Chronicles Of Legend. ปฐมบทแห่งตำนาน

7.3

เขียนโดย LanzaDeLuZ

วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 19.07 น.

  67 chapter
  7 วิจารณ์
  65.27K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 19.20 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

17) ...สู่มาตุภูมิ...

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

================================================

 

            ....เสี้ยววินาทีที่สติสัมปชัญญะเริ่มกลับคืน  เรย์ลาลีนก็เผชิญกับความเจ็บปวดอย่างไม่เคยเจอมาก่อน ที่เสียดแทงมาจากทั่วร่างกาย ราวกับร่างกายกำลังกรีดร้องประท้วงที่เขาใช้มันอย่างไม่ทนุถนอมเอาเสียเลย....หลังจากก้าวผ่านความเจ็บปวดมาได้ สมองอันมึนชาของเขาก็พยายามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  แต่สิ่งสุดท้ายที่เขาจำได้คือตอนที่เขา ตัดสินใจยอมให้ ทรราชย์วายุทมิฬ  เข้าควบคุมร่าง 100 %  ก่อนที่สติสัมปชัญญะของเขาจะดับวูบไป....

 

               " ช่าย....ฉันรู้....การปล่อยให้สภาพ ร่างทรงฯ  เข้าควบคุมร่างกายโดยสมบูรณ์น่ะ มันดูงี่เง่าสุดๆ เลย.....แต่ก็นะ....ทุกคนย่อมต้องมีครั้งแรกเสมอ... "  เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นข้างๆ ตัวเขา ...ต่อให้ไม่อยากจะจดจำ  แต่เรย์ลาลีนก็จำได้ทันทีว่านี่เป็นเสียงของจอมเวทย์สาวปริศนาคนนั้น

 

               " เธอ !! "

 

               เรย์ลาลีนลุกพรวดขึ้นทันทีด้วยสัญชาติญาณระวังภัย  โชคไม่ดีที่ร่างกายของเขาในตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะเคลื่อนไหวร่างกายอย่างกะทันหันแบบนี้  ...ผลที่ได้คือ....

 

               แคว่กกกก !!!!!!!

 

               " อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก ! "

 

               " อืม....งั้น...นี่คงเป็นครั้งที่ 2 ที่นายทำอะไร ...งี่เง่าเต่าถุย ...ตั้งแต่เราเจอกัน "

 

               " ห...ให้ตายสิ ! ....เธอเป็นใครกันแน่เนี่ย !! " เรย์ลาลีนตะโกนถามอย่างหยุดความสงสัยไว้ไม่อยู่ แม้ว่าตัวเองจะยังคงลงไปนอนน้ำตาไหลเอามือกุมสีข้างบริเวณที่แผลพึ่งฉีกไปหยกๆ นี้เองอยู่ก็ตาม

 

               " นั่นสินะ.....พวกเราทั้งคู่ยังไม่ได้ทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการเลยนี่ " จอมเวทย์สาวพูดเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือก  ....ช่วงเวลานี้อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ยากที่สุดของเธอก็ได้

 

               เธอค่อยๆ ใช้มือเรียวยาวทั้งสองข้าง เลิกฮู้ดคลุมหัวขึ้นอย่างช้าๆ เผยให้เห็นดวงตาสีเทาเข้มเป็นประกาย และผมสีเทาหยักศกยาวที่ม้วนเกล้ามวยไว้อย่างประณีต  ซึ่งสีของดวงตาและเส้นผม เป็นสีเดียวกับดวงตา และ ผม ของเรย์ลาลีนไม่มีผืดเพี้ยน !! 

 

              " นามของฉัน....คือ เชรีน่า เมโอ คริสตัล ....ผู้เป็นเจ้าของสายเลือดกึ่งหนึ่งที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของนายไงล่ะ ! " 

 

             ...นี่เป็นคำแนะนำตัว ที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เรย์ลาลีนเคยได้ยินมา ...

 

 

.......................................................

 

 

               ...เซลโลลอร์....ห้องทำงานของราโชลีน  คอบร้า...

