้วมาคุกเข่าปาวารณาตัวขอเป็นศิษย์นายต่อหน้านักศึกษาเป็นร้อยแบบนี้...ฉันเห็นด้วยกับพี่นาเดียเลยนะ...ว่าให้แลนซ์เดินดุ่มๆ เข้ามาเอาหอกวายุเสียบนายไปซะให้รู้แล้วรู้รอดเลย...ดีกว่าที่แลนซ์เดินมาขอให้นายเป็นอาจารย์แบบนี้ซะอีก....นายลองคิดเอาเองล่ะกันว่านักศึกษาปราการลมเกือบทั้งหมดที่ติดตามแลนซ์จะรู้สึกยังไง...ให้ตายสิ! ไอ้เราก็นึกว่านายจะยอมแกล้งแพ้เพื่อเห็นแก่การณ์ใหญ่...ที่ไหนได้... "

 

           " ร...เรื่องจะด่ากันเอาไว้ทีหลังได้ไหม?...ผมควรจะแก้ไขเรื่องที่เกิดตรงหน้านี้ยังไงต่างหากล่ะที่เป็นประเด็น...หรือว่าผมควรจะปฎิเสธแลนซ์ไปอย่างชัดแจ้งอีกครั้งดี? "  เรย์ลาลีนพยายามเข้าประเด็นพร้อมกับเสนอทางออก แต่นาเดียก็ขัดขึ้นเสียก่อน

 

           " ไม่ได้ฟังที่พูดเลยใช่ไหมเนี่ย?!...ฉันจำได้ว่าฉันพูดไปแล้วนี่...ว่าแลนซ์มีผู้ศรัทธาเป็นร้อยๆ ...แค่นายเป็นตัวต้นเหตุทำให้แลนซ์ต้องลาออกจากตำแหน่งเจ้าปราการลมก็แย่พออยู่แล้ว ...ถ้ามีข่าวว่านายปฎิเสธคำขอของแลนซ์...ที่ยอมลาออกเพื่อมาขอให้นายเป็นอาจารย์ อย่างไม่ใยดีอีก...นายอย่าหวังว่าจะได้อยู่ที่นี่อย่างสงบสุขอีกเล้ย...เชื่อหัวยัยนาเดียคนนี้สิ! "  นาเดียเอานิ้วจิ้มหัวชายหนุ่มโดยแรง ราวกับพยายามจะทำให้ทุกคำพูดของเธอซึมเข้าสู่สมองของเขา

 

             หลังจากที่ช่วยกันคิดอยู่นาน...ในที่สุดเฮเลนก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือก

 

           " ยินดีด้วยนะ...เรย์...นายได้รับลูกศิษย์คนแรกแล้ว! "

 

 

......................................................

 

 

          ...ในเวลาเดียวกัน...ไกลออกไปหลายพันกิโลเมตร...ณ ราชอาณาจักรเซลโลลอร์...

 

           ' ไม่ว่าจะมีคนตายไปซักกี่คน...โลกก็ยังคงหมุนต่อไป  '

 

          ...ราโชลีนพึ่งจะรู้ซึ้งถึงประโยคนี้แก่ใจเดี๋ยวนี้เอง...สำหรับทุกคนที่อยู่ที่นี่ แม้ว่าโลกจะหยุดหมุนไปชั่วขณะกับข่าวการตายของเรย์ลาลีน...แต่ทุกคนก็ต้องก้าวเดินต่อไป...เป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้ว หลังจากงานพระราชทานเพลิงศพของผู้บัญชาการทหารจอมเวทย์ผู้เป็นพี่น้องของเขา ...ทุกอย่างก็เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติเหมือนเดิม...อย่างที่พวกเขาพยายามจะให้มันเป็น...

 

           ' ไอ้เรย์ลาลีนมันจะรู้ไหมนะ...ว่ามันมีวัน หยุดราชการ ส่วนตัวของมันเองด้วย... '  ราโชลีนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ กับความจริงข้อนี้...เพราะเมื่อไม่กี่วันมานี้ ทางการได้อนุมัติให้วันครบรอบวันเสียชีวิตของเรย์ลาลีนเป็นวันหยุดราชการเรียบร้อยแล้ว

 

           " นั่งคิดอะไรอยู่คนเดียววะ?...ราโชฯ "  เซเรย์ลีนที่โผล่มาจากไหนไม่รู้เหมือนเงาผี เอ่ยทักเบาๆ...แต่ก็ไม่มากพอจะทำให้คนอย่างราโชลีนตกใจได้

 

           " เฮ้อ...นายควรจะอยู่ที่ราชวังหลวง คุ้มครององค์ราชากับมิลิรินในฐานะหัวหน้าทหารราชองครักษ์ไม่ใช่เหรอ?...มาโต๋เต๋ทำบ้าอะไรอยู่ที่ วังหน้า นี่วะ?"  

 

           " แกก็รู้ดีพอๆ กับฉัน...ว่าตอนนี้พวกเราไม่มีศัตรูเหลืออีกแล้ว...ทั้งภายใน...และภายนอก "  เซเรย์ลีนเอ่ยอย่างเท่าทันพร้อมกับรินน้ำจากเหยือกบนโต๊ะทำงานของราโชลีนขึ้นดื่ม

 

           " หึๆๆ...ใช่...ไม่เหลืออีกแล้ว... "  ราโชลีนเอ่ยพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดีอีกครั้ง

 

          ...จะว่าราโชลีนเป็นคนที่ได้กำไรที่สุด จากการ นั่งบนภูดูเสือกัดกัน ก็ว่าได้...หลังจากเกิดเหตุการณ์บนเกาะทองคำ...ซีแบทเทิ่ล ซึ่งเป็นศัตรูคู่ฟ้าของเซลโลลอร์ก็ประกาศสงบศึกโดยสิ้นเชิง เพราะนอกจากจะขาดแรงจูงใจในการทำสงครามซึ่งก็คือการยึดครองเกาะทองคำแล้ว...กระแสต่อต้านการทำสงครามจากเหล่าประชาชนพลเมืองชาวซีแบทเทิ่ลก็เริ่มจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ...สู้เลิกเสียในขณะที่เจ็บตัวน้อยที่สุดจะดีกว่า...

 

          ...ในขณะที่ภายในเซลโลลอร์...3 ราชสกุลที่เคยทำสงครามเย็นกัราชวงศ์นีโอ คอบร้ามานาน ก็ยุติข้อบาดหมางกันโดยสิ้นเชิงและหันมาจับมือกันอย่างแนบแน่นที่สุดเป็นครั้งแรกในรอบหลายร้อยปี...เพราะทั้ง 4 ราชสกุลดูเหมือนจะรับรู้แล้วว่า ไม่ใช่เวลาที่จะมัวมาทะเลาะกันเองอีกแล้ว...ทำให้เซลโลลอร์ในตอนนี้ มีแต่ความสงบสุข...ราวกับสวรรค์บนดินเลยทีเดียว...

 

          ...เรื่องเดียวที่ยังคาใจเขาอยู่ตลอดกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา ก็คือคดีการหายตัวไปอย่างลึกลับ ของเหล่านางกำนัลหน้าห้องบรรทมของมิลิริน...ถึงตอนนี้ขนาดราโชลีนก็ยังคงมืดแปดด้านอยู่เลย...แม้ว่าจะไม่มีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นอีก จนหลายๆ คนพากันลืมเลือนเรื่องนี้ไปหมดแล้ว ...แต่ราโชลีนก็ยังครุ่นคิดถึงเรื่องนี้มาโดยตลอด...เพราะเขามีลางสังหรณ์ว่า เรื่องนี้อาจจะมีอะไรๆ มากกว่าที่ทุกคนคาดคิดก็เป็นได้...

 

           ...และจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา...ลางสังหรณ์ของเขาไม่เคยผิดพลาดเลย...แม้แต่ครั้งเดียว...

 

              แต่แล้วความนึกคิดของเขาก็สะดุดหยุดลง เมื่อประตูบานใหญ่หน้าห้องถูกเปิดออก พร้อมกับที่หญิงสาวร่างเล็กคนหนึ่งเดินเข้ามา...หญิงสาวเพียงคนเดียวที่ราโชลีนให้ความเคารพยำเกรง...มกุฎราชกุมารีมิลิริน แห่งราชวงศ์นีโอ คอบร้า

 

           ...มิลิรินในวันนี้ ต่างจากเมื่อ 1 เดือนก่อนโดยสิ้นเชิง...ผมสีทรายที่เคยจัดทรงตกแต่งจนฟูฟ่อง บัดนี้กลับปล่อยตรงยาวจนเกือบกรอมข้อเท้า...ผิวที่เคยขาวอิ่มอมชมพู บัดนี้กลับขาวซีดราวกับซากศพ...ริมฝีปากที่เคยยิ้มแย้มช่างเจรจา บัดนี้กลับเม้มบางจนเกือบเป็นเส้นตรงอยู่ตลอด เธอยังคงสวมชุดไว้ทุกข์อยู่ ตั้งแต่วันที่ทราบข่าวการตายของเรย์ลาลีนจนกระทั่งถึงวันนี้...แต่ที่สะดุดตาที่สุด คือแถบผ้าสีดำสนิทที่ผูกปิดดวงตาสีเขียวมรกตของตัวเธอไว้...ทำให้เธอดูลึกลับต่างจากที่เคยเป็นราวกับเป็นคนละคน!...

 

            " ...คารวะมกุฎราชกุมารี... "  ราโชลีนและเซเรย์ลีนก้มลงคุกเข่าคารวะพร้อมกัน เมื่อมิลิรินเดินมาถึงตรงหน้า

 

            " ตามสบายค่ะ...พี่ราโชฯ...พี่เซฯ... "

 

              ราโชลีนและเซเรย์ลีนลุกขึ้นช้าๆ พร้อมกับที่เซเรย์ลีนถอดเสื้อขนสัตว์ตัวนอกออกคลุมให้มิลิรินที่สวมเพียงชุดบางๆ เพื่อปกป้องเธอจากสภาพอากาศที่เริ่มหนาวเหน็บจากการเปลี่ยนฤดู

 

            " รินฯ...มาทำอะไรที่นี่เนี่ย?...เธอไม่ควรจะมาเดินเตร็ดเตร่อยู่แถววังหน้านี้นะ... "  เซเรย์ลีนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วง...ช่วงหลังๆ นี้ มิลิรินผ่านอะไรมาเยอะเกินไป...เกินกว่าที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนึงจะรับไหว...

 

              มิลิรินยิ้มรับเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ         

 

            " พี่เซฯ...ขอหนูคุยกับพี่ราโชฯ เป็นการส่วนตัวซักครู่ จะได้ไหมคะ? "  นี่เป็นประโยคแรกในรอบหลายวัน ที่พวกเขาได้ยินจากปากผู้เป็นเสมือนน้องสาวคนเล็ก

 

              เซเรย์ลีนหันมามองราโชลีนเป็นเชิงโยนภาระหน้าที่การตัดสินใจให้ ซึ่งราโชลีนก็พยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงว่า เขาเอาอยู่ ไม่ต้องห่วง

 

            " งั้นพี่ออกไปรอข้างนอกนะ...มีอะไรก็เรียกได้เลย "  เซเรย์ลีนเอ่ยทิ้งท้ายอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะกระโดดผลุงออกทางหน้าต่างไป

 

            " เฮ้อ...มันจะออกไปแบบคนปกติเขาไม่ได้รึไงนะ? "  ราโชลีนเปรยพร้อมกับหัวเราะเบาๆ แต่กลับไม่สามารถเรียกรอยยิ้มจากผู้เป็นน้องสาวได้ เขาจึงทำได้แค่หัวเราะฝืดๆ อีก 2-3 ครั้ง ก่อนจะกระแอมเบาๆ พร้อมกับถามอย่างเป็นการเป็นงาน

 

            " มีอะไรจะพูดกับพี่งั้นเหรอ?...น้องสาวของพี่... "  

 

              แม้ว่ามิลิรินจะยังผูกแถบผ้าดำปิดบังดวงตาอยู่ แต่ราโชลีนกลับรู้สึกเหมือนโดนมองทะลุลงไปถึงก้นบึ้งของความคิดเขาเลยทีเดียว...มิลิรินเดินไปที่หน้าต่างก่อนจะแสร้งถอนหายใจเฮือก

 

            " 1 เดือนแล้วสินะคะ?...นับตั้งแต่ที่พี่เรย์ฯ ถูกแทงบัญชีจำหน่าย "

 

               ราโชลีนขมวดคิ้ว...เขาประหลาดใจที่ทำไมมิลิรินถึงใช้คำว่า แทงบัญชีจำหน่าย ซึ่งเป็นศัพท์ทางทหารที่แปลว่า ตาย หรือ หายสาปสูญ  แทนที่จะใช้คำว่าตายไปเลย...แต่ก็ยังคงใจดีสู้เสือ ตอบด้วยสีหน้าท่าทางซื่อๆ 

 

            " ใช่...1 เดือนกับอีก 8 วันแล้วล่ะ...เวลามันผ่านไปเร็วเหมือนกับติดปีกเลย...เนอะ? "

 

               มิลิรินหันกลับมาเหมือนจะเหลือบมอง ก่อนที่ใบหน้าจะฉาบด้วยรอยยิ้มบางๆ

 

             " ...น่าแปลกนะคะ... "

 

             " น่าแปลก? "

 

             " ก็พวกพี่ดูผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ...ตัวอย่างเช่น การสูญเสียพี่น้องที่เติบโตมาด้วยกัน  อย่างง่ายดายเสียเหลือเกิน... "

 

               ราโชลีนกระพริบตาปริบๆ...ตลอดเวลากว่า 1 เดือนที่ผ่านมา มิลิรินไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลย...เธอไม่พูดแม้กระทั่งชื่อของเรย์ลาลีนด้วยซ้ำ...เสียงบางเสียงในใจของเขาถามเขาเป็นเชิงเตือนว่า... ' เธอไปรู้เรื่องอะไรที่พวกเขาปิดบังมารึเปล่านะ? ' 

 

             ' ไม่น่าจะเป็นไปได้...คนที่รู้ว่าไอ้เรย์มันยังไม่ตาย...ถ้าไม่นับตัวเขากับเซเรย์ลีน ก็มีแต่เชรีน่า ผู้เป็นแม่บังเกิดเกล้าของมันเท่านั้น '  เสียงอีกเสียงในใจตอบกลับมา ทำให้ราโชลีนเลือกที่จะยังคงตีหน้าซื่อต่อไป

 

             " อดีต...มีไว้ให้ก้าวผ่านมัน...ไม่ใช่จมอยู่กับมันนี่...มิลิริน... "

 

             " ...งั้นก็ดูเหมือนพวกพี่ ก้าวผ่าน อดีตมาได้อย่างง่ายดายจนน่าผิดสังเกตเลยนะคะ ...หนูเคยลองคิดเล่นๆ นะ...ว่าจะเป็นไปได้ไหม?....ที่พวกพี่จะร่วมกัน ปิดบัง อะไรบางอย่าง... "  มิลิรินพูดขึ้นเรียบๆ แต่กลับมีจิตคุกคามประหลาดแผ่พุ่งมาจากมิลิริน พุ่งเข้าใส่ราโชลีนราวกับเข็มพิษเล็กๆ นับล้านเล่มพุ่งเข้าใส่...ทำเอาราโชลีนต้องถอยหลังกรูดอย่างไม่รู้ตัว เหงื่อกาฬแตกพลั่กทั้งๆ ที่อากาศออกจะหนาวเหน็บแท้ๆ ....มิลิรินเดินเข้าหาพร้อมกับถามขึ้นเรียบๆ อีกครั้ง

 

              " เอาล่ะค่ะ...พี่ราโชลีน...มันจะเป็นไปได้ไหม?...ที่พี่เรย์ลาลีน...พี่น้องของพี่...ยังไม่ตาย ! "  

 

              " พ...พี่... "  ก่อนที่ราโชลีนจะได้ทันพูดแก้ตัวอะไร มิลิรินก็ชิงพูดตัดอีกครั้ง พร้อมกับจิตคุกคามที่ดูเหมือนจะเพิ่มสูงขึ้น จนแก้วและเหยือกน้ำที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานถึงกับร้าวอย่างน่ากลัว!

 

              " คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะพูดอะไรออกมานะคะ...พี่ราโชฯ...เพราะมันอาจจะเป็นคำพูด สุดท้าย ในชีวิต...ของพี่ ก็เป็นได้ !... "  เธอเน้นย้ำคำพูดของเธอทีละคำ พร้อมกับเอื้อมมือไปที่หลังศรีษะ ปลดแถบผ้าดำที่ปิดตาเธอออก

 

              " ม...มิลิริน!...ต...ตาของเธอ?! "

 

                ดวงตาที่ควรจะเป็นเหมือนลูกแก้วสีเขียวมรกตของมิลิริน บัดนี้ถูกแทนที่ด้วยม่านตาสีแดงสดดังโลหิต...รูม่านตาขวางเรียวราวกับอสรพิษจากขุมนรก!  เส้นเลือดฝอยสีดำสนิทแผ่กระจายทั่วทั้งส่วนตาขาว และมีเส้นเลือดปูดโปนทั่วบริเวณรอบดวงตา!

 

             " เอ้า...แล้วคำตอบของพี่...คืออะไร...ล่ะคะ ?! "  เธอคาดคั้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบจนราโชลีนต้องขนลุกไปทั้งร่าง

 

               แต่ก่อนที่ราโชลีนจะได้ตอบคำถาม หรือไม่ก็โดนจิตคุกคามกดดันจนสลบคาที่ไป ...เสียงสวรรค์ของเซเรย์ลีนก็ดังขึ้นที่ที่ด้านหน้าประตูเบาๆ

 

             " มิลิริน...นี่พี่เซฯ นะ...ยังอยู่รึเปล่า? "

 

               จิตคุกคามที่มากพอจะกดดันคนธรรมดาให้ขาดใจตายได้ของมิลิริน หายวับไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น...เส้นเลือดที่ปูดโปนรอบดวงตาก็หายไปเช่นกัน เหลือไว้เพียงดวงตาสีแดงโลหิตที่คล้ายกับงูเท่านั้น  ก่อนที่เธอจะใช้ผ้าดำที่อยู่ในมือผูกปิดที่ดวงตาอีกครั้ง พร้อมกับเอ่ยขึ้นเบาๆ 

 

             " รินฯ อยู่ในนี้ค่ะ...พี่เซฯ...มีอะไรรึเปล่าคะ? "

 

             " อ้อ...ยังอยู่สินะ...ท่านพ่อฯ เรียกหารินฯ อยู่แน่ะ...ท่านให้พี่มาตาม เห็นว่าจะคุยเรื่องสำคัญด้วย "

 

               มิลิรินถอนหายใจเฮือก ก่อนจะตอบกลับไปอย่างเสียไม่ได้

 

             " เข้าใจแล้วค่ะ...รินฯ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ "  ก่อนที่เธอจะหันกลับมาหาราโชลีนที่กองคุกเข่าหอบหายใจอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่กับพื้น พร้อมกับพูดด้วยสีหน้าฉายรอยยิ้มบางๆ ราวกับหญิงสาวที่ใสซื่อบริสุทธ์

 

             " ขอตัวซักครู่นะคะ...พี่ราโชฯ...แล้วเดี๋ยวหนูจะกลับมา...ระหว่างนี้กรุณาเตรียมคำตอบที่ชัดเจนไว้ให้ด้วย...นะคะ?... "  

 

                หลังจากที่มิลิรินเดินออกไปจากห้องเพียงไม่ถึงนาที เซเรย์ลีนก็กระโดดผลุงเข้ามาจากทางหน้าต่าง...แต่ด้วยสีหน้าที่ซีเรียสสุดขีด

 

              " ยังไม่ตายใช่ไหม?...ราโชฯ... "

 

                ราโชลีนเหมือนกับพึ่งได้สติหลังจากที่เซเรย์ลีนเอ่ยปากพูด...เขาพยายามจะลุกขึ้น แต่ก็เข่าอ่อนจนลงไปกองอีกรอบ ยังดีที่เซเรย์ลีนเข้ามาช่วยประคองไว้ทัน

 

              " ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันว่ะ...เหมือนหัวใจฉันจะหยุดเต้นไปแป๊ปนึง "  ราโชลีนพูดพลางเอาน้ำในเหยือกสาดหน้าตัวเองโครมใหญ่เพื่อเรียกสติ

 

              " ยังคงคอนเซ็ปต์ ฮาสุดๆ ตอนสถานการณ์โคตรวิกฤตได้เหมือนเดิมเลยนะ...แกนี่ "  เซเรย์ลีนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวเบาๆ ก่อนจะถามต่อ

 

              " เมื่อกี๊...ของมิลิริน...ใช่ไหม? "

 

                ราโชลีนส่งเสียง อือ ! ในลำคอเป็นเชิงตอบรับพร้อมกับใช้ผ้าสีขาวเช็ดใบหน้าโดยแรง ในขณะที่เซเรย์ลีนสีหน้าเคร่งลงไปอีกอย่างชัดเจน

 

              " ถ้ามันไม่ใช่คำพูดที่ออกมาจากปากของนาย...ฉันคงจะหัวเราะงอหายไปแล้วนะเนี่ย ...จิตคุกคามเมื่อกี๊มันเข้มข้นมากกว่าเชรีน่าที่เกาะทองคำในคืนนั้นซะอีกนะ "  เขาพูดพร้อมกับโชว์ท่อนแขนที่ขนทุกเส้นลุกชูชันขึ้นให้ดู

 

                ราโชลีนนั่งนิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนที่อยู่ๆ เขาจะผลุดลุกพรวดไปที่โต๊ะทำงาน...เขาลงมือเขียนอะไรบางอย่างใส่กระดาษอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะพับมันใส่ซองจดหมายพร้อมกับติดครั่งประทับตราประจำตัวของเขา....ก่อนที่จะร่างเอกสารทางราชการอีกฉบับ เมื่อร่างเสร็จเขาก็ยื่นเอกสารราชการฉบับนั้นให้กับเซเรย์ลีน ซึ่งผู้เป็นน้องชายก็รับไว้อย่างงงๆ 

 

               " เซฯ...นี่คือเอกสารสั่งย้ายนายให้ไปประจำการที่เกาะทางทิศเหนือข้างๆ เกาะทองคำ ...ส่วนนี่...จดหมาย... "  ราโชลีนพูดรัวเร็วจนลิ้นแทบพันกัน

 

               " ม...หมายความว่าไงเนี่ย?...ราโชฯ... "

 

               " แกฟังฉันให้ดีนะ...เซฯ...นายต้องระวังตัวให้ดี...ถ้าเกิดได้ข่าวว่าฉันเกิดเป็นอะไรไปขึ้นมาล่ะก็...รีบหนีไปซะ !  ...ไปที่คริสตัลฟอร์ซ ตามหาเรย์ลาลีน...แล้วส่งจดหมายนี่ให้ถึงมือมัน... "

 

               " ร...ราโชฯ...นี่แกบ้าไปแล้วเรอะ?! "

 

               " สภาพการณ์ตอนนี้มันเกินการควบคุมของฉันไปแล้ว...เซฯ...แล้วเรย์ลาลีนก็อาจจะเป็นคนเดียว ที่จะแก้สถานการณ์อันเลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ได้...เดินทางเดี๋ยวนี้เลย!...ก่อนที่มิลิรินจะรู้ว่าแกโกหกเรื่องที่ท่านพ่อฯ เรียกหา "  

 

               " ร...รู้ได้ไงว่าตูโกหกฟะ?! "  เซเรย์ลีนอดอุทานถามขึ้นไม่ได้ แต่ราโชลีนไม่มีอารมณ์สนใจ...เขาไล่เซเรย์ลีนอีกครั้ง ก่อนที่จะล้มตัวนั่งลงที่เก้าอี้ทำงานของตัวเองพร้อมกับถอนหายใจเฮือกอย่างแรง

 

               " ขอให้ผิดทีเถอะ...คราวนี้ขอให้สังหรณ์ของฉันผิดทีเถอะ !! "

 

 

 

...................................................

      

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา