Chronicles Of Legend. ปฐมบทแห่งตำนาน
7.3
เขียนโดย LanzaDeLuZ
วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 19.07 น.
67 chapter
7 วิจารณ์
64.16K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 19.20 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) ...บาปที่กษัตริย์ชราแบกรับ...(3)...(ตรวจความถูกต้อ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ================================================
" เซฯ ! ....ลุกขึ้นได้แล้ว นั่งเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ได้ !! เราต้องไปกันเดี๋ยวนี้ !! " ราโชลีนตะโกนสั่งทันที่เมื่อเห็นว่าเซเรย์ลีนยังคงนั่งหน้ามึนอยู่ที่เดิม
" ห...หา?...ไป? ....ไปไหน?! "
" ตื่นรึยังเนี่ย?....ไม่ได้ฟังเลยรึไงกัน ....เราต้องไปช่วยเรย์ลาลีนกันเดี๋ยวนี้ !! "
" ด...เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆ...ฉันว่ามันก็ไม่น่าจะมีสถานการณ์ร้ายแรงอะไรนี่หว่า...จากที่ฟังๆ มาเนี่ยก็แค่ แม่ ของไอ้เรย์ฯ มาเยี่ยมมันเท่านั้นไม่ใช่หรอ?? "
" แม่ เตี่ย แกสิ !! ...เอ่อ ขออภัยครับท่านพ่อบุญธรรม ....แม่ บ้าน แกสิ ! ...แกลืมไปแล้วรึไง ว่าพวกเราเป็นเด็กที่มาจากการตัดต่อพันธุกรรมนะ ! ...ยัย เชรีน่า อะไรนั่นไม่ได้เบ่งเรย์ลาลีนออกมาเองซะหน่อย .... ลองคิดตามง่ายๆ นะ ถ้าหากวันนึง แกรู้ว่ามีคนเอาพันธุกรรมของแกไปตัดต่อจนได้เป็นเด็กหลอดแก้วขึ้นมาโดยที่แกไม่ยินยอม...แกจะ เอ็นจอย กับเด็กหลอดแก้วที่มีพันธุกรรมครึ่งนึงของแกไหม? "
" โหย....เอ็นจอย ? ศัพท์นี้ แก๊ แก่ .....จ๊ากกก !!! " เซเรย์ลีนกระโดดหลบเก้าอี้ไม้ที่ราโชลีนยกขึ้นทุ่มใส่ข้อหาปากเสียได้อย่างหวุดหวิด
" ทำไมแกถึงชอบทำให้ฉันต้องใช้กำลังอยู่เรื่อย ไปได้แล้วเฟ้ย ! ....มีอะไรสงสัยอีกไหม?! "
" มีอยู่เรื่องนึงว่ะ ....ไอ้คำว่า พันธุกรรม มันแปลว่าอะไรฟะ?? "
คำถามนี้ทำเอาราโชลีนถึงกับทรุดลงไปกองกับพื้นอย่างสิ้นหวัง
" น...นี่ฉัน สีซอให้ควายฟัง มาตั้งแต่ต้นแล้วเหรอเนี่ย? "
....กษัตริย์ชรานั่งอึ้งอย่างไม่เข้าใจ.....เขาไม่กล้า และ กลัวที่จะบอกความจริงกับ ลูกบุญธรรม 3 พี่น้องมาโดยตลอด เพราะกลัวว่าพวกเขาจะเสียใจ และ โกรธที่รู้ความจริงว่าตัวเองเป็นแค่ เคริ่องมือ ของราชวงศ์ นีโอ คอบร้า เท่านั้น......แต่พอสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องบอกความจริงไปทั้งหมด ปฎิกริยาของทั้งราโชลีน และ เซเรย์ลีน กลับแตกต่างจากที่เขาคิดไว้อย่างสิ้นเชิง จนเขาอดรนทนไม่ได้ ต้องร้องถามขึ้น....
" น..นี่...พวกเธอ...พวกเธอไม่โกรธพ่อหรอกเหรอ ? "
ราโชลีนกับเซเรย์ลีนหยุดกึก พร้อมกับหันมามองผู้เป็นพ่อบุญธรรมอีกครั้ง
" ....ผมจะโกรธท่านพ่อบุญธรรมทำไมล่ะครับ? ...ถ้าหากผมเป็นแค่ ไม้ตาย ของราชวงศ์ นีโอ คอบร้า ในการ ล้อบบี้ อีก 3 ราชสกุลให้เซ็นสัญญาสงบศึกจริง.....พวกผมก็ควรจะถูกดองไว้ในหลอดแก้ว หรือไม่ก็ถูกทำลายทิ้งไปแล้ว ตามตำรา เสร็จศึกฆ่าขุนพล .....แต่ข้อเท็จจริงคือ พวกผมยังอยู่มาถึงทุกวันนี้...แถมยังอยู่อย่างมีหน้ามีตาเสียด้วย ...นั่นพิสูจน์ได้ว่าท่านพ่อบุญธรรม...ไม่ได้มองผมเป็นแค่ Prototype 1 ที่เป็นเครื่องมือของราชวงศ์ .....แต่เป็น ราโชลีน คอบร้า ... ลูกชายบุญธรรมของท่านพ่อไม่ใช่เหรอครับ .......ท่านพ่อฯ ได้มอบ วิญญาณ และ ความรัก ให้กับผมถึงขนาดนี้ ผมจะโกรธท่านพ่อบุญธรรมลงได้ยังไงล่ะครับ... "
ราโชลีนตอบยิ้มๆ ในขณะที่เซเรย์ลีนหัวเราะลั่น
" โอ๊ย ! ท่านพ่อบุญธรรม...ไอ้เรื่องชาติกำเนิดที่เป็นอดีตน่ะ ผมไม่ได้สนใจมาตั้งแต่แรกแล้ว......ในปัจจุบัน ผมได้ฟัง ราโชลีนบ่นเป็นคนแก่ ...ได้ประลองยุทธ์กับเรย์ลาลีน ...ได้ฟังเสียงไวโอลินของมิลิริน ......และได้ทานข้าวร่วมกันเป็นครอบครัวแบบนี้ผมก็มีความสุขจนแทบจะบินได้อยู่แล้ว ...ไอ้เรื่องที่ผมจะเป็นเด็กกำพร้า หรือ เด็กหลอดแก้วน่ะ ช่างมันเถอะ .....เรื่องอะไรผมจะต้องคิดมากกับเรื่องในอดีตจนทำให้ตัวผมในอนาคตไม่มีความสุขด้วยล่ะ... "
" แล้วตะกี๊ แมว ที่ไหนมันตกใจตาโตเท่าไข่ห่านตอนที่ท่านพ่อบุญธรรมบอกความจริงฟะ " ราโชลีนยังไม่วายกัดเบาๆ
" ถึงจะไม่แคร์แต่ฉันก็มีความรู้สึกนะเฟ้ย !! ใครมันจะอารมณ์ตายด้าน ที่ขนาดต่อให้โลกแตกต่อหน้าต่อตายังนั่งเล่นหมากรุกได้หน้าตาเฉยแบบแกกันล่ะ.... ปัดธ่อ! " เซเรย์ลีนบ่นอุบอิบ....ก็ตอนนั้นมันตกใจจริงๆ นี่หว่า
" พ...พ...พวกเธอ... " กษัตริย์ชราตะกุกตะกักอย่างตื้นตันพร้อมน้ำตาที่คลอเบ้า เขาโอบกอดลูกชายบุญธรรมทั้ง 2 คนไว้ ราวกับเป็นสมบัติอันล้ำค่า
" ม...ไม่เอาน่า...พ่อ...พวกเราโตๆ กันแล้วนะ...อ...เอ่อ...เซฯ รีบมากับฉันได้แล้ว! ตอนนี้เราต้องรีบไปช่วย เรย์ลาลีน ...เร็ว! " ราโชลีนพูดอย่างเคอะเขิน ก่อนจะหันมาแกล้งสั่งเซเรย์ลีนแก้เขิน
" ฮั่นแน่ ...ซึนแตกไปซะแล้ว ...ราโชฯ ตัวน้อยๆ ของ เฮีย "
" งั้นไม่ต้องปงต้องไปมันล่ะ เกาะทองคำ ......รอเก็บกระดูกไอ้เรย์ฯ พรุ่งนี้เช้าทีเดียวเลย ดีไหม ?! "
" อ...เอ่อ.... แบบนี้ก็ ซึน เกินไป....ช่วย เดเระ เบรกเกมเสิร์ฟมั่งก็ดีนะ "
" จะตลกกันอีกนานไหม ?! รีบไปช่วยเรย์ลาลีนซะทีเซ่ !! " ราชาคาริออสเผลอขึ้นเสียงอย่างเหลืออด ....ถ้าปล่อยให้เถียงกันไปแบบนี้มีหวังได้รอเก็บกระดูกเรย์ลาลีนอย่างที่ราโชลีนว่าจริงๆ
........................................................
....ณ...เกาะทองคำ....
แม้ว่าจะได้ยินที่จอมเวทย์สาวคนนั้นพูดหรือไม่ก็ตาม...สภาพของเรย์ลาลีนในตอนนี้ก็อยู่ในสภาพ ปางตาย อย่างที่หล่อนว่าจริงๆ...พริบตาเดียวที่เขาเห็นจิ้งจอกเพลิงสีน้ำเงิน เขาก็รีบกาง คันฉ่องเทพวายุ อันเป็นเวทย์สุดยอดแห่งการป้องกันทันที แต่อำนาจการทำลายล้างของ เพลิงจิ้งจอก ในระยะประชิดรุนแรงเกินกว่าที่เรย์ลาลีนคิด ...แรงระเบิดทำเอาป่าทั้งป่าหายไปในพริบตาซึ่งถ้าไม่ได้คันฉ่องเทพวายุและเกราะเวทย์ประจำตัวปกป้องเขาไว้ มีหวังเขาได้หายไปตามป่าแน่ๆ
" ปัดโธ่เอ้ยยย ! คิตสึเนะ!! บอกว่าเอาแค่ปางตาย ....นี่เล่นระเบิดซะเละเทะแบบนี้ ถ้าเกิดอีกฝั่งกาง คันฉ่องเทพวายุ ไม่ทันก็แย่น่ะสิ !! " จอมเวทย์สาวตะโกนต่อว่าเศษเพลิงสีน้ำเงินที่กำลังไหลมารวมตัวกลายเป็น คิตสึเนะ อีกครั้ง เมื่อคิตสึเนะรวมตัวกันเสร็จก็คอตกอย่างหงอยๆ เพราะโดนด่า
เสียดายที่่เรย์ลาลีนไม่มีอารมณ์ขำด้วยแน่ คันฉ่องเทพวายุไม่สามารถกันแรงระเบิดได้ทั้งหมดทำให้เขามีบาดแผลไฟลวกตามร่างกายหลายแห่ง แถมผ้าคลุมเวทย์ยังลุกติดไฟอีกจนลำบากเขาต้องกลิ้งไปบนพื้นเพื่อดับไฟ
' อุวะ!.....ใช้เวทย์อัญเชิญได้ด้วยเหรอ.....เป็นไปได้ไงเนี่ย? '
เรย์ลาลีนคิดอย่างตื่นตระหนก ปกติจอมเวทย์สายธาตุจะไม่มีความสามารถด้านการอัญเชิญเลยแต่จอมเวทย์สาวที่อยู่ตรงหน้านี่กลับแหกกฎที่ว่าได้อย่างหน้าตาเฉย....แต่เมื่อเรย์ลาลีนเหลือบไปเห็นแหวนสีดำปลอดเป็นประกายเขาก็ร้อง อ๋อ! ทันทีอย่างเข้าใจทุกๆ อย่าง
" ใช้เวทย์อัญมณีเพื่อเสริมความสามารถงั้นสินะ...ขี้โกงนี่!! "
" บู่ๆ ...แหวนนี่ไม่ใช่แค่เสริมพลังเวทย์อัญเชิญอย่างเดียวหรอกนะ แต่สามารถสต็อค สัตว์อสูรไว้ในแหวนได้อีกเป็นกุรุส เจ๋งใช่ไหม๊ล่า !....ถึงจะอ้อนวอนขอก็ไม่ให้ยืมหร้อก! " จอมเวทย์สาวโบกแหวนเวทย์สีดำไปมาราวกับเด็กอวดของเล่น
' แบบนี้ก็ชิ่งหลบไม่ได้สิเนี่ย....ไอ้หมาบ้านั่นมันคงจำกลิ่นเราได้แล้วแน่ๆ ...แย่แฮะ ' เรย์ลาลีนเหลือบไปมองจิ้งจอกไฟที่แยกเขี้ยวขู่อยู่ข้างหลังจอมเวทย์สาวก่อนจะถอนหายใจเฮือกอย่างไม่มีทางเลือก
" อะไรๆ จะยอมแพ้แล้วหรอ? "
" คือ....อันที่จริง....จะมาบอกให้เธอยอมแพ้ต่างหากล่ะ "
จอมเวทย์สาวปิดปากหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดต่อ
" งั้นนายก็ควรมีไม้ตายที่น่ากลัวมากกว่าการวิ่งไปแอบในป่านะ "
" อยากได้จัดให้ ! "
อยู่ๆ ก็เกิดสายลมหวนพัดเป็นวงม้วนเขาหาตัวของเรย์ลาลีนอย่างรุนแรง แหวนนำเวทย์สีเงินที่อยู่ที่นิ้วชี้ด้านซ้ายจะสว่างวาบจนแสบตา ใบหน้าที่หล่อเหลาบัดนี้กลับบูดเบี้ยวอย่างเจ็บปวด แต่ถึงกระนั้นปากของเขาก็ยังพึมพำร่ายเวทย์ไม่หยุด
" ...........ในนามของผู้เปิดประตูแห่ง ห้วงคำนึงสายลม ....ข้าฯ ขอเปิดประตูต้องห้ามแห่งบรรพกาลที่ถูกปิดตาย...จงออกมาตามคำวิงวอนแห่งข้า ฯ ......ราชันย์ลมดำ วินเชสเตอร์ !!! "
ปรากฎสายลมสีดำทมิฬ พัดควบแน่นเป็นทรงกลมจนกลายเป็นเหมือนพายุสีดำลูกเล็กๆ บนฝ่ามือ ก่อนที่จอมเวทย์สาวจะได้ทำอะไร อยู่ๆ เรย์ลาลีนก็ยัดลูกพายุสีดำนั่นเข้าไปกลางทรวงอกของเขาทันที
" .....ร่างทรง ทรราชย์วายุทมิฬ !! " จอมเวทย์สาวกระซิบเสียงเครียดเบาๆ รอยยิ้มสลายไปจากใบหน้าเป็นครั้งแรก...ในขณะที่ คิตสึเนะ แยกเขี้ยวครางขู่ยิ่งขึ้นไปอีกแม้จะตัวสั่นด้วยความเกรงกลัวก็ตาม
...เวทย์ที่เรย์ลาลีนใช้คือการอัญเชิญ ราชันย์ประจำธาตุสายลมด้านมืดออกมา ซึ่งเป็นเวทย์ต้องห้ามความยากระดับ 10 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ....โดยปกติจอมเวทย์ชั้นสูงจะใช้เวทย์บทนี้ในการเสริมพลังให้กับอาวุธประจำกาย ....แต่เรย์ลาลีนกลับดูดกลืน ราชันย์ลมดำ เข้าไปในร่างกายโดยตรง ซึ่งไม่ต่างจากการเสริมพลังกายด้วยสารกระตุ้น ซึ่งเป็นเวทย์ที่เสริมพลังกายจนถึงขีดสุดในช่วงสั้นๆ แต่จะต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างมหาศาล ....ถ้าเสร็จงานนี้มีหวังต้องนอนซมอีกเป็นอาทิตย์แน่ๆ...
" ...เอาล่ะ ....มาเริ่มยก 2กัน !!... "
............................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.6 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