 

                 บนโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ ราโชลีนแทบจะจมหายไปในกองเอกสารที่สูงท่วมหัว คิ้วที่มักจะขมวดปมอยู่แล้วเป็นนิจ คราวนี้มันขมวดยุ่งจนแทบจะถูกมัดเป็นเงื่อนตายอยู่แล้ว   ในขณะที่มือซ้ายและดวงตากำลังกำลังตรวจดูเอกสารฉบับหนึ่ง ในมือขวาก็กำลังใช้ปากกาหมึกซึมเขียนอะไรบางอย่างลงบนเอกสารอีกฉบับหนึ่งอย่างเร่งรีบ  ดูราวกับเด็กนักเรียนกำลังปั่นงานในชั่วโมงสุดท้ายก่อนเส้นตายส่งงานไม่มีผิด

 

                 " นี่ก็ 8 วันแล้วใช่ไหม? ...ราโชฯ... " เซเรย์ลีนเอ่ยถามเบาๆ ขณะหอบเอากองเอกสารอีกตั้งใหญ่มาวางไว้บนโต๊ะเสริมที่ต่ออกมาจากโต๊ะหลักอีกที

 

                 " อือ.... 8 วัน......... แปลกตรงไหน?...ครั้งสุดท้ายที่มันใช้ไอ้เวทย์ ร่างทรง อะไรนั่น ก่อนที่จะถูกฉันสั่งห้าม....มันนอนซมในอาการโคม่าไปตั้ง 2 อาทิตย์ " ราโชลีนตอบโดยที่ไม่ละสายตาจากเอกสารที่อยู่ตรงหน้าเลยซักนิด

 

                 " ช่าย....หลังจากที่มันพ้นจากสภาพตายแหล่ไม่ตายแหล่เพียงแค่ 1 ชั่วโมง  นายก็จับมันยัดคุกทหารไปอีกตั้งเกือบเดือน ...งานนั้นทำเอามันไม่กล้าเฉียดเข้าใกล้อาณาเขตคุกทหารไปอีกเป็นปีเลยล่ะ " เซเรย์ลีนเอ่ยขำๆ ขณะเดินไปนั่งอยู่ที่ขอบหน้าต่าง

 

                  ช่วยไม่ได้ที่เขาไม่สามารถช่วยทำงานแบ่งเบาภาระเกี่ยวกับงานเอกสารให้ราโชลีนได้.....สำหรับเขาแล้ว งานเอกสารเป็นได้แค่ ยานอนหลับ ดีๆ ขนานนึงเท่านั้น... 

 

                 " นี่....ถ้านายเงียบ...ฉันว่าฉันคงจะสามารถเคลียร์งานเอกสารนี่ ให้เสร็จได้ก่อนกำหนด ซักวันสองวัน....เป็นอย่างน้อยนะ "

 

                 " ฉันดีใจนะ ที่นายสามารถก้าวผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ มาได้ ...แต่....การจมอยู่บนกองงาน  มันไม่ช่วยให้นายเข้มแข็งขึ้นมาได้หรอกนะ "

 

                 โดยที่เซเรย์ลีนจะสังเกตเห็นหรือไม่ก็ตาม มือข้างที่จับปากกาของราโชลีนสั่นขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาวางปากกาลงพร้อมกับใช้มืออีกข้างขยี้สันจมูกเบาๆ 

 

                 " ฉันควรจะทำยังไง ...เซฯ... ทุกครั้งที่ฉันหยุด ...ฉันก็จะเห็นแต่ภาพตัวฉัน ปล่อยเรย์ลาลีนไปสู่ตะแลงแกง " ราโชลีนลุกขึ้น เดินไปเอามือเท้าขอบหน้าต่าง  ดวงตาสีฟ้าของเขาฉายแววเหนื่อยล้าและอ่อนแออย่างชัดเจน

 

                 " อย่างแรกนะ คือ เรย์ฯ ไม่ได้ไปตาย.....ส่วนไอ้เรื่องที่นายควรทำฉันไม่รู้หรอกนะ ....แต่ไอ้เรื่องที่ไม่ควร ทำอย่างแรกเลยคือ นายไม่ควรอดตาหลับขับตานอนทำงานเป็นเวลาเกินกว่า 48 ชั่วโมงติดต่อกันแบบนี้ ....ฉันรู้ว่านายทำงานได้อย่างไร้ที่ติ  แต่ว่าก็ว่านะ  ราโชฯ ....ใช่ว่าทุกคนจะคุ้นกับการที่นายบ้างานจนเกินขีดแบบนี้....นายกำลังทำให้เหล่าเสนาธิการของเราเสียขวัญนะ"

 

                 " พวกเรากำลังเผชิญหน้ากับ พลังอำนาจอันไม่อาจหยั่งถึง ซึ่งมาจากตัวผู้หญิงเพียง คนเดียวนะ...ฉันว่าไม่ว่ามองจากมุมไหน...พวกเราควรจะ เสียขวัญ แบบเต็มๆ เลยว่ะ "

 

                 " เชรีน่าใช้คำสาบานแห่งสายเลือดผู้ใช้มนตรา สาบานกับพวกเราไปแล้วว่าเธอจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับราชอาณาจักรนี้อีก ....อันที่จริง เธอแทบไม่สนว่าพวกเราจะไป ตายหงส์ตายห่าน ที่ไหน  ด้วยซ้ำ "

 

                 " แต่พวกเราได้รับรู้แล้ว....ว่ามีพลังอำนาจที่มีพลานุภาพเกินกว่าที่พวกเรารู้จัก  และ เราในตอนนี้ ไม่สามารถต่อกรกับพลังอำนาจที่ว่านั่นได้โดยสิ้นเชิง ...ถ้าไม่นับเรื่องของเรย์ลาลีน ...เรื่องนี้จะเป็นเรื่องแรกที่ทำให้ฉันกังวลมากที่สุด...........ส่วนเรื่องที่ 2 คือการหายตัวไปอย่างลึกลับและไร้ร่องรอยของบรรดานางรับใช้หน้าห้องของมิลิรินในคืนที่เราไปที่เกาะทองคำ ........... ทำไมเวลาที่เรื่องยุ่งๆ เข้ามาทักทายนี่มันทำยังกะนัดกันไว้เลยนะ! "

 

                 เซเรย์ลีนหันไปมองโดยไม่รู้ว่าจะสงสารหรือฮาแตกใส่ดี

 

                 " รู้ไหม...ปัญหาเดียวของนายคือการที่นาย ยัด ทุกอย่างที่นายรู้ไว้ในหัวแข็งๆ นั่น ....ถามจริง แบกหัวแข็งๆ ไว้บนบ่าแบบนี้ไม่รู้สึกเมื่อยมั่งรึไงนะ "

 

                 " เซฯ....ฉันจริงจังนะ "

 

                 " นั้นแหละที่ฉันบ่นอยู่ ....นายจริงจังไปซะทุกเรื่อง...รู้ไหม...บางครั้งนายก็ควรจะหัดทำอะไรสั่วๆ และเชื่อในสัญชาติญาณตัวเองซะบ้าง "

 

                 " ทำไมถึงคิดว่าฉันไม่ทำอะไร สั่วๆ ล่ะ "

 

                 " เพราะนายเก่งเกินคน...ราโชฯ...นายไม่เคยตัดสินใจสิ่งใดผิด...... แต่นายจะเป็นผู้นำไม่ได้ถ้านายไม่ใช้สัญชาติญาณของตัวนายเองให้เป็นประโยชน์ "

 

                 " นายก็รู้ว่าฉันไม่ศรัทธาในสัญชาติญาณ  มันเสี่ยงเกินไป ....ราคาแพงเกินไป.... "

 

                 " เพราะงั้นนายถึงต้องมีฉันอยู่ไง...คนที่เชื่อในสัญชาติญาณเต็มพิกัดจนไม่สน เหตุ ผล ....นายไม่ใช่ตัวคนเดียวนะ ...ยังมีฉันอยู่ข้างๆ เสมอ.....ถ้าเหนื่อยนักก็พักก่อนเถอะ...ราโชฯ "

 

                 เซเรย์ลีนโอบคอราโชลีนไว้อย่างถือสนิท พวกเขารู้ดีว่าพวกเขาเป็นเหมือนกระจกเงาที่สะท้อนสิ่งที่กันและกันขาดหายไป ราโชลีนรู้ดีว่าถ้าหากเขาขาดเซเรย์ลีนไปซักคน เขาอาจจะสติหลุด หรือ เครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกตายไปแล้ว

 

                " ....เซฯ.... "

 

                " ก็ไม่อยากจะขัดจังหวะพลอดรักกันหรอกนะ....คือ...ถ้าเป็นตามปกติแล้ว ฉันคงจะรอให้นาย 2 คนจูบกันเสียให้รู้แล้วรู้รอด ......แต่ตอนนี้มันไม่ค่อยปกติเท่าไหร่  เพราะงั้น...เราต้องคุยกัน......ราโชฯ ...เซฯ ... "

 

                " เรย์ฯ !! "

 

                เมื่อทั้งสองหันหลังกลับมา ก็พบกับกระจกบานใหญ่ขนาดครึ่งตัวคน ที่มีกรอบเป็นสายลมที่ไหลวนจนมองเห็นเป็นกระแสได้ด้วยตาเปล่า สายลมพยุงตัวกระจกให้ลอยอยู่กลางอากาศ และที่น่าตื่นเต้นปนยินดีที่สุด คือภายในกระจกนั้นสะท้อนภาพของพี่น้องของพวกเขา .....สะท้อนภาพของ เรย์ลาลีน กลับมา

 

               " เรย์ฯ....ให้ตาย ! ...นายiรู้ไหมว่าการติดต่อมาอย่างกะทันหันของนายเกือบทำให้พวกเราเดือดร้อน !! " ราโชลีนบ่นเบาๆ ก่อนจะพยักเพยิดให้เซเรย์ลีนไปลงกลอนประตูด้านหน้า

 

               " ฉันก็คิดถึงนายเหมือนกัน  อ้อ...ฉันสบายดี ขอบคุณที่ถามนะ... " เรย์ลาลีนประชดเบาๆ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไร้แววล้อเล่นโดยสิ้นเชิง

 

               " ราโชฯ โทษทีนะ แต่เวลาในการเปิด กระจกเวทย์  มีจำกัด ฉันอยากจะเข้าเรื่องสำคัญก่อน ...เพราะฉะนั้น ...มีเรื่องอะไรที่ฉันควรรู้  แต่ยังไม่รู้มั่งไหม ? 

 

                ราโชลีนขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเฮือกและเดินไปลากเก้าอี้มา ตรงหน้ากระจกเวทย์ เพราะรู้ดีว่าเรื่องที่เขาจะต้องเล่าไม่ใช่เรื่องสั้นๆ แน่  เมื่อนั่งลงได้ที่เขาก็เริ่มเล่าทุกอย่างตั้งแต่โปรเจ็ค NS 7  ...ความสัมพันธ์ระหว่างเรย์ลาลีน กับ เชรีน่า  ...จนไปถึงข้อตกลงระหว่างเชรีน่า กับ พวกเขา  ซึ่งตลอดเวลาที่ราโชลีนเล่า แม้ว่าเรย์ลาลีนจะขมวดคิ้วหน่อยๆ แต่สีหน้าเขาก็แทบจะไม่เปลี่ยนแปลง  อันแสดงให้เห็นว่าเขารู้เรื่องราวอยู่ก่อนเป็นนัยๆ แล้ว

 

                " แล้วนายจะเอาไงต่อ ?....เรย์ฯ "

 

                " เอาไง ? " เรย์ลาลีนทวนคำถามอย่างไม่เข้าใจ ราวกับว่าเขายังตกอยู่ในภวังค์อยู่

 

                " ฟังอยู่หรือเปล่าเนี่ย ?.... ฉันพูดว่านายคงจะกลับมาที่นี่ใช่ไหม? " ราโชลีนถามอย่างตั้งความหวัง เพราะเชรีน่าบอกว่า เธอจะให้โอกาสเรย์ลาลีนเลือกได้ ว่าจะกลับมาที่เซลโลลอร์ หรือไม่

 

                 " อ้อ...นั่นสินะ ...ฉันคงจะกลับไปที่นั่นไหม ....งั้นเหรอ ... "

 

               ...เรย์ลาลีนรำพึงราวกับพูดกับตัวเอง  ....เมื่อสบตาสีเทาเข้มของเขา ราโชลีน กับ เซเรย์ลีน รู้ดีว่า เรย์ลาลีน อาจจะมีคำตอบอยู่ในใจแล้วก็เป็นได้   แต่ที่พวกเขายังไม่รู้ คือคำตอบของ เรย์ลาลีน จะโอนเอียงไปอยู่ในทิศทางใด ...

 

 

...........................................................

 

       

 

             

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา